You are my hope.เจ้าเท่านั้น ที่ข้าจะรอ yaoi

10.0

เขียนโดย ปรัสรา

วันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2555 เวลา 10.13 น.

  20 chapter
  3 วิจารณ์
  28.03K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) บทที่5

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

        "คุณคือมิสึกาว่า จิเสะ หรือเปล่า?"  

        ซายากะถามอีกฝ่ายในห้องน้ำหญิงที่ว่างเปล่า  ทั้งที่แน่ใจอยู่แล้วเนื่องจากเธอเคยพบในชมรมชงชา  รวมทั้งไอดอลสุดโปรดอย่างเมยามิ ริกะ ก็กำชับนักหนาว่าต้องเป็นคนนี้เท่านั้น  เรื่องที่เมยามิ ริกะ มอบหมายให้มานั้น  จะทำพลาดไม่ได้เด็ดขาด!  นั่นคือคติประจำใจของเด็กสาวแฟนคลับผู้นี้

        จิเสะพยักหน้ารับและถามว่าเธอเป็นใคร  เนื่องจากในชมรมนั้นเธอเห็นหน้าอีกฝ่ายไม่ชัดเจนและประกอบกับอารมณ์ช่วงสับสน  จึงได้จำไม่ได้ว่าเคยพบกัน  อย่างดีก็แค่รู้สึกคุ้นๆอยู่บ้างเท่านั้นเอง

        "ฉันชื่อซายากะ  เป็นรุ่นน้องคุณหนึ่งชั้น"  ซายากะแนะนำตัวและเริ่มพูดตามที่เมยามิ ริกะ หรือ จินเนะ สั่งมาทันที  "พอดีว่าฉันเองเคยเห็นพวกคุณในร้านไอติมไอเสะนะ  ตอนแรกก็คิดว่าพวกคุณต้องเป็นแฟนกันแน่เลย  แต่ว่า..."

        จิเสะแอบหน้าแดงกับคำว่า 'แฟน' แต่ยังคงถาม  "แต่ว่าอะไรเหรอ"

        "แต่ว่าเขาไม่ยอมบอกกับคุณว่าเป็นใครนะสิ  เผอิญฉันได้ยินที่พวกคุณพูดกันว่ามีเพื่อนของรุ่นพี่จุนคนหนึ่งที่พวกเขาอยู่ด้วยกันในคืนวันทานาบาตะ  ถ้าเป็นผู้ชายก็ดีไป  แต่ถ้าเป็นเพื่อนชาย  ทำไมต้องมาปิดบังคุณด้วยเนอะ?  เรื่องนี้มันชักยังไงๆอยู่นะคะ  นี่คุณก็คิดใช่ไหมคะ?  ใช่ไหมคะ!?  อ๊ะ ขอตัวกลับห้องก่อนค่ะ"

        ซายากะทิ้งทุ่นระเบิดความรู้สึกใส่จิเสะเสร็จสิ้นตามภารกิจก็รีบวิ่งไปเ้อาของรางวัลจากจินเนะที่ทำหน้ามีเลศนัยอยู่มุมหนึ่ง  ถึงจะรู้สึกผิดอยู่บ้างก็เถอะ  แต่เพื่องานที่เมยามิ ริกะ มอบให้มันก็ช่วยไม่ได้  ที่สำคัญ ของที่ระลึกสดๆจากมือของเมยามิ ริกะ ชิ้นนี้มันแพงเกินค่าขนมจะมีซะด้วยสิ  โอกาสงามๆน่าอิจฉาแบบนี้ใครจะไม่คว้ากันล่ะ

        จิเสะยืนคว้างอยู่คนเดียวก็ค่อยๆสงบสติอารมณ์และมีหน้าตามุ่งมั่นขึ้นมา่ทันที

        จุนคุง!  ฉันจะต้องรู้ให้ได้เลยว่าเพื่อนที่เธอแอบซ่อนไว้เป็นใครกัน  ทำไมถึงต้องเป็นความลับนัก!

 

        "ฮัดชิ้ว!"

        จุนจามเป็นรอบที่สามของวันนี้ติดๆกันจนคิริเอะยังแนะนำให้เขาไปห้องพยาบาล  เด็กหนุ่มคนนี้ในความคิดของคิริเอะช่างแปลกประหลาดดีจริงๆ  วันก่อนก็เหม่อจนเหมือนกับหลับไปแล้ว  วันนี้ก็จามไม่หยุดติดต่อกันตั้งสามรอบ  หรือว่าควรจะให้เครื่องรางนำโชคกันนะ?

        ถึงปากจะสอนวิทยาสศาตร์ไป  แต่สมองก็ประมวลผลการแก้ปัญหาอาการแปลกประหลาดของลูกศิษย์ไป  คิริเอะยืดอกภูมิใจแต่เพียงลำพังว่้าตนเองเป็นอาจารย์ที่ดีที่สุดในญี่ปุ่นเลยทีเดียว

        ชั่วโมงชมรมชงชามาถึงอีกครั้ง  จุนซึ่งเดินไปก็ลูบจมูกไปพยามเลี่ยงสายตาที่จ้องเขามาอย่างมีบางสิ่งบางอย่างในใจของจิเสะ  ก็สายตาที่เหมือนจะจับความผิดของเขาอยู่ตลอดเวลานั่นมันอะไรล่ะ  เขานึกไปนึกมาก็ยังคิดไม่ออกว่าตัวเองไปทำอะไรให้โกรธอีกหรือเปล่า

        เป็นพวกโกรธง่ายหายยากซะด้วยสิ!

        จุนคิดอย่างลำบากใจแล้วตัดสินใจถามไปตรงๆ  เด็กสาวเกิดอาการลนลานและถามด้วยสีหน้าเกรงใจว่าตัวเองทำแบบนั้นจริงๆเหรอ  จุนได้แต่บอกปัดไปเพราะไม่อยากเซ้าซี้อะไรให้มากความ

        แต่เมื่อก้าวเข้าไปในห้องชมรม  พวกเขาก็ต้องแปลกใจเมื่อความสงบสุขอันเป็นสิ่งที่คุณประธานยึดถือมาตลอดได้หายไป  เสียงเอะอะโวยวายที่คุณประธานชมรมสร้างขึ้นมากับคนอีกคนได้รับคำอธิบายว่า  ชมรมเคนโด้ตั้งใจจะมายึดห้องนี้เป็นฐานที่มั่นใหม่แทนห้องเก่า

        ที่พวกเขากล้าจะยึดที่คนอื่นแบบนี้เป็นเพราะในอดีตห้องนี้เคยเป็นของชมรมเคนโด้มาก่อน  แต่มีการสร้างห้องเคนโด้ใหม่จึงอพยพไปที่นั่น  ชมรมชงชาที่มาปรับปรุงห้องนี้จนเหมาะสมจึงถือสิทธิ์ใช้ห้องไปโดยปริยาย  เพียงแต่ห้องเคนโด้ใหม่ตอนนี้กำลังปิดปรับปรุง  เมื่อคิดไม่ตกกันจริงๆจึงได้แต่มาใช้วิธียึดห้องคืน

        เสียงของประธานชมรมเคนโด้กล่าวก่อนจะเดินจากไปคือ

        "ถ้่าพรุ่งนี้หาคนมาประลองดาบกับพวกเราไม่ได้ล่ะก็  ห้องนี้จะถูกยึด รู้ไว้ซะ!"

        จิเสะกระตุกแขนเด็กหนุ่ม  "แย่จังเลยนะ  แต่จุนคุง พวกเราต้องย้ายห้องชมรมจริงๆนะเหรอ"

        คุณประธานกลับมาอยู่ในมาดนิ่งสงบ  แต่ว่าทุกคนสัมผัสได้ถึงแรงกดดัีนและบรรยากาศชวนเครียด  ก็แน่ล่ะ ทุกคนในชมรมชงชาไม่มีคนไหนใช้ดาบเป็นสักคน  ความจริงแล้วชมรมชงชานี้มีผู้หญิงถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ  ทั้งนี้ เนื่องจากคุณประธานและจุนกับอีกสองสามคนเท่านั้นที่เป็นผู้ชาย

        มันแน่อยู่แล้ว  ชมรมชงชานี่แทบจะเป็นสัญลักษณ์ของชมรมผู้หญิงเลยก็ว่าได้นะ!

        ดังนั้น การกลับไปทำใจหรือหาคนมีฝีมือด้านเคนโด้มาคือการบ้านของชมรมในวันนี้

        จุนซึ่งเดินไปเรื่อยๆเพื่อขึ้นรถบัสจามติดต่อกันไม่หยุดโดยมีจิเสะและซายากะซึ่งเป็นหน่วยสืบข้อมูลของจินเนะเดินตามไปเรื่อยๆ

        แต่เพียงพริบตา เมื่อสองสาวละความสนใจ  จุนก็ก้าวขึ้นรถบัสซึ่งมีเพียงเขาคนเดียวที่เห็นไปทั้งที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย  สร้างความประหลาดใจแก่เด็กสาวทั้งสองว่าคนที่พวกเธอตามอยู่หายไปไหนกัน  จิเสะทั้งกลัวทั้งว้าวุ่นใจ  ไม่รู้ว่าจะถุกจุนจับได้ว่าตามมารึเปล่า  เช่นเดียวกับซายากะ นี่เป็นงานแรกที่เมยามิ ริกะ มอบหมายมาแล้วทำพลาด!

        เด็กสาวสองคนที่วุ่นวายใจกันคนละเรื่องจำใจต้องเดินกลับไปมือเปล่าในที่สุด

 

        จุนสังเกตว่าวันนี้มีหมอกปกคลุมบางส่วน  บรรยากาศคล้ายเมฆลอยลงมาที่พื้นดินก็ไม่ปาน  ที่หน้าศาลเจ้าฟุมิเนเนะยังคงมีบุรุษในชุดกิโมโนยืนคอยเขาอยู่และส่งเสียงร้องเรียกมาแต่ไกล

        "มาซารุซัง"  เด็กหนุ่มทักตอบก่อนจะกล่าวว่า  "วันนี้หมอกลงเยอะจังนะ  ทั้งที่อากาศก็ไม่เย็นแท้ๆ"

        บุรุษชุดกิโมโนแย้มยิ้ม  "พอดีว่าช่วงนี้มีชาวบ้านเข้ามาที่นี่โดยไม่ได้รับอนุญาตินะ  ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็ไม่เป็นไร  แต่ตอนนี้เจ้าจะมาที่นี่  ข้าไม่ปล่อยให้คนพวกนั้นมายุ่งกับเจ้าในตอนที่อยู่กับข้าหรอกนะ"

        แม้ว่าเด็กหนุ่มจะไม่รู้ว่ามาซารุมีวิชาเรียกหมอกได้จริงหรือไม่  แต่สิ่งหนึ่งที่รู้ก็คือบนฟุมิเนเนะนี่ไม่มีใครจริงๆ  เพราะเขาไม่เคยพบใครนอกจากมาซารุมาก่อน  แต่อย่างน้อย เรื่องนี้ก็พอจะอธิบายได้แล้วว่าทำไมในคืนทานาบาตะถึงไม่มีใครมาที่นี่

        แต่ในระหว่างที่คุยกันอยู่นั้นเอง  มาซารุก็โพล่งขึ้นมาว่า

        "เรื่องเด็กผู้่หญิงที่ชื่อจิเสะ  เจ้าบอกว่าปรับความเข้าใจได้แล้วงั้นเหรอ"

        จุนชะงักไป  ก่อนจะพูดอ้อมแอ้ม  "ก็ประมาณนั้น พอดีว่าจิเสะจังก็พอจะเข้าใจฉันอยู่บ้าง...เอ้อ"

        บุรุษในชุดกิโมโนหันไปรินน้ำชาให้ใหม่โดยไม่ได้ซักไซร้อะไรต่อเมื่อเห็นสีหน้าของจุน  หากไม่อยากจะพูด  เขาก็ไม่คิดทำให้เด็กหนุ่มผู้นี้ต้องลำบากใจ  แต่จุนก็พูดเรื่องนี้ออกมาอีกแค่ประโยคเดียวว่า  "แต่ผมก็ยังไม่ได้สารภาพรักไปหรอกนะ"

        ความเงียบงันปกคลุมไปทั่วโดยไม่มีแม้แต่เสียงนกร้อง  ในที่สุด เด็กหนุ่มก็ต้องเป็นฝ่ายเปิดการสนทนาขึ้นมาอีกครั้ง

        "วันนี้ชมรมเคนโด้จะมายึดห้องชมรมชงชาของผมล่ะ"  จุนขมวดคิ้วน้อยๆ  "แต่ถ้าเราชนะการแข่งวันพรุ่งนี้ได้ก็เป็นอีกเรื่อง  แต่ในชมรมไม่มีใครใช้ดาบเป็นสักคน  แต่มีบางส่วนที่มีคนรู้จักใช้ดาบเป็นนะ  พวกเขาเลยจะไปขอร้องให้ช่วยแข่งวันพรุ่งนี้  ถ้าได้ก็ดีนะสิ"

        มาซารุพูดช้าๆด้วยน้ำเสียงแน่นหนัก  "ถ้าข้าชนะการแข่งวันพรุ่งนี้  จุนจะดีใจใช่ไหม"

        เด็กหนุ่มอุทานแล้วมองตามแผ่นหลังมาซารุที่หยิบดาบโบราณที่ได้รับการดูแลอย่างดีเล่มหนึ่งซึ่งแขวนอยู่ที่ผนัง  เขาชักดาบเล่มนั้นออกมาตวัดอย่างคล่องแคล่ว  ดูเหมือนกับหญิงสาวที่มีวิชาดาบล้ำเลิศในหนังกำลังภายในของประเทศจีนไม่มีผิด

        จุนต้องแอบเปรียบเทียบว่าเป็นหญิงสาวเพราะเรือนร่างของอีกฝ่ายนั้นช่างดูบอบบางเสียจริง

        อย่างไรก็ตาม  เด็กหนุ่มรีบพูดไว้ก่อนเลยว่า

        "ผมไม่มีรางวัลอะไรจะให้เธอหรอกนะ  แต่ถ้าเป็นพวกเครื่องรางตามศาลเจ้า เอ่อ ไม่สิ"  จุนนึกได้ว่าที่นี่ก็เป็นศาลเจ้า  เครื่องราวย่อมมีอยู่เป็นจำนวนมากอยู่แล้่ว  "งั้นเป็นโืทรศัพท์มือถือไหมล่ะ  จะได้ติดต่อกันได้"

        มาซารุกล่าวด้วยรอยยิ้ม  "รางวัลสำหรับข้าคือจุน  เจ้าเท่านั้น  ของสิ่งอื่นข้าไม่ต้องการหรอก"

        เด็กหนุ่มหลบสายตาที่จ้องมองเขาเหมือนของล้ำค่านั่นด้วยความรู้สึกประหม่าขึ้นมานิดๆ  ตั้งแต่เกิดมาไม่มีใครพูดว่าอยากได้เขาเป็นรางวัลหรอกนะ  ไม่ใช่ว่าเขาเป็นคนไร้ประโยชน์ไม่เป็นที่ต้องการหรืออะไรขนาดนั้น  เพียงแต่เขาก็ไม่ได้มีคุณสมบัติโดดเด่น  อย่างมาก ก็แค่ไหว้วานเขาให้ช่วยส่งจดหมายรักให้่น้องสาวเท่านั้นเอง  เด็กสาวคนนั้นเป็นไิอดอล  เรื่องนี้ปกติจนไม่รู้จะปกติยังไงแล้ว

        แต่อย่างไรก็ตาม จุนคงย้ายบ้านมาอยู่ที่นี่ตามที่อีกฝ่ายต้องการไม่ได้  เมื่อคิดไปคิดมา  เขาก็บอกจะมอบของสิ่งอื่นเป็นรางวัลให้แทน

        เดี๋ยวค่อยไปเลือกซื้อวันหลังแล้วกัน

        แม้ว่าจะผิดหวังเล็กน้อยเมื่อของรางวัลจะไม่ใช่การที่จุนมาอยู่กับเขาที่ฟุมิเนเนะแห่งนี้ก็ตาม  แต่ของขวัญจากจุนก็ถือว่ามีค่าสำหรับเขาไม่น้อย  อีกอย่าง เขาอยากจะช่วยให้เด็กหนุ่มผู้นี้ดีใจอยู่แล้ว  เรื่องของตอบแทนไม่ได้เป็นเรื่องที่สำคัญอะไรนักเลย

        "ว่าแต่ มาซารุซังเรียนจากไหนเหรอ  คงจะไม่ใช่สมาชิกชมรมเคนโด้เก่าหรอกนะ"

        มาซารุส่ายหน้า  "ข้าได้เรียนวิชาดาบพื้นฐานกับวิชาดาบประจำตระกูลที่สืบทอดกันมานะ  เพราะทุกคนหวังใจให้ข้าได้เป็นผู้นำตระกูลคนต่อไป  แต่ทว่า..."

จุนมองสีหน้าที่เศร้าหมองลงแล้วเรียกชื่อเขาเบาๆ  "มาซารุซัง..."

"เจ้าจะลองฝึกดาบหน่อยไหม"  ร่างในชุดกิโมโนเปลี่ยนเรื่องด้วยรอยยิ้มแจ่มใสเหมือนไม่ใส่ใจเรื่องในอดีต  "ถึงตอนนี้ข้ายังสอนวิชาดาบประจำตระกูลให้เจ้าไม่ได้  แต่ว่าถ้าเป็นแค่วิชาดาบพื้นฐานก็ย่อมได้"

เด็กหนุ่มพยักหน้าอย่างตั้งตัวไม่ทันกับอารมณ์ที่เปลี่ยนไปกระทันหันและเดินตามไปหยิบอุปกรณ์ที่โรงเก็บของเล็กๆ  หลังจากหาอยู่ชั่วครู่ มาซารุก็หยิบดาบไม้สองอันออกมา

หลังจากดูเชิงกันสักครู่ จุนตัดสินใจเป็นฝ่ายรุกก่อน  แต่จังหวะที่จะก้าวไปนั้นเอง  มาซารุก็ขยับตัวรวดเร็วจะจู่โจมเขาก่อน!

ร่างในชุดกิโมโนขยับยิ้ม  "เดบานะ  คือการชิงจู่โจมตอนที่คู่ต่อสู้จะโจมตี"

ทั้งสองคนกลับไปอยู่ในท่าเตรียมพร้อมอีกครั้ง  ก่อนที่จุนจะโจมตีอีกครั้ง  คราวนี้มาซารุไม่ได้ใช้เดบานะ  แต่กลับปะทะลงไปที่ดาบของจุนและตวัดให้ออกไปอย่างรวดเร็ว

"อุจิโอะโทชิคือการปะทะคมดาบให้คู่ต่อสู้โจมตีพลาดเป้าหมาย  ต่อด้วยฮาไร คือใช้แรงดันดาบคู่ต่อสู้ไปทางอื่น"

จุนกลับมาในท่าเตรียมพร้อมอีกครั้ง  แล้วลังเลในการจะเป็นฝ่ายโจมตีก่อน  แต่มาซารุบอกให้เขารุกเข้ามาก่อน

แม้จะรู้ว่าแพ้แน่ๆ  แต่จุนก็ทำตามเสียงที่สั่ง  เขาถือดาบวิ่งเข้าไปอย่้างนั้นเอง  ส่วนร่างในชุดกิโมโนรับคมดาบแล้วใช้แรงในการรับนั้นดันไปอีกด้าน  เปิดฉากโจมตีข้างลำตัวทันที

มาซารุอธิบายกระบวนท่า

"คาเอชิ  คือการรับดาบของศัตรูแล้วใช้แรงจากการโจมตีของคู่ต่อสู้  จู่โจมกลับไปอีกด้านหนึ่ง"

หลังจากฝึกสักพักจึงจะเสร็จ จุนสังเกตได้ว่าอีกฝ่ายไม่มีเหงื่อออกเลยสักนิด  ตรงกันข้าม ยังดูแจ่มใสร่าเริง  ไม่มีอาการเหนื่อยหอบผิดกับขนาดตัวที่น่าจะหมดแรงไปตั้งนานแล้ว  มาซารุเบนสายตาไปที่ดวงอาทิตย์ตกแล้วกล่าวคล้ายจะเลี่ยงการตอบคำถามกลายๆว่า

"พอดีข้าเป็นคนเหงื่อออกยากนะ  เจ้าอย่าได้สนใจเลย  จริงสิ เดี๋ยวข้าไปเตรียมอ่างน้ำร้อนกับมื้อเย็นให้นะ"

"เอ่อ ไม่ต้องลำบากเธอหรอก  เดี๋ยวผมกลับไปกินที่บ้านก็ได้"  

จุึนตอบด้วยความเกรงใจแต่นั่นดูเหมือนจะช้าไปหน่อย  เมื่อได้รับคำตอบว่าอ่างอาบน้ำเตรียมเสร็จแล้ว  เด็กหนุ่มแปลกใจขึ้นมาทันที  ในเมื่อมาซารุอยู่สอนดาบกับเขาตลอด  แล้วเอาเวลาที่ไหนไปเตรียมของแบบนั้นกัน  แต่ในเมื่ออ่างน้ำร้อนเรียบร้อยแล้ว  มีเหตุผลอะไรจะหักหาญน้ำใจอีกฝ่ายและนั่งรถบัสกลับไปพร้อมชุดที่มีแต่เหงื่อนี่ล่ะ

ในอ่างน้ำร้อนขนาดใหญ่ที่มีกำแพงทำจากไม้ไผ่  จุนนั่งแช่น้ำสงบอารมณ์และผ่อนคลายความเมื่อยล้าตลอดวันไปกับสายน้ำ  อุณหภูมิพอดีพอเหมาะที่ไม่ร้อนไม่เย็นจนเกินไปนี่มันช่างแสนวิเศษดีแท้ๆ  เฮ้อ...

จินเนะไม่รู้  ไม่ต้องคอยรับมือการแกล้งจนวุ่นวาย  ที่นี่สิถึงจะเรียกว่าสวรรค์...

จุนคิดแล้วนึกรักช่วงเวลานี้ขึ้นมาอีกหลายเท่า  พลางคิดถึงตอนที่ฝึกดาบมาซารุ  ท่วงท่าที่ดูสวยทั้งงดงามและแข็งแกร่ง  ช่างเป็นความรู้สึกที่ชวนให้จับจ้องหลงใหลซะจริง  ความรู้สึกเช่นนี้ไหลเวียนอยู่ในจิตใจของจุนอย่างเงียบงัน  ปนเปไปกับความรู้สึกบางอย่างที่ก่อตัวขึ้นมาหลังจากได้พานพบกับมาซารุในวันนั้น

จุนเริ่มสัมผัสได้ว่าการได้มาพบกับคนผู้นี้เป็นหนึ่งในกิจวัตรที่สำคัญอย่างยิ่งในวันหนึ่งที่ผ่านไป...

ความสงบท่ามกลางกลิ่นของธรรมชาติที่โปรยโชยในภูเขาฟุมิเนเนะผสมกับเสียงของแมลงกลายเป็นเพลงบรรเลงที่เหมาะสม  ความสงบปรากฏขึ้นเป็นแรงดึงดูดชั้นดีซึ่งน่าประทับใจของที่นี่อย่างนั้นสินะ

เสียงร้องเรียกให้รับประทานมื้อเย็นของมาซารุดึงสติที่ปล่อยไปกับสายน้ำอย่างผ่อนคลายให้กลับคืนมา  เด็กหนุ่มขึ้นจากน้ำและสวมยูกาตะเรียบร้อยโดยมีแสงจันทร์ที่ส่องสว่างให้แสงปนกับโคมไฟอันเล็กที่ถูกจุดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบได้  แต่จุนไม่ได้ใส่ใจอะไรในเรื่องนั้นมากนัก

เพียงแต่...มันดับแสงลงเองเมื่อจุนก้าวออกไปเท่านั้น

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา