You are my hope.เจ้าเท่านั้น ที่ข้าจะรอ yaoi
10.0
8) บทที่8
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ "จุนคุง!" จิเสะเดินเข้ามาด้วยใบหน้ามุ่งมั่นแบบน่ารักแบบเด็กผู้หญิง "เมื่อคืนไปไหนมานะ"
เด็กหนุ่มกระพริบตาปริบๆ จำได้ว่าเขาส่งเมสเสจมาบอกคนที่บ้านว่าจะไปค้างบ้านเพื่อน แต่ว่ายังไงเขาก็ไม่ได้ส่งไปที่มือถือของเด็กสาวผู้นี้แน่ๆนี่นา แล้วทำไมจิเสะถึงได้รู้กันล่ะ?
เมื่อถามออกไปอย่างนั้น จิเสะก็กอดอกแล้วพูดว่า "ได้รับข้อมูลมาจากเด็กผู้หญิงรุ่นน้ิองคนหนึ่งไงล่ะ จุนคุงไปที่บ้านเพื่อนที่ชื่อมาซารุอะไรนั่นรึเปล่า"
เมื่อโดนรังสีอำมหิตแผ่ใส่แทนการบังคับให้ตอบอย่างตรงไปตรงมา จุนก็ต้องรีบพยักหน้า ถึงจะไม่เข้าใจว่ามันสำคัญยังไงก็ตาม
เมื่อจิเสะได้รับคำตอบอย่างนั้น ความรู้สึกตอนโดนซายากะบิวต์อารมณ์จนคิดไปว่ามาซารุเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ก็ผุดขึ้นมาทันที
"ต้องเลิกคบคนไม่ดีตั้งแต่เนิ่นๆนะคะ!" เด็กสาวยืนยันหนักแน่น "ถ้าหากว่าถูกจับออกไปนอกลู่นอกทางต้องแย่แน่เลย"
จุนไม่เข้าใจสักนิดว่าจิเสะกำลังหมายถึงอะไรและใครนอกลู่นอกทาง มาซารุเองก็เป็นคนดี ถึงจะพบกันได้ไม่นานแต่จุนว่าคนที่เขารักคนนี้ก็ไม่ได้มีอะไรเสียหายสักหน่อย
หางตาของจุนเหลือบมองจินเนะที่โพสต์ท่าถ่ายรูปอย่างเปรมปรีดิ์อยู่แล้วถอนหายใจ พูดกับจิเสะด้วยน้ำเสียงท้อๆว่า
"ผมไม่รู้ว่าจินเนะพูดอะไรกับเธอนะ แต่มาซารุไม่ใช่คนเลว"
"ถ้าไม่ใช่คนเลวและทำไมถึงได้ต้องปิดบังล่ะ" น้ำเ้สียงของจิเสะสั่นเครือขึ้นมา น้ำตาคลอ "ฉันเป็นห่วงจุนคุงมากจริงๆนะ ถ้าเธอโดนชวนเข้าแก๊งอันธพาลขึ้นมาล่ะ ต้องรีบปฏิเสธและวิ่งหนีมาทันทีเลยนะ"
จุนนึกภาพมาซารุไปทำผมทรงประหลาดหรือว่าหาเรื่องต่อยตีกับคนอื่นแล้วรู้สึกว่ามันช่างเป็นไปไม่ได้
"งั้นผมจะพาเธอไปพบกับมาซารุแล้วกันนะ"
จุนบอกในที่สุดพร้อมทั้่งสบตากับจินเนะ ดูจากรอยยิ้มเย็นๆที่ส่งมาให้เขาแล้ว รับรองได้เลยว่างานนี้ทั้งเพื่อนสาวทั้งน้องสาวของเขาต้องไปที่ศาลเจ้าฟุมิเนเนะด้วยอย่างแน่นอน
เอาเถอะ ยังไงมาซารุซังก็รู้แล้วว่าจินเนะเป็นคนยังไง คงไม่มีปัญหาหรอก...
"นั่งรถบัสแค่สิบห้านาที เธอ...พวกเธอคงไม่เบื่อกันไปก่อนหรอกใช่ไหม"
ถึงจะเบื่อก็ไม่ทันแล้ว ณ ตอนนี้ทั้งจินเนะทั้งจิเสะต่างพากันนั่งอยู่บนรถบัส ระหว่างทาง จิเสะเตรียมของป้องกันตัวจำพวกสเปรย์พริกไทยไปด้วย ส่วนจินเนะเอาแต่นั่งครุ่นคิืดว่าเธอจะต้องสังเกตนิสัยของเพื่อนของจุนคนนี้ สุดท้ายก็ทำให้จุนแตกคอกับอีกฝ่ายให้จงได้!
รถแล่นผ่านสถานที่แล้วสถานที่เล่า ในที่สุดก็มาถึงภูเขาฟุมิเนเนะ ซึ่งมีหมอกปกคลุมบางส่วนของพื้นอีกเช่นเคย โชคดีที่ทางเดินเป็นบันไดหิน ไม่ใช่พื้นดินที่ไม่รู้ว่าจะมีหลุมมีบ่อตรงไหน
ในที่สุด เด็หนุ่มก็เข้าใกล้พอจะเห็นร่างในชุดกิโมโนซึ่งบัดนี้ไม่ได้ทำหน้าแปลกใจอะไรที่จุนไม่ได้มาคนเดียวอย่างเคย
"นี่คือมาซารุซัง เป็นผู้ดูแลศาลเจ้าฟุมิเนเนะแห่งนี้ ส่วนสองคนนี่คือจิเสะจังกับจินเนะที่เคยเล่าให้ฟัง"
คนทั้งสามโค้งตัวทักทายกันตามมารยาท ด้านจิเสะพยามมองหามุมที่ดูเป็นคนร้ายหรือแก๊งอันธพาลของมาซารุจนแทบจะแผ่รังสีอำมหิตออกมาได้อยู่แล้ว
ส่วนจินเนะไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรออกมาเลยสักนิด แต่บุรุษในชุดกิโมโนก็สังเกตได้ว่าเธอจ้องมองและสังเกตเขาอยู่
แน่นอน สำหรับจุนแล้วนี่ช่างเป็นสถานการณ์ที่ย่ำแย่จริงๆ เขาได้แต่หวังว่ามาซารุคงจะไม่โดนจินเนะแกล้งแผลงๆหรอกนะ
แต่เหมือนเด็กสาวจะไม่ค่อยให้พี่ชายสมหวังเท่าไหร่ เพราะแค่เรื่องของว่างรับรองแขกก็มีปัีญหาซะแล้ว
"อุบาดามะกับโกโบโมจิ? ฉันกินเฉพาะคุกกี้นะ" จินเนะกอดอกพูดอย่างไม่เกรงใจ "หรืออะไรก็ได้ที่เป็นจำพวกขนมปังหรือเค้กนะ"
"โกโบโมจิมันก็ของชอบเธอไม่ใช่หรือไง อีกอย่าง เดี๋ยวผมจะเอาเรื่องนี้ไปบอกแฟนคลับเธอหรอก ถึงภาพลักษณ์จะอยู่ในแนวเด็กสาวสมัยใหม่ก็เถอะ แต่คนญี่ปุ่นก็ยังเป็นคนญี่ปุ่นนะ ถ้าเรื่องที่เธอไม่กินของแนวญี่ปุ่นคงมีผลกระทบต่อชื่อเสียงแน่นอน"
จุนรีบปรามปนขู่แล้วหันไปขอโทษมาซารุ แน่นอนว่าตอนนี้จินเนะโกรธจนเลือดขึ้นหน้า กล้าดียังไงเอาเรื่องอาชีพไอดอลของเธอมาขู่นะ!
จิเสะกินของว่างอย่างเงียบๆหันไปรอบๆเพื่อสำรวจหาอาวุธที่ใช้ทะเลาะวิวาท นอกจากดาบโบราณซึ่งไม่น่าจะถูกนำมาใช้พร่ำเพรื่อที่อยู่ตรงผนังแล้ว สิ่งอื่นก็ไม่มีอะไรผิดปกติ
"ขอใช้ห้องน้ำหน่อยนะคะ!"
จู่ๆจิเสะก็โพล่งขึ้นมาแล้วรีบเดินไปด้วยท่าทางมีพิรุธโดยไม่ได้ถามทางสักคำ จินเนะมองปราดเดียวก็รู้ว่าต้องเป็นการเดินสำรวจอย่างแน่นอน แต่ตัวเด็กสาวจะลงแรงเองทำไมกันในเมื่อโอกาสหลอกถามยังมีอีกเยอะ
"จุนลองชิมอุบาดามะบ้างสิ ครั้งนี้ข้าตั้งใจทำเต็มที่เลยนะ"
จินเนะหรี่ตาลงจ้องมาซารุซึ่งมองจุนด้วยสายตาที่แม้จะไม่หวานเยิ้มอะไร แต่มันดูอบอุ่นและลึกซึ้งกว่าที่จะมองเพื่อนทั่วไป
นี่มันยังไงกันนะ...
"อื้ม! อร่อยมากเลย สมแล้วที่เป็นมาซารุซัง"
ร่างในชุดกิโมโนยิ้มกว้างแต่กลับตอบอย่างถ่อมตัว ถึงกระนั้นยังคงปิดความดีใจที่ปรากฏไม่มิด เด็กหนุ่มเองก็ดูจะมีความสุขมากเหมือนกลับว่าเด็กสาวไม่ได้นั่งอยู่ตรงนี้ เพราะจินเนะมีแผนแกล้งจุนอยู่ตลอดเวลา ฉะนั้น เขาจึงได้ค่อนข้างระมัดระวังยามที่อยู่ใกล้เธอ แต่ตอนนี้กลับยิ้มได้งั้นเหรอ!
จินเนะมองมาซารุสลับกับพี่ชายตนเองไปมาแล้วครุ่นคิดคำนวณ ถึงจะได้ผลสรุปที่ค่อนข้างน่าแปลกใจ แต่มันก็เป็นเรื่องช่วยไม่ได้
มิน่าล่ะ ช่วงนี้ฉันถึงไม่ต้องวางแผนแยกคำสารภาพรักของนายนะ!
แต่สิ่งหนึ่งที่เด็กสาวไม่ได้เฉลียวใจคิดเลยแม้แต่น้อยก็คือ...แผนการแกล้งของตัวเธอเองที่เป็นสิ่งชักนำให้พวกเขาได้มาพบกัน
"จุนคุง วันนี้รีบกลับบ้านเถอะ"
จิเสะที่ไม่เจออะไรสักอย่างชักชวนเด็กหนุ่มกลับบ้านในที่สุดหลังผ่านไปสักพัก รวมทั้งอธิบายว่าช่วงนี้มีพวกก่อเหตุวิวาทบ่อยมาก ดีไม่ดีจะโดนหาเรื่องเอาได้
แต่จินเนะกลับห้ามปรามไว้แล้วบอกให้เขาค้างที่นี่ดีกว่า ทำเอาจิเสะที่คิดว่าจินเนะตามมาด้วยความเป็นห่วงเหมือนกันถึงกับงุนงงเช่นเดียวกันกับจุนซึ่งสงสัยว่าเด็กสาวมีอะไรอยู่ในใจกันแน่
มาซารุออกไปยืนส่งเด็กสาวทั้งสองถึงถนนซึ่งต้องเดินต่อไปอีกห้านาทีถึงจะสามารถขึ้นรถบัสไ้่ด้ นั่นทำให้จิเสะคิดว่าเขาเองก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรนัก เมื่อรวมกับการที่เขาไม่ได้มีของอันตรายไว้ในครอบครอง เธอก็คลายกังวลและอคติที่มีต่อมาซารุไปได้
จุนนั่งรออยู่ด้วยความกระวนกระวาย มาซารุให้เขารออยู่ที่นี่โดยจะเดินไปส่งพวกจิเสะเอง สำหรับเด็กสาวที่สงสัยเรื่องมาซารุอย่างจริงจังคนนั้นเขาไม่ห่วงอะไรมากหรอก แต่น้องสาวจอมยุ่งของเขาเนี่ยสิ คงไม่พูดอะไรแปลกๆออกไปหรอกนะ
"ต้องเป็นกังวลขนาดนั้นเชียวเหรอ"
จุนสะดุ้งขึ้นเล็กน้อยเมื่อถูกกอดจากด้านหลัง เขารีบรัวคำถามชุดใหญ่ใส่ร่างในชุดกิโมโนว่าไม่ได้โดนทำอะไรแปลกๆหรือว่าได้ยินอะไรประหลาดๆมา
"เจ้าหมายถึงจินเนะคนนั้นนะหรือ? นางไม่ได้พูดอะไรสักคำเดียวเลย เจ้าไม่ต้องกังวลไป"
เด็กหนุ่มถอนหายใจเบาๆ จับมือมาซารุไว้แน่น "ผมไม่มีวันทำให้เธอเสียใจเหมือนที่จิเสะจังเคยผิดใจกับผมและที่สำคัญ ตอนนี้เราจะเรียกกันว่าแฟน...ได้ใช่ไหม?"
ถึงพวกเขาทั้งคู่จะสารภาพรักกันแล้วก็ตาม แต่เรื่องสถานะความสัมพันธ์กลับยังไม่้มีใครพูดถึงเลย ในความคิดของจุนแล้ว ความคลุมเครือแบบนี้ควรรีบหมดไปสักที
ทว่า...มาซารุกลับไม่เข้าใจสิ่งที่เรียกว่าแฟนเลยแม้แต่น้อยนิดพลางถามหาความหมาย
"แฟนก็คือ...เอ่อ คนรักไงล่ะ คนที่รักกันมากๆแต่ยังไม่แต่งงานก็คือแฟน มาซารุซังจะเป็นแฟน...คนรักของผมได้ไหม"
จุนพูดอย่างพยามอธิบาย สำหรับเขาแล้วไม่ค่อยชอบพูดเรื่องความรู้สึกเท่าไหร่นัก ถึงจะเป็นผู้ชายแต่ความรู้สึกประหม่ามันก็ใช่ว่าจะไม่มีเลยสักหน่อย
มาซารุยิ้มให้จุนอย่างอบอุ่นแล้วพยักหน้า กล่าวอย่างหนักแน่นว่า "จุนก็จะเป็นคนรักของข้าเช่นเดียวกัน คนรักเพียงหนึ่งเดียว และในเมื่อเจ้าพูดออกมาตามตรง ข้าคิดว่าคงถึงเวลาแล้ว"
จุนงุนงง "เวลา?"
"ในฐานะที่เจ้าเป็นคนรักของข้า ข้าจะสอนวิชาดาบประจำตระกูลให้" มาซารุหลุบตาลง "ที่จริงแล้วสิ่งนี้จะสืบทอดให้แก่ผู้ที่แต่งงานเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่ข้ากับเจ้าทำแบบนั้นไม่ได้ ฉะนั้น ความสัมพันธ์เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว"
จุนรีบปฏิเสธ เขาเองเพิ่งรู้จักกับมาซารุไม่นานขนาดนั้น จะให้รับรู้ของสำคัญแบบนั้นได้อย่างไรกัน แต่ความตั้งใจของร่างในชุดกิโมโนไม่ได้น้อยไปกว่าจิเสะที่พยามสืบหาตัวตนของเขาเลย...
อย่างไรก็ตาม จิเสะยังคงสงสัยในอะไรบางอย่างที่นั่น ใช่ว่าเธอไม่ช่างสังเกตเลย เด็กสาวก็รู้สึกเหมือนกันกับจุนที่ในศาลเจ้านั้นไม่มีของอำนวยความสะดวกเลยและเหมือนกับข้าวของเครื่องใช้จะเป็นของย้อนยุค
แม้แต่โรงแรมที่จัดรูปแบบไว้แบบโบราณหรือโรงแรมเก่าๆก็ยังมีพวกโทรศัพท์บ้างอะไรบ้าง ที่ศาลเจ้าฟุมิเนเนะเองก็มีสัญญาณโทรศัพท์ส่งถึงแท้ๆ
ดังนั้น ในเช้าวันต่อมาซึ่งเป็นวันหยุดพอดี จิเสะรีบวิ่งไปที่ร้านอินเทอร์เน็ตเพื่อสืบหาข้อมูลเกี่ยวกัลศาลเจ้าแห่งนั้น น่าเสียดายที่ส่วนใหญ่ลงไว้ลวกๆ ไม่ได้มีรายละเอียดสำคัญอะไรนัก
"รุ่นพี่คะ!"
ซายากะร้องทักพลางเดินเข้ามาในร้านอินเทอร์เน็ตแห่งนี้เหมือนกันเนื่องจากกำลังจะหารอบคอนเสิร์ตของเมยามิ ริกะ ถึงเรื่องแบบนี้จะถามเจ้าตัวได้แต่เธอจะเอาคำถามที่หาได้ง่ายๆไปถามท่านไอดอลสุดน่ารักให้รำคาญไปทำไมกัน!
ความพอใจของจินเนะคือสิ่งที่ดีที่สุด นั่นคือนโยบายของกลุ่มแฟนคลับนี้
"กำลังหาเกี่ยวกับศาลเจ้าฟุมิเนเนะหรือคะ อืม...ชื่อคุ้นๆแฮะ"
ซายากะมองไปรอบๆร้านอินเทอร์เน็ตแห่งนี้ก็พบว่ามีคนอยู่เต็มทุกเครื่อง ตอนแรกที่จิเสะมาก็ต้องรออยู่นานเลยเช่นเดียวกัน
เด็กสาวยิ้มเจ้าเล่ห์ ให้คำแนะนำบางอย่างไปแบบมีผลประโยชน์แอบแฝง
"เอ...รุ่นพี่จิเสะคะ เรื่องแบบนี้หาได้จากห้องสมุดจะได้ข้อมูลครบครันกว่านะคะ พวกหนังสือประวัติทั้งหลาย ข้อมูลไม่น่าสนใจแบบเรื่องนี้คงไม่มีคนลงละเอียดหรอกค่ะ"
แน่นอน คนใสซื่ออย่างจิเสะจะไม่หลงกลท่าทีน่าเชื่อถือนี้ได้อย่างไรกัน แต่ที่สำคัญคือเธอเองก็ไม่เจอข้อมูลจริงๆ จะทู่ซี้ค้นหาต่อไปก็ไร้ค่า
ซายากะใช้คอมพิวเตอร์ตัวนั้นหารอบคอนเสิร์ตของเมยามิ ริกะ อย่างสบายอารมณ์ แฟนคลับระดับสูงอย่างเธอต้องเลือกแถวหน้าสุดอยู่แล้ว ดังนั้น จึงไม่ต้องกังวลอะไรเกี่ยวกับการเลือกที่นั่งสักนิด แต่ถึงกระนั้นยังต้องเป็นแถวหน้าที่ดีที่สุดและกลางที่สุด!
คิกๆๆ เราจะได้ดูท่านจินเนะในตอนร้องเพลงแล้ว!
จิเสะมาห้องสมุดบ่อยพอสมควรจึงค่อนข้างสนิทสนมกับบรรณารักษ์ ถึงเรื่องที่จะสืบค้นข้อมูลไปทำไมมันยากที่จะบอกก็ตามที แต่หญิงสาววัยกลางคนผู้นี้ก็ไม่ได้เซ้าซี้หาคำตอบให้ยุ่งยาก
แต่ด้วยความสนิทสนมนี้เอง จิเสะจึงต้องหอบหนังสือกองสูงเท่าพะเนินที่มีตำนานและประวัติต่างๆตามคำแนะนำของบรรณารักษ์ไปวางที่โต๊ะด้วยความยากลำบาก
เล่มแล้วเล่มเล่าผ่านไป ดูเหมือนว่าศาลเจ้าฟุมิเนเนะจะไม่ได้ถูกบันทึกอะไรไว้เลย เด็กสาวมองกองหนังสือที่เหลืออีกตั้งครึ่งอย่างท้อๆ แต่เมื่อนึกถึงจุน เธอก็ต้องฮึดสู้ขึ้นมา!
โชคดีของจิเสะคือเล่มรองสุดท้าย ในหนังสือที่หน้ากระดาษเก่าจนเหลืองไปหมดแล้วนี้มีตำนานของศาลเจ้าฟุมิเนเนะอยู่ด้วย
ยิ่งอ่านไปเท่าไหร่ ใบหน้าของจิเสะก็ยิ่งซีดลงด้วยความหวาดกลัวขึ้นเรื่อยๆ ในตอนที่อ่านบรรทัดสุดท้ายจบนั้นเอง มือของใครคนหนึ่งก็เอื้อมมือมาสัมผัสไหล่ของเธอพร้อมกล่าวว่า...
"สวัสดีค่ะ รุ่นพี่จิเสะ"
"กรี๊ด!"
เสียงเด็กสาวที่ร้องลั่นไม่หยุดสร้างความสนใจแก่ผู้คนพอสมควร บรรณารักษ์หญิงรีบวิ่งมายังโต๊ะของจิเสะด้วยความตกใจปนสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น สิ่งที่ปรากฏคือเด็กสาวสองคนกำลังอยู่ในความตื่นตระหนก จิเสะที่หลับตาร้องลั่นอยู่ที่พื้นและซายากะที่ยืนมองเธออยู่โดยไม่เข้าใจว่าตัวเองทำอะไรผิด
บรรณารักษ์หญิงรีบวิ่งเข้าไปสะกิดจิเสะ ทั้งนี้เพื่อให้เธอหยุดกรีดร้องก่อน
"คุณ...คุณบรรณารักษ์? เอ๊ะ ซา...ซายากะจัง?"
"ใช่สิคะ" เด็กสาวหน้ามุ่ย "คิดว่าเป็นใครกันคะ รุ่นพี่จุนรึไง"
เด็กหนุ่มกระพริบตาปริบๆ จำได้ว่าเขาส่งเมสเสจมาบอกคนที่บ้านว่าจะไปค้างบ้านเพื่อน แต่ว่ายังไงเขาก็ไม่ได้ส่งไปที่มือถือของเด็กสาวผู้นี้แน่ๆนี่นา แล้วทำไมจิเสะถึงได้รู้กันล่ะ?
เมื่อถามออกไปอย่างนั้น จิเสะก็กอดอกแล้วพูดว่า "ได้รับข้อมูลมาจากเด็กผู้หญิงรุ่นน้ิองคนหนึ่งไงล่ะ จุนคุงไปที่บ้านเพื่อนที่ชื่อมาซารุอะไรนั่นรึเปล่า"
เมื่อโดนรังสีอำมหิตแผ่ใส่แทนการบังคับให้ตอบอย่างตรงไปตรงมา จุนก็ต้องรีบพยักหน้า ถึงจะไม่เข้าใจว่ามันสำคัญยังไงก็ตาม
เมื่อจิเสะได้รับคำตอบอย่างนั้น ความรู้สึกตอนโดนซายากะบิวต์อารมณ์จนคิดไปว่ามาซารุเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ก็ผุดขึ้นมาทันที
"ต้องเลิกคบคนไม่ดีตั้งแต่เนิ่นๆนะคะ!" เด็กสาวยืนยันหนักแน่น "ถ้าหากว่าถูกจับออกไปนอกลู่นอกทางต้องแย่แน่เลย"
จุนไม่เข้าใจสักนิดว่าจิเสะกำลังหมายถึงอะไรและใครนอกลู่นอกทาง มาซารุเองก็เป็นคนดี ถึงจะพบกันได้ไม่นานแต่จุนว่าคนที่เขารักคนนี้ก็ไม่ได้มีอะไรเสียหายสักหน่อย
หางตาของจุนเหลือบมองจินเนะที่โพสต์ท่าถ่ายรูปอย่างเปรมปรีดิ์อยู่แล้วถอนหายใจ พูดกับจิเสะด้วยน้ำเสียงท้อๆว่า
"ผมไม่รู้ว่าจินเนะพูดอะไรกับเธอนะ แต่มาซารุไม่ใช่คนเลว"
"ถ้าไม่ใช่คนเลวและทำไมถึงได้ต้องปิดบังล่ะ" น้ำเ้สียงของจิเสะสั่นเครือขึ้นมา น้ำตาคลอ "ฉันเป็นห่วงจุนคุงมากจริงๆนะ ถ้าเธอโดนชวนเข้าแก๊งอันธพาลขึ้นมาล่ะ ต้องรีบปฏิเสธและวิ่งหนีมาทันทีเลยนะ"
จุนนึกภาพมาซารุไปทำผมทรงประหลาดหรือว่าหาเรื่องต่อยตีกับคนอื่นแล้วรู้สึกว่ามันช่างเป็นไปไม่ได้
"งั้นผมจะพาเธอไปพบกับมาซารุแล้วกันนะ"
จุนบอกในที่สุดพร้อมทั้่งสบตากับจินเนะ ดูจากรอยยิ้มเย็นๆที่ส่งมาให้เขาแล้ว รับรองได้เลยว่างานนี้ทั้งเพื่อนสาวทั้งน้องสาวของเขาต้องไปที่ศาลเจ้าฟุมิเนเนะด้วยอย่างแน่นอน
เอาเถอะ ยังไงมาซารุซังก็รู้แล้วว่าจินเนะเป็นคนยังไง คงไม่มีปัญหาหรอก...
"นั่งรถบัสแค่สิบห้านาที เธอ...พวกเธอคงไม่เบื่อกันไปก่อนหรอกใช่ไหม"
ถึงจะเบื่อก็ไม่ทันแล้ว ณ ตอนนี้ทั้งจินเนะทั้งจิเสะต่างพากันนั่งอยู่บนรถบัส ระหว่างทาง จิเสะเตรียมของป้องกันตัวจำพวกสเปรย์พริกไทยไปด้วย ส่วนจินเนะเอาแต่นั่งครุ่นคิืดว่าเธอจะต้องสังเกตนิสัยของเพื่อนของจุนคนนี้ สุดท้ายก็ทำให้จุนแตกคอกับอีกฝ่ายให้จงได้!
รถแล่นผ่านสถานที่แล้วสถานที่เล่า ในที่สุดก็มาถึงภูเขาฟุมิเนเนะ ซึ่งมีหมอกปกคลุมบางส่วนของพื้นอีกเช่นเคย โชคดีที่ทางเดินเป็นบันไดหิน ไม่ใช่พื้นดินที่ไม่รู้ว่าจะมีหลุมมีบ่อตรงไหน
ในที่สุด เด็หนุ่มก็เข้าใกล้พอจะเห็นร่างในชุดกิโมโนซึ่งบัดนี้ไม่ได้ทำหน้าแปลกใจอะไรที่จุนไม่ได้มาคนเดียวอย่างเคย
"นี่คือมาซารุซัง เป็นผู้ดูแลศาลเจ้าฟุมิเนเนะแห่งนี้ ส่วนสองคนนี่คือจิเสะจังกับจินเนะที่เคยเล่าให้ฟัง"
คนทั้งสามโค้งตัวทักทายกันตามมารยาท ด้านจิเสะพยามมองหามุมที่ดูเป็นคนร้ายหรือแก๊งอันธพาลของมาซารุจนแทบจะแผ่รังสีอำมหิตออกมาได้อยู่แล้ว
ส่วนจินเนะไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรออกมาเลยสักนิด แต่บุรุษในชุดกิโมโนก็สังเกตได้ว่าเธอจ้องมองและสังเกตเขาอยู่
แน่นอน สำหรับจุนแล้วนี่ช่างเป็นสถานการณ์ที่ย่ำแย่จริงๆ เขาได้แต่หวังว่ามาซารุคงจะไม่โดนจินเนะแกล้งแผลงๆหรอกนะ
แต่เหมือนเด็กสาวจะไม่ค่อยให้พี่ชายสมหวังเท่าไหร่ เพราะแค่เรื่องของว่างรับรองแขกก็มีปัีญหาซะแล้ว
"อุบาดามะกับโกโบโมจิ? ฉันกินเฉพาะคุกกี้นะ" จินเนะกอดอกพูดอย่างไม่เกรงใจ "หรืออะไรก็ได้ที่เป็นจำพวกขนมปังหรือเค้กนะ"
"โกโบโมจิมันก็ของชอบเธอไม่ใช่หรือไง อีกอย่าง เดี๋ยวผมจะเอาเรื่องนี้ไปบอกแฟนคลับเธอหรอก ถึงภาพลักษณ์จะอยู่ในแนวเด็กสาวสมัยใหม่ก็เถอะ แต่คนญี่ปุ่นก็ยังเป็นคนญี่ปุ่นนะ ถ้าเรื่องที่เธอไม่กินของแนวญี่ปุ่นคงมีผลกระทบต่อชื่อเสียงแน่นอน"
จุนรีบปรามปนขู่แล้วหันไปขอโทษมาซารุ แน่นอนว่าตอนนี้จินเนะโกรธจนเลือดขึ้นหน้า กล้าดียังไงเอาเรื่องอาชีพไอดอลของเธอมาขู่นะ!
จิเสะกินของว่างอย่างเงียบๆหันไปรอบๆเพื่อสำรวจหาอาวุธที่ใช้ทะเลาะวิวาท นอกจากดาบโบราณซึ่งไม่น่าจะถูกนำมาใช้พร่ำเพรื่อที่อยู่ตรงผนังแล้ว สิ่งอื่นก็ไม่มีอะไรผิดปกติ
"ขอใช้ห้องน้ำหน่อยนะคะ!"
จู่ๆจิเสะก็โพล่งขึ้นมาแล้วรีบเดินไปด้วยท่าทางมีพิรุธโดยไม่ได้ถามทางสักคำ จินเนะมองปราดเดียวก็รู้ว่าต้องเป็นการเดินสำรวจอย่างแน่นอน แต่ตัวเด็กสาวจะลงแรงเองทำไมกันในเมื่อโอกาสหลอกถามยังมีอีกเยอะ
"จุนลองชิมอุบาดามะบ้างสิ ครั้งนี้ข้าตั้งใจทำเต็มที่เลยนะ"
จินเนะหรี่ตาลงจ้องมาซารุซึ่งมองจุนด้วยสายตาที่แม้จะไม่หวานเยิ้มอะไร แต่มันดูอบอุ่นและลึกซึ้งกว่าที่จะมองเพื่อนทั่วไป
นี่มันยังไงกันนะ...
"อื้ม! อร่อยมากเลย สมแล้วที่เป็นมาซารุซัง"
ร่างในชุดกิโมโนยิ้มกว้างแต่กลับตอบอย่างถ่อมตัว ถึงกระนั้นยังคงปิดความดีใจที่ปรากฏไม่มิด เด็กหนุ่มเองก็ดูจะมีความสุขมากเหมือนกลับว่าเด็กสาวไม่ได้นั่งอยู่ตรงนี้ เพราะจินเนะมีแผนแกล้งจุนอยู่ตลอดเวลา ฉะนั้น เขาจึงได้ค่อนข้างระมัดระวังยามที่อยู่ใกล้เธอ แต่ตอนนี้กลับยิ้มได้งั้นเหรอ!
จินเนะมองมาซารุสลับกับพี่ชายตนเองไปมาแล้วครุ่นคิดคำนวณ ถึงจะได้ผลสรุปที่ค่อนข้างน่าแปลกใจ แต่มันก็เป็นเรื่องช่วยไม่ได้
มิน่าล่ะ ช่วงนี้ฉันถึงไม่ต้องวางแผนแยกคำสารภาพรักของนายนะ!
แต่สิ่งหนึ่งที่เด็กสาวไม่ได้เฉลียวใจคิดเลยแม้แต่น้อยก็คือ...แผนการแกล้งของตัวเธอเองที่เป็นสิ่งชักนำให้พวกเขาได้มาพบกัน
"จุนคุง วันนี้รีบกลับบ้านเถอะ"
จิเสะที่ไม่เจออะไรสักอย่างชักชวนเด็กหนุ่มกลับบ้านในที่สุดหลังผ่านไปสักพัก รวมทั้งอธิบายว่าช่วงนี้มีพวกก่อเหตุวิวาทบ่อยมาก ดีไม่ดีจะโดนหาเรื่องเอาได้
แต่จินเนะกลับห้ามปรามไว้แล้วบอกให้เขาค้างที่นี่ดีกว่า ทำเอาจิเสะที่คิดว่าจินเนะตามมาด้วยความเป็นห่วงเหมือนกันถึงกับงุนงงเช่นเดียวกันกับจุนซึ่งสงสัยว่าเด็กสาวมีอะไรอยู่ในใจกันแน่
มาซารุออกไปยืนส่งเด็กสาวทั้งสองถึงถนนซึ่งต้องเดินต่อไปอีกห้านาทีถึงจะสามารถขึ้นรถบัสไ้่ด้ นั่นทำให้จิเสะคิดว่าเขาเองก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรนัก เมื่อรวมกับการที่เขาไม่ได้มีของอันตรายไว้ในครอบครอง เธอก็คลายกังวลและอคติที่มีต่อมาซารุไปได้
จุนนั่งรออยู่ด้วยความกระวนกระวาย มาซารุให้เขารออยู่ที่นี่โดยจะเดินไปส่งพวกจิเสะเอง สำหรับเด็กสาวที่สงสัยเรื่องมาซารุอย่างจริงจังคนนั้นเขาไม่ห่วงอะไรมากหรอก แต่น้องสาวจอมยุ่งของเขาเนี่ยสิ คงไม่พูดอะไรแปลกๆออกไปหรอกนะ
"ต้องเป็นกังวลขนาดนั้นเชียวเหรอ"
จุนสะดุ้งขึ้นเล็กน้อยเมื่อถูกกอดจากด้านหลัง เขารีบรัวคำถามชุดใหญ่ใส่ร่างในชุดกิโมโนว่าไม่ได้โดนทำอะไรแปลกๆหรือว่าได้ยินอะไรประหลาดๆมา
"เจ้าหมายถึงจินเนะคนนั้นนะหรือ? นางไม่ได้พูดอะไรสักคำเดียวเลย เจ้าไม่ต้องกังวลไป"
เด็กหนุ่มถอนหายใจเบาๆ จับมือมาซารุไว้แน่น "ผมไม่มีวันทำให้เธอเสียใจเหมือนที่จิเสะจังเคยผิดใจกับผมและที่สำคัญ ตอนนี้เราจะเรียกกันว่าแฟน...ได้ใช่ไหม?"
ถึงพวกเขาทั้งคู่จะสารภาพรักกันแล้วก็ตาม แต่เรื่องสถานะความสัมพันธ์กลับยังไม่้มีใครพูดถึงเลย ในความคิดของจุนแล้ว ความคลุมเครือแบบนี้ควรรีบหมดไปสักที
ทว่า...มาซารุกลับไม่เข้าใจสิ่งที่เรียกว่าแฟนเลยแม้แต่น้อยนิดพลางถามหาความหมาย
"แฟนก็คือ...เอ่อ คนรักไงล่ะ คนที่รักกันมากๆแต่ยังไม่แต่งงานก็คือแฟน มาซารุซังจะเป็นแฟน...คนรักของผมได้ไหม"
จุนพูดอย่างพยามอธิบาย สำหรับเขาแล้วไม่ค่อยชอบพูดเรื่องความรู้สึกเท่าไหร่นัก ถึงจะเป็นผู้ชายแต่ความรู้สึกประหม่ามันก็ใช่ว่าจะไม่มีเลยสักหน่อย
มาซารุยิ้มให้จุนอย่างอบอุ่นแล้วพยักหน้า กล่าวอย่างหนักแน่นว่า "จุนก็จะเป็นคนรักของข้าเช่นเดียวกัน คนรักเพียงหนึ่งเดียว และในเมื่อเจ้าพูดออกมาตามตรง ข้าคิดว่าคงถึงเวลาแล้ว"
จุนงุนงง "เวลา?"
"ในฐานะที่เจ้าเป็นคนรักของข้า ข้าจะสอนวิชาดาบประจำตระกูลให้" มาซารุหลุบตาลง "ที่จริงแล้วสิ่งนี้จะสืบทอดให้แก่ผู้ที่แต่งงานเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่ข้ากับเจ้าทำแบบนั้นไม่ได้ ฉะนั้น ความสัมพันธ์เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว"
จุนรีบปฏิเสธ เขาเองเพิ่งรู้จักกับมาซารุไม่นานขนาดนั้น จะให้รับรู้ของสำคัญแบบนั้นได้อย่างไรกัน แต่ความตั้งใจของร่างในชุดกิโมโนไม่ได้น้อยไปกว่าจิเสะที่พยามสืบหาตัวตนของเขาเลย...
อย่างไรก็ตาม จิเสะยังคงสงสัยในอะไรบางอย่างที่นั่น ใช่ว่าเธอไม่ช่างสังเกตเลย เด็กสาวก็รู้สึกเหมือนกันกับจุนที่ในศาลเจ้านั้นไม่มีของอำนวยความสะดวกเลยและเหมือนกับข้าวของเครื่องใช้จะเป็นของย้อนยุค
แม้แต่โรงแรมที่จัดรูปแบบไว้แบบโบราณหรือโรงแรมเก่าๆก็ยังมีพวกโทรศัพท์บ้างอะไรบ้าง ที่ศาลเจ้าฟุมิเนเนะเองก็มีสัญญาณโทรศัพท์ส่งถึงแท้ๆ
ดังนั้น ในเช้าวันต่อมาซึ่งเป็นวันหยุดพอดี จิเสะรีบวิ่งไปที่ร้านอินเทอร์เน็ตเพื่อสืบหาข้อมูลเกี่ยวกัลศาลเจ้าแห่งนั้น น่าเสียดายที่ส่วนใหญ่ลงไว้ลวกๆ ไม่ได้มีรายละเอียดสำคัญอะไรนัก
"รุ่นพี่คะ!"
ซายากะร้องทักพลางเดินเข้ามาในร้านอินเทอร์เน็ตแห่งนี้เหมือนกันเนื่องจากกำลังจะหารอบคอนเสิร์ตของเมยามิ ริกะ ถึงเรื่องแบบนี้จะถามเจ้าตัวได้แต่เธอจะเอาคำถามที่หาได้ง่ายๆไปถามท่านไอดอลสุดน่ารักให้รำคาญไปทำไมกัน!
ความพอใจของจินเนะคือสิ่งที่ดีที่สุด นั่นคือนโยบายของกลุ่มแฟนคลับนี้
"กำลังหาเกี่ยวกับศาลเจ้าฟุมิเนเนะหรือคะ อืม...ชื่อคุ้นๆแฮะ"
ซายากะมองไปรอบๆร้านอินเทอร์เน็ตแห่งนี้ก็พบว่ามีคนอยู่เต็มทุกเครื่อง ตอนแรกที่จิเสะมาก็ต้องรออยู่นานเลยเช่นเดียวกัน
เด็กสาวยิ้มเจ้าเล่ห์ ให้คำแนะนำบางอย่างไปแบบมีผลประโยชน์แอบแฝง
"เอ...รุ่นพี่จิเสะคะ เรื่องแบบนี้หาได้จากห้องสมุดจะได้ข้อมูลครบครันกว่านะคะ พวกหนังสือประวัติทั้งหลาย ข้อมูลไม่น่าสนใจแบบเรื่องนี้คงไม่มีคนลงละเอียดหรอกค่ะ"
แน่นอน คนใสซื่ออย่างจิเสะจะไม่หลงกลท่าทีน่าเชื่อถือนี้ได้อย่างไรกัน แต่ที่สำคัญคือเธอเองก็ไม่เจอข้อมูลจริงๆ จะทู่ซี้ค้นหาต่อไปก็ไร้ค่า
ซายากะใช้คอมพิวเตอร์ตัวนั้นหารอบคอนเสิร์ตของเมยามิ ริกะ อย่างสบายอารมณ์ แฟนคลับระดับสูงอย่างเธอต้องเลือกแถวหน้าสุดอยู่แล้ว ดังนั้น จึงไม่ต้องกังวลอะไรเกี่ยวกับการเลือกที่นั่งสักนิด แต่ถึงกระนั้นยังต้องเป็นแถวหน้าที่ดีที่สุดและกลางที่สุด!
คิกๆๆ เราจะได้ดูท่านจินเนะในตอนร้องเพลงแล้ว!
จิเสะมาห้องสมุดบ่อยพอสมควรจึงค่อนข้างสนิทสนมกับบรรณารักษ์ ถึงเรื่องที่จะสืบค้นข้อมูลไปทำไมมันยากที่จะบอกก็ตามที แต่หญิงสาววัยกลางคนผู้นี้ก็ไม่ได้เซ้าซี้หาคำตอบให้ยุ่งยาก
แต่ด้วยความสนิทสนมนี้เอง จิเสะจึงต้องหอบหนังสือกองสูงเท่าพะเนินที่มีตำนานและประวัติต่างๆตามคำแนะนำของบรรณารักษ์ไปวางที่โต๊ะด้วยความยากลำบาก
เล่มแล้วเล่มเล่าผ่านไป ดูเหมือนว่าศาลเจ้าฟุมิเนเนะจะไม่ได้ถูกบันทึกอะไรไว้เลย เด็กสาวมองกองหนังสือที่เหลืออีกตั้งครึ่งอย่างท้อๆ แต่เมื่อนึกถึงจุน เธอก็ต้องฮึดสู้ขึ้นมา!
โชคดีของจิเสะคือเล่มรองสุดท้าย ในหนังสือที่หน้ากระดาษเก่าจนเหลืองไปหมดแล้วนี้มีตำนานของศาลเจ้าฟุมิเนเนะอยู่ด้วย
ยิ่งอ่านไปเท่าไหร่ ใบหน้าของจิเสะก็ยิ่งซีดลงด้วยความหวาดกลัวขึ้นเรื่อยๆ ในตอนที่อ่านบรรทัดสุดท้ายจบนั้นเอง มือของใครคนหนึ่งก็เอื้อมมือมาสัมผัสไหล่ของเธอพร้อมกล่าวว่า...
"สวัสดีค่ะ รุ่นพี่จิเสะ"
"กรี๊ด!"
เสียงเด็กสาวที่ร้องลั่นไม่หยุดสร้างความสนใจแก่ผู้คนพอสมควร บรรณารักษ์หญิงรีบวิ่งมายังโต๊ะของจิเสะด้วยความตกใจปนสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น สิ่งที่ปรากฏคือเด็กสาวสองคนกำลังอยู่ในความตื่นตระหนก จิเสะที่หลับตาร้องลั่นอยู่ที่พื้นและซายากะที่ยืนมองเธออยู่โดยไม่เข้าใจว่าตัวเองทำอะไรผิด
บรรณารักษ์หญิงรีบวิ่งเข้าไปสะกิดจิเสะ ทั้งนี้เพื่อให้เธอหยุดกรีดร้องก่อน
"คุณ...คุณบรรณารักษ์? เอ๊ะ ซา...ซายากะจัง?"
"ใช่สิคะ" เด็กสาวหน้ามุ่ย "คิดว่าเป็นใครกันคะ รุ่นพี่จุนรึไง"
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ