CurseSchool คำสาปโรงเรียนผี
เขียนโดย WinnerShadow
วันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 13.48 น.
แก้ไขเมื่อ 16 เมษายน พ.ศ. 2556 14.05 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) เรื่องราวในอดีต
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
Chapter 6
Story in the past.
“เฮ้ย! ฮินาตะ นายว่างเปล่าว่ะ!”
“คือ..ผม...”
เด็กชายกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาหาชายผมเงินยาวรวบเรียบร้อยที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะหลังห้อง และตอนนี้เด็กชายมีสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด แต่คนที่เข้ามาทักนั้นกลับยิ้มอย่างสนุกสนานและฝบหน้านั้นช่างน่ารังเกียจซะเหลือเกิน
“นายช่วยไปห้องน้ำกับฉันได้มั้ย?”
เด็กหนุ่มสะดุ้งนิดหน่อยเหมือนกำลังตกใจที่ชายคนนี้มาชวนไปห้องน้ำด้วยจุดประสงค์ร้าย แต่คนที่อยู่รอบข้างอย่างเพื่อนร่วมห้องยังมองมาทางเด็กหนุ่มด้วยสีหน้าเย็นชาเหมือนไม่คิดจะเข้ามาช่วยเลยแม้แต่นิดเดียว
ผ่านไปไม่นานเด็กหนุ่มก็โดนคนพวกนี้ลากไปที่ห้องน้ำชายซึ่งเป็นห้องน้ำที่ไม่ค่อยได้ใช้สักเท่าไรนัก แต่เด็กหนุ่มก็ตกใจเมื่อเห็นป้ายที่อยู่หน้าห้องเมื่อมีป้ายเขียนว่ากำลังทำความสะอาดและเขาก็รู้ทันทีเลยว่า ตัวเขากำลังจะโดนคนพวกนี้ทำร้ายแน่ๆ ก่อนจะโดนคนพวกนั้นเตะเข้าที่ท้องอย่างแรงจนลงไปคุกเข่าด้วยกับจุก
“ฮึก..อึก...”
“เป็นไรว่ะ แค่นี้ก็เจ็บแล้วเหรอ?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า”
พวกนั้นหัวเราะอย่างสนุกเมื่อเด็กหนุ่มโดนเตะเข้าที่ต้นคอจนเกือบลงไปนอน หัวกระแทกเข้าที่ประตูห้องน้ำอย่างแรง
ตุบ! ตุบ! โครม!!
เสียงเหล่านี้ดังขึ้นก่อนพวกนั้นจะเดินออกมาพร้อมเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานอีกครั้ง ภายในห้องน้ำชายตอนนี้ มีเพียงแค่เด็กหนุ่มที่นอนกับพื้นและรอยเตะชกที่หน้าและท้อง แถมยังมีพวกถังน้ำที่แห้งอยู่สองสามถึงเกลือนอยู่ข้างๆ เหมือนโดนขว่างใส่
วิญญาณดวงหนึ่งปรากฏออกมาซึ่งมีใบหน้าคล้ายกับเด็กหนุ่มที่ชื่อฮินาตะคนนี้ วิญญาณทำหน้าเศร้าอย่างรู้สึกผิดที่ไม่สามารถเข้าไปยุ่งได้ ก่อนจะเอ่ยปากถามคนที่ลุกขึ้นด้วยสีหน้าที่แย่มากๆ
“ฮินาตะ เจ็บรึเปล่า?”
“....”
“ขอโทษนะ ที่ฉันช่วยอะไรไม่ได้เลย”
“อืม ช่างเถอะ ยังไงมันก็ไม่มีทางจบลงง่ายๆ หรอก”
ฮินาตะเดินออกไปจากห้องน้ำด้วยท่าทางที่เดินไม่ไหวแน่นอน วิญญาณหน้าเหมือนฮินาตะเหมือนจะเข้าไปช่วย แต่เพราะเขาเป็นแค่วิญญาณยังไงก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่แล้ว แต่ถ้าเขาใช้พลังที่มีอยู่ละก็ มีหวังได้เกิดเรื่องใหญ่แน่ๆ
ฮินาตะที่เดินห่างจากห้องน้ำได้ไม่นาน ก็ล้มลงตรงบันไดที่กำลังจะขึ้นห้องเรียน เขาก้มหน้าลงเพราะรู้สึกสมเพชตัวเองที่ตอบโต้คนพวกนั้นไม่ได้เลยแม้แต่น้อย แถมยังสภาพแบบนี้อีก ไม่นานเสียงของผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเป็นหัวหน้าห้องเรียนของเขานั้นเอง
“ฮินาตะคุง! เป็นอะไรไปน่ะ?”
“เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร”
ฮินาตะลุกขึ้นพยุงตัวอีกครั้ง แต่ก็จะล้มลงเพราะรู้สึกจุกที่ท้องกับการที่โดนเตะและต่อยบริเวณนี้หลายต่อหลายครั้ง จนแค่ยืนก็จะไม่ไหว
“ไม่เป็นไรที่ไหน เจ็บอยู่ไม่ใช่เหรอ? คนพวกนั้นอีกแล้วสินะ”
“ผมไม่เป็นไรหรอก”
“โอ้ย! ยังไงเดี๋ยวผมพาไปห้องพยาบาลดีกว่า” เขาว่าพลางพยุงตัวฮินาตะที่ทำหน้างงและให้เดินตามไปที่ห้องพยาบาลอย่างจริงจัง
และหลังจากนั้น พวกเขาทั้งสองก็เป็นเพื่อนกันเพราะความใจดีของหัวหน้าห้องชื่อ ทาเดกะ โมริ แต่ตัวฮินาตะเองก็ยังคงโดนแกล้งจากเพื่อนภายในห้อง หากแต่โมริก็เข้ามาช่วยและห้ามไว้อย่างวุดวิดจนไม่มีการแกล้งกันอีกเลย
อยู่มาวันหนึ่ง ซึ่งฮินาตะโดนเรียกให้ไปที่ดาดฟ้าของตึกเรียนโดยหัวหน้าห้องโมริ เขาไปตามที่ถูกเรียกอย่างไม่สงสัย
เมื่อถึงดาดฟ้าก็ได้เจอกับโมริก็จริง แต่คนที่อยู่ด้วยอีก 5 คนนี่สิ มันทำให้ฮินาตะตกใจจนตัวสั่นเพราะความกลัว แต่แทนที่โมริจะเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง เขากลับหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งเหมือนกำลังชนะอะไรสักอย่าง คนสองคนในนั้นวิ่งเข้ามาจับแขนของฮินาตะเพื่อไม่ให้หนี
“โมริคุง ทำไม..ถึง?”
“ฮ่าฮ่า นายคิดว่าฉันจะช่วยนายงั้นเหรอ? หึ มันแค่แผนที่พวกเราทั้งห้องตกลงกันไว้ว่าจะหลอกนายเพื่อให้นายไว้ใจหัวหน้าห้องผู้แสนดีคนนี้ไงล่ะ”
“หมายความ..ว่าไง...?” ฮินาตะเริ่มหน้าซีดกับสิ่งที่โมริพูด
“ก็เพราะจะทำให้นายตายใจ และค่อยทำให้นายทรมาณไงล่ะ แต่พวกเราก็มีข้อแม้อ่านะ”
“ขะ..ข้อแม้...”
“ใช่ ถ้านายกลืนเข็มเข้าไปได้พันเล่มเพื่อเป็นคำสัญญาว่านายจะทำตามที่ฉันสั่งทุกอย่างเพื่อแรกกับการที่พวกเราจะไม่ทำร้ายนายอีกยังไงล่ะ หึหึ” โมริพูดด้วยสีหน้าประสงค์ร้าย จนเพื่อนๆ ที่เป็นกลุ่มเดียวกันทำร้ายฮินาตะก็หัวเราะกันอย่างสนุกสนานกัน
และคนพวกนั้นก็ปล่อยเดินออกไปด้วยสีหน้าโหดร้ายและดูจะสนุกกับฮินาตะ แต่ก่อนจะลงไปพวกนั้นได้ทิ่งเข็มใส่กล่องไว้ให้ถึง 3 กล่อง ตัวฮินาตะที่ยังสั่นอยู่นั้นก็เริ่มร้องไห้ออกมาเพราะทนกับเรื่องเหล่านี้ไม่ได้อีกแล้ว ตัวเขานั้นทนกับเรื่องพวกนี้มานานถึง 2 ปี และนั้นก็ทำให้ขีดจำกัดจิตใจของเขาเริ่มจะถึงขีดจำกัด
ฮินาตะลุกขึ้นและเดินไปที่ขอบดาดฟ้านั้นด้วยดวงตาว่างเปล่าเหมือนเพราะแรงสะเทือนใจกับเรื่องที่ผ่านมา รอบตัวมีลมพัดเย็นสบาย และเสียงหัวเราะของกลุ่มคนวิ่งเล่นและเรียนกันอยู่ที่กลางสนามด้านล่าง แต่หัวใจของเด็กหนุ่มกลับว่างเปล่า เพราะแรงกดดันและการโดนกลั่นแกล้งอย่างแสนสาหัส
“นี่นาย! คิดจะทำอะไรน่ะ” วิญญาณที่หน้าเหมือนเขารอยออกมาตรงหน้าเหมือนจะห้าม แต่ด้วยความทีเขาเป็นเพียงวิญญาณจึงไม่สามารถที่จะจับต้องเขาได้อย่างเต็มที่หรือยื้อไว้ได้
“พอสักทีได้มั้ย? อีกแค่นิดเดียวนายก็จะจบออกไปได้แล้วนะ ใจเย็นหน่อยสิ”
“...ฉันทนไม่ได้อีกแล้ว...”
ร่างของเด็กหนุ่มร่วงลงไปด้วยความตั้งใจ วิญญาณหน้าเหมือนเขา รีบพุ่งตามลงไปอย่างรวดเร็วเพราะคิดจะช่วย แต่เขาไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย เมื่อเด็กหนุ่มตกลงสู่พื้น ท่ามกลางความตกใจของคนที่อยู่รอบข้างและผู้เห็นเหตุการณ์ หัวของเด็กหนุ่มกระแทกอย่างแรงจนเลือดไหลออกมานองที่พื้น สติที่เลือนรางกับชีวิตที่กำลังจะดับสูญ...
ก่อนจะเห็นวิญญาณของคนที่ตกลงมายืนอยู่กับวิญญาณหน้าเหมือนตนด้วยใบหน้าเศร้า แต่ก็ตกใจเมื่อวิญญาณหน้าเหมือนตนนั้นหันมาทางเขาและเดินสวนไปพร้อมพูด้วยเสียงที่เย็นชาอย่างที่ไม่เคยเป็นตั้งแต่ที่อยู่ด้วยกันมา
“นายมันแค่ร่างของฉันเท่านั้น รู้ไว้ซะ!!!”
.
.
“อ๊ากกก!” เสียงของฮินาตะที่ร้องขึ้นบนเตียงภายในห้องพักผู้ป่วยที่โรงพยาบาลอย่างทรมาณ พร้อมกับสีหน้าตกใจของคลาวน์และยูยะที่มานั่งเฝ้าเพื่อนของตน
“ฮินาตะ!! เป็นอะไร!? ฮินาตะ!”
“อ้ากกก”
ถึงคลาวน์จะเรียกขนาดไหนก็ไม่สามารถทำให้ฮินาตะที่กำลังบ้าคลั่งในตอนนี้หยุดลงได้ คลาวน์พยายามจับตัวของฮินาตะที่กำลังดิ้นไปมา จนยูยะวิ่งออกไปเพื่อไปเรียกหมอและพยาบาล ไม่นานทั้งหมอและพยาบาลก็เข้ามาภายในห้อง เพื่อช่วยให้ฮินาตะหยุดร้องโดยการฉีดยานอนหลับฤทธิ์แรงเข้าไป ก่อนจะสงบลงและหลับไปเพราะฤทธิ์ยา
“เอาล่ะ ตอนนี้เขาก็หลับไปแล้วนะครับ ถ้ามีอะไรก็เรียกผมได้นะครับ” หมอและพยาบาลโค้งให้ทั้งคู่ก่อนจะเดินออกไปกันหมด ก่อนคลาวน์และยูยะจะถอนหายใจออกมาพร้อมกัน
“ไหนนายบอกว่าไม่ควรถอนหายใจไง” คลาวน์พูดด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ
“ขอร้องล่ะ ยกให้สถานการณ์นี้เถอะ”
พวกเขาทั้งสองหันไปมองร่างของฮินาตะที่หลับไป และนั้นก็ทำให้พวกเขารู้สึกสงสัยว่าตอนนั้นฮินาตะเป็นอะไรไป ทำไมถึงได้ร้องออกมาอย่างทรมาณแบบนั้น และยูยะก็เดินไปที่ประตู
“นายจะไปไหนน่ะ”
“โทษทีนะ ขอตัวไปคุยโทรศัพท์แปปนึง” ยูยะยกมือขึ้นแล้วเดินออกไป
ไม่นานครอบครัวของฮินาตะก็มาเยี่ยมและคุยกับคลาวน์นิดหน่อยว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นบาง คลาวน์บอกได้เพียงแค่ ฮินาตะที่ร้องออกมาอย่างทรมาณและเหมือนกำลังช๊อคกับอะไรสักอย่างจนไม่ทราบสาเหตุ และนั้นก็ทำให้ครอบครัว พ่อแม่และยายของเขาหน้าถอดสีกันไปตามๆ กัน จนคลาวน์อดสงสัยไม่ได้ เลยถามออกไปด้วยสีหน้าจริงจัง
“ไม่ทราบว่า เมื่อก่อนฮินาตะเป็นอะไรเหรอครับ”
“เธอคือเด็กที่ชื่อคลาวน์สินะ ฮินาตะเล่าเรื่องความเก่งและหัวดีให้พวกเราฟังแล้วล่ะ” คุณพ่อของฮินาตะพูดก่อนจะหันไปมองร่างของลูกชายด้วยสีหน้ากังวล
“ฉันว่าเด็กนี้ไว้ใจได้นะ ไม่งั้นหลานรักของฉันคงไม่พูดถึงขนาดนั้นหรอก” คุณยายท่าทางใจดีในชุดญี่ปุ่นพูดขึ้นและลูปใบหน้าของหลานตนเองด้วยสีหน้าที่อ่อนโยนมากๆ จนคลาวน์เริมรู้สึกอิจฉาขึ้นมาภายในใจ ที่ครอบครัวเขาไม่เคยทำแบบนี้เลย
“งั้นดิฉันจะเป็นคนเล่าเองค่ะ”
หญิงสาวผู้เป็นแม่พูดขึ้นด้วยใบหน้าเคร่งขรึมเหมือนกำลังฝืนไม่ให้ร้องไห้ยังไงไม่รู้ และเริ่มเล่าเรื่องตั้งแต่ฮินาตะอยู่ ม.ต้นให้ฟัง
ทั้งเรื่องที่โดนกลั่นแกล้ง โดนข่มขู่ โดนทำร้าย และเรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นจนตัวฮินาตะเคยเก็บตัวอยู่แต่ในห้องไม่ไปโรงเรียนหลายวันเลยก็มี แต่นั้นก้ไม่สามารถแก้ไขหรือทำให้เรื่องจบได้เลย เพราะอาจารย์ที่โรงเรียนมาขอร้องให้ฮินาตะไปโรงเรียน เพราะเขาเป็นคนหนึ่งที่สร้างชื่อเสียงให้ห้อง และเขาก็ยังสามารถสอบเข้าโรงเรียนได้อย่างไม่ต้องเสียดาย
และเมื่อฮินาตะไปโรงเรียนก็โดนทำร้ายก็จริง แต่ก้ได้หัวหน้าห้องช่วยไว้ จนเขาไม่มีแผลกลับมาเลยในช่วงหนึ่ง แต่ก็ต้องโดนทรยศและเขาเคยฆ่าตัวตายมาแล้วครั้งหนึ่ง
แต่นั้นก็ทำให้คนรอบตัวถึงกลับตกใจกับการกลับมาของฮินาตะที่หายไปได้เพียงเดือนเดียวก็มาเข้าพีธีจบการศึกษาได้พอดี คนในครอบครัวก็ดีใจอยู่หรอกนะ แต่กลับฟื้นตัวได้เร็วผิดคาด แถมยังมีใบหน้าที่แน่วแน่และสดใสมากๆ ในแต่ละวัน จนนึกว่าเป็นคนละคนกับฮินาตะที่อ่อนแอคนั้นเลยล่ะ
“เรื่องทุกอย่างก้เป็นแบบนี้แหละจ้ะ”
คนละคนเหรอ...?
“ขอโทษนะครับ ผมขอถามอะไรแปลกๆ หน่อย ว่าฮินาตะเคยไปทำอะไรไว้ตอนเด็กๆ รึเปล่า อย่างตอนที่กำลังซนอะไรแบบนี้น่ะครับ” คำถามนั้นทำให้ยายของเขาหันมาและเหมือนจะนึกอะไรออก
“อ่อ! ฮินาตะคุงเคยไปเอายันปิดผนึกอันหนึ่งออกมาจากป่าน่ะจ้ะ แต่ยายก็จำไม่ค่อยได้แล้วล่ะ เพราะตอนนั้นฮินาตะกลับมาก็ดูจะกลายเป็นเด็กที่ร่าเริงก็จริง แต่บางครั้งก็เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง”
“เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อไรครับ” คลาวน์ถามต่อ
“รู้สึกจะตอน 7 ปีล่ะมั้ง ตอนนั้นเขายังไม่ค่อยมีเพื่อนเลยด้วย แต่ตอนนี้เขามีเพื่อนที่ดีอย่างเธอและคนที่ชื่อยูยะ พวกเราครอบครัวของเขาก็ดีใจแล้วล่ะ” คุณยายยิ้มอย่างอ่อนโยนมาทางคลาวน์ และลูบหัวของหลานชาย
แต่นั้นก็ทำให้เขาไม่หายสงสัยว่า ฮินาตะอาจจะไม่ได้มีคนเดียวในร่างนี้ก็ได้...
.
.
ทางด้านเคที่ตามวิญญาณเด็กสาวไปอย่างไม่คาดสายนั้น ก็พยายามอย่างเต็มที่ เพราะตัวเคก็เริ่มเอาจริงเมื่อเห็นเด็กคนนั้นฆ่าตัวตาย และก็ได้เจอเข้ากับวิญญาณเด็กสาวแบบเต็มตา จนเขาอดยิ้มไม่ได้ ที่จะเปิดประเด็นคุยกัน
“หึ เธอเป็นวิญญาณคำสาปโรงเรียนไรเซ็นคุสินะ” เคถาม
“แล้วจะทำไมล่ะ” เด็กสาวตอบและรอบตัวที่มีหมอกดำก็กระจายไปรอบตัว และที่นั้นก็เป็นเพียงสวนสาธารณะใกล้ๆ โรงเรียนเท่านั้น
“แหมๆ ก็ฉันไม่คิดว่าวิญญาณธรรมดาจะออกมาได้ยังไงล่ะ”
“ฮิฮิ วิญญาณอย่างแกก็ธรรมดาเหมือนกันนั้นแหละน่า”
“โอ้โห นี่เธอคิดว่าฉันเป็นแค่วิญญาณธรรมดาสินะ” เคพูดด้วยสีหน้าที่ผิดหวังแบบเล่นๆ จนวิญญาณเด็กสาวชะงักไปด้วยความสงสัยว่าทำไมถึงพูดแบบนั้น ทำเหมือนอย่างกับว่าไม่ได้เป็นวิญญาณธรรมดาอย่างงั้นแหละ
“ก็เพราะฉันก็เป็นวิญญาณที่มีพลังพอจะสามารถทำให้แก..สลายไปได้ยังไงล่ะ” หมอกสีดำที่เหมือนกับวิญญาณของเด็กสาวค่อยๆ ลอยออกมาจากพื้นที่เคยืนอยู่ จนวิญญาณเด็กสาวตกใจกับสิ่งที่เห็น เพราะมันเป็นพลังแห่งความเกลียดชังที่มหาศาลมาก ซึ่งต่างจากพลังวิญญาณทั่วไปเป็นอย่างมาก จนเธอรีบสลายหายไป และเคก็หยุดลงกับพลังที่กำลังจะระเบิดออกมาเมื่อครู่
“หึ..หึหึหึ ฮ่าฮ่าฮ่า” เคเงยหน้าหัวอย่างถูกใจกับการได้เห็นวิญญาณนั้นหายไปเพราะความตกใจในพลังของเขา แต่นั้นทำไมเขาถึงมีพลังมหาศาลล่ะ ทำไมเขาถึงออกมาจากโรงเรียนไรเซ็นคุได้ ถึงจะแค่ตามคลาวน์ออกมา มันก็ไม่น่าจะออกมาอยู่ข้างนอกได้นานเพราะที่นั้นอาจจะเป็นที่ยึดติดตัวเขามากกว่า
ยังมีเรื่องมากมายที่คลาวน์ยังไม่สามารถรู้...
และหาคำตอบได้..จนกว่า...
ทุกอย่างจะเป็นเวลาที่เดินต่อไปเหมือนกับคำสาปที่ไม่มีวัน..
จบสิ้น...
คลาวน์ที่นั่งเฝ้าฮินาตะไปได้สักพัก เพราะครอบครัวของเด็กหนุ่มพึ่งจะกลับไปเมื่อครู่ ก่อนยูยะจะเดินเข้ามาและนั่งลงข้างๆ คลาวน์ด้วยสีหน้าที่เหนื่อย
“เป็นอะไรล่ะ ทำหน้าเหนื่อยๆ แบบนั้นน่ะ”
“แห่ะๆ แค่ไปต่อรองอะไรมานิดหน่อยน่ะ” ยูยะพูดแล้วเกาหัวเหมือนกรบเกรื่อนอะไรบางอย่าง
“ต่อรอง...”
และเสียงโทรศัพท์มือถือของคลาวน์ก็ดังขึ้นมาจนทำลายบรรยากาศที่ดูอึมครึมภายในห้องพักนี้ และคลาวน์ก็ตาต่อเมื่อเห็นชื่อที่โทรศัพท์นั้น
“เป็นอะไรเหรอคลาวน์ ทำไมไม่รับโทรศัพทล่ะ”
“อ่า ขอตัวแปปนะ”
คลาวน์เดินออกไปที่ระเบียงด้านนอกห้องที่ได้รับลมเย็นสบายจากธรรมชาติเต็ม และห้องนี้ก็พักอยู่ชั้น 8 ซึ่งเป็นชั้นที่อยู่ในระดับลมพอดี คลาวน์มองชื่อที่ขึ้นอยู่อย่างลังเลก่อนจะเปิดฝาโทรศพท์และเริ่มรอการสนทนาจากฝ่ายตรงข้ามอย่างเงียบๆ
[คลาวน์ นี่พ่อเองนะ]
“อืม มีอะไรครับ?” คลาวน์ตอบเสียงที่อยู่ปลายสายด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่เย็นชาจนเหมือนจะไม่สนใจฝ่ายตรงข้าม
[เป็นไงบ้างล่ะ? เรื่องเรียนน่ะ]
“ก็ดี”
[แล้วไม่คิดจะกลับมาบ้านบ้างเหรอ? ที่บ้านคงจะมีฝุ่นเกาะแล้วล่ะ พ่อเองก็ไม่ได้กลับบ้านมาพักใหญ่แล้วล่ะ แม่เองก็บอกว่า จะกลับจากรัสเซียในไม่ช้า]
"ถ้าพ่อกำลังจะบอกให้ผมไปทำความสะอาดล่ะก็ อย่าโทรมาดีกว่านะครับ เพราะตอนนี้ผมกำลังยุ่ง แค่นี้ล่ะ”
[ดะ เดี๋ยว-]
ติ๊ด!
เสียงตัดสายดังขึ้นเมื่อคลาวน์ทนไม่ไหวเมื่อได้ยินเสียงคนๆ นั้นขึ้นมา ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะพ่อของเขาเป็นตำรวจและไม่เคยกลับมาที่บ้านบ่อยนักเพราะบอกว่าจะมีกินเลี้ยงกันหลังทำงานบ่อนๆ ส่วนแม่ก็ไปอยู่รัสเซียแค่เพราะจะไปเที่ยวและเยี่ยมเพื่อนเท่านั้น คลาวน์ทนอยู่คนเดียวแบบนั้นไม่ได้ เพราะความคิดบ้าๆ ของพ่อและแม่ จึงย้ายมาอยู่ที่หอชายกับยูยะที่คิดจะมาอยูคนเดียวเหมือนกัน
“ใครโทรมาล่ะ” ยูยะถามเมื่อคลาวน์เดินเข้ามา
“จากคนที่...” เสียงของเขาเบาลง “ไม่อยากจะได้ยินเสียงมากที่สุดในตอนนี้น่ะ”
.
.
------------------------------------------
อ่านตอนต่อไปได้เลยคับ โทษฐานที่โดดเลยจัดไปอีกตอน
ตอนหน้าตกใจกับการปรากฏตัวแน่คับ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ