You are my hope.เจ้าเท่านั้น ที่ข้าจะรอ yaoi

10.0

เขียนโดย ปรัสรา

วันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2555 เวลา 10.13 น.

  20 chapter
  3 วิจารณ์
  27.77K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) บทที่8

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

        "จุนคุง!"  จิเสะเดินเข้ามาด้วยใบหน้ามุ่งมั่นแบบน่ารักแบบเด็กผู้หญิง  "เมื่อคืนไปไหนมานะ"

        เด็กหนุ่มกระพริบตาปริบๆ  จำได้ว่าเขาส่งเมสเสจมาบอกคนที่บ้านว่าจะไปค้างบ้านเพื่อน  แต่ว่ายังไงเขาก็ไม่ได้ส่งไปที่มือถือของเด็กสาวผู้นี้แน่ๆนี่นา  แล้วทำไมจิเสะถึงได้รู้กันล่ะ?

        เมื่อถามออกไปอย่างนั้น  จิเสะก็กอดอกแล้วพูดว่า  "ได้รับข้อมูลมาจากเด็กผู้หญิงรุ่นน้ิองคนหนึ่งไงล่ะ  จุนคุงไปที่บ้านเพื่อนที่ชื่อมาซารุอะไรนั่นรึเปล่า"

        เมื่อโดนรังสีอำมหิตแผ่ใส่แทนการบังคับให้ตอบอย่างตรงไปตรงมา  จุนก็ต้องรีบพยักหน้า  ถึงจะไม่เข้าใจว่ามันสำคัญยังไงก็ตาม

        เมื่อจิเสะได้รับคำตอบอย่างนั้น  ความรู้สึกตอนโดนซายากะบิวต์อารมณ์จนคิดไปว่ามาซารุเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ก็ผุดขึ้นมาทันที

        "ต้องเลิกคบคนไม่ดีตั้งแต่เนิ่นๆนะคะ!"  เด็กสาวยืนยันหนักแน่น  "ถ้าหากว่าถูกจับออกไปนอกลู่นอกทางต้องแย่แน่เลย"

        จุนไม่เข้าใจสักนิดว่าจิเสะกำลังหมายถึงอะไรและใครนอกลู่นอกทาง  มาซารุเองก็เป็นคนดี  ถึงจะพบกันได้ไม่นานแต่จุนว่าคนที่เขารักคนนี้ก็ไม่ได้มีอะไรเสียหายสักหน่อย

        หางตาของจุนเหลือบมองจินเนะที่โพสต์ท่าถ่ายรูปอย่างเปรมปรีดิ์อยู่แล้วถอนหายใจ  พูดกับจิเสะด้วยน้ำเสียงท้อๆว่า

        "ผมไม่รู้ว่าจินเนะพูดอะไรกับเธอนะ  แต่มาซารุไม่ใช่คนเลว"

        "ถ้าไม่ใช่คนเลวและทำไมถึงได้ต้องปิดบังล่ะ"  น้ำเ้สียงของจิเสะสั่นเครือขึ้นมา  น้ำตาคลอ  "ฉันเป็นห่วงจุนคุงมากจริงๆนะ  ถ้าเธอโดนชวนเข้าแก๊งอันธพาลขึ้นมาล่ะ  ต้องรีบปฏิเสธและวิ่งหนีมาทันทีเลยนะ"

        จุนนึกภาพมาซารุไปทำผมทรงประหลาดหรือว่าหาเรื่องต่อยตีกับคนอื่นแล้วรู้สึกว่ามันช่างเป็นไปไม่ได้

        "งั้นผมจะพาเธอไปพบกับมาซารุแล้วกันนะ"  

        จุนบอกในที่สุดพร้อมทั้่งสบตากับจินเนะ  ดูจากรอยยิ้มเย็นๆที่ส่งมาให้เขาแล้ว  รับรองได้เลยว่างานนี้ทั้งเพื่อนสาวทั้งน้องสาวของเขาต้องไปที่ศาลเจ้าฟุมิเนเนะด้วยอย่างแน่นอน

        เอาเถอะ ยังไงมาซารุซังก็รู้แล้วว่าจินเนะเป็นคนยังไง  คงไม่มีปัญหาหรอก...

 

        "นั่งรถบัสแค่สิบห้านาที  เธอ...พวกเธอคงไม่เบื่อกันไปก่อนหรอกใช่ไหม"

        ถึงจะเบื่อก็ไม่ทันแล้ว  ณ ตอนนี้ทั้งจินเนะทั้งจิเสะต่างพากันนั่งอยู่บนรถบัส  ระหว่างทาง จิเสะเตรียมของป้องกันตัวจำพวกสเปรย์พริกไทยไปด้วย  ส่วนจินเนะเอาแต่นั่งครุ่นคิืดว่าเธอจะต้องสังเกตนิสัยของเพื่อนของจุนคนนี้  สุดท้ายก็ทำให้จุนแตกคอกับอีกฝ่ายให้จงได้!

        รถแล่นผ่านสถานที่แล้วสถานที่เล่า ในที่สุดก็มาถึงภูเขาฟุมิเนเนะ  ซึ่งมีหมอกปกคลุมบางส่วนของพื้นอีกเช่นเคย  โชคดีที่ทางเดินเป็นบันไดหิน  ไม่ใช่พื้นดินที่ไม่รู้ว่าจะมีหลุมมีบ่อตรงไหน

        ในที่สุด เด็หนุ่มก็เข้าใกล้พอจะเห็นร่างในชุดกิโมโนซึ่งบัดนี้ไม่ได้ทำหน้าแปลกใจอะไรที่จุนไม่ได้มาคนเดียวอย่างเคย

        "นี่คือมาซารุซัง  เป็นผู้ดูแลศาลเจ้าฟุมิเนเนะแห่งนี้  ส่วนสองคนนี่คือจิเสะจังกับจินเนะที่เคยเล่าให้ฟัง"

        คนทั้งสามโค้งตัวทักทายกันตามมารยาท  ด้านจิเสะพยามมองหามุมที่ดูเป็นคนร้ายหรือแก๊งอันธพาลของมาซารุจนแทบจะแผ่รังสีอำมหิตออกมาได้อยู่แล้ว

        ส่วนจินเนะไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรออกมาเลยสักนิด  แต่บุรุษในชุดกิโมโนก็สังเกตได้ว่าเธอจ้องมองและสังเกตเขาอยู่

        แน่นอน สำหรับจุนแล้วนี่ช่างเป็นสถานการณ์ที่ย่ำแย่จริงๆ  เขาได้แต่หวังว่ามาซารุคงจะไม่โดนจินเนะแกล้งแผลงๆหรอกนะ

        แต่เหมือนเด็กสาวจะไม่ค่อยให้พี่ชายสมหวังเท่าไหร่  เพราะแค่เรื่องของว่างรับรองแขกก็มีปัีญหาซะแล้ว

        "อุบาดามะกับโกโบโมจิ?  ฉันกินเฉพาะคุกกี้นะ"  จินเนะกอดอกพูดอย่างไม่เกรงใจ  "หรืออะไรก็ได้ที่เป็นจำพวกขนมปังหรือเค้กนะ"

        "โกโบโมจิมันก็ของชอบเธอไม่ใช่หรือไง  อีกอย่าง เดี๋ยวผมจะเอาเรื่องนี้ไปบอกแฟนคลับเธอหรอก  ถึงภาพลักษณ์จะอยู่ในแนวเด็กสาวสมัยใหม่ก็เถอะ  แต่คนญี่ปุ่นก็ยังเป็นคนญี่ปุ่นนะ  ถ้าเรื่องที่เธอไม่กินของแนวญี่ปุ่นคงมีผลกระทบต่อชื่อเสียงแน่นอน"  

        จุนรีบปรามปนขู่แล้วหันไปขอโทษมาซารุ  แน่นอนว่าตอนนี้จินเนะโกรธจนเลือดขึ้นหน้า  กล้าดียังไงเอาเรื่องอาชีพไอดอลของเธอมาขู่นะ!  

        จิเสะกินของว่างอย่างเงียบๆหันไปรอบๆเพื่อสำรวจหาอาวุธที่ใช้ทะเลาะวิวาท  นอกจากดาบโบราณซึ่งไม่น่าจะถูกนำมาใช้พร่ำเพรื่อที่อยู่ตรงผนังแล้ว  สิ่งอื่นก็ไม่มีอะไรผิดปกติ

        "ขอใช้ห้องน้ำหน่อยนะคะ!"  

        จู่ๆจิเสะก็โพล่งขึ้นมาแล้วรีบเดินไปด้วยท่าทางมีพิรุธโดยไม่ได้ถามทางสักคำ  จินเนะมองปราดเดียวก็รู้ว่าต้องเป็นการเดินสำรวจอย่างแน่นอน  แต่ตัวเด็กสาวจะลงแรงเองทำไมกันในเมื่อโอกาสหลอกถามยังมีอีกเยอะ

        "จุนลองชิมอุบาดามะบ้างสิ  ครั้งนี้ข้าตั้งใจทำเต็มที่เลยนะ"

        จินเนะหรี่ตาลงจ้องมาซารุซึ่งมองจุนด้วยสายตาที่แม้จะไม่หวานเยิ้มอะไร  แต่มันดูอบอุ่นและลึกซึ้งกว่าที่จะมองเพื่อนทั่วไป

        นี่มันยังไงกันนะ...

        "อื้ม!  อร่อยมากเลย  สมแล้วที่เป็นมาซารุซัง"

        ร่างในชุดกิโมโนยิ้มกว้างแต่กลับตอบอย่างถ่อมตัว  ถึงกระนั้นยังคงปิดความดีใจที่ปรากฏไม่มิด  เด็กหนุ่มเองก็ดูจะมีความสุขมากเหมือนกลับว่าเด็กสาวไม่ได้นั่งอยู่ตรงนี้  เพราะจินเนะมีแผนแกล้งจุนอยู่ตลอดเวลา  ฉะนั้น เขาจึงได้ค่อนข้างระมัดระวังยามที่อยู่ใกล้เธอ  แต่ตอนนี้กลับยิ้มได้งั้นเหรอ!

        จินเนะมองมาซารุสลับกับพี่ชายตนเองไปมาแล้วครุ่นคิดคำนวณ  ถึงจะได้ผลสรุปที่ค่อนข้างน่าแปลกใจ  แต่มันก็เป็นเรื่องช่วยไม่ได้

        มิน่าล่ะ  ช่วงนี้ฉันถึงไม่ต้องวางแผนแยกคำสารภาพรักของนายนะ!

        แต่สิ่งหนึ่งที่เด็กสาวไม่ได้เฉลียวใจคิดเลยแม้แต่น้อยก็คือ...แผนการแกล้งของตัวเธอเองที่เป็นสิ่งชักนำให้พวกเขาได้มาพบกัน

        "จุนคุง  วันนี้รีบกลับบ้านเถอะ"

        จิเสะที่ไม่เจออะไรสักอย่างชักชวนเด็กหนุ่มกลับบ้านในที่สุดหลังผ่านไปสักพัก  รวมทั้งอธิบายว่าช่วงนี้มีพวกก่อเหตุวิวาทบ่อยมาก  ดีไม่ดีจะโดนหาเรื่องเอาได้

        แต่จินเนะกลับห้ามปรามไว้แล้วบอกให้เขาค้างที่นี่ดีกว่า  ทำเอาจิเสะที่คิดว่าจินเนะตามมาด้วยความเป็นห่วงเหมือนกันถึงกับงุนงงเช่นเดียวกันกับจุนซึ่งสงสัยว่าเด็กสาวมีอะไรอยู่ในใจกันแน่

        มาซารุออกไปยืนส่งเด็กสาวทั้งสองถึงถนนซึ่งต้องเดินต่อไปอีกห้านาทีถึงจะสามารถขึ้นรถบัสไ้่ด้  นั่นทำให้จิเสะคิดว่าเขาเองก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรนัก  เมื่อรวมกับการที่เขาไม่ได้มีของอันตรายไว้ในครอบครอง  เธอก็คลายกังวลและอคติที่มีต่อมาซารุไปได้

        จุนนั่งรออยู่ด้วยความกระวนกระวาย  มาซารุให้เขารออยู่ที่นี่โดยจะเดินไปส่งพวกจิเสะเอง  สำหรับเด็กสาวที่สงสัยเรื่องมาซารุอย่างจริงจังคนนั้นเขาไม่ห่วงอะไรมากหรอก  แต่น้องสาวจอมยุ่งของเขาเนี่ยสิ  คงไม่พูดอะไรแปลกๆออกไปหรอกนะ

        "ต้องเป็นกังวลขนาดนั้นเชียวเหรอ"

        จุนสะดุ้งขึ้นเล็กน้อยเมื่อถูกกอดจากด้านหลัง  เขารีบรัวคำถามชุดใหญ่ใส่ร่างในชุดกิโมโนว่าไม่ได้โดนทำอะไรแปลกๆหรือว่าได้ยินอะไรประหลาดๆมา

        "เจ้าหมายถึงจินเนะคนนั้นนะหรือ?  นางไม่ได้พูดอะไรสักคำเดียวเลย  เจ้าไม่ต้องกังวลไป"

        เด็กหนุ่มถอนหายใจเบาๆ  จับมือมาซารุไว้แน่น  "ผมไม่มีวันทำให้เธอเสียใจเหมือนที่จิเสะจังเคยผิดใจกับผมและที่สำคัญ  ตอนนี้เราจะเรียกกันว่าแฟน...ได้ใช่ไหม?"

        ถึงพวกเขาทั้งคู่จะสารภาพรักกันแล้วก็ตาม  แต่เรื่องสถานะความสัมพันธ์กลับยังไม่้มีใครพูดถึงเลย  ในความคิดของจุนแล้ว  ความคลุมเครือแบบนี้ควรรีบหมดไปสักที

        ทว่า...มาซารุกลับไม่เข้าใจสิ่งที่เรียกว่าแฟนเลยแม้แต่น้อยนิดพลางถามหาความหมาย

        "แฟนก็คือ...เอ่อ คนรักไงล่ะ  คนที่รักกันมากๆแต่ยังไม่แต่งงานก็คือแฟน  มาซารุซังจะเป็นแฟน...คนรักของผมได้ไหม"

        จุนพูดอย่างพยามอธิบาย  สำหรับเขาแล้วไม่ค่อยชอบพูดเรื่องความรู้สึกเท่าไหร่นัก  ถึงจะเป็นผู้ชายแต่ความรู้สึกประหม่ามันก็ใช่ว่าจะไม่มีเลยสักหน่อย

        มาซารุยิ้มให้จุนอย่างอบอุ่นแล้วพยักหน้า  กล่าวอย่างหนักแน่นว่า "จุนก็จะเป็นคนรักของข้าเช่นเดียวกัน  คนรักเพียงหนึ่งเดียว  และในเมื่อเจ้าพูดออกมาตามตรง  ข้าคิดว่าคงถึงเวลาแล้ว"

        จุนงุนงง  "เวลา?"

        "ในฐานะที่เจ้าเป็นคนรักของข้า  ข้าจะสอนวิชาดาบประจำตระกูลให้"  มาซารุหลุบตาลง  "ที่จริงแล้วสิ่งนี้จะสืบทอดให้แก่ผู้ที่แต่งงานเป็นครอบครัวเดียวกัน  แต่ข้ากับเจ้าทำแบบนั้นไม่ได้  ฉะนั้น ความสัมพันธ์เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว"

        จุนรีบปฏิเสธ  เขาเองเพิ่งรู้จักกับมาซารุไม่นานขนาดนั้น  จะให้รับรู้ของสำคัญแบบนั้นได้อย่างไรกัน  แต่ความตั้งใจของร่างในชุดกิโมโนไม่ได้น้อยไปกว่าจิเสะที่พยามสืบหาตัวตนของเขาเลย...

 

        อย่างไรก็ตาม จิเสะยังคงสงสัยในอะไรบางอย่างที่นั่น  ใช่ว่าเธอไม่ช่างสังเกตเลย  เด็กสาวก็รู้สึกเหมือนกันกับจุนที่ในศาลเจ้านั้นไม่มีของอำนวยความสะดวกเลยและเหมือนกับข้าวของเครื่องใช้จะเป็นของย้อนยุค

        แม้แต่โรงแรมที่จัดรูปแบบไว้แบบโบราณหรือโรงแรมเก่าๆก็ยังมีพวกโทรศัพท์บ้างอะไรบ้าง  ที่ศาลเจ้าฟุมิเนเนะเองก็มีสัญญาณโทรศัพท์ส่งถึงแท้ๆ

        ดังนั้น ในเช้าวันต่อมาซึ่งเป็นวันหยุดพอดี  จิเสะรีบวิ่งไปที่ร้านอินเทอร์เน็ตเพื่อสืบหาข้อมูลเกี่ยวกัลศาลเจ้าแห่งนั้น  น่าเสียดายที่ส่วนใหญ่ลงไว้ลวกๆ  ไม่ได้มีรายละเอียดสำคัญอะไรนัก

        "รุ่นพี่คะ!"

        ซายากะร้องทักพลางเดินเข้ามาในร้านอินเทอร์เน็ตแห่งนี้เหมือนกันเนื่องจากกำลังจะหารอบคอนเสิร์ตของเมยามิ ริกะ  ถึงเรื่องแบบนี้จะถามเจ้าตัวได้แต่เธอจะเอาคำถามที่หาได้ง่ายๆไปถามท่านไอดอลสุดน่ารักให้รำคาญไปทำไมกัน!

        ความพอใจของจินเนะคือสิ่งที่ดีที่สุด  นั่นคือนโยบายของกลุ่มแฟนคลับนี้

        "กำลังหาเกี่ยวกับศาลเจ้าฟุมิเนเนะหรือคะ  อืม...ชื่อคุ้นๆแฮะ"

        ซายากะมองไปรอบๆร้านอินเทอร์เน็ตแห่งนี้ก็พบว่ามีคนอยู่เต็มทุกเครื่อง  ตอนแรกที่จิเสะมาก็ต้องรออยู่นานเลยเช่นเดียวกัน

        เด็กสาวยิ้มเจ้าเล่ห์  ให้คำแนะนำบางอย่างไปแบบมีผลประโยชน์แอบแฝง  

        "เอ...รุ่นพี่จิเสะคะ  เรื่องแบบนี้หาได้จากห้องสมุดจะได้ข้อมูลครบครันกว่านะคะ  พวกหนังสือประวัติทั้งหลาย  ข้อมูลไม่น่าสนใจแบบเรื่องนี้คงไม่มีคนลงละเอียดหรอกค่ะ"

        แน่นอน คนใสซื่ออย่างจิเสะจะไม่หลงกลท่าทีน่าเชื่อถือนี้ได้อย่างไรกัน  แต่ที่สำคัญคือเธอเองก็ไม่เจอข้อมูลจริงๆ  จะทู่ซี้ค้นหาต่อไปก็ไร้ค่า

        ซายากะใช้คอมพิวเตอร์ตัวนั้นหารอบคอนเสิร์ตของเมยามิ ริกะ อย่างสบายอารมณ์  แฟนคลับระดับสูงอย่างเธอต้องเลือกแถวหน้าสุดอยู่แล้ว  ดังนั้น จึงไม่ต้องกังวลอะไรเกี่ยวกับการเลือกที่นั่งสักนิด  แต่ถึงกระนั้นยังต้องเป็นแถวหน้าที่ดีที่สุดและกลางที่สุด!

        คิกๆๆ  เราจะได้ดูท่านจินเนะในตอนร้องเพลงแล้ว!

 

        จิเสะมาห้องสมุดบ่อยพอสมควรจึงค่อนข้างสนิทสนมกับบรรณารักษ์  ถึงเรื่องที่จะสืบค้นข้อมูลไปทำไมมันยากที่จะบอกก็ตามที  แต่หญิงสาววัยกลางคนผู้นี้ก็ไม่ได้เซ้าซี้หาคำตอบให้ยุ่งยาก

        แต่ด้วยความสนิทสนมนี้เอง  จิเสะจึงต้องหอบหนังสือกองสูงเท่าพะเนินที่มีตำนานและประวัติต่างๆตามคำแนะนำของบรรณารักษ์ไปวางที่โต๊ะด้วยความยากลำบาก

        เล่มแล้วเล่มเล่าผ่านไป  ดูเหมือนว่าศาลเจ้าฟุมิเนเนะจะไม่ได้ถูกบันทึกอะไรไว้เลย  เด็กสาวมองกองหนังสือที่เหลืออีกตั้งครึ่งอย่างท้อๆ  แต่เมื่อนึกถึงจุน  เธอก็ต้องฮึดสู้ขึ้นมา!

        โชคดีของจิเสะคือเล่มรองสุดท้าย  ในหนังสือที่หน้ากระดาษเก่าจนเหลืองไปหมดแล้วนี้มีตำนานของศาลเจ้าฟุมิเนเนะอยู่ด้วย

        ยิ่งอ่านไปเท่าไหร่  ใบหน้าของจิเสะก็ยิ่งซีดลงด้วยความหวาดกลัวขึ้นเรื่อยๆ  ในตอนที่อ่านบรรทัดสุดท้ายจบนั้นเอง  มือของใครคนหนึ่งก็เอื้อมมือมาสัมผัสไหล่ของเธอพร้อมกล่าวว่า...

        "สวัสดีค่ะ  รุ่นพี่จิเสะ"

        "กรี๊ด!"

        เสียงเด็กสาวที่ร้องลั่นไม่หยุดสร้างความสนใจแก่ผู้คนพอสมควร  บรรณารักษ์หญิงรีบวิ่งมายังโต๊ะของจิเสะด้วยความตกใจปนสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น  สิ่งที่ปรากฏคือเด็กสาวสองคนกำลังอยู่ในความตื่นตระหนก  จิเสะที่หลับตาร้องลั่นอยู่ที่พื้นและซายากะที่ยืนมองเธออยู่โดยไม่เข้าใจว่าตัวเองทำอะไรผิด

        บรรณารักษ์หญิงรีบวิ่งเข้าไปสะกิดจิเสะ  ทั้งนี้เพื่อให้เธอหยุดกรีดร้องก่อน

        "คุณ...คุณบรรณารักษ์?  เอ๊ะ ซา...ซายากะจัง?"

        "ใช่สิคะ"  เด็กสาวหน้ามุ่ย  "คิดว่าเป็นใครกันคะ  รุ่นพี่จุนรึไง"

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา