CurseSchool คำสาปโรงเรียนผี

9.8

เขียนโดย WinnerShadow

วันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 13.48 น.

  14 chapter
  23 วิจารณ์
  20.43K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 เมษายน พ.ศ. 2556 14.05 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) จิตใจทั้งสองฝ่าย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

Chapter 8

Minds of both parties.

           

 

            “คลาวน์นายหน้าแดงๆ นะเป็นอะไรรึเปล่า?”

            ยูยะถามเพื่อนของตนที่นั่งพิงกับเบาะอย่างเหนื่อยๆ พร้อมกับหน้าที่ดูแดงตั้งแต่เมื่อเช้า คลาวน์กับส่ายหน้าแทนคำตอบที่ยูยะถามแล้วหลับตาลงเหมือนเหนื่อยจริงๆ

            ทั้งสองคนนั่งอยู่เงียบๆ ในรถไฟที่ไม่ค่อยมีคน ด้วยเครื่องแต่งกายไปรเวทที่ดูเข้ากับหน้าหล่อๆของพวกเขา คลาวน์อยู่ในเสื้อยืดสีขาวโดยทีเสื้อกั๊กยาวสีดำที่ตัดกันทับมาด้วยและกางเกงยีนขายาวนั้น ทำให้เขาหล่อเท่มากขึ้น ยูยะที่อยู่ในเสื้อฮู้ดก็เท่ไม่เบาเช่นกัน และยังกางเกงสีน้ำตาลนั้นอีก ใครเห็นคงมองพวกเขาทั้งสองเป็นดาราเป็นแน่แท้

            ที่พวกทั้งสองอยู่ในชุดแบบนี้ได้นั้นก็เพราะ โคโมะโทรมาหาเขาว่าถึงโรงเรียนแล้ว แต่กลับมีนักข่าวมากมายอยู่หน้าโรงเรียน และไม่เพื่อให้รบกวนในการเรียนการสอน ทางโรงเรียนเลยบอกกับนักเรียนที่มาเรียนในวันนี้แยกย้ายกลับบ้านให้หมด เลยกลายเป็นวันว่างๆ ที่มีภารกิจแยกเข้ามาอย่างกะทันหัน คือ ไปช่วยฮินาตะที่โรงพยาบาล

            “แล้วโคโมะถึงแล้วเหรอไงล่ะ” คลาวน์ถามทั้งๆ ที่ยังหลับตาเหมือนคนนอนหลับ

            “อ่อ เห็นว่าถึงแล้วล่ะ เห็นบอกว่าขี้เกียจกลับไปเปลี่ยนเสื้อที่บ้าน”

            “งั้นเหรอ? ดูท่ายัยนั้นก็เหมือนเด็กผู้หญิงธรรมดาทั่วไปสินะ”

            คำพูดของคลาวน์ทำให้ยูยะหันไปมองหน้าแบบงงๆ กับประโยคที่พูดออกมาเหมือนกำลังบอกว่าในสายตาของคลาวน์โคโมะเป็นแค่หญิงแกร่งคนหนึ่งเท่านั้น

            และไม่นานพวกเขาทั้งสองคนก็มาถึงโรงพยาบาลในเวลาที่มากพอสมควรเพราะไม่ได้เดินทางด้วยรถประจำทาง แต่ลงจากรถไฟแล้วเดินไปนิดหน่อย และนั้นก็ทำให้คลาวน์รู้สึกเวียนหัวขึ้นมาจนเซไปบ้าง แต่ยูยะเห็นเพื่อนท่าไม่ดีเลยเข้ามาช่วยพยุงเดินไปต่อจนถึงนั้นเอง

            “มาช้าจังนะ พวกนายน่ะ” โคโมะพูดออกมาอย่างเย็นชาเมื่อเห็นเขาทั้งสองคนที่ดูจะเดินลำบากนิดหน่อย

            “โทษทีๆ มันกะทันหันนิ เลยทำเวลาไม่ค่อยได้ แถมคลาวน์ยังดูท่าไม่ดีด้วยนี่สิ”

            “ไม่เป็นไร ฉันเดินไหวแล้วล่ะ ไปหาฮินาตะกันดีกว่า”

            คลาวน์พูดและเดินนำเข้าไปในโรงพยาบาล ระหว่างทางที่ไปนั้นช่างทำให้ทั้งสามคนรู้สึกแย่มากๆ เพราะวิญญาณมากมายกำลังเดินสวนไปมาทั้งๆ ที่ตัวมีแต่บาดแผลและชุดคนไข้ของโรงพยาบาล บางตนก็ดูบิดเบี้ยวเหมือนโดนรถชน บางตนก็ไม่มีขาและเลือกที่ไหลออมามากมาย นั้นคงเป็นเพราะก่อนเขาตายคงจะโดนอุบัติเหตุมา

            เดินไปได้สักพักก็ขึ้นลิฟท์เพื่อตรงไปที่ห้องพักของฮินาตะ ไม่นานก็มาหยุดตรงหน้าห้องและยูยะก็เดินเข้าไปก่อนในทันทีก่อนจะเห็นร่างของฮินาตะที่นอนด้วยสีหน้าที่นิ่งและที่หางตายังมีคราบน้ำตานิดหน่อย แปลว่าเมื่อไม่นานมานี้คงจะฝันร้ายสินะ

            โคโมะเดินเข้าไปหาที่ข้างเตียงอย่างไม่ลังเลพลางล้วงกระเป๋าก่อนจะหลับตาลงด้วยท่าทีที่นิ่งเหมือนตั้งสมาธิ คลาวน์นั่งลงที่โซฟากับยูยะพลางมองดูอย่างเงียบๆ เช่นกัน ไม่นานหมอกสีขาวก็ออกมารอบตัวของโคโมะอย่างช้าๆ โดยรู้ว่านั้นคือวิญญาณที่เลี้ยงไว้ของเชมัน

            วิญญาณหมอกขาวพวกนั้นพุ่งเข้าไปที่ร่างของฮินาตะเหมือนเข้าสิง และโคโมะก็นั่งลงข้างๆ ยูยะอย่างเหนื่อยใจนิดหน่อย

            “เป็นอะไรเหรอ? โคโมะ” ยูยะถามพลางยิ้ม

            “ดูเหมือนว่าจะเป็นอย่างที่ฉันคิดน่ะสิ”

            “หา?”

            “ก็มีวิญญาณอยู่สองดวงในร่างเดียวไงล่ะ”

            คำตอบของโคโมะทำให้คลาวน์และยูยะถึงตาโตด้วยความตกใจ และมันก็ทำให้พวกเขาทั้งสองคนสามารถพูดได้เต็มปากว่า ไม่แปลกเลยที่บางครั้งจะเห็นฮินาตะหัวเราะอย่างขนลุกเหมือนโดนอะไรสิงและยังทำหน้าแบบน่ากลัวในตอนนั้น ถ้านั้นไม่ใช่ฮินาตะล่ะก็

            “แบบนั้นมันไม่น่าเกี่ยวกับทีฮินาตะช๊อคนี่” คลาวน์พูด

            “งั้นเรามารอฟังคำตอบจากปากของวิญญาณที่เปรียบเหมือนเงาตามตัวของฮินาตะคุงดีกว่านะ”

            เมื่อจบคำพูดของโคโมะ วิญญาณหมอกขาวที่เข้าไปในร่างของฮินาตะเมื่อครู่ก็ออกมาพร้อมกับวิญญาณที่พยายามดิ้นสะบัดซึ่งมีผมสีดำยาวรวบเรียบร้อย และทำให้ทั้งสามคนตาโตเมื่อวิญญาณนั้นเหมือนฮินาตะทุกประการ ไม่ว่าจะหน้าหรือดวงตา

            “ปล่อยเซ่ นี่พวกแกจะมาลากฉันออกมาทำมั้ย? ฉันไม่อยากทิ้งหมอนี้ไว้หรอกนะเฟ้ย ปล่อยสิ บอกให้ปล่อยไง”

            คำพูดมากมายของวิญญาณนั้นช่างดูก้าวร้าวและดุดันจนน่ากลัว แต่ดูเหมือนจะไม่ทำให้พวกวิญญาณหมอกขาวปล่อยได้เลยแม้แต่น้อย จนเคค่อยๆ โผล่ออกมาอย่างช้าๆ พร้อมกับสีหน้าที่ยิ้มอย่างดีใจ และพุ่งเข้าไปในร่างของฮินาตะอย่างรวดเร็ว วิญญาณน่าเหมือนฮินาตะพยายามดิ้นอย่างรุนแรงเมื่อเห็นเช่นนั้น เพราะดูเหมือนจะไม่อยากให้ไปยุ่งกับร่างของฮินาตะเลยแม้แต่น้อย

            “นี่พวกแก...คิดจะทำให้อะไรกับหมอนี้น่ะ ห๊ะ!!?” วิญญาณตนนั้นพูดออกมาอย่างหัวเสีย

            “ก็เพราะพวกเราจะช่วยฮินาตะคุงไงล่ะ เพราะดูเหมือนจะช๊อคกับเหตุการณ์นั้นมากซะด้วย และทางเดียวที่จะช่วยจากอาการแบบนั้น ก็คงมีแต่ต้องให้วิญญาณที่จู่ๆ ก็เข้ามาสิงร่างของฮินาตะแบบเงียบๆ ออกมาอธิบายก่อน แล้วค่อยให้เคเข้าไปดูวิญญาณของฮินาตะคุงยังไงล่ะ”

            โคโมะพูดจบก็ทำให้วิญญาณเด็กหนุ่มนิ่งไปกับสีหน้าตกใจ ก่อนจะสั่งให้วิญญาณหมอกขาวปล่อยเขาและหายไปเหมือนอากาศ วิญญาณเด็กหนุ่มถอนหายใจออกมาก่อนจะสังเกตเห็นดวงตาของฮินาตะที่ตื่นขึ้น และวิญญาณของเคที่ลอยออกมาจากร่างนั้นด้วยสีหน้าเหมือนโล่งอกท่ามกลางสายตาตกใจของคลาวน์และยูยะก่อนจะยิ้มอย่างดีใจที่เห็นเพื่อนฟื้นขึ้นมา

            “ไม่เห็นต้อง..ชกกันเลยนี่” ฮินาตะว่าพลางลุกขึ้นจากเตียงอย่างทุลักทุเล จนยูยะต้องรีบลุกเข้าไปช่วยพยุงขึ้นมา ในสายตาคลาวน์แล้วก็คิดได้แค่ว่า เจ้าเคเข้าไปหาวิญญาณของฮินาตะแล้วชกเข้าไปเต็มๆ ก็เท่านั้น

            “หึ ก็ถ้าไม่ทำแบบนั้น นายก็จะไม่ได้สติน่ะสิ” เคพูดและยืนกอดอก จนฮินาตะหลุดหัวเราะออกมาทั้งที่สีหน้าไม่สู้ดี และยังทำให้คลาวน์กับยูยะถามออกมาอย่างสงสัยจริงๆ

            “นายได้ยินที่เคพูดด้วยเหรอ?”

            “อ่อ..พอดีว่าจังหวะที่โดนชกก็ตื่นพอดีแล้วก็ยังเห็นอะไรเยอะขึ้นด้วยล่ะนะ แห่ะๆ”

            ฮินาตะพูดพลางเกาแก้มเหมือนอายนิดหน่อยที่โดนเคชก แต่นั้นก็ทำให้คลาวน์กับยูยะรู้ชัดเลยว่า ฮินาตะได้มีสัมผัสที่หกเต็มตัวเรียบร้อยแล้วนั้นเอง และก็ถอหายใจอีกครั้ง ก่อนคลาวน์จะเริ่มเวียนหัวแปลกๆ และตาเริ่มมัวๆ

            “แล้ววิญญาณนี่คือใครล่ะเนี้ย หน้าเหมือนนายเลยนะ” เคถามพลางนั่งลงข้างเตียง

            “ดูจากพลังวิญญาณที่ต่อต้านเพื่อนๆ ของฉันแล้ว คงเป็นวิญญาณจากการสะกดที่ไหนสักแห่งละมั้ง?” โคโมะพูดเป็นเชิงสงสัยเพราะยังไม่รู้รายละเอียดเท่าไรนัก

            “จะว่าไป นายก็อยู่กับฉันมานานจนไม่รู้เลยว่าควรจะถามดีมั้ยว่าทำไมนายถึงถูกสะกดไว้ที่ศาลเจ้าเก่าๆ นั้นน่ะ” ฮินาตะพูดด้วยสีหน้าเศร้าๆ งั้นยันต์ที่ฮินาตะเคยเอามาตอนเด็กๆ ตามที่ยายของเขาเล่าไว้นั้น คงเป็นยันต์ที่สะกดวิญญาณเด็กหนุ่มตนนี้สินะ คลาวน์มองไปที่วิญญาณนั้นก่อนจะรู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรงและเอามือกุมหน้าผากอย่างเงียบๆ เพราะไม่อยากให้ใครต้องเข้ามาถาม

            “หึหึหึ ฮ่าฮ่าฮ่า เออใช่สิ! ฉันมันวิญญาณที่โดนสะกดไว้ในศาลเจ้าเก่าๆ นิ ฉันเป็นแค่วิญญาณที่ทำได้แค่สิงร่างของฮินาตะเท่านั้น และตอนยังมีชีวิต ฉันยังโดนคนละโมบโลภมากอย่างเจ้าพวกนั้นทำร้ายฉันอย่างไม่ปราณี!!” วิญญาณตนนั้นพูดออกมาด้วยสีหน้าที่โกรธแค้นอย่างเห็นได้ชัดจนน่ากลัว ทั้งคลาวน์ ยูยะ โคโมะ เค รวมทั้งฮินาตะตกใจกันไปตามๆ กันกับน้ำเสียงดุดันนั้น

           

เมื่อ 15 ปีก่อน

            “ขอร้องล่ะ ฮึก ผะ..ผมเจ็บ ขอร้องล่ะครับ”

            เสียงเด็กชายที่ร้องขออย่างวิงวอนและทรมาณนั้นช่างน่าเวทนาเหลือเกิน แต่คงเป็นเพราะคนที่อยู่รอบข้างซึ่งนั่งดูการทรมาณด้วยการเอามีดกีดตามตัวของเด็กหนุ่มคนหนึ่งนั้นอย่างสนุกในสายตาคนพวกนั้น และเพราะการแสดงสดในห้องกว้างมืดนั้นสร้างบรรยากาศเหมือนการประมูลจริงๆ แต่นี้เป็นแค่การแสดงของคนที่ต้องการความรุนแรงอย่างพวกนักเลงเท่านั้น

            “ใครอยากให้ทำอะไรอีก บอกมาได้เลยนะครับ เดี๋ยวเราจะทำอย่างโหดเหี้ยมเลยครับ”

            คำพูดของชายหนุ่มที่ถือมีดคนนี้ ทำให้คนที่นั่งดูมากมายกว่า 20 คนนั้นยิ้มออกมาอย่างดีใจที่จะได้เห็นการแสดงที่ตายทั้งเป็นของเด็กหนุ่ม ใช่... มันเป็นการแสดงที่เลวร้ายที่สุดสำหรับเขา มีเด็กหลายคนที่ถูกทำแบบเขาจนตายไปหลายคน แต่ตำรวจไม่สามารถจับได้เพราะคนพวกนี้เปลี่ยนที่ทำเงินไปหลายที่เพื่อความโลภในจิตใจซึ่งเป็นกิเลส

            “เฮ้ย! ช่วยเอาบุหรี่นี่จี้ไปที่คอของมันทีดิ แม่งน่าจะสนุกวะ” ชายคนหนึ่งในชุดสีดำผมตั้งพูดออกมาอย่างสนุกสนานพลางส่งบุหรี่ที่สูบอยู่มาให้ชายหนุ่มที่กระทำกับกับเขา

            “มะ..ไม่..อย่า...” เด็กหนุ่มน้ำตาไหลออกมาพลางตัวสั่น และยังสร้างความสนุกให้คนที่ส่งบุหรี่ให้ยิ่งขึ้นไปอีก สายตาที่ยิ้มเย้ยนั้นมองมาทางเด็กหนุ่มพร้อมกับเงินในมือ คนที่กระทำกับเขาค่อยเอาบุหรี่มาแถวๆ คอเขาและเตรียรอที่จะนับเพื่อเล่นกับเด็กหนุ่มคนนี้

            “เอาล่ะ ร้องออกมาให้สุดเสียงเลยนะ”

            “ไม่เอา..ผม..จะ..เจ็บ เจ็บจะตายแล้ว...”

            “งั้นต่อตายไปเลยสิ!!”

            “อ๊ากกก!!!”

            เสียงร้องทรมาณดังขึ้นเมื่อบุหรี่ที่ยังไม่ได้ดับนั้นจี้เข้าที่คอของเขาอย่างแรง จนรับรู้ถึงความร้อยที่กำลังกัดกินเนื้อของเขาอย่างรวดเร็ว ใบหน้ายอมแพ้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเด็กหนุ่มทั้งน้ำตา แต่นั้นไม่ได้ช่วยให้เสียงหัวเราะหรือคำเจ็บนั้นหยุดเลยแม้แต่น้อย

            และเรื่องเหล่านี้ก็เกิดขึ้นต่อเนื่อง จนเด็กหนุ่มตายลงในที่สุดกับการแสดงที่ต้องเอามีดแทงไปทั่วทั้งตัวจนตาย การแสดงทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของคนที่ไม่อยากจะให้เป็นพวกเขาเลยแม้แต่น้อย แต่มันก้เกิดขึ้นจริงๆ

            ทำไมทุกอย่างต้องเกิดขึ้น...

            ทำไมถึงต้องทำแบบนี้...

            ครอบครัวหักหลังผมเหรอ...?

 

            วิญญาณเด็กหนุ่มเล่าเรื่องก่อนที่เขาจะตายออกมาด้วยสีหน้าเศร้าแต่แฝงไปด้วยความโกรธและเกรียดที่โดนครอบครัวหักหลังไม่ธรรมดา ยังโดนให้จับมาเป็นตัวหาเงินด้วยความสนุกแบบบ้าๆ ของคนโลภมาก ซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้นเลย

            ทุกคนที่ได้ฟังนั้นถึงกลับทำหน้าเศร้า คลาวน์ยังคงนั่งกุมหน้าผากเพราะปวดหัว ยูยะนั่งน่าเศร้า โคโมะเองก็เช่นกัน ฮินาตะก้มหน้าและเงียบไป เคเองก็ทำหน้านิ่งอย่างเดียวแต่ก็รู้สึกเครียดอย่างบอกไม่ถูก

            “แล้วทำไมนายถึงถูกสะกดได้ล่ะ” โคโมะถามทั้งๆ ที่ยังทำหน้าเศร้า

            “ก็เพราะเจ้าพวกนั้นคิดว่าฉันจะแค้นจนกลายเป็นวิญญาณอำมหิต เลยพาพวกบ้าๆ มาสะกดฉันจนฉันไม่สามารถออกไปไหนได้ยังไงล่ะ!!”

            “แล้วฉันก็ไปเจอยันต์นั้นเข้า เลยดึงออกเพราะความรู้สึกว่า ถ้าไม่ดึงต้องทำให้สิ่งๆหนึ่งเศร้าแน่ๆ สินะ” ฮินาตะพูดต่อจนทุกคนหันไปมอง เคเลยถามอย่างสงสัย

            “หมายความว่าไงน่ะ?”

            “ก็..ฉันคิดว่ามีอะไรบางอย่างกำลังร้องให้ช่วยอยู่ ก็เลยมั่นใจว่าถ้าดึงยันต์นี่ออก อาจจะไม่ทำให้เขาต้องร้องให้ช่วยยังไงล่ะ หึ แต่มันก็กลายเป็นว่า เขาตามแนมาแทน จากการที่อยู่ด้วยกัน เลยทำให้เขามีน่าตาเหมือนกันอย่างกับแกะน่ะ”

            “....”

            “แล้วนายชื่ออะไรล่ะ? เวลาฉันถามนายชอบเปลี่ยนเรื่องทุกทีเลยนะ” ฮินาตะถามจนวิญญาณเด็กหนุ่มหันมามองด้วยหน้าเศร้าก่อนจะพูดด้วยสีหน้าที่เจ็บใจนิดหน่อย

            “ชื่อของคนที่หักหลังน่ะ ฉันไม่ต้องการ! ฉันไม่ต้องการเลยสักนิด!” เขาพูดออกมาจนน้ำตาไหล ฮินาตพเห็นแบบนั้นเลยยิ้มอย่างอ่อนโยนสมเป็นเขาก่อนจะเอ่ยนามของใครไม่รู้ออกมาจากปาก จนทุกคนมองหน้ากันอย่างสงสัย

            “ฮิซุย นายไม่ต้องร้องไห้หรอก”

            วิญญาณหันมามองหน้าฮินาตะด้วยความสงสัยว่าเรียกใคร เพราะไม่มีใครในนี้มีชื่อนั้นเลยสักคนเดียว แต่โคโมะกลับยิ้มออกมาก่อนจะลุกไปตบไหล่วิญญาณอย่างยินดี

            “นั้นชื่อใหม่ของหมอนี้สินะ”

            “ชะ..ชื่อใหม่เหรอ...?” เขาพูดด้วยความรู้สึกสงสัย และฮินาตะก็ยิ้มให้เขา

            “ฮิซุย คือชื่อใหม่ของนายแล้วกันนะ เพราะฉันคงไม่อยากทำให้นายเป็นวิญญาณไม่มีชื่อหรอกนะ มันดูน่าสงสารออกนิ”

            ทุกคนห้องตอนนี้ยิ้มอย่างยินดีกับเหตุการณ์ดราม่าในครั้งนี้ เคก็ยิ้มอย่างที่ไม่เคยยิ้มเช่นกัน เพราะแบบนี้เลยทำให้เขาได้เพื่อนวิญญาณเพิ่มขึ้นไปด้วย ฮิซุยคือชื่อที่ฮินาตะมอบให้กับวิญญาณที่อยู่กับเขามาตั้งแต่ประถม จนผ่านช่วงเวลามากมาย ทั้งการโดนกลั่นแกล้ง โดนรังเกียจ จนกระทั่งเกิดเรื่องคำสาปขึ้น ฮินาตะอยากจะตอบแทนเพื่อนคนสำคัญคนนี้ที่สุด

            ฮิซุยวิ่งเข้าไปกอดฮินาตะ ถึงเขาจะเป็นวิญญาณแต่ก็สามารถสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของฮินาตะที่มีต่อเขา ในอดีตของฮินาตะกับฮิซุยนั้นแทบจะไม่ต่างกันเลยแม้แต่น้อย เขาทั้งสองนับว่าเป็นมนุษย์และวิญญาณที่เข้าใจกันมากที่สุดในตอนนี้

            แต่ทางด้านของคลาวน์ที่รู้สึดปวดหัวมากๆ ก็เริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว หน้าตาเริ่มแดง เริ่มหายใจลำบาก และยังอุณหภูมิร่างกายที่เพิ่มขึ้นนั้น ทำให้รู้เลยว่านี่คงเป็นพิษไข้แน่ๆ ยูยะที่หันมาเห็นเพื่อนพอดีเลยเอามือแตะเข้าที่หน้าผากของคลาวน์

            “เฮ้ย! ตัวร้อนมากเลยนะเนี้ย! นายเป็นไข้เหรอคลาวน์” ยูยะตกใจเมื่อความร้อนของร่างกายแพร่เข้ามาที่มือของเขาเมื่อสัมผัส

            “ไปตามหมอมาดีมั้ย? จะได้ดูอาการของคลาวน์ด้วย ฮินาตะก็ฟื้นแล้วนิ” โคโมะพูด จนฮินาตะ ฮิซุยและเคหันมามองคลาวน์ที่ตอนนี้กำลังหายใจหอบเพราะพิษไข้อย่างเป็นห่วง ก่อนตัวคลาวน์จะสลบไปเพราะทนไม่ไหวกับอาการ...

 

 

            เด็กหนุ่มตื่นขึ้นในห้องพักผู้ป่วยที่โรงพยาบาลเดียวกับฮินาตะ เขามองไปรอบๆ ห้องก็ไม่เห็นใคร ถ้าเห็นก็มีเพียงวิญญาณดวงหนึ่งที่เดินผ่านเข้ามาในห้องและกลับออกไปเท่านั้น ไม่นานก็ปรากฏวิญญาณของเคขึ้นที่ข้างเตียง

            “นี่ฉันหลับไปเพราะไข้งั้นเหรอ?”

            “อ่า แต่นายหลับไปตั้ง 1 วันกับอีก 3 ชั่วโมงเต็มๆ เลยล่ะ และในเวลานั้น ฉันก็เล่าเรื่องทั้งหมดของฉันให้คนอื่นฟังตามที่สัญญาไว้แล้วล่ะ” เคพุดด้วยสีหน้าจริงจังทั้งๆ ที่หมอนี้ทำได้แค่หัวเราะอย่างน่าขนลุกตลอดแท้

            “งั้นก็มาเล่าให้ฉันฟังได้แล้วสินะ เพราะฉันเองก็เป็นพวกหวัดหายเร็วนิ” คลาวน์พูดพลางยันตัวลุกจากเตียงแล้วนั่งแทนเพื่อรอฟังเรื่องที่เคจะเล่าต่อไปนี้

            “หึ งั้นจะเล่าล่ะนะ” เคยิ้ม และคลาวน์ก็ทำสายตาเย็นชาเป็นเชิงว่าพร้อมแล้วเล่ามาได้เลย

 

เมื่อ 4 ปีก่อนที่โรงเรียนไรเซ็นคุตามปกติ

            เคที่ยังคงเป็นมนุษย์ธรรมดานั้นกำลังนั่งทำการบ้านอย่างตั้งใจในเวลากลางวันซึ่งเป็นเวลาพักทานข้าวของนักเรียนทุกคน แต่กลับมีเพียงเขาที่นั่งทำการบ้านแต่ไม่ทานอาหารเหมือนคนอื่น และนั้นก็เป็นการสร้างความหมั่นไส้ให้พวกนักเลงในห้องเป็นอย่างมาก

            “ไงไอ้คนเก่ง นายไม่ทานข้าวสักหน่อยเหรอไง?”

            “ฉันไม่หิว”

            เคตอบทั้งๆ ที่ตายังมองและมือที่เขียนอย่างตั้งใจ และนั้นก็เป็นการกระตุ้นอารมณ์โกรธของพวกนักเลงห้องเป็นอย่างมากเลยทีเดียว จนถึงกับหยิบกระชากสมุดของเคไปโยนเล่นอย่างสนุกสนาน เคทำได้แค่มองด้วยสายตาโกรธ ก่อนจะลุกจากโต๊ะและตามสมุดที่โยนเล่นกัน จนกลายเป็นที่สนุกของเพื่อนภายในห้องที่ตอนนี้หัวเราะอย่างกับเย้าะเย้ย

            เคเริ่มหอบเมื่อหยิบสมุดการบ้านนั้นไม่ได้สักที และเมื่อนักเลงนั้นโยนไปให้เพื่อนที่ยืนรออยู่ข้างหน้าก็กลับตกใจเมื่อมันพลาดร่วงลงไปจากหน้าต่าง จนเคเองก็ตกใจเหมือนกัน เพื่อนๆ ในห้องก็สนุกกันจนพูดจาเย้ยกับคนเรียนดีอย่างเค

            “ตามไปสิโว้ย เดี๋ยวจะไม่มีคะแนนสะสมไปทำให้อาจารย์ชื่นชมหรอกนะ”

            “อยากได้หน้านักก็ตามไปสิวะ”

            ผู้ชายสองคนพูดขึ้นจนเคกำหมัดแน่นอดทนกับการกระทำของคนพวกนี้ แต่ที่เขาพยายามทำขนาดนี้นั้น ไม่ใช่เพราะเขาจะเอาหน้าหรืออะไรหรอกนะ แต่เพราะเขาทำเพื่อแม่ของเขาที่กำลังรอเขากลับไปหาที่โรงพยาบาลต่างหาก

            เพราะก่อนที่แม่ของเขาจะเข้าโรงพยาบาลนั้น เขาได้ให้สัญญาไว้ว่าจะทำคะแนนให้ดีที่สุด เพื่อที่จะได้ต่อโรงเรียนมัธยมปลายชื่อดังเพื่อแม่ของเขาที่ตอนนี้หลับไม่ได้สติมา 3 เดือนแล้ว คนที่ทำได้แค่พูด และไม่คิดจะทำอะไรน่ะ ก็ทำได้แค่นั่งเย้าะเย้ยและนินทาคนอื่นไปวันๆ เพราะความไม่เอาไหนของตัวเองนั้นแหละ

            เคคิดเช่นนั้นก่อนจะทำเป็นไม่สนใจแล้วเดินออกไปจากห้อง เพื่อลงไปเอาสมุดการบ้านของตน เขาคิดว่าจะต้องทนกับมันให้ได้เพื่อแม่ของเขา อีกแค่เดือนเดียวก็จะสอบและจบเรียนจากที่นี้ ‘อีกนิดเดียวเท่านั้นต้องอดทนไว้’

            “นี่ของเธอรึเปล่า โคเสกุคุง” อาจารย์ใส่แว่นตัวใหญ่เดินสวนขึ้นมาเห็นเขาพอดีเลยถามพร้อมกับสมุดการบ้านในมือ เคที่เห็นสมุดของตัวเองที่ร่วงลงไปก็ดีใจที่มันได้กลับมาเร็วเกิน ทั้งๆ ที่กำลังจะลงไปเก็บมาแท้ๆ

            “ของผมเองครับ ขอบคุณมากๆ ครับ”

            “แล้วทำไมมันถึงได้อยู่ที่พื้นตรงข้างๆ อาคารได้ล่ะเนี้ย นี่ดีนะที่ครูไปเห็น ไม่งั้นคงมีคนเก็บไปพับจรวดมาเล่นกันแล้วล่ะ”

            “พอดีมันหลุดมือตอนผมยืนอ่านน่ะครับ เลยร่วงออกมาจากหน้าต่าง” เคตอบออกไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเพื่อไม่ให้อาจารย์ที่สอนและให้ความสำคัญกับเขาต้องเป็นห่วงเพราะแค่ความอิจฉาของเพื่อนในห้อง

            “งั้นอาจารย์ขอตัวก่อนนะ ต้องไปทานข้าวแล้วล่ะ หิวจริงๆ เล้ย” เคหลบทางให้อาจารย์เดินขึ้นบรรไดไปด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม ก่อนเขาจะให้อาจารย์ไปก่อน แล้วค่อยเดินตามขึ้นไป เพราะอะไรก็ไม่รู้ถึงรู้สึกปลื้มอาจารย์คนนี้จริงๆ เขาพยายามเรียนเพราะไม่อยากเห็นอาจารย์คนนี้ตอนบ่นด้วย

            เคยิ้มที่มุมปากนิดหน่อย และก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีมือๆ หนึ่งที่โผล่มาด้านก่อนจะผลักเขาตกบรรไดลงไปคอหักตายทันที วิญญาณของเด็กหนุ่มหลุดออกมาจากร่างทันที เคที่เป็นวิญญาณตกใจมากเมื่อเห็นร่างของตัวเองนอนอยู่ที่ตีนบรรไดในสภาพที่คอหัก

            และมันก็ทำให้เขาโกรธแค้นเจ้าพวกที่ทำแบบนั้นมากๆ ทั้งๆ ที่เข้าคิดว่าจะได้เจอแม่ที่โรงพยาบาลและอยากจะทำตามสัญญา แต่มันก็ต้องมาจบลงเพราะการตายด้วยฝีมือของนักเลงห้องและพวกที่ยืนหัวเราะอย่างสะใจแค่ความอิจฉาริษยาเท่านั้น

            เคกัดฟันกรอดและมันก็ทำให้เขากลายเป็นวิญญาณร้ายไปในทันใด และก็เริ่มตามหลอกหลอนพวกเพื่อนในห้องเพื่อแก้แค้นตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา...

            “พวกแกฆ่าฉัน!!”

            เพื่อเจอพวกที่ทำกับเขา เคก็จะปรากฏร่างให้เห็นและพูดใส่หน้าเพื่อตอกย้ำเจ้าพวกชั่วที่ทำกับเข้าเหมือนเป็นแค่ของเล่นที่จะฆ่าไปก็ไม่ได้เสียหาย ทุกคนในห้องเริ่มไม่กล้ามาโรงเรียน เพราะคิดว่าคงเป็นความแค้นของเด็กหนุ่มที่จะมาเอาคืนเมื่อไรก็ได้

            แต่เมื่ออาจารย์ใส่แว่นตัวใหญ่เข้ามาพูดอบรมในห้องเรียนที่มีนักเรียนไม่ถึง 20 คน ด้วยเรื่องของเค เขาพูดถึงความดีของเค และความสามารถของเด็กหนุ่มอย่างตรงไปตรงมาด้วยสีหน้าอ่อนโยนแต่แฝงไปด้วยความเศร้า จนเคหยุดความแค้นลงเพราะสีหน้าของเพื่อนในห้องเริ่มเปลี่ยนจากหน้าซีดเป็นนั่งร้องไห้แทน เขาจึงเข้าใจว่าพวกเพื่อนๆ ของเขาคงจะไม่ริษยาเขาและคงไม่ทำอะไรแบบนั้นกับคนอื่นอีก

            เคเริ่มผ่อนคลายความแค้นลง และเขาก็ต้องขอบคุณอาจารย์ที่เขาปลื้มอยู่อย่างมากๆ เพราะเขาหลุดพ้นจากความแค้นได้ ก็อาจจะเป็นเพราะอาจารย์ แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า เข้าจะเจอคุณแม่ได้ยังไงต่างหาก เคที่ยังไม่หลุดจากขอสงสัยนี้ จึงตัดสินใจคอยอยู่ที่โรงเรียนเพื่อที่จะรออุบัติเหตุให้เกิดขึ้น จะได้อาศัยร่างนั้นไปหาแม่เหมือนในหนัง

            แต่ผ่านไป1 ปีอาจารย์ที่เขาปลื้มก็ได้เลื่อนเป็น ผอ.โรงเรียน เขาที่รอวันนั้นก็แสดงความยินดีด้วย จนกระทั่งเรื่องแปลกมากมายก็เกิดจึ้น ทั้งเรื่องมีคนเห็นวิญญาณและเด็กที่โดนเพื่อนเมินเพราะแค่เก่งกว่า มันช่างเหมือนเขาเหลือเกิน

            และนั้นก็ทำให้เคเริ่มสนใจในตัวของคลาวน์ขึ้นมา...

            เพราะคลาวน์อาจจะสามารถช่วยให้เขาไปพบแม่ได้ก็ได้นะ...

            .

            จนเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นนั้นเอง...

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา