You are my hope.เจ้าเท่านั้น ที่ข้าจะรอ yaoi
4) บทที่4
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ"ไปทางนี้ดีกว่า! อ๊ะ ไม่ๆ มาทานทาโกะยากิกันเถอะ เอ๊ะ ไม่สิ ไปที่ช็อกโก้ บานาน่ากันเถอะ ไม่สิๆ..."
กลุ่มเพื่อนสาวที่ทำทีขอแยกกันเดินแต่กลับแอบตามหลังมาตลอดมองคนทั้งสองด้วยความประหลาดใจเมื่อจุนพยามลากจิเสะเข้าร้านนู้นร้านนี้และเปลี่ยนใจในวินาทีสุดท้าย
คาโฮะ หนึ่งในกลุ่มเด็กสาวยิ้มอย่างมีเลศนัยแล้วพูดยิ้มๆว่าจุนอาจพยามสร้างความประทับใจแต่ดันเป็นพวกลนลานก็เป็นได้ แน่นอนว่าคนที่เหลือรีบเอ่ยชมข้อคิดเห็นนั้นทันทีแล้วพากันแอบขำเด็กหนุ่ม
แต่ความจริง...จุนเห็นอยู่ชัดเจนว่าคนที่ออกร้านในงานเทศกาลมีผ้าคาดหัวของเมยา่มิ ริกะ หรือไม่ก็ของสะสมอย่างอื่นที่มีชื่อเมยามิ ริกะ!
คนกลุ่มหนึ่งมะรุมระตุ้มถ่ายรูปจินเนะอยู่มุมหนึ่ง การหัวเราะอย่างร่าเริงของเด็กสาวสร้างความประทับใจให้แฟนคลับสุดๆ ทั้งที่เรื่องซึ่งทำให้เด็กสาวหัวเราะออกมาได้นั้นไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่นัก...
จุนหอบแฮกหลังพาจิเสะวิ่งมานาน เขาพุ่งเข้าไปที่ซุ้มหนึ่งทันที ที่นั่นพนักงานสาวที่ติดป้ายชื่อว่าเคซากิถามทันที
"เด็กผู้หญิงชื่ออะไรคะ"
เด็กสาวทำตาปริบๆ "จิเสะค่ะ"
ทั้งสองอุทานด้วยความตกใจที่ถูกเขียนชื่อในกระดาษรายชื่อ จากนั้น เคซากิคนนี้ก็ติดป้ายหมายเลขที่อกของชุดกิโมโนทันทีแล้วลากไปโดยที่ทั้งสองไม่ทันตั้งตัว ปากก็พูดรัวเร็วเรื่องของรางวัลซึ่งก็คือชุดผลิตภัณท์เพื่อความงามยี่ห้อดังครบชุด...
จุนกระพริบตาปริบๆแล้วหันไปดูป้านหน้าซุ้มนั้น
'รับสมัคร ประกวดสาวน้อยกิโมโน ฯลฯ'
และหากเขาสังเกตไว้กว่านี้ สติ๊กเกอร์สะท้อนแสงแวบวาบตัวเล็กๆที่ติดอยู่รอบเพื่อประดับมันเขียนว่าเมยามิ ริกะ สติ๊กเกอร์ซึ่งคล้ายกับที่ติดประดับแว่นตาของผู้หญิงที่ชื่อเคซากิเมื่อครู่นี้!
เด็กหนุ่มถอนหายใจ ครั้งนี้เขาก็แพ้อีกแล้วงั้นสินะ
"ทำหน้าิอย่างนั้นไปทำไมกัน หือ?" คุณย่าร้านทำนายดวงด้วยลูกแก้วซึ่งเปิดร้านอยู่ข้างซุ้มกองประกวดพูดด้วยเสียงสูง "มามะ ป้่าจะคิดครึ่งราคานะ"
จุนตั้งท่าจะปฏิเสธถ้าหากหญิงสูงอายุผู้นี้ไม่ทำหน้าบีบคั้นกดดันเขาเต็มที่ ผู้หญิงนี่ยังไงกันนะ ชอบกดดันกันอยู่เรื่อย แถมผู้ชายอย่างเขาก็หาทางปฏิเสธไม่เป็นซะด้วยสิ
คุณย่าร้านทำนายดวงหัวเราะคิกคักเสียงแหลม
"เจ้าหนูเอ๊ย!"
จุนขมวดคิ้วกับคำพูดนั้น เขาไม่ใช่เจ้าหนูแล้วสักหน่อย
"มีคนสำคัญๆ อ๊า! สำคัญมาก" หญิงชราแทบจะตะโกนกันเลยทีเดียว สร้างความตื่นตระหนกให้จุนไม่น้อย "ฮิ! อิอิอิ! ไม่ธรรมดานะ คนสำคัญคนนี้ ดวงความรักประหลาด ไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่องเขาเท่าไหร่นัก เอ...ไม่เจอลูกค้าแบบนี้มากี่ปีแล้วนะ โฮ่โฮ่โฮ่!"
จุนลังเลแต่ก็รีบถาม "แล้วผมจะได้สารภาพรักไหมครับ มีคนที่ผมแอบชอบ..."
"เขาจะเป็นคนพิเศษกว่าใครอย่างกับไม่ใช่มนุษย์!" คุณย่าร้านทำนายดวงตื่นเต้นจนถูมือไปมา "อ๊า เขาจะพิเศษและแปลกกว่าคนปกติ แต่โชคชะตาของตนเองก็อยู่ในมือตัวเองเสมอ จำไว้! เจ้าหนูมีสิทธิเลือกนะ เอ้า ไปๆๆ"
จุนเพิ่งสังเกตว่าด้านหลังตัวเองมีกลุ่มคนสิบกว่าคนกำลังยืนอออยู่ด้วยความสนใจ จุึนนึกถึงเสียงดังและท่าทีโอเวอร์เกินเหตุของคุณย่าร้านทำนายดวงแล้วเริ่มรู้ทันอะไรบางอย่าง
กลายเป็นตัวเรียกลูกค้าไปซะแล้วแฮะ...
แต่คุณย่าร้านทำนายดวงยังตะโกนไล่หลังมา "ไหนๆเธอก็ช่วยฉันได้มาก งั้นบอกไว้เลยแล้วกัน ถ้ายังไม่มีใครมาเป็นเพื่อนเที่ยวงานล่ะก็ ให้ลองเลิกเดินตามหาและกลับไปพบคนที่เดินตามตัวเองอยู่นะ"
คนที่เดินตามอยู่งั้นเหรอ...
จุนคิดไปคิดมาแล้วชะงัก รีบหันไปมองด้านหลังว่ามีสตอล์คเกอร์โรคจิตคนไหนเดินตามหรือเปล่า
ไม่สิ...พวกการทำนายดวงแบบนี้มันมักมีความนัยแฝงนี่นา หรือว่าหมายถึงให้ไปพบคนที่พยามจะพบเขางั้นเหรอ?
จุนนึกถึงคนที่ศาลเจ้าฟุมิเนเนะ ไม่มีปฏิทินไม่มีโทรทัศน์แบบนั้น จะรู้ไหมนะว่าวันนี้ทานาบาตะแล้ว?
เสียงลมที่พัดแีรงตามสภาพอากาศตอนกลางคืนแถบภูเขาทั่วไปไม่ได้สร้างความหวาดกลัวให้จุนนัก เขามุ่งไปหาคนที่นั่งกอดเข่ารอเขาที่หน้าศาลเจ้าด้วยแววตาเศร้าสร้อย
ยังไม่ทันที่เขาจะส่งเสียง มาซารุวิ่งและโผเข้ากอดเขาทันที
"จุน ข้าคิดว่าเจ้าจะไม่มาซะแล้ว"
เด็กหนุ่มอดหน้าแดงขึ้นไม่ได้กับการกอดนี้ นั่นก็เพราะเหตุการณ์คราวนั้นบ่งบอกว่านี่ไม่ใช่การกอดด้วยความรู้สึกที่เป็นมิตรธรรมดาทั่วไป
หมอกลงทึบขึ้นเรื่อยๆจนแทบมองไม่เห็นทาง แต่แสงไฟสว่างไสวก็นำทางพวกเขาทั้งสองไปที่ศาลเจ้าจนได้
ตอนแรกเด็กหนุ่มก้นึกแปลกใจในแสงสว่างนั้นอยู่บ้าง เนื่องจากมันมีมากกว่าปกติ ก่อนจะพบว่าที่ศาลเจ้ามีการประดับตกแต่งด้วยไฟและสิ่งต่างๆ ดูเหมือนว่าเขาจะกังวลมากไป มาซารุรู้ว่าวันนี้เป็นวันทานาบาตะ
"ต้นไผ่ไม่มีใครมาปักเลยเหรอ"
ต้นไผ่ที่เหมือนจะเปล่งแสงสีทองออกมาอย่างประหลาดยังไม่มีใบคำขอของใคร จะว่าไป ที่นี่ถึงจะประดับเรียกได้ว่าอย่างตระกาลตา แต่กลับไม่มีใครมาเลยสักคนเดียว
ถ้าจะบอกว่าไกลเกินชุมชนก็คงไม่ใช่ มีอีกหลายแห่งที่อยู่ห่างไกลแต่ยังมีคนมาร่วมงาน แต่ที่นี่มันจะเงียบไปหรือเปล่า
เสียงดนตรีงานเทศกาลเริ่มขึ้นอย่างไร้ที่มาชวนให้รู้สึกประหลาดเมื่อร่วมกับสายหมอกซึ่งกระจัดกระจายอยู่บางแห่ง แต่ที่แน่ๆคือมันหนาจนมองไม่เจอพื้นดิน
เสียงของมาซารุเบาหวิวเหมือนแทรกมากับสายลมในที่ห่างไกล
"นานมากแล้วที่ไม่ได้ฉลองงานทานาบาตะ นานมาก..."
มาซารุจับมืออีกฝ่ายแล้วบีบเบาๆอย่างเข้าใจในความรู้สึก "อย่ากังวลไปเลย เธอจะต้องได้ัเจอกับคนที่รอคอยอยู่แน่"
"ข้าได้เจอแล้ว" อีกฝ่ายพูดอย่างเศร้าสร้อย ร่างกายเปล่งแสงอ่อนๆขึ้นมาอย่างประหลาด เฉกเช่นเดียวกันน้ำตาที่ไหลลงมาอย่างไม่เป็นธรรมชาตินั่น "แต่ทำไมเจ้าถึงต้องจำข้าไม่ได้ด้วย เจ้าบอกให้ข้ารอ ข้าก็รอ แต่สุดท้าย ผ่านไปหลายร้อยปี เจ้ามาพบข้าจริงๆ แต่กลับลืมข้า..."
จุนตกใจจนล้มลงไปที่พื้นเมื่อร่างนั้นเริ่มมีแสงสว่างมากขึ้นมา เท้าที่เคยสัมผัสกับพื้นดินตามปกติได้ลอยขึ้นมาเรื่อยๆ
"จุน... จุน... จุน..."
เสียงที่เรียกชื่อเขาซ้ำไปซ้ำด้วยความเศร้าเสียใจคือสิ่งที่เขาจำได้ก่อนจะหมดสติลง
เด็กหนุ่มสัมผัสได้ว่าสิ่งที่เขานอนหนุนอยู่ไม่ใช่หมอนแต่เป็นตักของใครคนหนึ่งซึ่งลูบไล้ใบหน้าเขาไปมา สัมผัสนุ่มนวลเชื่องช้าทำให้เขารู้สึกจั๊กจี๊จนต้องตื่นขึ้นมา คนคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นไกล มาซารุนั่นเอง! เด็กหนุ่มถอยหนีจนแทบหงายลงไปกองกับพื้น อีกฝ่ายซึ่งไม่ได้ตัวเรืองแสงอะไรยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน
"เป็นอะไร ทำไมทำท่าอย่างนั้น..."
"อย่าเข้ามานะ!"
เด็กหนุ่มหันรีหันขวาง หยิบพัดไม้หนักอันหนึ่งขึ้นมาได้ก็จัดการขว้างไปใส่มาซารุทันที ในความคิดของเขาแล้วพัดไม้อันนั้นควรจะไร้ประโยชน์และทะลุร่างของมาซารุไป แต่ทว่า...หากบุรุษในชุดกิโมโนหากหลบช้ากว่านั้นคงจะเจ็บตัวกว่านี้เพราะคมส่วนหนึ่งของพัดตวัดเบาๆก็เกิดเป็นรอยแผลที่ใบหน้าใส
ความรู้สึกผิดปนตกใจแล่นขึ้นมาทันที เขามองอย่างสับสนไปหมด
"จุน" มาซารุยังคงยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยนโดยไม่สนเลือดที่ไหลซิบ "เป็นอะไรไป ทำไมจู่ๆถึงกลัวข้าขึ้นมาล่ะ"
"ผมขอโทษ" เด็กหนุ่มตัดสินใจวิ่งเข้าไป ถึงผิวของอีกฝ่ายยังคงเย็นเฉียบจนน่าแปลกก็ตาม แต่เขาก็กล้าที่จะใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดเลือดให้ "ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเธอนะ ผมแค่...สับสน"
"ไม่เป็นไรหรอก ข้าไม่เจ็บ" มาซารุมองใบหน้าที่รู้สึกผิดด้วยแล้วลูบไล้ไปมา "คืนนี้อยู่กับข้านะ จุน"
เด็กหนุ่มพยักหน้าอย่างสะลึมสะลือแล้วหลับฟุบไป มาซารุผายมือไปทางประตูซึ่งมันเปิดขึ้นในทันที สายลมเย็นโชยพัดสบาย พระจันทร์ดวงใหญ่ฉายขึ้นกลางฟ้ายามราตรี ดูงดงามเหมือนอยู่ในภาพวาด แต่ในความสวยงามนั้นมีความเป็นไปไม่ได้อยู่ด้วยเพราะคืนทานาบาตะนี้เป็นคืนเดือนแรม...
เสียงร้องเพลงเบาๆลอยเคล้าไปกับสายลม มาซารุยิ้มให้กับจุน เป็นยิ้มที่ไม่ได้อ่อนโยนอย่างเคย มันเป็นยิ้มที่อ่อนแรงอย่างบอกไม่ถูก นั่นเป็นเพราะเขารู้สึกทั้งเศร้าและท้อเหลือเกิน ทำไมกันนะ คนรักของเขาต้องลืมเรื่องราวในอดีตไปหมดด้วย ทำไมสวรรค์ถึงกลั่นแกล้งเขาเช่นนี้
เขาสัมผัสแผลบนใบหน้าเบาๆมันก็หายไปในพริบตา
เช้าวันต่อมาเป็นอะไรที่สดชื่นสำหรับจุน เขารู้สึกนอนหลับสบายเหมือนกับนอนอยู่บนเตียงนุ่มๆชั้นเลิศเลยทีเดียว ที่สำคัญ เขารู้สึกจำได้ลางๆว่าทำให้มาซารุเจ็บตัวด้วยนี่นา
แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่มีบาดแผลที่ไหน ความทรงจำเหล่านั้นก็ถูกกลืนหายไปในที่สุด รวมทั้งเรื่องทานาบาตะทั้งหลายด้วย ความจริงความทรงจำนั้นเหมือนกับถูกลบและตัดหายไป แต่จุนไม่ได้ทันสังเกตเลยสักนิด เขาให้ความสนใจกับการทานข้าวเช้าไวๆและไปโรงเรียนให้ทันมากกว่า
ไหนจะการนั่งรถบัสและวิ่งกลับไปเป็นเสื้อผ้าที่บ้านอีก เขาไปโรงเรียนในชุดกิโมโนแบบนี้ไม่ได้หรอก ขืนลองได้โดนอาจารย์สาวสุดโหดอย่างคิริเอะบิดหูเขากลับด้านกันพอดี จุนไม่อยากเสี่ยงลองบทลงโทษที่ทำเอาใครหลายคนซึ่งแสบซ่าท้าอาจารย์โดยการไม่ใส่ชุดนักเรียนมาได้เข็ดหลาบไปตามๆกันหรอกนะ
การมาถึงโรงเรียนอย่างเฉียดฉิวทำให้คิริเอะที่ยืนอยู่บริเวณนั้นตรงเข้ามา
"คาเมซากิ จุน ช่วยบอกฉันหน่อยได้ไหมว่านายทำไมมาโรงเรียนเกือบไม่ทันแบบนี้ทุกวันด้วย พักหลังๆนี่บ่อยมากเลยนะ จินเนะจังเองก็บอกว่าเมื่อคืนนายไม่ได้กลับบ้านซะด้วย" คิริเอะยื่นหน้ามาเกือบชนจมูกลูกศิษย์ด้วยสายตาคาดคั้น "บอกมาซะ คืนทานาบาตะนายหายไปไหนมา อย่าพูดเชียวว่าไปเต้นรำกับเจ้าหญิงคางุยะ ว่าไง?"
จุนลนลานรีบพูดปฏิเสธเป็นการใหญ่
"จะเป็นไปได้ยังไงล่ะครับ ที่จริงผมไปค้างบ้านเพื่อนมาต่างหากล่ะ"
"เพื่อน?" คิริเอะร่ายชื่อเด็กในห้องเรียนและชั้นเรียนเดียวกัีนออกมาอย่างรวดเร็วและตบท้ายว่า "ไม่มีใครบอกว่าอยู่กับนายเลยนะ!"
"ไม่ใช่เพื่อนในโรงเรียนสักหน่อย เป็นเพื่อนอยู่ที่ศาลเจ้าฟุมิ..."
"จุนคุง!"
จิเสะส่งเสียงร่าเริงมาแต่ไหลแล้วหยุดทำความเคารพอาจารย์คิริเอะ ซึ่งตอบรับคำทักทายเธออย่างมีมิตรไมตรี ก่อนจะโดนอาจารย์ท่านอื่นเรียกไปช่วยอบรมเด็กกลุ่มหนึ่ง
จิเสะทำหน้าซึมลงไปเล็กน้อย
"เมื่อคืนฉันโทรหาจุนคุงตั้งหลายรอบ ทำไมถึงไม่รับสายกันล่ะ ตกลงได้ไปดูฉันประกวดกิโมโนรึเปล่า หรือว่า...อยู่กับคนอื่น?"
บรรยากาศดูเย็นชาขึ้นมากระทันหัน แต่จุนไม่ได้รู้สึกถึงสิ่งนั้นเลยแม้แต่น้อย เขาพยักหน้ารับกับข้อสันนิษฐาน "ขอโทษที่ฉันไม่ได้ไปดูประกวดนะ พอดีฉลองทานาบาตะกับเพื่อนอยู่นะ"
"เพื่อน...เอ่อ ใครเหรอ"
"ชื่อมาซารุซังนะ เดี๋ยวฉันจะพาไป...คือ หมายถึง เขาชื่อมาซารุซัง ไม่สิ...ฉันพูดไปแล้วนี่เนอะ เอ่อ..."
จู่ๆจุนก็รู้สึกไม่อยากให้คนทั้งสองได้พบกันขึ้นมา ทั้งที่จิเสะเองก็เป็นคนมีมิตรสัมพันธ์ดีมากคนหนึ่งแท้ๆ เด็กสาวจ้องหน้าคนที่เธอแอบชอบด้วยความรู้สึกกังวลใจ ทำไมเขาถึงได้ดูแปลกไปจากแต่ก่อน ทั้งที่หากเป็นเมื่อก่อน แค่เพื่อนคนเดียวก็ไม่มีท่าทีว่าจะต้องปิดบังเธอเลยนี่
จิเสะคิดไปคิดมาจนรู้สึกสับสน หรือว่าเขามีคนพิเศษที่ปิดบังไม่ให้เธอรู้อยู่ด้วยงั้นเหรอ และความคิดทำให้เด็กสาววิ่งออกไปโดยที่จุนไม่ทันได้เรียกด้วยซ้ำ เขามองตามแผ่นหลังของเด็กสาวด้วยความงุนงงว่าตัวเองทำอะไรผิดไปหรืออย่างไร
จินเนะฟังประโยคสนทนาทั้งหมดอย่างเงียบๆแล้วครุ่นคิด
คนที่แม้แต่มิสึกาว่า จิเสะ ยังรู้ไม่ได้ คนคนนั้นสำคัญอะไรกับจุนนะ?
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ