The Kid , No kid.

9.7

เขียนโดย ปรัสรา

วันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2555 เวลา 13.01 น.

  11 chapter
  3 วิจารณ์
  15.46K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) บทที่4

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

        "ทำไมมาที่แบบนี้กันล่ะ"  

        เซโตะเตะย้ำหิมะที่ทับถมอยู่บนต้นหญ้าไปมา  ความหนาวทำให้ไม่มีดอกไม้อะไรสักอย่างบานเลย  แถมความไกลของมันยังทำให้ใช้เวลามาก  กว่าจะมาถึงก็พลบค่ำเข้าไปแล้ว  หิมะและต้นไม้ที่เหมือนหลับไปหมดกับความมืด  ทุกอย่างรวมกันแล้วอย่างกับจะหลุดไปในแฟนตาซีงั้นล่ะ!

        กิ่งก้านของต้นไม้มีตะเกียงหนึ่งอันต่อหนึ่งต้น  นอกจากมันจะมีไว้สร้างแสงสว่างแล้วมันยังเป็นการบอกด้วยว่าคนไปทางไหน  เซโตะอดมองกลับไปด้านหลังไม่ได้  เส้นทางที่ถูกจุดตะเกียงแล้วช่างดูมหัศจรรย์เหลืิอเกิน

        อย่างไรก็ดี เซโตะหาวหวอด  ความหนาวของหิมะที่เริ่มโปรยลงมาช้าๆสร้างความหนาวเย็นเป็นทวี  ยิ่งหนาวก็ยิ่งง่วง  ในยามนี้เขาจึงไม่ปฏิเสธการอุ้มของคาโอรุ  เด็กน้อยอยากนอนหลับซะแล้วสิ

        แต่สิ่งที่กวนใจเขาไม่ให้นอนอย่างสบายคือการหยิกแก้มทุกๆครั้งที่ติดตะเกียงของผู้มีนัยย์ตาสีราตรี  จนกระทั่ง ถึงบ้านพักที่สร้างจากไม้หลังเล็กๆ

        ของพนันของเซโตะคือการไม่หยิกแก้มเขาอีก  ส่วนของคาโอรุบอกว่าเป็นการไปที่แห่งหนึ่งด้วยกัน  แน่ล่ะ ถ้าเขาชนะคงไม่ต้องโดนหยิกแก้มแบบนั้นหรอก  ซ้ำยังไม่ต้องมาที่เย็นๆมืดๆนี่ด้วย

        คาโอรุดึงสลักที่ทำด้วยไม้ไปมาอย่างคล่องแคล่วจนกระทั่งประตูเปิดออก  ในบ้านหลังเล็กนั้นมีเตาผิงและฟูกนอนแบบญี่ปุ่นที่พับเก็บไว้ตรงมุมห้อง  ดูจากปริมาณฝุ่นแล้ว เซโตะคาดไม่ถูกจริงๆว่าครั้งล่าสุดที่มีคนเข้ามามันคือหนึ่งหรือสองร้อยปีกันแน่

        "ที่นี่พวกอัลลิวีนช่วยสร้างให้ฉัน  ส่วนของคาโอริอยู่ที่ดินผืนข้างๆ  ในนั้นมีแต่กับระเบิดไม่ก็อะไรแปลกๆ"

        "แต่ที่ของนายมีแต่ตะเกียงหลอกเด็ก!"  

        เซโตะพูดเยาะๆตามวิสัย  ก่อนจะรีบปิดปากเมื่อนึกถึงสวิทท์อาละวาดขึ้นมาได้  แต่คาโอรุอมยิ้มเล็กน้อย  ดูเหมือนจะไม่โกรธ  เขาอธิบายอย่างใจดีว่า

        "ใครว่าไม่มีล่ะ  ตะเกียงนั่นสำคัญมากนะ  ต้องจุดตั้งแต่ต้นขวาแรกแล้วข้ามไปซ้ายแรก  ต้นซ้ายต่อมาและข้ามไปต้นขวาที่สอง  สลับไปมาอย่างนั้น  หากทำพลาดเลเซอร์สีแดงจะวิ่งวนเพื่อตรวจจับทันที  แล้วถ้าไม่ใช่ฉันกับคาโอริล่ะก็...  เอาเถอะ นายไม่อยากรู้ผลลัพย์หรอก  ถ้ารอดไปได้แล้วคิดแจ้งความก็ไร้ประโยชน์  อัลลิวีนมีเครือข่ายแฝงในองกรณ์หลายๆแห่ง"

        เซโตะหาวปากกว้าง  ขดตัวในอยู่ในอ้อมแขนของคาโอรุอย่างง่วงๆ  แต่เขาก็อดถามไม่ได้ว่าอัลลิวีนนี่คืออะไรกันแน่  หากเดาไม่ผิดคงเป็นคนฉีดสวิสท์ระเบิดให้กับพวกคาโอรุเป็นแน่  เรื่องอย่างนั้นมีบ่อยในพวกองกรณ์ลึกลับในการ์ตูนล่ะ

        แล้วคำถามคือถูกต้องเมื่อผู้มีนัยย์ตาสีราตรีพยักหน้า  เขาจ้องเปลวเพลิงไหววูบ

        "องค์กรอัลลิวีนทำงานกันอยู่หลายประเภท  ตั้งแต่ทดลองยารักษาโรคจนถึงผลิตไวรัสอันตราย  เป็นหน่วยรวบรวมข่าวสาีร  แล้วบางส่วนก็ยังสร้างอาวุธจำหน่ายในประเทศที่มีสงคราม  แต่หากเป็นอาวุธดีๆก็จะถูกเก็บไว้พัฒนาต่อไปอย่างเป็นความลับ  เป็นองค์กรที่ไม่ได้ขึ้นตรงกับรัฐใดๆทั้งสิ้น"

        ตอนแรกเซโตะคิดว่าคงได้ข้อมูลเพียงผิวเผินหรือตอบปัดๆว่าเป็นองค์กรลับแห่งหนึ่งที่มีเป้าหมายหลายอย่าง  ไม่นึกว่าคาโอรุจะรู้ดีและยอมอธิบาย

        แต่พอถามเรื่องนั้น  เจ้าตัวก็บอกว่าเป็นเพราะเซโตะรู้ไปก็ไร้ค่า  เอาไปบอกใครๆก็คงถูกหาว่าดูการ์ตูนมากไปหรือไม่ก็คงโดนเก็บในเร็ววัน  ฉะนั้น เงียบไว้จะดีกว่า

        เซโตะพยักหน้า  "นายกับน้องสาวเป็นสมาชิกเจ้าองค์กรลึกลับนั่นล่ะสินะ"

        "เปล่า"  คาโอรุกระพริบตาปริบ  "แต่พ่อแม่ของฉันบริหารองค์กรนั้นอยู่  เรียกว่าไงดีล่ะ  ผู้ก่อตั้งมั้ง?"

        เด็กน้อยผมแดงจากที่ง่้วงๆอยู่ึถึงกับตัวแข็งทื่อ  มองดูใบหน้าที่เจือไปด้วยรอยยิ้มละมุนและแววตาสดใสของคาโอรุที่มอบให้ในยามนี้  ดูยังไงๆก็ไม่ใช่คนที่จะเป็นทายาทผู้่สืบทอดองค์กรปริศนาได้เลยนี่นา  คนเราดูกันจากภายนอกไม่ได้จริงๆสินะ  เซโตะรู้สึกทันทีว่าคนท่าทางเหมือนคนในแก๊งยากูซ่าอย่างตนเองนี่แหละ  ที่ซื่อตรงกับนิสัยจริงๆที่สุด!

        คาโอรุจับความรู้สึกนั้นได้ก็ค้อนขวับทันที

        "คิดอะไรอยู่นะ  ลืมไปแล้วรึไงว่าฉันโดนจับฉีดสวิทช์อาละวาดตั้งแต่เด็ก  เอ๊ะ...เดี๋ยวก่อนสิ  ทำไมนายรู้เรื่องนี้ได้ล่ะ"

        เด็กน้อยตัดสินใจเล่าเรื่องการอาละวาดครั้งนั้นให้ฟัง  ระหว่างนั้นก็คิดคำพูดปลอบไว้แล้ว  ถึงมันจะฟังแล้วแปร่งๆไปหน่อย  แต่ถ้าไม่ทำให้เสียใจถึงขั้นนั้นก็คงจะไม่มีปัญหา

        แต่ดูเหมือนคาโอรุจะมีจิตใจเข้มแข็งกว่าที่เซโตะคิด  ที่สำคัญคือการไม่โทษตัวเองมากจนเกินไปและสนใจจุดที่เด็กน้อยผมแดงปลอดภัยดีมากกว่า  เซโตะแอบคิดในอีกแง่ว่าคาโอรุอาจชินกับเรื่องทำนองนี้เต็มทีแล้วก็ได้  นั่นสินะ โดนฉีดยาอย่างนั้นมาตั้งแต่เกิด  ถ้าโทษตัวเองอย่างหนักทุกครั้งคงกลายเป็นโรคจิตเอาง่ายๆเลยนะนี่

        คาโอรุลูบศีรษะเด็กน้อยแล้วหอมแก้มเบาๆอีกสักครั้งหนึ่งพลางพูดเรื่องที่ค้างไว้ต่อ  "เพราะสวิทช์นั่น  ฉันเลยไม่เคยคิดจะเข้าองค์กรเลยแม้แต่น้อย  พวกพ่อแม่ก็คงรู้สึกผิดบ้างที่เอาเราไปฉีดอะไรประหลาดๆตั้งแต่เด็ก  เวลาที่พวกเราต้องการอะไรจึงได้มาอย่างง่ายดาย  เพื่อชดเชยในวัยเด็กที่เหมือนจะแปลกแยกกว่าคนอื่นนะ"

        "เพราะงั้นนายเลยอยากให้ฉันไปเข้าโปรแกรมปรับพฤติกรรมอะไรนั่นงั้นสินะ"

        คาโอรุกระพริบตาสองสามทีอย่างงุนงง  ก่อนจะนึกว่าเซโตะหมายถึงอีกคนที่เป็นวัยรุ่น  เขาจึงพยักหน้า  "มันก็ใช่นะ  ถ้าเขาลดความรุนแรงลงได้อาจจะมีเพื่อนก็ได้นี่นา"

        เด็กน้อยผมแดงขดตัวอีกครั้งแล้วพูดอย่างเบื่อๆ  "แต่ฉันไม่ได้อยากปรับพฤติกรรมอะไรนั่นนี่  แล้วถ้าฉันต้องปรับจริงๆ  นายจะมาเลี้ยงฉันอย่างนี้รึไงกันเล่า"

        "ก็เซโตะคุงไม่ใช่เซโตะงี่เง่านี่นา"

        เด็กน้อยผมแดงคิ้วกระตุกแล้วตัดสินใจนอนขดอย่างสบายบนตักของคาโอรุแทนการโมโห  แน่ล่ะ สภาพน่าเอ็นดูเช่นนี้ช่างน่าหยิกแก้มจริงๆ

        แต่อีกด้านหนึ่ง สาวผมทองมองลอดหน้าต่างเข้ามา  ลมหายใจของเธอทำให้เกิดฝ้าบนกระจกใสซึ่งกันกระสุนเพื่อความปลอดภัยของผู้อยู่ภายใน  เส้นผมสีทองของเธอโบกพัดไปตามสายลมของพายุหิมะ  ดวงตาสีแดงเชอรี่คู่นั้นจ้องมองพวกเขา  เมื่ออ่านความรู้สึกจากสายตาที่จ้องมองเด็กน้อย  โรซารี่ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่

        เป็นแบบนี้ต่อไปก็คงไม่แคล้วกลายเป็นลูกบุญธรรมไปนะสิ!

        คำแนะนำจากคุณย่าร้านทำนายดวงคือหนุ่มสาวล้วนคู่กันฉันท์ใด  คนวัยเดียวกันก็คู่กันฉันนั้น  ยกเว้นพวกโชตะ (ชอบเด็กผู้ชายอายุน้อย) กับโลลิ (ชอบเด็กผู้หญิงอายุน้อย)  ปัญหาคือเซโตะเป็นเด็กอยู่นี่สิ  จะเชียร์อัพให้คาโอรุไปใจเต้นตึกตักกับเด็กนี่มันก็ยังไงๆอยู่นา...

        ในตอนนั้น โซราซี่ผู้มีผมทองปล่อยสยายไปตามสายลมไม่มัดแกละอย่างโรซารี่ถึงกับถอนหายใจ  กอดอกพูดกับเพื่อนสาว

        "อย่าว่าแต่รู้สึกอะไรเลย  คาโอรุคุงยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเซโตะคุงเป็นใคร  เอาแต่คิดว่าเป็นเด็กที่พยามเลียนแบบผู้ใหญ่หรือไม่ก็เลียนแบบเซโตะคุงเวอร์ชั่นวัยรุ่น  แถมตัวเซโตะคุงเองยังไม่รู้สึกอะไรกับคาโอรุคุงเลย  ถ้ารู้สึกยังพอมีหวัง  แต่นี่มัน...  เฮ้อ!"

        โรซารี่เหล่ๆมองคนข้างกายแล้่วกอดอกพูดยิ้มๆ  "อะไรกัน พวกแอนตี้ความรักอย่างนาย  รู้จักมันด้วยรึไงยะ?"

        "ต้อง 'เธอ' สิ  ฉันเป็นผู้หญิงนะ!"  

        โซราซี่กอดอกตวาดเบาๆอย่างโมโห  เธอทิ้งความเป็นผู้ชายแล้วก้าวเข้าสู่ความเป็นสาวน้อยอย่างเต็มตัวทั้งหน้าตาเสียงและจิตใจ  ทำไมเจ้าคนที่คบหากันฉันมิตรมานานถึงได้ขยันเอาธนูมาปักจึกกันนักนะ!

        อย่างไรก็ดี เด็กสาวเพศที่สามก็แนะนำว่าควรจะทำให้ทั้งสองคนได้ผูกสัมพันธ์ในร่างจริงอย่างที่คุณย่าร้านทำนายดวงแนะนำก่อนคงจะเป็นการดีที่สุด

        โรซารี่ถอนหายใจหยิบเอานาฬิกาพกของเล่นที่ทำจากพลาสติกสีแดงสดใสเหมาะกับวัยต่ำกว่าห้าขวบสูงกว่าสามปีเป็นอย่างยิ่ง  เธอคิดไปคิดมาแล้วเอากระดาษของขวัญมาห่ออีกหน่อยและประดับด้วยริบบิ้นสีสวย  ติดการ์ดเล็กๆว่าเป็นของขวัญส่งถึงเซโตะและคำอธิบายการใช้ก็หย่อนลงไปในกล่องนั้นแล้ว

        โซราซี่กอดอกมองแผนการซานตาคลอสของเพื่อนสาวที่ขึ้นไปใกล้ถึงปล่องไฟแล้วเตือนด้วยความหวังดีว่าในอากาศหนาวๆที่เตาผิงติดอยู่แบบนี้  ถ้าหย่อนลงไปก็เหลือแต่เถ้าถ่านแน่นอน

        "แหะๆ"  เด็กสาวผมทองยิ้มแหย  "ลืมง่ะ"

        โรซารี่จึงจัดการนำมันไปวางไว้เฉยๆหน้าประตูบ้าน  รอให้เด็กน้อยผมแดงตื่นขึ้นมาหยิบในตอนเช้า  มันคงเป็นอะไรที่น่าสนใจสุดๆแน่นอน!

        แต่จนแล้วจนรอด พายุหิมะก็ยังคงกระหน่ำ  อาหารเช้าในบ้านไม้ถูกทำขึ้นอย่างง่ายๆแต่อร่อย  ฟืนและเสบียงมีอีกเหลือเฟือเกินกว่าจะต้องกังวล  ความจริงแล้วมันเพียงพอสำหรับสามวันด้วยซ้ำ  แน่ล่ะ ในบ้านมีกิจกรรมอะไรให้ทำตั้งเยอะ  ใครจะอยากออกมานอกบ้านกัน  รวมทั้งเปิดประตูบ้านด้วยล่ะนะ  แต่แบบนี้ของขวัญที่เซโตะควรได้รับเมื่อไหร่จะถูกแกะกัน

        "ฮะ...ฮัดชิ้ว!  เธอ...เธอว่าเราควรเคาะประตูจริงๆเหรอ"  โรซารี่ตัวสั่นงันงกหลังจากที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้อยู่นานเพื่อรอดูสีหน้าความแปลกใจของเซโตะ  แต่เขาก็เหมือนจะไม่รู้ตัวสักที  "แต่...แต่การเซอร์ไพรซ์ล่ะ!"

        โซราซี่มองเพื่อนสาวอย่างหงุดหงิดแล้วปั้นหิมะกลมๆหนาๆแล้วเตะเต็มแรงให้มันไปโดนประตูจนเกิดเสียงดัง  ผลจากการกระทำนั้นคือการที่คาโอรุตัดสินใจเดินออกมาดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น  ความรู้สึกของคนที่ยืนใต้ต้นไม้โดยมีพายุหิมะเป็นเครื่องประกอบตลอดหลายชั่วโมงคือ...

        ทำไมไม่แบบนี้ตั้งแต่แรกนะ!

        คาโอรุขมวดคิ้วกับกองหิมะที่เหมือนไม่เป็นธรรมชาติสักเท่าไหร่นักแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ  เขายกกล่องของขวัญเล็กๆไปให้เซโตะตามที่จ่าหน้าซอง

        "แปลกมาก ใครส่งมาน่ะ?"  

        คาโอรุพึมพำ  ถึงแม้ว่าจะตรวจสอบดีว่าไม่มีวัตถุแปลกปลอมก็เถอะ  แต่ที่นี่มันเป็นสถานที่ลับของเขานะ  จะรู้วิธีจุดไฟตะเกียงได้ไง ถ้าหากว่าย่องตามมาตอนที่เขาจุดไฟในตะเกียงตอนแรกก็คงจะรู้ตัวบ้าง  แต่ถ้าไม่มีเจตนาร้ายทำไมไม่เรียกแล้วยื่นให้เลยล่ะ  จะลำบากเอามาวางแล้วย่องออกไปเงียบๆทำไมกัน?

        คำตอบความว้าวุ่นใจของคาโอรุเขียนอยู่ในจดหมายที่แนบมาด้วย  เซโตะอ่านเสียงดังฟังชัด

        "ฮ่าฮ่าฮ่า  ตกใจล่ะสิ  นี่คือนาฬิกาพกสำหรับดูเวลาจากร้านสายฝนและลูกเห็บ  เก็บไว้ดีๆนะ  ปล.ถ้านายเป็นปกติเมื่อไหร่อย่าลืมพาคาโอรุคุงไปเลี้ยงข้าวซะนะ  ปล.สอง เซอร์ไพรซ์ล่ะสิ  ตกใจมากใช่ไหม  แล้วก็ตัวเลขห้าห้าห้าบวก  ฝีมือยัยเพี้ยนโรซารี่!"

        ข้างนอกมีใครคนหนึ่งกำลังจามอยู่  ไม่รู้เป็นเพราะความหนาวหรือคนนินทา...

        คาโอรุพูดอย่างตรงไปตรงมาว่าเขาไม่ไว้ใจผู้หญิงผมทองคนนั้นเลย  ตั้งแต่ตอนที่มาหาเซโตะครั้งแรกที่บ้านของเขาแล้ว  ไหนจะเรื่องการมาที่นี่อีก  บางทีผู้หญิงคนนั้นอาจเป็นคนของอัลลิวีนที่ถูกส่งมาทำภารกิจพิเศษอะไรบางอย่างก็เป็นได้

        "พิเศษยังไงล่ะ"  

        เซโตะทำหน้าสงสัย  หรือว่าสืบว่าทำไมเขาถึงตัวหด?  โอ้ ถ้าเช่นนั้นก็สืิบมาได้เลย!  ถ้าเป็นพวกองค์กรประหลาดๆแบบในการ์ตูนต้องหาทางแก้ได้แน่นอน  ถึงตอนนั้นเขาก็จะกลับมาเป็นเซโตะคนเดิมที่แข็งแรงและตัวสูง  ไม่ต้องโดนหยิกแก้มโดยเรียกร้องอะไรไม่ได้!

        "ฉันไม่รู้ว่าอัลลิวีนตรวจสอบสถานะของนายว่ายังไง  แต่ไหนแต่ไร เพื่อนของฉันจะถูกตรวจสอบประวัติอย่างลับๆ  แน่นอน พวกเขาไม่ใช่มนุษย์ต่างดาวนี่นา  จะได้มีประวัติเกิดอยู่ที่ดาวอาบูดาบี้ที่ไหนไม่รู้นะ  แต่บางทีหนึ่งในพวกนั้นก็มีพวกน่าสนใจ  เช่นคนที่มีประวัติว่าในครอบครัวมีอะไรพิเศษ  เช่นเป็นนักวิทยาศาสตร์อนาคตไกลหรือว่ามีพลังจิต  พวกนั้นจะถูกจับไปบ้าง  จนฉันทนไม่ไหวแล้วเข้าสู่โหมดสวิทช์  พวกเขาถึงได้ยอมหยุดทำเรื่องแบบนั้น  แต่ไม่รู้ว่าเซโตะคุงจะมีอะไรแบบนั้นหรือเปล่า  ไม่มีหรอกเนอะ!"

        เซโตะบอกไม่ถูกว่าการที่ตัวหดมันเป็นพลังเหนือธรรมชาติหรือว่าพลังวิทยาศาสตร์กันแน่  แต่ตอนนี้ส่ายหน้าไว้ก่อนแล้วกัน

        แต่ครั้นจะบอกว่าโรซารี่เป็นสมาชิกองค์กรอัลลิวีนก็ออกจะแปลกๆไปสักนิดนะ  ก็ในเมื่อ 'คุณหนู' ก็อยู่ด้วย  แต่สาวผมทองคนนั้นไม่เคยแสดงความนับถือหรืออะไรทำนองนั้นเลย  หรือว่าในองค์กรนั้นเขาปฏิบัติกันฉันท์มิตร  ไม่ใช่เจ้านายกับลูกน้องนะ?

        เมื่อเห็นเซโตะนั่งเหม่อไปนาน  คาโอรุก็เผยยิ้มบางๆพลางลูบศีรษะไปมา  บอกว่าจะตรวจสอบเรื่องนั้นให้  ถึงอัลลิวีนจะทำอะไรโดยพลการ  แต่ก็ดีอยู่อย่างหนึ่งตรงที่ไม่เคยปิดบังเวลาถามอะไร  หากถามเรื่องเด็กผู้หญิงผมทองคนนั้นก็คงจะรู้เรื่องในไม่ช้า

        อย่างไรก็ดี คาโอรุขอนาฬิกาพลาสติกสีแดงไปตรวจดูสักหน่อย  มีช่องใส่ถ่านตามปกติื  แต่อย่างหนึ่งที่ไ่ม่ปกติคือเข็มที่ต่อให้ปรับกี่ครั้งๆก็จะหมุนวนติ้วๆแล้วกลับมาอยู่จุดเดิมเสมอ

        "อีกสามชั่วโมงจะเลขสิบสอง  แปลกจัง นี่มันตั้งเวลาไว้ไม่เที่ยงเลยนะ"

        เซโตะขมวดคิ้ว  "ยัยโรซารี่น่าหมั่นไว้คนนั้นบอกว่าเป็นนาฬิกาสำหรับดูเวลา  หรือว่าจะเป็นเวลาสำหรับอะไรสักอย่างรึเปล่า?"

        การรอคอยอยู่หน้าเตาผิงเป็นอะไรที่ชวนง่วงจริงๆ  สุดท้าย เด็กน้อยผมแดงก็นอนหลับไปพร้อมกับพี่เลี้ยงจำเป็นนั้นเอง

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา