You are my hope.เจ้าเท่านั้น ที่ข้าจะรอ yaoi
10.0
5) บทที่5
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ "คุณคือมิสึกาว่า จิเสะ หรือเปล่า?"
ซายากะถามอีกฝ่ายในห้องน้ำหญิงที่ว่างเปล่า ทั้งที่แน่ใจอยู่แล้วเนื่องจากเธอเคยพบในชมรมชงชา รวมทั้งไอดอลสุดโปรดอย่างเมยามิ ริกะ ก็กำชับนักหนาว่าต้องเป็นคนนี้เท่านั้น เรื่องที่เมยามิ ริกะ มอบหมายให้มานั้น จะทำพลาดไม่ได้เด็ดขาด! นั่นคือคติประจำใจของเด็กสาวแฟนคลับผู้นี้
จิเสะพยักหน้ารับและถามว่าเธอเป็นใคร เนื่องจากในชมรมนั้นเธอเห็นหน้าอีกฝ่ายไม่ชัดเจนและประกอบกับอารมณ์ช่วงสับสน จึงได้จำไม่ได้ว่าเคยพบกัน อย่างดีก็แค่รู้สึกคุ้นๆอยู่บ้างเท่านั้นเอง
"ฉันชื่อซายากะ เป็นรุ่นน้องคุณหนึ่งชั้น" ซายากะแนะนำตัวและเริ่มพูดตามที่เมยามิ ริกะ หรือ จินเนะ สั่งมาทันที "พอดีว่าฉันเองเคยเห็นพวกคุณในร้านไอติมไอเสะนะ ตอนแรกก็คิดว่าพวกคุณต้องเป็นแฟนกันแน่เลย แต่ว่า..."
จิเสะแอบหน้าแดงกับคำว่า 'แฟน' แต่ยังคงถาม "แต่ว่าอะไรเหรอ"
"แต่ว่าเขาไม่ยอมบอกกับคุณว่าเป็นใครนะสิ เผอิญฉันได้ยินที่พวกคุณพูดกันว่ามีเพื่อนของรุ่นพี่จุนคนหนึ่งที่พวกเขาอยู่ด้วยกันในคืนวันทานาบาตะ ถ้าเป็นผู้ชายก็ดีไป แต่ถ้าเป็นเพื่อนชาย ทำไมต้องมาปิดบังคุณด้วยเนอะ? เรื่องนี้มันชักยังไงๆอยู่นะคะ นี่คุณก็คิดใช่ไหมคะ? ใช่ไหมคะ!? อ๊ะ ขอตัวกลับห้องก่อนค่ะ"
ซายากะทิ้งทุ่นระเบิดความรู้สึกใส่จิเสะเสร็จสิ้นตามภารกิจก็รีบวิ่งไปเ้อาของรางวัลจากจินเนะที่ทำหน้ามีเลศนัยอยู่มุมหนึ่ง ถึงจะรู้สึกผิดอยู่บ้างก็เถอะ แต่เพื่องานที่เมยามิ ริกะ มอบให้มันก็ช่วยไม่ได้ ที่สำคัญ ของที่ระลึกสดๆจากมือของเมยามิ ริกะ ชิ้นนี้มันแพงเกินค่าขนมจะมีซะด้วยสิ โอกาสงามๆน่าอิจฉาแบบนี้ใครจะไม่คว้ากันล่ะ
จิเสะยืนคว้างอยู่คนเดียวก็ค่อยๆสงบสติอารมณ์และมีหน้าตามุ่งมั่นขึ้นมา่ทันที
จุนคุง! ฉันจะต้องรู้ให้ได้เลยว่าเพื่อนที่เธอแอบซ่อนไว้เป็นใครกัน ทำไมถึงต้องเป็นความลับนัก!
"ฮัดชิ้ว!"
จุนจามเป็นรอบที่สามของวันนี้ติดๆกันจนคิริเอะยังแนะนำให้เขาไปห้องพยาบาล เด็กหนุ่มคนนี้ในความคิดของคิริเอะช่างแปลกประหลาดดีจริงๆ วันก่อนก็เหม่อจนเหมือนกับหลับไปแล้ว วันนี้ก็จามไม่หยุดติดต่อกันตั้งสามรอบ หรือว่าควรจะให้เครื่องรางนำโชคกันนะ?
ถึงปากจะสอนวิทยาสศาตร์ไป แต่สมองก็ประมวลผลการแก้ปัญหาอาการแปลกประหลาดของลูกศิษย์ไป คิริเอะยืดอกภูมิใจแต่เพียงลำพังว่้าตนเองเป็นอาจารย์ที่ดีที่สุดในญี่ปุ่นเลยทีเดียว
ชั่วโมงชมรมชงชามาถึงอีกครั้ง จุนซึ่งเดินไปก็ลูบจมูกไปพยามเลี่ยงสายตาที่จ้องเขามาอย่างมีบางสิ่งบางอย่างในใจของจิเสะ ก็สายตาที่เหมือนจะจับความผิดของเขาอยู่ตลอดเวลานั่นมันอะไรล่ะ เขานึกไปนึกมาก็ยังคิดไม่ออกว่าตัวเองไปทำอะไรให้โกรธอีกหรือเปล่า
เป็นพวกโกรธง่ายหายยากซะด้วยสิ!
จุนคิดอย่างลำบากใจแล้วตัดสินใจถามไปตรงๆ เด็กสาวเกิดอาการลนลานและถามด้วยสีหน้าเกรงใจว่าตัวเองทำแบบนั้นจริงๆเหรอ จุนได้แต่บอกปัดไปเพราะไม่อยากเซ้าซี้อะไรให้มากความ
แต่เมื่อก้าวเข้าไปในห้องชมรม พวกเขาก็ต้องแปลกใจเมื่อความสงบสุขอันเป็นสิ่งที่คุณประธานยึดถือมาตลอดได้หายไป เสียงเอะอะโวยวายที่คุณประธานชมรมสร้างขึ้นมากับคนอีกคนได้รับคำอธิบายว่า ชมรมเคนโด้ตั้งใจจะมายึดห้องนี้เป็นฐานที่มั่นใหม่แทนห้องเก่า
ที่พวกเขากล้าจะยึดที่คนอื่นแบบนี้เป็นเพราะในอดีตห้องนี้เคยเป็นของชมรมเคนโด้มาก่อน แต่มีการสร้างห้องเคนโด้ใหม่จึงอพยพไปที่นั่น ชมรมชงชาที่มาปรับปรุงห้องนี้จนเหมาะสมจึงถือสิทธิ์ใช้ห้องไปโดยปริยาย เพียงแต่ห้องเคนโด้ใหม่ตอนนี้กำลังปิดปรับปรุง เมื่อคิดไม่ตกกันจริงๆจึงได้แต่มาใช้วิธียึดห้องคืน
เสียงของประธานชมรมเคนโด้กล่าวก่อนจะเดินจากไปคือ
"ถ้่าพรุ่งนี้หาคนมาประลองดาบกับพวกเราไม่ได้ล่ะก็ ห้องนี้จะถูกยึด รู้ไว้ซะ!"
จิเสะกระตุกแขนเด็กหนุ่ม "แย่จังเลยนะ แต่จุนคุง พวกเราต้องย้ายห้องชมรมจริงๆนะเหรอ"
คุณประธานกลับมาอยู่ในมาดนิ่งสงบ แต่ว่าทุกคนสัมผัสได้ถึงแรงกดดัีนและบรรยากาศชวนเครียด ก็แน่ล่ะ ทุกคนในชมรมชงชาไม่มีคนไหนใช้ดาบเป็นสักคน ความจริงแล้วชมรมชงชานี้มีผู้หญิงถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ ทั้งนี้ เนื่องจากคุณประธานและจุนกับอีกสองสามคนเท่านั้นที่เป็นผู้ชาย
มันแน่อยู่แล้ว ชมรมชงชานี่แทบจะเป็นสัญลักษณ์ของชมรมผู้หญิงเลยก็ว่าได้นะ!
ดังนั้น การกลับไปทำใจหรือหาคนมีฝีมือด้านเคนโด้มาคือการบ้านของชมรมในวันนี้
จุนซึ่งเดินไปเรื่อยๆเพื่อขึ้นรถบัสจามติดต่อกันไม่หยุดโดยมีจิเสะและซายากะซึ่งเป็นหน่วยสืบข้อมูลของจินเนะเดินตามไปเรื่อยๆ
แต่เพียงพริบตา เมื่อสองสาวละความสนใจ จุนก็ก้าวขึ้นรถบัสซึ่งมีเพียงเขาคนเดียวที่เห็นไปทั้งที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย สร้างความประหลาดใจแก่เด็กสาวทั้งสองว่าคนที่พวกเธอตามอยู่หายไปไหนกัน จิเสะทั้งกลัวทั้งว้าวุ่นใจ ไม่รู้ว่าจะถุกจุนจับได้ว่าตามมารึเปล่า เช่นเดียวกับซายากะ นี่เป็นงานแรกที่เมยามิ ริกะ มอบหมายมาแล้วทำพลาด!
เด็กสาวสองคนที่วุ่นวายใจกันคนละเรื่องจำใจต้องเดินกลับไปมือเปล่าในที่สุด
จุนสังเกตว่าวันนี้มีหมอกปกคลุมบางส่วน บรรยากาศคล้ายเมฆลอยลงมาที่พื้นดินก็ไม่ปาน ที่หน้าศาลเจ้าฟุมิเนเนะยังคงมีบุรุษในชุดกิโมโนยืนคอยเขาอยู่และส่งเสียงร้องเรียกมาแต่ไกล
"มาซารุซัง" เด็กหนุ่มทักตอบก่อนจะกล่าวว่า "วันนี้หมอกลงเยอะจังนะ ทั้งที่อากาศก็ไม่เย็นแท้ๆ"
บุรุษชุดกิโมโนแย้มยิ้ม "พอดีว่าช่วงนี้มีชาวบ้านเข้ามาที่นี่โดยไม่ได้รับอนุญาตินะ ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็ไม่เป็นไร แต่ตอนนี้เจ้าจะมาที่นี่ ข้าไม่ปล่อยให้คนพวกนั้นมายุ่งกับเจ้าในตอนที่อยู่กับข้าหรอกนะ"
แม้ว่าเด็กหนุ่มจะไม่รู้ว่ามาซารุมีวิชาเรียกหมอกได้จริงหรือไม่ แต่สิ่งหนึ่งที่รู้ก็คือบนฟุมิเนเนะนี่ไม่มีใครจริงๆ เพราะเขาไม่เคยพบใครนอกจากมาซารุมาก่อน แต่อย่างน้อย เรื่องนี้ก็พอจะอธิบายได้แล้วว่าทำไมในคืนทานาบาตะถึงไม่มีใครมาที่นี่
แต่ในระหว่างที่คุยกันอยู่นั้นเอง มาซารุก็โพล่งขึ้นมาว่า
"เรื่องเด็กผู้่หญิงที่ชื่อจิเสะ เจ้าบอกว่าปรับความเข้าใจได้แล้วงั้นเหรอ"
จุนชะงักไป ก่อนจะพูดอ้อมแอ้ม "ก็ประมาณนั้น พอดีว่าจิเสะจังก็พอจะเข้าใจฉันอยู่บ้าง...เอ้อ"
บุรุษในชุดกิโมโนหันไปรินน้ำชาให้ใหม่โดยไม่ได้ซักไซร้อะไรต่อเมื่อเห็นสีหน้าของจุน หากไม่อยากจะพูด เขาก็ไม่คิดทำให้เด็กหนุ่มผู้นี้ต้องลำบากใจ แต่จุนก็พูดเรื่องนี้ออกมาอีกแค่ประโยคเดียวว่า "แต่ผมก็ยังไม่ได้สารภาพรักไปหรอกนะ"
ความเงียบงันปกคลุมไปทั่วโดยไม่มีแม้แต่เสียงนกร้อง ในที่สุด เด็กหนุ่มก็ต้องเป็นฝ่ายเปิดการสนทนาขึ้นมาอีกครั้ง
"วันนี้ชมรมเคนโด้จะมายึดห้องชมรมชงชาของผมล่ะ" จุนขมวดคิ้วน้อยๆ "แต่ถ้าเราชนะการแข่งวันพรุ่งนี้ได้ก็เป็นอีกเรื่อง แต่ในชมรมไม่มีใครใช้ดาบเป็นสักคน แต่มีบางส่วนที่มีคนรู้จักใช้ดาบเป็นนะ พวกเขาเลยจะไปขอร้องให้ช่วยแข่งวันพรุ่งนี้ ถ้าได้ก็ดีนะสิ"
มาซารุพูดช้าๆด้วยน้ำเสียงแน่นหนัก "ถ้าข้าชนะการแข่งวันพรุ่งนี้ จุนจะดีใจใช่ไหม"
เด็กหนุ่มอุทานแล้วมองตามแผ่นหลังมาซารุที่หยิบดาบโบราณที่ได้รับการดูแลอย่างดีเล่มหนึ่งซึ่งแขวนอยู่ที่ผนัง เขาชักดาบเล่มนั้นออกมาตวัดอย่างคล่องแคล่ว ดูเหมือนกับหญิงสาวที่มีวิชาดาบล้ำเลิศในหนังกำลังภายในของประเทศจีนไม่มีผิด
จุนต้องแอบเปรียบเทียบว่าเป็นหญิงสาวเพราะเรือนร่างของอีกฝ่ายนั้นช่างดูบอบบางเสียจริง
อย่างไรก็ตาม เด็กหนุ่มรีบพูดไว้ก่อนเลยว่า
"ผมไม่มีรางวัลอะไรจะให้เธอหรอกนะ แต่ถ้าเป็นพวกเครื่องรางตามศาลเจ้า เอ่อ ไม่สิ" จุนนึกได้ว่าที่นี่ก็เป็นศาลเจ้า เครื่องราวย่อมมีอยู่เป็นจำนวนมากอยู่แล้่ว "งั้นเป็นโืทรศัพท์มือถือไหมล่ะ จะได้ติดต่อกันได้"
มาซารุกล่าวด้วยรอยยิ้ม "รางวัลสำหรับข้าคือจุน เจ้าเท่านั้น ของสิ่งอื่นข้าไม่ต้องการหรอก"
เด็กหนุ่มหลบสายตาที่จ้องมองเขาเหมือนของล้ำค่านั่นด้วยความรู้สึกประหม่าขึ้นมานิดๆ ตั้งแต่เกิดมาไม่มีใครพูดว่าอยากได้เขาเป็นรางวัลหรอกนะ ไม่ใช่ว่าเขาเป็นคนไร้ประโยชน์ไม่เป็นที่ต้องการหรืออะไรขนาดนั้น เพียงแต่เขาก็ไม่ได้มีคุณสมบัติโดดเด่น อย่างมาก ก็แค่ไหว้วานเขาให้ช่วยส่งจดหมายรักให้่น้องสาวเท่านั้นเอง เด็กสาวคนนั้นเป็นไิอดอล เรื่องนี้ปกติจนไม่รู้จะปกติยังไงแล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม จุนคงย้ายบ้านมาอยู่ที่นี่ตามที่อีกฝ่ายต้องการไม่ได้ เมื่อคิดไปคิดมา เขาก็บอกจะมอบของสิ่งอื่นเป็นรางวัลให้แทน
เดี๋ยวค่อยไปเลือกซื้อวันหลังแล้วกัน
แม้ว่าจะผิดหวังเล็กน้อยเมื่อของรางวัลจะไม่ใช่การที่จุนมาอยู่กับเขาที่ฟุมิเนเนะแห่งนี้ก็ตาม แต่ของขวัญจากจุนก็ถือว่ามีค่าสำหรับเขาไม่น้อย อีกอย่าง เขาอยากจะช่วยให้เด็กหนุ่มผู้นี้ดีใจอยู่แล้ว เรื่องของตอบแทนไม่ได้เป็นเรื่องที่สำคัญอะไรนักเลย
"ว่าแต่ มาซารุซังเรียนจากไหนเหรอ คงจะไม่ใช่สมาชิกชมรมเคนโด้เก่าหรอกนะ"
มาซารุส่ายหน้า "ข้าได้เรียนวิชาดาบพื้นฐานกับวิชาดาบประจำตระกูลที่สืบทอดกันมานะ เพราะทุกคนหวังใจให้ข้าได้เป็นผู้นำตระกูลคนต่อไป แต่ทว่า..."
จุนมองสีหน้าที่เศร้าหมองลงแล้วเรียกชื่อเขาเบาๆ "มาซารุซัง..."
"เจ้าจะลองฝึกดาบหน่อยไหม" ร่างในชุดกิโมโนเปลี่ยนเรื่องด้วยรอยยิ้มแจ่มใสเหมือนไม่ใส่ใจเรื่องในอดีต "ถึงตอนนี้ข้ายังสอนวิชาดาบประจำตระกูลให้เจ้าไม่ได้ แต่ว่าถ้าเป็นแค่วิชาดาบพื้นฐานก็ย่อมได้"
เด็กหนุ่มพยักหน้าอย่างตั้งตัวไม่ทันกับอารมณ์ที่เปลี่ยนไปกระทันหันและเดินตามไปหยิบอุปกรณ์ที่โรงเก็บของเล็กๆ หลังจากหาอยู่ชั่วครู่ มาซารุก็หยิบดาบไม้สองอันออกมา
หลังจากดูเชิงกันสักครู่ จุนตัดสินใจเป็นฝ่ายรุกก่อน แต่จังหวะที่จะก้าวไปนั้นเอง มาซารุก็ขยับตัวรวดเร็วจะจู่โจมเขาก่อน!
ร่างในชุดกิโมโนขยับยิ้ม "เดบานะ คือการชิงจู่โจมตอนที่คู่ต่อสู้จะโจมตี"
ทั้งสองคนกลับไปอยู่ในท่าเตรียมพร้อมอีกครั้ง ก่อนที่จุนจะโจมตีอีกครั้ง คราวนี้มาซารุไม่ได้ใช้เดบานะ แต่กลับปะทะลงไปที่ดาบของจุนและตวัดให้ออกไปอย่างรวดเร็ว
"อุจิโอะโทชิคือการปะทะคมดาบให้คู่ต่อสู้โจมตีพลาดเป้าหมาย ต่อด้วยฮาไร คือใช้แรงดันดาบคู่ต่อสู้ไปทางอื่น"
จุนกลับมาในท่าเตรียมพร้อมอีกครั้ง แล้วลังเลในการจะเป็นฝ่ายโจมตีก่อน แต่มาซารุบอกให้เขารุกเข้ามาก่อน
แม้จะรู้ว่าแพ้แน่ๆ แต่จุนก็ทำตามเสียงที่สั่ง เขาถือดาบวิ่งเข้าไปอย่้างนั้นเอง ส่วนร่างในชุดกิโมโนรับคมดาบแล้วใช้แรงในการรับนั้นดันไปอีกด้าน เปิดฉากโจมตีข้างลำตัวทันที
มาซารุอธิบายกระบวนท่า
"คาเอชิ คือการรับดาบของศัตรูแล้วใช้แรงจากการโจมตีของคู่ต่อสู้ จู่โจมกลับไปอีกด้านหนึ่ง"
หลังจากฝึกสักพักจึงจะเสร็จ จุนสังเกตได้ว่าอีกฝ่ายไม่มีเหงื่อออกเลยสักนิด ตรงกันข้าม ยังดูแจ่มใสร่าเริง ไม่มีอาการเหนื่อยหอบผิดกับขนาดตัวที่น่าจะหมดแรงไปตั้งนานแล้ว มาซารุเบนสายตาไปที่ดวงอาทิตย์ตกแล้วกล่าวคล้ายจะเลี่ยงการตอบคำถามกลายๆว่า
"พอดีข้าเป็นคนเหงื่อออกยากนะ เจ้าอย่าได้สนใจเลย จริงสิ เดี๋ยวข้าไปเตรียมอ่างน้ำร้อนกับมื้อเย็นให้นะ"
"เอ่อ ไม่ต้องลำบากเธอหรอก เดี๋ยวผมกลับไปกินที่บ้านก็ได้"
จุึนตอบด้วยความเกรงใจแต่นั่นดูเหมือนจะช้าไปหน่อย เมื่อได้รับคำตอบว่าอ่างอาบน้ำเตรียมเสร็จแล้ว เด็กหนุ่มแปลกใจขึ้นมาทันที ในเมื่อมาซารุอยู่สอนดาบกับเขาตลอด แล้วเอาเวลาที่ไหนไปเตรียมของแบบนั้นกัน แต่ในเมื่ออ่างน้ำร้อนเรียบร้อยแล้ว มีเหตุผลอะไรจะหักหาญน้ำใจอีกฝ่ายและนั่งรถบัสกลับไปพร้อมชุดที่มีแต่เหงื่อนี่ล่ะ
ในอ่างน้ำร้อนขนาดใหญ่ที่มีกำแพงทำจากไม้ไผ่ จุนนั่งแช่น้ำสงบอารมณ์และผ่อนคลายความเมื่อยล้าตลอดวันไปกับสายน้ำ อุณหภูมิพอดีพอเหมาะที่ไม่ร้อนไม่เย็นจนเกินไปนี่มันช่างแสนวิเศษดีแท้ๆ เฮ้อ...
จินเนะไม่รู้ ไม่ต้องคอยรับมือการแกล้งจนวุ่นวาย ที่นี่สิถึงจะเรียกว่าสวรรค์...
จุนคิดแล้วนึกรักช่วงเวลานี้ขึ้นมาอีกหลายเท่า พลางคิดถึงตอนที่ฝึกดาบมาซารุ ท่วงท่าที่ดูสวยทั้งงดงามและแข็งแกร่ง ช่างเป็นความรู้สึกที่ชวนให้จับจ้องหลงใหลซะจริง ความรู้สึกเช่นนี้ไหลเวียนอยู่ในจิตใจของจุนอย่างเงียบงัน ปนเปไปกับความรู้สึกบางอย่างที่ก่อตัวขึ้นมาหลังจากได้พานพบกับมาซารุในวันนั้น
จุนเริ่มสัมผัสได้ว่าการได้มาพบกับคนผู้นี้เป็นหนึ่งในกิจวัตรที่สำคัญอย่างยิ่งในวันหนึ่งที่ผ่านไป...
ความสงบท่ามกลางกลิ่นของธรรมชาติที่โปรยโชยในภูเขาฟุมิเนเนะผสมกับเสียงของแมลงกลายเป็นเพลงบรรเลงที่เหมาะสม ความสงบปรากฏขึ้นเป็นแรงดึงดูดชั้นดีซึ่งน่าประทับใจของที่นี่อย่างนั้นสินะ
เสียงร้องเรียกให้รับประทานมื้อเย็นของมาซารุดึงสติที่ปล่อยไปกับสายน้ำอย่างผ่อนคลายให้กลับคืนมา เด็กหนุ่มขึ้นจากน้ำและสวมยูกาตะเรียบร้อยโดยมีแสงจันทร์ที่ส่องสว่างให้แสงปนกับโคมไฟอันเล็กที่ถูกจุดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบได้ แต่จุนไม่ได้ใส่ใจอะไรในเรื่องนั้นมากนัก
เพียงแต่...มันดับแสงลงเองเมื่อจุนก้าวออกไปเท่านั้น
ซายากะถามอีกฝ่ายในห้องน้ำหญิงที่ว่างเปล่า ทั้งที่แน่ใจอยู่แล้วเนื่องจากเธอเคยพบในชมรมชงชา รวมทั้งไอดอลสุดโปรดอย่างเมยามิ ริกะ ก็กำชับนักหนาว่าต้องเป็นคนนี้เท่านั้น เรื่องที่เมยามิ ริกะ มอบหมายให้มานั้น จะทำพลาดไม่ได้เด็ดขาด! นั่นคือคติประจำใจของเด็กสาวแฟนคลับผู้นี้
จิเสะพยักหน้ารับและถามว่าเธอเป็นใคร เนื่องจากในชมรมนั้นเธอเห็นหน้าอีกฝ่ายไม่ชัดเจนและประกอบกับอารมณ์ช่วงสับสน จึงได้จำไม่ได้ว่าเคยพบกัน อย่างดีก็แค่รู้สึกคุ้นๆอยู่บ้างเท่านั้นเอง
"ฉันชื่อซายากะ เป็นรุ่นน้องคุณหนึ่งชั้น" ซายากะแนะนำตัวและเริ่มพูดตามที่เมยามิ ริกะ หรือ จินเนะ สั่งมาทันที "พอดีว่าฉันเองเคยเห็นพวกคุณในร้านไอติมไอเสะนะ ตอนแรกก็คิดว่าพวกคุณต้องเป็นแฟนกันแน่เลย แต่ว่า..."
จิเสะแอบหน้าแดงกับคำว่า 'แฟน' แต่ยังคงถาม "แต่ว่าอะไรเหรอ"
"แต่ว่าเขาไม่ยอมบอกกับคุณว่าเป็นใครนะสิ เผอิญฉันได้ยินที่พวกคุณพูดกันว่ามีเพื่อนของรุ่นพี่จุนคนหนึ่งที่พวกเขาอยู่ด้วยกันในคืนวันทานาบาตะ ถ้าเป็นผู้ชายก็ดีไป แต่ถ้าเป็นเพื่อนชาย ทำไมต้องมาปิดบังคุณด้วยเนอะ? เรื่องนี้มันชักยังไงๆอยู่นะคะ นี่คุณก็คิดใช่ไหมคะ? ใช่ไหมคะ!? อ๊ะ ขอตัวกลับห้องก่อนค่ะ"
ซายากะทิ้งทุ่นระเบิดความรู้สึกใส่จิเสะเสร็จสิ้นตามภารกิจก็รีบวิ่งไปเ้อาของรางวัลจากจินเนะที่ทำหน้ามีเลศนัยอยู่มุมหนึ่ง ถึงจะรู้สึกผิดอยู่บ้างก็เถอะ แต่เพื่องานที่เมยามิ ริกะ มอบให้มันก็ช่วยไม่ได้ ที่สำคัญ ของที่ระลึกสดๆจากมือของเมยามิ ริกะ ชิ้นนี้มันแพงเกินค่าขนมจะมีซะด้วยสิ โอกาสงามๆน่าอิจฉาแบบนี้ใครจะไม่คว้ากันล่ะ
จิเสะยืนคว้างอยู่คนเดียวก็ค่อยๆสงบสติอารมณ์และมีหน้าตามุ่งมั่นขึ้นมา่ทันที
จุนคุง! ฉันจะต้องรู้ให้ได้เลยว่าเพื่อนที่เธอแอบซ่อนไว้เป็นใครกัน ทำไมถึงต้องเป็นความลับนัก!
"ฮัดชิ้ว!"
จุนจามเป็นรอบที่สามของวันนี้ติดๆกันจนคิริเอะยังแนะนำให้เขาไปห้องพยาบาล เด็กหนุ่มคนนี้ในความคิดของคิริเอะช่างแปลกประหลาดดีจริงๆ วันก่อนก็เหม่อจนเหมือนกับหลับไปแล้ว วันนี้ก็จามไม่หยุดติดต่อกันตั้งสามรอบ หรือว่าควรจะให้เครื่องรางนำโชคกันนะ?
ถึงปากจะสอนวิทยาสศาตร์ไป แต่สมองก็ประมวลผลการแก้ปัญหาอาการแปลกประหลาดของลูกศิษย์ไป คิริเอะยืดอกภูมิใจแต่เพียงลำพังว่้าตนเองเป็นอาจารย์ที่ดีที่สุดในญี่ปุ่นเลยทีเดียว
ชั่วโมงชมรมชงชามาถึงอีกครั้ง จุนซึ่งเดินไปก็ลูบจมูกไปพยามเลี่ยงสายตาที่จ้องเขามาอย่างมีบางสิ่งบางอย่างในใจของจิเสะ ก็สายตาที่เหมือนจะจับความผิดของเขาอยู่ตลอดเวลานั่นมันอะไรล่ะ เขานึกไปนึกมาก็ยังคิดไม่ออกว่าตัวเองไปทำอะไรให้โกรธอีกหรือเปล่า
เป็นพวกโกรธง่ายหายยากซะด้วยสิ!
จุนคิดอย่างลำบากใจแล้วตัดสินใจถามไปตรงๆ เด็กสาวเกิดอาการลนลานและถามด้วยสีหน้าเกรงใจว่าตัวเองทำแบบนั้นจริงๆเหรอ จุนได้แต่บอกปัดไปเพราะไม่อยากเซ้าซี้อะไรให้มากความ
แต่เมื่อก้าวเข้าไปในห้องชมรม พวกเขาก็ต้องแปลกใจเมื่อความสงบสุขอันเป็นสิ่งที่คุณประธานยึดถือมาตลอดได้หายไป เสียงเอะอะโวยวายที่คุณประธานชมรมสร้างขึ้นมากับคนอีกคนได้รับคำอธิบายว่า ชมรมเคนโด้ตั้งใจจะมายึดห้องนี้เป็นฐานที่มั่นใหม่แทนห้องเก่า
ที่พวกเขากล้าจะยึดที่คนอื่นแบบนี้เป็นเพราะในอดีตห้องนี้เคยเป็นของชมรมเคนโด้มาก่อน แต่มีการสร้างห้องเคนโด้ใหม่จึงอพยพไปที่นั่น ชมรมชงชาที่มาปรับปรุงห้องนี้จนเหมาะสมจึงถือสิทธิ์ใช้ห้องไปโดยปริยาย เพียงแต่ห้องเคนโด้ใหม่ตอนนี้กำลังปิดปรับปรุง เมื่อคิดไม่ตกกันจริงๆจึงได้แต่มาใช้วิธียึดห้องคืน
เสียงของประธานชมรมเคนโด้กล่าวก่อนจะเดินจากไปคือ
"ถ้่าพรุ่งนี้หาคนมาประลองดาบกับพวกเราไม่ได้ล่ะก็ ห้องนี้จะถูกยึด รู้ไว้ซะ!"
จิเสะกระตุกแขนเด็กหนุ่ม "แย่จังเลยนะ แต่จุนคุง พวกเราต้องย้ายห้องชมรมจริงๆนะเหรอ"
คุณประธานกลับมาอยู่ในมาดนิ่งสงบ แต่ว่าทุกคนสัมผัสได้ถึงแรงกดดัีนและบรรยากาศชวนเครียด ก็แน่ล่ะ ทุกคนในชมรมชงชาไม่มีคนไหนใช้ดาบเป็นสักคน ความจริงแล้วชมรมชงชานี้มีผู้หญิงถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ ทั้งนี้ เนื่องจากคุณประธานและจุนกับอีกสองสามคนเท่านั้นที่เป็นผู้ชาย
มันแน่อยู่แล้ว ชมรมชงชานี่แทบจะเป็นสัญลักษณ์ของชมรมผู้หญิงเลยก็ว่าได้นะ!
ดังนั้น การกลับไปทำใจหรือหาคนมีฝีมือด้านเคนโด้มาคือการบ้านของชมรมในวันนี้
จุนซึ่งเดินไปเรื่อยๆเพื่อขึ้นรถบัสจามติดต่อกันไม่หยุดโดยมีจิเสะและซายากะซึ่งเป็นหน่วยสืบข้อมูลของจินเนะเดินตามไปเรื่อยๆ
แต่เพียงพริบตา เมื่อสองสาวละความสนใจ จุนก็ก้าวขึ้นรถบัสซึ่งมีเพียงเขาคนเดียวที่เห็นไปทั้งที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย สร้างความประหลาดใจแก่เด็กสาวทั้งสองว่าคนที่พวกเธอตามอยู่หายไปไหนกัน จิเสะทั้งกลัวทั้งว้าวุ่นใจ ไม่รู้ว่าจะถุกจุนจับได้ว่าตามมารึเปล่า เช่นเดียวกับซายากะ นี่เป็นงานแรกที่เมยามิ ริกะ มอบหมายมาแล้วทำพลาด!
เด็กสาวสองคนที่วุ่นวายใจกันคนละเรื่องจำใจต้องเดินกลับไปมือเปล่าในที่สุด
จุนสังเกตว่าวันนี้มีหมอกปกคลุมบางส่วน บรรยากาศคล้ายเมฆลอยลงมาที่พื้นดินก็ไม่ปาน ที่หน้าศาลเจ้าฟุมิเนเนะยังคงมีบุรุษในชุดกิโมโนยืนคอยเขาอยู่และส่งเสียงร้องเรียกมาแต่ไกล
"มาซารุซัง" เด็กหนุ่มทักตอบก่อนจะกล่าวว่า "วันนี้หมอกลงเยอะจังนะ ทั้งที่อากาศก็ไม่เย็นแท้ๆ"
บุรุษชุดกิโมโนแย้มยิ้ม "พอดีว่าช่วงนี้มีชาวบ้านเข้ามาที่นี่โดยไม่ได้รับอนุญาตินะ ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็ไม่เป็นไร แต่ตอนนี้เจ้าจะมาที่นี่ ข้าไม่ปล่อยให้คนพวกนั้นมายุ่งกับเจ้าในตอนที่อยู่กับข้าหรอกนะ"
แม้ว่าเด็กหนุ่มจะไม่รู้ว่ามาซารุมีวิชาเรียกหมอกได้จริงหรือไม่ แต่สิ่งหนึ่งที่รู้ก็คือบนฟุมิเนเนะนี่ไม่มีใครจริงๆ เพราะเขาไม่เคยพบใครนอกจากมาซารุมาก่อน แต่อย่างน้อย เรื่องนี้ก็พอจะอธิบายได้แล้วว่าทำไมในคืนทานาบาตะถึงไม่มีใครมาที่นี่
แต่ในระหว่างที่คุยกันอยู่นั้นเอง มาซารุก็โพล่งขึ้นมาว่า
"เรื่องเด็กผู้่หญิงที่ชื่อจิเสะ เจ้าบอกว่าปรับความเข้าใจได้แล้วงั้นเหรอ"
จุนชะงักไป ก่อนจะพูดอ้อมแอ้ม "ก็ประมาณนั้น พอดีว่าจิเสะจังก็พอจะเข้าใจฉันอยู่บ้าง...เอ้อ"
บุรุษในชุดกิโมโนหันไปรินน้ำชาให้ใหม่โดยไม่ได้ซักไซร้อะไรต่อเมื่อเห็นสีหน้าของจุน หากไม่อยากจะพูด เขาก็ไม่คิดทำให้เด็กหนุ่มผู้นี้ต้องลำบากใจ แต่จุนก็พูดเรื่องนี้ออกมาอีกแค่ประโยคเดียวว่า "แต่ผมก็ยังไม่ได้สารภาพรักไปหรอกนะ"
ความเงียบงันปกคลุมไปทั่วโดยไม่มีแม้แต่เสียงนกร้อง ในที่สุด เด็กหนุ่มก็ต้องเป็นฝ่ายเปิดการสนทนาขึ้นมาอีกครั้ง
"วันนี้ชมรมเคนโด้จะมายึดห้องชมรมชงชาของผมล่ะ" จุนขมวดคิ้วน้อยๆ "แต่ถ้าเราชนะการแข่งวันพรุ่งนี้ได้ก็เป็นอีกเรื่อง แต่ในชมรมไม่มีใครใช้ดาบเป็นสักคน แต่มีบางส่วนที่มีคนรู้จักใช้ดาบเป็นนะ พวกเขาเลยจะไปขอร้องให้ช่วยแข่งวันพรุ่งนี้ ถ้าได้ก็ดีนะสิ"
มาซารุพูดช้าๆด้วยน้ำเสียงแน่นหนัก "ถ้าข้าชนะการแข่งวันพรุ่งนี้ จุนจะดีใจใช่ไหม"
เด็กหนุ่มอุทานแล้วมองตามแผ่นหลังมาซารุที่หยิบดาบโบราณที่ได้รับการดูแลอย่างดีเล่มหนึ่งซึ่งแขวนอยู่ที่ผนัง เขาชักดาบเล่มนั้นออกมาตวัดอย่างคล่องแคล่ว ดูเหมือนกับหญิงสาวที่มีวิชาดาบล้ำเลิศในหนังกำลังภายในของประเทศจีนไม่มีผิด
จุนต้องแอบเปรียบเทียบว่าเป็นหญิงสาวเพราะเรือนร่างของอีกฝ่ายนั้นช่างดูบอบบางเสียจริง
อย่างไรก็ตาม เด็กหนุ่มรีบพูดไว้ก่อนเลยว่า
"ผมไม่มีรางวัลอะไรจะให้เธอหรอกนะ แต่ถ้าเป็นพวกเครื่องรางตามศาลเจ้า เอ่อ ไม่สิ" จุนนึกได้ว่าที่นี่ก็เป็นศาลเจ้า เครื่องราวย่อมมีอยู่เป็นจำนวนมากอยู่แล้่ว "งั้นเป็นโืทรศัพท์มือถือไหมล่ะ จะได้ติดต่อกันได้"
มาซารุกล่าวด้วยรอยยิ้ม "รางวัลสำหรับข้าคือจุน เจ้าเท่านั้น ของสิ่งอื่นข้าไม่ต้องการหรอก"
เด็กหนุ่มหลบสายตาที่จ้องมองเขาเหมือนของล้ำค่านั่นด้วยความรู้สึกประหม่าขึ้นมานิดๆ ตั้งแต่เกิดมาไม่มีใครพูดว่าอยากได้เขาเป็นรางวัลหรอกนะ ไม่ใช่ว่าเขาเป็นคนไร้ประโยชน์ไม่เป็นที่ต้องการหรืออะไรขนาดนั้น เพียงแต่เขาก็ไม่ได้มีคุณสมบัติโดดเด่น อย่างมาก ก็แค่ไหว้วานเขาให้ช่วยส่งจดหมายรักให้่น้องสาวเท่านั้นเอง เด็กสาวคนนั้นเป็นไิอดอล เรื่องนี้ปกติจนไม่รู้จะปกติยังไงแล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม จุนคงย้ายบ้านมาอยู่ที่นี่ตามที่อีกฝ่ายต้องการไม่ได้ เมื่อคิดไปคิดมา เขาก็บอกจะมอบของสิ่งอื่นเป็นรางวัลให้แทน
เดี๋ยวค่อยไปเลือกซื้อวันหลังแล้วกัน
แม้ว่าจะผิดหวังเล็กน้อยเมื่อของรางวัลจะไม่ใช่การที่จุนมาอยู่กับเขาที่ฟุมิเนเนะแห่งนี้ก็ตาม แต่ของขวัญจากจุนก็ถือว่ามีค่าสำหรับเขาไม่น้อย อีกอย่าง เขาอยากจะช่วยให้เด็กหนุ่มผู้นี้ดีใจอยู่แล้ว เรื่องของตอบแทนไม่ได้เป็นเรื่องที่สำคัญอะไรนักเลย
"ว่าแต่ มาซารุซังเรียนจากไหนเหรอ คงจะไม่ใช่สมาชิกชมรมเคนโด้เก่าหรอกนะ"
มาซารุส่ายหน้า "ข้าได้เรียนวิชาดาบพื้นฐานกับวิชาดาบประจำตระกูลที่สืบทอดกันมานะ เพราะทุกคนหวังใจให้ข้าได้เป็นผู้นำตระกูลคนต่อไป แต่ทว่า..."
จุนมองสีหน้าที่เศร้าหมองลงแล้วเรียกชื่อเขาเบาๆ "มาซารุซัง..."
"เจ้าจะลองฝึกดาบหน่อยไหม" ร่างในชุดกิโมโนเปลี่ยนเรื่องด้วยรอยยิ้มแจ่มใสเหมือนไม่ใส่ใจเรื่องในอดีต "ถึงตอนนี้ข้ายังสอนวิชาดาบประจำตระกูลให้เจ้าไม่ได้ แต่ว่าถ้าเป็นแค่วิชาดาบพื้นฐานก็ย่อมได้"
เด็กหนุ่มพยักหน้าอย่างตั้งตัวไม่ทันกับอารมณ์ที่เปลี่ยนไปกระทันหันและเดินตามไปหยิบอุปกรณ์ที่โรงเก็บของเล็กๆ หลังจากหาอยู่ชั่วครู่ มาซารุก็หยิบดาบไม้สองอันออกมา
หลังจากดูเชิงกันสักครู่ จุนตัดสินใจเป็นฝ่ายรุกก่อน แต่จังหวะที่จะก้าวไปนั้นเอง มาซารุก็ขยับตัวรวดเร็วจะจู่โจมเขาก่อน!
ร่างในชุดกิโมโนขยับยิ้ม "เดบานะ คือการชิงจู่โจมตอนที่คู่ต่อสู้จะโจมตี"
ทั้งสองคนกลับไปอยู่ในท่าเตรียมพร้อมอีกครั้ง ก่อนที่จุนจะโจมตีอีกครั้ง คราวนี้มาซารุไม่ได้ใช้เดบานะ แต่กลับปะทะลงไปที่ดาบของจุนและตวัดให้ออกไปอย่างรวดเร็ว
"อุจิโอะโทชิคือการปะทะคมดาบให้คู่ต่อสู้โจมตีพลาดเป้าหมาย ต่อด้วยฮาไร คือใช้แรงดันดาบคู่ต่อสู้ไปทางอื่น"
จุนกลับมาในท่าเตรียมพร้อมอีกครั้ง แล้วลังเลในการจะเป็นฝ่ายโจมตีก่อน แต่มาซารุบอกให้เขารุกเข้ามาก่อน
แม้จะรู้ว่าแพ้แน่ๆ แต่จุนก็ทำตามเสียงที่สั่ง เขาถือดาบวิ่งเข้าไปอย่้างนั้นเอง ส่วนร่างในชุดกิโมโนรับคมดาบแล้วใช้แรงในการรับนั้นดันไปอีกด้าน เปิดฉากโจมตีข้างลำตัวทันที
มาซารุอธิบายกระบวนท่า
"คาเอชิ คือการรับดาบของศัตรูแล้วใช้แรงจากการโจมตีของคู่ต่อสู้ จู่โจมกลับไปอีกด้านหนึ่ง"
หลังจากฝึกสักพักจึงจะเสร็จ จุนสังเกตได้ว่าอีกฝ่ายไม่มีเหงื่อออกเลยสักนิด ตรงกันข้าม ยังดูแจ่มใสร่าเริง ไม่มีอาการเหนื่อยหอบผิดกับขนาดตัวที่น่าจะหมดแรงไปตั้งนานแล้ว มาซารุเบนสายตาไปที่ดวงอาทิตย์ตกแล้วกล่าวคล้ายจะเลี่ยงการตอบคำถามกลายๆว่า
"พอดีข้าเป็นคนเหงื่อออกยากนะ เจ้าอย่าได้สนใจเลย จริงสิ เดี๋ยวข้าไปเตรียมอ่างน้ำร้อนกับมื้อเย็นให้นะ"
"เอ่อ ไม่ต้องลำบากเธอหรอก เดี๋ยวผมกลับไปกินที่บ้านก็ได้"
จุึนตอบด้วยความเกรงใจแต่นั่นดูเหมือนจะช้าไปหน่อย เมื่อได้รับคำตอบว่าอ่างอาบน้ำเตรียมเสร็จแล้ว เด็กหนุ่มแปลกใจขึ้นมาทันที ในเมื่อมาซารุอยู่สอนดาบกับเขาตลอด แล้วเอาเวลาที่ไหนไปเตรียมของแบบนั้นกัน แต่ในเมื่ออ่างน้ำร้อนเรียบร้อยแล้ว มีเหตุผลอะไรจะหักหาญน้ำใจอีกฝ่ายและนั่งรถบัสกลับไปพร้อมชุดที่มีแต่เหงื่อนี่ล่ะ
ในอ่างน้ำร้อนขนาดใหญ่ที่มีกำแพงทำจากไม้ไผ่ จุนนั่งแช่น้ำสงบอารมณ์และผ่อนคลายความเมื่อยล้าตลอดวันไปกับสายน้ำ อุณหภูมิพอดีพอเหมาะที่ไม่ร้อนไม่เย็นจนเกินไปนี่มันช่างแสนวิเศษดีแท้ๆ เฮ้อ...
จินเนะไม่รู้ ไม่ต้องคอยรับมือการแกล้งจนวุ่นวาย ที่นี่สิถึงจะเรียกว่าสวรรค์...
จุนคิดแล้วนึกรักช่วงเวลานี้ขึ้นมาอีกหลายเท่า พลางคิดถึงตอนที่ฝึกดาบมาซารุ ท่วงท่าที่ดูสวยทั้งงดงามและแข็งแกร่ง ช่างเป็นความรู้สึกที่ชวนให้จับจ้องหลงใหลซะจริง ความรู้สึกเช่นนี้ไหลเวียนอยู่ในจิตใจของจุนอย่างเงียบงัน ปนเปไปกับความรู้สึกบางอย่างที่ก่อตัวขึ้นมาหลังจากได้พานพบกับมาซารุในวันนั้น
จุนเริ่มสัมผัสได้ว่าการได้มาพบกับคนผู้นี้เป็นหนึ่งในกิจวัตรที่สำคัญอย่างยิ่งในวันหนึ่งที่ผ่านไป...
ความสงบท่ามกลางกลิ่นของธรรมชาติที่โปรยโชยในภูเขาฟุมิเนเนะผสมกับเสียงของแมลงกลายเป็นเพลงบรรเลงที่เหมาะสม ความสงบปรากฏขึ้นเป็นแรงดึงดูดชั้นดีซึ่งน่าประทับใจของที่นี่อย่างนั้นสินะ
เสียงร้องเรียกให้รับประทานมื้อเย็นของมาซารุดึงสติที่ปล่อยไปกับสายน้ำอย่างผ่อนคลายให้กลับคืนมา เด็กหนุ่มขึ้นจากน้ำและสวมยูกาตะเรียบร้อยโดยมีแสงจันทร์ที่ส่องสว่างให้แสงปนกับโคมไฟอันเล็กที่ถูกจุดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบได้ แต่จุนไม่ได้ใส่ใจอะไรในเรื่องนั้นมากนัก
เพียงแต่...มันดับแสงลงเองเมื่อจุนก้าวออกไปเท่านั้น
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ