You are my hope.เจ้าเท่านั้น ที่ข้าจะรอ yaoi

10.0

เขียนโดย ปรัสรา

วันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2555 เวลา 10.13 น.

  20 chapter
  3 วิจารณ์
  28.05K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) บทที่6

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

        จุนมาที่โรงเรียนโดยมีชุดนักเรียนซึ่งซักเรียบร้อยด้วยฝีมือของมาซารุทำให้ไม่ต้องอ้อมไปที่บ้านเพื่อเปลี่ยนชุด  โดยที่หน้าโรงเรียนมีจิเสะและนักเรียนกลุ่มหนึ่งกำลังยืนออกันอยู่  ถึงคนส่วนใหญ่จะทำหน้าไม่มีปัญหาอะไร  แต่เด็กสาวกลับกำลังน้ำตาคลอหน่วย  เขารีบเร่งฝีเท้าไปยังที่นั่นทันที

        ชมรมเคนโด้่กำลังประกาศถึงการแข่งขันกับชมรมชงชาเพื่อแย่งชิงห้องชมรมด้วยความลำพองใจเต็มที่  แม้ว่าชนะการแข่งดาบเพียงอย่างเดียวไม่พอ  ยังต้องแข่งขันในพิธีชงชาก็ตาม  แต่ชมรมเคนโด้ก็มีคนเหมาะๆเตรียมไว้อยู่แล้ว  ซึ่งงานทั้งสองจัดช่วงบ่ายของวันนี้ที่ไม่มีวิชาอะไรเนื่องจากอาจารย์มีประชุมพิเศษ

        จิเสะพูดด้วยมีน้ำเสียงสะอึกสะอื้น  พยามกลั้นร้องไห้เต็มที

        "จุนคุง"  เสียงเธอสั่นพร่า  "เราจะทำยังไงกันดี  คุยกับคุณประธานแล้ว  เขาบอกว่าจะพยามหาคนลงแข่งให้ได้ก่อนเวลาเริ่ม  แต่...แต่ว่า จะไปหาจากที่ไหนได้ทันล่ะ  ฮือ..."

        กลุ่มเพื่อนของจิเสะพยามบอกใบ้ให้เด็กหนุ่มพูดอะไรปลอบใจเธอซะเดี๋ยวนี้  จะัสารภาพรักไปเลยก็ได้  อย่างน้อย การทำให้ใครบางคนรู้สึกดีในเวลาแย่ๆมันก็เป็นการสร้างความประทับใจอย่างหนึ่ง  ถึงแม้ว่ามันจะดูไม่เหมาะกับกาลและเวลาไปหน่อยก็เถอะ!  ยังไงก็ตาม จุดที่สำคัญคือจุึนไม่เข้าใจก็ชี้มือชี้ไม้ของพวกเธอเลยสักนิด

        แต่เขาก็รีบอธิบายว่ามีคนเหมาะสมอยู่แล้วพร้อมทั้งส่งผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งให้เพื่อเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมา...แน่นอน น้ำตาที่ไหลลงมาอย่างเป็นธรรมชาติ  มีความใสปกติและความเร็วที่ธรรมดา  ต่างจากน้ำตาของมาซารุ

        "ว่าแต่...คนที่เตรียมไว้คือใครเหรอ  ใช่เพื่อนใหม่คนนั้นหรือเปล่า"

        ใบหน้าที่มีแต่ความสงสัยของจิเสะเริ่มเพิ่มความรู้สึกขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นจ้องเขม็ง  ทำเอาจุนกลืนน้ำลายด้วยความหวาดกลัวในรังสีที่แผ่ออกมา  แต่ก็พยักหน้ารับ  "อื้ม คนนั้นแหละ"

        จิเสะมองตามแผ่นหลังของเด็กหนุ่มที่ขึ้นชั้นเรียนไปด้วยความไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยเลยว่ารังสีความสงสัยของเด็กสาวยิ่งมีเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว

        เอาล่ะ อีกไม่นานเราจะได้พบกับคนที่ชื่อมาซารุนั่นแล้วสินะ!

        จินเนะที่รับโทรศัพท์จากซายากะซึ่งแอบฟังการสนทนามาโดยตลอดเพื่อแลกกับของรางวัลซึ่งพลาดจากคราวที่แล้วอย่างน่าเสียดาย  จินเนะถึงจะโพสต์ท่าถ่ายรูปอยู่ก็กำลังครุ่นคิดแบบเดียวกับจิเสะ  อีกไม่นาน พวกเธอทั้งสองก็จะได้กับมาซารุแล้วอย่างนั้นสินะ

 

        "ที่นี่คือโรงเรียนอย่างนั้นสินะ  ช่างเป็นปราสาทที่ใหญ่จริงๆ  ขุนนางท่านใดเป็นผู้ครอบครองอยู่งั้นหรือ"

        "อ่า...ผู้ครอบครองเหรอ  ครูใหญ่คุซาคาเบะล่ะมั้ง?"

        จุนมึนไปหมดกับคำศัพท์ที่มาซารุใช้  ซึ่งเขามาที่โรงเรียนไคเซย์ในตอนพักกลางวัน

        ร่างในชุดกิโมโนนั่นอดสังเกตสีหน้าลำบากใจของเด็กหนุ่มไม่ได้  เมื่อคิดไปคิดมาเขาก็ขอโทษเพราะนึกว่าตนเองเป็นคนทำให้จุนลำบากใจที่จะต้องตอบคำถาม  จุนต้องรีบบอกว่าไม่ใช่ด้วยสาเหตุนั้น  ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่  เล่าความคิดของเขาตอนนี้

        "คือผมไม่อยากให้จินเนะกับเธอเจอกัน  จำได้่ใช่ไหม เรื่องที่ทำไมผมกับจิเสะจังถึงเคยผิดใจกัน  ถ้าจินเนะรู้เรื่องเธอเข้าล่ะก็  ต่อไปคงไม่มีความสงบสุขแน่ๆ  และตัวผมเองก็ไม่อยากให้เธอต้องเจอแบบจิเสะจัง"  จุนถอนหายใจอีกครั้ง  "เพราะผมรู้สึกดีกับเธอ...เอ่อ  หมายถึงรู้สึกดีๆนะ  เอ่อ..."

        ดูเหมือนว่ามาซารุจะไม่ได้ติดใจอะไรกับคำคำนั้นนัก  คงเพราะเขาไม่ได้รู้ว่าถ้าหากคนส่วนใหญ่ได้รับประโยคนั้นแล้วมันจะหมายถึงทางใดได้บ้าง  ดังนั้น ความสนใจของมาซารุจึงพุ่งไปที่ประโยคแรกๆมากกว่า  นั่นคือเด็กหนุ่มผู้นี้ไม่อยากให้จินเนะได้เจอกับเขา

        มาซารุครุ่นคิดชั่วครู่แล้วตอบตกลง  "ข้าจะไม่พบกับเด็กสาวคนนั้นก็ได้  แล้วคนที่ชื่อจิเสะล่ะ?"

        จุนเกิดอาการลังเลขึ้นมาทันที  ไม่มีเหตุผลที่จิเสะจะไม่ต้องมาพบกับมาซารุ  แต่ตัวเขาก็รู้สึกว่าไม่อยากให้พบ  ทำไมกันนะ?

        เมื่อคิดดูดีๆแล้ว  ถึงจินเนะจะไม่ได้มาพบกับมาซารุ  แต่จิเสะที่ไม่ได้ีรู้ว่าเบื้องหลังความปั่นป่วนคือน้องสาวของเขาเองอาจจะบอกอะไรไปเมื่อถูกหลอกถาม  แต่ระดับจินเนะแล้ว ไม่ได้มีวิธีเดียวหรอก  คนที่รู้ความร้ายกาจของน้องสาวตัวเองดีที่สุดก็ย่อมเป็นพี่ชายที่โดนแกล้งมาตลอดอย่างเขานี่แหละนะั

        "พบกับจิเสะก็ได้  เธอคนนั้นนิสัยดี  ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรหรอก  น่าจะเข้ากันได้"

 

        "อีกสี่นาทีจะเริ่มการแข่งขันค่ะ  สี่นาทีสามสิบวินาที...  สามนาที..."

        จิเสะพูดเวลาที่อยู่ในมือถือตลอดเวลาด้วยสีหน้าอันมุ่งมั่น  โดยมีซายากะแอบยืนหาวอยู่ข้างๆ  ถ้าไม่ใช่เพราะของขวัญสุดสเปเชี่ยลจากจินเนะล่ะก็  เรื่องอะไรเธอจะต้องมายืนดูพิธีชงชาด้วยล่ะ  น่าเบื่อออก! สู้ซิงเกิ้ลใหม่อย่าง 'คาเซโนะ นากะโนะ อาอิ (รักในสายลม) ' ของเมยามิ ริกะ ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!

        จิเสะยังจับเวลาไม่เลิก  "อีกหนึ่งนา..."

        "จิเสะ  ซายากะ!"  อาจารย์สาวคิริเอะรีบวิ่งเข้ามา  "กำลังตามหาอยู่พอดีเลย  คือว่ามาช่วยจัดการอะไรตรงนี้หน่อยสิ  พอดีได้ปลีกตัวจากประชุมอาจารย์เลยรีบวิ่งมาบอก"

        "เอ่อ..."

        "แต่...แต่ว่าของรางวัล"

        "โทษทีนะ เราไม่มีเวลามาพูดแล้วล่ะ"

        ซายากะได้แต่ใช้เวลาตอนโดนลากไปโทรหาจินเนะซึ่งซ้อมบทอยู่ที่ชมรมการละครว่าคงจะดำเนินภารกิจไม่สำเร็จซะแล้ว!

        นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย!

        จินเนะวางสายจากซายากะซึ่งโทรมาขอโทษพร้อมเสียงพร่ำรำพันด้วยความหงุดหงิดและตัดสินใจว่าจะไปดูหน้าของมาซารุอะไรนั่นด้วยตนเอง  หากว่าไม่ได้มีข้อความจากไซโตะ ผู้จัดการส่วนตัวของเมยามิ ริกะ หรือก็คือจินเนะ ส่งเข้ามาซะก่อน

        รอรับหน้าดรงเรียน  คิวงานพิเศษแทรกเข้ามา

        จินเนะอยากปาโทรศัพท์ทิ้งด้วยความโมโหแล้วเดินไปขึ้นรถของไซโตะซึ่งจอดรออยู่ด้วยความหงุดหงิด  แต่เมื่อจะสั่งงานแฟนคลับคนอื่น  ไซโตะกลับยึดมือถือเธอไปและยื่นเนื้อหาของคิวงานพิเศษให้ดู  มันคือการถ่ายโปสเตอร์และปกซีดีล่าสุดที่ถูกเลื่อนเข้ามากระทันหัน

 

        การแข่งขันถูกเลื่อนต่อไปอีกสามสิบนาทีด้วยฝีมือของประธานชมรมชงชาหลังจากกฏใหม่ถูกประกาศเพิ่มอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยว่า 'ผู้ที่ลงชื่อในการแข่งขันเคนโด้จะต้องแข่งในพิธีชงชาด้วย'

        คนที่ประธานเตรียมมาในเวลาอันกระชั้นชิดอาจมีความสามารถด้านวิชาดาบก็จริง  แต่เรื่องการชงชานั้นจะเป็นไปได้ยังไงกัน

        "ยอมแพ้เถอะ"  ประธานชมรมชงชาพูดขึ้นมาในที่สุด  "เราไม่มีคนเตรียมพร้อมไว้ขนาดนั้น  เจ็บใจนัก! ไม่นึกเลยว่าพวกมันจะเล่นสกปรก"

        "ประธานคะ!"

        เด็กผู้หญิงซึ่งเป็นสมาชิกส่วนใหญ่ของชมรมพากันส่งเสียงขึ้นมาว่าอย่าเพิ่งยอมแพ้  แต่คนที่ประธานพามานั้นก็พยามพูดว่าเขาไม่ได้ชงชาเก่งเลย  มิหนำซ้ำ ยังไม่เคยชงชามาก่อนอีกด้วย

        "เดี๋ยวสิ  ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้หรอก"  พวกเด็กสาวร้องระงม  "อาจมีปาฏิหาริย์กระทันหันก็ได้  ลองดูเถอะน่า"

        จุนมองภาพความวุ่นวายเหล่านั้นแล้วหันไปถามความเห็นของมาซารุว่าเขาจะลงแข่งทั้งสองอย่างได้ไหม  แน่นอนว่าสำหรับร่างในชุดกิโมโนผู้นี้ย่อมทำได้ทุกอย่างเพื่อเขาอยู่แล้ว  ฉะนั้น คำตอบจึงไม่ได้เหนือความคาดหมายใดเลย  แต่เพราะเป็นแบบนี้จุนถึงเริ่มรู้สึกว่าตัวเองอาจจะเอาเปรียบอะไรมาซารุมากไป

        แต่อย่างไรซะ จุนรีบยกมือขึ้นมาทันที  "คุณประธานครับ!  ผมมีคนที่จะให้ขึ้นแข่งขันครับ!"

 

        ชมรมเคนโด้ไม่คิดว่าสามสิบนาทีที่ถูกขอไปจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้  อย่างไรก็ตาม ไม่มีกฏข้อไหนที่บอกว่าห้ามคนนอกมาเป็นตัวแทนแข่งขัน  ที่สำคัญ คนจากชมรมเคนโด้เองก็เป็นรุ่นพี่ของชมรมเคนโด้ที่ไปเข้าชมรมชงชาของโรงเรียนอื่นเช่นกัน  จะใช้กฏคนในโรงเรียนก็ไม่ได้ซะด้วย

        ดังนั้น การแข่งขันจึงเริ่มต้นขึ้น  ตอนแรกที่ได้ยินว่าแข่งขันนั้น  มาซารุเองยังอดหวั่นใจไม่ได้  ไม่ใช่อะไรแต่เขาเองเคยเห็นการแข่งในพิธีชงชาของพวกขุนนางมานักต่อนัก  แต่ล่ะคนซึ่งถูกฝึกเคี่ยวกรำมาไม่แพ้มาซารุต่างทำกันได้ดี

        แต่ว่าผู้คนในยุคปัจจุบันไม่ใช่ผู้ที่ถูกฝึกขนาดนั้น  ท่วงท่าอันงดงามจึงตกเป็นคะแนนของมาซารุอย่างง่ายดาย  ชัยชนะจึงตกเป็นของชมรมชงชา

        "ทำได้ดีมากเลยนะ"  จุนเอ่ยชมระหว่างที่ช่วยอีกฝ่ายลุกขึ้นมา  เนื่องจากเขาเองเคยอยู่ในพิธีชงชามาไม่มากก็น้อย  ความรู้สึกที่โดนตะคริวกินมักจะเกิดขึ้นง่ายๆกับคนที่ไม่ได้นั่งในท่าเรียบร้อยบ่อยๆอย่างจุน  แต่ึถึงมาซารุจะไม่ได้มีอาการที่ว่า  แต่เขาก็ดีใจที่ยังน้อยจุนก็ได้มอบความห่วงใยมาให้

        ระหว่างที่พักเตรียมตัวอีกหนึ่งชั่วโมง คุณประธานชมรมชงชาจะดึงตัวมาซารุมาคุยด้วยเนื่องจากมีความประทับใจอย่างมาก  ก็นานแค่ไหนแล้วนะที่เด็กรุ่นใหม่ทำได้ขนาดนี้  เพียงแต่...การที่คนในชุดกิโมโนผู้นี้เอาแต่ตามติดจุนอยู่ตลอดเวลาเนี่ยสิ  ไม่ใช่แค่นั้น ดูเหมือนว่าสมาชิกชมรมของเขาเองก็ไม่ได้ปฏิเสธเลยสักนิด  คุณประธานจะไปบังคับให้คุยก็ยังไงอยู่

เอาเถอะ ยังไงซะ ความสำคัญก็ไม่ใช่การพูดคุย  อยู่ที่ความสามารถต่างหาก  ที่โรงเรียนรู้สึกว่าจะไม่บังคับว่าบุคคลภายนอกห้ามเป็นสมาชิกชมรมซะด้วยสิ

คุณประธานตัดสินใจแน่วแน่ว่าสักวันจะเชิญมาซารุมาเป็นวิทยากรบรรยายเรื่องความสำคัญของประเพณีและวิธีฝึกมารยาทที่งดงามของญี่ปุ่นนี้อย่างครบถ้วน

"ขอความกรุณาด้วย"

ชมรมเคนโด้โต้ตอบสั้นๆ  "เช่นกัน"

มาซารุยืนยันว่าตนเองจะไม่ใช้เครื่องป้องกัน  นั่นทำให้ชมรมเคนโด้ยืนยันแบบเดียวกัน  ด้วยความที่เป็นชมรมที่ฝึกวิชาสายนี้มาอยู่แล้วจึงได้ไม่มีอะไรต้องกังวล  อีกอย่าง ถ้าใส่อยู่ฝ่ายเดียวแล้วศักดิ์ศรีของชมรมจะอยู่ตรงไหนกัน!

การแข่งขันเริ่มต้นเมื่อกรรมการให้สัญญาณ  จุนมองมาซารุด้วยความมั่นใจ  เพราะในตอนเย็นวันนั้นมาซารุยังตีเขาแหลกได้เลยนี่นา  ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เอาไหนเลยกับวิชาดาบนี้ก็เถอะ

แต่โจมตีครั้งแล้วครั้งเล่าผ่านไป  ชมรมเคนโด้เป็นฝ่ายบุกก่อนทั้งนั้น  และเพราะไม่มีชุดป้องกัน  ยามที่ทำคะแนนจึงเป็นการเจ็บจริง  ผ้ากิโมโนจะกันความเจ็บได้สักเท่าไหร่กันเชียว

ถึงเขาจะอยากส่งเสียงเชียร์  แต่มาซารุกำชับกับทุกคนไว้ว่าห้ามรบกวนสมาธิ  แต่...แค่ไม่กี่แต้มตัวแทนจากชมรมเคนโด้ก็จะเป็นฝ่ายชนะแล้วนะ!

คุณประธานเองยังแอบเหงื่อตกจากความตึงเครียด  ถึงจะทำได้ดีในพิธีชงชาก็เถอะ  แต่ทำไมตอนที่แข่งขันเคนโด้ถึงไม่ยอมบุกเข้าไปบ้างล่ะ  ถึงจะไม่เคยฝึกก็ตาม  แต่ยามนี้คุณประธานมั่นใจเต็มที่ว่าตนเองน่าจะทำแต้มได้แล้ว  แต่มาซารุคนนี้กลับ...

ขณะนั้นเอง เสียงปริศนาของใครคนหนึ่งได้ดังขึ้นมา

"มาซารุซัง!  ทำคะแนนสิ  เธอทำได้แน่นอน!"

ท่ามกลางความเงียบ เสียงตะโกนของจุนจึงเดินเกินจริงไปนิด  ทุกอย่าง เหมือนจะชะงักไปเล็กน้อย  เช่นเดียวกับร่างในชุดกิโมโนผู้นี้  แต่ใบหน้าที่แสดงยิ้มบางๆนั่นบ่งบอกว่าไม่ได้โกรธพลา่งก็ตอบไปว่า  

"ข้าแค่กำลังอยากรู้ว่าคู่ต่อสู้มีฝีมือแค่ไหนเท่านั้น  แต่ไม่ต้องห่วง  ถ้าจุนอยากให้ข้าชนะตอนนี้  ข้าก็จะทำ!"

ตัวแทนจากชมรมเคนโด้ได้ยินแล้วก็ไม่พอใจ  ที่ผ่านมาเขาก็พอจะรู้อยู่หรอกว่าโดนออมมือให้  ในฐานะที่เคยเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายโจมตีแต่กลับไม่ลงมือนั่นนะ  แต่ว่าการมาตะโกนลั่นว่าจะชนะแบบนี้  สำหรับตัวแทนจากชมรมเคนโด้แล้วมันก็เหมือนกันการโดนหยามซึ่งๆหน้านั่นแหละ!

แต่ทว่า...ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ที่เขาได้แต่ตั้งรับการบุกจากมาซารุ  ท่าทีที่เอาแต่หนีเมื่อครู่มลายวับ

หึ ช้าไปแล้วล่ะน่า  ถึงจะแต้มได้ตอนนี้มันก็ไม่สำคัญ  ฉันนะเกือบได้สองในสามของคะแนนแล้วนะ  เวลาก็กำลังหมดแล้วด้วย!

"สีหน้าของเจ้าดูมั่นใจว่าข้าจะไม่มีทางชนะ"  มาซารุยังกระหน่ำดาบไม้ไผ่ใส่คู่ต่อสู้ไม่หยุด  ที่ตัวแทนจากชมรมเคนโด้ทำได้ก็เพียงแค่ตั้งรับเท่านั้น  "ข้าเองไม่อยากดูถูกอะไร  แต่ฝีมือของเจ้าไม่น่าจะใช่ระดับลูกขุนนางที่มีวิทยายุทธิ์ล้ำเลิศ  เหมือนวิชาดาบของชาวบ้านทั่วไปซะมากกว่า"

"ชะ...ชาวบ้าน?  เหวอ!"

ตัวแทนจากชมรมเคนโด้ซึ่งหลับตาปี๋เมื่อเห็นได้ชัดว่าคงหลบการทำแต้มของอีกฝ่ายที่มุ่งมาที่ศีรษะไม่ได้แน่  

ปึ้ก!

เขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับกุมศีรษะป้อยๆด้วยใบหน้างุนงง  ทั้งที่ตอนฟาดลงมาเมื่อครู่น่าจะเป็นการทำเต็มแรงอย่างแน่นอน  แต่ว่า กลับยั้งไว้ในวินาทีสุดท้ายอย่างนั้นหรือ?  ถ้าหากว่าไม่ยั้งมือเขาเองอาจโดนหามไปห้องพยาบาลแล้วก็ได้...

ถึงจะเจ็บใจที่แพ้  ถึงจะเจ็บใจที่อีกฝ่ายออมมือในตอนแรก  แต่มันก็เปล่าประโยชน์ที่จะแย้งอะไรขึ้นมาหรือขอแข่งใหม่  ตัวแทนผู้นี้รู้ดี  เขาโค้งอีกฝ่ายเมื่อจบการแข่งขัน

"ขอบพระคุณที่ชี้แนะครับ!"

มาซารุก็โค้งให้เขา  "ขอบคุณที่เจ้ามาช่วยเป็นคู่ต่อสู้ให้ข้าเช่นกัน"

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา