แค้นรักจอมราชันด์แห่งทะเลทราย

6.2

วันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2555 เวลา 11.10 น.

  4 chapter
  6 วิจารณ์
  32.00K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) ความรักที่ข้ามีให้ท่าน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 1 ความรักที่ข้ามีให้ท่าน

 

          ช่วงเช้าอากาศสดใส เหมาะเป็นอย่างยิ่งถ้าได้มารับลมอากาศอันบริสุทธิ์ในตอนนี้ แม้อียิปต์จะเป็นประเทศที่ร้อน นานๆ ครั้งจะมีฝนตกที ซึ่งเวลาตก ก็จะตกได้ประมาณ 200 มิลลิลิตรต่อปีเพียงเท่านั้นเอง ชาวอียิปต์จึงขึ้นชื่อว่าชอบแต่งตัววาบหวิวมากกว่าชาติใดๆ ในโลก โดยเฉพาะนางในฮาเร็มทั้งหลาย ส่วนมากพวกนางจะใส่ชุดที่เห็นไปถึงน่องก้น บางนางสวมชุดแบบวาบหวิว และอีกส่วนนึงนั้นจะเปิดหน้าอก โชว์เม็ดถันสีชมพูมาอวดกัน จึงทำให้ฟาโรห์แห่งอียิปต์อิ่มหนำสำราญกับหญิงเหล่านี้ได้ทุกวัน พวกเหล่าขุนนางส่วนมากและชายส่วนใหญ่ก็ล้วนแต่อิจฉาองค์ฟาโรห์ทั้งสิ้น ยกเว้นอยู่เพียงผู้เดียว ซึ่งก็คือ เจ้าชายคาลอส ผู้เป็นพระปิจตุลาแห่งฟาโรห์นั่นเอง เพราะพระองค์ทรงมีพระชายาเอกเพียงพระองค์เดียวเท่านั้น และมีลูกๆ ที่น่ารักถึงสององค์กับนาง ทั้งชายและหญิง แม้วัยจะล่วงเลยมากว่า 40 ชันษาแล้ว แต่พระองค์ก็ยังดูหนุ่มแน่นอย่างกับชายผู้มีอายุแค่ 20 ต้นๆ ทั้งเจ้าชายและพระชายาเอกมักจะสอนพระโอรสและธิดาด้วยความรัก เอาอกเอาใจสารพัด งานอะไรก็ไม่ให้แตะ จึงทำให้ทั้งสองพระองค์มีนิสัยที่เอาแต่ใจ อยากได้อะไรก็ต้องได้ ถ้าไม่ได้ ก็จะทำให้ส่งผลร้ายภายในวังเสมอ ผู้พี่เป็นเจ้าชายหนุ่มรูปงาม เจ้าชู้ จีบสาวไปทั่ว พระนามว่า คาลีฟาห์ ส่วนคนน้อง เจ้าหญิงผู้เอาแต่พระทัย ไม่เคยฟังใคร มักดูถูกคนอื่นเสมอ แต่นางก็เป็นที่ต้องตาต้องใจกับบุรุษหลายๆ คน ทั้งเจ้าชายต่างแดน วิเซียร์ ขุนนางและเหล่าบุรุษรูปงามทั่วไปที่ปราถนาในบั้นท้ายงามๆ หน้าอกตั้งชัน สูงสง่า หน้าสวยคม จมูกโด่งคมสันมาก และที่สำคัญ นางขาวมากกว่าหญิงอียิปต์ทั่วไป ส่งผลให้นางสวยที่สุดในอียิปต์ นางผู้นี้มีนามว่า เจ้าหญิงอัลรีน่า แต่แม้นางจะเป็นที่รักของบุรุษหนุ่มทั่วไป มีเพียงแค่บุรุษนึงเท่านั้นที่ไม่สนใจไยดีนาง แต่นางก็ยังเฝ้ารักเขาเสมอมาตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งเขาผู้นั้นจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากองค์ฟาโรห์ผู้ยิ่งใหญ่

          “เสด็จพ่อ ทำไมกัน? ต้องรออีกแล้วหรอเพค่ะ เมื่อไหร่รีน่าจะได้อภิเษกกับฝ่าบาทสักที ท่านพ่อก็รู้ว่ารีน่ารักพระองค์ขนาดไหน” เจ้าหญิงอัลรีน่า หรือรีน่าพูดเสียงกระเง้ากระงอดกับพระบิดาของนางเอง ผู้เป็นพระเชษฐาที่อยู่ข้างกันก็พาเขกหัวของนางด้วยความหมั่นไส้กับท่าทีนั่นๆ ของนาง

          “อย่าไปจุ้นกับเสด็จพ่อมากสิ รีน่า เจ้านี่นะ ชอบจุ้นจ้าน วุ่นวาย ดูสิ องค์ฟาโรห์ไม่เคยประทับใจเจ้าเลย เห็นไหม?”

          “ท่านพี่! ทำไมต้องมาว่าน้องแบบนี้ด้วย น้องทำอะไรผิด” ผู้เป็นขนิษฐาโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง มองเชษฐาอย่างจะกัดกินเลือดและเนื้อ แต่นางก็กับไม่ทำเพราะรักเจ้าชายลีฟาห์มาก ทรงเป็นพระเชษฐาพระองค์เดียวที่เข้าใจ รักและปกป้องนางอย่างดีที่สุดมากกว่าฟาโรห์ผู้เป็นที่รักเป็นไหนๆ

          “อย่าทะเลาะกันสิจ่ะ ลูกๆ มานี่มา แม่เตรียมอาหารให้พวกเจ้าแล้ว” พระชายาเอกเซเลญ่า พระชายาผู้สูงศักดิ นางผู้แสนหวานมีสายเลือดของชีคกับชีคคาอาหรับอยู่ในตัวกล่าวด้วยน้ำเสียงหวานจนทำให้ใครๆ ก็พากันหลงรักทันที แต่นางก็กับมีใจให้เพียงแค่พระสวามีเพียงองค์เดียวเท่านั้น

          “เพคะ ท่านแม่” ทั้งสองพี่น้องต่างก็พูดประโยคที่ต้องการในเวลาเดียวกัน “ขอรับ ข้าจะทานให้หมดเลย” จึงทำให้พระบิดาและพระมารดาฟังไม่ได้ศัพท์เลย

          “ลูกสาวของพ่อ รีน่าลูกรัก พ่อรู้ว่าเจ้ารักฟาโรห์ขนาดไหน แต่เจ้าก็รู้ว่า พระองค์ทรงมีมเหสีรอง ชายาเอก ชายารองทั้งสนมตั้งมากมายและยังคิดจะตั้งองค์หญิงเหยียนขึ้นเป็นพระราชินีแห่งอียิปต์อีก เจ้าก็เห็นว่านางงามมากที่สุดในสามโลก เจ้าคิดว่าเจ้าจะสู้นางได้รึ?” ผู้เป็นพระบิดากล่าวตามกว่าจริง แม้ไม่อยากจะพูดจาทำร้ายจิตใจของผู้เป็นพระธิดา แต่ก็ต้องยอมทำเพื่อไม่ให้นางถลำลึกเข้าไปมากกว่านี้ หากยิ่งถลำ ก็ยิ่งเจ็บช้ำ สู้ทำให้ธิดาของตนเปลี่ยนใจไปชอบชายอื่นตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปเสียดีกว่า

          “แต่เสด็จพ่อ ลูกไม่ชอบนังพวกสนมชั้นต่ำพวกนั้นเลย โดยเฉพาะนังเหยียนหอยอะไรนั่น มันแย่งฟาโรห์ไปจากหม่อมฉัน เกลียดพวกมันที่สุดเลย!” เจ้าหญิงตบโต๊ดังลั่นด้วยความกริ้วจัด จนพระบิดาเอือมละอาอยู่นิดๆ กับความเอาแต่ใจที่ไม่มีวันสิ้นสุด แต่ผู้เป็นพระเชษฐากับหัวเราะกับชื่อที่ขนิษฐาเรียกองค์หญิงเหยียน

          “โธ่ รีน่า พอเถอะลูก พ่อไม่อยากเห็นเจ้าร้องไห้อีกแล้ว พ่ออยากให้เจ้ารักคนที่เขารักเจ้า ยังจะดีเสียกว่าที่รักคนที่เขาไม่เคยรักเจ้าอย่างฟาโรห์” ผู้เป็นพ่อโอบกอดลูกหลวมๆ จึงทำให้รีน่าร้องไห้ออกมา และพลางบอกต่อด้วยเสียงสั่นเทา “เสด็จพ่อ ทำไมฝ่าบาทไม่เคยฟังอะไรรีน่าเลย ทำไมจะต้องทรงกริ้วรีน่าเสมอในเวลาที่รีน่าเข้าไปพบพระองค์ที่ตำหนักและที่อื่น ทำไมมักชอบต่อว่าหม่อมฉันร่าน หาผู้ชายไปทั่วละเพค่ะ หม่อมฉันไม่เคยทำเรื่องเสียหายสักหน่อย ทำไมจะต้องหาว่าหม่อมฉันอย่างนู้นอย่างนี้ด้วยละ ข้าผิดอะไร” พระธิดารีน่าทรงตรัสด้วยความรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ไม่แสร้งทำหรืออะไรเลยที่แสดงออกมาว่าไม่จริงใจ

          “พ่อว่าเจ้าไปสูดอากาศรับลมจากข้างนอกหน่อยดีไหม จะได้ไม่ต้องมาอุดอู้อยู่แต่ภายในตำหนัก ไปลองดูสิว่าข้างนอกเป็นยังไงนะลูกนะ” พระบิดาบอกให้พระธิดาไปทำใจข้างนอก เผื่อว่าจะมีอะไรดีขึ้นบ้าง “เจ้าพาน้องไปสิ คาลีฟาห์”

          “อืม ไม่ดีกว่าท่านพ่อ วันนี้ข้านัดกับเซซาลีนไว้ นางเป็นคนโปรดของข้านี่” คาลีฟาห์ทำเสียงในลำคอ

          “ก็ได้เพคะ งั้นเดียวลูกกลับมานะ ท่านพ่อ ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะเพคะ รีน่าขอไปพักสงบใจเสียหน่อย” เจ้าหญิงอัลรีน่าหอมแก้มพระบิดาและพระมารดาด้วยความรักและเดินออกไปโดยมีนางกำนัลสองคนตามหลังไปติดๆ

 

ณ อุทยานใหญ่

 

          อุทยานใหญ่อันแสนงดงามนี้ มีดอกไม้ต่างๆ มากมาย พากันขึ้นชูชันอวดโฉมให้พวกเราได้เห็น ดอกไม้แต่ละชนิดนั้นจะแตกต่างกันออกไป มีหลากหลายสีสัน หลากหลายกลิ่น แต่นอกจากที่นี่จะมีดอกไม้แล้ว ก็ยังมีต้นไม้ขึ้นเยอะมากมาย แม้จะเยอะ แต่เหล่าคนสวนก็ดูแลและจัดแต่งให้เรียบร้อยอยู่เสมอ จากที่คิดว่าเคยเป็นป่า ก็ดูโล่ง และดูเหมือนอยู่ท่ามกลางป่าจำลองยังไงไม่รู้ ดอกไม้ที่ขึ้นบานสะพรั่งทั้งดอกมะลิ ดอกกล้วยไม้ต่างก็เป็นที่โปรดปรานของเชื้อพระวงศ์ผู้สูงศักดิ์แห่งอียิปต์หลายพระองค์ รวมทั้งอดีตพระราชินีแห่งอียิปต์ พระนางเนเฟรติติผู้เลอโฉมนั่นเอง และยังเป็นดอกไม้อันโปรดปรานแห่งเจ้าหญิงอัลรีน่าอีกด้วย แต่วันนี้ดูเหมือนนางจะโชคร้ายเสียเหลือเกิน เพราะตอนที่นางเดินผ่านสวน ได้เดินชนกับองค์หญิงเหยียนเข้าจนได้ ทำให้เหยียนล้มลงไปกองกับพื้นทันที เจ้าหญิงรีน่ายิ้มกว้างพลางหัวเราะอย่างคิกคักไม่สนสายตาของใคร ไม่สนว่าใครจะมองนางว่าเป็นนางมารขนาดไหน ขอเพียงแค่ได้หัวเราะด้วยความสะใจ ก็ดีแล้ว และนางก็เพียงแต่ยืนมองเฉยๆ ไม่ช่วยอะไรเลย มองดูความโง่เง่าและบอกบางของนางด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร

          “อุ๊ย ตายจริง เจ้านี่น๊า มันซุ่มซ่ามเหลือเกิน ทำไมถึงเดินไม่ระมัดระวังเอาเสียเลยละ ดูสิ เป็นถึงเจ้าหญิงที่งดงามในสามโลกไม่ใช่หรอ ไยเจ้าจึงไปกองกับพื้นละ หรือว่าชอบให้ท่าด้วยท่านี้ แต่ข้าเป็นหญิง หาใช่ชายไม่ คงไม่มาพิศวาสเจ้าแน่นอน” เจ้าหญิงอัลรีน่ากล่าวพลางมีชัย จึงทำให้องค์หญิงยิ้มนิดๆ และตอบกลับไปด้วยความที่ใสซื่อ ไม่เอาเรื่อง อัลรีน่าเห็นดังนั้นก็ทำท่าหมั่นไส้จนหันหลังจะเดินกลับ แต่ก็ชนเข้ากับแผงอกชายคนนึงเข้าอย่างจัง สุดท้ายนางรู้สึกเจ็บที่หัวไหล่เป็นอย่างมากจากแรงบีบที่หัวไหล่ของชายตรงหน้าอย่างแสนสาหัส

          “เจ้าทำอะไร! เจ้าบอกมาสิเจ้าทำอะไร! อัลรีน่า!” ฟาโรห์ตะคอกผู้เป็นพระน้องนางของพระองค์ด้วยความกริ้วจัด ทรงไม่สนใจสิ่งแวดล้อมรอบข้างว่าจะมองเจ้าหญิงยังไง “เจ้าทำแบบนี้แล้ว เจ้าคิดเหรอว่าเราจะรักเจ้าเหมือนที่เจ้ารักเรา!” แม้จะทรงรู้ว่านางรักพระองค์แค่ไหน แต่นางเป็นเด็กและท่าทางโชกโชนเรื่องอย่างว่า พระองค์เลยไม่คิดจะรักนาง พลางเกลียดเสียด้วยซ้ำ

          “เสด็จพี่ น้องเจ็บ โปรดอย่าบีบไหล่น้อง น้องเจ็บ” เจ้าหญิงพูดพลางมองฟาโรห์ด้วยสายตาปวดร้าว ซึ่งเป็นเพลาเดียวกันกับที่นางกำนัลช่วยองค์หญิงเหยียนให้ลุกขึ้น นางเลยรีบมาช่วยเจ้าหญิงทันทีและพูดจาไกล่เกลี่ยให้ว่าไม่อยากให้ฟาโรห์ติดใจเอาความขนิษฐาของพระองค์เอง อีกทั้งนางก็ยังเป็นถึงเชื้อพระวงศ์ผู้สูงศักดิ์อีกด้วย

          “ฟาโรห์เจ้าคะ ทรงพระทัยเย็นๆ เถอะนะ เหยียนไม่เห็นว่าจะมีอะไรร้ายแรงเลย ทรงพระทัยเย็นก่อนเถอะ อย่าทรงทำอะไรนางไปมากกว่านี้เลย ดูสิเจ้าคะ ไหล่ของนางแดงหมดแล้ว” องค์หญิงเหยียนพูดพลางดึงพระหัสต์ของฟาโรห์ออกจากการที่ทรงบีบอัลรีน่าให้แหลกคามืออยู่

          “จะให้เราเย็นได้ไง น้องเหยียน เจ้าก็เห็นว่านางร้ายกาจขนาดไหน เจ้าคิดว่าพี่จะทนให้มันทำกับเจ้าเช่นนี้อีกหรอ” ฟาโรห์พูดเสียงอ่อยลงและไพเราะกับองค์หญิงต่างแดนยิ่งนัก ต่างจากเมื่อกี้ที่พูดจาไม่ไว้หน้าเลยกับเจ้าหญิงอัลรีน่า

          “เสด็จพี่ ทำไมทรงพูดจากับน้องอีกแบบ กับมันอีกแบบ!” เจ้าหญิงอัลรีน่ามองด้วยความโกรธเกรี้ยวขึ้นมาทันที ทรงหึงเหลือเกิน หึงเหลือเกินกับสายตาอันเต็มไปด้วยรักคู่นั้นกำลังจ้องมองเหยียนด้วยความที่ว่ารักซะมากล้นเหลือ ไม่มีใจที่จะเผื่อให้หญิงใดอีกแล้ว แม้แต่นางก็ยังไม่ได้มัน มักได้แต่ความเกลียดชังยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดเลย

          “ใครใช้ให้เจ้าเรียกเราด้วยคำว่า เสด็จพี่ เราคือพี่เจ้าหรือไร หึหึ เจ้าคิดผิดเสียแล้ว” ฟาโรห์มองด้วยสายพระเนตรที่อยากจะกลืนกินนางที่รักพระองค์สุดหัวใจเป็นอย่างยิ่ง พระองค์ไม่รู้เลยว่าทำไมถึงจะต้องเกลียดนาง ไม่ชอบนางและทำท่าแสดงว่าไม่เป็นมิตรทุกครั้งที่ได้พบเจอ ทั้งๆ ที่นางก็เปรียบเสมือนพระขนิษฐาแท้ๆ ของพระองค์เองหรืออาจจะเป็นเพราะนางไม่ได้คิดกับพระองค์เพียงแค่เชษฐาละมั๊ง พระองค์จึงทรงเกลียดชังนางยิ่งเป็นนักหนา “ไสหัวไปไหนก็ไป อัลรีน่า ข้าไม่อยากแม้แต่จะเห็นหน้าเจ้า เจ้ามันช่างน่ารังเกลียดยิ่งนัก หากข้าเห็นเจ้าอีก ข้าคงได้ฆ่าเจ้าเป็นแน่”

          “เสด็จพี่! ทำไมหรอเพค่ะ ความรักที่ข้ามอบให้แก่ท่านมันไม่เพียงพอหรอ ทำไมจะต้องมองแต่หญิงอื่น โดยเฉพาะหญิงแพศยาชอบใช้เรือนร่างเข้าแลกอย่างมัน!” เจ้าหญิงชี้หน้าด่ากราดไปที่องค์หญิงเหยียนด้วยความกริ้วจัด จนฟาโรห์ระเบิดพระปัสสาสะออกมาอย่างแรงด้วยท่าทางที่ไม่เกรงใจอีกต่อไป

          “หยุดเดียวนี้นะ! รีน่า เจ้าหยุดทำกิริยาต่ำๆ เยี่ยงนางทาสได้แล้วนะ!! รู้ไหมว่าเจ้ามันน่ารังเกลียดขึ้นไปมากทุกวันแล้ว และยิ่งมาทำตัวเช่นนี้อีก อย่าคิดเลยว่าจะมีวันที่ข้าได้หลงรักเจ้าขึ้นมา ตอนแรกข้าคิดที่จะรักเจ้าแล้วด้วยนะ แต่ตอนนี้ ข้าคิดว่า ไม่มีทางเป็นไปได้อีก เชิญไสหัวเน่าๆ ของเจ้าไปได้แล้ว อย่ามาให้ข้าเห็นหน้าอีก!!” ฟาโรห์ตวาดไล่ด้วยเสียงที่ดั่งกึกก้องดังฟ้าผ่า ทุกคนที่เดินผ่านไปผ่านมารวมทั้งองค์หญิงเหยียนต่างก็สะดุ้งพลันหัวใจจะวายตามกันไปหมด แต่ผู้ที่สะดุ้งและตกใจมากกว่า จะเห็นว่ามีเพียงแค่เจ้าหญิงอัลรีน่า ซึ่งในตอนนี้นางน้ำตาไหลเอ่อออกมาแล้ว น้ำตาที่นางอยากจะบีบไว้ แต่มันก็ไม่ได้ผล มันไหลออกมากับคำพูดที่แสนร้ายกาจที่ทำร้ายจิตใจเป็นอย่างยิ่ง นางคิดเลยว่า มันคงไม่มีวันเป็นไปได้ เดินออกไปเสียแต่ตอนนี้จะดีกว่า สู้อยู่ตรงนี้ ก็ไม่ได้ว่าจะมีอะไรดีขึ้นไปกว่านี้หรอก

          “เพค่ะ หากองค์ฟาโรห์ต้องการเช่นนั้น หม่อมฉันจะไม่ขัด” เจ้าหญิงรีน่ามองด้วยสายพระเนตรตัดพ้ออย่างถึงที่สุด แม้นางจะเป็นหญิงที่เอาแต่ใจ แต่ในใจนางลึกๆ แล้ว อ่อนแอยิ่งนัก และยิ่งได้เห็นสายพระเนตรคู่นั้นแห่งชายผู้เป็นที่รัก ก็ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดที่หัวใจเหลือเกิน รู้สึกอยากตายตรงนี้ ไม่อยากอยู่อีกแล้ว เจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะทำยังไงดีเล่า จะทำยังไงให้ฝ่าบาทหันมารักตนเองบ้าง หันมาทำดี พูดจาไพเราะเหมือนกับที่พูดกับนังเหยียน

 

          ฟาโรห์คาลิคพระองค์นี้ทรงมีพระอนุชาอยู่พระองค์นึง เจ้าชายพระองค์นี้เป็นรัชทายาทอันดับ 2 ในสมัยของอดีตฟาโรห์ผู้เป็นพระบิดา ทรงเป็นเจ้าชายที่น่ารัก อ่อนไหวง่าย และเป็นชายที่ไม่เคยเหลียวแลหญิงใดนอกจากเจ้าหญิงอัลรีน่าแต่เพียงผู้เดียว เจ้าชายผู้นี้มีพระชันษากว่า 29 ชันษาแล้วและมีพระนามอันไพเราะเป็นอย่างยิ่งว่า เนฟทรา

          ด้วยความที่ทรงเป็นรัชทายาทอันดับสอง พระองค์จึงถูกส่งให้ไปอยู่นอกวังตั้งแต่ที่เจ้าพี่ของตนยังไม่ขึ้นครองราชย์ เนื่องด้วยอดีตฟาโรห์ทรงกลัวว่าทั้งสองพี่น้องจะแย่งบัลลังค์ห้ำหั่นกัน จึงจับทั้งสองแยกกันเพื่อให้บัลลังค์สงบสุข โดยเจ้าชายเนฟราถูกส่งไปอยู่แถบชายแดน คอยสู้รบกับข้าศึก เป็นหัวหน้านำทัพ พระองค์จึงเปรียบเสมือนแม่ทัพใหญ่ผู้เกรียงไกร แต่วันนึง มีราชสานต์หาถึงพระองค์ เนฟทราทรงเปิดม้วนกระดาษปาปิรัสนั้นแล้วตั้งใจอ่านอย่างพิถีพิถัน เมื่อได้ทราบความในราชสานต์ พระองค์ก็แทบล้มทั้งยืน พลันหัวใจแทบสลาย เนื้อหาในนั้นกล่าวไว้ด้วยประโยคที่ว่า พระเชษฐาของพระองค์หลังจากที่ได้ขึ้นครองราชย์แล้ว จะต้องอภิเษกกับเจ้าหญิงอัลรีน่าเพื่อที่นางจะต้องขึ้นครองตำแหน่งพระราชินีสืบต่อไป

          เนฟทราคงจะดีใจเป็นอย่างยิ่ง หากหญิงผู้นั้นไม่ใช่อัลรีน่า เจ้าหญิงที่พระองค์ทรงหลงรักมานานแสนนาน แต่นี่กับเป็นนาง จะถามว่าดีใจไหม? ก็ไม่เลย พลันเจ็บเจียนตายมากกว่า

 

          แต่เมื่อผ่านไปไม่กี่ปี หลังจากการขึ้นครองราชบัลลังค์ของพระเชษฐา ก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีงานอภิเษกเลย เจ้าชายเนฟทราจึงรีบเดินทางกลับสู่ตัวพระราชวังเพื่อค้นหาความจริงว่ามันเกิดอะไรขึ้นระหว่างพระเชษฐาและขนิษฐาอันเป็นที่รัก เมื่อได้ทราบความว่า ฟาโรห์ไม่มีท่าทีจะรักนาง เนฟทราจึงดีใจเป็นอย่างยิ่ง และคิดว่าจะไม่กลับไปสู่สนามรบอีกแล้ว ขออยู่ดูแลและพิชิตใจนางเสียดีกว่า

          การกลับมาของเจ้าชายผู้อ่อนโยนอย่างเนฟทรา ต่างก็ทำให้บรรดาหญิงสาวทั้งหลายในวังไม่ว่าจะมีฐานะดีหรือเป็นแค่นางทาสต่างก็ดีใจกันล้นเหลือ เพราะว่าเจ้าชายยังทรงโสดสนิท หลังจากที่พระคู่หมั้นสิ้นพระชนม์ไป ก็ทรงไม่เคยมีใครเลย

          แม้จะทรงเคยหมั้นหมายและมีคู่หมั้นมาก่อน แต่พระคู่หมั้นก็ไม่ใช่นางที่พระองค์จะต้องถวิลหาเอาเสียเลย เพราะนางเป็นขนิษฐาร่วมอุทรณ์และมีพระชันษายังไม่ถึง 20 ชันษาเลยด้วยซ้ำ อีกอย่างก็ทรงมีคนรักอยู่แล้ว ซึ่งก็คือเจ้าหญิงอัลรีน่า แต่ว่า ขนิษฐาองค์น้อยก็ยังเป็นเพียงแค่เด็ก ไม่น่าเลยที่….เทพอนูบิสมานำนางไป

          ราชวงศ์ของอียิปต์เป็นราชวงศ์ที่มีประเพณีที่สำคัญมากอยู่ประเพณีนึง คือการที่ เชื้อพระวงศ์ทุกพระองค์ส่วนมากล้วนจะอภิเษกกันภายในสายพระโลหิตเดียวกัน จะเห็นได้ว่า องค์ฟาโรห์ทุกพระองค์รวมทั้งอดีตฟาโรห์ก็จะอภิเษกกับพระเชษฐภคินีหรือพระขนิษฐาของพระองค์เอง ไม่เว้นแม้แต่ฟาโรห์คาลิคที่จะต้องอภิเษกกับเจ้าหญิงอัลรีน่า ลูกพี่ลูกน้องของพระองค์เอง แต่แล้วพระองค์ก็ทรงปฏิเสธที่จะอภิเษกกับหญิงที่ไม่ได้รัก พระองค์จึงดั้งด้นไปหาหญิงต่างแดนมาเป็นราชินีของพระองค์

          แล้ววันนึง ก็ทรงเลือกองค์หญิงเหยียน แต่ก็ยังไม่ได้อภิเษกกันเนื่องด้วยพระนางเนเฟรติติขัดขวาง พระมารดาผู้สิริโฉมพระองค์นี้ไม่ชอบองค์หญิงเอาเสียเลยเพราะนางดูออกว่าองค์หญิงไม่รักฟาโรห์จริงหรอก ถ้ารักจริง ก็น่าจะพิสูจน์ให้เห็นมากกว่านี้ และนางก็ไม่เห็นว่าองค์หญิงต่างแดนที่มีสายเลือดของนางสนมชั้นต่ำแห่งฮ่องเต้จะมีอะไรเทียบเท่ากับพระนัดดาคนสวยของพระนางไม่ ไม่มีเลยจริงๆ…. พระนางคอยปฏิเสธเสมอ และยืนกรานในความคิดของพระนางที่จะให้องค์ฟาโรห์อภิเษกกับสายเลือดเดียวกันอย่างอัลรีน่าให้จงได้ ตั้งแต่นั้นมา ฟาโรห์พระองค์นี้จึงจงเกลียดจงชังอัลรีน่ามากเป็นนักหนา

          สำหรับเจ้าหญิงอัลรีน่า ภายนอกนางเป็นหญิงเอาแต่พระทัย ไม่ค่อยจะฟังใครเท่าไหร่หรอก แต่นางก็เฉลียวฉลาดยิ่งนัก แม้เพลาส่วนมากจะหมดไปกับเครื่องประทินโฉมเพื่อให้นางงดงามอยู่ตลอดเพลา แต่อีกเวลานึง ที่ไม่เคยมีใครได้รับรู้ นางมักจะใช้เพลาอยู่กับการอ่านท่องจำเรื่องการเมืองการปกครอง ซึ่งเพลาที่นางอ่านและท่องมัน จะเป็นเพลาเดียวกันกับที่เจ้าชายเนฟทราทรงมายืนมองอยู่ใกล้ๆ ทุกครั้ง ทรงเห็นอีกด้านของนางแล้วก็หลงรักและจึงรักตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

          แม้จะไม่เคยมีชายใดได้พบเห็นอย่างที่เจ้าชายได้พบ แต่ก็มีชายทั่วทั้งราชอาณาจักร หรือเจ้าชายต่างแดนต่างก็มาสู่ขอนางตั้งมากมาย ชายทุกคนเมื่อเห็นนาง ต่างก็บอกกันเป็นเสียงเดียวว่า

             ‘นางงดงามยิ่งนักด้วยเรือนร่างอันอรชร บั้นท้ายสวยงาม อกตั้งชูชัน สีหน้าผ่องใส แววตาคมคาย หญิงใดก็ไม่อาจจะสู้นางได้ แม้นิสัยของนางจะเป็นเยี่ยงหญิงชั้นสูงทั่วไป แต่นางก็กับกุมใจข้าไว้ได้ในบัดดล’

          จะเห็นได้ว่า บุรุษส่วนมากที่ต้องการครอบครองนางมักจะห้ำหันกัน ฆ่าลาฟันแทงกันไม่สนใจว่า ใครจะคิดยังไง ขอให้พวกเขาได้ครอบครองนางก็เป็นพอ

          วัยเยาวน์ของเจ้าหญิงอัลรีน่ามักปรากฏเคียงข้างกับองค์คาลิคเสมอ น้อยครั้งที่จะปรากฏเคียงข้างกายของเจ้าชายเนฟทรา ทุกคนที่ได้เห็นก็ต่างสรรเสริญเยินยอและยกย่องอยากให้ทั้งสองพระองค์เคียงคู่ราชบัลลังค์กัน แต่แล้ว ฟาโรห์ก็ไม่เคยคิดที่จะเลือกนางผู้นั้นเคียงข้างบัลลังค์เลย พระองค์คิดแค่เพียงแต่ว่า จะทำยังไง จะสลัดนางยังไงให้พ้นทาง พ้นหูพ้นตา และพ้นหญิงที่พระองค์จะเลือกขึ้นมาเป็นนางพญาเคียงข้างบัลลังค์ อัลรีน่าติดหนึบเสียยิ่งกว่าตุ๊กแก นางมักจะเข้าไปเกาะท่อนแขนอันแข็งแกร่งของฟาโรห์เสมอ ฟาโรห์ก็จะคอยแกะนางออก แต่นางก็ไม่ออก พระองค์จึงเรียกขนานนามนางใหม่ว่า “ผู้หญิงหน้าด้าน ไร้ยางอาย”

         

          สำหรับองค์ฟาโรห์คาลิคจะต่างกับพระอนุชามากเลยเพราะพระองค์มักชอบบงการ ชอบออกคำสั่ง วางอำนาจเสมอ จึงทำให้ ผู้คนส่วนมากมักหวาดกลัวเวลาที่จะต้องใกล้ชิดพระองค์ ส่วนพระอนุชาเนฟทรา ไม่เคยเลยที่จะออกคำสั่งวางอำนาจเหนือกว่าบุคคลอื่น แม้โอรสธิดาของผู้เป็นบิดาที่เกิดจากนางสนมหรือบรรดานางในฮาเร็ม หากมีอายุมากกว่าเจ้าชายเนฟรา เขาก็จะเคารพและให้เกียรติเสมอ

          “เสด็จพี่ บอกข้าหน่อยได้ไหม ทำไมทรงไม่ยอมอภิเษกกับน้องอัลรีน่าเล่า? ท่านพี่ก็น่าจะอภิเษก หากเป็นข้า ข้าคงดีใจตายเลย” เจ้าชายเนฟทราทรงเอ่ยถามพระเชษฐาในขณะที่อยู่ในห้องทรงพระอักษร

          “ทำไมข้าจะต้องอภิเษกกับหญิงที่เอาแต่ใจอย่างนางด้วยละ นางมีอะไรดีหรอ แล้วทำไมเจ้ากับชายอื่นต้องสนใจแต่นาง หึหึ คงโชกโชนมากสินะกับเรื่องอย่างว่า เจ้าอยากจะแต่งกับหญิงแบบนี้จริงๆ หรอ นางยิ่งกว่านางโลมนอกวังอีกนะ” ฟาโรห์ตรัสด้วยคำที่ดูถูกอย่างแรง

          “เสด็จพี่!! อย่างน้อยแม้ท่านพี่จะไม่เห็นนางเป็นว่าที่ชายาของท่าน แต่ท่านก็ต้องให้เกียรตินางในฐานะน้องสาวคนนึงด้วย ท่านพี่รู้ไหมว่านางน่าสงสารขนาดไหน นางในบรรดาฮาเร็มต่างก็รุมแกล้งนาง” เจ้าชายเนฟรากล่าวขึ้นมาด้วยความเหลืออด

          “ผู้หญิงคนนี้ของเจ้านะหรอถูกแกล้ง เจ้าเข้าใจผิดหรือเปล่า ทุกเพลาที่ข้าได้เห็น คนที่โดนทาบทับ โดนตบ กับเป็นหญิงของข้า! หาใช่นางไม่!” ฟาโรห์ตะคอกใส่อนุชาของพระองค์ด้วยความเกรี้ยวกราด “ออกไป!! จงออกไปจากห้องของข้าบัดเดียวนี้ เชิญไปอยู่กับหญิงแพศยานั่นเดียวนี้เลย!”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
4.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา