The Kid , No kid.

9.7

เขียนโดย ปรัสรา

วันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2555 เวลา 13.01 น.

  11 chapter
  3 วิจารณ์
  15.57K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) บทที่3

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
        เซโตะเดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน  เขาอดโมโหไม่ได้ที่ตัวเองต้องนอนกับพื้น  แม้ว่าจะตื่นมาบนเตียงก็ตามทีเถอะ!  นั่นคงเพราะว่าคนที่นอนดิ้นจนถีบเขาลงมาคงจะอุ้มขึ้นไปนอนตอนเช้า
        คาโอรุเสิร์ฟไข่ดาวกับแฮมและขนมปังให้พร้อมเอ่ยอย่างกังวลใจเรื่องสวิสท์อาละวาด
        "เมื่อ...เมื่อวาน  ฉันทำอะไรแปลกๆลงไปไหม?"
        เซโตะมองอาการกังวลเหล่านั้นแล้วนึกสนุก  อยากแกล้งหลอกว่าเขาโดนอีกฝ่ายอัดยับ  แต่แผลที่ไม่มีให้เป็นหลักฐานกับเสียงของคาโอริที่ดังเข้ามาในห้องได้หยุดยั้งไว้ซะก่อน
        สิ่งทีู่ถูกสุมรวมกันในตอนปกติจะถูกระเบิดออกมาตอนโมโหหรือเสียใจสุดๆ
        เซโตะส่ายหน้ารัวเร็ว  เขาที่เหลือตัวแค่นี้จะไปต่อกรกับคนที่เสมือนเครื่องจักรสังหารได้ไงกัน  คาโอรุเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเพราะนึกว่าตนเองเข้าสู่โหมดนั้นไปแล้วซะอีก
        เด็กสาวผมแดงเดินหาวออกมาแล้วซดกาแฟอุ่นๆโดยไม่ต้องหยุดพักจนหมด  ท่าทางราวกับต้องการทำให้ตนเองตื่นขึ้นมาให้มากที่สุด
        ผู้เป็นพี่ชายขมวดคิ้วเล็กน้อย  เตือนอย่างเป็นห่วงว่าเธอไม่ควรจะทดลองอาวุธจนดึกดื่น  ถึงคาโอริไม่ตอบแต่เขาก็รู้ว่าเธอไม่ฟังเขาหรอก
        อย่างไรก็ดี เธอหยิบปากกาสีเงินเรียบหรูด้่ามหนึ่งส่งให้พี่ชาย  "กล้องสายลับดักจับพวกอัลลิวีนได้  พกติดตัวไว้หน่อยก็ดี  จนกว่าเด็กคนนั้นจะถูกยืนยันสถานะชัดเจน  ไม่งั้นได้เหลือแต่ซากแน่  แล้วฉันก็ไม่อยากให้นายเข้าโหมดต่อสู้ด้วย  มันอันตรายกับคนที่ถูกปกป้องมากเกินไป"
        คาโอริไม่ได้ส่งอะไรให้เซโตะทั้งนั้นเพราะคิดว่าเขาเป็นเด็กธรรมดา  การพกอาวุธยัีงคงอันตรายเกินไปและมีสิทธิ์เกิดเรื่ิองไม่คาดฝันได้  สิ่งที่เด็กน้อยผมแดงอดติดใจไม่ได้คือคำว่าพวกอัลลิวีนที่เธอพูดถึง  แต่ในเมื่อไม่เกี่ยวก็ไม่อยากถาม  เซโตะที่ก้มหน้าก้มตากินต้องตกใจเมื่อโดนหอมแก้ม  นี่เขาโดนลวนลามแบบนี้มากี่รอบแล้วนะ?
        "นายหยุดยุ่งกับแก้มฉันสักทีสิ"  เซโตะนึกถึงประสบการณ์เดี๋ยวโดนหยิกเดี๋ยวโดนหอมอย่างโมโห  "ไหนว่าไม่ชอบจูบคนอื่นไง!"
        คาโอรุกระพริบตาปริบๆ  "ก็...เฉพาะที่ปากเท่านั้นแหละ  นอกนั้นไม่นับว่าเป็นจูบสักหน่อย  แล้วนั่นก็เรียกว่าหอมแก้ม  ไม่ใช่จูบนะ"
        "นายจูบแก้มฉัน  มันเรียกแบบนี้ก็ได้"  
        เซโตะยังไม่เลิกโวย  ต่อให้อีกฝ่ายเข้าโหมดอาละวาดกี่รอบ  เขาก็ต้องยืนยันขั้นเด็ดขาดเพื่อความสงบสุขของแก้มในภายภาคหน้า  ไม่รู้ว่าต้องโดนทารุณกรรมใบหน้าไปอีกนานแค่ไหนซะด้วย!
        คาโอรุส่ายหน้าแล้วดึงแก้มอีกฝ่ายอย่างหมั่นเขี้ยว  "เรียกว่าหอมแก้มต่างหาก"
        เด็กสาวผมแดงมองภาพของสงครามขนาดย่อมระหว่างพี่ชายที่ดึงดันจะหยิกแก้มให้ได้  กับเด็กน้อยที่ใช้วิชาว่าด้วยความไวเป็นต่อในการหลบหลีก  แต่ทั้งสองกลับมีเวลาทานอาหารไปด้วยโดยไม่ติดขัด  นี่เธอร่วมโต๊ะกับสุดยอดจอมยุทธ์อยู่รึไงเนี่ย
        สุดท้าย คาโอริมองเวลาที่ผนังบ้านแล้วพูดเตือนออกมาว่า  "จะสายแล้วนะ"
        สองจอมยุทธ์ยังคงไม่ได้ยิน
        คาโอริแทบตะโกนออกมา  "สายจริงๆนะ!"
        สองจอมยุทธ์ยังคงไม่สนใจ
        "ฮึ่ย!"  เด็กสาวทุบโต๊ะดังปัง  "งั้นก็เชิญสายไปสองคนเลย!"
        แล้วคาโอริก็ยังคงโดนสองจอมยุทธ์เมินต่อไป...
 
        ในห้องของอาจารย์คิริเอะ  เธอฟังเรื่องราวจากเด็กน้อยผมแดงที่มีเค้าความเหมือนเซโตะร่างโตอยู่มากอย่างเงียบๆ  ดูจากท่าทางและการพูดต้องเป็นเจ้าหนุ่มน้อยตัวยุ่งประจำห้องอย่างแน่นอน  ถึงเรื่องเล่าที่ว่ามันจะดูเหลือเชื่อไปหน่อยก็เถอะ
        "สรุปว่าเธอต้องการมานั่งเรียนต่อ...อย่างนั้นสินะ"  คิริเอะกอดอก  "เอางั้นก็ได้ ยังไงซะ ถึงตัวจะหดหรือยืด  ค่าเทอมมันก็ไม่ได้ลดหรือเพิ่มอยู่แล้ว  อ้อ ฉันมีของจะให้ด้วยนะ  คาโอรุคุงเขาเอามาให้เมื่อวานแน่ะ"
        กระเป๋านักเรียนหนังถูกความหนาวหิมะทารุณกรรมจนแตกลายไปหมด  เยินซะจนเจ้าของมันเองยังแทบไม่อยากเชื่อเลยด้วยซ้ำ
        ถึงจะเรียนต่อได้ตามปกติก็ตาม  ไซโตะอดถามไม่ได้  "แล้วอาจารย์ไม่คิดว่าผมเป็นพวกหลอกลวงบ้างเหรอ"
        คิริเอะยิ้มจนตาหยี  ถึงท่าทางจนเป็นเด็กหนุ่มอันธพาลอยู่เหมือนเดิม  แต่พอเปลี่ยนร่างแล้วให้ความรู้สึกต่างกันเยอะ  เธอเอื้อมมือมาหยิกแก้มอย่างหมั่นเขี้ยว  สร้างความร้าวรานแก่เด็กน้อยผมแดงเป็นกำลัง  แก้มเขามันมีเสน่ห์ดึงดูดอะไรขนาดนี้กันนะ
        เธอหัวเราะคิกคักเมื่อมองหน้ามุ่ยๆของลูกศิษย์  "โทษทีๆ  พอดีแก้มเธอมันน่าหยิกมากเลยนะ  รู้ไหม เธอนี่มีแววหล่อตั้งแต่เด็กเลยนะ  ผิวสีแทนกับหน้าเท่ๆ  เพราะเห็นแล้วมันอดหยิกแก้มไม่ได้นะ ฮุๆๆ"
        ฮุๆอะไรกัน!  ไซโตะโมโหพลางลูบแก้มตนเองไปมา
        "ส่วนเรื่องนั้นน่ะนะ  ไม่รู้ว่าคนอื่นสังเกตเหมือนกันไหม  แต่ฉันต้องยืนประจำที่หน้าประตูโรงเรียนอยู่แล้ว  ตอนตัวเธอ...วืด...นะ  ฉันเห็นจะๆเลย  ความจริงคิดว่าตัวเองเห็นภาพลวงตาจากปรากฏการณ์อะไรสักอย่างที่ทำปฏิกริยากับหิมะซะอีก"
        คิดอะไรได้สมเป็นอาจารย์วิชาวิทยาศาสตร์มาก  แต่การกระทำกลับตรงกันข้ามเมื่อหลังจากค้นกระเป๋าถือใบสวยสักครู่หนึ่ง  อาจารย์คิริเอะส่งนามบัตรใบหนึ่งให้เขาแทนคำแนะนำกรณีตัวยืดๆหดๆ  มันคือนามบัตรของหมอดูลูกแก้วคนหนึ่ง...
        คาโอรุยืนรออยู่หน้าห้องพักครูอย่างสงสัย  แทนที่จะไปโรงเรียนที่เหมาะกับวัย  แต่ไซโตะกับบอกว่าจะเรียนที่มัธยมไคเซย์แห่งนี้  ซ้ำยังกระทำจริงจังโดยการไปคุยกับอาจารย์คิริเอะ  แต่ยังไงๆคงไม่ได้หรอก
        ก่อนประตูเปิด เสียงของเด็กน้อยผมแดงดังลั่นขึ้นมาว่า  "ผมตัวหดนะ  แล้วจะดูดวงไปทำไมกันเล่า!"
        คาโอรุมองเด็กน้อยซึ่งจ้ำเอาๆไปห้องเรียนด้วยความงุนงง  ก่อนจะโดนอาจารย์สาวที่มีสปิริตแรงกล้าในการช่วยลูกศิษย์อันเป็นที่รักจับแขนไว้แน่น  "พวกเธอต้องไปตามที่อยู่ในบัตรนี้นะ  ต้องไปให้ได้นะ!"
        คาโอรุมองอาจารย์ที่ปิดประตูกลับเข้าห้องอย่างงุนงง  มันอะไรกันละนี่  เท่าที่จำได้  ไซโตะ...มาสมัครเรียนไม่ใช่เหรอ?
 
        "ไม่ไป"  
        ไซโตะพยามดิ้นอยู่ในอ้อมแขนของคาโอรุอย่างเต็มความสามารถ  ทำไงเขาก็ไม่เข้าไปในซุ้มดูดวงท่าทางประหลาดนั้นเด็ดขาด!
        คุณย่าร้านดูดวงที่ไม่มีใครมาเข้าร้านหันซ้ายขวาหาตัวเรียกลูกค้า  ก่อนจะยิ้มเผล่เมื่อเห็นคนทั้งสองที่ยื้อยุดฉุดกระชาก  รีบพูดขึ้นมาทันที
        "สองคนนั้นนะ"  คุณย่าร้านดูดวงกวักมือ  "เข้ามาๆ  แค่เห็นหน้าก็รู้แล้วว่าเป็นแขกที่น่าสนใจ"
        คาโอรุใช้จังหวะที่เด็กน้อยชะงักอุ้มไปวางที่เก้าอี้ทันที  ตัวไซโตะโวยวายไม่หยุด  เขาไม่ได้อยากดูลูกแก้วสักหน่อย  เจ้าคนตื่นเต้นตัวจริงอย่างคาโอรุก็ดูดวงไปคนเดียวสิ!
        สุดท้าย เด็กน้อยก็ต้องมานั่งโมโหอยู่หน้าคุณย่าร้านดูดวงซึ่งตอนนี้กำลังทำท่ามือวนๆที่ลูกแก้วไปมาเหมือนจะใช้เวทมนตร์  สำหรับเซโตะแล้วมันคือการเล่นปาหี่ดีๆนี่เองล่ะ  เห็นท่าทางแบบนี้ได้บ่อยในพวกนักต้มตุ๋นกับชมรมการละคร
        "เด็กน้อยเอ๋ย  ตอนนี้เจ้ากำลังหลอกลวงผู้อื่นอยู่!"  
        คุณย่าร้านดูดวงขึ้นเสียงสูงตามวิสัยโอเวอร์แอ็คติ้ง  เพื่อเรียกคนในระยะร้อยเมตรให้หันมาสนใจ  แน่ล่ะ บางคนแถวนี้เท้าคางดูยิ้มๆเพราะรู้ทันเต็มที  แต่สำหรับบางคนที่เพิ่งเจอครั้งแรกออกจะสนใจอยู่บ้าง  กลยุทธ์ชักลูกค้าเข้าร้านยังคงใช้ได้ผลตลอดกาลสิน่า
        เซโตะกอดอกหน้ามุ่ย  ตัวเขาที่เป็นเด็กแบบนี้จะไปหลอกใครได้อีกล่ะ  อีกอย่าง เขาไม่ใช่นักต้มตุ๋นแบบหญิงมีอายุคนนี้นี่
        คุณย่าร้านทำนายดวงทำปากจุ๊ๆ  
        "การหลอกไม่ใช่แค่ด้วยวาจาหรือจิตใจ  การหลอกสามารถทำได้ด้วยรูปลักษณ์  อย่างเช่นผู้หญิงที่แต่งกายเป็นผู้ชายหรือผู้ชายที่แต่งกายเป็นผู้หญิงเพื่อทำอะไรบางอย่าง  โดยที่ไม่ได้มีจิตใจฝักใฝ่ในการเป็นเพศตรงข้ามกับร่างกายอย่างแท้จริง  อย่างสายลับที่ปลอมตัวไปสืบข้อมูลนั่นไงล่ะ"
        เซโตะมองดูตนเองที่สวมชุดผู้ชายเต็มยศ  แถมหน้าตาเขาดูยังไงๆก็เป็นผู้ชาย  อาจารย์คิริเอะยังชมว่าเขาหล่อคมเข้มเลย
        "รู้แล้วน่าเจ้าเป็นผู้ชาย"  คุณย่าร้านทำนายดวงค้อน  "หน้าอย่างเจ้าต่อให้ใช้โฟโต้ ช้อป แต่งยังไม่เชื่อเลย  ถ้าเป็นหนุ่มน้อยที่อุ้มเจ้ามานั่นค่อยน่าเชื่อหน่อย"
        ทันสมัยแฮะ  รู้จักโปรแกรมคอมพ์ด้วย
        เซโตะนึกในใจพลางเงยหน้ามองคาโอรุที่ยิ้มแหยๆ  แน่ล่ะ ผู้ชายที่ไหนอยากโดนชมด้วยคำพูดแบบนั้นกันบ้าง  แต่เด็กน้อยแอบเห็นด้วย  หน้าตาคาโอรุอย่างกับเพศกลางงั้นแหละ
        "ข้าหมายถึงการที่ปลอมตัวหรือ..."  คุณย่าร้านทำนายดวงหรี่ตาลงพลางยิ้มเจ้าเล่ห์  "หรือร่างกายที่หดลงยังไงล่ะ"
        เด็กน้อยผมแดงตัวแข็งทื่อท่ามกลางเสียงหัวเราะคิกคักของหญิงสูงอายุ  นางเอามือวนๆที่ลูกแก้วอีกสักพักใหญ่  "สาเหตุที่เจ้าต้องมาเป็นเช่นนี้ข้ารู้...รู้ดีเลย!  แต่มติสวรรค์ไม่อาจแพร่งพราย  ตัวข้าไม่อยากเดือดร้อนนะ  เหอๆๆ"
        เซโตะรีบตะโกนทันที  "งั้นบอกวิธีแก้มาสิ!"
        "วิธีแก้...วิธีแก้...วิธีัแก้"  คุณย่าร้านดูดวงมองฟ้าแล้วถอนหายใจเฮือก  "บอกไม่ได้  มันยังไม่ถึงเวลา  บอกได้แค่ว่าเจ้าได้อยู่กับคนที่เหมาะสมแล้วล่ะนะ  ดวงชะตาความรักของเจ้าก่อนหน้านี้ช่างยุ่งเหยิงวุ่นวาย  เรียกได้ว่าดวงคลาดกับคู่แท้เป็นอันมาก  แต่สวรรค์เป็นใจ ในที่สุดเจ้าก็สามารถดวงประกบกับคู่รักสวรรค์ลิขิตสักที  คนนี้ฟ้าประทานเลยนา!"
        เซโตะคิ้วกระตุก  เขาจำได้ว่าสิ่งสำคัญในการมาดูดวงครั้งนี้คือหาวิธีแก้ไขให้ตัวเขากลับไปเป็นเด็กมัธยมหนุ่มผู้แข็งแรงเก่งกาจและไม่โดนหยิกแก้มไม่ใช่เหรอ  ไปๆมาๆไหงมาลงที่คอลัมภ์ 'ความรักของท่านช่วงนี้' อย่างกับหนังสือพิมพ์ไปได้ล่ะนี่
        คุณย่าร้านทำนายดวงหัวเราะเบาๆ  กล่าวว่าเพราะบอกอะไรไม่ได้มากเลยจะฟรีให้  แล้วเชิญลูกค้าผู้หญิง (เกือบ) ล้วนที่มุงกันได้สักพักมานั่งที่เก้าอี้เลย  คงไม่ใช่ว่าที่จู่ๆเบี่ยงหัวข้อเพราะคนกลุ่มนี้หรอกนะ  ก็ผู้หญิงน่ะเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ถามหาดวงความรักไว้ก่อนทั้งนั้น!
        คาโอรุถอยกรูดจากรังสีพิฆาตของการแย่งเก้าอี้จากบรรดากลุ่มสตรีอย่างรวดเร็ว  ตัวเซโตะยังคงไม่พอใจกับการถูกอุ้มไว้แนบอกแบบนี้สักเท่าไหร่นัก  ทั้งขายหน้าและการไม่ได้เดินนานๆนี่มันช่างเมื่อยสิ้นดี
        "อ้อ ผ่านร้านไอติมไอเสะพอดีเลย  มาแวะหน่อยเถอะ ได้ยินว่ามีเมนูใหม่มาด้วยนะ เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง  สนใจใช่ไหมล่ะ"
        เป็นอีกครั้งที่ไซโตะรู้สึกว่าตนกำลังถูกลากเข้าไปในร้านที่คนเลี้ยงสนใจมากกว่าเห็นๆ
        "เอาพาเฟ่ต์ช็อกโกแล็ตราดด้วยซอสช็อกโกแล็ตครับ"  คาโอรุหันไปหาเด็กน้อยข้างกาย  "นายล่ะ?"
        "กินแต่ช็อกโกแล็ตอย่างเดียวเลยรึไง"  เซโตะบ่นอุบแล้วมองไปยังรายการที่แพงพอสมควรด้วยตาเป็นประกาย  ประกายแบบมีแผนร้ายน่ะนะ  "เอาคอฟฟี่ ดิ มัช!"
        พนักงานไอคาว่ามองตัวเด็กน้อยแล้วทำมือถึงขนาดของถ้วยไอติม  แต่เขายังคงยืนกรานรายการนั้นอยู่ดี  แม้ว่าไอติมดิ มัช จะมีขนาดใหญ่กว่าช่วงลำตัวแนวกว้างของเขาก็ตาม
        คาโอรุรีบสั่งเปลี่ยนเป็นช็อกโกแล็ตแทนไอติมกาแฟ  บอกว่าเด็กๆไม่ควรกินอะไรแบบนั้นรวมทั้งยังขู่เรื่องความขมอีกต่างหาก  แต่ไซโตะไม่ได้กลัวเรื่องนั้น  เวลาเขาดื่มนมก็รสกาแฟนี่นา
        ไอคาว่าจดยึกๆอยู่สองสามทีแล้วเดินจากไป  ผ่านไปสักพัก โต๊ะบีที่มองได้ชัดจากโต๊ะของพวกคาโอรุทำท่าจะสารภาพรักกัน  ตัวเด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมา...
        "ฉันชอบ..."
        "สตรอว์เบอรี่ พาเฟ่ต์ได้แล้วค่ะ!"  พนักงานเสิร์ฟไอคาว่าคนเดิมพูดดังเกินกว่าเหตุแล้ววางถ้วยพาเฟ่ต์ลง  แต่ก็สะดุดกึกขึ้นมา  "เอ๊ะ...นี่ของโต๊ะเอนี่นา  ขอโทษนะคะ คุณลูกค้าโต๊ะบี  แต่ก็ถือเป็นของขอโทษแล้วกัน"
        ท่าทางตอนเดินจากไปของพนักงานเสิร์ฟดูจะมีความสุขยิ่งกว่าอะไร  ทำเอาเซโตะขำกลิ้ง  ดูยังไงๆสถานการณ์แบบนั้นมันก็เป็นการขัดขวางกันชัดๆนี่นา  คาโอรุคาโตรีบเอาปิดปากเด็กน้อยทันที  "ไม่ได้นะ เดี๋ยวเขาหาว่าเราแอบดูอยู่หรอก"
        "แต่นายไม่เห็นรึไงล่ะ"  เซโตะพูดเสียงกลั้วหัวเราะจนอู้อี้  "ฮ่าฮ่าฮ่า  เพิ่งเคยเจอสถานการ์อย่างนี้ครั้งแรกเลยนะ  วันหลังมาอีกดีกว่า"
        คาโอรุยิ้มมุมปาก  "มาดูคนขัดขวางกันหรือว่ามาแกล้งสั่งของแพงกันล่ะ  รู้นะ เมื่อกี้แกล้งจิ้มของแพงล่ะสิ"
        เซโตะชะงักแล้วหน้ามุ่ยครั้งที่ร้อยของวัน  "งั้นที่สั่งช็อกโกแล็ตไปก็เป็นการแก้ทางกันงั้นสินะ"
        คาโอรุพยักหน้า  แม้ใจจริงอยากจะบอกว่าการที่ไม่อยากให้เด็กๆกินกาแฟนั่นก็เป็นเหตุผลสำคัญก็ตาม  แต่ช่างปะไร แกล้งเจ้าเด็กน้อยจอมซนนี่ให้เข้าใจผิดๆไปเลยก็ดีเหมือนกัน  ท่าทางจะเจ็บใจน่าดูนี่นะ
        อย่างไรก็ตาม เซโตะอดอกอดอกถามอย่างสงสัยไม่ได้  "ถ้านายรู้ว่าฉันแกล้ง  ไหงไม่เปลี่ยนล่ะ  ซันเดย์ก็ได้นี่"
        คาโอรุยิ้มร่า  "ถ้วยแค่นั้นฉันกินหมดอยู่แล้ว  ลองพนันกันไหมล่ะ"
        เซโตะที่แม้จะเป็นเด็กแล้วแต่ยังคงเลือดร้อนไม่เปลี่ยน  เขารับคำท้าทันที  โดยมีสายตาของเด็กสาวผมทองที่นั่งอยู่ตรงมุมอับพร้อมกับวานิลลาซันเดย์ที่กินไปแล้วครึ่งหนึ่ง
        โรซารี่อมยิ้ม  "คนที่พุ่งเข้าไปโดยไม่รู้ตาม้าตาเรือ  ยังไงก็แพ้เห็นๆนี่นะ  โอ๊ะ ไม่ใช่ไม่รู้  ต้องเรียกว่าไม่สนมากกว่าล่ะมั้ง?"
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา