Spring Iris ยามเมื่อดอกไม้บานกับดวงวิญญาณปริศนา
8.1
เขียนโดย NanoRadience
วันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 14.43 น.
3 ตอน
7 วิจารณ์
7,573 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 13 เมษายน พ.ศ. 2556 12.23 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) ชื่อของผม
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ตอนนี้ผมมาหยุดอยู่ที่หน้าศาลเจ้า ‘ยะซุกุนิ’ บรรยากาศของรอบข้างศาลเจ้าแห่งนี้เต็มไป้วยไม้พรรณ์เขียวชอุ่มทั้งสองข้างทางบริเวณทางเข้ามีสิ่งปลูกส่างสูงใหญ่ทำด้วยไม้และถูกแต้มสีแดงลงไปจนดูสะดุดตาเพื่อบ่งบอกถึงเป็นทางตรงเข้าสู่ศาลเจานั่นเอง ท้องฟ้าที่ถูกฉาบด้วยสีขุ่นเทานั้นทำให้ที่นี่ดูจะเงียบสงบอย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว. “ที่นี่สินะสินะ ที่คุณฮานะอยู่ต้องที่นี่เท่านั้นล่ะน่า!” ผมพูดขึ้นก่อนจะค่อยๆ ก้าวเท้าไปตามทางเดินที่ถูกบีบลงจนรู้สึกแคบแต่ทั้งสองข้างทางนั้นก็เต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ที่บ่งบอกถึงการมาเยือนของฤดูกาลนี้ได้เป็นอย่างดี กลิ่นหอมหวนของดอกซากุระที่บานสะพรั่งจนทำให้รู้สึกได้ถึงความมีชีวิตชีวาที่ดูจะหาได้ยากถ้าไม่ได้รักษาสภาพแวดล้อมไว้ได้อย่างดีเยี่ยมแบบนี้. ผมเดินตรงเข้าไปตามทางเดินก็ต้องหยุดกึกและส่งสายตามองตรงไปยังรูปปั้นรูปหนึ่งที่ตั้งไว้กลางทางเดินนั้นรูปปั้นนั้นแต่งกายเป็นซามูไรพอเริ่มหาที่มาโดยการอ่านประวัติของสิ่งปลูกสร้างที่ไว้สำหรับต้อนรับผู้ที่เดินทางผ่านมานี้เองก็ได้ความว่า สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเป็นอนุสาวรีย์ของยอดนักรบคนหนึ่งที่เคยทำหน้าที่จนเลื่องชื่อมาจนถึงทุกวันนี้นั่นเอง.
ในขณะที่กำลังค่อยล่องลอยไปตามประสาของมวลสาร ผมก็ได้ยินเสียงของใครบางคนกำลงส่งเสียงเรียกมา เสียงนี้มันก็คือเสียงของสาวน้อยในเครื่องแบบที่เจอกันก่อนหน้านี้นั่นเอง เสียงของเธอนั้นแตกต่างจนสมารถจดจำได้ภายในเวลาอันสั้น หรืออาจจะเป็นเพราะว่าผมเริ่มให้ความสนใจกับเธอแล้วหรือเปล่านะ. “สวัสดีจ้า” เสียงทักทายด้วยน้ำเสียงใสๆ ผ่านมาตามสายลม. “สวัสดีนะคุณฮานะ ผมมาตามที่แนะนำไว้น่ะ!” ผมเริ่มเกาหัวด้วยความรู้สึกแปลกๆ จริงๆแล้วอาจจะเพราะกลบเกลื่อนอาการตกใจที่โดนทักอย่างไม่ได้คาดเอาไว้เสียมากกว่า “ตามชั้นมานะ มีคนที่อยากให้รู้จักอยู่ล่ะ” เธอพูดด้วยอารมณ์ที่เรียบง่าย เธอกลับหลังหันพร้อมเดินตรงเข้าไปทางศาลเจ้าด้วยความเคยชิน เธอคงคิดว่าตัวเองเป็นผู้นำเที่ยวไปแล้วแน่ๆ ผมก็เดินตามแผ่นหลังอันบอบบางกับเส้นผมที่ยาวสลวยลงไปถึงเอวที่ดูงดงามของเธอ พวกเราทั้งคู่เดินอยู่ด้วยกันไม่นานนักก็มาหยุดอยู่หน้าทางเข้าไปในสิ่งปลูกสร้างรูปทรงโบราณ เมื่อกวาดสายตามองไปแล้วจะรู้ว่าในที่แห่งนี้นอกจากกอกไม้ต่างๆ ก็แทบจะไม่มีอะไรประดับอยู่เลยแม้แต่น้อย “อ้าว ฮานะจังวันนี้พาเพื่อนมาเที่ยวอีกแล้วเหรอ?” ประโยคคำถามที่พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ ของชายวัยกลางคนในชุดยูกาตะลายลูกไม้สีขาวสะอาดได้เอ่ยทักหญิงสาวขึ้น “ใช่แล้วล่ะ ขออนุญาตด้วยนะคะ” “ไม่เป็นไรหรอก ดีแล้วพาเพื่อนมาเที่ยวบ้าง ศาลเจ้าจะได้ดูคึกคักขึ้นมาบ้าง” “ขอบคุณค่ะ” เมื่อจบประโยคสนทนาฮานะก็คว้าเอามือผมไว้และพาวิ่งตรงเข้าไปในบ้านทันที เมื่อเข้ามาก็พบกับแสงสว่างที่มาจากดวงไฟน้อยๆ ในนี้มีทางเดินทอดตัวยาวพร้อมกับห้องอีกไม่มากเท่าไร เธอเริ่มพาผมตรงไปยังห้องรับแขกทันที ห้องรับจกที่ถูกปูด้วยผ้าฝ้ายที่ให้ความนุ่มกับโต๊ะไม้อัดตัวใหญ่หนึ่งตัวที่ถูกวางไว้กลางห้องประตูของห้องเป็นแบบเลื่อนเปิดที่เรียกว่า’โชจิ’ *โชจิ คือประตูที่ทำจากไม้และมีกระดาษบางๆปิดกั้นไว้ เห็นได้ตามปกติทั่วไปตามแบบฉบับบ้านของญี่ปุ่น* “เอ่อ ที่จริงไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้นะครับ.” ผมพูดอย่างประหม่าพร้อมหรี่สายตามองตรงไปที่ฮานะที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับผมในแบบที่หันหน้าเข้าหากันพอดี “หมายความว่าเข้ามาที่บ้านของฉันเหรอ?” เธอยื่นหน้าเข้ามาหาโดยเอามือทั้งสองข้างวางไว้บนโต๊ะเพื่อเป็นฐานรองน้ำหนักตัวดวงตากลมโตประกายสีน้ำตาลของเธอกำลังจ้องหน้าผมอย่างไม่วางตา “ก็แบบที่พูดอกมานั่นล่ะ” ผมนิ่วหน้ามองกลับไป แต่ดูท่าทางเธอจะไม่ได้รู้สึกอะไรเลยสักนิด เธอค่อยๆ ย้อนกลับไปนั่งอย่างปกติอีกครั้งเธอใช้นิ้วเรียวยาวที่ดุจเหมือนกับสีผิวที่ขาวสะอาดของเจ้าหญิงหิมะ ชี้ตรงเข้ามาที่ตัวผมอย่างรวดเร็ว เธอเก๊กเสียงขรึมนิดหน่อยและทำคล้ายหนังสายสืบ เธอเม้นปากและเงยหน้าขึ้นยิงประโยคคำถามเข้าใส่ผมทันที! “นายยังจำชื่อตัวเองไม่ได้สินะ!” เธอพูดขึ้นด้วยเสียงดังก้องไปทั่วทั้งห้อง ทำไมตอนนี้ผมรู้สึกได้ว่าเธอก็ดูไม่ต่างจากเด็กมัธยมต้นคนอื่นเลย แต่ที่อาจจะเหนือชั้นกว่าคนอื่นนอกจากความสวยคงเป็นบุคลิก ที่ดูจะเอนเอียงไปทางติ๊งต๊องอยู่ไม่น้อยของเธอ ผมที่ได้ยินคำถามแบบนั้นก็ตอบไปได้อย่างง่ายดาย ก็เพราะผมยังไม่สามารถนึกออกได้เลยว่าทำไมผมถึงตาย และความทรงจำที่ดูจะหายไปทั้งหมดของผมมันก็ยังไม่มีเค้าลางว่าจะกลับมาได้เลย ผมเลยตอบไปด้วยร้ำเสียงนิ่งๆว่า.. “ก็ยังคงจำไม่ได้ล่ะนะ” ไม่รู้เพราะเหตุใดพอผมตอบไปอย่างนั้นแล้ว แทนที่จะแสดงสีหน้าผิดหวังแต่เธอกลับแตกต่างออกไป เธอหัวเราะขึ้นด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ผมได้แค่คิดว่าเธอคนนี้ไม่ปกติจริงๆเสียแล้ว แต่ทว่าเธอก็พูดออกมาว่า! “อย่ามาอ่านใจคนอื่นงั้นสิ ชั้นปกตินะ แต่ในเมื่อนายไม่มีชื่อเพราะจำไม่ได้จะให้ชั้นเรียกว่า ‘นายปริศนา’แบบนี้ต่อไปก็คงไม่ได้อยู่ดี งั้นชั้นจะตั้งชื่อให้ก็แล้วกัน!” ผมถึงกับเบิกตากว้างและรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกกับคำพุดนั้นของเธอ ในใจที่ถ้าหากผมยังมีตอนนี้มันคงจะเต้นระรัวไปด้วยความเขินอายแล้วแน่ๆ แต่เพราะเป็นเพียงแค่มวลสารเลยไม่อาจจะเป็นไปได้ แต่ก็ยังพอจะรู้สึกถึงความอายอยู่บ้างล่ะนะ. “อินุคุง!” เธอชี้นิ้วมาที่ผมและพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “อย่าเอาชื่อผมไปรวมกับชื่อ สุนัขแบบนั้นสิคุณฮานะ !” ผมนิ่วหน้าตอบไปด้วยเสียงหน่ายๆ “งั้นก็ เทรุเทรุโบสึ !” “นั่นมันตุ๊กตาไล่ฝนแล้ว นะครับ!” ผมพูดด้วยเสียงที่รู้สึกอาย “ มาเนะกิ เนโกะ! ล่ะเป็นไงบ้าง!” “จะพ้นจากเรื่องตุ๊กตาหรือยังครับ!” ผมยกมือขวากุมขมับ. “โคโคโระ... โคโคโระ ฮารุ...” ทันทีที่เธอพูดออกมา ผมก็รู้สึกถูกใจกับชื่อนี้อย่างบอกไม่ถูก ในใจก็คิดว่างั้นก็เอาชื่อนี้ก็แล้วกัน... “ชื่อนี้ก็ได้นะ” ผมยิ้มให้พร้อมกับพูดออกไป “เย้ ฮารุคุง!” ฮานะแสดงออกด้วยสีหน้าที่สดใสไร้เดียงสา รอยยิ้มนั้นเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกดีอย่างถึงที่สุดของเธอเยก็ว่าได้ ผมที่เห็นแบบนั้นก็รู้สึกจะเริ่มอายขึ้นมาอยากจะหน้าแดงเป็นบ้า ! ผมก็ได้แต่คิดอยู่ในใจ. “พี่จ๋า” ผมรู้สึกเหมือนกับได้ยินเสียงของเด็กสาวคนหนึ่งแว่วมา ผมหันหน้ามองไปทางประตูไม้เลื่อนที่ค่อยๆ เปิดออกก็พบกับเด็กสาวคงจะอยู่ประถมปลายๆ ในชุดกิโมโนสีชมพูบานเย็น พร้อมผ้าคาดเอวเป็นสีม่วงเข้มที่มีลายลูกไม้ประดับผมที่ถูกตัดสั้นระดับคอ ดวงตาสีน้ำตาลเข้ม พร้อมดอกไม้ประดับที่ติดไว้กับผมของเธอช่างดูมีเสน่ห์อย่างมากเลยก็ว่าได้ “กลับมาแล้วเหรอจ้ะ ยูริจัง!” เสียงพูดของฮานะเอ่ยทักทายเด็กสาวคนดังกล่าว “นี่ใครเหรอจ้ะ พี่จ๋า” เธอพูดระหว่างเดินตรงเข้าไปหาฮานะ จากดวงตาของทั้งคู่ สามารถเดาออกได้ไม่ยากเลยว่าทั้งสองเป็นพี่น้องกัน เธอมองมาที่ฮารุด้วยสายตาเย็นชาสุดโต่ง! “เพื่อนของพี่น่ะ เป็นวิญญาณชื่อพี่ชื่อฮารุจ้ะ” “อ๋อ ก็แล้วไปอย่าคิดมาแย่งพี่จ๋าไปจากเค้านะ!” เด็กสาวที่ชื่อยูริชี้นิ้วใส่ฮารุแล้วพูดออกมาตามประสาเด็กหวงพี่สาว “ครับ..ครับ ไม่คิดอะไรหรอกน่า ยูริซัง!” ผมพูดตอบไปด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ “อย่ามาตีสนิทนะ เจ้าคนแปลกหน้า !” เหมือนผมจะรู้สึกว่าเธอไม่ต้องการต้อนรับผมเลยก็ไม่รู้ การแสดงท่าทีแบบนี้ทำเหมือนว่าผมเป็นคนแปลกหน้า... ก็เป็นคนแปลกหน้าจริงๆนี่นา. “งั้นก็ ฮารุชั้นชั้นจะช่วยนายจนถึงที่สุด จนกว่ามิโกะอย่างชั้นจะส่งนายไปสู่สุคติได้ แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่อยากให้ระวังตัวเอาไว้” “อะไรเหรอครับ?” ผมแสดงสีหน้าไม่ค่อยเข้าใจเล็กน้อย “ยมทูตไงล่ะ!” เสียงเล็กๆของยูริก็ดังแทรกผ่านเข้ามา. “ก็อย่างที่ยูริบอกล่ะ ยมทูตคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับวิญญาณเร่ร่อนเพราะว่าเขา” ฮานะทำสีหน้าแปลกๆ ผมที่เห็นเป็นแบบนั้นเลยพยายามถามออกไป. “เขาเหรอ?” “ก็ตามนั้นล่ะ สามารถขจัดดวงวิญญาณเร่ร่อนแบบฮารุคุงได้ วิธีการก็คือทำลายดวงวิญญาณนั้นให้แตกสลายหายไป และชั้นก็เชื่อว่าดวงวิญญาณเหล่านั้นหายไปจริงๆ..” ผมที่เห็นว่าสถานการณ์เริ่มกดดันขึ้นอย่างน่าประหลาดก็พยายามพูดให้ทุกอย่างดีขึ้น แต่ทว่าชั่วพริบตานั้นเองก็รู้สึกเหมือนกับว่าเวลาหยุดเดิน รอบข้างถูกฉาบลงด้วยสีเทาที่ว่างเปล่า มีเพียงแค่สายลมและดอกไม้ที่พลิ้วไหวตามสายลมเท่านั้นที่ยังคงเคลื่อนไหว ความรู้สึกเย็นยะเยือกอย่างน่าประหลาดที่ไม่น่าจะมีได้ในฤดูกาลเช่นนี้ก็โหมกระหน่ำเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว! “ไม่นึกเลยว่าจะออกมาในที่แบบนี้ แต่ว่านะชั้นไม่ยอมให้แกเอาดวงวิญญาณบริสุทธิ์ดวงนี้ไปหรอก” เสียงของฮานะกำลังพูดขึ้นในมือของเธอมีถุงเกลือถืออยู่ แผ่นหลังอันบอบบางของเธอกำลังปกป้องผมงั้นเหรอ... เบื้องหน้าของฮานะปรากฏร่างของชายหนุ่มในชุดยูกาตะสีน้ำเงิน ดวงตาที่สื่อถึงความเจ้าเล่ห์และผ้าคาดปิดตาหนึ่งข้าง ใบหน้าของเขานั้นราวกลับว่าซ่อนความร้ายกาจไว้มากมาย... ชายปริศนาที่ปรากฎตัวมาในช่วงเวลาที่น่าประหลาดนั้นก็เบิกตากว้างพร้อมแสยะยิ้มออกมากับคำพูดของเขา.. “มิโกะอย่างเธอก็แค่พวกปลายแถว ผมจะช่วยให้เขาไปสู่สุคติเองไม่ต้องห่วงหรอกนะ ฮ่ะ ฮ่ะ !” ยมทูตปริศนาที่ปรากฏตัวขึ้นแสดงเป้าหมายอย่างชัดเจน เรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อไป...
ในขณะที่กำลังค่อยล่องลอยไปตามประสาของมวลสาร ผมก็ได้ยินเสียงของใครบางคนกำลงส่งเสียงเรียกมา เสียงนี้มันก็คือเสียงของสาวน้อยในเครื่องแบบที่เจอกันก่อนหน้านี้นั่นเอง เสียงของเธอนั้นแตกต่างจนสมารถจดจำได้ภายในเวลาอันสั้น หรืออาจจะเป็นเพราะว่าผมเริ่มให้ความสนใจกับเธอแล้วหรือเปล่านะ. “สวัสดีจ้า” เสียงทักทายด้วยน้ำเสียงใสๆ ผ่านมาตามสายลม. “สวัสดีนะคุณฮานะ ผมมาตามที่แนะนำไว้น่ะ!” ผมเริ่มเกาหัวด้วยความรู้สึกแปลกๆ จริงๆแล้วอาจจะเพราะกลบเกลื่อนอาการตกใจที่โดนทักอย่างไม่ได้คาดเอาไว้เสียมากกว่า “ตามชั้นมานะ มีคนที่อยากให้รู้จักอยู่ล่ะ” เธอพูดด้วยอารมณ์ที่เรียบง่าย เธอกลับหลังหันพร้อมเดินตรงเข้าไปทางศาลเจ้าด้วยความเคยชิน เธอคงคิดว่าตัวเองเป็นผู้นำเที่ยวไปแล้วแน่ๆ ผมก็เดินตามแผ่นหลังอันบอบบางกับเส้นผมที่ยาวสลวยลงไปถึงเอวที่ดูงดงามของเธอ พวกเราทั้งคู่เดินอยู่ด้วยกันไม่นานนักก็มาหยุดอยู่หน้าทางเข้าไปในสิ่งปลูกสร้างรูปทรงโบราณ เมื่อกวาดสายตามองไปแล้วจะรู้ว่าในที่แห่งนี้นอกจากกอกไม้ต่างๆ ก็แทบจะไม่มีอะไรประดับอยู่เลยแม้แต่น้อย “อ้าว ฮานะจังวันนี้พาเพื่อนมาเที่ยวอีกแล้วเหรอ?” ประโยคคำถามที่พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ ของชายวัยกลางคนในชุดยูกาตะลายลูกไม้สีขาวสะอาดได้เอ่ยทักหญิงสาวขึ้น “ใช่แล้วล่ะ ขออนุญาตด้วยนะคะ” “ไม่เป็นไรหรอก ดีแล้วพาเพื่อนมาเที่ยวบ้าง ศาลเจ้าจะได้ดูคึกคักขึ้นมาบ้าง” “ขอบคุณค่ะ” เมื่อจบประโยคสนทนาฮานะก็คว้าเอามือผมไว้และพาวิ่งตรงเข้าไปในบ้านทันที เมื่อเข้ามาก็พบกับแสงสว่างที่มาจากดวงไฟน้อยๆ ในนี้มีทางเดินทอดตัวยาวพร้อมกับห้องอีกไม่มากเท่าไร เธอเริ่มพาผมตรงไปยังห้องรับแขกทันที ห้องรับจกที่ถูกปูด้วยผ้าฝ้ายที่ให้ความนุ่มกับโต๊ะไม้อัดตัวใหญ่หนึ่งตัวที่ถูกวางไว้กลางห้องประตูของห้องเป็นแบบเลื่อนเปิดที่เรียกว่า’โชจิ’ *โชจิ คือประตูที่ทำจากไม้และมีกระดาษบางๆปิดกั้นไว้ เห็นได้ตามปกติทั่วไปตามแบบฉบับบ้านของญี่ปุ่น* “เอ่อ ที่จริงไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้นะครับ.” ผมพูดอย่างประหม่าพร้อมหรี่สายตามองตรงไปที่ฮานะที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับผมในแบบที่หันหน้าเข้าหากันพอดี “หมายความว่าเข้ามาที่บ้านของฉันเหรอ?” เธอยื่นหน้าเข้ามาหาโดยเอามือทั้งสองข้างวางไว้บนโต๊ะเพื่อเป็นฐานรองน้ำหนักตัวดวงตากลมโตประกายสีน้ำตาลของเธอกำลังจ้องหน้าผมอย่างไม่วางตา “ก็แบบที่พูดอกมานั่นล่ะ” ผมนิ่วหน้ามองกลับไป แต่ดูท่าทางเธอจะไม่ได้รู้สึกอะไรเลยสักนิด เธอค่อยๆ ย้อนกลับไปนั่งอย่างปกติอีกครั้งเธอใช้นิ้วเรียวยาวที่ดุจเหมือนกับสีผิวที่ขาวสะอาดของเจ้าหญิงหิมะ ชี้ตรงเข้ามาที่ตัวผมอย่างรวดเร็ว เธอเก๊กเสียงขรึมนิดหน่อยและทำคล้ายหนังสายสืบ เธอเม้นปากและเงยหน้าขึ้นยิงประโยคคำถามเข้าใส่ผมทันที! “นายยังจำชื่อตัวเองไม่ได้สินะ!” เธอพูดขึ้นด้วยเสียงดังก้องไปทั่วทั้งห้อง ทำไมตอนนี้ผมรู้สึกได้ว่าเธอก็ดูไม่ต่างจากเด็กมัธยมต้นคนอื่นเลย แต่ที่อาจจะเหนือชั้นกว่าคนอื่นนอกจากความสวยคงเป็นบุคลิก ที่ดูจะเอนเอียงไปทางติ๊งต๊องอยู่ไม่น้อยของเธอ ผมที่ได้ยินคำถามแบบนั้นก็ตอบไปได้อย่างง่ายดาย ก็เพราะผมยังไม่สามารถนึกออกได้เลยว่าทำไมผมถึงตาย และความทรงจำที่ดูจะหายไปทั้งหมดของผมมันก็ยังไม่มีเค้าลางว่าจะกลับมาได้เลย ผมเลยตอบไปด้วยร้ำเสียงนิ่งๆว่า.. “ก็ยังคงจำไม่ได้ล่ะนะ” ไม่รู้เพราะเหตุใดพอผมตอบไปอย่างนั้นแล้ว แทนที่จะแสดงสีหน้าผิดหวังแต่เธอกลับแตกต่างออกไป เธอหัวเราะขึ้นด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ผมได้แค่คิดว่าเธอคนนี้ไม่ปกติจริงๆเสียแล้ว แต่ทว่าเธอก็พูดออกมาว่า! “อย่ามาอ่านใจคนอื่นงั้นสิ ชั้นปกตินะ แต่ในเมื่อนายไม่มีชื่อเพราะจำไม่ได้จะให้ชั้นเรียกว่า ‘นายปริศนา’แบบนี้ต่อไปก็คงไม่ได้อยู่ดี งั้นชั้นจะตั้งชื่อให้ก็แล้วกัน!” ผมถึงกับเบิกตากว้างและรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกกับคำพุดนั้นของเธอ ในใจที่ถ้าหากผมยังมีตอนนี้มันคงจะเต้นระรัวไปด้วยความเขินอายแล้วแน่ๆ แต่เพราะเป็นเพียงแค่มวลสารเลยไม่อาจจะเป็นไปได้ แต่ก็ยังพอจะรู้สึกถึงความอายอยู่บ้างล่ะนะ. “อินุคุง!” เธอชี้นิ้วมาที่ผมและพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “อย่าเอาชื่อผมไปรวมกับชื่อ สุนัขแบบนั้นสิคุณฮานะ !” ผมนิ่วหน้าตอบไปด้วยเสียงหน่ายๆ “งั้นก็ เทรุเทรุโบสึ !” “นั่นมันตุ๊กตาไล่ฝนแล้ว นะครับ!” ผมพูดด้วยเสียงที่รู้สึกอาย “ มาเนะกิ เนโกะ! ล่ะเป็นไงบ้าง!” “จะพ้นจากเรื่องตุ๊กตาหรือยังครับ!” ผมยกมือขวากุมขมับ. “โคโคโระ... โคโคโระ ฮารุ...” ทันทีที่เธอพูดออกมา ผมก็รู้สึกถูกใจกับชื่อนี้อย่างบอกไม่ถูก ในใจก็คิดว่างั้นก็เอาชื่อนี้ก็แล้วกัน... “ชื่อนี้ก็ได้นะ” ผมยิ้มให้พร้อมกับพูดออกไป “เย้ ฮารุคุง!” ฮานะแสดงออกด้วยสีหน้าที่สดใสไร้เดียงสา รอยยิ้มนั้นเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกดีอย่างถึงที่สุดของเธอเยก็ว่าได้ ผมที่เห็นแบบนั้นก็รู้สึกจะเริ่มอายขึ้นมาอยากจะหน้าแดงเป็นบ้า ! ผมก็ได้แต่คิดอยู่ในใจ. “พี่จ๋า” ผมรู้สึกเหมือนกับได้ยินเสียงของเด็กสาวคนหนึ่งแว่วมา ผมหันหน้ามองไปทางประตูไม้เลื่อนที่ค่อยๆ เปิดออกก็พบกับเด็กสาวคงจะอยู่ประถมปลายๆ ในชุดกิโมโนสีชมพูบานเย็น พร้อมผ้าคาดเอวเป็นสีม่วงเข้มที่มีลายลูกไม้ประดับผมที่ถูกตัดสั้นระดับคอ ดวงตาสีน้ำตาลเข้ม พร้อมดอกไม้ประดับที่ติดไว้กับผมของเธอช่างดูมีเสน่ห์อย่างมากเลยก็ว่าได้ “กลับมาแล้วเหรอจ้ะ ยูริจัง!” เสียงพูดของฮานะเอ่ยทักทายเด็กสาวคนดังกล่าว “นี่ใครเหรอจ้ะ พี่จ๋า” เธอพูดระหว่างเดินตรงเข้าไปหาฮานะ จากดวงตาของทั้งคู่ สามารถเดาออกได้ไม่ยากเลยว่าทั้งสองเป็นพี่น้องกัน เธอมองมาที่ฮารุด้วยสายตาเย็นชาสุดโต่ง! “เพื่อนของพี่น่ะ เป็นวิญญาณชื่อพี่ชื่อฮารุจ้ะ” “อ๋อ ก็แล้วไปอย่าคิดมาแย่งพี่จ๋าไปจากเค้านะ!” เด็กสาวที่ชื่อยูริชี้นิ้วใส่ฮารุแล้วพูดออกมาตามประสาเด็กหวงพี่สาว “ครับ..ครับ ไม่คิดอะไรหรอกน่า ยูริซัง!” ผมพูดตอบไปด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ “อย่ามาตีสนิทนะ เจ้าคนแปลกหน้า !” เหมือนผมจะรู้สึกว่าเธอไม่ต้องการต้อนรับผมเลยก็ไม่รู้ การแสดงท่าทีแบบนี้ทำเหมือนว่าผมเป็นคนแปลกหน้า... ก็เป็นคนแปลกหน้าจริงๆนี่นา. “งั้นก็ ฮารุชั้นชั้นจะช่วยนายจนถึงที่สุด จนกว่ามิโกะอย่างชั้นจะส่งนายไปสู่สุคติได้ แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่อยากให้ระวังตัวเอาไว้” “อะไรเหรอครับ?” ผมแสดงสีหน้าไม่ค่อยเข้าใจเล็กน้อย “ยมทูตไงล่ะ!” เสียงเล็กๆของยูริก็ดังแทรกผ่านเข้ามา. “ก็อย่างที่ยูริบอกล่ะ ยมทูตคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับวิญญาณเร่ร่อนเพราะว่าเขา” ฮานะทำสีหน้าแปลกๆ ผมที่เห็นเป็นแบบนั้นเลยพยายามถามออกไป. “เขาเหรอ?” “ก็ตามนั้นล่ะ สามารถขจัดดวงวิญญาณเร่ร่อนแบบฮารุคุงได้ วิธีการก็คือทำลายดวงวิญญาณนั้นให้แตกสลายหายไป และชั้นก็เชื่อว่าดวงวิญญาณเหล่านั้นหายไปจริงๆ..” ผมที่เห็นว่าสถานการณ์เริ่มกดดันขึ้นอย่างน่าประหลาดก็พยายามพูดให้ทุกอย่างดีขึ้น แต่ทว่าชั่วพริบตานั้นเองก็รู้สึกเหมือนกับว่าเวลาหยุดเดิน รอบข้างถูกฉาบลงด้วยสีเทาที่ว่างเปล่า มีเพียงแค่สายลมและดอกไม้ที่พลิ้วไหวตามสายลมเท่านั้นที่ยังคงเคลื่อนไหว ความรู้สึกเย็นยะเยือกอย่างน่าประหลาดที่ไม่น่าจะมีได้ในฤดูกาลเช่นนี้ก็โหมกระหน่ำเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว! “ไม่นึกเลยว่าจะออกมาในที่แบบนี้ แต่ว่านะชั้นไม่ยอมให้แกเอาดวงวิญญาณบริสุทธิ์ดวงนี้ไปหรอก” เสียงของฮานะกำลังพูดขึ้นในมือของเธอมีถุงเกลือถืออยู่ แผ่นหลังอันบอบบางของเธอกำลังปกป้องผมงั้นเหรอ... เบื้องหน้าของฮานะปรากฏร่างของชายหนุ่มในชุดยูกาตะสีน้ำเงิน ดวงตาที่สื่อถึงความเจ้าเล่ห์และผ้าคาดปิดตาหนึ่งข้าง ใบหน้าของเขานั้นราวกลับว่าซ่อนความร้ายกาจไว้มากมาย... ชายปริศนาที่ปรากฎตัวมาในช่วงเวลาที่น่าประหลาดนั้นก็เบิกตากว้างพร้อมแสยะยิ้มออกมากับคำพูดของเขา.. “มิโกะอย่างเธอก็แค่พวกปลายแถว ผมจะช่วยให้เขาไปสู่สุคติเองไม่ต้องห่วงหรอกนะ ฮ่ะ ฮ่ะ !” ยมทูตปริศนาที่ปรากฏตัวขึ้นแสดงเป้าหมายอย่างชัดเจน เรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อไป...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ