You are my hope.เจ้าเท่านั้น ที่ข้าจะรอ yaoi

10.0

เขียนโดย ปรัสรา

วันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2555 เวลา 10.13 น.

  20 chapter
  3 วิจารณ์
  27.76K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

10) บทที่10

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

        จุนฟังจำนวนปีที่ได้ยินอยู่บ่้อยครั้งแล้วหัวเราะฝืดๆ  ท่าทางเขากับใครคนนั้นคงจะหน้าตาเหมือนกันมาก  เพราะมาซารุยังคงปักใจเชื่อว่าจุนคือใครคนนั้น  หรืือว่าจะเป็นเขาจริงๆ  เป็นการพบกันตอนเด็กๆรึเปล่านะ?  แต่จำไม่ได้เลยว่าำทำให้ใครต้องรอ

        ทั้งนี้ทั้งนั้น เด็กหนุ่มถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่  

        "รู้ไหม มาซารุซังที่พูดเล่นไปแบบนั้นทำให้ผมเริ่มจะเชื่อว่าจิเสะจังพูดถูกเลยนะเนี่ย  อ้อ พอดีจิเสะคิดว่าเธอเป็นวิญญาณของบุตรชายของขุนนางในยุคเอโดะนะ  อ๊ะ ไม่ต้องทำหน้ากังวลขนาดนั้นก็ได้  จิเสะจังไม่มีเจตนาร้ายนะ  เดี๋ยวผ่านไปสักพักก็คงจะลืมไปเองนั่นแหละ"

        แต่มาซารุยังคงทำสีหน้ากังวลอย่างจริงจัง  เขาคลายอ้อมกอดออกจากร่างของคนรักแล้วถามอย่างเคร่งเครียดว่าเขาเชื่ออย่างนั้นจริงๆหรือ?  แน่นอนว่าจุนต้องตอบปฏิเสธอยู่แล้ว

        ถึงกระนั้น แววตาที่จ้องมองเขามาราวกับมองของล้ำค่ากำลังจะถูกผู้อื่นช่วงชิงไปยังคงอยู่  น้ำเสียงที่เศร้าสร้อยอย่างมากได้เอ่ยขึ้นมา  "แล้วถ้าหากว่า...ข้าไม่ใช่มนุษย์  เจ้าจะยังรักข้าได้ไหม"

        เด็กหนุ่มอึ้งไป

        "ถ้าหาก...ร่างกายนี้  ไม่ใช่มนุษย์"  มืออันเย็นเฉียบของมาซารุลูบไล้ใบหน้าอีกฝ่าย  กล่าวด้วยเสียงที่เบาบางล่องลอย  "หากเสียงที่เอ่ยว่าต้องการเจ้าในตอนนี้  เป็นเพียงวิญญาณที่เฝ้ารอเจ้าอยู่เท่านั้นล่ะ..."

        "มา...มาซารุซัง"

        ราวกับท่าทีตื่นตระหนกของจุนเป็นคำตอบที่ตรงไปตรงมา  ร่างในชุดกิโมโนหลุบตาลงและถอยห่างมา  แต่สักพักก็เริ่มต้นหัวเราะ เหมือนกับเรื่องเมื่อครู่เขาเพียงล้อเล่นเท่านั้นเอง

        เด็กหนุ่มมองการกระทำที่ต้องการปิดบังจิตใจแท้จริงแล้วตัดสินใจดึุงมาซารุมากอดไว้  พร่ำกระซิบคำรักเพื่อหวังปลอบโยน  ไม่ใช่แค่อีกฝ่ายเท่านั้นที่สามารถสัมผัสได้ว่าเขากำลังรู้สึกเช่นไร  ภายใต้ท่าทีหัวเราะรื่นเริง มันช่างมีความเศร้าบางอย่างที่จุนบอกไม่ถูกปะปนอยู่

        "ผมไม่แน่ใจหรอกว่าจะรับได้ไหม"  จุนกล่าว  "แต่เรื่องที่ยังรัก  ผมมั่นใจว่าความรู้สึกที่มีต่อเธอไม่ได้กำหนดว่านั่นเป็นเพราะเธอเป็นมนุษย์แน่นอน"

 

        หลายวันมานี้ จินเนะไม่เจอเด็กสาวที่เอาแต่เดินตามพี่ชายของเธอต้อยๆเลย  คงไม่ใช่ว่ารู้เรื่องความสัมพันธ์ของมาซารุกับจุนแล้วหรอกนะ

        เครือข่ายแฟนคลับของเธอไปสืบข้อมูลได้ว่าเห็นจิเสะนั่งรถไฟออกไปนอกเมือง  เมื่อสอบถามจากอาจารย์ประจำชั้นของจุน  คำตอบที่ได้รับคือจดหมายลาหยุดซึ่งไม่ได้ลงธุระเอาไว้เลย

        สำหรับเธอแล้วจิเสะจะเป็นเช่นไรก็ช่าง  เพราะยังไงซะ คนที่เธอจะแกล้งก็ไม่ใช่เด็กสาวคนนั้นอยู่ดี

        เสียงเมสเสจเข้าดังขึ้นมาระหว่างทานอาหารกลางวันกับโต๊ะซึ่งจัดเป็นพิเศษให้เป็นแถวยาวเหยียด  เนื้อหานั้นคือการที่ไซโตะบอกให้เธอรีบไปกับเขาเพื่อเตรียมตัวสำหรับคอนเสิร์ตในอีกสองวัน  แน่นอน เวลามีถมเถไป  จะรับเธอหลังเลิกเรียนก็ได้นี่

        "ไม่ได้หรอก  ชุดที่ลองไว้ตอนแรกกับการวัดเอวครั้งล่าสุดมันมีอะไรผิดพลาด  หรือไม่เธอก็อ้วนขึ้น  ดูแลหุ่นด้วยล่ะ"

        "ช่างฉันสิยะ  นี่ก็ไดเอ็ทเต็มที่แล้วไง  ขืนกินน้อยกว่านี้ฉันก็ขาดสารอาหารพอดี  หรือนายอยากให้ฉันผอมเป็นกุ้งแห้งแบบพวกนางแบบพวกนั้นจริงๆ ฮึ?"

        ไซโตะเอื้อมมือมายีผมอีกฝ่ายจนฟู  "ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย  แค่เตือนไว้ก่อนเท่านั้นเอง  จริงสิ เรื่องนั้นฉันหามาได้แล้วนะ"

        จินเนะพยักหน้ารับรู้ระหว่างรับข้าวกล่องมื้อกลางวันที่ไซโตะส่งให้มาทาน  ก็ที่โรงอาหารนั่นเธอยังไม่ได้กินเลยสักคำนี่นา

        "ไม่มีประวัติของคนที่ชื่อมาซารุอะไรนั่นเลยสักนิดเดียว  ตอนแรกก็ทำเอาฉันอึ้งไปเหมือนกัน  แต่พอลองหาตำนานของศาลเจ้าฟุมิเนเนะควบคู่กันไปด้วยแล้ว  อะไรๆก็ง่ายขึ้นเยอะ  ที่นั่นมีตำนานของวิญญาณที่ชื่อมาซารุอยู่ใช่ไหมล่ะ  เธอคงรู้เรื่องมาบ้างสินะถึงได้ให้ฉันลองค้นประวัติ"

        ไซโตะบรรยายลักษณะของบุตรชายขุนนางผู้นั้นซึ่งเป็นที่มาของตำนาน  แน่นอน มันไม่ผิดไปจากมาซารุที่จินเนะพบเลยแม้แต่น้อย

        เด็กสาวเริ่มคิดอีกครั้งว่าจะปล่อยเลยตามเลยหรือว่าจะวางแผนแยกสองคนออกจากกันเพื่อแกล้งพี่ชายของตนเองดี

        จริงสิ เรื่องความรักระหว่างสองโลกมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว  ถ้าหากว่าจุนหลงอยู่ในความรักที่มอบให้ผู้ที่ชื่อมาซารุนั่นมากเข้า  ความเสียใจก็ยิ่งมากขึ้น  ฉันคงได้พบกับ 'น้ำตาของนายสักทีนะ...จุน

 

        มาซารุที่จุนโอบกอดไว้นั้นเริ่มมีปฏิกริยาขึ้นมา  เขาหันไปทางบันได้ขึ้นศาลเจ้าฟุมิเนเนะพร้อมกับพูดว่าจิเสะมาที่นี่  เล่นเอาจุนงงไปไม่น้อย  ในเมื่อมาซารุก็โดนเขากอดอยู่ตรงนี้  จะรู้ได้ไงว่าใครมา

        แต่เมื่อจุนออกไปดูก็พบเด็กสาวจริงๆตามที่มาซารุว่า  เพียงแต่จิเสะที่หายหน้าหายตาไปนานกลับมาด้วยมาดใหม่  สีหน้าที่มุ่งร้ายดูเป็นศัตรูกับมาซารุอย่างเห็นได้ชัด  แต่งกายด้วยชุดมิโกะและยังถือยันต์สีเหลืองอักษรแดงที่เขียนลวดลายประหลาดไว้ด้วย

        "จิเสะ...จัง?"  จุนพูดงงๆ  "นี่เธอจะทำอะไรนะ"

        "จุนคุงรีบมาตรงนี้เร็วเข้า!"

        ถึงจะไม่เข้าใจสถานการณ์ก็ตาม  แต่จุนก้าวเดินไปตามเสียงเรียก  ทว่า...มาซารุจับแขนเขาไว้ด้วยสีหน้าที่อ้อนวอนสุดชีวิต

        "มาซารุซัง?  อ๊ะ..."

        ยันต์ที่อยู่ในมือจิเสะเมื่อครู่ถูกเหวี่ยงมาปะทะกับมือของมาซารุจนผิวมีสีไหม้เข้มและควันกรุ่นโดยที่ไม่ได้ทำอะไรตรายใดๆแก่ผิวหนังของจุนเลยแม้แต่น้อย  ถึงจะอึ้งอย่างไรก็ตาม แต่สีหน้าที่แสดงความเจ็บปวดของมาซารุก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาเมินเฉยไปได้!

        จิเสะพูดอย่างร้อนรน  "มาตรงนี้เถอะค่ะ จุนคุง  แล้วฉันจะจัดการต่อเอง  เร็วเข้าสิคะ"

        เด็กหนุ่มมองเธอด้วยสายตาที่ปฏิเสธปนผิดหวังที่เด็กสาวทำร้ายคนอื่นแบบนี้และยืนกรานจะพามาซารุไปโรงพยาบาล  เขาคิดว่าที่ยันต์อาจฉาบน้ำกรดอะไรไว้สักอย่าง  ถึงจะสงสัยว่าทำไมเขาถึงไม่เป็นไรเลยก็ตามที

        แต่เมื่อเด็กหนุ่มหันกลับมามองบาดแผลที่เกิดขึ้น  เขาก็ต้องตะลึงเมื่อผิวหนังของมาซารุค่อยๆฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจนไม่เหลือแผลใดๆทั้งสิ้น

        "แย่แล้ว!  มาเร็วสิจุนคุง!"

        จิเสะรีบเหวี่ยงยันต์ต่อเนื่องจากกระเป๋าสะพายเพื่อหวังจะหยุดการเคลื่อนไหวของมาซารุเอาไว้ก่อน

        แต่ทว่า...ยันต์ทั้งหมดต้องไร้ประสิทธิภาพหรือให้พูดอีกอย่างคือ มันไม่มีผลกับมนุษย์ปกตินั่นเอง  จุนใช้ตัวเองขวางทางยันต์เพื่อปกป้องมาซารุอย่างไม่ลังเล

        "พอได้แล้ว!  รู้ไหมว่าที่จิเสะจังทำอยู่มันผิดมากนะ!"

        เด็กสาวอึ้งไป  "แต่นั่นไม่ใช่มนุษย์นะ  จุนคุงก็เห็นอยู่  มนุาย์ธรรมดาไม่มีทางมีพลังฟื้นตัวเร็วขนาดนั้นหรอก!  อ๊ะ..."

        หมอกบางเบาเริ่มปกคลุมพื้นอย่างช้าๆและสะสมจนกลายเป็นหมอกหนา  เด็กสาวเหวี่ยงยันต์ลงไปมันจึงกระจายคล้ายมีอาณาเขตวงกลมรอบแผ่นกระดาษสีเหลืองอักษรแดงทั้งหลาย

        มาซารุใช้จังหวะที่เด็กสาวกำลังวุ่นวายอยู่กับสายหมอกที่ปกคลุมจนคล้ายจะปิดบังสถานที่  รีบจับมือจุนวิ่งกลับไปที่ศาลเจ้าฟุมิเนเนะ

        "ช่วยอธิบายหน่อยได้ไหม"  จุนรีบวิ่งจนหอบแฮก  วิ่งขึ้นเขาย่อมเหนื่อยกว่าปกติเป็นธรรมดา  "นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่"

        "นางเหมือนจะมีวิชาบางอย่าง  ของพวกนั้นอาจได้มาจากท่านองเมียวจิที่มีพลังแก่กล้าของที่ไหนสักแห่ง"

        จุนพยักหน้า  "ได้ยินว่าจิเสะจังมีญาติอยู่ที่ศาลเจ้าขนาดใหญ่แห่งหนึ่งที่ชื่อว่าศาลเจ้ามิสึกาวะ"

        มาซารุยิ้มอ่อนแรง  พึมพำ  "มิน่าล่ะ ที่แท้เป็นเชื้อสายของท่านมิสึกาวะนี่เอง"  เขายกมือที่เย็นเฉียบกว่าเดิมขึ้นมาสัมผัสใบหน้าของคนที่รักที่สุด  "จุน เจ้าบอกว่าจะไม่ทำให้ข้าเสียใจ  ฉะนั้น เจ้าอย่าทิ้งข้าไปเป็นครั้งที่สองเลยนะ"

        แต่สีหน้าของจุนไม่ได้โอนอ่อนผ่อนตามอย่างเคย  ตอนนี้เขาต้องการคำอธิบายเรื่องทั้งหมด  ถึงพอจะเริ่มเดาเรื่องราวบางอย่างได้  แต่เขาต้องการคำยืนยัน  แต่ถ้าเพียงมาซารุบอกว่าจิเสะโกหก  เขาจะเชื่อคนรักอย่างไม่มีข้อกังขาเลย!

        แต่คำตอบที่ได้รับมาพร้อมกับยิ้มที่แสนขมขื่นนั่นคือ...

        "ข้าไม่ใช่มนุษย์หรอก  ข้าไม่ได้โกหกหรือล้อเล่นเรื่องที่รอเจ้าที่นี่ตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา...จริงๆนะ"

        มือที่ลูบไล้ใบหน้าอยู่เลื่อนขึ้นไปสัมผัสกับหน้าผากของจุน  แสงสว่างสีทองก็วาบเข้าไป เหตุการณ์ในคืนทานาบาตะย้อนคืนมาเหมือนกับวิดีโอที่ถูกกรอด้วยความเร็ว  จุนสะบัดศีรษะไล่ความมึนงง  มองร่างที่มีแสงสีฟ้าอ่อนคล้ายออร่าและมีละอองคล้ายหิ่้งห้อยสีเดียวกันอยู่ล้อมตัวมาซารุ

        สภาพในตอนนี้ไม่มีข้อโต้แย้งเลยว่าร่างในชุดกิโมโนไม่ใช่มนุษย์  น้ำตาที่ไหลลงมาอย่างเชื่องช้าผิดธรรมชาติปรากฏขึ้นทันทีที่เห็นแววตาตื่นกลัวของจุน

        "เจ้าโกหกข้านี่นา..."  มาซารุมองไปยังดวงจันทร์ที่ขึ้นมาเมื่อท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นยามราตรี  "เจ้าบอกว่าจะไม่ให้ข้าต้องเสียใจ  แต่ตอนนี้เจ้าจะทิ้งข้าไปใช่ไหม"

        สายลมที่พัดโชยมานั้นหนาวเย็นเยือกเกินปกติ  หยาดน้ำตาทั้งหลายค่อยๆไหลลงมาหยดลงบนพื้นไม้ของศาลเจ้า

        และในตอนนั้น มือที่แสนอุ่นของจุนได้ปาดมันออกและโอบร่างที่สั่นเทาจากการร้องไห้ของมาซารุไว้

        "เธอร้องไห้ทำไมกัน"  รอยยิ้มของจุนเผยออกมาอย่างช้าๆ  "ในเมื่อผมกับเธอก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปนี่  ผมบอกเธอแล้วว่าผมไม่คิดจะเลิกรักเธอเพียงเพราะเธอไม่ใช่มนุษย์หรอกนะ"

        "จุน..."

        เสียงคล้ายฟ้าผ่าดังติดต่อกันหลายเปรี้ยง  ประตูกระดาษแบบญี่ปุ่นถูกเปิดออกมาอย่างรวดเร็วโดยผู้ที่ปรากฏก็ไม่ใช่ใครอื่นใดเลย  เด็กสาวพูดเสียงดังให้จุนรีบถอยออกจากมาซารุซะ

        "ไม่มีทาง!  จิเสะจัง เธอกลับไปเถอะนะ  ถือว่าผมขอร้อง"

        เด็กสาวกำยันต์แน่น  "จุนคุงโดนมันล่อลวงอยู่งั้นใช่ไหม!"

        "ไม่ใช่นะ  จิเสะจังที่จริงแล้ว..."

        เด็กสาวเหวี่ยงยันต์ของมือซ้ายไปแปะที่ร่างของจุนทันทีเพื่อคลายการสะกดของมาซารุตามที่เธอคิด  แต่เด็กหนุ่มไม่เพียงแกะยันต์ออกอย่างง่ายดายโดยไม่มีปฏิกริยาใดๆทั้งสินแล้ว  เขายังยืนกรานจะให้เธอกลับไป

        เด็กสาวแสดงอาการตกใจไม่น้อยที่เขายังพูดออกมาแบบนั้นได้พร้อมกับพึมพำว่านึกไม่ถึงว่าจุนจะโดนครอบงำหนักขนาดนี้...

        "อย่ามาดูถูกความรักของผมนะ!"

        จิเสะที่ตั้งใจจะเหวี่ยงยันต์อีกแผ่นเพื่อคลายคาถาที่สะกดของมาซารุซึ่งไม่มีอยู่จริงได้ชะงักไป  "รัก...รักเหรอ?"

        "ถึงจะเอายันต์อีกกี่แผ่นเหวี่ยงมาก็ไม่ได้ผลหรอก!  ผมรักมาซารุด้วยจิตใจของผมเอง!"

        "จุึนคุง...รักวิญญาณตนนั้นงั้นเหรอ  รัก...จากใจจริงๆนะเหรอ"  

        เด็กสาวอึ้งแล้วค่อยๆเอามือสัมผัสใบหน้าของตัวเ้อง  มันมีน้ำตาติดปลายนิ้วของเธอกลับมา  มือที่จับยันต์อยู่สั่นระริกเฉกเช่นร่างที่สั่นสะท้านและน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด

        "ฉัน...ฉันรักจุนคุงนะ  รักมากจริงๆนะ"  

        แววตาของเด็กสาวรวดร้าว  เธอเอื้อมมือออกไป  ปล่อยแผ่นยันต์ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าในมือนั้นให้ปลิวไปกับสายลม  ปราถนาให้มือของเด็กหนุ่มผู้นั้นเอื้อมมือมาหาเธอเช่นเดียวกันด้วยความหวังที่มีทั้งหมดจากใจ

        น่าเสียดาย เขาไม่เพียงไม่ก้าวมาหาเธอ  จุนจับมือกับมาซารุเพื่อยืนยันความในใจของตนเอง

        "เธอไม่รักฉันหรือ  ฉันไม่ดีตรงไหน"  จิเสะพึมพำแล้วกรีดเสียงร้องไห้  "ทำไมเธอถึงไม่รักฉัน!"

        จุนยิ้มให้มาซารุหนึ่งครั้งเพื่อให้เขามั่นใจและเดินไปหาเด็กสาวที่ทรุดลงร้องไห้อยู่กับพื้น  เด็กหนุ่มประคองเธอขึ้นมาแล้วกล่าวว่าความจริงเรื่องที่เขาอยากจะบอกเธอนั้นคือความรู้สึกของเขา

        จุนกล่าวว่า...ครั้งหนึ่งเขา 'เคย' รักเธอ  นั่นไม่ใช่เรื่องโกหก

        "งั้นจุนคุงก็รักฉันงั้นเหรอ"  

        รอยยิ้มของเด็กสาวตอนนี้มันไม่มีความร่าเริงอย่างที่มอบให้จุนบ่อยๆ  มันคือรอยยิ้มที่เหมือนกับได้พบความสุขท่ามกลางความทุกข์  สำหรับจุนแล้ว เขาคิดว่าเธอไม่สมควรจะยิ้มแบบนี้เลยแม้แต่น้อย  เธอเป็นคนดีและน่ารักเกินกว่าที่จะต้องยิ้มแบบนี้ให้เขา

        แต่ถึงกระนั้น  เด็กหนุ่มพยักหน้ารับกับประโยคที่จิเสะพูดออกมา  

        "ใช่ ผมรักเธอจิเสะ"  

        จุนจับมือเธอเอาไว้โดยมีมาซารุที่ตกตะลึงไปชั่วครู่  ก่อนจะได้ฟังประโยคถัดมาซึ่งเด็กหนุ่มเอ่ยอย่างจริงจัง

        "เพียงแต่ตอนนี้ความรู้สึกของผมกับเธอมันได้เปลี่ยนไปแล้วเท่านั้นเอง  จิเสะจัง เธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผมนะ"


 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา