The Kid , No kid.
9.7
3) บทที่3
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ เซโตะเดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน เขาอดโมโหไม่ได้ที่ตัวเองต้องนอนกับพื้น แม้ว่าจะตื่นมาบนเตียงก็ตามทีเถอะ! นั่นคงเพราะว่าคนที่นอนดิ้นจนถีบเขาลงมาคงจะอุ้มขึ้นไปนอนตอนเช้า
คาโอรุเสิร์ฟไข่ดาวกับแฮมและขนมปังให้พร้อมเอ่ยอย่างกังวลใจเรื่องสวิสท์อาละวาด
"เมื่อ...เมื่อวาน ฉันทำอะไรแปลกๆลงไปไหม?"
เซโตะมองอาการกังวลเหล่านั้นแล้วนึกสนุก อยากแกล้งหลอกว่าเขาโดนอีกฝ่ายอัดยับ แต่แผลที่ไม่มีให้เป็นหลักฐานกับเสียงของคาโอริที่ดังเข้ามาในห้องได้หยุดยั้งไว้ซะก่อน
สิ่งทีู่ถูกสุมรวมกันในตอนปกติจะถูกระเบิดออกมาตอนโมโหหรือเสียใจสุดๆ
เซโตะส่ายหน้ารัวเร็ว เขาที่เหลือตัวแค่นี้จะไปต่อกรกับคนที่เสมือนเครื่องจักรสังหารได้ไงกัน คาโอรุเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเพราะนึกว่าตนเองเข้าสู่โหมดนั้นไปแล้วซะอีก
เด็กสาวผมแดงเดินหาวออกมาแล้วซดกาแฟอุ่นๆโดยไม่ต้องหยุดพักจนหมด ท่าทางราวกับต้องการทำให้ตนเองตื่นขึ้นมาให้มากที่สุด
ผู้เป็นพี่ชายขมวดคิ้วเล็กน้อย เตือนอย่างเป็นห่วงว่าเธอไม่ควรจะทดลองอาวุธจนดึกดื่น ถึงคาโอริไม่ตอบแต่เขาก็รู้ว่าเธอไม่ฟังเขาหรอก
อย่างไรก็ดี เธอหยิบปากกาสีเงินเรียบหรูด้่ามหนึ่งส่งให้พี่ชาย "กล้องสายลับดักจับพวกอัลลิวีนได้ พกติดตัวไว้หน่อยก็ดี จนกว่าเด็กคนนั้นจะถูกยืนยันสถานะชัดเจน ไม่งั้นได้เหลือแต่ซากแน่ แล้วฉันก็ไม่อยากให้นายเข้าโหมดต่อสู้ด้วย มันอันตรายกับคนที่ถูกปกป้องมากเกินไป"
คาโอริไม่ได้ส่งอะไรให้เซโตะทั้งนั้นเพราะคิดว่าเขาเป็นเด็กธรรมดา การพกอาวุธยัีงคงอันตรายเกินไปและมีสิทธิ์เกิดเรื่ิองไม่คาดฝันได้ สิ่งที่เด็กน้อยผมแดงอดติดใจไม่ได้คือคำว่าพวกอัลลิวีนที่เธอพูดถึง แต่ในเมื่อไม่เกี่ยวก็ไม่อยากถาม เซโตะที่ก้มหน้าก้มตากินต้องตกใจเมื่อโดนหอมแก้ม นี่เขาโดนลวนลามแบบนี้มากี่รอบแล้วนะ?
"นายหยุดยุ่งกับแก้มฉันสักทีสิ" เซโตะนึกถึงประสบการณ์เดี๋ยวโดนหยิกเดี๋ยวโดนหอมอย่างโมโห "ไหนว่าไม่ชอบจูบคนอื่นไง!"
คาโอรุกระพริบตาปริบๆ "ก็...เฉพาะที่ปากเท่านั้นแหละ นอกนั้นไม่นับว่าเป็นจูบสักหน่อย แล้วนั่นก็เรียกว่าหอมแก้ม ไม่ใช่จูบนะ"
"นายจูบแก้มฉัน มันเรียกแบบนี้ก็ได้"
เซโตะยังไม่เลิกโวย ต่อให้อีกฝ่ายเข้าโหมดอาละวาดกี่รอบ เขาก็ต้องยืนยันขั้นเด็ดขาดเพื่อความสงบสุขของแก้มในภายภาคหน้า ไม่รู้ว่าต้องโดนทารุณกรรมใบหน้าไปอีกนานแค่ไหนซะด้วย!
คาโอรุส่ายหน้าแล้วดึงแก้มอีกฝ่ายอย่างหมั่นเขี้ยว "เรียกว่าหอมแก้มต่างหาก"
เด็กสาวผมแดงมองภาพของสงครามขนาดย่อมระหว่างพี่ชายที่ดึงดันจะหยิกแก้มให้ได้ กับเด็กน้อยที่ใช้วิชาว่าด้วยความไวเป็นต่อในการหลบหลีก แต่ทั้งสองกลับมีเวลาทานอาหารไปด้วยโดยไม่ติดขัด นี่เธอร่วมโต๊ะกับสุดยอดจอมยุทธ์อยู่รึไงเนี่ย
สุดท้าย คาโอริมองเวลาที่ผนังบ้านแล้วพูดเตือนออกมาว่า "จะสายแล้วนะ"
สองจอมยุทธ์ยังคงไม่ได้ยิน
คาโอริแทบตะโกนออกมา "สายจริงๆนะ!"
สองจอมยุทธ์ยังคงไม่สนใจ
"ฮึ่ย!" เด็กสาวทุบโต๊ะดังปัง "งั้นก็เชิญสายไปสองคนเลย!"
แล้วคาโอริก็ยังคงโดนสองจอมยุทธ์เมินต่อไป...
ในห้องของอาจารย์คิริเอะ เธอฟังเรื่องราวจากเด็กน้อยผมแดงที่มีเค้าความเหมือนเซโตะร่างโตอยู่มากอย่างเงียบๆ ดูจากท่าทางและการพูดต้องเป็นเจ้าหนุ่มน้อยตัวยุ่งประจำห้องอย่างแน่นอน ถึงเรื่องเล่าที่ว่ามันจะดูเหลือเชื่อไปหน่อยก็เถอะ
"สรุปว่าเธอต้องการมานั่งเรียนต่อ...อย่างนั้นสินะ" คิริเอะกอดอก "เอางั้นก็ได้ ยังไงซะ ถึงตัวจะหดหรือยืด ค่าเทอมมันก็ไม่ได้ลดหรือเพิ่มอยู่แล้ว อ้อ ฉันมีของจะให้ด้วยนะ คาโอรุคุงเขาเอามาให้เมื่อวานแน่ะ"
กระเป๋านักเรียนหนังถูกความหนาวหิมะทารุณกรรมจนแตกลายไปหมด เยินซะจนเจ้าของมันเองยังแทบไม่อยากเชื่อเลยด้วยซ้ำ
ถึงจะเรียนต่อได้ตามปกติก็ตาม ไซโตะอดถามไม่ได้ "แล้วอาจารย์ไม่คิดว่าผมเป็นพวกหลอกลวงบ้างเหรอ"
คิริเอะยิ้มจนตาหยี ถึงท่าทางจนเป็นเด็กหนุ่มอันธพาลอยู่เหมือนเดิม แต่พอเปลี่ยนร่างแล้วให้ความรู้สึกต่างกันเยอะ เธอเอื้อมมือมาหยิกแก้มอย่างหมั่นเขี้ยว สร้างความร้าวรานแก่เด็กน้อยผมแดงเป็นกำลัง แก้มเขามันมีเสน่ห์ดึงดูดอะไรขนาดนี้กันนะ
เธอหัวเราะคิกคักเมื่อมองหน้ามุ่ยๆของลูกศิษย์ "โทษทีๆ พอดีแก้มเธอมันน่าหยิกมากเลยนะ รู้ไหม เธอนี่มีแววหล่อตั้งแต่เด็กเลยนะ ผิวสีแทนกับหน้าเท่ๆ เพราะเห็นแล้วมันอดหยิกแก้มไม่ได้นะ ฮุๆๆ"
ฮุๆอะไรกัน! ไซโตะโมโหพลางลูบแก้มตนเองไปมา
"ส่วนเรื่องนั้นน่ะนะ ไม่รู้ว่าคนอื่นสังเกตเหมือนกันไหม แต่ฉันต้องยืนประจำที่หน้าประตูโรงเรียนอยู่แล้ว ตอนตัวเธอ...วืด...นะ ฉันเห็นจะๆเลย ความจริงคิดว่าตัวเองเห็นภาพลวงตาจากปรากฏการณ์อะไรสักอย่างที่ทำปฏิกริยากับหิมะซะอีก"
คิดอะไรได้สมเป็นอาจารย์วิชาวิทยาศาสตร์มาก แต่การกระทำกลับตรงกันข้ามเมื่อหลังจากค้นกระเป๋าถือใบสวยสักครู่หนึ่ง อาจารย์คิริเอะส่งนามบัตรใบหนึ่งให้เขาแทนคำแนะนำกรณีตัวยืดๆหดๆ มันคือนามบัตรของหมอดูลูกแก้วคนหนึ่ง...
คาโอรุยืนรออยู่หน้าห้องพักครูอย่างสงสัย แทนที่จะไปโรงเรียนที่เหมาะกับวัย แต่ไซโตะกับบอกว่าจะเรียนที่มัธยมไคเซย์แห่งนี้ ซ้ำยังกระทำจริงจังโดยการไปคุยกับอาจารย์คิริเอะ แต่ยังไงๆคงไม่ได้หรอก
ก่อนประตูเปิด เสียงของเด็กน้อยผมแดงดังลั่นขึ้นมาว่า "ผมตัวหดนะ แล้วจะดูดวงไปทำไมกันเล่า!"
คาโอรุมองเด็กน้อยซึ่งจ้ำเอาๆไปห้องเรียนด้วยความงุนงง ก่อนจะโดนอาจารย์สาวที่มีสปิริตแรงกล้าในการช่วยลูกศิษย์อันเป็นที่รักจับแขนไว้แน่น "พวกเธอต้องไปตามที่อยู่ในบัตรนี้นะ ต้องไปให้ได้นะ!"
คาโอรุมองอาจารย์ที่ปิดประตูกลับเข้าห้องอย่างงุนงง มันอะไรกันละนี่ เท่าที่จำได้ ไซโตะ...มาสมัครเรียนไม่ใช่เหรอ?
"ไม่ไป"
ไซโตะพยามดิ้นอยู่ในอ้อมแขนของคาโอรุอย่างเต็มความสามารถ ทำไงเขาก็ไม่เข้าไปในซุ้มดูดวงท่าทางประหลาดนั้นเด็ดขาด!
คุณย่าร้านดูดวงที่ไม่มีใครมาเข้าร้านหันซ้ายขวาหาตัวเรียกลูกค้า ก่อนจะยิ้มเผล่เมื่อเห็นคนทั้งสองที่ยื้อยุดฉุดกระชาก รีบพูดขึ้นมาทันที
"สองคนนั้นนะ" คุณย่าร้านดูดวงกวักมือ "เข้ามาๆ แค่เห็นหน้าก็รู้แล้วว่าเป็นแขกที่น่าสนใจ"
คาโอรุใช้จังหวะที่เด็กน้อยชะงักอุ้มไปวางที่เก้าอี้ทันที ตัวไซโตะโวยวายไม่หยุด เขาไม่ได้อยากดูลูกแก้วสักหน่อย เจ้าคนตื่นเต้นตัวจริงอย่างคาโอรุก็ดูดวงไปคนเดียวสิ!
สุดท้าย เด็กน้อยก็ต้องมานั่งโมโหอยู่หน้าคุณย่าร้านดูดวงซึ่งตอนนี้กำลังทำท่ามือวนๆที่ลูกแก้วไปมาเหมือนจะใช้เวทมนตร์ สำหรับเซโตะแล้วมันคือการเล่นปาหี่ดีๆนี่เองล่ะ เห็นท่าทางแบบนี้ได้บ่อยในพวกนักต้มตุ๋นกับชมรมการละคร
"เด็กน้อยเอ๋ย ตอนนี้เจ้ากำลังหลอกลวงผู้อื่นอยู่!"
คุณย่าร้านดูดวงขึ้นเสียงสูงตามวิสัยโอเวอร์แอ็คติ้ง เพื่อเรียกคนในระยะร้อยเมตรให้หันมาสนใจ แน่ล่ะ บางคนแถวนี้เท้าคางดูยิ้มๆเพราะรู้ทันเต็มที แต่สำหรับบางคนที่เพิ่งเจอครั้งแรกออกจะสนใจอยู่บ้าง กลยุทธ์ชักลูกค้าเข้าร้านยังคงใช้ได้ผลตลอดกาลสิน่า
เซโตะกอดอกหน้ามุ่ย ตัวเขาที่เป็นเด็กแบบนี้จะไปหลอกใครได้อีกล่ะ อีกอย่าง เขาไม่ใช่นักต้มตุ๋นแบบหญิงมีอายุคนนี้นี่
คุณย่าร้านทำนายดวงทำปากจุ๊ๆ
"การหลอกไม่ใช่แค่ด้วยวาจาหรือจิตใจ การหลอกสามารถทำได้ด้วยรูปลักษณ์ อย่างเช่นผู้หญิงที่แต่งกายเป็นผู้ชายหรือผู้ชายที่แต่งกายเป็นผู้หญิงเพื่อทำอะไรบางอย่าง โดยที่ไม่ได้มีจิตใจฝักใฝ่ในการเป็นเพศตรงข้ามกับร่างกายอย่างแท้จริง อย่างสายลับที่ปลอมตัวไปสืบข้อมูลนั่นไงล่ะ"
เซโตะมองดูตนเองที่สวมชุดผู้ชายเต็มยศ แถมหน้าตาเขาดูยังไงๆก็เป็นผู้ชาย อาจารย์คิริเอะยังชมว่าเขาหล่อคมเข้มเลย
"รู้แล้วน่าเจ้าเป็นผู้ชาย" คุณย่าร้านทำนายดวงค้อน "หน้าอย่างเจ้าต่อให้ใช้โฟโต้ ช้อป แต่งยังไม่เชื่อเลย ถ้าเป็นหนุ่มน้อยที่อุ้มเจ้ามานั่นค่อยน่าเชื่อหน่อย"
ทันสมัยแฮะ รู้จักโปรแกรมคอมพ์ด้วย
เซโตะนึกในใจพลางเงยหน้ามองคาโอรุที่ยิ้มแหยๆ แน่ล่ะ ผู้ชายที่ไหนอยากโดนชมด้วยคำพูดแบบนั้นกันบ้าง แต่เด็กน้อยแอบเห็นด้วย หน้าตาคาโอรุอย่างกับเพศกลางงั้นแหละ
"ข้าหมายถึงการที่ปลอมตัวหรือ..." คุณย่าร้านทำนายดวงหรี่ตาลงพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ "หรือร่างกายที่หดลงยังไงล่ะ"
เด็กน้อยผมแดงตัวแข็งทื่อท่ามกลางเสียงหัวเราะคิกคักของหญิงสูงอายุ นางเอามือวนๆที่ลูกแก้วอีกสักพักใหญ่ "สาเหตุที่เจ้าต้องมาเป็นเช่นนี้ข้ารู้...รู้ดีเลย! แต่มติสวรรค์ไม่อาจแพร่งพราย ตัวข้าไม่อยากเดือดร้อนนะ เหอๆๆ"
เซโตะรีบตะโกนทันที "งั้นบอกวิธีแก้มาสิ!"
"วิธีแก้...วิธีแก้...วิธีัแก้" คุณย่าร้านดูดวงมองฟ้าแล้วถอนหายใจเฮือก "บอกไม่ได้ มันยังไม่ถึงเวลา บอกได้แค่ว่าเจ้าได้อยู่กับคนที่เหมาะสมแล้วล่ะนะ ดวงชะตาความรักของเจ้าก่อนหน้านี้ช่างยุ่งเหยิงวุ่นวาย เรียกได้ว่าดวงคลาดกับคู่แท้เป็นอันมาก แต่สวรรค์เป็นใจ ในที่สุดเจ้าก็สามารถดวงประกบกับคู่รักสวรรค์ลิขิตสักที คนนี้ฟ้าประทานเลยนา!"
เซโตะคิ้วกระตุก เขาจำได้ว่าสิ่งสำคัญในการมาดูดวงครั้งนี้คือหาวิธีแก้ไขให้ตัวเขากลับไปเป็นเด็กมัธยมหนุ่มผู้แข็งแรงเก่งกาจและไม่โดนหยิกแก้มไม่ใช่เหรอ ไปๆมาๆไหงมาลงที่คอลัมภ์ 'ความรักของท่านช่วงนี้' อย่างกับหนังสือพิมพ์ไปได้ล่ะนี่
คุณย่าร้านทำนายดวงหัวเราะเบาๆ กล่าวว่าเพราะบอกอะไรไม่ได้มากเลยจะฟรีให้ แล้วเชิญลูกค้าผู้หญิง (เกือบ) ล้วนที่มุงกันได้สักพักมานั่งที่เก้าอี้เลย คงไม่ใช่ว่าที่จู่ๆเบี่ยงหัวข้อเพราะคนกลุ่มนี้หรอกนะ ก็ผู้หญิงน่ะเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ถามหาดวงความรักไว้ก่อนทั้งนั้น!
คาโอรุถอยกรูดจากรังสีพิฆาตของการแย่งเก้าอี้จากบรรดากลุ่มสตรีอย่างรวดเร็ว ตัวเซโตะยังคงไม่พอใจกับการถูกอุ้มไว้แนบอกแบบนี้สักเท่าไหร่นัก ทั้งขายหน้าและการไม่ได้เดินนานๆนี่มันช่างเมื่อยสิ้นดี
"อ้อ ผ่านร้านไอติมไอเสะพอดีเลย มาแวะหน่อยเถอะ ได้ยินว่ามีเมนูใหม่มาด้วยนะ เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง สนใจใช่ไหมล่ะ"
เป็นอีกครั้งที่ไซโตะรู้สึกว่าตนกำลังถูกลากเข้าไปในร้านที่คนเลี้ยงสนใจมากกว่าเห็นๆ
"เอาพาเฟ่ต์ช็อกโกแล็ตราดด้วยซอสช็อกโกแล็ตครับ" คาโอรุหันไปหาเด็กน้อยข้างกาย "นายล่ะ?"
"กินแต่ช็อกโกแล็ตอย่างเดียวเลยรึไง" เซโตะบ่นอุบแล้วมองไปยังรายการที่แพงพอสมควรด้วยตาเป็นประกาย ประกายแบบมีแผนร้ายน่ะนะ "เอาคอฟฟี่ ดิ มัช!"
พนักงานไอคาว่ามองตัวเด็กน้อยแล้วทำมือถึงขนาดของถ้วยไอติม แต่เขายังคงยืนกรานรายการนั้นอยู่ดี แม้ว่าไอติมดิ มัช จะมีขนาดใหญ่กว่าช่วงลำตัวแนวกว้างของเขาก็ตาม
คาโอรุรีบสั่งเปลี่ยนเป็นช็อกโกแล็ตแทนไอติมกาแฟ บอกว่าเด็กๆไม่ควรกินอะไรแบบนั้นรวมทั้งยังขู่เรื่องความขมอีกต่างหาก แต่ไซโตะไม่ได้กลัวเรื่องนั้น เวลาเขาดื่มนมก็รสกาแฟนี่นา
ไอคาว่าจดยึกๆอยู่สองสามทีแล้วเดินจากไป ผ่านไปสักพัก โต๊ะบีที่มองได้ชัดจากโต๊ะของพวกคาโอรุทำท่าจะสารภาพรักกัน ตัวเด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมา...
"ฉันชอบ..."
"สตรอว์เบอรี่ พาเฟ่ต์ได้แล้วค่ะ!" พนักงานเสิร์ฟไอคาว่าคนเดิมพูดดังเกินกว่าเหตุแล้ววางถ้วยพาเฟ่ต์ลง แต่ก็สะดุดกึกขึ้นมา "เอ๊ะ...นี่ของโต๊ะเอนี่นา ขอโทษนะคะ คุณลูกค้าโต๊ะบี แต่ก็ถือเป็นของขอโทษแล้วกัน"
ท่าทางตอนเดินจากไปของพนักงานเสิร์ฟดูจะมีความสุขยิ่งกว่าอะไร ทำเอาเซโตะขำกลิ้ง ดูยังไงๆสถานการณ์แบบนั้นมันก็เป็นการขัดขวางกันชัดๆนี่นา คาโอรุคาโตรีบเอาปิดปากเด็กน้อยทันที "ไม่ได้นะ เดี๋ยวเขาหาว่าเราแอบดูอยู่หรอก"
"แต่นายไม่เห็นรึไงล่ะ" เซโตะพูดเสียงกลั้วหัวเราะจนอู้อี้ "ฮ่าฮ่าฮ่า เพิ่งเคยเจอสถานการ์อย่างนี้ครั้งแรกเลยนะ วันหลังมาอีกดีกว่า"
คาโอรุยิ้มมุมปาก "มาดูคนขัดขวางกันหรือว่ามาแกล้งสั่งของแพงกันล่ะ รู้นะ เมื่อกี้แกล้งจิ้มของแพงล่ะสิ"
เซโตะชะงักแล้วหน้ามุ่ยครั้งที่ร้อยของวัน "งั้นที่สั่งช็อกโกแล็ตไปก็เป็นการแก้ทางกันงั้นสินะ"
คาโอรุพยักหน้า แม้ใจจริงอยากจะบอกว่าการที่ไม่อยากให้เด็กๆกินกาแฟนั่นก็เป็นเหตุผลสำคัญก็ตาม แต่ช่างปะไร แกล้งเจ้าเด็กน้อยจอมซนนี่ให้เข้าใจผิดๆไปเลยก็ดีเหมือนกัน ท่าทางจะเจ็บใจน่าดูนี่นะ
อย่างไรก็ตาม เซโตะอดอกอดอกถามอย่างสงสัยไม่ได้ "ถ้านายรู้ว่าฉันแกล้ง ไหงไม่เปลี่ยนล่ะ ซันเดย์ก็ได้นี่"
คาโอรุยิ้มร่า "ถ้วยแค่นั้นฉันกินหมดอยู่แล้ว ลองพนันกันไหมล่ะ"
เซโตะที่แม้จะเป็นเด็กแล้วแต่ยังคงเลือดร้อนไม่เปลี่ยน เขารับคำท้าทันที โดยมีสายตาของเด็กสาวผมทองที่นั่งอยู่ตรงมุมอับพร้อมกับวานิลลาซันเดย์ที่กินไปแล้วครึ่งหนึ่ง
โรซารี่อมยิ้ม "คนที่พุ่งเข้าไปโดยไม่รู้ตาม้าตาเรือ ยังไงก็แพ้เห็นๆนี่นะ โอ๊ะ ไม่ใช่ไม่รู้ ต้องเรียกว่าไม่สนมากกว่าล่ะมั้ง?"
คาโอรุเสิร์ฟไข่ดาวกับแฮมและขนมปังให้พร้อมเอ่ยอย่างกังวลใจเรื่องสวิสท์อาละวาด
"เมื่อ...เมื่อวาน ฉันทำอะไรแปลกๆลงไปไหม?"
เซโตะมองอาการกังวลเหล่านั้นแล้วนึกสนุก อยากแกล้งหลอกว่าเขาโดนอีกฝ่ายอัดยับ แต่แผลที่ไม่มีให้เป็นหลักฐานกับเสียงของคาโอริที่ดังเข้ามาในห้องได้หยุดยั้งไว้ซะก่อน
สิ่งทีู่ถูกสุมรวมกันในตอนปกติจะถูกระเบิดออกมาตอนโมโหหรือเสียใจสุดๆ
เซโตะส่ายหน้ารัวเร็ว เขาที่เหลือตัวแค่นี้จะไปต่อกรกับคนที่เสมือนเครื่องจักรสังหารได้ไงกัน คาโอรุเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเพราะนึกว่าตนเองเข้าสู่โหมดนั้นไปแล้วซะอีก
เด็กสาวผมแดงเดินหาวออกมาแล้วซดกาแฟอุ่นๆโดยไม่ต้องหยุดพักจนหมด ท่าทางราวกับต้องการทำให้ตนเองตื่นขึ้นมาให้มากที่สุด
ผู้เป็นพี่ชายขมวดคิ้วเล็กน้อย เตือนอย่างเป็นห่วงว่าเธอไม่ควรจะทดลองอาวุธจนดึกดื่น ถึงคาโอริไม่ตอบแต่เขาก็รู้ว่าเธอไม่ฟังเขาหรอก
อย่างไรก็ดี เธอหยิบปากกาสีเงินเรียบหรูด้่ามหนึ่งส่งให้พี่ชาย "กล้องสายลับดักจับพวกอัลลิวีนได้ พกติดตัวไว้หน่อยก็ดี จนกว่าเด็กคนนั้นจะถูกยืนยันสถานะชัดเจน ไม่งั้นได้เหลือแต่ซากแน่ แล้วฉันก็ไม่อยากให้นายเข้าโหมดต่อสู้ด้วย มันอันตรายกับคนที่ถูกปกป้องมากเกินไป"
คาโอริไม่ได้ส่งอะไรให้เซโตะทั้งนั้นเพราะคิดว่าเขาเป็นเด็กธรรมดา การพกอาวุธยัีงคงอันตรายเกินไปและมีสิทธิ์เกิดเรื่ิองไม่คาดฝันได้ สิ่งที่เด็กน้อยผมแดงอดติดใจไม่ได้คือคำว่าพวกอัลลิวีนที่เธอพูดถึง แต่ในเมื่อไม่เกี่ยวก็ไม่อยากถาม เซโตะที่ก้มหน้าก้มตากินต้องตกใจเมื่อโดนหอมแก้ม นี่เขาโดนลวนลามแบบนี้มากี่รอบแล้วนะ?
"นายหยุดยุ่งกับแก้มฉันสักทีสิ" เซโตะนึกถึงประสบการณ์เดี๋ยวโดนหยิกเดี๋ยวโดนหอมอย่างโมโห "ไหนว่าไม่ชอบจูบคนอื่นไง!"
คาโอรุกระพริบตาปริบๆ "ก็...เฉพาะที่ปากเท่านั้นแหละ นอกนั้นไม่นับว่าเป็นจูบสักหน่อย แล้วนั่นก็เรียกว่าหอมแก้ม ไม่ใช่จูบนะ"
"นายจูบแก้มฉัน มันเรียกแบบนี้ก็ได้"
เซโตะยังไม่เลิกโวย ต่อให้อีกฝ่ายเข้าโหมดอาละวาดกี่รอบ เขาก็ต้องยืนยันขั้นเด็ดขาดเพื่อความสงบสุขของแก้มในภายภาคหน้า ไม่รู้ว่าต้องโดนทารุณกรรมใบหน้าไปอีกนานแค่ไหนซะด้วย!
คาโอรุส่ายหน้าแล้วดึงแก้มอีกฝ่ายอย่างหมั่นเขี้ยว "เรียกว่าหอมแก้มต่างหาก"
เด็กสาวผมแดงมองภาพของสงครามขนาดย่อมระหว่างพี่ชายที่ดึงดันจะหยิกแก้มให้ได้ กับเด็กน้อยที่ใช้วิชาว่าด้วยความไวเป็นต่อในการหลบหลีก แต่ทั้งสองกลับมีเวลาทานอาหารไปด้วยโดยไม่ติดขัด นี่เธอร่วมโต๊ะกับสุดยอดจอมยุทธ์อยู่รึไงเนี่ย
สุดท้าย คาโอริมองเวลาที่ผนังบ้านแล้วพูดเตือนออกมาว่า "จะสายแล้วนะ"
สองจอมยุทธ์ยังคงไม่ได้ยิน
คาโอริแทบตะโกนออกมา "สายจริงๆนะ!"
สองจอมยุทธ์ยังคงไม่สนใจ
"ฮึ่ย!" เด็กสาวทุบโต๊ะดังปัง "งั้นก็เชิญสายไปสองคนเลย!"
แล้วคาโอริก็ยังคงโดนสองจอมยุทธ์เมินต่อไป...
ในห้องของอาจารย์คิริเอะ เธอฟังเรื่องราวจากเด็กน้อยผมแดงที่มีเค้าความเหมือนเซโตะร่างโตอยู่มากอย่างเงียบๆ ดูจากท่าทางและการพูดต้องเป็นเจ้าหนุ่มน้อยตัวยุ่งประจำห้องอย่างแน่นอน ถึงเรื่องเล่าที่ว่ามันจะดูเหลือเชื่อไปหน่อยก็เถอะ
"สรุปว่าเธอต้องการมานั่งเรียนต่อ...อย่างนั้นสินะ" คิริเอะกอดอก "เอางั้นก็ได้ ยังไงซะ ถึงตัวจะหดหรือยืด ค่าเทอมมันก็ไม่ได้ลดหรือเพิ่มอยู่แล้ว อ้อ ฉันมีของจะให้ด้วยนะ คาโอรุคุงเขาเอามาให้เมื่อวานแน่ะ"
กระเป๋านักเรียนหนังถูกความหนาวหิมะทารุณกรรมจนแตกลายไปหมด เยินซะจนเจ้าของมันเองยังแทบไม่อยากเชื่อเลยด้วยซ้ำ
ถึงจะเรียนต่อได้ตามปกติก็ตาม ไซโตะอดถามไม่ได้ "แล้วอาจารย์ไม่คิดว่าผมเป็นพวกหลอกลวงบ้างเหรอ"
คิริเอะยิ้มจนตาหยี ถึงท่าทางจนเป็นเด็กหนุ่มอันธพาลอยู่เหมือนเดิม แต่พอเปลี่ยนร่างแล้วให้ความรู้สึกต่างกันเยอะ เธอเอื้อมมือมาหยิกแก้มอย่างหมั่นเขี้ยว สร้างความร้าวรานแก่เด็กน้อยผมแดงเป็นกำลัง แก้มเขามันมีเสน่ห์ดึงดูดอะไรขนาดนี้กันนะ
เธอหัวเราะคิกคักเมื่อมองหน้ามุ่ยๆของลูกศิษย์ "โทษทีๆ พอดีแก้มเธอมันน่าหยิกมากเลยนะ รู้ไหม เธอนี่มีแววหล่อตั้งแต่เด็กเลยนะ ผิวสีแทนกับหน้าเท่ๆ เพราะเห็นแล้วมันอดหยิกแก้มไม่ได้นะ ฮุๆๆ"
ฮุๆอะไรกัน! ไซโตะโมโหพลางลูบแก้มตนเองไปมา
"ส่วนเรื่องนั้นน่ะนะ ไม่รู้ว่าคนอื่นสังเกตเหมือนกันไหม แต่ฉันต้องยืนประจำที่หน้าประตูโรงเรียนอยู่แล้ว ตอนตัวเธอ...วืด...นะ ฉันเห็นจะๆเลย ความจริงคิดว่าตัวเองเห็นภาพลวงตาจากปรากฏการณ์อะไรสักอย่างที่ทำปฏิกริยากับหิมะซะอีก"
คิดอะไรได้สมเป็นอาจารย์วิชาวิทยาศาสตร์มาก แต่การกระทำกลับตรงกันข้ามเมื่อหลังจากค้นกระเป๋าถือใบสวยสักครู่หนึ่ง อาจารย์คิริเอะส่งนามบัตรใบหนึ่งให้เขาแทนคำแนะนำกรณีตัวยืดๆหดๆ มันคือนามบัตรของหมอดูลูกแก้วคนหนึ่ง...
คาโอรุยืนรออยู่หน้าห้องพักครูอย่างสงสัย แทนที่จะไปโรงเรียนที่เหมาะกับวัย แต่ไซโตะกับบอกว่าจะเรียนที่มัธยมไคเซย์แห่งนี้ ซ้ำยังกระทำจริงจังโดยการไปคุยกับอาจารย์คิริเอะ แต่ยังไงๆคงไม่ได้หรอก
ก่อนประตูเปิด เสียงของเด็กน้อยผมแดงดังลั่นขึ้นมาว่า "ผมตัวหดนะ แล้วจะดูดวงไปทำไมกันเล่า!"
คาโอรุมองเด็กน้อยซึ่งจ้ำเอาๆไปห้องเรียนด้วยความงุนงง ก่อนจะโดนอาจารย์สาวที่มีสปิริตแรงกล้าในการช่วยลูกศิษย์อันเป็นที่รักจับแขนไว้แน่น "พวกเธอต้องไปตามที่อยู่ในบัตรนี้นะ ต้องไปให้ได้นะ!"
คาโอรุมองอาจารย์ที่ปิดประตูกลับเข้าห้องอย่างงุนงง มันอะไรกันละนี่ เท่าที่จำได้ ไซโตะ...มาสมัครเรียนไม่ใช่เหรอ?
"ไม่ไป"
ไซโตะพยามดิ้นอยู่ในอ้อมแขนของคาโอรุอย่างเต็มความสามารถ ทำไงเขาก็ไม่เข้าไปในซุ้มดูดวงท่าทางประหลาดนั้นเด็ดขาด!
คุณย่าร้านดูดวงที่ไม่มีใครมาเข้าร้านหันซ้ายขวาหาตัวเรียกลูกค้า ก่อนจะยิ้มเผล่เมื่อเห็นคนทั้งสองที่ยื้อยุดฉุดกระชาก รีบพูดขึ้นมาทันที
"สองคนนั้นนะ" คุณย่าร้านดูดวงกวักมือ "เข้ามาๆ แค่เห็นหน้าก็รู้แล้วว่าเป็นแขกที่น่าสนใจ"
คาโอรุใช้จังหวะที่เด็กน้อยชะงักอุ้มไปวางที่เก้าอี้ทันที ตัวไซโตะโวยวายไม่หยุด เขาไม่ได้อยากดูลูกแก้วสักหน่อย เจ้าคนตื่นเต้นตัวจริงอย่างคาโอรุก็ดูดวงไปคนเดียวสิ!
สุดท้าย เด็กน้อยก็ต้องมานั่งโมโหอยู่หน้าคุณย่าร้านดูดวงซึ่งตอนนี้กำลังทำท่ามือวนๆที่ลูกแก้วไปมาเหมือนจะใช้เวทมนตร์ สำหรับเซโตะแล้วมันคือการเล่นปาหี่ดีๆนี่เองล่ะ เห็นท่าทางแบบนี้ได้บ่อยในพวกนักต้มตุ๋นกับชมรมการละคร
"เด็กน้อยเอ๋ย ตอนนี้เจ้ากำลังหลอกลวงผู้อื่นอยู่!"
คุณย่าร้านดูดวงขึ้นเสียงสูงตามวิสัยโอเวอร์แอ็คติ้ง เพื่อเรียกคนในระยะร้อยเมตรให้หันมาสนใจ แน่ล่ะ บางคนแถวนี้เท้าคางดูยิ้มๆเพราะรู้ทันเต็มที แต่สำหรับบางคนที่เพิ่งเจอครั้งแรกออกจะสนใจอยู่บ้าง กลยุทธ์ชักลูกค้าเข้าร้านยังคงใช้ได้ผลตลอดกาลสิน่า
เซโตะกอดอกหน้ามุ่ย ตัวเขาที่เป็นเด็กแบบนี้จะไปหลอกใครได้อีกล่ะ อีกอย่าง เขาไม่ใช่นักต้มตุ๋นแบบหญิงมีอายุคนนี้นี่
คุณย่าร้านทำนายดวงทำปากจุ๊ๆ
"การหลอกไม่ใช่แค่ด้วยวาจาหรือจิตใจ การหลอกสามารถทำได้ด้วยรูปลักษณ์ อย่างเช่นผู้หญิงที่แต่งกายเป็นผู้ชายหรือผู้ชายที่แต่งกายเป็นผู้หญิงเพื่อทำอะไรบางอย่าง โดยที่ไม่ได้มีจิตใจฝักใฝ่ในการเป็นเพศตรงข้ามกับร่างกายอย่างแท้จริง อย่างสายลับที่ปลอมตัวไปสืบข้อมูลนั่นไงล่ะ"
เซโตะมองดูตนเองที่สวมชุดผู้ชายเต็มยศ แถมหน้าตาเขาดูยังไงๆก็เป็นผู้ชาย อาจารย์คิริเอะยังชมว่าเขาหล่อคมเข้มเลย
"รู้แล้วน่าเจ้าเป็นผู้ชาย" คุณย่าร้านทำนายดวงค้อน "หน้าอย่างเจ้าต่อให้ใช้โฟโต้ ช้อป แต่งยังไม่เชื่อเลย ถ้าเป็นหนุ่มน้อยที่อุ้มเจ้ามานั่นค่อยน่าเชื่อหน่อย"
ทันสมัยแฮะ รู้จักโปรแกรมคอมพ์ด้วย
เซโตะนึกในใจพลางเงยหน้ามองคาโอรุที่ยิ้มแหยๆ แน่ล่ะ ผู้ชายที่ไหนอยากโดนชมด้วยคำพูดแบบนั้นกันบ้าง แต่เด็กน้อยแอบเห็นด้วย หน้าตาคาโอรุอย่างกับเพศกลางงั้นแหละ
"ข้าหมายถึงการที่ปลอมตัวหรือ..." คุณย่าร้านทำนายดวงหรี่ตาลงพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ "หรือร่างกายที่หดลงยังไงล่ะ"
เด็กน้อยผมแดงตัวแข็งทื่อท่ามกลางเสียงหัวเราะคิกคักของหญิงสูงอายุ นางเอามือวนๆที่ลูกแก้วอีกสักพักใหญ่ "สาเหตุที่เจ้าต้องมาเป็นเช่นนี้ข้ารู้...รู้ดีเลย! แต่มติสวรรค์ไม่อาจแพร่งพราย ตัวข้าไม่อยากเดือดร้อนนะ เหอๆๆ"
เซโตะรีบตะโกนทันที "งั้นบอกวิธีแก้มาสิ!"
"วิธีแก้...วิธีแก้...วิธีัแก้" คุณย่าร้านดูดวงมองฟ้าแล้วถอนหายใจเฮือก "บอกไม่ได้ มันยังไม่ถึงเวลา บอกได้แค่ว่าเจ้าได้อยู่กับคนที่เหมาะสมแล้วล่ะนะ ดวงชะตาความรักของเจ้าก่อนหน้านี้ช่างยุ่งเหยิงวุ่นวาย เรียกได้ว่าดวงคลาดกับคู่แท้เป็นอันมาก แต่สวรรค์เป็นใจ ในที่สุดเจ้าก็สามารถดวงประกบกับคู่รักสวรรค์ลิขิตสักที คนนี้ฟ้าประทานเลยนา!"
เซโตะคิ้วกระตุก เขาจำได้ว่าสิ่งสำคัญในการมาดูดวงครั้งนี้คือหาวิธีแก้ไขให้ตัวเขากลับไปเป็นเด็กมัธยมหนุ่มผู้แข็งแรงเก่งกาจและไม่โดนหยิกแก้มไม่ใช่เหรอ ไปๆมาๆไหงมาลงที่คอลัมภ์ 'ความรักของท่านช่วงนี้' อย่างกับหนังสือพิมพ์ไปได้ล่ะนี่
คุณย่าร้านทำนายดวงหัวเราะเบาๆ กล่าวว่าเพราะบอกอะไรไม่ได้มากเลยจะฟรีให้ แล้วเชิญลูกค้าผู้หญิง (เกือบ) ล้วนที่มุงกันได้สักพักมานั่งที่เก้าอี้เลย คงไม่ใช่ว่าที่จู่ๆเบี่ยงหัวข้อเพราะคนกลุ่มนี้หรอกนะ ก็ผู้หญิงน่ะเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ถามหาดวงความรักไว้ก่อนทั้งนั้น!
คาโอรุถอยกรูดจากรังสีพิฆาตของการแย่งเก้าอี้จากบรรดากลุ่มสตรีอย่างรวดเร็ว ตัวเซโตะยังคงไม่พอใจกับการถูกอุ้มไว้แนบอกแบบนี้สักเท่าไหร่นัก ทั้งขายหน้าและการไม่ได้เดินนานๆนี่มันช่างเมื่อยสิ้นดี
"อ้อ ผ่านร้านไอติมไอเสะพอดีเลย มาแวะหน่อยเถอะ ได้ยินว่ามีเมนูใหม่มาด้วยนะ เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง สนใจใช่ไหมล่ะ"
เป็นอีกครั้งที่ไซโตะรู้สึกว่าตนกำลังถูกลากเข้าไปในร้านที่คนเลี้ยงสนใจมากกว่าเห็นๆ
"เอาพาเฟ่ต์ช็อกโกแล็ตราดด้วยซอสช็อกโกแล็ตครับ" คาโอรุหันไปหาเด็กน้อยข้างกาย "นายล่ะ?"
"กินแต่ช็อกโกแล็ตอย่างเดียวเลยรึไง" เซโตะบ่นอุบแล้วมองไปยังรายการที่แพงพอสมควรด้วยตาเป็นประกาย ประกายแบบมีแผนร้ายน่ะนะ "เอาคอฟฟี่ ดิ มัช!"
พนักงานไอคาว่ามองตัวเด็กน้อยแล้วทำมือถึงขนาดของถ้วยไอติม แต่เขายังคงยืนกรานรายการนั้นอยู่ดี แม้ว่าไอติมดิ มัช จะมีขนาดใหญ่กว่าช่วงลำตัวแนวกว้างของเขาก็ตาม
คาโอรุรีบสั่งเปลี่ยนเป็นช็อกโกแล็ตแทนไอติมกาแฟ บอกว่าเด็กๆไม่ควรกินอะไรแบบนั้นรวมทั้งยังขู่เรื่องความขมอีกต่างหาก แต่ไซโตะไม่ได้กลัวเรื่องนั้น เวลาเขาดื่มนมก็รสกาแฟนี่นา
ไอคาว่าจดยึกๆอยู่สองสามทีแล้วเดินจากไป ผ่านไปสักพัก โต๊ะบีที่มองได้ชัดจากโต๊ะของพวกคาโอรุทำท่าจะสารภาพรักกัน ตัวเด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมา...
"ฉันชอบ..."
"สตรอว์เบอรี่ พาเฟ่ต์ได้แล้วค่ะ!" พนักงานเสิร์ฟไอคาว่าคนเดิมพูดดังเกินกว่าเหตุแล้ววางถ้วยพาเฟ่ต์ลง แต่ก็สะดุดกึกขึ้นมา "เอ๊ะ...นี่ของโต๊ะเอนี่นา ขอโทษนะคะ คุณลูกค้าโต๊ะบี แต่ก็ถือเป็นของขอโทษแล้วกัน"
ท่าทางตอนเดินจากไปของพนักงานเสิร์ฟดูจะมีความสุขยิ่งกว่าอะไร ทำเอาเซโตะขำกลิ้ง ดูยังไงๆสถานการณ์แบบนั้นมันก็เป็นการขัดขวางกันชัดๆนี่นา คาโอรุคาโตรีบเอาปิดปากเด็กน้อยทันที "ไม่ได้นะ เดี๋ยวเขาหาว่าเราแอบดูอยู่หรอก"
"แต่นายไม่เห็นรึไงล่ะ" เซโตะพูดเสียงกลั้วหัวเราะจนอู้อี้ "ฮ่าฮ่าฮ่า เพิ่งเคยเจอสถานการ์อย่างนี้ครั้งแรกเลยนะ วันหลังมาอีกดีกว่า"
คาโอรุยิ้มมุมปาก "มาดูคนขัดขวางกันหรือว่ามาแกล้งสั่งของแพงกันล่ะ รู้นะ เมื่อกี้แกล้งจิ้มของแพงล่ะสิ"
เซโตะชะงักแล้วหน้ามุ่ยครั้งที่ร้อยของวัน "งั้นที่สั่งช็อกโกแล็ตไปก็เป็นการแก้ทางกันงั้นสินะ"
คาโอรุพยักหน้า แม้ใจจริงอยากจะบอกว่าการที่ไม่อยากให้เด็กๆกินกาแฟนั่นก็เป็นเหตุผลสำคัญก็ตาม แต่ช่างปะไร แกล้งเจ้าเด็กน้อยจอมซนนี่ให้เข้าใจผิดๆไปเลยก็ดีเหมือนกัน ท่าทางจะเจ็บใจน่าดูนี่นะ
อย่างไรก็ตาม เซโตะอดอกอดอกถามอย่างสงสัยไม่ได้ "ถ้านายรู้ว่าฉันแกล้ง ไหงไม่เปลี่ยนล่ะ ซันเดย์ก็ได้นี่"
คาโอรุยิ้มร่า "ถ้วยแค่นั้นฉันกินหมดอยู่แล้ว ลองพนันกันไหมล่ะ"
เซโตะที่แม้จะเป็นเด็กแล้วแต่ยังคงเลือดร้อนไม่เปลี่ยน เขารับคำท้าทันที โดยมีสายตาของเด็กสาวผมทองที่นั่งอยู่ตรงมุมอับพร้อมกับวานิลลาซันเดย์ที่กินไปแล้วครึ่งหนึ่ง
โรซารี่อมยิ้ม "คนที่พุ่งเข้าไปโดยไม่รู้ตาม้าตาเรือ ยังไงก็แพ้เห็นๆนี่นะ โอ๊ะ ไม่ใช่ไม่รู้ ต้องเรียกว่าไม่สนมากกว่าล่ะมั้ง?"
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ