แค้นรักจอมราชันด์แห่งทะเลทราย

6.2

วันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2555 เวลา 11.10 น.

  4 chapter
  6 วิจารณ์
  31.88K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) บทที่ 3 นี่หรือโชคชะตา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 3 นี่หรือโชคชะตา

 

            เจ้าหญิงอัลรีน่าเสด็จไปที่สวนดอกไม้ภายในตำหนักใหญ่ด้วยความปลื้มพระทัยเป็นอย่างยิ่ง ทรงไม่คิดเลยว่าจะมีวันนี้ วันที่ฟาโรห์คาลิค ผู้ที่นางหลงรักมานานแสนนาน ตั้งแต่เด็กๆ เลยก็ว่าได้มาขอนางแต่งงานต่อหน้าธาลกำนัล นางกำลังคนสนิทที่มีนามว่า ไอริท เดินเข้ามาเงียบๆ พลางพูดกับเจ้าหญิงด้วยคำที่ดูแล้วยิ่งปลื้มใจเข้าไปอีกว่า “แหม เจ้าหญิงของหม่อมฉัน ทำไมทรงมาอยู่ตรงนี้ ใกล้เพลาที่งานอภิเษกจะเริ่มแล้วนะเจ้าคะ ทรงกลับตำหนักเถอะ เดียวไอริทจะช่วยท่านแต่งฉลองพระองค์ เอาให้สวยกว่านาง… เอ่อ องค์หญิงเหยียนผู้ตกกระป๋องอีกรวมทั้งบรรดาเมียน้อยของฟาโรห์ ผู้เป็นรองท่านเจ้าคะ”

            “ดีสิ ที่เจ้าพูดแบบนี้ อืม ไอริท เจ้าว่า ท่านพี่ทรงรักข้าไหม” เจ้าหญิงผู้ที่กำลังจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งราชินีองค์ใหม่ตรัสถามนางกำนัลด้วยความอยากรู้

            “ต้องรักสิเจ้าคะ ไม่งั้นจะทรงแต่งงานกับเจ้าหญิงหรอเพคะ หากทรงไม่รัก พระองค์ก็จะเฉไฉไม่แต่งอยู่ร่ำไป” เจ้าหญิงตาวาวเล็กน้อย แต่นางกับคิดในใจว่า ถึงแม้จะเป็นองค์ราชินี เป็นภรรยาเอกที่เคียงข้างราชบัลลังค์ ยังไงก็ไม่มีความสุขหรอก เพราะว่าสามีของตนไม่ได้มีแค่ตน ยังมีนังเหยียนและนังสนมชั้นต่ำทั้งหลายเยอะแยะมากมาย ยิ่งนางจิตใจอ่อนแอ ก็ยิ่งทำให้พวกมันได้ใจที่จะคิดค้นหาทางกำจัดนางให้พ้นทาง เพราะฉะนั้น นางจะต้องหาทางกำจัดไว้ก่อนตั้งแต่เนิ่น โดยหลังจากขึ้นตำแหน่งพระราชินีแล้ว นางจะบังคับให้บรรดาฮาเร็มทั้งหมดและองค์หญิงเหยียนดื่มยาคุม เพื่อไม่ให้พวกนางมีลูก ไม่ให้ลูกๆ ของพวกมันมาแย่งชิงตำแหน่งโอรสและธิดาที่ประสูติจากนาง เจ้าหญิงคิดดังนั้นพลางยิ้มอย่างมีชัย

            “ก็ดี ไปกันเถอะ ไอริท ข้าจะต้องสวยที่สุด เพราะวันนี้ ข้าจะเป็นองค์ราชินี”

 

            ภายในท้องพระโรงอันกว้างใหญ่ ปกติที่แห่งนี้ ก็สวยงามอยู่แล้ว แต่วันนี้ จะเห็นได้ว่า มีดอกไม้รวมทั้งเสาแห่งอามอนประดับไปด้วยสิ่งของอันเลอค่า เพราะว่าเพลานี้มีงานฉลองการอภิเษกสมรสของฟาโรห์และราชินีองค์ใหม่ จะเป็นใครไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ เจ้าหญิงอัลรีน่า พระคู่หมั้นตั้งแต่แรกเริ่มของพระองค์

            งานนี้ต่างก็มีบรรดาเชื้อพระวงศ์ทั้งชั้นสูงและปลายแถวมารวมตัวกัน โดยเฉพาะบรรดาหญิงงามแห่งชนชั้นสูง ซึ่งต่างก็เป็นพระญาติแห่งเชื้อพระวงศ์ทั้งสิ้น ย่อมไม่พลาดโอกาสนี้หรอก พวกนางเหล่านีล้วนแต่ก็เป็นพระญาติแห่งพระราชินีอัลรีน่า จึงไม่คิดที่จะอวดโฉมของตนต่อองค์ฟาโรห์ สวามีแห่งญาตินาง แต่ที่มา ก็ด้วยความที่อยากจะถวายพระพรราชินีองค์ใหม่เท่านั่นเอง

            “มาแล้วหรอ เนฟทราน้องชายของพี่” ฟาโรห์ยิ้มมองอนุชาของตน ซึ่งข้างกายของพระองค์ก็คือ องค์ราชินีอัลรีน่านั่นเอง บัดนี้นางสวมมงกุฐรูปงูเห่ายูเรอัสที่แสดงถึงฐานะของพระราชินีแห่งอียิปต์อย่างสมพระเกียรติ

            “พะยะคะ” เจ้าชายเนฟทราเอ่ยตอบสั้นๆ พลางมองหน้าหญิงคนรักด้วยใจที่สั่น “วันนี้ น้องนางของพี่ทรงสวยเหลือเกินนะ เจ้าเหมาะที่จะเป็นราชินีแห่งอียิปต์เป็นอย่างยิ่ง ข้าดีใจด้วย เจ้าคงมีความสุขมาก”

            “ขอบพระทัยมาก พี่ชายของรีน่า รีน่าจะไม่มีวันลืมเลยว่าเคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกับท่าน” พระราชินียิ้มให้กับแววตาของเจ้าชายเนฟทรา จึงยิ่งทำให้ฟาโรห์ที่กอดกระชับไหล่ของราชินีอยู่แล้ว ยิ่งกอดแน่นขึ้นเข้าไปอีกด้วยความหึงหวงเป็นที่สุด

            “ไหนๆ เจ้ามาก็ดีแล้ว วันนี้จะถือว่านอกจากเป็นวันอภิเษกของพี่แล้ว ยังต้องเป็นวันที่เจ้าจะต้องเลือกคู่เช่นกัน เจ้าถูกใจหญิงใด ก็บอกพี่ได้เลยนะ” ฟาโรห์รีบบอกโดยเร็ว เพราะไม่อยากเห็นแววตาของน้องชายที่มองมายังราชินีของพระองค์

            “อีกแล้วหรอ ท่านพี่ คราวก่อนก็ให้ข้าหมั้นหมายแล้วกับขนิษฐาของตนเอง และคราวนี้ จะเป็นใครอีกละพะยะคะ” เจ้าชายเนฟทราตรัสตาโต ทำให้พระราชินีอัลรีน่าหัวเราะคิกคักและแซวผู้เป็นพี่ด้วยแววตาขบขัน

            “รีน่าว่าก็ดีเหมือนกันนะเพค่ะ เสด็จพี่ของน้องก็จะได้มีชายาสักที อย่าเหมือนกับพี่คาลีฟาห์เลย รายนั้น ชอบมีแต่พวกนางบำเรอไร้สาระ” อัลรีน่าพูดเหนบแนมพระเชษฐาของนางอย่างหมั่นไส้

            “มันก็ไม่จำเป็นที่เจ้าจะต้องอภิเษกนี่ ถ้าเจ้าไม่อยากแต่งงาน ก็แค่รับพวกนางเป็นนางสนมก็ได้ เจ้าเป็นชาย จะเหมือนข้าก็ไม่แปลกที่จะมีบรรดานางสนมกว่าห้าร้อยนางขึ้นไป” ฟาโรห์ทรงกล่าว ซึ่งคำนี้เอง ทำให้พระราชินีอัลรีน่าทรงสายพระเนตรด้วยแววเศร้าหมองออกมาชัดเจน

            เจ้าชายเนฟทราหันไปมองอัลรีน่า ทรงรู้มาเสมอว่า ก่อนจะแต่งงานและจนถึงแต่งงาน เจ้าหญิงตัวน้อยองค์นี้น่าสงสารเพียงใด นางตรอมใจได้ทุกวันที่เห็นฟาโรห์อยู่กับบรรดานางสนมทั้งหลาย

“อย่าเลย เสด็จพี่ ข้าไม่อยากจะเป็นเหมือนท่าน ถึงมีสนม ข้าก็ไม่มีเพลาให้หรอก หากข้าจะต้องแต่งงาน ก็หมายถึงว่า ข้าจะมีเพียงนางคนเดียวเท่านั้น ซึ่งข้าก็อยากจะบอกกับท่าน ข้าก็อยากให้ท่าน มีพระราชินีอย่างน้องอัลรีน่าเพียงคนเดียวก็พอแล้ว ท่านก็รู้ว่านางเป็นที่ต้องการของชายทั่วทั้งหล้า ท่านคิดว่าจะมีใครโชคดีไปกว่าท่านอีกไหม ท่านถือเพชรไว้แล้ว อย่าเก็บก้อนกรวดไว้อีกเลย เพราะวันนึง พวกก้อนกรวดจะบังเพชรเม็ดแท้เอาไว้ ทำให้ท่านพี่ถลำไปกับสิ่งที่ก้อนกรวดยั่วยวนนะพะยะคะ หากข้าเป็นท่าน ข้าจะมีนางเป็นชายาเพียงองค์เดียว ถึงจะไม่รัก แต่ก็ควรซื่อสัตย์ไว้เป็นดีที่สุด” วาจาที่เจ้าชายทรงลั่นออกไป ก็ทำให้พวกบรรดาหญิงงามที่ยืนอยู่ตรงนั้นยิ้มปลาบปลื้มกันทั้งสิ้น เพราะพวกนางคิดว่า หากนางเป็นหญิงผู้โชคดีคนนั้น คงจะดีทีเดียวที่ไม่ต้องมาปวดหัวกับบรรดาชายารองของเจ้าชาย

“รีน่าก็ว่ารีน่าก็คงจะโชคดี หากฟาโรห์มีแต่รีน่า” องค์ราชินีหันไปมององค์ฟาโรห์เล็กน้อย เพราะนางปราถนาจริงๆ นางอยากให้พระองค์รักแต่นางและมีนางคนเดียว นางไม่อยากสู้รบปรบมือกับบรรดานางเมียน้อย นางอยากมีลูก และอยากให้ลูกมีสุขหากพระบิดามีพระมารดาเป็นชายาเพียงคนเดียว แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่ฟาโรห์จะยุบฮาเร็มให้นาง สุดท้ายนางจึงเดินไปปล่าวประกาศทางกลุ่มของนางสนมที่อยู่แถวนั้นว่า “เนื่องด้วยข้าคือราชินีองค์ใหม่แห่งอียิปต์ แม้พวกเจ้าจะมาก่อนข้า แต่ข้าก็คือภรรยาเอกที่ถูกต้องตามกฏหมายและเป็นภรรยาที่เคียงข้างราชบัลลังค์แห่งฟาโรห์ พวกเจ้าเป็นแค่เมียน้อย ต่อไปนี้จะต้องเชื่อฟังข้า ถ้าไม่อยากหัวหลุดออกจากบ่าหรือถูกขับออกจากวัน” นางปรบมือเล็กน้อยพลางบอกต่อไป “และน้ำที่พวกเจ้ากินกัน ขอบใจมากทีดื่มหมด ที่ทำให้ข้าและลูกๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตของข้ามีสุข”

“เรื่องอะไรเหรออ” นางสนมที่ขึ้นชื่อว่าเป็นองค์โปรดของฟาโรห์ถามด้วยความหยิ่งยโสยิ่งนัก

“หึ ก็เรื่องที่พวกเจ้าดื่มยาคุมกำเนิดที่อยู่ในนั้นไง” พระราชินียิ้มด้วยความสะใจ และเหลือบมองไปทางองค์หญิงเหยียน ซึ่งบัดนี้นางก็สวมมงกุฐของอียิปต์ ที่เป็นมงกุฐของราชินีอันดับรอง นางก็ดื่มเข้าไปเช่นกัน แต่ก็ไม่มีใครรู้เลยว่า ตอนนี้นางมีครรภ์อยู่แล้ว….

 

“ท่านพี่ทรงคิดยังไงที่ตั้งเหยียนขึ้นเป็นราชินีอันดับสอง แถมยังประทานชื่อฟารีดาให้อีก ทรงไม่กลัวน้องรีน่าจะตบนางหรือไร” เจ้าชายเนฟทราเอ่ยถามขณะร่วมดื่มน้ำจัณฑ์กับฟาโรห์ตรงข้างเสาแห่งอามุน

“ไม่หรอก รีน่าก็เมีย น้องดาก็เมีย ทั้งคู่เป็นเมียที่ใหญ่ที่สุดของข้า พวกนางยังไงก็ห้ามทำตัวเช่นนั้นเด็ดขาด และถ้ารีน่าตบนางจริงๆ ข้าก็จะออกโรงปกป้องน้องดาอย่างถึงที่สุด” ฟาโรห์ตรัสด้วยความไม่คิดอะไร

“ท่านพี่ ข้าไม่อยากให้ท่านพี่ทำแบบนี้เลย ถึงดาเขาจะเป็นเมียท่านมาก่อนในขณะที่อยู่ที่วังของฮ่องเต้ แต่อย่างน้อย น้องรีน่าก็ขึ้นชื่อว่าเป็นว่าที่ภรรยาของท่านมาตั้งแต่เยาวน์วัย ท่านพี่สมควรจะปกป้องนางมากกว่านะพะยะคะ” เจ้าชายพูดให้ฟาโรห์ทรงคิด

“ไม่ได้หรอก สำหรับอัลรีน่า พี่ไม่เคยรักและชอบ แต่นี่อาจจะเป็นเพราะนางบริสุทธิ์มากกว่านะ ข้าแค่ไม่อยากให้ชายใดมาแตะต้องเท่านั้นเอง ส่วนสำหรับน้องดา ข้ารักนางเสียยิ่งกว่านางสนมเสียอีก แต่เพราะข้าจะต้องทำตามกฏมณเฑียรบาล นางก็เลยเป็นได้แค่ราชินีอันดับรอง” เจ้าชายเนฟทราถอนหายอย่างแรงที่ได้ฟัง ทรงไม่ชอบเลยกับความคิดอันเห็นแก่ตัวของฟาโรห์

 

ขณะที่เจ้าชายเนฟทราทรงสรงน้ำอยู่ที่สระน้ำใหญ่ใจกลางห้องโถงในตำหนักของพระองค์ ร่างสูงใหญ่ขององค์ฟาโรห์ก็ปรากฏเข้ามา พระองค์ทรงนั่งข้างสระน้ำพลันมองไปรอบๆ ห้องด้วยสายตาอันชื่นชม ทรงแลเห็นว่าที่สระน้ำนี้แม้จะไม่ใหญ่เท่ากับสระน้ำภายในตำหนักใหญ่แห่งฟาโรห์ แต่มันก็เป็นสระน้ำที่ดูดีเหลือเกิน กลิ่นหอมจากดอกอาเคเชีย รวมทั้งดอกไม้หลากหลายกลิ่นนั้นทำให้พระองค์ประทับใจเป็นอย่างยิ่ง

“ให้ข้าอาบด้วยคนได้ไหม” ฟาโรห์ถามอนุชาของตน

“ได้สิพะยะคะ” เมื่อเจ้าชายเนฟทรา ผู้เป็นอนุชาอนุญาติ ฟาโรห์ก็ไม่รีรอที่จะปลดฉลองพระองค์ทั้งหมดออกแล้วก้าวลงไปในสระน้ำ ทรงคิดว่า นานแล้วที่ไม่ได้อาบน้ำกับเนฟทรา นานมากแล้วจริงๆ

“ข้ายินดีจริงๆ ที่ได้พบเจ้าอีกครา และข้าก็ยินดีอีกเช่นกันที่เพลาที่เจ้าออกไปรบแถบชายแดน ก็มักน้ำชื่อเสียงและชัยชนะมาสู่เรา…….สู่อียิปต์”

เจ้าชายเนฟทราทรงพยักหน้ารับ ทรงรู้ดีว่าทรงเป็นได้แค่เพียงเศษเสี้ยว เป็นได้แค่ตัวแทนแห่งฟาโรห์ ประชาชนแม้จะยินดีกับเจ้าชาย แต่ก็ได้เพียงแค่นั้น หากเขาคือฟาโรห์ มันคงจะเป็นอะไรที่ดีกว่านี้ เขาคงจะได้ทุกอย่าง ทั้งเมือง ทั้งความรักและหญิงอันเป็นที่รัก

“ข้ามีบางอย่างอยากจะปรึกษากับเจ้า” ฟาโรห์บอกกับพระอนุชา

“เรื่องใดรึ เสด็จพี่” เจ้าชายมองไปที่พระพักต์ของฟาโรห์ แลเห็นว่าทรงดูเครียดมากเหมือนกัน

“ตอนนี้เจ้าเห็นไหมว่าพวกนักบวชในราชสำนักถืออำนาจไปมากกว่าครึ่งแล้ว พวกนั้นกล้าดีตีเสมอเทียบเท่ากับพี่ เพลาที่พี่เรียกประชุม พวกนั้นจะไม่ค่อยเข้าร่วม และยังไปแอบประชุมกันลับๆ อีก” ฟาโรห์ตรัสด้วยความหงุดหงิด

หลังจากที่ทรงได้สดับฟังแล้ว ก็พลันรู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น มันต้องแน่อยู่แล้วว่า มีนักบวชคนใดคนนึงขัดใจองค์ฟาโรห์ จึงทำให้พระองค์โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเช่นนี้ แต่เจ้าชายก็ไม่อยากเห็นพี่ชายของตนเครียดหรอก ทรงรู้ว่าการเป็นฟาโรห์ เป็นอะไรที่หนักหนา ฟาโรห์ไม่ใช่ว่าจะสบาย พระองค์จะต้องควบคุมกองทหาร วางนโยบายเอง ออกกฏหมาย ดูแลประชาชน คิดค้นสิ่งใหม่ๆ ให้กับอียิปต์รวมทั้งประชากรของพระองค์ เจ้าชายจึงต้องทรงคอยเตือนให้ฟาโรห์พระทัยเย็นเสมอในเวลาที่มีเรื่องทุกข์ร้อน

“ข้าว่าท่านพี่พระทัยเย็นๆ ก่อนดีไหม การเป็นศัตรูกับคนของท่านพี่เอง มันจะส่งผลเสียให้กับท่านพี่ได้ทั้งในตอนนี้และอนาคต” เจ้าชายเอ่ยน้ำเสียงเตือนฟาโรห์

“อย่าบอกให้พี่ใจเย็น พี่ทนไม่ไหวอีกแล้ว พวกมันกล้ากำแหงยิ่งขึ้นทุกวัน บอกให้เข้าประชุม ก็ยังมีหน้ามาบอกว่า เพราะตนเองไม่ว่าง และจะต้องเข้าพิธีถวายตัวต่อเทพอามุนอีก หึ ช่างน่าสมเพชสิ้นดี พี่อยากจับพวกมันมารนไฟยิ่งนัก” ฟาโรห์เอ่ยด้วยความกริ้ว จึงทำให้เจ้าชายส่ายหน้าเบาๆ ไม่เข้าใจเลยว่าเชษฐาของพระองค์จะโกรธอะไรนักหนา

“อืม ท่านพี่ ข้าคิดอะไรออกแล้ว” เจ้าชายพยักหน้าเบาๆ กับความคิดของตน แต่ก็ทรงคิดอยู่นิดๆ ว่าจะบอกออกไปดีไหม เพราะกลัวว่ามันจะเป็นอะไรที่ดูขี้ขลาดสำหรับองค์ฟาโรห์

“เงียบทำไมเล่า บอกข้ามาเถอะ” ฟาโรห์มองหน้าอนุชาด้วยความสงสัย

“ข้าว่าท่านน่าจะริบรอนอำนาจของเหล่านักบวชโดยการขึ้นเป็นนักบวชเสียเองนะพะยะคะ” เจ้าชายเอ่ยออกไปเสียงเบา จนฟาโรห์ยักคิ้วถาม

“เอ่อ….ก็คือ การที่ท่านพี่ทำเหมือนกับที่อดีตฟาโรห์ พระนามว่าอัคเคนาเตนกับพระนางเนเฟรติติทรงทำ” เจ้าชายตรัสต่อ “รู้ไหมว่า ทั้งสองพระองค์ใช้อำนาจของตนในการริบรอนอำนาจนักบวชโดยการที่ทรงเป็นนักบวชเสียเอง ทรงติดต่อกับเทพเจ้าด้วยตนเอง และทรงย้ายเมืองหลวงใหม่ไปที่ ‘อัคเคตาเตน’ ท่านพี่รู้ไหมว่า เมืองที่สร้างใหม่มีดีขนาดไหนรวมทั้งเมื่อสร้างใหม่แล้ว พวกนักบวชก็กลายเป็นหมาหัวเน่าทันที นานๆ ครั้งจะมีคนเข้าไปหาพวกเขา ส่วนมากเขาจะเข้าไปหาฟาโรห์ผู้แทนตนเป็นนักบวชมากกว่า” เจ้าชายตรัสออกมาแล้วแอบยิ้มนิดๆ กับความคิดของตน

“ก็ดีนะ วิธีเจ้าน่าสน แต่เราไม่ต้องย้ายไปที่เมืองหลวงใหม่ก็ได้ พี่คิดว่าน่าจะสั่งริบรอนอำนาจพวกนั้นโดยการปลดออกข้อหาไม่เชื่อฟัง ไม่เข้าร่วมประชุม เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนมากกว่าส่วนรวม”

“พะยะคะ วิธีก็ดีเหมือนกัน” เจ้าชายพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย เพราะทรงคิดว่า มันคงยาก หากต้องย้ายไปสร้างเมืองหลวงแห่งใหม่เฉกเช่นฟาโรห์อัคเคนาเตนและพระราชินีเนเฟรติติในอดีต

“ท่านพี่ ข้ารู้สึกว่าท่านพี่ทรงเปลี่ยนไปนะพะยะคะ มีอะไรหรือเปล่า” เจ้าชายเจาะคำถามใส่ผู้เป็นพี่

“เจ้ารู้ไหมว่า อืม ข้ายอมรับว่าข้าเปลี่ยนไปก็เพราะการที่ได้ใกล้ชิดกับน้องเหยียน นางสอนทุกอย่างว่า หากชนะแล้ว ก็ต้องแพ้บ้าง ก็เหมือนกับหากแพ้แล้ว ก็ย่อมมีวันชนะ นางบอกว่ามันเป็นคำสอนของชาวจีนอย่างนาง” ฟาโรห์ตรัสออกมายิ้มๆ ทำให้เจ้าชายพลางคิดในใจว่า ‘แล้วอัลรีน่าเล่า เอานางไปไว้ตรงไหน’

“อะไรต่อ” เจ้าชายเลิกคิ้วถามต่อ

“เวลาที่ข้าได้อยู่กับนาง เล่นเกมส์เซเนตกับนางรวมทั้งหมากรุก ข้าแพ้ตลอด นางก็สอนและบอกกับข้าเสมอ เตือนข้าว่า อาจจะรบชนะ แต่ถ้าในเกมส์ มันก็ย่อมมีวันแพ้ รู้ไหม พลันเวลาที่ข้าได้ยิน ข้าได้รู้จักนางมากขึ้น ได้ชิดใกล้ ข้าก็เกิดอาการที่ว่า ข้ารักนาง รักนางมากเหลือเกิน” ฟาโรห์เอ่ยเหมือนคนโดนสะกดจิต

“ท่านพี่ มันอาจจะเป็นแค่การชื่นชมก็ได้ ท่านพี่คิดเหรอว่านางรักท่านพี่จริง ไม่ได้หวังสิ่งใด แล้วอัลรีน่า นางก็รักท่านพี่นะ สายเลือดย่อมชิดเชื้อกันมากกว่าเลือดของคนอื่น ประเทศจีนใหญ่กว่าเรามากนะ ท่านพี่ไม่คิดหรอว่า พวกมันจะเอาแผ่นดินเราไป ข้าอยากให้ท่านพี่ปลดเหยียนออกจากตำแหน่งราชินี เหลือเพียงแค่สนมจะดีกว่า เพราะว่าตำแหน่งราชินีเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ หากคิดจะทำการสิ่งใดก็จะง่ายมาก แต่ดีตรงที่ว่า ตอนนี้น้องรีน่าเป็นราชินีอันดับหนึ่ง มันย่อมยาก หากเหยียนจะทำการอะไร” ฟาโรห์พยักหน้ากับคำบอกเล่าของเจ้าชายน้อยๆ แต่ก็ไม่ทรงยอมรับความคิดนี้ เพราะทรงคิดแต่ว่า อัลรีน่าไม่ดี ส่วนเหยียนเป็นคนดี อีกอย่าง พระองค์ก็รักนาง ทรงคิดกับตนเองว่า ทำไมถึงไม่รักอัลรีน่า ทั้งที่นางก็แสดงออกมาเสมอว่ารักพระองค์แค่ไหน หรือเพราะว่านางนิสัยไม่ดี จึงทำให้ทรงตั้งแง่รังเกลียดนางตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบกัน

“เจ้ารู้ไหมว่า ไม่นานพี่ก็จะต้องไปรบแล้ว ได้ข่าวว่าฮิสไทล์ส่งพวกหนอนบ่อนไส้เข้ามาสืบข่าวเราเสมอ พวกมันคิดทำการเลวทรามได้ทุกวัน” ฟาโรห์เอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“ข้ารู้ แล้วจะทรงออกไปรบเมื่อใด” เจ้าชายเอ่ยถาม

“ข้าคิดว่าไม่กี่วันหรอก หรืออาจจะเป็นเดือน เพราะพี่กับแม่ทัพใหญ่จะต้องหารือกันก่อนว่าการไปรบ เราจะใช้แผนอะไรบ้าง แต่อย่างแรก ก็คงจะต้องส่งสายสืบไปก่อน อาจจะเป็นหญิงงามของเราเข้าไปสู่อ้อมกษัตริย์ฮิสไทล์ เจ้าก็รู้ว่า ไอ้กษัตริย์นั่นมันบ้าหญิงงามขนาดไหน”

“ดีพะยะคะ แต่ว่าหญิงของเรา จะไม่เป็นอันตรายรึ” เจ้าชายเอ่ยถามต่อไปอีก

“ไม่หรอก หญิงคนนั้นจะต้องสวยงาม ยั่วยวนเก่งรวมทั้งฝึกการต่อสู้มาเป็นอย่างดี” ฟาโรห์ตบไปที่ไหล่ของอนุชาเบาๆ “อืม ยังไงก็ ขณะที่ข้าไม่อยู่ ก็ฝากเจ้าดูแลทางนี้ ดูแลน้องเหยียนและอียิปต์ด้วย”

“แล้วไม่ให้ข้าดูอัลรีน่าหรอกหรือ” เจ้าชายเอ่ยถามด้วยความสงสัยอย่างหนัก

“ไม่ต้องหรอก อย่างนาง ดูแลตนเองไปละกัน ผู้หญิงคนนั้นมีปากเป็นอาวุธอยู่แล้ว” ฟาโรห์เอ่ยออกมา ทรงยิ้มนิดๆ ขำกับท่าทีที่พระองค์เคยเห็นจากอัลรีน่า ภาพในอดีตที่แสดงว่ามีหนุ่มผู้โชคร้ายคนนึงเข้าไปจีบอัลรีน่า แต่นางไม่เล่นด้วย นางจึงด่ายับเยิน ว่าหนุ่มคนนั้นว่าชอบทำตัวซกมก สกปรก ผ้าก็ไม่เคยซัก พระองค์ทรงคิดและหัวเราะเล็กน้อย เจ้าชายพลางมองและยิ้มตาม ทั้งสองพี่น้องต่างหัวเราะกับความคิดของตนลั่นห้อง

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
4.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา