Tribute Girl. Yuri
เขียนโดย ปรัสรา
วันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2556 เวลา 05.18 น.
แก้ไขเมื่อ 12 มกราคม พ.ศ. 2556 06.28 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) บทที่+6
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ+ + เจ็ดค่ำราตรีผ่านไปไวดั่งความฝัน +หากแต่ภาพนิทรายามนอนกลับไม่ใช่สิ่งที่มิสึงิกล้าทวงถาม +เพราะไม่รู้ว่าตนละเมอเพ้อเจ้อเพราะเจ้านายกลับมา +หรือความฝันนั้นเกิดจากฤทธาเทพอย่างแท้จริง +นางรั้งความกระสับกระส่ายไว้เพียงใจตนเท่านั้น +ด้วยเกรงว่าการไต่ถามดูจะเสียมารยาทกึ่งจะน่าอับอายไปมาก +จนกว่าเทวนารีองค์นี้จะเป็นผู้เปิดเผยออกมาเอง +นางจะก้มหน้าก้มตาดูแลพยาบาลต่อไป +โดยไม่ยอมพูดสิ่งใดในความฝันสักครึ่งคำ +ถึงแม้ยุคุซึจินจะรับรู้ความนัยของสายตาที่แอบเหลือบมองบางครั้งครา +แต่ความน่ารักแบบฉบับสตรีที่ไม่เคยพบพานกับเรื่องฉันชู้สาวก็ใช่ย่อย +สามปีสร้างให้ใจคนโตขึ้นฉันใด +ก็ใช่ว่าต้องแข็งแกร่งวเผชิญสรรพสิ่งได้ดั่งขุนเขา +แล้วตัวนางเองเล่า +จะกล่าวออกไปเป็นคำรบสองก็มิได้ง่ายเหมือนลงดาบประหัตประหาร +ความรักแม้นยังไม่ลึกซึ้งตรึงตรานับร้อยปี +สิ่งที่มีย่อมเพียงพอต่อความเก้อเขินแล้ว +สองนางจึงได้แต่มองกันไปมองกันมาหยั่งเชิงฉะนี้แล
+ + เหนือสิ่งความนัยในเรื่องปริศนาของความฝันนั้น +ความคาใจที่ไม่อาจพูดไปของหญิงสาวคือต้นเหตุของบาดแผลสาหัสนั้น +สึกิฮิคาริกล่าวว่าร่างกายของเทพเทพีล้วนแต่แข็งแกร่งกว่ามนุษย์พันเท่า +แต่บาดแผลที่โยงยาวมาจวบจนครบเจ็ดราตรีนี้แลดูหนักหนาเอาการ +ทั้งยังต้องใช้สมุนไพรช่วยเยียวยาขนานหนัก +นางเรียนรู้สิ่งต่างๆ+จากการพบปะเทพธิดาแห่งสายลมหนาวมาพอสมควร +ผู้คนภายนอกอาจมองว่านางช่างเก็บความลับได้ไม่ดี +ทั้งยังมีใบหน้าและวิสัยอันแก่นเซี้ยวราวเด็กสาวชาวมนุษย์ทั่วไป +หากแต่ความรู้ในเรื่องสมุนไพรของนางไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย +นางรู้จักพืชพรรณและวิธีแก้พิษที่มีอยู่บนภูเขานี้ทั้งหมด +บางคืนยังมีความรู้จากเทพีแห่งพระจันทร์เข้าร่วมด้วย +สายตาของพวกนางกว้างไกลและยืนยาวมานับพันปี +ช่างน่าทึ่งในสิ่งที่ผู้คนต่างมองข้ามนัก
+ + เหนือสิ่งอื่นใด +เมื่อครบเจ็ดราตรี +บาดแผลของเจ้านายหญิงก็ปิดสนิทโดยไม่หลงเหลือร่องรอยใดไว้เลย +และนางคงจะเบื่อหน่ายการนอนเฉยเต็มที +จึงได้ลุกขึ้นมาเดินสำรวจสวนดอกไม้โดยรอบ
+ + "เจ้าไม่มีทางรู้ว่าข้าอยู่ในห้องนั้นมานานเพียงใด +มันมากกว่าที่ชีวิตมนุษย์คนหนึ่งจะยืนยาวถึงได้" +ยูคุซึจินกล่าวด้วยน้ำเสียงชื่นมื่นระหว่างก้มลงสูดกลิ่นของมวลบุปผา
+ + มิสึงิยิ้มรับรู้แล้วตั้งใจจะสัมผัสมือกับผู้พูดเพื่อนำไปยังของสิ่งหนึ่ง +ซึ่งนางถือโอกาสสร้างไว้คลายความจำเจที่ปรากฏระหว่างรอการกลับมา +หากแต่จะดึงมือเจ้านายก็ใช่จะสมควร +หญิงสาวจึงสบตากับนางด้วยความไม่แน่ใจ +ทุกครั้งในสวนดอกไม้แห่งนี้ +นางมักจะรู้สึกถึงความทัดเทียมระหว่างตนกับสตรีสรวงเสมอ +คงเพราะธรรมชาติไม่ได้สร้างสรรค์แพรพรรณชาดหรือแท่นนั่งระหว่างยศฐา +ใบหน้าแจ่มใสของยูคุซึจินก็มีมากเป็นพิเศษ +ไม่ปั้นยิ้มเสมือนสวมหน้ากากดั่งที่ปรากฏเป็นประจำ
+ + เมื่อเห็นกิริยาคล้ายหยั่งท่าทีเชิงไม่แน่ใจของเครื่องบรรณาการ +เทวนารีย่อมรู้ว่าการเอื้อมมาใกล้เมื่อครู่หมายถึงสิ่งใด +หากแต่ตัวนางก็ไม่ใคร่จะแน่ใจนัก +นางอยู่เหนือคนทั้งหมู่บ้านและอยู่เหนือดรุณีผู้มีโชคชะตารับใช้มาโดยตลอด +ในความใฝ่ฝันนั้น +มิสึงิถูกยอมรับว่าเป็น+‘หญิงสาวผู้ใกล้ชิดที่สุด’+เพียงเพราะคำพูดห่วงใยเท่านั้นเอง+ การแสดงท่าทีว่านางอยู่ในฐานะที่สามารถจับจูงมือกับตนได้ +ความทระนงขององค์เทพีย่อมถูกปะทุขึ้นมาเป็นธรรมดา
+ + ตนเองก็ลังเล +นางเองก็ลังเล +สุดท้ายยูคุซึจินได้แต่พูดเพียงคำกล่าวเดียว +“เราได้พบกันในฝันนั้น...เจ้าควรรู้ไว้”
+ + หากจะจับมือกัน +เทวนารีไม่มีข้อคัดค้าน +หากแต่ความรู้สึกจะออกมาในแง่ดีหรือร้าย +นางเองก็ไม่ใคร่จะมั่นใจ
+ + บุตรีชาวมนุษย์รับรู้การหลบตาของเจ้านายและแสดงความอ่อนน้อมในการขอนำทางไปโดยไม่ได้พูดสิ่งใดนอกเหนือจากนั้น +มิใช่ว่าพูดไม่ออกหรือแง่งอนอะไร +แต่ในเมื่อนางไม่ได้เป็นทั้งคนรักหรืออยู่ในฐานะเท่าเทียม +มันจึงไม่มีสิทธิไปต่อว่าต่อขานได้อยู่ +แน่นอน+หญิงสาวก็ใช่ว่าจะไม่หงุดหงิดใจในความคิดเจ้ายศเจ้าของเทพีแห่งตน +ต่อให้ควรจะกล่าวว่านางไม่คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ปานใด +หรือมีศักดิ์อย่างที่ยูคุซึจินจะคิดได้ว่านางเป็น +หญิงสาวก็ขอปิดปากเงียบให้อีกฝ่ายคิดมากไปเช่นนั้นก็พอ +ไม่มีผู้ใดฉลาดเฉลียวล้ำฟ้า +ผู้ที่มาบกพร่องกับเรื่องเล็กน้อยก็มีอยู่มากเช่นกัน +โดยเฉพาะผู้ที่กังวลว่าตัวเองจะถูกลดทอนอำนาจลงไปหรือไม่ +ในสิ่งที่พลั้งเผลอพูดไปในวันวาน
+ + อารมณ์ของมนุษย์มีมากหลาย +บางครั้งคนที่เผลอสนใจในสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นจนใจเร็วด่วนได้ +ก็มักต้องมาอับอายหรือวิตกกับสิ่งที่ปรากฏไปฉะนี้ +เฉกเช่นเดียวกับการหยอกเย้าของบุรุษ +บางคราต้องตากับหญิงงามโฉมสะคราญ +แต่เมื่อนานไปกลับพบว่าตนไม่ได้ปรารถนาจะเอ่ยถ้อยวจีรักต่อนาง +ไหนเลยจะพูดออกไปเสียดื้อๆ+กันเล่า +อีกทั้งยูคุซึจินยังปรารถนาจะสนุกสนานกับการลองมีผู้ที่อยู่ในฐานะฉันชู้สาว +แต่ยังก่ำกึ่งเป็นนายบ่าวอยู่วันยังค่ำ +ในเมื่อสองจิตสองใจเช่นนี้เรื่อยไปเล่า +เครื่องบรรณาการจึงไม่กล้าปฏิบัติกับนางในฐานะนั้นอย่างเต็มที่นัก
+ + แม้จะไม่รู้ถึงความคิดของเครื่องบรรณาการอย่างเต็มที่ +เทวนารีก็ใช่ว่าจะปล่อยให้ตนใคร่ครวญกับเรื่องที่อีกฝ่ายไม่ขึ้งเครียดเอาเสียเลย +อย่างน้อยก็ในยามนี้ +นางมองท้องฟ้า +เอื้อมมือไปสัมสายลมอันแผ่วเบา +พร้อมทั้งสดับฟังเสียงของวิหคน้อยใหญ่ในภูเขา +“ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองจึงต้องอยู่นอกห้อง +จึงไม่เคยมองออกมาเพื่อรับรู้ถึงสิ่งกำเนิดใหม่ๆ +จนกระทั่งวันหนึ่ง...คืนหนึ่งที่ข้าได้ยินเสียงของใครบางคน”
+ + ดอกไม้บนต้นปลิวลอยมาตามผืนวายุถูกนางคว้าไว้ดอกหนึ่ง +ครั้นจะนำมาปักร่วมกับเครื่องประดับเกล้าก็กระไรอยู่ +ความงามของมันคงไม่อาจสู้กับอัญมณีงามประกายเหล่านี้ได้ +หากแต่ไม่ใช่กับเครื่องบรรณาการ +ผู้ประดับพอให้บังเกิดความงามสมฐานะเท่านั้น +นัยน์เนตรของสตรีสรวงคล้อยอ่อนลงดุจพบพานกับความเหมาะสมในใบหน้าอ่อนเยาว์นั้น +สามคำรบปีผ่านพ้น +นางได้เติบโตขึ้นอย่างสมบูรณ์พร้อมสำหรับกายร่างแห่งหญิงสาว +หากแต่บุปผาคู่ควรในวันวานเช่นไร +วันนี้ยังคงคู่ควรเฉกเช่นเดิม
+ + ไฉนจึงไม่ชื่อฮานะ+(ดอกไม้)+กันหนอ +ทั้งที่นางโดดเด่นอยู่เหนือมวลบุปผา +อาภรณ์หวานอันคู่กายอยู่เสมอได้โลดแล่นแผ่วพลิ้วไปตามลม +ไม่ต่างบุปผชาติแสนสวยที่เคยถูกวาดร่วมกันบนกระดาษขาวแผ่นนั้น +คงเป็นเพราะชะตากรรมอันติดตัวมาตั้งแต่เกิดกระมัง? +สิ่งใดผานพ้นไปคงจะแก้ไขไม่ได้ +แม้หญิงสาวจะยินยอมเปลี่ยนเรียก +ยูคุซึจินก็คงจะไม่คุ้นกึ่งจะติดขัดอยู่ปลายลิ้นนี้เอง +นามใดที่เคยขับขานวันวาน +นางย่อมไม่อยากจะลบเลือนมัน
+ + เมื่อคิดถึงเรื่องราวผันผ่าน +รวมกันแล้วยังไม่ถึงหนึ่งเดือนกาลแท้ๆ +ความพิเศษบางอย่างในตัวของกันและกันกลับสร้างแรงดึงดูดพิเศษขึ้น +ฝ่ายหนึ่งมอบความอบอุ่นไว้ใจอย่างที่ไม่เคยได้รับจากมนุษย์ด้วยกัน +แม้จะเจ้ายศเจ้าอย่างไปบ้างก็นับว่าชวนเข้าใจ +อีกฝ่ายหนึ่งได้สร้างสิ่งที่เรียกว่าความห่วงใยไว้ให้อย่างน่าประหลาด +เพียงคำคำเดียวแต่กลับสร้างบางสิ่งให้จรดลงในจิตใจ +อาจจะท้อแท้ถอดใจในสิ่งที่ตนทำไม่ได้ไวไปสักหน่อย +นอกเหนือจากนั้นก็นับว่าไม่เลวร้ายในการอยู่ร่วมกัน
+ + ยูคุซึจินนึกสะดุดใจ +“ใช่ +เจ้าช่างท้อแท้ง่ายดายนัก”
+ + ผู้เดินนำมาจนถึงหน้าต้นไม้ใหญ่หันมาด้วยสายตาราวกับจะถามถึงที่มาของคำพูด +หากแต่สตรีสรวงจับจ้องยังชิงช้าแกว่งไกวเบื้องหน้าแทน +สภาพของมันนับว่าดีมากทีเดียว +คงเพราะสร้างขึ้นอย่างแข็งแรงและเพิ่งใช้งานเพียงสามปีเท่านั้น +หญิงสาวคงจะตัดเถาวัลย์มาร้อยกับแผ่นไม้ที่หาได้ทั่วทั้งคีรีนี้
+ + "เมื่อครู่+ท่านต้องการจะบอกอะไรงั้นหรือ" +นางกล่าวไปปัดฝุ่นเศษใบไม้ร่วงไป +แล้วจึงละมือให้นายหญิงลองนั่งสัมผัสสายลมจนเครื่องประดับศีรษะกวัดแกว่งลู่ไป +ยูคุซึจินเคยพบสิ่งนี้มาหลายต่อหลายครั้ง +เพียงแต่ไม่เคยลองโล้เล่นด้วยตนเองมาก่อนทีแรกนางรู้สึกว่าขืนตัวไม่ให้ลื่นตกจนรู้สึกนั่งไม่ถนัดนัก +แต่เมื่อขยับกายจนเข้าที่เข้าทาง +ความรู้สึกปลอดโปร่งปะทุขึ้นจนอยากจะหัวเราะออกมาให้เต็มเสียง
+ + มิสึงิคลายความสงสัยในคำพูดแปลกๆ+นั่น +ตั้งแต่เห็นรอยยิ้มสนุกสนานแรกของเจ้านาย +เพียงแค่วายุทั้งหลายพลิ้วแผ่วขึ้น +กายาได้ลอยสูงตามแรงที่โหมเหวี่ยง +ความตื่นเต้นบางอย่างก็ระบายในอารมณ์ทันที +คงเพราะทวยเทพทั้งหลายสามารถล่องลอยได้ด้วยกำลังของตน +การสร้างชิงช้าขึ้นมาคงเป็นเรื่องที่ไร้ซึ่งความสลักสำคัญ +แต่ไม่ใช่กับมนุษย์ +เพราะพวกเขาไม่อาจกระทำได้ดังเทวาเหล่านั้น +จึงสามารถสร้างสิ่งที่ถูกมองข้ามไปโดยง่าย +รวมทั้ง+แม้จะสามารถเหาะเดินในนภากาศได้ +ถ้าสิ่งที่รองรับมีเพียงแผ่นไม้ธรรมดาเพียงแผ่นเดียวเล่า? +มันคงจะเป็นอะไรที่แปลกใหม่น่าดู
+ + เมื่อผลัดการลองแกว่งไกวชิงช้าจนเหนื่อยอ่อนแรงด้วยกันทั้งคู่ +สตรีทั้งสองต่างล้มตัวลงบนพื้นหญ้าอย่างไม่สนใจว่าอาภรณ์จะเปียกเปื้อน +มิสึงิคว่ำกายพลางเท้าคางตนอย่างพินิจพิเคราะห์ +ใบหน้าของเจ้าชีวิตเจื่อสีแดงระเรื่อปนหอบเหนื่อย +ไม่ว่าอย่างไรก็ยังคงความงามไว้ได้เสมอ +ช่างเป็นเรื่องที่น่าประหลาดเสียจริง +เทพีทุกองค์ในสวรรค์จะเป็นเหมือนกันไหมหนอ +ทว่า+เทพีแห่งจันทราก็ไม่ได้สร้างความรู้สึกมากล้นถึงเพียงนี้ +เสมือนในกายของเทพีปกปักษ์มีบางสิ่งเสริมเติมแต่งเข้ามา...
+ + “ขออภัยที่ข้าอาจจะละลาบละล้วงต่อภารกิจของท่าน +แต่ในสามปีที่ผ่านมานี้ +ท่านอยู่ที่ไหนหรือ” +น้ำเสียงของเครื่องบรรณาการราบเรียบดั่งที่เคยเป็น +หากแต่แฝงไว้ด้วยความฉงนใจอย่างที่สุด +“ท่านที่ข้ารู้จัก +คงไม่มีทางมานั่งโล้ชิงช้าเป็นแน่”
+ + “ข้าที่เจ้ารู้จัก +ไยจะมานั่งโล้ชิงช้าไม่ได้ +เราเพิ่งพบกันไม่กี่วัน +เจ้าจะตัดสินข้าแล้วรึ?+” +น้ำเสียงของเทพีนั้นเล่ากลับหยอกเย้าอย่างที่สุด +“แล้วข้ามีสิ่งใดเปลี่ยนไปกัน?+ รูปร่างหน้าตาหรือว่าอุปนิสัย +ข้ามั่นใจว่ามันยังคงเดิม +เพียงแต่เจ้าไม่เคยรู้เท่านั้นเอง +ที่สำคัญ+ผู้ที่เป็นฝ่ายเปลี่ยนไม่ใช่ข้า...”.
+ + ยูคุซึจินใช้หลังนิ้วไล้ไปมาบนแก้มเนียนของหญิงสาว +กระทำราวกับนางเป็นนกน้อยที่น่ารัก +นัยน์ตาของมิสึงิมีชีวิตชีวาขึ้นอย่างบอกไม่ถูก +รวมทั้งน้ำเสียงอันไร้ซึ่งอารมณ์และจุดหมายในการดำรงอยู่ +หากแต่ภายใต้สิ่งนั้นแอบแฝงไว้ด้วยพายุแห่งอารมณ์อันเกรี้ยวกราด +ไม่รู้ว่าบรรดาเทพเทพีที่แวะเวียนมายามที่นางปฏิบัติภารกิจอยู่ได้กระทำสิ่งใดบ้าง +รู้แต่ว่าเครื่องบรรณาการคนนี้เติบโตขึ้นมาก +ความนิ่งสงบหาใช่ความเย็นชา +แต่เป็นความสุขุมนุ่มลึกอย่างที่นางเคยกระทำ
+ + แล้วในอกของยูคุซึจินก็วาบขึ้นด้วยความรู้ถึงความนึกคิดของหญิงรับใช้ +โอ้...เพราะนาง+‘เคย’+มีสิ่งที่เรียกความสุขุมที่ว่านั้นนั่นเอง +ไม่ว่าใคร+ถ้าได้อยู่ในห้องโดดเดี่ยวเพียงลำพังเป็นเวลานาน +ย่อมเบื่อหน่ายและเฉื่อยชากับบรรดาสรรพสิ่งด้วยกันทั้งนั้น +แต่หลังจากปฏิบัติ+‘ภารกิจ’+นั้นแล้ว +มือของคาวเปี่ยมด้วยกลิ่นของเลือด+เจือแต่งด้วยสีสันแห่งหยาดโลหิต +แม้เป็นเทพีที่แสนสวยเพียงใด +นางก็ไม่ต่างจากคราบมารร้ายซึ่งได้คร่าชีวิตของสิ่งต่างๆ+มากมาย +เพื่อให้ได้บรรลุสมตามความตั้งใจของท่านมุสึโซจิน
+ + ความรอบคอบสุขุมกระนั้นรึ? +ข้าใช้เวลาเริงรำกับการเข่นฆ่ามากเกินกว่าจะแอบแฝงใบหน้าหฤหรรษ์นี้แล้ว... +ใบหน้าของเทวนารีพิฆาตแต้มยิ้มอันแสนเย้ายวนไว้ +ก่อนจะก้มลงจุมพิตสัมผัสกับเครื่องบรรณาการผู้ตื่นตระหนก +ก่อนจะหลับตาลงเพื่อตอบรับกับสิ่งที่เจ้านายได้กระทำ +มันเป็นสัมผัสอันเนิ่นนานและหวานล้ำดั่งมายา +หากแต่ไร้ซึ่งความซาบซ่านผิดกับเจ้านาย +คงเพราะฝ่ายกระทำเริ่มเผลอไผลใจให้แก่นางกระมัง
+ + “แล้วเจ้าว่าการที่ข้าเปลี่ยนไป +มันเป็นสิ่งไม่ดี +เป็นสิ่งร้ายกาจกระนั้นรึ?+”+ น้ำเสียงเอ่ยถามติดด้วยความสนุกสนานไว้
+ + “ข้าไม่ทราบ +แต่ท่านกำลังทำตนเสมือนบุรุษมากรักหลายใจ +ไม่จีรังความรู้สึกแก่ใคร +ผิดกับที่เคยเป็นในวันวาน” +น้ำเสียงของมิสึงิไม่ได้สื่อถึงความรู้สึกใดเลย +รวมทั้งความขุ่นเคืองร่วมด้วย +“ท่านในกาลก่อนจะทระนงตนสูงศักดิ์ด้วยเกียรติยศ +มิใช่เพื่อกดใครให้ต่ำลง +แต่เพื่อยกตัวให้สูงขึ้นตามวิถีที่ควรจะเป็น +ท่านในตอนนี้กลับหยอกเย้ากับหญิงรับใช้อย่างไม่นึกจริงจัง +ทั้งยังหวาดกลัวว่าข้าจะกระทำตัวเทียมท่านได้ +หากไม่ใช่ว่าตัวข้าสูงขึ้น +ท่านเองที่เป็นฝ่ายรู้สึกว่าอำนาจแห่งตนกำลังสั่นคลอน +ถูกต้องหรือไม่...เจ้าชีวิตข้า”
+ + มือที่เคยไล้แก้วเนียนดุจหยอกเล่นกับวิหคน้อย +บัดนี้เปลี่ยนเป็นฉุดกระชากให้เครื่องบรรณาการผุดลุกขึ้นตามตน +ยูคุซึจินไม่ได้ลงมือทำร้ายใดๆ+ต่อบุตรีชาวมนุษย์ +เนื่องด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาลอาจทำให้เกิดความบาดเจ็บเป็นแผลสาหัสสากรรจ์ได้ +หากแต่นางจับจ้องจรดนัยน์เนตรของสตรีปากกล้าคนนี้อย่างพินิจ +วาจาเหล่านั้นกลั่นจากอารมณ์งั้นรึ? +มิใช่หรอก +แต่สิ่งที่นางต้องการจะกล่าวคือคำตักเตือนต่างหาก
+ + ท่าทีของเทพีปกปักษ์ดูอ่อนลงหลังคิดได้เช่นนั้น +นางรวบกายกอดหญิงรับใช้ใกล้ชิดอย่างรวดเร็ว +“ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เจ้าคิดเช่นนั้น +แต่สามปีที่ผ่านมา +แม้สำหรับเราเหล่าเทพจะเสมือนพริบตา +สามปีก็ยังคงเป็นสามปี +ข้าผ่านสิ่งต่างๆ+นานานัปการ +สิ่งที่ตัวเองสามารถใช้มือคู่นี้หักศอบีบทำลายเศียร +หรือสิ่งที่ทำให้ตัวเองเกือบต้องม้วยมอดมานักต่อนัก +ข้าเข่นฆ่าหลายชีวิตเหลือเกิน +เจ้ารู้บ้างหรือไม่? +หยดโลหิตเหล่านั้นจะซ่านกระเซ็นเสมือนกลีบบุปผาชาด +แล้วแปดเปื้อนกายเพื่อยืนยันในสิ่งกระทำต่อชีวิตนั้น +ข้า...”
+ + คร่าวิญญาณของสิ่งต่างๆ+งั้นหรือ +ผู้ที่โอบกอดนางไว้แนบอกนี้เคยใช้ฝ่ามือทำร้ายชีวิตของสรรพสิ่งมากมาย +แม้จะเป็นเทพีผู้ปกปักษ์+มิสึงิก็เชื่อว่ามนุษย์ก็เป็นหนึ่งในผู้ถูกทำร้ายเช่นเดียวกัน +แต่ใจของสตรีผู้ที่ถูกเคารพยกย่องและถูกประณามว่าเป็นมารร้าย +กำลังเต้นระรัวด้วยความรู้สึกอันหวาดหวั่น +นางผละกายออกจากอ้อมแขนอันโอบรัดตนแน่น +ก่อนจะยกฝ่ามือทั้งคู่ของเจ้านายขึ้นกอบกุมประสานกัน +ใบหน้าของบุตรีมนุษย์เจือด้วยความอ่อนโยนผิดกับเมื่อครู่ +นางกล่าวปลอบต่อผู้เป็นนายอย่างไร้เสแสร้ง +กลิ่นคาวเลือดอะไรกัน? +สิ่งที่ฉาบย้อมอยู่คือกลิ่นหอมปริศนาที่แสนหวานต่างหากเล่า
+ + ในใจของนางเริ่มครุ่นคิดต่อสายตาจับจ้องสอดคล้องกันกับเทพีผู้เปี่ยมด้วยมนตราแห่งเสน่หา +จริงหรือที่ยูคุซึจินปรารถนาจะกักเก็บตนไว้ในห้องอันปกปิดด้วยผืนแพรสีแดงสดหลายต่อหลายชั้น +เพียงเพราะนางไม่ต้องการและไม่คิดว่ามีใดๆ+ภายนอกให้เป็นที่น่าสนใจ +แท้ที่จริงในใจนางก็อาจจะกำลังหวั่นเกรงอยู่ก็ได้ +หากว่าสิ่งที่อาบย้อมอาภรณ์มิใช่สีสันแห่งดอกไม้พืชพรรณ +แต่เป็นเลือดชีวิตของสรรพวิญญาณที่ถูกเข่นฆ่าไปอย่างไร้ซึ่งการปรานี +ตนจะไม่อาจปิดกั้นไว้ด้วยหัวใจแห่งความทระนงสูงศักดิ์ +และกลายเป็นมารร้ายกระหายเลือดที่พร้อมจะสนุกสนานไปบนเส้นทางเหล่านั้น
+ + ไม่ว่าใครก็ล้วนมีจุดอ่อน... +“ข้าขอโทษที่กล่าวล่วงเกินท่าน +ข้า...”
+ + “ข้ายอมรับว่าตนสนุกสนานกับการที่ได้ทำร้ายผู้อื่น +นั่นทำให้ข้ากลัวตัวเองอย่างที่สุด +แต่สิ่งหนึ่งที่ข้ากลัวยิ่งกว่า +นั่นคือการที่เจ้าพบว่าข้าที่กลับมาไม่ใช่คนที่เจ้ารอคอย” +ยูคุซึจินกล่าวด้วยน้ำเสียงอันเลื่อนลอยหงอยเหงา +รวมทั้งเศร้าสร้อยอย่างที่สุด
+ + “ข้ามีความสุขและพบว่าเจ้าคือคนที่ข้าต้องการ +เมื่อข้ากลับมายังที่พำนักของตน +เจ้าจะคอยยิ้มรับและกล่าวขานว่าข้ากลับมาแล้วหรือ +เมื่อได้ข่าวแว่วมาว่าข้าบาดเจ็บ +เจ้าจะเป็นคนแรกที่แสดงความวิตกหวาดหวั่น +เจ้าได้มอบความรู้สึกที่เป็นมากกว่ามิตรสหายคลายความเบื่อหน่าย +บางครั้งข้าคิดว่ามันอาจจะเกิดขึ้นมาชั่วขณะแล้วจางหาย +แต่มันโลดแล่นอยู่ในอกเมื่อเราทั้งคู่ใกล้ชิดกัน+ ที่ข้าอยากจะกล่าวคือข้าขอโทษที่ทำให้เจ้าไม่พอใจในความใกล้ชิดครั้งนี้ +และหากเจ้าไม่ว่า +ข้าขอจุมพิตเจ้าอีกสักครั้งจะได้ไหม?+”
+ + มิสึงิรู้สึกพูดไม่ออก +ครั้นจะขบขันก็ไม่ใช่ +อ่อนอกอ่อนใจก็ไม่เชิง +ไม่ว่าคำพูดนั้นจะสื่อถึงการสำนึกผิดหรืออย่างไร +นางก็มองเลิ่กลั่กซ้ายขวาแล้วจูงนายหญิงเข้าไปหลบใต้ต้นไม้ใหญ่ +ซึ่งแผ่กิ่งก้านสาขาจนปกคลุมกินอาณาบริเวณกว้าง +มากพอที่สายตาของไทโยโคะซึจินจะไม่สามารถลอดทะลุ +ในจันทรามีสึกิฮิคาริฉันใด +ในตะวันย่อมมีใครบังคับขับเคลื่อนเช่นเดียวกัน +นางรู้เรื่องนี้ในเวลาสามปีที่พูดคุยกับเทพีทั้งสององค์
+ + ริมฝีปากของเทพีผู้ปกปักษ์ประทับทาบทับกับเครื่องบรรณาการอย่างยินดี +โดยที่ในหัวใจนั้นเริ่มทวีความโลดแล่นล่องลอยจนเคลิบเคลิ้ม +ดุจดื่มด่ำกับน้ำผึ้งชั้นเยี่ยมยิ่งกว่ามธุรสสวรรค์ใดๆ+ทั้งนั้น +คงจะไม่มีใครยุแยงว่านางเพียงสนใจชั่วครั้งชั่วคราวได้เป็นแน่ +ความในใจนั้นช่างสวนทางกันกับเครื่องบรรณาการนัก +นางคิดแต่เพียงให้เจ้านายได้รับรู้ในคำตอบแห่งอารมณ์เท่านั้นก็เพียงพอ +เพราะเหนืออื่นใด+หัวใจของนางไม่ได้แล่นระรัวดังเจ้าชีวิตแม้แต่นิดน้อย...
TBC.
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ