แค้นรักจอมราชันด์แห่งทะเลทราย
6.2
เขียนโดย เจ้าฟ้าหญิงคาสซานดร้า
วันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2555 เวลา 11.10 น.
4 chapter
6 วิจารณ์
31.89K อ่าน
2) บทที่ 2 อยู่กับความคิดของตน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 2 อยู่กับความคิดของตน
หลังจากออกจากพระตำหนักใหญ่ที่ใหญ่โตมหึมา อันเป็นตำหนักที่หญิงทุกคนฝันถึง รวมทั้งชายหนุ่มหลายคนที่อยากจะมาแทนที่องค์ฟาโรห์พระองค์นี้ ตำหนักแห่งนี้เป็นตำหนักที่อยู่ท่ามกลางทะเลทราย มีบ่อน้ำรายรอบตัวตำหนัก ตัวเสาหน้าประตูตำหนักเป็นเสาที่ส่งตรงมาจากต่างแดน อีกทั้งราวบันไดของหน้าตำหนักก็ยังทำจากหินแกรนิตอีกด้วย รูปปั้นสฟิงกซ์ที่มอบกราบก็ทำด้วยทองคำ เป็นตัวล่อโจรได้เป็นอย่างดี แต่ก็นะ…ที่นี่คือพระตำหนักแห่งฟาโรห์ ไม่มีโจรใดหรือผู้บุกรุกคนใดกล้าที่จะเข้ามาขโมยสิ่งของเหล่านี้เป็นแน่ ถ้าไม่ใช่พวกโจรเบดูอิน แต่ก็ลองมาดูสิ แล้วจะได้เห็นดีกันเลยว่าใครเป็นใคร ระหว่างฟาโรห์กับโจร ใครจะฉลาดกว่าและมีอำนาจมากกว่ากัน
เจ้าชายเดินเข้าสู่พระตำหนักกลางของเจ้าหญิงอัลรีน่าทันทีเพื่อเข้าไปพบหญิงอันเป็นที่รัก เมือเจ้าหญิงทรงหันกลับมามองและมองเห็นเจ้าชายเนฟทรา ผู้เคียงข้างนางเสมอ นางก็แทบกระโจนเยี่ยงเสือดาว พุ่งเข้ากอดเนฟทราอย่างแน่นด้วยความคิดถึงมากที่สุดในฐานะเชษฐาที่นางรักยิ่ง
“ท่านพี่เนฟทรา” เจ้าหญิงตรัสด้วยเสียงอันสั่นเครือ “ทรงมาตั้งแต่เมื่อไหร่เพค่ะ ท่านรู้ไหมว่า ตลอดเพลาที่ท่านไม่อยู่ ข้าคิดถึงท่านมากแค่ไหน” เจ้าหญิงยังเอ่ยออกมาอีกด้วยความจริงใจ
“พี่ก็เช่นกัน รู้ไหม น้องรีน่า พี่คิดถึงเจ้ามากเหมือนกัน พี่กลับมาแล้วนะ มาอยู่ข้างกายเจ้า มาดูแลเจ้าแทนที่องค์ฟาโรห์” เจ้าชายเอ่ยตามความเป็นจริง เขาอยากทำแบบนั้นจริงๆ อยากดูแลอัลรีน่าแทนองค์ฟาโรห์ด้วยใจเพราะฟาโรห์ไม่เคยแม้แต่จะเหลียวแล ปกป้องนางที่รักพระองค์เป็นอย่างยิ่ง เนฟทราทรงรู้…รู้มาเสมอว่าน้องรีน่าของพระองค์มีใจให้ฟาโรห์ หาใช่องค์เองไม่ แต่ก็นะ…หัวใจที่ดื้อดึงต่างก็ถวิลหาแต่นาง อยากจะครอบครองนาง และรักนางเลย ซึ่งถ้ามันเป็นจริง ถ้ามีวันที่ทรงได้อภิเษกกับนาง ก็จะทรงขอปฏิญาณตนเลยต่อหน้าเทพอามุนอันศักดิสิทธิ์ว่าจะขอรักนางและมีนางแต่เพียงผู้เดียว สุดท้าย มันก็เหมือนรักสามเศร้า ที่ความรักนั้นมีความปวดร้าวเข้ามาผสมปนเป แม้ฟาโรห์จะไม่ได้รักนาง แต่ก็ใครอีกละ ใครที่จะไปรู้อนาคตจริงไหม?
“พี่รู้ว่า ความรักของพี่มันไม่มีวันเป็นจริงได้กับเจ้า” เนฟทราเอ่ยบอกหญิงสาวตรงหน้าด้วยใจจริง ทำให้นางมองหน้าเนฟทราด้วยสายตาทีค้นหา แต่ทั้งสองไม่ทันสังเกตเห็นเลยว่ามีคนนึงเข้ามายืนมองจากด้านข้าง มองด้วยสายตาที่เกลียดชัง “แต่พี่ก็ห้ามมันไม่ได้ เพลาที่ได้กลับมาพบเจ้าเฉกเช่นเพลานี้ มันทำให้พี่สามารถบอกได้เลยว่าไม่เคยลืมเจ้าเลย แม้แต่เพียงเสี้ยวเดียว พี่ดีใจนะ ดีใจเป็นนักหนาที่ได้แอบหลงรักเจ้า แม้เจ้าจะไม่รัก แต่พี่ก็ดีใจและมีสุขที่ได้อยู่ได้ซับน้ำตาของเจ้าด้วยจุมพิศของพี่” ทรงรำพันบอก เพราะมันเป็นเครื่องปลอบใจชีวิตพระองค์เอง และแล้ว ก็ทรงถูกชกเข้าเต็มๆ จากหมัดกล้ามอันแข็งแกร่งจากองค์ฟาโรห์ ผู้เป็นพระเชษฐา
“หึหึ พวกเจ้าแอบมาพลอดรักกันตรงนี้เลยหรอ! ว่าแล้ว ข้าคิดไว้แล้วว่า เจ้ากลับมาจะต้องกลับมาหาเมียของเจ้าเป็นแน่แท้! ดีนี่ ให้ข้าจัดงานอภิเษกให้เลยไหม เพื่อพวกเจ้าจะได้เสวยสุขกันง่ายขึ้น” ฟาโรห์ตรัสด้วยความเกรี้ยวกราด ทรงไม่รู้เลยว่า ตนเองเกิดอาการหึงหญิงตรงหน้าเข้าเสียแล้ว แต่ด้วยความทิฐิ เจ้าหญิงอัลรีน่าจึงทำท่าเกาะแขนเจ้าชายเนฟทราแล้วจูบบรรจงที่ริมฝีปากเบาๆ อย่างจงใจเพื่อยั่วโมโหฟาโรห์ “เอาสิเพค่ะ น้องรีน่าอยากแต่งงานม๊ากมาก ใจจะขาดอยู่แล้ว ทรงจัดให้เลยนะเพค่ะ” เจ้าหญิงทรงยั่วพระปัสสาสะต่อ จึงทำให้เจ้าชายเนฟทราที่กำลังกุมไปที่จมูกของตนหันกลับมาบอกฟาโรห์ด้วยประโยคนึงที่ว่า “ทรงเข้าใจผิดแล้ว น้องรีน่าไม่ใช่ภรรยาของกระหม่อม หากแต่นางเป็นหญิงที่กระหม่อมทรงรักต่างหาก และนางก็ไม่ใช่หญิงที่ท่านพี่กล่าวหาไม่” เนฟทราเอ่ยอย่างหนักแน่น
“หรอ? กอดกันกลมตัวเป็นเกลียวอย่างนี้หรอกรึ ยังหาว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน เจ้าออกไปก่อน! เนฟทรา ข้าจะขอคุยกับอัลรีน่าสักพัก” ฟาโรห์คาลิคทรงตรัสไล่เนฟทราไปก่อนที่จะทรงทำอะไรบางอย่างออกไป
จากนั้นเมื่อเนฟราทรงออกไปแล้ว พระองค์ก็ปรี่เข้าไปกระชากดึงร่างของอัลรีน่าเข้ามาหาตัว แต่ด้วยความที่ตั้งตัวไม่ทัน นางจึงล้มเข้าไปสู่อ้อมกอดของฟาโรห์เข้าอย่างจัง พลันได้กลิ่นตัวของฟาโรห์อันหอมกรุ่ม อีกทั้งฟาโรห์เองก็เช่นกัน จมูกของพระองค์แตะไปที่เส้นเกศาของนางอย่างจงใจ ทรงได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากดอกมะลิอียิปต์ อันเป็นน้ำหอมกลิ่นโปรดของอัลรีน่า ทั้งสองมองตากันด้วยความถวิลหาเป็นอย่างยิ่ง แม้จะทรงไม่ค่อยได้ใกล้ชิดกันนัก และทะเลาะกันเป็นประจำ แต่ด้วยความที่เป็นชายหนุ่มรูปงามและหญิงสาวที่พึ่งพ้นผ่านไวเด็กมาได้ไม่นานนัก จึงทำให้เป็นเหมือนฉนวนที่ล่อตาล่อใจกันเป็นอย่างยิ่ง กลิ่นโคลนสาบสาวของนางด้วยวัยแรกดรุณีล่อใจพระองค์ยิ่งนัก ทรงกดทับไปที่ปากของนางเบาๆ ด้วยความปราถนา จากนั้นเรื่อยลงมาที่ต้นคอของนาง เจ้าหญิงแม้จะไม่เคยได้รับการกระทำเช่นนี้มาก่อนจากชายใด แต่เมื่อได้รับมันจากชายอันเป็นที่รัก นางก็รู้สึกดียิ่งเสียเหลือเกิน ฟาโรห์พลางไล่มือลงไปเกาะกุมที่บั้นท้ายของนาง รั้งนางเข้ามาแนบชิด บดขยี้ริมฝีปากด้วยความเชี่ยวชาญ เจ้าหญิงจูบกลับเบาๆ แต่ด้วยความที่ไม่เคย นางจึงหน้าแดงเป็นนักหนา คาลิคผู้แกร่งกล้าอุ้มนางขึ้นแนบอกและพาไปยังเตียง วางนางด้วยความทะนุถนอมเล็กน้อยและพากันทาบทับบนเตียง เขาคิดว่านางเคยมาแล้วและโชกโชนเป็นอย่างยิ่ง จึงทำอะไรหลายอย่างที่รุนแรงไปบ้าง มือของพระองค์ฉีกกระโปรงของนาง พลันมือไล่ไปทั่วต้นขาอ่อนของนางอย่างหนักหน่วงไม่ออมมือ อีกมือบีบเคล้นหน้าอกทั้งสองด้วยความเมามันเป็นที่สุด ทั้งดูดกินกลืนยอดปทุมถันทั้งหมดอย่างรักใคร่ ไม่สนใจเสียงร้องครางอันเจ็บปวดของหญิงสาวตรงหน้า
“ท่านพี่ น้องเจ็บเพคะ ช่วยเบาๆ ได้ไหมเพค่ะ” เจ้าหญิงรีน่าที่เหงื่อออกมาตามไรผมทรงกอดองค์คาลิคแน่นและเอ่ยด้วยน้ำเสียงขอร้อง แต่อีกใจก็ถวิลหาอยากให้ทรงทำแบบนั้นต่อไป
“ไม่ได้หรอก เจ้าชอบนี่ ข้ารู้ว่าเจ้าชอบ เจ้าชอบที่ข้าเล่นแบบนี้กับเจ้า” ฟาโรห์ทรงไล่จูบลงไปที่กลีบดอกไม้ยิ่งทำให้นางแทบกริดร้องเสียงหลง
สุดท้าย หลังจากเล่นลิ้นอยู่นาน ก็ใช้ท่อนความแข็งแกร่งสอดแทรกเข้าไปภายในใจกลางกลีบดอกไม้อันนุ่มนวล แต่พระองค์ก็ทรงรู้สึกเจ็บเช่นกัน เพราะกลีบนั้นบีบรัดแน่นเหลือเกิน จึงทำให้ทรงกระแทกกระทั้นเข้าไปเต็มแรง เจ้าหญิงอัลรีน่า ผู้ไม่เคยก็กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดพลางน้ำตาไหลออกมาแทบจะขาดใจ
ฟาโรห์จึงมองไปที่หน้านางและสำรวจว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมกลีบดอกไม้ของนางถึงบีบรั้นแน่นของพระองค์ขนาดนี้ เมื่อทรงก้มมองลงไปที่ระหว่างขาของนาง ก็พบว่า มีเลือดไหลออกมา ซึ่งนั่นไม่ใช่เลือดจากรอบเดือนเป็นแน่ แต่มันเป็นเลือดของหญิงสาวที่ยังไม่ต้องมือชายต่างหาก
สีหน้าของฟาโรห์บ่งบอกถึงความประหลาดใจ ทรงกอดนางแน่นแล้วถามว่า “เจ้าบอกข้ามาสิว่า นี่มันไม่จริง…”
เจ้าหญิงพยักหน้าแล้วตอบคำถามชายผู้เป็นคนรักทันที “มันเป็นความจริงเพค่ะ สิ่งที่ท่านพี่คิด มันผิดมาตลอด น้องไม่เคยแม้แต่จะยุ่งกับชายใด น้องถึงบริสุทธิ์มาได้จนถึงปัจจุบัน แต่ท่านพี่ก็พรากของน้องไป….” นางเอ่ยขณะกรรแสงไปด้วย
ฟาโรห์ไล่จูบซับน้ำตาของนางเบาๆ ดึงผ้าห่มมาคลุมกายนาง พลางนอนลงไปข้างๆ ดึงนางเข้ามาแนบอก กอดไว้แน่น “เอาละ พี่จะรับผิดชอบต่อเจ้า รีน่า พี่จะแต่งงานกับเจ้า แต่เจ้าสัญญากับพี่ได้ไหมว่าจะเลิกทำตัวเป็นเด็กแบบนี้สักที” เจ้าหญิงพยักหน้าเบาๆ แม้กายจะรู้สึกเจ็บกับการกระทำอันป่าเถื่อนและรุนแรงเมื่อกี้ แต่ก็มีความสุขยิ่งนัก ที่ฟาโรห์อันเป็นที่รักของนางขอนางแต่งงาน แม้นจะไม่รักนาง แต่นางก็ขอเป็นที่หนึ่งของพระองค์ก็เป็นพอ ขอเป็นพระราชินีผู้เคียงข้างราชบัลลังค์ ไม่ใช่เพียงแค่บาทบริจาริกาชั้นต่ำทั่วไป
งานเลี้ยงฉลองแห่งพระอนุชาของฟาโรห์ ต่างก็เป็นที่น่าครื้นเครงของสาวๆ ยิ่งนัก พวกนางล้วนแต่งอวดโฉมกัน อยากให้เจ้าชายเนฟทราทรงหันมามองและเลือกพวกนางเป็นชายาเอก ทุกนางล้วนประทินโฉมด้วยเครื่องสำอางค์หนาเตอะ รวมทั้งพ้นฉีดน้ำหอมที่มีกลิ่นแรง พวกนางไม่รู้เลยว่ายิ่งจะทำให้เจ้าชายตีตัวออกห่าง นางเหล่านี้เป็นหญิงที่ประสูติจากอดีตฟาโรห์และนางสนมทั้งสิ้น จึงถนัดการแต่งตัวยั่วเป็นยิ่งนัก แต่พวกนางก็ล้วนสู้เจ้าหญิงผู้สูงศักดิอย่างอัลรีน่าไม่ได้ นางเดินเข้ามาพร้อมเจ้าชายคาลีฟาห์ ผู้เป็นเชษฐา แม้นนางจะดูทันสมัยกว่าหญิงอื่น ดูเปรี้ยว ดูสวยสด แต่นางก็ไม่เคยแต่งชุดที่บ่งบอกถึงความเป็นหญิงโสเภณี วันนี้นางมาด้วยชุดที่แม้นจะเป็นสีขาว แต่ก็ขาวอย่างบริสุทธิ์ ทรงสวมวิกผมประบ่า สวมสร้อยคออันหนาปกปิดคอของนางอย่างมิดชิด หน้าของนางที่ตกแต่งด้วยโคลน์ ก็สวยคมยิ่งนัก นางในฮาเร็มรวมทั้งองค์หญิงเหยียนต่างพากันจ้องมองกันด้วยความอิจฉาเจ้าหญิงยิ่งนัก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากมองด้วยความกดดันเป็นอย่างยิ่ง และตอนนี้ เจ้าหญิงทรงทำให้เจ้าชายเนฟทราและพระเชษฐาต่างมองด้วยความตะลึง ทั้งสองเดินเข้าไปหานางพร้อมกันและชวนให้นางเกาะกุมแขนไว้ แต่นางกับเลือกเจ้าชายเนฟทรา จึงทำให้ฟาโรห์มองอย่างไม่ชอบใจยิ่งนัก ทรงหึงภรรยาของตนเอง….‘ภรรยาหรอ ใช่สิ นางคือภรรยาของข้าแล้ว’
“ท่านพี่ ทรงจะประกาศเลยไหมพะยะคะ” เจ้าชายเนฟทราเอ่ยถาม
“อืม ประกาศอะไรเหรอ” ฟาโรห์ถามกลับด้วยความสงสัยพลางมองไปที่หน้านวลของอัลรีน่า
“ก็เรื่องที่ท่านพี่จะให้ข้าแต่งงานกับน้องรีน่าไง วันนี้และตอนนี้นะพะยะคะ” เจ้าชายเนฟทราเอ่ยตอบทันทีด้วยความดีพระทัย อัลรีน่าที่อยู่ข้างกายหันกลับไปจ้องหน้าองค์ฟาโรห์ มองว่าจะทรงตอบเช่นไร จะทรงผลักไสภรรยาอย่างนาง แม้นจะเป็นภรรยาเพียงชั่วข้ามคืน แต่นางก็ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาของพระองค์หรือจะทรงประกาศว่าไม่ให้แต่งและจะทรงแต่งกับนางเอง
“ยังไม่ได้ วันนี้ถือว่าเป็นวันที่เลี้ยงฉลองการกลับมาของเจ้าเสียดีกว่า ส่วนเรื่องงานแต่ง พี่อยากให้เจ้าคิดดูอีกที ว่าเจ้าต้องการแต่งงานกับนางจริงๆ หรอ” ฟาโรห์กลัวที่จะเสียอัลรีน่าไป จึงกล่าวบอกปฏิเสธยังไม่ให้แต่งกัน พระองค์เท่านั้นที่จะต้องได้แต่ง ไม่ใช่ อนุชาของพระองค์เอง
เจ้าหญิงอัลรีน่าแอบยิ้มดีใจและคิดไปต่างๆ นานาว่า ฟาโรห์ทรงหึงหวงนางเข้าให้แล้ว และนางยิ่งคิดไปต่อทันทีว่า นางคงได้ขึ้นตำแหน่งราชินีเป็นแน่ และจะอยู่เคียงข้างบัลลังค์กับฟาโรห์อย่างมีความสุขได้ในอีกไม่นานนี้อย่างแน่นอน
องค์หญิงเหยียนจ้องมองเล็กน้อยและเดินไปหาองค์ฟาโรห์พูดพลางเสียงหวาน “ฟาโรห์เจ้าคะ เหยียนชอบที่นี่จังเลย เป็นราชสำนักที่ดูดีมาก แล้วเมื่อไหร่เราจะได้แต่งงานกันเจ้าคะ ดูสิ แต่งพร้อมกันเลยพร้อมเจ้าชายเนฟทราและเจ้าหญิงอัลรีน่า ผู้สูงศักดิ์ ดีไหมเจ้าคะ?” ฟาโรห์หันหน้าไปมององค์หญิงเหยียนที่สวยแบบจีนๆ แต่ก็สู้อัลรีน่าตัวน้อยที่พระองค์เคยเกลียดชังไม่ได้เลย นางสวยกว่า อีกทั้ง เมื่อทรงมองไปทางอื่น จะเห็นว่ามีแต่ชายทั้งเหล่าขุนนางและวิเซียร์ต่างก็มองอัลรีน่าเป็นตาเดียวด้วยความถวิลหา
“ข้าว่าเรายังแต่งงานกันไม่ได้หรอก เจ้าก็รู้ว่า ท่านแม่ของข้าไม่ปราถนาที่จะให้เจ้าเป็นองค์ราชินีของข้า นางปราถนาแต่อัลรีน่าเท่านั้น ข้าคงจะต้องเลือกนางมากกว่าเจ้านะ” ฟาโรห์บอกให้ได้ยินกันแค่ภายในวงของตน ทำให้ทั้งเจ้าชายเนฟทราและเจ้าหญิงอัลรีน่าต่างมองตากันด้วยความตะลึงเล็กน้อย แต่ก็ไม่พูดอะไร พร้อมจะฟังต่อไป ว่าสิ่งที่ฟาโรห์หมายถึงคืออะไร
“อืม ข้าอาจจะต้องแต่งกับอัลรีน่าน่ะ เพือราชบัลลังค์ที่มั่นคง ส่วนเจ้า น้องเหยียน พี่จะให้เจ้าเป็นราชินีอันดับสอง ดีไหม?” เหยียนมองด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเป็น นางกลัวการเป็นเมียน้อยอย่างยิ่ง เพราะตอนที่นางกับพระมารดาของนางอยู่ที่วังของฮ่องเต้ผู้เป็นบิดา ก็มักถูกกลั่นแกล้งจากฮองเฮาและบรรดาพระโอรสและธิดาเสมอ พวกเขาไม่เห็นนางสองแม่ลูกอยู่ในสายตาเลย หากมาเป็นชายาน้อยของฟาโรห์อีก คงไม่พ้นเงื้อมือมารจากองค์ราชินีเป็นแน่ และด้วยความที่นางรู้ถึงนิสัยของสตรีตรงหน้าดี ทำให้นางทำใจสั่นเล็กน้อย แต่ก็ยังกล้าที่จะตอบกลับไป ซึ่งคำตอบนั้นก็ทำให้ฟาโรห์พอพระทัยยิ่งนัก “สำหรับเหยียนแล้ว ไม่มีอะไรที่สำคัญไปกว่าการที่ได้ดูแลฝ่าบาทและใกล้ชิดหรอก ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ตำแหน่งราชินีรอง เหยียนก็พอใจแล้ว” องค์หญิงเหยียนซบลงไปที่อกฟาโรห์ ทำให้เจ้าหญิงอัลรีน่ามองตาขวาง อยากจะตบนังหญิงแพศยาตรงหน้ายิ่งนัก
“นี่ไง เจ้าถึงเป็นหญิงที่ข้าต้องการให้เคียงข้างยิ่งนัก แต่ข้าต้องเลือกอัลรีน่ามาก่อน น้องเหยียน ข้าขอโทษนะ” ฟาโรห์เอ่ยขอโทษ และพลางดึงอัลรีน่าไปใจกลางห้องโถงจัดงานและเปล่าประกาศด้วยน้ำเสียงอันทรงอำนาจว่า “เรามีเรื่องจะบอกให้ทุกท่านทราบ เราจะอภิเษกแล้ว!” ทุกคนต่างหันมามองกันเป็นตาเดียว โดยเฉพาะเหล่าชายหนุ่มนางในฮาเร็ม
“เราจะรักษาเชื้อพระวงศ์ให้บริสุทธิ์ แต่งงานกับน้องสาวของเรา ผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องแห่งเรา เจ้าหญิงอัลรีน่าจะได้ขึ้นเป็นราชินีแห่งอียิปต์หลังการอภิเษกกับเรา!” ฟาโรห์ประกาศกึกก้องไปทั่วห้อง เจ้าหญิงผู้ยืนอยู่เคียงข้างยิ้มดีใจและใช้สายพระเนตรอันเฉียบแหลมจ้องมองบรรดานางในฮาเร็มและองค์หญิงเหยียนด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าเหนือกว่าเป็นอย่างยิ่ง แต่นางไม่รู้เลยว่าหลังจากนั้นนางจะโชคร้ายกว่าที่เป็นอยู่นี้เข้าไปอีก
หลังจากออกจากพระตำหนักใหญ่ที่ใหญ่โตมหึมา อันเป็นตำหนักที่หญิงทุกคนฝันถึง รวมทั้งชายหนุ่มหลายคนที่อยากจะมาแทนที่องค์ฟาโรห์พระองค์นี้ ตำหนักแห่งนี้เป็นตำหนักที่อยู่ท่ามกลางทะเลทราย มีบ่อน้ำรายรอบตัวตำหนัก ตัวเสาหน้าประตูตำหนักเป็นเสาที่ส่งตรงมาจากต่างแดน อีกทั้งราวบันไดของหน้าตำหนักก็ยังทำจากหินแกรนิตอีกด้วย รูปปั้นสฟิงกซ์ที่มอบกราบก็ทำด้วยทองคำ เป็นตัวล่อโจรได้เป็นอย่างดี แต่ก็นะ…ที่นี่คือพระตำหนักแห่งฟาโรห์ ไม่มีโจรใดหรือผู้บุกรุกคนใดกล้าที่จะเข้ามาขโมยสิ่งของเหล่านี้เป็นแน่ ถ้าไม่ใช่พวกโจรเบดูอิน แต่ก็ลองมาดูสิ แล้วจะได้เห็นดีกันเลยว่าใครเป็นใคร ระหว่างฟาโรห์กับโจร ใครจะฉลาดกว่าและมีอำนาจมากกว่ากัน
เจ้าชายเดินเข้าสู่พระตำหนักกลางของเจ้าหญิงอัลรีน่าทันทีเพื่อเข้าไปพบหญิงอันเป็นที่รัก เมือเจ้าหญิงทรงหันกลับมามองและมองเห็นเจ้าชายเนฟทรา ผู้เคียงข้างนางเสมอ นางก็แทบกระโจนเยี่ยงเสือดาว พุ่งเข้ากอดเนฟทราอย่างแน่นด้วยความคิดถึงมากที่สุดในฐานะเชษฐาที่นางรักยิ่ง
“ท่านพี่เนฟทรา” เจ้าหญิงตรัสด้วยเสียงอันสั่นเครือ “ทรงมาตั้งแต่เมื่อไหร่เพค่ะ ท่านรู้ไหมว่า ตลอดเพลาที่ท่านไม่อยู่ ข้าคิดถึงท่านมากแค่ไหน” เจ้าหญิงยังเอ่ยออกมาอีกด้วยความจริงใจ
“พี่ก็เช่นกัน รู้ไหม น้องรีน่า พี่คิดถึงเจ้ามากเหมือนกัน พี่กลับมาแล้วนะ มาอยู่ข้างกายเจ้า มาดูแลเจ้าแทนที่องค์ฟาโรห์” เจ้าชายเอ่ยตามความเป็นจริง เขาอยากทำแบบนั้นจริงๆ อยากดูแลอัลรีน่าแทนองค์ฟาโรห์ด้วยใจเพราะฟาโรห์ไม่เคยแม้แต่จะเหลียวแล ปกป้องนางที่รักพระองค์เป็นอย่างยิ่ง เนฟทราทรงรู้…รู้มาเสมอว่าน้องรีน่าของพระองค์มีใจให้ฟาโรห์ หาใช่องค์เองไม่ แต่ก็นะ…หัวใจที่ดื้อดึงต่างก็ถวิลหาแต่นาง อยากจะครอบครองนาง และรักนางเลย ซึ่งถ้ามันเป็นจริง ถ้ามีวันที่ทรงได้อภิเษกกับนาง ก็จะทรงขอปฏิญาณตนเลยต่อหน้าเทพอามุนอันศักดิสิทธิ์ว่าจะขอรักนางและมีนางแต่เพียงผู้เดียว สุดท้าย มันก็เหมือนรักสามเศร้า ที่ความรักนั้นมีความปวดร้าวเข้ามาผสมปนเป แม้ฟาโรห์จะไม่ได้รักนาง แต่ก็ใครอีกละ ใครที่จะไปรู้อนาคตจริงไหม?
“พี่รู้ว่า ความรักของพี่มันไม่มีวันเป็นจริงได้กับเจ้า” เนฟทราเอ่ยบอกหญิงสาวตรงหน้าด้วยใจจริง ทำให้นางมองหน้าเนฟทราด้วยสายตาทีค้นหา แต่ทั้งสองไม่ทันสังเกตเห็นเลยว่ามีคนนึงเข้ามายืนมองจากด้านข้าง มองด้วยสายตาที่เกลียดชัง “แต่พี่ก็ห้ามมันไม่ได้ เพลาที่ได้กลับมาพบเจ้าเฉกเช่นเพลานี้ มันทำให้พี่สามารถบอกได้เลยว่าไม่เคยลืมเจ้าเลย แม้แต่เพียงเสี้ยวเดียว พี่ดีใจนะ ดีใจเป็นนักหนาที่ได้แอบหลงรักเจ้า แม้เจ้าจะไม่รัก แต่พี่ก็ดีใจและมีสุขที่ได้อยู่ได้ซับน้ำตาของเจ้าด้วยจุมพิศของพี่” ทรงรำพันบอก เพราะมันเป็นเครื่องปลอบใจชีวิตพระองค์เอง และแล้ว ก็ทรงถูกชกเข้าเต็มๆ จากหมัดกล้ามอันแข็งแกร่งจากองค์ฟาโรห์ ผู้เป็นพระเชษฐา
“หึหึ พวกเจ้าแอบมาพลอดรักกันตรงนี้เลยหรอ! ว่าแล้ว ข้าคิดไว้แล้วว่า เจ้ากลับมาจะต้องกลับมาหาเมียของเจ้าเป็นแน่แท้! ดีนี่ ให้ข้าจัดงานอภิเษกให้เลยไหม เพื่อพวกเจ้าจะได้เสวยสุขกันง่ายขึ้น” ฟาโรห์ตรัสด้วยความเกรี้ยวกราด ทรงไม่รู้เลยว่า ตนเองเกิดอาการหึงหญิงตรงหน้าเข้าเสียแล้ว แต่ด้วยความทิฐิ เจ้าหญิงอัลรีน่าจึงทำท่าเกาะแขนเจ้าชายเนฟทราแล้วจูบบรรจงที่ริมฝีปากเบาๆ อย่างจงใจเพื่อยั่วโมโหฟาโรห์ “เอาสิเพค่ะ น้องรีน่าอยากแต่งงานม๊ากมาก ใจจะขาดอยู่แล้ว ทรงจัดให้เลยนะเพค่ะ” เจ้าหญิงทรงยั่วพระปัสสาสะต่อ จึงทำให้เจ้าชายเนฟทราที่กำลังกุมไปที่จมูกของตนหันกลับมาบอกฟาโรห์ด้วยประโยคนึงที่ว่า “ทรงเข้าใจผิดแล้ว น้องรีน่าไม่ใช่ภรรยาของกระหม่อม หากแต่นางเป็นหญิงที่กระหม่อมทรงรักต่างหาก และนางก็ไม่ใช่หญิงที่ท่านพี่กล่าวหาไม่” เนฟทราเอ่ยอย่างหนักแน่น
“หรอ? กอดกันกลมตัวเป็นเกลียวอย่างนี้หรอกรึ ยังหาว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน เจ้าออกไปก่อน! เนฟทรา ข้าจะขอคุยกับอัลรีน่าสักพัก” ฟาโรห์คาลิคทรงตรัสไล่เนฟทราไปก่อนที่จะทรงทำอะไรบางอย่างออกไป
จากนั้นเมื่อเนฟราทรงออกไปแล้ว พระองค์ก็ปรี่เข้าไปกระชากดึงร่างของอัลรีน่าเข้ามาหาตัว แต่ด้วยความที่ตั้งตัวไม่ทัน นางจึงล้มเข้าไปสู่อ้อมกอดของฟาโรห์เข้าอย่างจัง พลันได้กลิ่นตัวของฟาโรห์อันหอมกรุ่ม อีกทั้งฟาโรห์เองก็เช่นกัน จมูกของพระองค์แตะไปที่เส้นเกศาของนางอย่างจงใจ ทรงได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากดอกมะลิอียิปต์ อันเป็นน้ำหอมกลิ่นโปรดของอัลรีน่า ทั้งสองมองตากันด้วยความถวิลหาเป็นอย่างยิ่ง แม้จะทรงไม่ค่อยได้ใกล้ชิดกันนัก และทะเลาะกันเป็นประจำ แต่ด้วยความที่เป็นชายหนุ่มรูปงามและหญิงสาวที่พึ่งพ้นผ่านไวเด็กมาได้ไม่นานนัก จึงทำให้เป็นเหมือนฉนวนที่ล่อตาล่อใจกันเป็นอย่างยิ่ง กลิ่นโคลนสาบสาวของนางด้วยวัยแรกดรุณีล่อใจพระองค์ยิ่งนัก ทรงกดทับไปที่ปากของนางเบาๆ ด้วยความปราถนา จากนั้นเรื่อยลงมาที่ต้นคอของนาง เจ้าหญิงแม้จะไม่เคยได้รับการกระทำเช่นนี้มาก่อนจากชายใด แต่เมื่อได้รับมันจากชายอันเป็นที่รัก นางก็รู้สึกดียิ่งเสียเหลือเกิน ฟาโรห์พลางไล่มือลงไปเกาะกุมที่บั้นท้ายของนาง รั้งนางเข้ามาแนบชิด บดขยี้ริมฝีปากด้วยความเชี่ยวชาญ เจ้าหญิงจูบกลับเบาๆ แต่ด้วยความที่ไม่เคย นางจึงหน้าแดงเป็นนักหนา คาลิคผู้แกร่งกล้าอุ้มนางขึ้นแนบอกและพาไปยังเตียง วางนางด้วยความทะนุถนอมเล็กน้อยและพากันทาบทับบนเตียง เขาคิดว่านางเคยมาแล้วและโชกโชนเป็นอย่างยิ่ง จึงทำอะไรหลายอย่างที่รุนแรงไปบ้าง มือของพระองค์ฉีกกระโปรงของนาง พลันมือไล่ไปทั่วต้นขาอ่อนของนางอย่างหนักหน่วงไม่ออมมือ อีกมือบีบเคล้นหน้าอกทั้งสองด้วยความเมามันเป็นที่สุด ทั้งดูดกินกลืนยอดปทุมถันทั้งหมดอย่างรักใคร่ ไม่สนใจเสียงร้องครางอันเจ็บปวดของหญิงสาวตรงหน้า
“ท่านพี่ น้องเจ็บเพคะ ช่วยเบาๆ ได้ไหมเพค่ะ” เจ้าหญิงรีน่าที่เหงื่อออกมาตามไรผมทรงกอดองค์คาลิคแน่นและเอ่ยด้วยน้ำเสียงขอร้อง แต่อีกใจก็ถวิลหาอยากให้ทรงทำแบบนั้นต่อไป
“ไม่ได้หรอก เจ้าชอบนี่ ข้ารู้ว่าเจ้าชอบ เจ้าชอบที่ข้าเล่นแบบนี้กับเจ้า” ฟาโรห์ทรงไล่จูบลงไปที่กลีบดอกไม้ยิ่งทำให้นางแทบกริดร้องเสียงหลง
สุดท้าย หลังจากเล่นลิ้นอยู่นาน ก็ใช้ท่อนความแข็งแกร่งสอดแทรกเข้าไปภายในใจกลางกลีบดอกไม้อันนุ่มนวล แต่พระองค์ก็ทรงรู้สึกเจ็บเช่นกัน เพราะกลีบนั้นบีบรัดแน่นเหลือเกิน จึงทำให้ทรงกระแทกกระทั้นเข้าไปเต็มแรง เจ้าหญิงอัลรีน่า ผู้ไม่เคยก็กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดพลางน้ำตาไหลออกมาแทบจะขาดใจ
ฟาโรห์จึงมองไปที่หน้านางและสำรวจว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมกลีบดอกไม้ของนางถึงบีบรั้นแน่นของพระองค์ขนาดนี้ เมื่อทรงก้มมองลงไปที่ระหว่างขาของนาง ก็พบว่า มีเลือดไหลออกมา ซึ่งนั่นไม่ใช่เลือดจากรอบเดือนเป็นแน่ แต่มันเป็นเลือดของหญิงสาวที่ยังไม่ต้องมือชายต่างหาก
สีหน้าของฟาโรห์บ่งบอกถึงความประหลาดใจ ทรงกอดนางแน่นแล้วถามว่า “เจ้าบอกข้ามาสิว่า นี่มันไม่จริง…”
เจ้าหญิงพยักหน้าแล้วตอบคำถามชายผู้เป็นคนรักทันที “มันเป็นความจริงเพค่ะ สิ่งที่ท่านพี่คิด มันผิดมาตลอด น้องไม่เคยแม้แต่จะยุ่งกับชายใด น้องถึงบริสุทธิ์มาได้จนถึงปัจจุบัน แต่ท่านพี่ก็พรากของน้องไป….” นางเอ่ยขณะกรรแสงไปด้วย
ฟาโรห์ไล่จูบซับน้ำตาของนางเบาๆ ดึงผ้าห่มมาคลุมกายนาง พลางนอนลงไปข้างๆ ดึงนางเข้ามาแนบอก กอดไว้แน่น “เอาละ พี่จะรับผิดชอบต่อเจ้า รีน่า พี่จะแต่งงานกับเจ้า แต่เจ้าสัญญากับพี่ได้ไหมว่าจะเลิกทำตัวเป็นเด็กแบบนี้สักที” เจ้าหญิงพยักหน้าเบาๆ แม้กายจะรู้สึกเจ็บกับการกระทำอันป่าเถื่อนและรุนแรงเมื่อกี้ แต่ก็มีความสุขยิ่งนัก ที่ฟาโรห์อันเป็นที่รักของนางขอนางแต่งงาน แม้นจะไม่รักนาง แต่นางก็ขอเป็นที่หนึ่งของพระองค์ก็เป็นพอ ขอเป็นพระราชินีผู้เคียงข้างราชบัลลังค์ ไม่ใช่เพียงแค่บาทบริจาริกาชั้นต่ำทั่วไป
งานเลี้ยงฉลองแห่งพระอนุชาของฟาโรห์ ต่างก็เป็นที่น่าครื้นเครงของสาวๆ ยิ่งนัก พวกนางล้วนแต่งอวดโฉมกัน อยากให้เจ้าชายเนฟทราทรงหันมามองและเลือกพวกนางเป็นชายาเอก ทุกนางล้วนประทินโฉมด้วยเครื่องสำอางค์หนาเตอะ รวมทั้งพ้นฉีดน้ำหอมที่มีกลิ่นแรง พวกนางไม่รู้เลยว่ายิ่งจะทำให้เจ้าชายตีตัวออกห่าง นางเหล่านี้เป็นหญิงที่ประสูติจากอดีตฟาโรห์และนางสนมทั้งสิ้น จึงถนัดการแต่งตัวยั่วเป็นยิ่งนัก แต่พวกนางก็ล้วนสู้เจ้าหญิงผู้สูงศักดิอย่างอัลรีน่าไม่ได้ นางเดินเข้ามาพร้อมเจ้าชายคาลีฟาห์ ผู้เป็นเชษฐา แม้นนางจะดูทันสมัยกว่าหญิงอื่น ดูเปรี้ยว ดูสวยสด แต่นางก็ไม่เคยแต่งชุดที่บ่งบอกถึงความเป็นหญิงโสเภณี วันนี้นางมาด้วยชุดที่แม้นจะเป็นสีขาว แต่ก็ขาวอย่างบริสุทธิ์ ทรงสวมวิกผมประบ่า สวมสร้อยคออันหนาปกปิดคอของนางอย่างมิดชิด หน้าของนางที่ตกแต่งด้วยโคลน์ ก็สวยคมยิ่งนัก นางในฮาเร็มรวมทั้งองค์หญิงเหยียนต่างพากันจ้องมองกันด้วยความอิจฉาเจ้าหญิงยิ่งนัก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากมองด้วยความกดดันเป็นอย่างยิ่ง และตอนนี้ เจ้าหญิงทรงทำให้เจ้าชายเนฟทราและพระเชษฐาต่างมองด้วยความตะลึง ทั้งสองเดินเข้าไปหานางพร้อมกันและชวนให้นางเกาะกุมแขนไว้ แต่นางกับเลือกเจ้าชายเนฟทรา จึงทำให้ฟาโรห์มองอย่างไม่ชอบใจยิ่งนัก ทรงหึงภรรยาของตนเอง….‘ภรรยาหรอ ใช่สิ นางคือภรรยาของข้าแล้ว’
“ท่านพี่ ทรงจะประกาศเลยไหมพะยะคะ” เจ้าชายเนฟทราเอ่ยถาม
“อืม ประกาศอะไรเหรอ” ฟาโรห์ถามกลับด้วยความสงสัยพลางมองไปที่หน้านวลของอัลรีน่า
“ก็เรื่องที่ท่านพี่จะให้ข้าแต่งงานกับน้องรีน่าไง วันนี้และตอนนี้นะพะยะคะ” เจ้าชายเนฟทราเอ่ยตอบทันทีด้วยความดีพระทัย อัลรีน่าที่อยู่ข้างกายหันกลับไปจ้องหน้าองค์ฟาโรห์ มองว่าจะทรงตอบเช่นไร จะทรงผลักไสภรรยาอย่างนาง แม้นจะเป็นภรรยาเพียงชั่วข้ามคืน แต่นางก็ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาของพระองค์หรือจะทรงประกาศว่าไม่ให้แต่งและจะทรงแต่งกับนางเอง
“ยังไม่ได้ วันนี้ถือว่าเป็นวันที่เลี้ยงฉลองการกลับมาของเจ้าเสียดีกว่า ส่วนเรื่องงานแต่ง พี่อยากให้เจ้าคิดดูอีกที ว่าเจ้าต้องการแต่งงานกับนางจริงๆ หรอ” ฟาโรห์กลัวที่จะเสียอัลรีน่าไป จึงกล่าวบอกปฏิเสธยังไม่ให้แต่งกัน พระองค์เท่านั้นที่จะต้องได้แต่ง ไม่ใช่ อนุชาของพระองค์เอง
เจ้าหญิงอัลรีน่าแอบยิ้มดีใจและคิดไปต่างๆ นานาว่า ฟาโรห์ทรงหึงหวงนางเข้าให้แล้ว และนางยิ่งคิดไปต่อทันทีว่า นางคงได้ขึ้นตำแหน่งราชินีเป็นแน่ และจะอยู่เคียงข้างบัลลังค์กับฟาโรห์อย่างมีความสุขได้ในอีกไม่นานนี้อย่างแน่นอน
องค์หญิงเหยียนจ้องมองเล็กน้อยและเดินไปหาองค์ฟาโรห์พูดพลางเสียงหวาน “ฟาโรห์เจ้าคะ เหยียนชอบที่นี่จังเลย เป็นราชสำนักที่ดูดีมาก แล้วเมื่อไหร่เราจะได้แต่งงานกันเจ้าคะ ดูสิ แต่งพร้อมกันเลยพร้อมเจ้าชายเนฟทราและเจ้าหญิงอัลรีน่า ผู้สูงศักดิ์ ดีไหมเจ้าคะ?” ฟาโรห์หันหน้าไปมององค์หญิงเหยียนที่สวยแบบจีนๆ แต่ก็สู้อัลรีน่าตัวน้อยที่พระองค์เคยเกลียดชังไม่ได้เลย นางสวยกว่า อีกทั้ง เมื่อทรงมองไปทางอื่น จะเห็นว่ามีแต่ชายทั้งเหล่าขุนนางและวิเซียร์ต่างก็มองอัลรีน่าเป็นตาเดียวด้วยความถวิลหา
“ข้าว่าเรายังแต่งงานกันไม่ได้หรอก เจ้าก็รู้ว่า ท่านแม่ของข้าไม่ปราถนาที่จะให้เจ้าเป็นองค์ราชินีของข้า นางปราถนาแต่อัลรีน่าเท่านั้น ข้าคงจะต้องเลือกนางมากกว่าเจ้านะ” ฟาโรห์บอกให้ได้ยินกันแค่ภายในวงของตน ทำให้ทั้งเจ้าชายเนฟทราและเจ้าหญิงอัลรีน่าต่างมองตากันด้วยความตะลึงเล็กน้อย แต่ก็ไม่พูดอะไร พร้อมจะฟังต่อไป ว่าสิ่งที่ฟาโรห์หมายถึงคืออะไร
“อืม ข้าอาจจะต้องแต่งกับอัลรีน่าน่ะ เพือราชบัลลังค์ที่มั่นคง ส่วนเจ้า น้องเหยียน พี่จะให้เจ้าเป็นราชินีอันดับสอง ดีไหม?” เหยียนมองด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเป็น นางกลัวการเป็นเมียน้อยอย่างยิ่ง เพราะตอนที่นางกับพระมารดาของนางอยู่ที่วังของฮ่องเต้ผู้เป็นบิดา ก็มักถูกกลั่นแกล้งจากฮองเฮาและบรรดาพระโอรสและธิดาเสมอ พวกเขาไม่เห็นนางสองแม่ลูกอยู่ในสายตาเลย หากมาเป็นชายาน้อยของฟาโรห์อีก คงไม่พ้นเงื้อมือมารจากองค์ราชินีเป็นแน่ และด้วยความที่นางรู้ถึงนิสัยของสตรีตรงหน้าดี ทำให้นางทำใจสั่นเล็กน้อย แต่ก็ยังกล้าที่จะตอบกลับไป ซึ่งคำตอบนั้นก็ทำให้ฟาโรห์พอพระทัยยิ่งนัก “สำหรับเหยียนแล้ว ไม่มีอะไรที่สำคัญไปกว่าการที่ได้ดูแลฝ่าบาทและใกล้ชิดหรอก ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ตำแหน่งราชินีรอง เหยียนก็พอใจแล้ว” องค์หญิงเหยียนซบลงไปที่อกฟาโรห์ ทำให้เจ้าหญิงอัลรีน่ามองตาขวาง อยากจะตบนังหญิงแพศยาตรงหน้ายิ่งนัก
“นี่ไง เจ้าถึงเป็นหญิงที่ข้าต้องการให้เคียงข้างยิ่งนัก แต่ข้าต้องเลือกอัลรีน่ามาก่อน น้องเหยียน ข้าขอโทษนะ” ฟาโรห์เอ่ยขอโทษ และพลางดึงอัลรีน่าไปใจกลางห้องโถงจัดงานและเปล่าประกาศด้วยน้ำเสียงอันทรงอำนาจว่า “เรามีเรื่องจะบอกให้ทุกท่านทราบ เราจะอภิเษกแล้ว!” ทุกคนต่างหันมามองกันเป็นตาเดียว โดยเฉพาะเหล่าชายหนุ่มนางในฮาเร็ม
“เราจะรักษาเชื้อพระวงศ์ให้บริสุทธิ์ แต่งงานกับน้องสาวของเรา ผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องแห่งเรา เจ้าหญิงอัลรีน่าจะได้ขึ้นเป็นราชินีแห่งอียิปต์หลังการอภิเษกกับเรา!” ฟาโรห์ประกาศกึกก้องไปทั่วห้อง เจ้าหญิงผู้ยืนอยู่เคียงข้างยิ้มดีใจและใช้สายพระเนตรอันเฉียบแหลมจ้องมองบรรดานางในฮาเร็มและองค์หญิงเหยียนด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าเหนือกว่าเป็นอย่างยิ่ง แต่นางไม่รู้เลยว่าหลังจากนั้นนางจะโชคร้ายกว่าที่เป็นอยู่นี้เข้าไปอีก
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
4.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ