You are my hope.เจ้าเท่านั้น ที่ข้าจะรอ yaoi
10.0
6) บทที่6
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ จุนมาที่โรงเรียนโดยมีชุดนักเรียนซึ่งซักเรียบร้อยด้วยฝีมือของมาซารุทำให้ไม่ต้องอ้อมไปที่บ้านเพื่อเปลี่ยนชุด โดยที่หน้าโรงเรียนมีจิเสะและนักเรียนกลุ่มหนึ่งกำลังยืนออกันอยู่ ถึงคนส่วนใหญ่จะทำหน้าไม่มีปัญหาอะไร แต่เด็กสาวกลับกำลังน้ำตาคลอหน่วย เขารีบเร่งฝีเท้าไปยังที่นั่นทันที
ชมรมเคนโด้่กำลังประกาศถึงการแข่งขันกับชมรมชงชาเพื่อแย่งชิงห้องชมรมด้วยความลำพองใจเต็มที่ แม้ว่าชนะการแข่งดาบเพียงอย่างเดียวไม่พอ ยังต้องแข่งขันในพิธีชงชาก็ตาม แต่ชมรมเคนโด้ก็มีคนเหมาะๆเตรียมไว้อยู่แล้ว ซึ่งงานทั้งสองจัดช่วงบ่ายของวันนี้ที่ไม่มีวิชาอะไรเนื่องจากอาจารย์มีประชุมพิเศษ
จิเสะพูดด้วยมีน้ำเสียงสะอึกสะอื้น พยามกลั้นร้องไห้เต็มที
"จุนคุง" เสียงเธอสั่นพร่า "เราจะทำยังไงกันดี คุยกับคุณประธานแล้ว เขาบอกว่าจะพยามหาคนลงแข่งให้ได้ก่อนเวลาเริ่ม แต่...แต่ว่า จะไปหาจากที่ไหนได้ทันล่ะ ฮือ..."
กลุ่มเพื่อนของจิเสะพยามบอกใบ้ให้เด็กหนุ่มพูดอะไรปลอบใจเธอซะเดี๋ยวนี้ จะัสารภาพรักไปเลยก็ได้ อย่างน้อย การทำให้ใครบางคนรู้สึกดีในเวลาแย่ๆมันก็เป็นการสร้างความประทับใจอย่างหนึ่ง ถึงแม้ว่ามันจะดูไม่เหมาะกับกาลและเวลาไปหน่อยก็เถอะ! ยังไงก็ตาม จุดที่สำคัญคือจุึนไม่เข้าใจก็ชี้มือชี้ไม้ของพวกเธอเลยสักนิด
แต่เขาก็รีบอธิบายว่ามีคนเหมาะสมอยู่แล้วพร้อมทั้งส่งผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งให้เพื่อเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมา...แน่นอน น้ำตาที่ไหลลงมาอย่างเป็นธรรมชาติ มีความใสปกติและความเร็วที่ธรรมดา ต่างจากน้ำตาของมาซารุ
"ว่าแต่...คนที่เตรียมไว้คือใครเหรอ ใช่เพื่อนใหม่คนนั้นหรือเปล่า"
ใบหน้าที่มีแต่ความสงสัยของจิเสะเริ่มเพิ่มความรู้สึกขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นจ้องเขม็ง ทำเอาจุนกลืนน้ำลายด้วยความหวาดกลัวในรังสีที่แผ่ออกมา แต่ก็พยักหน้ารับ "อื้ม คนนั้นแหละ"
จิเสะมองตามแผ่นหลังของเด็กหนุ่มที่ขึ้นชั้นเรียนไปด้วยความไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยเลยว่ารังสีความสงสัยของเด็กสาวยิ่งมีเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว
เอาล่ะ อีกไม่นานเราจะได้พบกับคนที่ชื่อมาซารุนั่นแล้วสินะ!
จินเนะที่รับโทรศัพท์จากซายากะซึ่งแอบฟังการสนทนามาโดยตลอดเพื่อแลกกับของรางวัลซึ่งพลาดจากคราวที่แล้วอย่างน่าเสียดาย จินเนะถึงจะโพสต์ท่าถ่ายรูปอยู่ก็กำลังครุ่นคิดแบบเดียวกับจิเสะ อีกไม่นาน พวกเธอทั้งสองก็จะได้กับมาซารุแล้วอย่างนั้นสินะ
"ที่นี่คือโรงเรียนอย่างนั้นสินะ ช่างเป็นปราสาทที่ใหญ่จริงๆ ขุนนางท่านใดเป็นผู้ครอบครองอยู่งั้นหรือ"
"อ่า...ผู้ครอบครองเหรอ ครูใหญ่คุซาคาเบะล่ะมั้ง?"
จุนมึนไปหมดกับคำศัพท์ที่มาซารุใช้ ซึ่งเขามาที่โรงเรียนไคเซย์ในตอนพักกลางวัน
ร่างในชุดกิโมโนนั่นอดสังเกตสีหน้าลำบากใจของเด็กหนุ่มไม่ได้ เมื่อคิดไปคิดมาเขาก็ขอโทษเพราะนึกว่าตนเองเป็นคนทำให้จุนลำบากใจที่จะต้องตอบคำถาม จุนต้องรีบบอกว่าไม่ใช่ด้วยสาเหตุนั้น ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เล่าความคิดของเขาตอนนี้
"คือผมไม่อยากให้จินเนะกับเธอเจอกัน จำได้่ใช่ไหม เรื่องที่ทำไมผมกับจิเสะจังถึงเคยผิดใจกัน ถ้าจินเนะรู้เรื่องเธอเข้าล่ะก็ ต่อไปคงไม่มีความสงบสุขแน่ๆ และตัวผมเองก็ไม่อยากให้เธอต้องเจอแบบจิเสะจัง" จุนถอนหายใจอีกครั้ง "เพราะผมรู้สึกดีกับเธอ...เอ่อ หมายถึงรู้สึกดีๆนะ เอ่อ..."
ดูเหมือนว่ามาซารุจะไม่ได้ติดใจอะไรกับคำคำนั้นนัก คงเพราะเขาไม่ได้รู้ว่าถ้าหากคนส่วนใหญ่ได้รับประโยคนั้นแล้วมันจะหมายถึงทางใดได้บ้าง ดังนั้น ความสนใจของมาซารุจึงพุ่งไปที่ประโยคแรกๆมากกว่า นั่นคือเด็กหนุ่มผู้นี้ไม่อยากให้จินเนะได้เจอกับเขา
มาซารุครุ่นคิดชั่วครู่แล้วตอบตกลง "ข้าจะไม่พบกับเด็กสาวคนนั้นก็ได้ แล้วคนที่ชื่อจิเสะล่ะ?"
จุนเกิดอาการลังเลขึ้นมาทันที ไม่มีเหตุผลที่จิเสะจะไม่ต้องมาพบกับมาซารุ แต่ตัวเขาก็รู้สึกว่าไม่อยากให้พบ ทำไมกันนะ?
เมื่อคิดดูดีๆแล้ว ถึงจินเนะจะไม่ได้มาพบกับมาซารุ แต่จิเสะที่ไม่ได้ีรู้ว่าเบื้องหลังความปั่นป่วนคือน้องสาวของเขาเองอาจจะบอกอะไรไปเมื่อถูกหลอกถาม แต่ระดับจินเนะแล้ว ไม่ได้มีวิธีเดียวหรอก คนที่รู้ความร้ายกาจของน้องสาวตัวเองดีที่สุดก็ย่อมเป็นพี่ชายที่โดนแกล้งมาตลอดอย่างเขานี่แหละนะั
"พบกับจิเสะก็ได้ เธอคนนั้นนิสัยดี ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรหรอก น่าจะเข้ากันได้"
"อีกสี่นาทีจะเริ่มการแข่งขันค่ะ สี่นาทีสามสิบวินาที... สามนาที..."
จิเสะพูดเวลาที่อยู่ในมือถือตลอดเวลาด้วยสีหน้าอันมุ่งมั่น โดยมีซายากะแอบยืนหาวอยู่ข้างๆ ถ้าไม่ใช่เพราะของขวัญสุดสเปเชี่ยลจากจินเนะล่ะก็ เรื่องอะไรเธอจะต้องมายืนดูพิธีชงชาด้วยล่ะ น่าเบื่อออก! สู้ซิงเกิ้ลใหม่อย่าง 'คาเซโนะ นากะโนะ อาอิ (รักในสายลม) ' ของเมยามิ ริกะ ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!
จิเสะยังจับเวลาไม่เลิก "อีกหนึ่งนา..."
"จิเสะ ซายากะ!" อาจารย์สาวคิริเอะรีบวิ่งเข้ามา "กำลังตามหาอยู่พอดีเลย คือว่ามาช่วยจัดการอะไรตรงนี้หน่อยสิ พอดีได้ปลีกตัวจากประชุมอาจารย์เลยรีบวิ่งมาบอก"
"เอ่อ..."
"แต่...แต่ว่าของรางวัล"
"โทษทีนะ เราไม่มีเวลามาพูดแล้วล่ะ"
ซายากะได้แต่ใช้เวลาตอนโดนลากไปโทรหาจินเนะซึ่งซ้อมบทอยู่ที่ชมรมการละครว่าคงจะดำเนินภารกิจไม่สำเร็จซะแล้ว!
นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย!
จินเนะวางสายจากซายากะซึ่งโทรมาขอโทษพร้อมเสียงพร่ำรำพันด้วยความหงุดหงิดและตัดสินใจว่าจะไปดูหน้าของมาซารุอะไรนั่นด้วยตนเอง หากว่าไม่ได้มีข้อความจากไซโตะ ผู้จัดการส่วนตัวของเมยามิ ริกะ หรือก็คือจินเนะ ส่งเข้ามาซะก่อน
รอรับหน้าดรงเรียน คิวงานพิเศษแทรกเข้ามา
จินเนะอยากปาโทรศัพท์ทิ้งด้วยความโมโหแล้วเดินไปขึ้นรถของไซโตะซึ่งจอดรออยู่ด้วยความหงุดหงิด แต่เมื่อจะสั่งงานแฟนคลับคนอื่น ไซโตะกลับยึดมือถือเธอไปและยื่นเนื้อหาของคิวงานพิเศษให้ดู มันคือการถ่ายโปสเตอร์และปกซีดีล่าสุดที่ถูกเลื่อนเข้ามากระทันหัน
การแข่งขันถูกเลื่อนต่อไปอีกสามสิบนาทีด้วยฝีมือของประธานชมรมชงชาหลังจากกฏใหม่ถูกประกาศเพิ่มอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยว่า 'ผู้ที่ลงชื่อในการแข่งขันเคนโด้จะต้องแข่งในพิธีชงชาด้วย'
คนที่ประธานเตรียมมาในเวลาอันกระชั้นชิดอาจมีความสามารถด้านวิชาดาบก็จริง แต่เรื่องการชงชานั้นจะเป็นไปได้ยังไงกัน
"ยอมแพ้เถอะ" ประธานชมรมชงชาพูดขึ้นมาในที่สุด "เราไม่มีคนเตรียมพร้อมไว้ขนาดนั้น เจ็บใจนัก! ไม่นึกเลยว่าพวกมันจะเล่นสกปรก"
"ประธานคะ!"
เด็กผู้หญิงซึ่งเป็นสมาชิกส่วนใหญ่ของชมรมพากันส่งเสียงขึ้นมาว่าอย่าเพิ่งยอมแพ้ แต่คนที่ประธานพามานั้นก็พยามพูดว่าเขาไม่ได้ชงชาเก่งเลย มิหนำซ้ำ ยังไม่เคยชงชามาก่อนอีกด้วย
"เดี๋ยวสิ ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้หรอก" พวกเด็กสาวร้องระงม "อาจมีปาฏิหาริย์กระทันหันก็ได้ ลองดูเถอะน่า"
จุนมองภาพความวุ่นวายเหล่านั้นแล้วหันไปถามความเห็นของมาซารุว่าเขาจะลงแข่งทั้งสองอย่างได้ไหม แน่นอนว่าสำหรับร่างในชุดกิโมโนผู้นี้ย่อมทำได้ทุกอย่างเพื่อเขาอยู่แล้ว ฉะนั้น คำตอบจึงไม่ได้เหนือความคาดหมายใดเลย แต่เพราะเป็นแบบนี้จุนถึงเริ่มรู้สึกว่าตัวเองอาจจะเอาเปรียบอะไรมาซารุมากไป
แต่อย่างไรซะ จุนรีบยกมือขึ้นมาทันที "คุณประธานครับ! ผมมีคนที่จะให้ขึ้นแข่งขันครับ!"
ชมรมเคนโด้ไม่คิดว่าสามสิบนาทีที่ถูกขอไปจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ อย่างไรก็ตาม ไม่มีกฏข้อไหนที่บอกว่าห้ามคนนอกมาเป็นตัวแทนแข่งขัน ที่สำคัญ คนจากชมรมเคนโด้เองก็เป็นรุ่นพี่ของชมรมเคนโด้ที่ไปเข้าชมรมชงชาของโรงเรียนอื่นเช่นกัน จะใช้กฏคนในโรงเรียนก็ไม่ได้ซะด้วย
ดังนั้น การแข่งขันจึงเริ่มต้นขึ้น ตอนแรกที่ได้ยินว่าแข่งขันนั้น มาซารุเองยังอดหวั่นใจไม่ได้ ไม่ใช่อะไรแต่เขาเองเคยเห็นการแข่งในพิธีชงชาของพวกขุนนางมานักต่อนัก แต่ล่ะคนซึ่งถูกฝึกเคี่ยวกรำมาไม่แพ้มาซารุต่างทำกันได้ดี
แต่ว่าผู้คนในยุคปัจจุบันไม่ใช่ผู้ที่ถูกฝึกขนาดนั้น ท่วงท่าอันงดงามจึงตกเป็นคะแนนของมาซารุอย่างง่ายดาย ชัยชนะจึงตกเป็นของชมรมชงชา
"ทำได้ดีมากเลยนะ" จุนเอ่ยชมระหว่างที่ช่วยอีกฝ่ายลุกขึ้นมา เนื่องจากเขาเองเคยอยู่ในพิธีชงชามาไม่มากก็น้อย ความรู้สึกที่โดนตะคริวกินมักจะเกิดขึ้นง่ายๆกับคนที่ไม่ได้นั่งในท่าเรียบร้อยบ่อยๆอย่างจุน แต่ึถึงมาซารุจะไม่ได้มีอาการที่ว่า แต่เขาก็ดีใจที่ยังน้อยจุนก็ได้มอบความห่วงใยมาให้
ระหว่างที่พักเตรียมตัวอีกหนึ่งชั่วโมง คุณประธานชมรมชงชาจะดึงตัวมาซารุมาคุยด้วยเนื่องจากมีความประทับใจอย่างมาก ก็นานแค่ไหนแล้วนะที่เด็กรุ่นใหม่ทำได้ขนาดนี้ เพียงแต่...การที่คนในชุดกิโมโนผู้นี้เอาแต่ตามติดจุนอยู่ตลอดเวลาเนี่ยสิ ไม่ใช่แค่นั้น ดูเหมือนว่าสมาชิกชมรมของเขาเองก็ไม่ได้ปฏิเสธเลยสักนิด คุณประธานจะไปบังคับให้คุยก็ยังไงอยู่
เอาเถอะ ยังไงซะ ความสำคัญก็ไม่ใช่การพูดคุย อยู่ที่ความสามารถต่างหาก ที่โรงเรียนรู้สึกว่าจะไม่บังคับว่าบุคคลภายนอกห้ามเป็นสมาชิกชมรมซะด้วยสิ
คุณประธานตัดสินใจแน่วแน่ว่าสักวันจะเชิญมาซารุมาเป็นวิทยากรบรรยายเรื่องความสำคัญของประเพณีและวิธีฝึกมารยาทที่งดงามของญี่ปุ่นนี้อย่างครบถ้วน
"ขอความกรุณาด้วย"
ชมรมเคนโด้โต้ตอบสั้นๆ "เช่นกัน"
มาซารุยืนยันว่าตนเองจะไม่ใช้เครื่องป้องกัน นั่นทำให้ชมรมเคนโด้ยืนยันแบบเดียวกัน ด้วยความที่เป็นชมรมที่ฝึกวิชาสายนี้มาอยู่แล้วจึงได้ไม่มีอะไรต้องกังวล อีกอย่าง ถ้าใส่อยู่ฝ่ายเดียวแล้วศักดิ์ศรีของชมรมจะอยู่ตรงไหนกัน!
การแข่งขันเริ่มต้นเมื่อกรรมการให้สัญญาณ จุนมองมาซารุด้วยความมั่นใจ เพราะในตอนเย็นวันนั้นมาซารุยังตีเขาแหลกได้เลยนี่นา ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เอาไหนเลยกับวิชาดาบนี้ก็เถอะ
แต่โจมตีครั้งแล้วครั้งเล่าผ่านไป ชมรมเคนโด้เป็นฝ่ายบุกก่อนทั้งนั้น และเพราะไม่มีชุดป้องกัน ยามที่ทำคะแนนจึงเป็นการเจ็บจริง ผ้ากิโมโนจะกันความเจ็บได้สักเท่าไหร่กันเชียว
ถึงเขาจะอยากส่งเสียงเชียร์ แต่มาซารุกำชับกับทุกคนไว้ว่าห้ามรบกวนสมาธิ แต่...แค่ไม่กี่แต้มตัวแทนจากชมรมเคนโด้ก็จะเป็นฝ่ายชนะแล้วนะ!
คุณประธานเองยังแอบเหงื่อตกจากความตึงเครียด ถึงจะทำได้ดีในพิธีชงชาก็เถอะ แต่ทำไมตอนที่แข่งขันเคนโด้ถึงไม่ยอมบุกเข้าไปบ้างล่ะ ถึงจะไม่เคยฝึกก็ตาม แต่ยามนี้คุณประธานมั่นใจเต็มที่ว่าตนเองน่าจะทำแต้มได้แล้ว แต่มาซารุคนนี้กลับ...
ขณะนั้นเอง เสียงปริศนาของใครคนหนึ่งได้ดังขึ้นมา
"มาซารุซัง! ทำคะแนนสิ เธอทำได้แน่นอน!"
ท่ามกลางความเงียบ เสียงตะโกนของจุนจึงเดินเกินจริงไปนิด ทุกอย่าง เหมือนจะชะงักไปเล็กน้อย เช่นเดียวกับร่างในชุดกิโมโนผู้นี้ แต่ใบหน้าที่แสดงยิ้มบางๆนั่นบ่งบอกว่าไม่ได้โกรธพลา่งก็ตอบไปว่า
"ข้าแค่กำลังอยากรู้ว่าคู่ต่อสู้มีฝีมือแค่ไหนเท่านั้น แต่ไม่ต้องห่วง ถ้าจุนอยากให้ข้าชนะตอนนี้ ข้าก็จะทำ!"
ตัวแทนจากชมรมเคนโด้ได้ยินแล้วก็ไม่พอใจ ที่ผ่านมาเขาก็พอจะรู้อยู่หรอกว่าโดนออมมือให้ ในฐานะที่เคยเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายโจมตีแต่กลับไม่ลงมือนั่นนะ แต่ว่าการมาตะโกนลั่นว่าจะชนะแบบนี้ สำหรับตัวแทนจากชมรมเคนโด้แล้วมันก็เหมือนกันการโดนหยามซึ่งๆหน้านั่นแหละ!
แต่ทว่า...ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ที่เขาได้แต่ตั้งรับการบุกจากมาซารุ ท่าทีที่เอาแต่หนีเมื่อครู่มลายวับ
หึ ช้าไปแล้วล่ะน่า ถึงจะแต้มได้ตอนนี้มันก็ไม่สำคัญ ฉันนะเกือบได้สองในสามของคะแนนแล้วนะ เวลาก็กำลังหมดแล้วด้วย!
"สีหน้าของเจ้าดูมั่นใจว่าข้าจะไม่มีทางชนะ" มาซารุยังกระหน่ำดาบไม้ไผ่ใส่คู่ต่อสู้ไม่หยุด ที่ตัวแทนจากชมรมเคนโด้ทำได้ก็เพียงแค่ตั้งรับเท่านั้น "ข้าเองไม่อยากดูถูกอะไร แต่ฝีมือของเจ้าไม่น่าจะใช่ระดับลูกขุนนางที่มีวิทยายุทธิ์ล้ำเลิศ เหมือนวิชาดาบของชาวบ้านทั่วไปซะมากกว่า"
"ชะ...ชาวบ้าน? เหวอ!"
ตัวแทนจากชมรมเคนโด้ซึ่งหลับตาปี๋เมื่อเห็นได้ชัดว่าคงหลบการทำแต้มของอีกฝ่ายที่มุ่งมาที่ศีรษะไม่ได้แน่
ปึ้ก!
เขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับกุมศีรษะป้อยๆด้วยใบหน้างุนงง ทั้งที่ตอนฟาดลงมาเมื่อครู่น่าจะเป็นการทำเต็มแรงอย่างแน่นอน แต่ว่า กลับยั้งไว้ในวินาทีสุดท้ายอย่างนั้นหรือ? ถ้าหากว่าไม่ยั้งมือเขาเองอาจโดนหามไปห้องพยาบาลแล้วก็ได้...
ถึงจะเจ็บใจที่แพ้ ถึงจะเจ็บใจที่อีกฝ่ายออมมือในตอนแรก แต่มันก็เปล่าประโยชน์ที่จะแย้งอะไรขึ้นมาหรือขอแข่งใหม่ ตัวแทนผู้นี้รู้ดี เขาโค้งอีกฝ่ายเมื่อจบการแข่งขัน
"ขอบพระคุณที่ชี้แนะครับ!"
มาซารุก็โค้งให้เขา "ขอบคุณที่เจ้ามาช่วยเป็นคู่ต่อสู้ให้ข้าเช่นกัน"
ชมรมเคนโด้่กำลังประกาศถึงการแข่งขันกับชมรมชงชาเพื่อแย่งชิงห้องชมรมด้วยความลำพองใจเต็มที่ แม้ว่าชนะการแข่งดาบเพียงอย่างเดียวไม่พอ ยังต้องแข่งขันในพิธีชงชาก็ตาม แต่ชมรมเคนโด้ก็มีคนเหมาะๆเตรียมไว้อยู่แล้ว ซึ่งงานทั้งสองจัดช่วงบ่ายของวันนี้ที่ไม่มีวิชาอะไรเนื่องจากอาจารย์มีประชุมพิเศษ
จิเสะพูดด้วยมีน้ำเสียงสะอึกสะอื้น พยามกลั้นร้องไห้เต็มที
"จุนคุง" เสียงเธอสั่นพร่า "เราจะทำยังไงกันดี คุยกับคุณประธานแล้ว เขาบอกว่าจะพยามหาคนลงแข่งให้ได้ก่อนเวลาเริ่ม แต่...แต่ว่า จะไปหาจากที่ไหนได้ทันล่ะ ฮือ..."
กลุ่มเพื่อนของจิเสะพยามบอกใบ้ให้เด็กหนุ่มพูดอะไรปลอบใจเธอซะเดี๋ยวนี้ จะัสารภาพรักไปเลยก็ได้ อย่างน้อย การทำให้ใครบางคนรู้สึกดีในเวลาแย่ๆมันก็เป็นการสร้างความประทับใจอย่างหนึ่ง ถึงแม้ว่ามันจะดูไม่เหมาะกับกาลและเวลาไปหน่อยก็เถอะ! ยังไงก็ตาม จุดที่สำคัญคือจุึนไม่เข้าใจก็ชี้มือชี้ไม้ของพวกเธอเลยสักนิด
แต่เขาก็รีบอธิบายว่ามีคนเหมาะสมอยู่แล้วพร้อมทั้งส่งผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งให้เพื่อเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมา...แน่นอน น้ำตาที่ไหลลงมาอย่างเป็นธรรมชาติ มีความใสปกติและความเร็วที่ธรรมดา ต่างจากน้ำตาของมาซารุ
"ว่าแต่...คนที่เตรียมไว้คือใครเหรอ ใช่เพื่อนใหม่คนนั้นหรือเปล่า"
ใบหน้าที่มีแต่ความสงสัยของจิเสะเริ่มเพิ่มความรู้สึกขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นจ้องเขม็ง ทำเอาจุนกลืนน้ำลายด้วยความหวาดกลัวในรังสีที่แผ่ออกมา แต่ก็พยักหน้ารับ "อื้ม คนนั้นแหละ"
จิเสะมองตามแผ่นหลังของเด็กหนุ่มที่ขึ้นชั้นเรียนไปด้วยความไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยเลยว่ารังสีความสงสัยของเด็กสาวยิ่งมีเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว
เอาล่ะ อีกไม่นานเราจะได้พบกับคนที่ชื่อมาซารุนั่นแล้วสินะ!
จินเนะที่รับโทรศัพท์จากซายากะซึ่งแอบฟังการสนทนามาโดยตลอดเพื่อแลกกับของรางวัลซึ่งพลาดจากคราวที่แล้วอย่างน่าเสียดาย จินเนะถึงจะโพสต์ท่าถ่ายรูปอยู่ก็กำลังครุ่นคิดแบบเดียวกับจิเสะ อีกไม่นาน พวกเธอทั้งสองก็จะได้กับมาซารุแล้วอย่างนั้นสินะ
"ที่นี่คือโรงเรียนอย่างนั้นสินะ ช่างเป็นปราสาทที่ใหญ่จริงๆ ขุนนางท่านใดเป็นผู้ครอบครองอยู่งั้นหรือ"
"อ่า...ผู้ครอบครองเหรอ ครูใหญ่คุซาคาเบะล่ะมั้ง?"
จุนมึนไปหมดกับคำศัพท์ที่มาซารุใช้ ซึ่งเขามาที่โรงเรียนไคเซย์ในตอนพักกลางวัน
ร่างในชุดกิโมโนนั่นอดสังเกตสีหน้าลำบากใจของเด็กหนุ่มไม่ได้ เมื่อคิดไปคิดมาเขาก็ขอโทษเพราะนึกว่าตนเองเป็นคนทำให้จุนลำบากใจที่จะต้องตอบคำถาม จุนต้องรีบบอกว่าไม่ใช่ด้วยสาเหตุนั้น ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เล่าความคิดของเขาตอนนี้
"คือผมไม่อยากให้จินเนะกับเธอเจอกัน จำได้่ใช่ไหม เรื่องที่ทำไมผมกับจิเสะจังถึงเคยผิดใจกัน ถ้าจินเนะรู้เรื่องเธอเข้าล่ะก็ ต่อไปคงไม่มีความสงบสุขแน่ๆ และตัวผมเองก็ไม่อยากให้เธอต้องเจอแบบจิเสะจัง" จุนถอนหายใจอีกครั้ง "เพราะผมรู้สึกดีกับเธอ...เอ่อ หมายถึงรู้สึกดีๆนะ เอ่อ..."
ดูเหมือนว่ามาซารุจะไม่ได้ติดใจอะไรกับคำคำนั้นนัก คงเพราะเขาไม่ได้รู้ว่าถ้าหากคนส่วนใหญ่ได้รับประโยคนั้นแล้วมันจะหมายถึงทางใดได้บ้าง ดังนั้น ความสนใจของมาซารุจึงพุ่งไปที่ประโยคแรกๆมากกว่า นั่นคือเด็กหนุ่มผู้นี้ไม่อยากให้จินเนะได้เจอกับเขา
มาซารุครุ่นคิดชั่วครู่แล้วตอบตกลง "ข้าจะไม่พบกับเด็กสาวคนนั้นก็ได้ แล้วคนที่ชื่อจิเสะล่ะ?"
จุนเกิดอาการลังเลขึ้นมาทันที ไม่มีเหตุผลที่จิเสะจะไม่ต้องมาพบกับมาซารุ แต่ตัวเขาก็รู้สึกว่าไม่อยากให้พบ ทำไมกันนะ?
เมื่อคิดดูดีๆแล้ว ถึงจินเนะจะไม่ได้มาพบกับมาซารุ แต่จิเสะที่ไม่ได้ีรู้ว่าเบื้องหลังความปั่นป่วนคือน้องสาวของเขาเองอาจจะบอกอะไรไปเมื่อถูกหลอกถาม แต่ระดับจินเนะแล้ว ไม่ได้มีวิธีเดียวหรอก คนที่รู้ความร้ายกาจของน้องสาวตัวเองดีที่สุดก็ย่อมเป็นพี่ชายที่โดนแกล้งมาตลอดอย่างเขานี่แหละนะั
"พบกับจิเสะก็ได้ เธอคนนั้นนิสัยดี ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรหรอก น่าจะเข้ากันได้"
"อีกสี่นาทีจะเริ่มการแข่งขันค่ะ สี่นาทีสามสิบวินาที... สามนาที..."
จิเสะพูดเวลาที่อยู่ในมือถือตลอดเวลาด้วยสีหน้าอันมุ่งมั่น โดยมีซายากะแอบยืนหาวอยู่ข้างๆ ถ้าไม่ใช่เพราะของขวัญสุดสเปเชี่ยลจากจินเนะล่ะก็ เรื่องอะไรเธอจะต้องมายืนดูพิธีชงชาด้วยล่ะ น่าเบื่อออก! สู้ซิงเกิ้ลใหม่อย่าง 'คาเซโนะ นากะโนะ อาอิ (รักในสายลม) ' ของเมยามิ ริกะ ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!
จิเสะยังจับเวลาไม่เลิก "อีกหนึ่งนา..."
"จิเสะ ซายากะ!" อาจารย์สาวคิริเอะรีบวิ่งเข้ามา "กำลังตามหาอยู่พอดีเลย คือว่ามาช่วยจัดการอะไรตรงนี้หน่อยสิ พอดีได้ปลีกตัวจากประชุมอาจารย์เลยรีบวิ่งมาบอก"
"เอ่อ..."
"แต่...แต่ว่าของรางวัล"
"โทษทีนะ เราไม่มีเวลามาพูดแล้วล่ะ"
ซายากะได้แต่ใช้เวลาตอนโดนลากไปโทรหาจินเนะซึ่งซ้อมบทอยู่ที่ชมรมการละครว่าคงจะดำเนินภารกิจไม่สำเร็จซะแล้ว!
นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย!
จินเนะวางสายจากซายากะซึ่งโทรมาขอโทษพร้อมเสียงพร่ำรำพันด้วยความหงุดหงิดและตัดสินใจว่าจะไปดูหน้าของมาซารุอะไรนั่นด้วยตนเอง หากว่าไม่ได้มีข้อความจากไซโตะ ผู้จัดการส่วนตัวของเมยามิ ริกะ หรือก็คือจินเนะ ส่งเข้ามาซะก่อน
รอรับหน้าดรงเรียน คิวงานพิเศษแทรกเข้ามา
จินเนะอยากปาโทรศัพท์ทิ้งด้วยความโมโหแล้วเดินไปขึ้นรถของไซโตะซึ่งจอดรออยู่ด้วยความหงุดหงิด แต่เมื่อจะสั่งงานแฟนคลับคนอื่น ไซโตะกลับยึดมือถือเธอไปและยื่นเนื้อหาของคิวงานพิเศษให้ดู มันคือการถ่ายโปสเตอร์และปกซีดีล่าสุดที่ถูกเลื่อนเข้ามากระทันหัน
การแข่งขันถูกเลื่อนต่อไปอีกสามสิบนาทีด้วยฝีมือของประธานชมรมชงชาหลังจากกฏใหม่ถูกประกาศเพิ่มอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยว่า 'ผู้ที่ลงชื่อในการแข่งขันเคนโด้จะต้องแข่งในพิธีชงชาด้วย'
คนที่ประธานเตรียมมาในเวลาอันกระชั้นชิดอาจมีความสามารถด้านวิชาดาบก็จริง แต่เรื่องการชงชานั้นจะเป็นไปได้ยังไงกัน
"ยอมแพ้เถอะ" ประธานชมรมชงชาพูดขึ้นมาในที่สุด "เราไม่มีคนเตรียมพร้อมไว้ขนาดนั้น เจ็บใจนัก! ไม่นึกเลยว่าพวกมันจะเล่นสกปรก"
"ประธานคะ!"
เด็กผู้หญิงซึ่งเป็นสมาชิกส่วนใหญ่ของชมรมพากันส่งเสียงขึ้นมาว่าอย่าเพิ่งยอมแพ้ แต่คนที่ประธานพามานั้นก็พยามพูดว่าเขาไม่ได้ชงชาเก่งเลย มิหนำซ้ำ ยังไม่เคยชงชามาก่อนอีกด้วย
"เดี๋ยวสิ ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้หรอก" พวกเด็กสาวร้องระงม "อาจมีปาฏิหาริย์กระทันหันก็ได้ ลองดูเถอะน่า"
จุนมองภาพความวุ่นวายเหล่านั้นแล้วหันไปถามความเห็นของมาซารุว่าเขาจะลงแข่งทั้งสองอย่างได้ไหม แน่นอนว่าสำหรับร่างในชุดกิโมโนผู้นี้ย่อมทำได้ทุกอย่างเพื่อเขาอยู่แล้ว ฉะนั้น คำตอบจึงไม่ได้เหนือความคาดหมายใดเลย แต่เพราะเป็นแบบนี้จุนถึงเริ่มรู้สึกว่าตัวเองอาจจะเอาเปรียบอะไรมาซารุมากไป
แต่อย่างไรซะ จุนรีบยกมือขึ้นมาทันที "คุณประธานครับ! ผมมีคนที่จะให้ขึ้นแข่งขันครับ!"
ชมรมเคนโด้ไม่คิดว่าสามสิบนาทีที่ถูกขอไปจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ อย่างไรก็ตาม ไม่มีกฏข้อไหนที่บอกว่าห้ามคนนอกมาเป็นตัวแทนแข่งขัน ที่สำคัญ คนจากชมรมเคนโด้เองก็เป็นรุ่นพี่ของชมรมเคนโด้ที่ไปเข้าชมรมชงชาของโรงเรียนอื่นเช่นกัน จะใช้กฏคนในโรงเรียนก็ไม่ได้ซะด้วย
ดังนั้น การแข่งขันจึงเริ่มต้นขึ้น ตอนแรกที่ได้ยินว่าแข่งขันนั้น มาซารุเองยังอดหวั่นใจไม่ได้ ไม่ใช่อะไรแต่เขาเองเคยเห็นการแข่งในพิธีชงชาของพวกขุนนางมานักต่อนัก แต่ล่ะคนซึ่งถูกฝึกเคี่ยวกรำมาไม่แพ้มาซารุต่างทำกันได้ดี
แต่ว่าผู้คนในยุคปัจจุบันไม่ใช่ผู้ที่ถูกฝึกขนาดนั้น ท่วงท่าอันงดงามจึงตกเป็นคะแนนของมาซารุอย่างง่ายดาย ชัยชนะจึงตกเป็นของชมรมชงชา
"ทำได้ดีมากเลยนะ" จุนเอ่ยชมระหว่างที่ช่วยอีกฝ่ายลุกขึ้นมา เนื่องจากเขาเองเคยอยู่ในพิธีชงชามาไม่มากก็น้อย ความรู้สึกที่โดนตะคริวกินมักจะเกิดขึ้นง่ายๆกับคนที่ไม่ได้นั่งในท่าเรียบร้อยบ่อยๆอย่างจุน แต่ึถึงมาซารุจะไม่ได้มีอาการที่ว่า แต่เขาก็ดีใจที่ยังน้อยจุนก็ได้มอบความห่วงใยมาให้
ระหว่างที่พักเตรียมตัวอีกหนึ่งชั่วโมง คุณประธานชมรมชงชาจะดึงตัวมาซารุมาคุยด้วยเนื่องจากมีความประทับใจอย่างมาก ก็นานแค่ไหนแล้วนะที่เด็กรุ่นใหม่ทำได้ขนาดนี้ เพียงแต่...การที่คนในชุดกิโมโนผู้นี้เอาแต่ตามติดจุนอยู่ตลอดเวลาเนี่ยสิ ไม่ใช่แค่นั้น ดูเหมือนว่าสมาชิกชมรมของเขาเองก็ไม่ได้ปฏิเสธเลยสักนิด คุณประธานจะไปบังคับให้คุยก็ยังไงอยู่
เอาเถอะ ยังไงซะ ความสำคัญก็ไม่ใช่การพูดคุย อยู่ที่ความสามารถต่างหาก ที่โรงเรียนรู้สึกว่าจะไม่บังคับว่าบุคคลภายนอกห้ามเป็นสมาชิกชมรมซะด้วยสิ
คุณประธานตัดสินใจแน่วแน่ว่าสักวันจะเชิญมาซารุมาเป็นวิทยากรบรรยายเรื่องความสำคัญของประเพณีและวิธีฝึกมารยาทที่งดงามของญี่ปุ่นนี้อย่างครบถ้วน
"ขอความกรุณาด้วย"
ชมรมเคนโด้โต้ตอบสั้นๆ "เช่นกัน"
มาซารุยืนยันว่าตนเองจะไม่ใช้เครื่องป้องกัน นั่นทำให้ชมรมเคนโด้ยืนยันแบบเดียวกัน ด้วยความที่เป็นชมรมที่ฝึกวิชาสายนี้มาอยู่แล้วจึงได้ไม่มีอะไรต้องกังวล อีกอย่าง ถ้าใส่อยู่ฝ่ายเดียวแล้วศักดิ์ศรีของชมรมจะอยู่ตรงไหนกัน!
การแข่งขันเริ่มต้นเมื่อกรรมการให้สัญญาณ จุนมองมาซารุด้วยความมั่นใจ เพราะในตอนเย็นวันนั้นมาซารุยังตีเขาแหลกได้เลยนี่นา ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เอาไหนเลยกับวิชาดาบนี้ก็เถอะ
แต่โจมตีครั้งแล้วครั้งเล่าผ่านไป ชมรมเคนโด้เป็นฝ่ายบุกก่อนทั้งนั้น และเพราะไม่มีชุดป้องกัน ยามที่ทำคะแนนจึงเป็นการเจ็บจริง ผ้ากิโมโนจะกันความเจ็บได้สักเท่าไหร่กันเชียว
ถึงเขาจะอยากส่งเสียงเชียร์ แต่มาซารุกำชับกับทุกคนไว้ว่าห้ามรบกวนสมาธิ แต่...แค่ไม่กี่แต้มตัวแทนจากชมรมเคนโด้ก็จะเป็นฝ่ายชนะแล้วนะ!
คุณประธานเองยังแอบเหงื่อตกจากความตึงเครียด ถึงจะทำได้ดีในพิธีชงชาก็เถอะ แต่ทำไมตอนที่แข่งขันเคนโด้ถึงไม่ยอมบุกเข้าไปบ้างล่ะ ถึงจะไม่เคยฝึกก็ตาม แต่ยามนี้คุณประธานมั่นใจเต็มที่ว่าตนเองน่าจะทำแต้มได้แล้ว แต่มาซารุคนนี้กลับ...
ขณะนั้นเอง เสียงปริศนาของใครคนหนึ่งได้ดังขึ้นมา
"มาซารุซัง! ทำคะแนนสิ เธอทำได้แน่นอน!"
ท่ามกลางความเงียบ เสียงตะโกนของจุนจึงเดินเกินจริงไปนิด ทุกอย่าง เหมือนจะชะงักไปเล็กน้อย เช่นเดียวกับร่างในชุดกิโมโนผู้นี้ แต่ใบหน้าที่แสดงยิ้มบางๆนั่นบ่งบอกว่าไม่ได้โกรธพลา่งก็ตอบไปว่า
"ข้าแค่กำลังอยากรู้ว่าคู่ต่อสู้มีฝีมือแค่ไหนเท่านั้น แต่ไม่ต้องห่วง ถ้าจุนอยากให้ข้าชนะตอนนี้ ข้าก็จะทำ!"
ตัวแทนจากชมรมเคนโด้ได้ยินแล้วก็ไม่พอใจ ที่ผ่านมาเขาก็พอจะรู้อยู่หรอกว่าโดนออมมือให้ ในฐานะที่เคยเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายโจมตีแต่กลับไม่ลงมือนั่นนะ แต่ว่าการมาตะโกนลั่นว่าจะชนะแบบนี้ สำหรับตัวแทนจากชมรมเคนโด้แล้วมันก็เหมือนกันการโดนหยามซึ่งๆหน้านั่นแหละ!
แต่ทว่า...ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ที่เขาได้แต่ตั้งรับการบุกจากมาซารุ ท่าทีที่เอาแต่หนีเมื่อครู่มลายวับ
หึ ช้าไปแล้วล่ะน่า ถึงจะแต้มได้ตอนนี้มันก็ไม่สำคัญ ฉันนะเกือบได้สองในสามของคะแนนแล้วนะ เวลาก็กำลังหมดแล้วด้วย!
"สีหน้าของเจ้าดูมั่นใจว่าข้าจะไม่มีทางชนะ" มาซารุยังกระหน่ำดาบไม้ไผ่ใส่คู่ต่อสู้ไม่หยุด ที่ตัวแทนจากชมรมเคนโด้ทำได้ก็เพียงแค่ตั้งรับเท่านั้น "ข้าเองไม่อยากดูถูกอะไร แต่ฝีมือของเจ้าไม่น่าจะใช่ระดับลูกขุนนางที่มีวิทยายุทธิ์ล้ำเลิศ เหมือนวิชาดาบของชาวบ้านทั่วไปซะมากกว่า"
"ชะ...ชาวบ้าน? เหวอ!"
ตัวแทนจากชมรมเคนโด้ซึ่งหลับตาปี๋เมื่อเห็นได้ชัดว่าคงหลบการทำแต้มของอีกฝ่ายที่มุ่งมาที่ศีรษะไม่ได้แน่
ปึ้ก!
เขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับกุมศีรษะป้อยๆด้วยใบหน้างุนงง ทั้งที่ตอนฟาดลงมาเมื่อครู่น่าจะเป็นการทำเต็มแรงอย่างแน่นอน แต่ว่า กลับยั้งไว้ในวินาทีสุดท้ายอย่างนั้นหรือ? ถ้าหากว่าไม่ยั้งมือเขาเองอาจโดนหามไปห้องพยาบาลแล้วก็ได้...
ถึงจะเจ็บใจที่แพ้ ถึงจะเจ็บใจที่อีกฝ่ายออมมือในตอนแรก แต่มันก็เปล่าประโยชน์ที่จะแย้งอะไรขึ้นมาหรือขอแข่งใหม่ ตัวแทนผู้นี้รู้ดี เขาโค้งอีกฝ่ายเมื่อจบการแข่งขัน
"ขอบพระคุณที่ชี้แนะครับ!"
มาซารุก็โค้งให้เขา "ขอบคุณที่เจ้ามาช่วยเป็นคู่ต่อสู้ให้ข้าเช่นกัน"
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ