You are my hope.เจ้าเท่านั้น ที่ข้าจะรอ yaoi

10.0

เขียนโดย ปรัสรา

วันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2555 เวลา 10.13 น.

  20 chapter
  3 วิจารณ์
  28.05K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

11) บทที่11

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
        "จุนคุงเคยรักฉันเหรอ"  รอยยิ้มของเด็กสาวเปลี่ยนไปเหมือนกับยิ้มทั้งที่บ้าคลั่ง  "งั้นถ้าหากว่าฉันขับไล่วิญญาณตนนั้นได้  จุนคุงจะหันกลับมาหาฉันใช่ไหมล่ะ!"
        จิเสะสะบัดร่างของจุนไปจนกระแทกกับต้นไ้ม้ใหญ่ในศาลเจ้าฟุมิเนเนะ  มาซารุมีปฏิกริยาขึ้นมาทันที  เขารีบวิ่งไปหาคนที่สำคัญที่สุดของตนโดยไม่ทันมองจิเสะซึ่งเหวี่ยงยันต์มาที่กลางหลังของเขา!
        ร่างในชุดกิโมโนทรุดลงต่อหน้าต่อตาโดยมือนั้นพยามจะเอื้อมไปหาจุน  ใช่แล้ว...ทั้งแววตาทั้งท่าทาง  มันช่างเหมือนกับจิเสะเมื่อครู่ไม่มีผิดเพี้ยน
        เพียงแต่คราวนี้ จุนวิ่งไปหามาซารุเท่านั้นเอง...
        สีหน้าของจิเสะดูนิ่งและเย็นชาต่างจากในจิตใจ  เธอเหวี่ยงยันต์ไปก่อนที่จุนจะถึงตัวมาซารุ  ทันใดนั้น สิ่งที่เหมือนกับบาเรียสีฟ้าใสก็ปรากฏขึ้นมาแทนกำแพงที่กั้นระหว่างคนทั้งสอง
        จิเสะหยิบยันต์ออกมาจากกระเป๋าสะพายเพื่อเหวี่ยงขึ้นไปบนฟ้า  ชักนำร่างของมาซารุให้ถูกดึงขึ้นไป  ตอนนั้นเองที่จุนสังเกตว่ายันต์ที่กลางหลังของมาซารุมีโซ่สีฟ้าเข้มเรืองแสงติดปลายอยู่กับพื้นดิน
        ยันต์ที่ลอยอยู่บนฟ้ามีแสงสีทองไล่ไปตามอักษรสีแดงตั้งแต่ต้นจนเมื่อสุด  สายฟ้าขนาดใหญ่ก็ผ่าใส่ร่างของมาซารุ!
        ถึงจะดูไม่มีบาดแผลหรืออาการผิวหนังไหม้อย่างเมื่อครู่ก็ตาม  แต่ท่าทางของวิญญาณในชุดกิโมโนก็ดูเจ็บปวดมาก
        "อีกแป๊ปเดียวนะ จุนคุง  รับรองได้เลยว่าฉันจะจัดการ 'ไม่ให้เหลือซาก' เลยล่ะ"
        เด็กหนุ่มฟังจิเสะเน้นเสียงแล้วหวาดผวา  ท่าทางอำมหิตซะจนเขาไม่คาดคิดว่าเด็กสาวที่ใจดีอ่อนโยนอย่างเธอจะแสดงออกมาได้
        ทำไงดี...  ทำไงดี...
        เสียงมือถือดังขึ้นมาขัดจังหวะความคิดของจุน  ชื่อเบอร์โทรเข้ากลับเป็นคนที่ไม่น่าคุยที่สุดในช่วงเวลานี้  ถึงอย่างนั้นเขาก็กดรับ
        "เอาใบตารางงานฉันไปหรือเปล่า..."
        "ช่้วยด้วย!"  จุนตะโกนใส่มือถืออย่างลนลาน  มองดูมาซารุซึ่งโดนสายฟ้าผ่าใส่รอบที่ห้าอย่างทำอะไรไม่ถูก  แต่คนปลายสายกลับคิ้วกระตุกกึก  ตวาดลงโืทรศัพท์สีชมพูลายการ์ตูน
        "อย่าตะโกนใส่มือถือสิยะ  เสียมารยาท!"
        ถึงจะพูดแบบนั้นแต่เธอกลับตอบกลับด้วยเสียงที่ดังกว่าจุนสักสิบเท่าได้
        "มาที่ศาลเจ้าฟุมิเนเนะด่้วนเลย"
        จินเนะกล่าวเยาะๆ  "เรื่องอะไร..."
        "แล้วฉันจะเล่าเรื่องความจริงในตอนนั้นให้เธอฟัง  แต่ตอนนี้มาที่นี่ก่อน!"
        จินเนะมองมือถือซึ่งถูกตัดสายอย่างงุนงง  ตอนแรกเธอคิดว่าคงจะเป็นการโดนอันธพาลรุมหาเรื่องหรืออะไรที่มันปกติๆ  แต่เมื่อคิดดูแล้ว จุนถึงขั้นขอความช่วยเหลือจากเธอคงไม่ใช่เรื่องเล่นๆแล้วล่ะ
        เด็กสาวมองไซโตะที่กำลังมุ่งหน้าไปส่งเธอที่บ้านแล้วบอกจุดหมายใหม่ให้แทนโดยไม่อธิบายอะไรทั้งนั้นเพราะเธอเองก็จับต้นชนปลายไม่ถูกเหมือนกัน
 
        "ฮึ่ย!"
        จุนพยามดันเจ้าเขตอาคมที่จิเสะสร้างขึ้นมาอย่าสุดกำลัง  สภาพผิวสัมผัสมันนุ่มๆเด้งๆเหมือนเยลลี่  แต่ทำไมถึงไม่ขาดสักทีนะ!
        "มันไม่ถูกทำลายง่ายๆหรอกนะ จุนคุง  เธอเลิกพยามดีกว่า  เดี๋ยวฉันจะจัดการให้เสร็จไวๆ  เธอจะกลับมารักฉันและมีวิถีชีวิตที่ปกติเหมือนเดิมแล้ว"
        จิเสะพูดด้วยแววตาที่ไร้อารมณ์ทั้งที่กำลังยิ้มบางๆให้กับเด็กหนุ่ม  เป็นครั้งแรกที่จุนเกลียดคนที่ยิ้มให้นอกจากน้องสาวของตัวเองนะ!
        "ผมจะกลัีบไปกับเธอก็ได้  แต่หยุดทำร้ายมาซารุซังเถอะ!"
        เด็กสาวชุดมิโกะหันกลับมาตะโกนใส่เขา  "จุนคุงเองก็ดูถูกความรักของฉันเหมือนกันแหละ!  ฉันไม่อยากได้แค่ร่างกาย  ฉันอยากได้ความรักจากจุนคุงด้วย  เข้าใจไหม!  ตราบใดที่มาซารุยังอยู่ที่นี่  เธอเองคงไม่มีทางรักฉันได้อีกครั้งหรอก!"
        "ถ้ามาซารุซังหายไปแล้วมันต่างจากเดิมตรงไหนกัน  ยังไงผมก็คงไม่มีทางกลับไปรักเธอได้หรอกนะ"  
        จุนพยามเกลี้ยกล่อม แต่เด็กสาวพูดทั้งน้ำตาที่ไหลลงมาเรื่อยๆ  
        "ต่างสิ  ฉันก็จะปลอบใจเธอ  ฉันก็จะดูแลเธอ  ฉันก็จะทำให้เธอลืมเขาได้ไงล่ะ  ถ้าหากเขายังอยู่ที่นี่  เธอเองก็จะยังคงมองไปที่เขาไม่ใช่จิเสะคนนี้!  แต่ฉันจะสร้างความหวังและโอกาสขึ้นมาเอง"
        เด็กสาวโยนยันต์รูปแบบเดียวกับที่ลอยอยู่บนฟ้าขึ้นไป  ตอนนี้สายฟ้าจึงปรากฏขึ้นสองสาย  ฟาดผ่าใส่ร่างของมาซารุจนสติเขาเลือนลางเต็มที  ไม่สิ ร่างที่มีละอองสีฟ้าของเขาก็จางลงไปบางส่วนแล้วเช่นกัน
        เด็กสาวในชุดมิโกะมองภาพนั้นอย่างสาสมใจปนหงุดหงิด  ถ้าเธอแข็งแกร่งกว่านี้คงไม่ต้องใช้เวลานานขนาดนี้หรอก  แต่ให้วิญญาณตนนี้เจ็บปวดเหมือนเธอก็ดีเหมือนกัน
        "มาซารุ!  พยามหนีสิ!  พยามเข้า!"  จุนตะโกนออกไปอย่างสุดเสียง...และเขาก็ทำได้แค่ตะโกนอยู่แบบนั้น  ไม่ได้ช่วยอะไรเลย...
        "ถ้า...ถ้าข้าตอบโต้นาง  เจ้าจะไม่หนีข้าไปแน่นะ"  มาซารุเอ่ยอย่างยากเย็น  "ถ้าข้าเผลอทำร้ายนาง  เจ้าจะโกรธข้าไหม"
        ร่างเด็กหนุ่มชาวาบ  นี่มันบ้าชัดๆ  ที่มาซารุไม่ตอบโต้่อะไรก็เพียงเพื่อเรื่องแค่้นั้นเนี่ยนะ  จุนกำหมัดแน่น  ความโกรธแล่นริ้วขึ้นมา  โกรธทั้งจิเสะ ทั้งตัวเอง  ทั้งมาซารุ!
        "เลิกทำเพื่อผมได้แล้ว!  ผมไม่หนีเธอไปเพราะแค่โกรธหรือเพียงเรื่องบ้าๆ  ได้ยินไหม! ผมไม่ได้อยู่กับเธอเพราะเธอทำให้ผมสบายใจได้เท่านั้นนะ!"  เขาตะโกนเสียงดังให้มันออกมา่จากความรู้สึก  "แต่ถ้าเธอไม่คิดถึงตัวเองให้มากกว่านี้ผมจะหนีไปจากเธอจริงๆด้วย!"
        มาซารุเบิกตากว้างอย่างนึกไม่ถึง  ก่อนจะยิ้มออกมา  เขาหลับตาลงเหมือนจะรวมเป็นหนึ่งเดียวกับอากาศและสายลมบนนภา  ละอองสีฟ้าอ่อนลอยขึ้นมาจากพื้นดินจากทั่วทั้งภูเขาฟุมิเนเนะ  ร่างที่จางกลับมาปกติเหมือนเดิม  มิหนำซ้ำ ละอองสีฟ้ารอบกายยังหนาแน่นขึ้นกว่าเดิืมด้วย
        เพียงมาซารุสะบัดข้อมือเบาๆ  ยันต์ทั้งหมดก็ขาดครึ่งเหมือนโดนคมดาบตัดขาดและหมดพลังไปในทันที  สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว!
        "ผู้เป็นสายเลือดของท่านองเมียวจิมิสึกาวะ  เขตแดนภูเขานี้คือที่ของข้า  ฉะนั้น หากข้าต่อต้าน  พลังของเจ้ายังไม่แข็งแกร่งพอจะต้านทาน  ข้าไม่อยากทำร้ายเจ้า  เพราะฉะนั้น เจ้ายอมแพ้เถอะ"
        "ยอมแพ้เหรอ"  จิเสะทวนคำด้วยความโกรธขึ้ง  พูดเสียงต่ำ  "ถ้าจะยอมแพ้ฉันคงยอมไปนานแล้ว!"
        ยันต์ห้าใบถูกเหวี่ยงมาปะทะกับส่วนต่างๆของร่างกายมาซารุ  แต่มันกลับสูญสลายไปเมื่อละอองสีฟ้าสัมผัสโดน
        "ฉันพบจุนก่อนหน้าคุณ!  คุณไม่มีสิทธิ์มาแย่งเขาไป"
        "ข้าพบกับเขาเมื่อหลายร้อยปีที่แล้วและรอมาตลอด"  
        มาซารุพูดไปก็เดินเข้าไปใกล้ฝ่าย  แต่สิ่งที่ได้รับคือจิเสะที่แค่นยิ้ม  
        "จะใช่หรือไม่ใช่จุนก็ไม่รู้  ถึงจะใช่คนที่คุณรอมาตลอดก็เถอะ  แต่เขาก็ถือกำเนิดขึ้นใหม่แล้ว  มันไม่มีประโยชน์อะไรหรอก  ถึงจะสร้างความรักขึ้นอีกครั้งก็ไร้ค่า  เขาไม่ใช่คนเดียวกับที่คุณรอหรอก"
        วิญญาณในชุดกิโมโนเองส่ายหน้า  "มันไม่ใช่เรื่องชาติภพ  ข้าได้พบกับ 'จุน' เมื่อหลายร้อยปีก่อนจริงๆ"
        "พูดบ้าๆ!"
        เด็กสาวพยามเหวี่ยงยันต์อันแล้วอันเล่า  บางส่วนโดนร่างของมาซารุแล้วสลายไป  บางส่วนก็ไม่โดนหรือยันต์บางแผ่นถูกหลบได้
        รถของไซโตะแล่นเข้ามาและพวกเขาวิ่งมาที่ศาลเจ้าได้โดยไม่ติดขัดเพราะหมอกทั้งหลายถูกจิเสะทำลายไปก่อนหน้านี้แล้ว  จินเนะซึ่งรีบวิ่งเพราะอยากฟังสิ่งที่พี่ชายอยากบอกจนเกือบหกล้มหน้าคว่ำเพราะสวมส้นสูง  แน่นอนว่าส้นรองเท้าได้หักไปแล้ว
        เด็กสาวร้องลั่นเมื่อถูกช้อนตัว  "อ๊ะ! ปล่อยนะ"
        ไซโตะ  "ถ้าอยากขึ้นไปเร็วๆก็อย่าดิ้นน่า"
        ชายหนุ่มอุ้มจินเนะในท่าเจ้าหญิงวิ่งขึ้นไปตามบันไดของศาลเจ้า  จนกระทั่งได้พบกับจุนซึ่งยื่นอยู่ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่เขาโดนจิเสะผลักไปกระแทกโดยไม่ระวังนั่นเอง
        จินเนะถูกปล่อยลงพื้นก็ตรงไปเขย่าคอเสื้อพี่ชายเป็นการใหญ่  "รีบบอกมานะ!  บอกมาสิ"
        "เดี๋ยว...เดี๋ยว"  เด็กหนุ่มผู้มึนหัวไปหมดแล้วรีบห้าม  "ผม...ผมเวียนหัวนะ"
        ไซโตะรวบมือของเด็กสาวที่สูงแค่ระดับอกไว้เหนือศีรษะของเธอ  จนคล้ายท่ากระโดดตบ  สิ่งนั้นทำให้จุนนึกขอบคุณเขาในใจ
        ไซโตะชี้ไปที่มาซารุ  "นั่นวิญญาณในตำนานเหรอ"
        จุนพยักหน้า  ความรู้สึกขอบคุณในใจสลายไปนิดหน่อย  สำหรับเขาแล้วไม่อยากให้ใครต่อใครมองว่ามาซารุเป็นตัวประหลาดหรอกนะ  แต่ไซโตะัจับความรู้สึกนั้นได้และกล่าวขอโทษที่เขาอาจเสียมารยาทไปบ้าง
        ด้านมาซารุเดินเข้ามาใกล้จิเสะซึ่งแม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ได้เป็นด้านบวกแต่ยังคงมีสีหน้าไม่ยอมแพ้
        "อย่าคิดว่าตัวเองใช้หมอกได้คนเดียว!"
        จิเสะเหวี่ยงยันต์ไปที่ด้านหลังของมาซารุแต่ใกล้กับบริเวณของจุน  หมอกหนาทึบปรากฏจากยันต์นั้นเหมือนกับเป็นเครื่องผลิตน้ำขนาดใหญ่ต่างจากรูปร่างของมันและที่ยันต์สีเหลืองผลิตก็ไม่ใช่น้ำแต่เป็นหมอกควันสีเทาเท่านั้นเอง
        วิญญาณในชุดกิโมโนขมวดคิ้ว  "เจ้าทำอะไรนะ"
        ยิ้มของเด็กสาวดูเยือกเย็นและแววตาที่อำมหิตเหมือนกับนักฆ่าที่กำลังลงมือกับเหยื่อ  "ไม่มีประโยชน์ที่จะเก็บคนที่ไม่รักฉันไว้นี่"
        จิเสะไม่ต้องรอให้ตัวเองพูดจบก็หยิบดาบโบราณเล่มหนึ่งออกมาจากฝักดาบซึ่งคล้องเอาำไว้ด้านหลัง
        ละอองสีฟ้าคล้ายหิ่งห้อยมารวมตัวกันที่ฝ่ามือของมาซารุก่อนจะกลายเป็นดาบซึ่งแขวนอยู่ที่กำแพงในศาลเจ้าฟุมิเนเนะนั่นเอง
        "ดูจากการจับด้ามดาบ  เจ้าคงไม่มีความรู้เรื่องอาวุธในมือเท่าไหร่หรอก บอกมาว่าเจ้าทำอะไรกับจุน  แล้วข้าจะไม่ทำให้เจ้าบาดเจ็บ"
        มาซารุพูดด้วยเสียงไร้อารมณ์และตวัดดาบจนเกิดเสียงผ่านอากาศเพื่อข่มขวัญศัตรู  ซึ่งก็คือจิเสะที่ส่ายหน้าเบาๆ  มองอีกฝ่ายอย่างดูแคลน  "แค่โดนก็พอ  จะแผลลึกบางแค่ไหนก็ได้่...แค่สัมผัสร่างกายคุณได้ก็พอ!"
        มาซารุตั้งท่ารับดาบของจิเสะอย่างง่ายดายและปัดดาบของเธอกระเด็นไป  เด็กสาวไม่ใช่คนที่ชอบออกกำลังกายรวมทั้งไม่เก่งในวิชาพละจึงไม่ได้มีแรงมหาศาลอะไร
        แสงสีฟ้ารวมตัวกันเป็นสาย  มัดแขนขาของจิเสะทันที  เด็กสาวมองดาบซึ่งโดนปัดกระเด็นและยันต์ที่อยู่ในกระเป๋าแต่กลับเอื้อมไปหยิบไม่ได้แล้วทรุดลงอย่างผู้ที่พ่ายแพ้
        "มาซารุ!"  จุนวิ่งฝ่าสายหมอกออกมา  "เธอปลอดภัยไหม  อ๊ะ นี่เธอทำอะไรกันบ้างเนี่ย  รีบแก้มัดให้จิเสะเถอะ!"
        เด็กหนุ่มที่สิ่งฝ่าสายหมอกมาได้มองแสงสีฟ้าสลายหายไป  แล้วรีบวิ่งมาดึงมาซารุไปไหลจากจิเสะโดยที่ไม่คิดเหลียวมองเธออีกแม้แต่น้อย  จนกระทั่งเข้าไปในสายหมอกก็หยุด  "คงปลอดภัยแล้วล่ะ"
        แต่วิญญาณในชุดกิโมโนพูดด้วยเสียงเย็นชา  "เจ้าไม่ใช่มาซารุ  เจ้าเป็นใครและคิดจะทำอะไรกันแน่"
        มือของจุนที่มือมาซารุจับอยู่กลายเ็ป็นกระดาษไป  ทันใดนั้น เสียงปืนนัดหนึ่งดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบงัน  สายหมอกทั้งหลายค่อยๆจางลงโดยมีลูกปืนนัดหนึ่งแทงทะลุต้นเหตุของมันอยู่กับพื้นดิน
        ไซโตะควงปืนอย่างชำนาญแล้วยักคิ้ว  "เอามาป้องกันตัวนะ"
        "แล้วทำไมไม่วิ่งไปฉีกมันตั้งแต่แรกล่ะยะ!"
        เขายักไหล่  "ก็แค่ดูสถานการณ์ไปก่อนเท่านั้นเอง  แถมดูมันไม่ค่อยจะน่าเข้าใกล้ซะด้วยสิ"
        จิเสะเดินเข้าไปอย่างช้าๆ  ในมือแกว่งดาบโบราณไปมาพร้อมรอยยิ้ม  "นั่นคือชิกิงามิ  เหมือนจุนคุงมากเลยเนอะ"
        เด็กหนุ่มที่มองเหตุการณ์ทั้งหมดได้ชัดเจนเพราะหมอกจางลงไปแล้วรีบตะโกนเสียงดัง  "รีบหนีเร็ว!"
        มาซารุหันไปตามเสียงจุนตัวจริงแล้วมองที่ใต้เท้าของตนเองซึ่งเป็นวงกลมสีฟ้าแบบเดียวกับละอองของเขาแล้วขมวดคิ้ว  "ขยับไม่ได้งั้นเหรอ"
        เมื่อได้ยินดังนั้น เด็กหนุ่มไม่รอช้าที่จะวิ่งไปหามาซารุท่ามกลางความตกใจของทุกคนรวมทั้งจิเสะด้วย  เขาไม่อยากได้แค่ตะโกนแล้วก็ช่วยอะไรไม่ได้อีกแล้ว!
        "ไม่ได้นะ  จุนคุง!  มันจะสลายวิญญาณของเธอไปด้วย!"
        ราวกับเท้าของร่างในชุดกิโมโนมีแม่เหล็กติดอยู่กับพื้นดิน  มาซารุซึ่งได้ยินจิเสะพูดพยามผลักไสจุนออกไปเต็มที่พร้อมๆกับพยามทำลายแสงสีฟ้าที่พุ่งขึ้นมาจากพื้นดินไปด้วย  เพียงแต่ยันต์ที่อยู่ตรงกลางอาณาเขตวงกลมนี้เหมือนจะมีรัศมีปกป้องครอบอยู่
        มาซารุรวบรวมละอองสีฟ้ามาไว้ในกำมือทั้งสองแล้วจี้ไปที่ยันต์นั่นสุดกำลังจนเกิดเป็นประกายสายฟ้าแปลบปลาบ
        ในที่สุด พลังของมาซารุก็สามารถเจาะเกราะป้องกันของแผ่นยันต์ได้  ในตอนนั้นเองที่แสงสว่างวาบที่เกิดจากการปะทะของสองพลัง  สว่างไสวไปทั่วภูเขาฟุมิเนเนะยามค่ำคืน...
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา