The Kid , No kid.
9.7
9)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ในที่สุดคาโอรุและเซโตะก็ไขปริศนาเรื่องอลิซออก โดยใช้ตัวเลขตามอักษรในชื่อของเด็กสาวอลิซมาบวกกัน ตัวเอคือเลขหนึ่ง เมื่อรวมกันก็เอาจำนวนห้าเท่าอักษรในชื่ออลิซมาคูณ เท่ากับว่าประตูอลิซคือบานที่หนึ่งร้อยห้าสิบ ถ้าเปิดทีละบานๆนี่ยากเอาการเลยแฮะ
กระต่ายสาวน้อยโค้งตัวต้อนรับพวกเขาด้วยความร่าเริง ถ้าหากถามว่ามองมุมไหนจากชุดกระต่ายหัวจรดเท้าที่คลุมจนไม่รู้ว่าคนข้างในเป็นผู้หญิง , ผู้ชาย , กระเทย , ทอม ,ดี้ ล่ะก็ คงเป็นเจ้าดวงตามหึมาที่วาดขนตางอนเช้งนี่ไง แต่ก็ไม่แน่นะ คนข้างในอาจเป็นชายก็ได้ ขนาดคนที่เห็นๆอยู่ว่าเป็น 'ผู้หญิง' อย่างซีเวลยังมีความไม่แน่นอนเลย
"ฮุๆๆ วันนี้มีอลิซสองคน อลิซสองคน" กระต่ายพูดอย่างร่าเริง "ตามมาเร็วเข้า จะสายแล้ว จะสายแล้ว"
คาโอรุแอบเห็นใจอยู่ไม่น้อย การที่ต้องกระโดดโลดเต้นอยู่ตลอดเวลาด้วยสวมชุดแบบนั้นมันทั้งร้อนและหนัก ผิดกับเซโตะที่นึกภาพคู่เดทที่สวมชุดกระต่ายแล้วทำท่าแบบนั้นบ้าง เกร็งมุมปากไม่ให้ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาแทบแย่แน่ะ
อลิซทั้งสองเดินผ่านเห็ดยักษ์ที่สร้างได้สมจริงดอกแล้วดอกเล่าจนมาถึงโต๊ะงานเลี้ยงน้ำชาที่มีคนใส่หมวกท่าทางแปลกๆกับคนสองสามนั่งอยู่ก่อนแล้ว
กระต่ายขาวผายมือไป "อลิซมาดื่มน้ำชาสิ ดื่มน้ำชาสิ"
เซโตะแอบกระซิบกับคาโอรุ ทำไมเจ้ากระต่ายถึงต้องพูดข้อความซ้ำๆกันด้วย ในหนังสืออลิซเป็นแค่การ์ต่ายทำท่าวิ่งอย่างเร่งด่วนเท่านั้นเองนี่ ไม่ได้มีลักษณะการพูดแบบซ้ำคำท้ายสักหน่อย คาโอรุยักไหล่ ตอบว่าอาจเป็นสีสันเพิ่มเติมก็ได้
แมดแฮตเตอร์หันมาอย่างรวดเร็วแล้วรินน้ำชาโดยการยกกาสูงจากถ้วยประมารสองไม้บรรทัด ช่างน่านับถือที่น้ำชาไม่หยดเลอะเลยแม้แต่น้อย เขายื่นให้คาโอรุแล้วยิ้มกว้าง "เชิญเลย สาวน้อย"
เซโตะหัวเราะลั่นเหมือนกับจงใจจะหัวเราะมากกว่ารู้สึกขำจริงจัง ทำให้ผู้มีเนตรราตรีปฏิเสธอย่าวรวดเร็วแล้วบอกว่าเขาเป็นผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิง เท่านั้นล่ะ ผู้คนรอบโต๊ะเป็นขำ บอกว่าอลิซคือเด็กผู้หญิงผมทอง จะเป็นผู้ชายไปได้ยังไง
"นายลองสวมวิกผมทองไหมล่ะ" เซโตะล้อ "ว่าไง อลิซคนสวย"
คาโอรุยิ้มบางๆแล้วแกล้งทำเขินศอกเข้าเต็มแรงโดยไม่คิดออม จากสีหน้าที่สะใจเต็มที่นั้น ดูยังไงๆก็ไม่ได้ทำใจให้พูดว่า 'เขิน' ไม่ได้จริงๆ เซโตะเจ็บจนน้ำตาเล็ด แต่เขาจะให้คนที่ดูท่าทางอ่อนแอมาทำให้เสียชื่อไม่ได้หรอก ให้มันได้งี้สิ คนเราดูแต่ภายนอกไม่ได้เลยนะ!
แต่ทุกคนก็ดูออกว่าเขาเจ็บแค่ไหน แมดแฮตเตอร์ทำหน้าตาแปลกๆเหมือนคนเพี้ยน แต่ถ้ามองในอีกมุมมันคือใบหน้าของคนที่กลั้นขำจนเหยเก เขาจะหัวเราะอลิซไม่ได้ นั่นลูกค้า นี่ก็งาน โน่นก็เงิน ไหนจะทิปอีก ถ้า (หาก) ลูกค้าถูกใจ ที่น่าสงสารกว่าแมดแฮตเตอร์คือผู้ร่วมโต๊ะที่จะทำหน้าเบี้ยวๆแบบเขาไม่ได้เด็ดขาด ไม่รู้ว่าเห็นใจเซโตะจนร้องไห้หรือว่ากลั้นหัวเราะจนน้ำตาเล็ดกันแน่
"เราไปที่อื่นกันได้แล้วล่ะมั้ง!"
เซโตะเดินนำเจ้ากระต่ายลิ่วๆโดยที่ฝ่ายหลังรีบวิ่งตามไปโดยไม่ลืมตะโดนว่า สายแล้วๆ ช่างมีสปิริตต่อหน้าที่การงานซะจริง แต่หากจะพูด เขาคือคนที่แอบหัวเราะได้อย่างไม่มีใครรู้ที่สุดเพราะสวมหมวกกระต่ายอยู่
"เราจะไปที่วังราชินีหัวใจ ราชินีหัวใจ" เจ้ากระต่ายกระโดดไม่หยุดระหว่างรอลิฟต์แล้วที่ถูกประดิษฐ์ให้เข้ากับสถานที่ "พาหนะอลิซด่วนทันใจ ด่วนทันใจ"
"ด่วนทันใจตรงไหน คนเยอะออกอย่างนี้"
มีน้อยคนที่จะเข้าห้องอลิซ รูมผ่านทางเมจิคคัลเลอร์ รูมได้ แต่คนที่ยอมจ่ายหรือมีบัตรฟรีเหมือนพวกเขาก็ไม่น้อยเหมือนกันที่ไม่อยากเสียเวลาหา ดังนั้น คนทั้งหลายจึงมีอยู่มากในอลิซ รูม และพากันยืนต่อแถวขึ้นลิฟต์แก้ว
ใครจะรู้ ลิฟต์แก้วนั้นเลื่อนลงมารวดเร็ว แถมจุคนได้มาก พวกเซโตะก้าวเข้าไปยังพอเหลือที่ว่างตั้งเยอะ จึงไม่ต้องเสียเวลารอนานเท่าที่เซโตะนึกไว้
เจ้ากระต่ายกระพริบตาปิ๊งๆใส่ แต่อีกนัยมันคือการแอบยักคิ้วเยาะเย้ย "พาหนะอลิซ...ด่วนทันใจ ด่วนทันใจ"
คาโอรุอดเอ่ยถามไม่ได้ "นี่นายเกลียดการรอคอยหรอกหรือ นั่นสินะ ก็เป็นคนใจร้อนนี่นา"
"ใจร้อนตรงไหนกัน ใครๆก็เกลียดการรอคอย" เซโตะพูดด้วยความมั่นใจ "การรอคอยทั้งชักช้าและน่าเบื่อ ใครจะอยากรอ"
"บางสิ่งน่ะ จะผ่านไปนานเท่าไหร่ก็รอได้ มีตำนานของศาลเจ้าฟุมิเนเนะที่เฝ้ารอคนรักตลอดหลายร้อยปีเลยนะ"
เซโตะยักไหล่ "ถ้าเป็นฉันก็มีคนใหม่ไปแล้ว"
คาโอรุค้อนขวับ ก็เพราะนั่นคือเซโตะน่ะสิ ถึงเขาจะไม่ใช่พวกที่เชื่อมั่นในความรักหรือว่าหลงใหลในรักแท้ แต่ก็ไม่ได้ดูถูกเรื่องเหล่านี้ อาจเป็นเพราะนิทานเจ้าหญิงที่เคยโดนกรอกหูพร้อมๆกับคาโอริก็เป็นได้
ทว่า แทนที่คาโอริจะเป็นสาวน้อยแสนหวาน มุ่งมั่นหารัก และเขาเกลียดหรือเบื่อเรื่องรักๆใคร่ๆ กลับสลับผลลัพย์กันแทน เฮ้อ... รายนั้นอย่าว่าแต่มุ่งมั่นหารัก จะเหลียวมองมนุษย์หน่อยก็ไม่ได้ เขาไม่เข้าใจน้องสาวเลยว่าการทดลองอาวุธมีดีตรงไหน?
ในที่สุดก็ถึงวังราชินีหัวใจ กองทหารไพ่กรูเข้ามาหาบรรดาอลิซนับสิบที่เพิ่งขึ้นลิฟต์แก้วแล้วทำหน้าดุใส่พลางพูดอย่างเร่งรีบว่าราชินีหัวใจต้องการกุหลาบแดง ถ้าพูดเปล่าๆคงไม่น่าสนใจ แต่ทุกคนพร้อมใจกันส่งแปรงทาสีแล้วชี้ไปที่ต้นกุหลาบขาวที่เรียงราย ซึ่งไม่มีร่องรอยสีแดงสักนิด ไม่รู้ว่าเพราะเกมส์นี้ต้องเปลืองกุหลาบไปแล้วกี่ต้น
"ข้าจะเอากุหลาบแดง! กุหลาบแดง! กุหลาบแดง!"
เสียงผู้หญิงสุดจะแสบแก้วหูดังขึ้นโดยที่ใครยังไม่ได้ลงมือทากุหลบกันสักคน ที่แท้ก็ใช้วิธีนี้นั่นเอง ไม่ต้องเปลืองกุหลาบแถมทุกตนก็จะมีสีขาวดังเดิม เซโตะอดขอบคุณราชินีหัวใจเบาๆ เขาไม่อยากโดนบังคับให้เล่นเกมส์ระบายสีกุหลาบนะ
หลังกรีดเสียงไม่นาน ราชินีหัวใจหันมาทางพวกอลิซทั้งหลาย นางกอดอกอย่างแปลกประหลาดคือกางเล็บปลอมยาวสีแดง มีเหตุผลสองข้อ หนึ่งคือต้องพยามทำท่าให้ดูน่าเกรงขาม สองคือระวังไม่ให้เล็บข่วนเสื้อจนด้ายหลุด
"พวกเจ้าเข้ามาได้ยังไง!" นางส่งเสียงดังลั่นแล้วตะครุบคนที่อยู่ใกล้มือที่สุด "มาขึ้นศาลกับข้าเลย!"
ประตูวังใหญ่โตถูกเปิดปิดอย่างรวดเร็ว เจ้ากระต่ายทั้งหลายต่างเปิดการแสดง แรบบิ้นแดนซ์ ให้แก่บรรดาอลิซที่ต้องรอคิว เซโตะคงจะไม่ว่าอะไรหรอก ถ้าคาโอรุไม่ร่วมลุกขึ้นร้องรำทำเพลงไปกับอลิซหรือก็คือผู้เล่นคนอื่นซึ่งเต้นไปพร้อมกับกระต่าย
แต่ที่ยิ่งกว่านั้นคือลากเขาไปเต้นด้วยเนี่ยสิ!
เซโตะจับมือสองด้านกับคาโอรุแล้วหมุนตัวไปมา เมื่อเห็นรอยยิ้มแสนสนุกของคู่เดท เด็กหนุมผมแดงค่อยๆคลายโทสะในใจลงโดยไม่รู้ตัว รอยยิ้มที่ของเขาที่บังเอิญปรากฏขึ้นมาอาจไม่ได้กว้างอะไร แต่มันแสดงถึงความสนุกได้เช่นกัน
เสียงประตูกระทบกำแพงพอดีกับที่เพลงจบ เซโตะเผลอมองค้อนราชินีหัวใจที่มาขัดจังหวะความสำราญ นางหยิบเอาคนใกล้ที่สุดไปอีกเช่นเคย ราชินีหัวใจใช้เวลาไม่นานในการอยู่ในวังแล้วการโผล่มาหาคนใหม่
เซโตะแอบไปกระซิบกระซาบกับหนึ่งในคนสวมชุด
"เจ้ากระต่าย ในนั้นมีอะไรเหรอ"
เจ้ากระต่ายกระโดดดึ๋งๆแล้วชูเหรียญทองขึ้นมาอันหนึ่ง เซโตะกล่าวอย่างแปลกใจว่าคำใบ้อีกแล้วหรือ
"เปล่า ทิปสามร้อยเยนต่างหาก จ่ายมาก่อนเลย จ่ายมาก่อนเลย"
เซโตะโดนคาโอรุลากไปอีกทางทันทีเมื่อจะชกกับกระต่าย สำหรับผู้มีเนตรราตรีแล้วรู้สึกโมโหคู่เดทเหลือเกิน ไปถามกระต่ายอย่างหนึ่ง และจะชกกับกระต่ายอีกอย่างหนึ่ง
หลังราชินีหัวใจหยิบคนแล้วคนเล่าไป ในที่สุดก็ถึงคิวของพวกคาโอรุจนได้ นางดึงพวกเขาทั้งคู่ไป แม้จะเหมือนดึงไปแรง แต่เอาเข้าจริงกลับไม่เจ็บแม้แต่น้อย ของแบบนี้เขาเรียกว่าทำได้เฉพาะมืออาชีพหรือเปล่านะ
ราชินีแดงนั่งตรงกลางโดยมีคณะลูกขุนนั่งอยู่ด้านข้าง นางถือค้อนผู้พิพากษาแล้วพูดเสียงแหลม "เราจะถามคำถามหนึ่ง ซึ่งต่างจากคำถามของอลิซคนก่อน อย่าหวังว่าแอบฟังแล้วจะตอบได้ ถ้าเจ้าตอบถูก เราก็จะปล่อยไป"
โรซารี่สวมชุดแฟนซีถือป้าน Exit อยู่ แปลว่านั่นคือทางออกอย่างนั้นสินะ
คาโอรุพยักหน้าพร้อมกับดวงตาที่เป็นประกาย อลิซในแดนมหัศจรรย์เป็นหนึ่งในนิทานที่ถูกกรอกหูบ่อยมากเรื่องหนึ่ง จะมีความรู้สึกตื่นเต้นเหมือนตนเองเป็นเด็กบ้างก็ไม่แปลก
ราชินีถามโดยทันที "ที่นี่คือที่ไหน"
คาโอรุยกมือตอบขึ้นมาก่อน "แดนมหัศจรรย์!"
ราชินีหัวใจยกมือขึ้นประสานเป็นรูปกากบาท บอกว่าคำตอบนั้นผิดแล้วทวนคำถามใหม่อีกครั้ง สำหรับเซโตะที่มองเวลาแล้วเริ่มหิวอีกครั้งพูดอย่างอารมณ์เสีย "ก็อลิซ รูม ไง"
ราชินีหัวใจทำท่าเดิมอีกครั้ง ส่งผลให้เซโตะอยากจะวิ่งออกไปที่ทางออกโดยทันที หากแต่มีทหารไพ่ยืนเรียงปิดทันทีที่เห็นเขาขยับตัวจะมุ่งมา ราชินีแดงเอานิ้วเคาะกับบัลลังค์ศาลเหมือนรอฟังคำตอบอย่างเบื่อๆ
คาโอรุสุ่มตอบ "งั้นก็วังของราชินีหัวใจ"
นางทำท่าเดิมอย่างนั้นอยู่หลายรอบ โรซารี่ที่เคยยืนยิ้มอยู่ตรงออกเอาป้ายพิงกำแพงแล้วนัางลงกับพื้นในท่าไม่แคร์โลก พวกทหารไพ่ตนหนึ่งวิ่งขึ้นไปหาราชินีหัวใจแล้วชี้ที่นาฬิกายักใหญ่พลางกระซิบ
นางทำมือไล่ทหารไพ่ "เจ้าคิดว่าข้าสนใจเรื่องนั้นหรือ" แล้วหันมาทางพวกคาโอรุ "พวกเจ้าคิดว่าข้าเป็นใครกัน ตอบมาซะ!"
"ก็บอกว่าไม่รู้ๆ! ที่นี่ตัดเนื้อหานิทานออกไปตั้งเยอะ ฉันจะไปเข้าใจได้ไง" เซโตะตะโกนอย่างหมดความอดมทน "เธอจะเป็นใครล่ะ ก็ราชินีหัวใจน่ะสิ คิดว่าตัวเองเป็นผู้พิพากษาเหรอ!"
แทนที่จะทำหน้าโกรธ ราชินีหัวใจกลับทำหน้าโล่งอก ปฏิกริยาแปลกๆนั่นทำให้คาโอรุเลิกคิ้ว ตอบเสียงเบา "หรือว่าจะเป็นห้องตัดสินของราชินีหัวใจ?"
เสียงปรบมือดังขึ้นรอบห้องพร้อมกับสีหน้าโล่งใจของคนทั้งหลาย โรซารี่หาวหนึ่งรอบแล้วลุกขึ้นมาโบกป้ายทางออกแบบง่วงๆ
"เชิงเทียนนี่ฟรี"
เซโตะเปรยขึ้นมาก่อนเป็นคำแรกในภัตตาคารของสวนสนุก ตามด้วยคาโอรุที่ยิ้มอย่างลำบากใจให้กับบริกรสาวที่จุดไฟโดยไม่สนใจคำค้าน เธอได้รับคำสั่งจากสาวผมทองท่าทางแปลกๆว่าทั้งสองเป็นคู่รักกัน เป็นโปรโมชั่นพิเศษของร้านที่จุดให้โดยไม่คิดมูลค่าเพิ่ม
คาโอรุมองคู่รับประทานที่จ้องหน้าเขาด้วยสายตาเหมือนค้นหาอะไรบางอย่างอยู่แล้วอดถามขึ้นไม่ได้ "นายไม่คิดจะดับเทียนหน่อยเหรอ ถึงร้านจะจัดโซนมืดให้เรา แต่เปลี่ยนไปนั่งโซนสว่างก็ได้นี่นา แบบนั้นจะกินง่ายกว่าด้วย"
"ไม่ชอบโรแมนติคหรือไง" เซโตะเลิกคิ้ว "ถึงคนที่นายมาดินเนอร์ด้วยจะเป็นฉันก็เถอะ แต่จินตนาการถึงคนที่นายชอบไปก็ได้นี่"
คาโอรุกอดอกยิ้มเซ็งๆ ถามว่าที่เซโตะจ้องหน้าเขาเนี่ย กำลังนึกถึงสาวคนไหนอยู่อย่างนั้นสินะ คู่รับประทานผมสีชาดส่ายหน้า ความหิวทำให้รู้สึกเฉื่อยชาไปหมด ถึงกระนั้นก็ยังคงตอบให้คาโอรุคลายความคิดนั้นลง
"ฉันรู้สึกว่าคนที่กินด้วยเป็นนายก็ไม่เสียหายอะไรนี่นา ว่าแต่นายเถอะ คิดถึงผู้หญิงคนไหนล่ะ คงไม่ใช่ยัยโรซารี่นะ? ถ้าเป็นงั้นแยกโต๊ะกันซะดีกว่า"
เซโตะหรี่ตาปรือๆที่รออาหารจนจะหลับลงมา ผู้มีนัยย์ตาราตรีไม่รู้จะแก้อาการนั้นยังไงนอกจากจะส่งน้ำเย็นให้ดื่ม ทว่า เซโตะกลับดื่มไปสองแก้วติดๆแก้หิวกันเลยทีเดียว ภาพนั้นทำเอาคาโอรุรู้สึกสงสารขึ้นมาตงิดๆไม่ได้ แถมตัวเขาก็หิวจนท้ิองร้องไปหมดแล้วเช่นกัน
ในที่สุด ทางภัตตาคารก็เริ่มสนใจลูกค้าที่รออาหารจนจะหลับในที่สุด พวกบริกรเริ่มออกเสิร์ฟอาหารรองเท้ามาให้ ขนมปังขนาดเท่าฝ่ามือทาเนยส่งกลิ่นหอมยืดเวลามากพอที่อาหารจะมาก่อนโดนลูกค้า (ซึ่งน่าจะเป็นพวกคุณหนูเอาแต่ใจ) โวยวาย
คาโอรุยิ้มแหยๆ "ไม่มีอะไรทำเลยเนอะ"
ไม่ทันขาดคำ เสียงดนตรีช้าๆคลอขึ้นมา เด็กสาวผมทองรวบสองด้านก้าวขึ้นเวทีด้วยชุดที่งดงามสีแดงสด ประกาศขออภัยในความล่าช้าของอาหาร ก่อนน้ำเสียงใสจะกังวาลร้องคลอขึ้นตามจังหวะเพลง Only say
You hide your lonely heart...
คุณซ่อนหัวใจเดียวดายไว้
Be strong with your weak...
เข้มแข็งด้วยความอ่อนแอของคุณ
So you stand alone...
ดังนั้นคุณจึงยืนอย่างโดดเดี่ยว
Look at moon and close your eyes...
จ้องมองไปที่ดวงจันทร์และหลับตาลง
Try and try to pray...
พยามอย่างที่สุดเพื่อภาวนา
Someone will come in your life...
ใครสักคนจะก้าวเข้ามาในชีวิต
Make something buring in your feel...
ทำให้บางอย่างเร่าร้อนขึ้นในความรู้สึก
waiting darling walk at your where...
เฝ้ารอที่รักเดินมาที่ที่คุณอยู่
And now you know...
และตอนนี้คุณรู้แล้ว
Shining just like her...
แสงสว่างนั้นคล้ายกับเธอ
And she is only light...
และเธอคือแสงเพียงหนึ่งเดียวของคุณ
But she never know what in your heart...
แต่เธอไม่มีวันรู้ว่าอะไรอยู่ในใจคุณ
And she can go away from you...
และเธอสามารถไปจากคุณได้
This way to hold her...
นี่คือทางเดียวที่จะเหนี่ยวรั้งเธอ
If you ready to do...
ถ้าหากคุณพร้อมจะทำ
Just say you love and love her...
เพียงกล่าวว่า่คุณรักที่เธออย่างที่สุด
love and love her...
รักเธออย่างที่สุด
"ถ้ารักก็บอก ไม่รักก็เงียบไป แบบนั้นสินะ" คาโอรุพูดอย่างไม่คิดอะไร "ถ้ารักแล้วทำไมไม่บอกไปล่ะ"
เซโตะยักไหล่ ขนมปังและเพลงทำให้เขาหายง่วงขึ้นมาได้แล้ว เดาสมมติฐานซึ่งได้ยินอยู่บ่อยครั้งว่าคงเพราะอยากให้อีกฝ่ายบอกรักก่อนหรือไม่ก็คงเพราะกลัววืด ถ้าคนที่เราแอบชอบไม่มีท่าทีอะไร ไปบอกก็รังแต่จะพลาดเอาเปล่าๆ
คาโอรุยิ้มๆ ถามกึ่งกระเซ้าว่าแม้แต่เซโตะก็รู้เรื่องพวกนี้ด้วยเหรอ หรือว่าเขากำลังมีคนที่ชอบอยู่กันล่ะ?
"ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย แต่พวกนักเรียนหญิงในห้องพูดกันบ่อยไป ฟังจนจำได้แล้วล่ะ ไม่ลองก็ไม่รู้แท้ๆ แถมถ้าไม่บอกก็วืดอยู่ดี เป็นฉันจะลองบอกดู!"
"เห!" คาโอรุตาโต "ถ้าเป็นอย่างนั้น นายจะบอกรักอย่างไง สมมติว่าฉันเป็นสาวน้อยคนนั้นล่ะกัน เอาล่ะ บอกมาเลย!"
เด็กหนุ่มผมแดงที่มองหน้าต่างอยู่ค่อยๆหันกลับมาช้าๆ โดยจ้องคาโอรุซึ่งทำหน้าใสๆซื่อๆอยู่ เป็นใบหน้าที่ไม่แสดงถึงความกดดันประมาณว่า 'แน่จริงนายพูดสิ' แม้แต่นิด ทว่า มันกลับสร้างความรู้สึกตึงเครียดขึ้นมาทันที ฝ่ายคาโอรุอ่านสีหน้าของเขาอดคิดไม่ได้ว่าเซโตะจะอินกับบทไปหรือเปล่า?
เซโตะเกิดอาการประหท่าขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ถ้าเป็นยัยสาวผมทองน่าหม่นไส้อย่างโรซารี่ล่ะก็ เขามั่นใจว่าความรู้สึกงี่เง่าแบบนี้ไม่เกิดขึ้นมาแน่ๆ คนที่ไม่เกิดชัวร์ๆยังมีอีกคนหนึ่ง คือเจ้าหัวหน้าชมรมเบสบอลทาคาโต้ ซึ่งนิสัยสุดจะอวดเบ่ง มันไม่น่าจะเกิดกับคนทั้งโลกนั่นแหละ! แต่ทำไมกับคิโนชิตะ คาโอรุ คนนี้ถึงได้พูดไม่ออกนักนะั
กระต่ายสาวน้อยโค้งตัวต้อนรับพวกเขาด้วยความร่าเริง ถ้าหากถามว่ามองมุมไหนจากชุดกระต่ายหัวจรดเท้าที่คลุมจนไม่รู้ว่าคนข้างในเป็นผู้หญิง , ผู้ชาย , กระเทย , ทอม ,ดี้ ล่ะก็ คงเป็นเจ้าดวงตามหึมาที่วาดขนตางอนเช้งนี่ไง แต่ก็ไม่แน่นะ คนข้างในอาจเป็นชายก็ได้ ขนาดคนที่เห็นๆอยู่ว่าเป็น 'ผู้หญิง' อย่างซีเวลยังมีความไม่แน่นอนเลย
"ฮุๆๆ วันนี้มีอลิซสองคน อลิซสองคน" กระต่ายพูดอย่างร่าเริง "ตามมาเร็วเข้า จะสายแล้ว จะสายแล้ว"
คาโอรุแอบเห็นใจอยู่ไม่น้อย การที่ต้องกระโดดโลดเต้นอยู่ตลอดเวลาด้วยสวมชุดแบบนั้นมันทั้งร้อนและหนัก ผิดกับเซโตะที่นึกภาพคู่เดทที่สวมชุดกระต่ายแล้วทำท่าแบบนั้นบ้าง เกร็งมุมปากไม่ให้ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาแทบแย่แน่ะ
อลิซทั้งสองเดินผ่านเห็ดยักษ์ที่สร้างได้สมจริงดอกแล้วดอกเล่าจนมาถึงโต๊ะงานเลี้ยงน้ำชาที่มีคนใส่หมวกท่าทางแปลกๆกับคนสองสามนั่งอยู่ก่อนแล้ว
กระต่ายขาวผายมือไป "อลิซมาดื่มน้ำชาสิ ดื่มน้ำชาสิ"
เซโตะแอบกระซิบกับคาโอรุ ทำไมเจ้ากระต่ายถึงต้องพูดข้อความซ้ำๆกันด้วย ในหนังสืออลิซเป็นแค่การ์ต่ายทำท่าวิ่งอย่างเร่งด่วนเท่านั้นเองนี่ ไม่ได้มีลักษณะการพูดแบบซ้ำคำท้ายสักหน่อย คาโอรุยักไหล่ ตอบว่าอาจเป็นสีสันเพิ่มเติมก็ได้
แมดแฮตเตอร์หันมาอย่างรวดเร็วแล้วรินน้ำชาโดยการยกกาสูงจากถ้วยประมารสองไม้บรรทัด ช่างน่านับถือที่น้ำชาไม่หยดเลอะเลยแม้แต่น้อย เขายื่นให้คาโอรุแล้วยิ้มกว้าง "เชิญเลย สาวน้อย"
เซโตะหัวเราะลั่นเหมือนกับจงใจจะหัวเราะมากกว่ารู้สึกขำจริงจัง ทำให้ผู้มีเนตรราตรีปฏิเสธอย่าวรวดเร็วแล้วบอกว่าเขาเป็นผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิง เท่านั้นล่ะ ผู้คนรอบโต๊ะเป็นขำ บอกว่าอลิซคือเด็กผู้หญิงผมทอง จะเป็นผู้ชายไปได้ยังไง
"นายลองสวมวิกผมทองไหมล่ะ" เซโตะล้อ "ว่าไง อลิซคนสวย"
คาโอรุยิ้มบางๆแล้วแกล้งทำเขินศอกเข้าเต็มแรงโดยไม่คิดออม จากสีหน้าที่สะใจเต็มที่นั้น ดูยังไงๆก็ไม่ได้ทำใจให้พูดว่า 'เขิน' ไม่ได้จริงๆ เซโตะเจ็บจนน้ำตาเล็ด แต่เขาจะให้คนที่ดูท่าทางอ่อนแอมาทำให้เสียชื่อไม่ได้หรอก ให้มันได้งี้สิ คนเราดูแต่ภายนอกไม่ได้เลยนะ!
แต่ทุกคนก็ดูออกว่าเขาเจ็บแค่ไหน แมดแฮตเตอร์ทำหน้าตาแปลกๆเหมือนคนเพี้ยน แต่ถ้ามองในอีกมุมมันคือใบหน้าของคนที่กลั้นขำจนเหยเก เขาจะหัวเราะอลิซไม่ได้ นั่นลูกค้า นี่ก็งาน โน่นก็เงิน ไหนจะทิปอีก ถ้า (หาก) ลูกค้าถูกใจ ที่น่าสงสารกว่าแมดแฮตเตอร์คือผู้ร่วมโต๊ะที่จะทำหน้าเบี้ยวๆแบบเขาไม่ได้เด็ดขาด ไม่รู้ว่าเห็นใจเซโตะจนร้องไห้หรือว่ากลั้นหัวเราะจนน้ำตาเล็ดกันแน่
"เราไปที่อื่นกันได้แล้วล่ะมั้ง!"
เซโตะเดินนำเจ้ากระต่ายลิ่วๆโดยที่ฝ่ายหลังรีบวิ่งตามไปโดยไม่ลืมตะโดนว่า สายแล้วๆ ช่างมีสปิริตต่อหน้าที่การงานซะจริง แต่หากจะพูด เขาคือคนที่แอบหัวเราะได้อย่างไม่มีใครรู้ที่สุดเพราะสวมหมวกกระต่ายอยู่
"เราจะไปที่วังราชินีหัวใจ ราชินีหัวใจ" เจ้ากระต่ายกระโดดไม่หยุดระหว่างรอลิฟต์แล้วที่ถูกประดิษฐ์ให้เข้ากับสถานที่ "พาหนะอลิซด่วนทันใจ ด่วนทันใจ"
"ด่วนทันใจตรงไหน คนเยอะออกอย่างนี้"
มีน้อยคนที่จะเข้าห้องอลิซ รูมผ่านทางเมจิคคัลเลอร์ รูมได้ แต่คนที่ยอมจ่ายหรือมีบัตรฟรีเหมือนพวกเขาก็ไม่น้อยเหมือนกันที่ไม่อยากเสียเวลาหา ดังนั้น คนทั้งหลายจึงมีอยู่มากในอลิซ รูม และพากันยืนต่อแถวขึ้นลิฟต์แก้ว
ใครจะรู้ ลิฟต์แก้วนั้นเลื่อนลงมารวดเร็ว แถมจุคนได้มาก พวกเซโตะก้าวเข้าไปยังพอเหลือที่ว่างตั้งเยอะ จึงไม่ต้องเสียเวลารอนานเท่าที่เซโตะนึกไว้
เจ้ากระต่ายกระพริบตาปิ๊งๆใส่ แต่อีกนัยมันคือการแอบยักคิ้วเยาะเย้ย "พาหนะอลิซ...ด่วนทันใจ ด่วนทันใจ"
คาโอรุอดเอ่ยถามไม่ได้ "นี่นายเกลียดการรอคอยหรอกหรือ นั่นสินะ ก็เป็นคนใจร้อนนี่นา"
"ใจร้อนตรงไหนกัน ใครๆก็เกลียดการรอคอย" เซโตะพูดด้วยความมั่นใจ "การรอคอยทั้งชักช้าและน่าเบื่อ ใครจะอยากรอ"
"บางสิ่งน่ะ จะผ่านไปนานเท่าไหร่ก็รอได้ มีตำนานของศาลเจ้าฟุมิเนเนะที่เฝ้ารอคนรักตลอดหลายร้อยปีเลยนะ"
เซโตะยักไหล่ "ถ้าเป็นฉันก็มีคนใหม่ไปแล้ว"
คาโอรุค้อนขวับ ก็เพราะนั่นคือเซโตะน่ะสิ ถึงเขาจะไม่ใช่พวกที่เชื่อมั่นในความรักหรือว่าหลงใหลในรักแท้ แต่ก็ไม่ได้ดูถูกเรื่องเหล่านี้ อาจเป็นเพราะนิทานเจ้าหญิงที่เคยโดนกรอกหูพร้อมๆกับคาโอริก็เป็นได้
ทว่า แทนที่คาโอริจะเป็นสาวน้อยแสนหวาน มุ่งมั่นหารัก และเขาเกลียดหรือเบื่อเรื่องรักๆใคร่ๆ กลับสลับผลลัพย์กันแทน เฮ้อ... รายนั้นอย่าว่าแต่มุ่งมั่นหารัก จะเหลียวมองมนุษย์หน่อยก็ไม่ได้ เขาไม่เข้าใจน้องสาวเลยว่าการทดลองอาวุธมีดีตรงไหน?
ในที่สุดก็ถึงวังราชินีหัวใจ กองทหารไพ่กรูเข้ามาหาบรรดาอลิซนับสิบที่เพิ่งขึ้นลิฟต์แก้วแล้วทำหน้าดุใส่พลางพูดอย่างเร่งรีบว่าราชินีหัวใจต้องการกุหลาบแดง ถ้าพูดเปล่าๆคงไม่น่าสนใจ แต่ทุกคนพร้อมใจกันส่งแปรงทาสีแล้วชี้ไปที่ต้นกุหลาบขาวที่เรียงราย ซึ่งไม่มีร่องรอยสีแดงสักนิด ไม่รู้ว่าเพราะเกมส์นี้ต้องเปลืองกุหลาบไปแล้วกี่ต้น
"ข้าจะเอากุหลาบแดง! กุหลาบแดง! กุหลาบแดง!"
เสียงผู้หญิงสุดจะแสบแก้วหูดังขึ้นโดยที่ใครยังไม่ได้ลงมือทากุหลบกันสักคน ที่แท้ก็ใช้วิธีนี้นั่นเอง ไม่ต้องเปลืองกุหลาบแถมทุกตนก็จะมีสีขาวดังเดิม เซโตะอดขอบคุณราชินีหัวใจเบาๆ เขาไม่อยากโดนบังคับให้เล่นเกมส์ระบายสีกุหลาบนะ
หลังกรีดเสียงไม่นาน ราชินีหัวใจหันมาทางพวกอลิซทั้งหลาย นางกอดอกอย่างแปลกประหลาดคือกางเล็บปลอมยาวสีแดง มีเหตุผลสองข้อ หนึ่งคือต้องพยามทำท่าให้ดูน่าเกรงขาม สองคือระวังไม่ให้เล็บข่วนเสื้อจนด้ายหลุด
"พวกเจ้าเข้ามาได้ยังไง!" นางส่งเสียงดังลั่นแล้วตะครุบคนที่อยู่ใกล้มือที่สุด "มาขึ้นศาลกับข้าเลย!"
ประตูวังใหญ่โตถูกเปิดปิดอย่างรวดเร็ว เจ้ากระต่ายทั้งหลายต่างเปิดการแสดง แรบบิ้นแดนซ์ ให้แก่บรรดาอลิซที่ต้องรอคิว เซโตะคงจะไม่ว่าอะไรหรอก ถ้าคาโอรุไม่ร่วมลุกขึ้นร้องรำทำเพลงไปกับอลิซหรือก็คือผู้เล่นคนอื่นซึ่งเต้นไปพร้อมกับกระต่าย
แต่ที่ยิ่งกว่านั้นคือลากเขาไปเต้นด้วยเนี่ยสิ!
เซโตะจับมือสองด้านกับคาโอรุแล้วหมุนตัวไปมา เมื่อเห็นรอยยิ้มแสนสนุกของคู่เดท เด็กหนุมผมแดงค่อยๆคลายโทสะในใจลงโดยไม่รู้ตัว รอยยิ้มที่ของเขาที่บังเอิญปรากฏขึ้นมาอาจไม่ได้กว้างอะไร แต่มันแสดงถึงความสนุกได้เช่นกัน
เสียงประตูกระทบกำแพงพอดีกับที่เพลงจบ เซโตะเผลอมองค้อนราชินีหัวใจที่มาขัดจังหวะความสำราญ นางหยิบเอาคนใกล้ที่สุดไปอีกเช่นเคย ราชินีหัวใจใช้เวลาไม่นานในการอยู่ในวังแล้วการโผล่มาหาคนใหม่
เซโตะแอบไปกระซิบกระซาบกับหนึ่งในคนสวมชุด
"เจ้ากระต่าย ในนั้นมีอะไรเหรอ"
เจ้ากระต่ายกระโดดดึ๋งๆแล้วชูเหรียญทองขึ้นมาอันหนึ่ง เซโตะกล่าวอย่างแปลกใจว่าคำใบ้อีกแล้วหรือ
"เปล่า ทิปสามร้อยเยนต่างหาก จ่ายมาก่อนเลย จ่ายมาก่อนเลย"
เซโตะโดนคาโอรุลากไปอีกทางทันทีเมื่อจะชกกับกระต่าย สำหรับผู้มีเนตรราตรีแล้วรู้สึกโมโหคู่เดทเหลือเกิน ไปถามกระต่ายอย่างหนึ่ง และจะชกกับกระต่ายอีกอย่างหนึ่ง
หลังราชินีหัวใจหยิบคนแล้วคนเล่าไป ในที่สุดก็ถึงคิวของพวกคาโอรุจนได้ นางดึงพวกเขาทั้งคู่ไป แม้จะเหมือนดึงไปแรง แต่เอาเข้าจริงกลับไม่เจ็บแม้แต่น้อย ของแบบนี้เขาเรียกว่าทำได้เฉพาะมืออาชีพหรือเปล่านะ
ราชินีแดงนั่งตรงกลางโดยมีคณะลูกขุนนั่งอยู่ด้านข้าง นางถือค้อนผู้พิพากษาแล้วพูดเสียงแหลม "เราจะถามคำถามหนึ่ง ซึ่งต่างจากคำถามของอลิซคนก่อน อย่าหวังว่าแอบฟังแล้วจะตอบได้ ถ้าเจ้าตอบถูก เราก็จะปล่อยไป"
โรซารี่สวมชุดแฟนซีถือป้าน Exit อยู่ แปลว่านั่นคือทางออกอย่างนั้นสินะ
คาโอรุพยักหน้าพร้อมกับดวงตาที่เป็นประกาย อลิซในแดนมหัศจรรย์เป็นหนึ่งในนิทานที่ถูกกรอกหูบ่อยมากเรื่องหนึ่ง จะมีความรู้สึกตื่นเต้นเหมือนตนเองเป็นเด็กบ้างก็ไม่แปลก
ราชินีถามโดยทันที "ที่นี่คือที่ไหน"
คาโอรุยกมือตอบขึ้นมาก่อน "แดนมหัศจรรย์!"
ราชินีหัวใจยกมือขึ้นประสานเป็นรูปกากบาท บอกว่าคำตอบนั้นผิดแล้วทวนคำถามใหม่อีกครั้ง สำหรับเซโตะที่มองเวลาแล้วเริ่มหิวอีกครั้งพูดอย่างอารมณ์เสีย "ก็อลิซ รูม ไง"
ราชินีหัวใจทำท่าเดิมอีกครั้ง ส่งผลให้เซโตะอยากจะวิ่งออกไปที่ทางออกโดยทันที หากแต่มีทหารไพ่ยืนเรียงปิดทันทีที่เห็นเขาขยับตัวจะมุ่งมา ราชินีแดงเอานิ้วเคาะกับบัลลังค์ศาลเหมือนรอฟังคำตอบอย่างเบื่อๆ
คาโอรุสุ่มตอบ "งั้นก็วังของราชินีหัวใจ"
นางทำท่าเดิมอย่างนั้นอยู่หลายรอบ โรซารี่ที่เคยยืนยิ้มอยู่ตรงออกเอาป้ายพิงกำแพงแล้วนัางลงกับพื้นในท่าไม่แคร์โลก พวกทหารไพ่ตนหนึ่งวิ่งขึ้นไปหาราชินีหัวใจแล้วชี้ที่นาฬิกายักใหญ่พลางกระซิบ
นางทำมือไล่ทหารไพ่ "เจ้าคิดว่าข้าสนใจเรื่องนั้นหรือ" แล้วหันมาทางพวกคาโอรุ "พวกเจ้าคิดว่าข้าเป็นใครกัน ตอบมาซะ!"
"ก็บอกว่าไม่รู้ๆ! ที่นี่ตัดเนื้อหานิทานออกไปตั้งเยอะ ฉันจะไปเข้าใจได้ไง" เซโตะตะโกนอย่างหมดความอดมทน "เธอจะเป็นใครล่ะ ก็ราชินีหัวใจน่ะสิ คิดว่าตัวเองเป็นผู้พิพากษาเหรอ!"
แทนที่จะทำหน้าโกรธ ราชินีหัวใจกลับทำหน้าโล่งอก ปฏิกริยาแปลกๆนั่นทำให้คาโอรุเลิกคิ้ว ตอบเสียงเบา "หรือว่าจะเป็นห้องตัดสินของราชินีหัวใจ?"
เสียงปรบมือดังขึ้นรอบห้องพร้อมกับสีหน้าโล่งใจของคนทั้งหลาย โรซารี่หาวหนึ่งรอบแล้วลุกขึ้นมาโบกป้ายทางออกแบบง่วงๆ
"เชิงเทียนนี่ฟรี"
เซโตะเปรยขึ้นมาก่อนเป็นคำแรกในภัตตาคารของสวนสนุก ตามด้วยคาโอรุที่ยิ้มอย่างลำบากใจให้กับบริกรสาวที่จุดไฟโดยไม่สนใจคำค้าน เธอได้รับคำสั่งจากสาวผมทองท่าทางแปลกๆว่าทั้งสองเป็นคู่รักกัน เป็นโปรโมชั่นพิเศษของร้านที่จุดให้โดยไม่คิดมูลค่าเพิ่ม
คาโอรุมองคู่รับประทานที่จ้องหน้าเขาด้วยสายตาเหมือนค้นหาอะไรบางอย่างอยู่แล้วอดถามขึ้นไม่ได้ "นายไม่คิดจะดับเทียนหน่อยเหรอ ถึงร้านจะจัดโซนมืดให้เรา แต่เปลี่ยนไปนั่งโซนสว่างก็ได้นี่นา แบบนั้นจะกินง่ายกว่าด้วย"
"ไม่ชอบโรแมนติคหรือไง" เซโตะเลิกคิ้ว "ถึงคนที่นายมาดินเนอร์ด้วยจะเป็นฉันก็เถอะ แต่จินตนาการถึงคนที่นายชอบไปก็ได้นี่"
คาโอรุกอดอกยิ้มเซ็งๆ ถามว่าที่เซโตะจ้องหน้าเขาเนี่ย กำลังนึกถึงสาวคนไหนอยู่อย่างนั้นสินะ คู่รับประทานผมสีชาดส่ายหน้า ความหิวทำให้รู้สึกเฉื่อยชาไปหมด ถึงกระนั้นก็ยังคงตอบให้คาโอรุคลายความคิดนั้นลง
"ฉันรู้สึกว่าคนที่กินด้วยเป็นนายก็ไม่เสียหายอะไรนี่นา ว่าแต่นายเถอะ คิดถึงผู้หญิงคนไหนล่ะ คงไม่ใช่ยัยโรซารี่นะ? ถ้าเป็นงั้นแยกโต๊ะกันซะดีกว่า"
เซโตะหรี่ตาปรือๆที่รออาหารจนจะหลับลงมา ผู้มีนัยย์ตาราตรีไม่รู้จะแก้อาการนั้นยังไงนอกจากจะส่งน้ำเย็นให้ดื่ม ทว่า เซโตะกลับดื่มไปสองแก้วติดๆแก้หิวกันเลยทีเดียว ภาพนั้นทำเอาคาโอรุรู้สึกสงสารขึ้นมาตงิดๆไม่ได้ แถมตัวเขาก็หิวจนท้ิองร้องไปหมดแล้วเช่นกัน
ในที่สุด ทางภัตตาคารก็เริ่มสนใจลูกค้าที่รออาหารจนจะหลับในที่สุด พวกบริกรเริ่มออกเสิร์ฟอาหารรองเท้ามาให้ ขนมปังขนาดเท่าฝ่ามือทาเนยส่งกลิ่นหอมยืดเวลามากพอที่อาหารจะมาก่อนโดนลูกค้า (ซึ่งน่าจะเป็นพวกคุณหนูเอาแต่ใจ) โวยวาย
คาโอรุยิ้มแหยๆ "ไม่มีอะไรทำเลยเนอะ"
ไม่ทันขาดคำ เสียงดนตรีช้าๆคลอขึ้นมา เด็กสาวผมทองรวบสองด้านก้าวขึ้นเวทีด้วยชุดที่งดงามสีแดงสด ประกาศขออภัยในความล่าช้าของอาหาร ก่อนน้ำเสียงใสจะกังวาลร้องคลอขึ้นตามจังหวะเพลง Only say
You hide your lonely heart...
คุณซ่อนหัวใจเดียวดายไว้
Be strong with your weak...
เข้มแข็งด้วยความอ่อนแอของคุณ
So you stand alone...
ดังนั้นคุณจึงยืนอย่างโดดเดี่ยว
Look at moon and close your eyes...
จ้องมองไปที่ดวงจันทร์และหลับตาลง
Try and try to pray...
พยามอย่างที่สุดเพื่อภาวนา
Someone will come in your life...
ใครสักคนจะก้าวเข้ามาในชีวิต
Make something buring in your feel...
ทำให้บางอย่างเร่าร้อนขึ้นในความรู้สึก
waiting darling walk at your where...
เฝ้ารอที่รักเดินมาที่ที่คุณอยู่
And now you know...
และตอนนี้คุณรู้แล้ว
Shining just like her...
แสงสว่างนั้นคล้ายกับเธอ
And she is only light...
และเธอคือแสงเพียงหนึ่งเดียวของคุณ
But she never know what in your heart...
แต่เธอไม่มีวันรู้ว่าอะไรอยู่ในใจคุณ
And she can go away from you...
และเธอสามารถไปจากคุณได้
This way to hold her...
นี่คือทางเดียวที่จะเหนี่ยวรั้งเธอ
If you ready to do...
ถ้าหากคุณพร้อมจะทำ
Just say you love and love her...
เพียงกล่าวว่า่คุณรักที่เธออย่างที่สุด
love and love her...
รักเธออย่างที่สุด
"ถ้ารักก็บอก ไม่รักก็เงียบไป แบบนั้นสินะ" คาโอรุพูดอย่างไม่คิดอะไร "ถ้ารักแล้วทำไมไม่บอกไปล่ะ"
เซโตะยักไหล่ ขนมปังและเพลงทำให้เขาหายง่วงขึ้นมาได้แล้ว เดาสมมติฐานซึ่งได้ยินอยู่บ่อยครั้งว่าคงเพราะอยากให้อีกฝ่ายบอกรักก่อนหรือไม่ก็คงเพราะกลัววืด ถ้าคนที่เราแอบชอบไม่มีท่าทีอะไร ไปบอกก็รังแต่จะพลาดเอาเปล่าๆ
คาโอรุยิ้มๆ ถามกึ่งกระเซ้าว่าแม้แต่เซโตะก็รู้เรื่องพวกนี้ด้วยเหรอ หรือว่าเขากำลังมีคนที่ชอบอยู่กันล่ะ?
"ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย แต่พวกนักเรียนหญิงในห้องพูดกันบ่อยไป ฟังจนจำได้แล้วล่ะ ไม่ลองก็ไม่รู้แท้ๆ แถมถ้าไม่บอกก็วืดอยู่ดี เป็นฉันจะลองบอกดู!"
"เห!" คาโอรุตาโต "ถ้าเป็นอย่างนั้น นายจะบอกรักอย่างไง สมมติว่าฉันเป็นสาวน้อยคนนั้นล่ะกัน เอาล่ะ บอกมาเลย!"
เด็กหนุ่มผมแดงที่มองหน้าต่างอยู่ค่อยๆหันกลับมาช้าๆ โดยจ้องคาโอรุซึ่งทำหน้าใสๆซื่อๆอยู่ เป็นใบหน้าที่ไม่แสดงถึงความกดดันประมาณว่า 'แน่จริงนายพูดสิ' แม้แต่นิด ทว่า มันกลับสร้างความรู้สึกตึงเครียดขึ้นมาทันที ฝ่ายคาโอรุอ่านสีหน้าของเขาอดคิดไม่ได้ว่าเซโตะจะอินกับบทไปหรือเปล่า?
เซโตะเกิดอาการประหท่าขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ถ้าเป็นยัยสาวผมทองน่าหม่นไส้อย่างโรซารี่ล่ะก็ เขามั่นใจว่าความรู้สึกงี่เง่าแบบนี้ไม่เกิดขึ้นมาแน่ๆ คนที่ไม่เกิดชัวร์ๆยังมีอีกคนหนึ่ง คือเจ้าหัวหน้าชมรมเบสบอลทาคาโต้ ซึ่งนิสัยสุดจะอวดเบ่ง มันไม่น่าจะเกิดกับคนทั้งโลกนั่นแหละ! แต่ทำไมกับคิโนชิตะ คาโอรุ คนนี้ถึงได้พูดไม่ออกนักนะั
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ