You are my hope.เจ้าเท่านั้น ที่ข้าจะรอ yaoi

10.0

เขียนโดย ปรัสรา

วันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2555 เวลา 10.13 น.

  20 chapter
  3 วิจารณ์
  28.34K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

12) บทที่12

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

        จุนฟื้นขึ้นการหลับใหลหรือพูดให้ถูกคือการสลบ  เขามองไปรอบๆศาลเจ้าฟุมิเนเนะ  ทั้งที่สภาพก็เหมือนเดิมแต่เหมือนมีอะไรแปลกไป...

        จริงสิ! พวกมาซารุล่ะ  จิเสะด้วย!  เขาจำได้ลางๆว่ามาซารุพยามทำลายยันต์ประหลาดของจิเสะ  แล้วจากนั้นก็มีแสงระเบิดสีฟ้า  เอ...แล้วต่อจากนั้น  ต่อจากนั้นมันยังไงกันล่ะ?

        เสียงเอะอะโวยวายของใครบางคนดังแถวบันไดศาลเจ้า  หรือว่าจะเป็นพวกมาซารุ!  เด็กหนุ่มรีบวิ่งไปทางนั้นทันที  เพียงแต่เขาเกือบหลบเข้าประตูไม่ทันเมื่อพบว่ามีแต่คนแปลกหน้ายืนถือดาบรายล้อมมาซารุอยู่

        นะ...นี่มันอะไรกัน  ทำไมมาซารุซังถึงโดนอันธพาลหาเรื่องกันนะ  แล้วการแต่งตัวที่ย้อนยุคซะขนาดนี้  แก๊งยากูซ่าก็มียูนิฟอร์มแนวนั้นกันแล้วรึไง!

        เอาแต่คิดไปก็ไร้ประโยชน์  จุนรีบวิ่งไปหยิบก้อนหินเท่าที่จะหาได้แล้วหอบมาวางไว้ใกล้เท้า  เตรียมตัวทำสงครามปาหิมะหินกับพวกแก๊งยากูซ่าพิลึกพิลั่นนั่น!

        เมื่อพวกคนประหลาดโดนขว้างหินใส่เต็มเหนี่ยวจนสลบไปแล้วสามคนติดๆ  พวกที่เหลือรีบวิ่งเข้ามาหาจุนทันที  เปิดโอกาสให้มาซารุทำร้ายจากทางด้านหลัง

        "หันหลังให้ศัตรูคือคนผิด"  ร่างในชุดกิโมโนกล่าวเย็นชาแล้วหันดาบไปทางเด็กหนุ่มด้วยท่าทางเฉียบคม  "เจ้าเป็นใคร"

        "เดี๋ยว...เดี๋ยวสิ  มาซารุซัง!  นี่ผมเอง...จุนไง"

        "ข้าไม่รู้จัก  ถ้าเป็นมิตรก็บอกมาแต่ถ้าเป็นศัตรูก็หยิบดาบขึ้นมาประลองกัน"

        จุนกระพริบตาปริบๆพยามเช็ดหน้ากับแขนเสื้อเพราะคิดว่าหน้าของเขาอาจเปื้อนดินตอนที่นอนสลบอยู่จนอีกฝ่ายจำไม่ได้  แต่ถึงจะเช็ดจนหน้าแดงแสบร้อนไปหมดเพราะแรงเสียดสี  มาซารุก็ไม่ได้ลดดาบลงเลย

        ในที่สุด เขาก็ต้องหยุดการกระทำและยอมรับความจริงว่ามาซารุจำเขาไม่ได้จริงๆและตัดสินใจถามหาจิเสะกับจินเนะ  สองคนนั้นคงไม่ได้โดนระเบิดสีฟ้าประหลาดจนความจำเสื่อมไปด้วยหรอกนะ?

        "ข้าไม่รู้จักอยู่ดี"  มาซารุเผยสีหน้างุนงงหลังมองชุดของจุนอยู่นาน  "แต่เจ้าคงไม่ใช่ศัตรูสินะ  ขอบใจที่ช่วยข้าไว้  อ๊ะ..."

        เด็กหนุ่มซามูไรตกใจไม่น้อยเมื่อโดนวิ่งเข้ามากอด  ทั้งที่ความจริงแล้ว ตัวของจุนเองก็เ่ช่นกัน  ในแง่ที่ว่าร่างกายที่เย็นเฉียบของมาซารุมันกลับอุ่นขึ้นคล้ายคนปกติ

        อย่างไรก็ดี  สิ่งที่เขาจำได้ก่อนสลบก็คือความเจ็บแปลกๆที่เกิดขึ้นบนใบหน้าและคำด่าสั้นๆเบาๆ

        "เสียมารยาท"

 

        "อูย..."

        จุนรู้สึกเหมือนใบหน้าตนเองมาอาการเจ็บเหมือนโดนชกมาหมาดๆ  ความเจ็บนี่ไม่ใช่จะหายกันได้ง่ายๆ  ถึงจะมีลูกประคบเป็นสมุนไพรชั้นดีแค่ไหนก็ตาม...  

        ลูกประคบสมุนไพร!?

        เขาลุกพรวดเดียวจนจมูกกับกระแทกกับมาซารุจนร้องโอดโอยไปด้วยกันทั้งคู่  บุตรชายขุนนางในปราสาทใหญ่แห่งนี้ถึงจะเลือดขึ้นหน้าแต่ก็ระงับอารมณ์ได้เพราะเข้าใจว่ามันเป็นอุบัติเหตุ

        "ขอโทษทีนะ  มาซารุซัง"

        อีกฝ่ายถอนหายใจยาว  ยกสำรับอาหารที่มีหน้าตาชวนกินมาให้อีกฝ่าย  ดูจากดวงจันทร์ทางประตูที่เปิดไว้เพื่อรับลมแล้ว  นี่คงเป็นเวลาใกล้เที่ยงคืนเต็มที  มิน่าล่ะ เด็กหนุ่มถึงรู้สึกหิวจนไส้กิ่ว

        ถึงจะรู้สึกแปลกๆที่แววตาของมาซารุจ้องเขามาอย่างคนแปลกหน้าก็ตาม  แต่ความหิวก็ชนะเกินกว่าที่เขาจะทำอะไรไปได้นอกจากกินอาหาร

        "อร่อย!  ยังอร่อยเหมือนเดิมเลย  เขาว่ากันว่าคนความจำเสื่อมจะไม่ฝีมือตกในเรื่องที่คุ้นชินนี่คงจะจริง"

        ร่างในชุดกิโมโนค่อยๆเผยยิ้มออกมาให้เห็นเป็นครั้งแรกจากตอนที่จุนฟื้นในศาลเจ้าฟุมิเนเนะ  ถึงจะทำเขาเจ็บตัวไปบ้างแต่ก็ดูเป็นมิตร  ช่างโชคดีที่เขาตั้งสติ  ไม่ได้ฟันดาบลงไปอย่างไม่แยกมิตรศัตรูเพราะความไม่ไว้ใจ

        อย่างไรก็ตาม เขาออกจากแคลงใจในคำพูดที่บอกว่าอร่อยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน  อาหารมื้อนั้นเกิดจากการที่เขาแอบย่องเข้าไปในครัว  ซึ่งน้อยครั้งที่เขาจะลงมือปรุงอาหารเอง  แล้วจุนบอกว่าเคยกินได้อย่างไร

        ทั้งนี้ทั้งนั้น ที่เขาต้องย่องเข้าครัวเป็นเพราะแอบนำจุนมาไว้ในห้อง  เนื่องจากไม่อยากให้พบกับพวกคนในตำหนักใหญ่คาจิ  ซึ่งมีพวกผู้หลักผู้ใหญ่จอมจุกจิกทั้งหลายอาศัยอยู่ได้ล่วงรู้

        ส่วนที่นี่คือห้องนอนของมาซารุซึ่งอยู่ในไกลจนสุดเขตแดน  ตำหนักคาเสะ ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษตามคำขอของมาซารุหลังจากทนความวุ่นวายในตำหนักคาจิไม่ไหว

        "คาเมซากิ จุน ครับ!"  เด็กหนุ่มขอบคุณสำหรับอาหารเสร็จก็แนะนำตัว  "ถ้าเธอลืมผมไปก็มาเริ่มต้นกันใหม่ได้  คราวนี้ผมจะดูแลเธอจนกว่าความทรงจำจะกลับคืนมาเอง"

        เด็กหนุ่มตั้งใจจะพาไปรื้อฟื้นความทรงจำที่ศาลเจ้าฟุมิเนเนะ  ถึงไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหนก็ตามที  แต่ก็อาจเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของศาลเจ้าก็ได้  ก็ที่นั่นออกจะใหญ่โต  เขาเดินดูแค่บางส่วนเท่านั้นเองนี่

        เมื่อมีคนมาพูดด้วยนำเสียงที่หนักแน่นพร้อมทั้งจับมือทั้งสองไว้  มาซารุก็อดคิดไปไม่ได้  เริ่มลังเลว่าตกลงตนลืมใครไปจริงๆหรือเปล่า

        อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายมีนามสกุล  มาซารุก็เดาสุ่มเอาว่าคงจะมีอำนาจอยู่ไม่น้อย  ก็ในญี่ปุ่นยุคนี้การที่ใครมีนามสกุลก็ถือว่าเป็นคนใหญ่คนโต  หรือไม่ก็คงเป็นพวกพ่อค้ามั่งมีอย่างแน่นอน

        มาซารุเอ่ย  "เอาล่ะ คาเมซากิซัง..."

        "เรียกผมว่าจุนเหมือนเดิมเถอะ  ฟังจนติดหูแล้วล่ะ"

        ร่างในชุดกิโมโนพูดอย่างอึดอัด  "จุน เจ้าคงไม่ใช่คนแถวนี้ใช่ไหม  แล้วมาทำอะไรที่เมืองนี้กันหรือ"

        "ผม...ผมอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิดนะ  ว่าแต่แถวนี้ที่ว่ามันแถวไหนกันนะ"

        มาซารุประเมินสภาพของเด็กหนุ่มอยู่ในใจ  ไม่มีย่ามสักใบหรือของมีค่า  ถ้าไม่หนีออกจากบ้านมาอย่างกระทันหันก็คงเป็นพวกอยากเสี่ยงโชค  หรืออาจหลงทางมาก็ได้ ใครจะรู้  และถ้าหากคิดจากฐานะที่อาจโดนลอบทำร้าย  ไม่แน่ว่าอาจจะโดนพวกปองร้ายจองเล่นงานจนหนีซัดเซมาที่นี่

        เมื่อคิดไปว่าจุนคงร่อนเร่พเนจรมาเรื่อย  เขาก็มีท่าทีอ่อนโยนขึ้น  "ที่นี่คือเมืองเอโดะ  เจ้ามาจากไหน  หาทางกลับไปถูกรึเปล่า"

        โชคดีที่ถึงแม้จุนจะไม่เก่งเรื่องประวัติศาสตร์นัก  แต่เรื่องที่เอโดะ เมืองหลวงของญี่ปุ่นในสมัยก่อนถูกเปลี่ยนชื่อเป็นโตเกียวภายหลังนั้นก็พอจะรู้บ้างหรอก

        "ผมไม่ได้มาจากไหน ผมอยู่ที่โตเกียว...เอโดะนี่เหมือนกัน  เธอจำอะไรไม่ได้เลยเหรอ  ทั้งเรื่องแข่งขันเคนโด้  แข่งขันชงชา  น้องสาวจอมยุ่งจินเนะ  แล้วก็...จิเสะ"

        มาซารุลังเล  "ข้า..."

        จุนโพล่งขึ้นมาอย่างดีใจ  "จำได้เหรอ!"

        "เปล่า"  ร่างในชุดกิโมโนส่ายหน้า  "ข้าแค่จะบอกว่าข้าชอบการร่วมชมแข่งขันพิธีชงชาเท่านั้น"

        เมื่อเห็นจุนทำหน้าสลดไป  มาซารุก็อดรู้สึกผิดขึ้นมาไม่ได้และเข้าไปปลอบอย่างเห็นใจ  ปลอบไปปลอบมา จุนก็เริ่มเล่าให้ฟังว่าเขากับมาซารุพบกันได้อย่างไร  แน่นอน สำหรับมาซารุแล้วเรื่องเล่าเหล่านั้นช่างเป็นอะไรที่เหลือเชื่อสุดๆ

        แต่พอมองแววตาที่จริงจังของจุน  เขาก็เริ่มจะเชื่อว่ามันอาจมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น  หลังเงียบกันไปทั้งคู่หลังเรื่องเล่าจบ  มาซารุก็ถอนหายใจ

        "แปลว่า...เจ้าได้พบข้าในอีกหลายร้อยปีข้างหน้า?"

        เด็กหนุ่มพยักหน้าอย่างหงอยๆแล้วชะงักกึก  สะดุดใจกับคำพูดนั้น  ปกติต้องเป็น 'พบเมื่อหลายร้อยปีก่อน' ไม่ใช่ 'พบในอีกหลายร้อยปีข้างหน้า' นี่!?  จุนคิดไปคิดมาถึงเรื่องต่างๆ  การสวมชุดของแก๊งยากูซ่า ผิวสัมผัสของมาซารุและการที่อีกฝ่ายจำอะไรไม่ได้เลย...

        เมื่อได้ข้อสรุปแปลกๆผสมกับความคิดต่างๆ  จุนเกือบจะวิ่งออกไปเพื่อดูบ้านเมืองให้ชัดๆว่าเขาย้อนอดีตมาจริงๆหรือเปล่า  ถ้ามาซารุไม่ดึงตัวไว้ได้ซะก่อน

        "ใจเย็นๆ...จุน!"  มาซารุเรียกชื่อเขาเสียงดัง  "ตั้งสติก่อนสิ"

        เขาสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพยามตั้งสติแบบที่อีกฝ่ายบอก  ก่อนจะตะโกนอีกครั้ง  "ผมอยู่ในยุคเฮย์เซย์  ไม่ใช่ยุคเอโดะจริงๆใช่ไหม!  ...อั้ก!"

        มาซารุทุบต้นคอเด็กหนุ่มอีกครั้งแล้วพาไปที่ฟูกนอนของตนในอีกห้องอย่างรวดเร็ว  ประจวบเหมาะกับประตูที่เปิดกว้างมียามเฝ้าปราสาทจำนวนหนึ่งที่วิ่งมาหาต้นเสียงโวยวายตามที่มาซารุคาดการณ์ไว้

        "นายน้อย ปลอดภัยดีไหมขอรับ!"

        ร่างในชุดกิโมโนขมวดคิ้วน้อยๆแล้วกล่าวด้วยเสียงที่กังวล  "เกิดอะไรขึ้น  มีคนบุกเข้ามาเหรอ  คนที่ตำหนักคาจิเป็นไงบ้าง  ท่าน...ท่านพ่อท่านแม่ล่ะ"

        พวกเขามองหน้ากันเลิ่กลั่กเมื่อเห็นอาการของนายน้อยที่เป็นกังวลปนไม่รู้เรื่องอะไรเลย  ทั้งที่ต้นเสียงก็มาจากทางนี้แน่นอนนี่นา  แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าหากมาซารุปลอดภัยดี  ต้นเสียงนั่นอาจไม่ใช่ที่นี่  พวกยามเฝ้าปราสาทแจ้งสถานการณ์และเรื่องของตำหนักคาจิตามที่มาซารุถามมา

        ร่างในชุดกิโมโนแตะอกเบาๆแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอกพร้อมยิ้มออกมานิดๆ  แต่เมื่อมองพวกนั้นเดินห่างออกไป  ใบหน้าที่กังวลก็เข้ามาแทนที่  มองไปทางห้องที่จุนนอนหลับอยู่ด้วยความรู้สึกว้าวุ่น

        ตกลงแล้ว...ข้าจะต้องทำยังไงกับเจ้าต่อไปดีนะ  จะให้เจ้าอยู่ที่นี่หรือผลักไสเจ้าไปที่อื่นกัน?

 

        "เจ้าจะเอาคนไม่มีหัวนอนปลายเท้ามาเป็นโคชูได้ยังไงกัน!"

        จุนมองถ้วยชาที่สั่นไหวเพราะแรงทุบที่โต๊ะไม้แล้วสะดุ้ง  รีบก้มหน้างุดไม่กล้ามองท่านมารุสึเกะ  บิดาของมาซารุซึ่งตอนนี้กำลังทำหน้าเกรี้ยวกราด

        โคชูเป็นตำแหน่งที่ไม่ได้ให้ใครก็ได้มาเป็น  ถึงจุนจะไม่ได้ดูเหยาะแหยะไม่เอาไหนก็ตาม  แต่ก็ไม่ได้ดูเป็นคนที่แข็งแกร่งอะไรขนาดนั้น  มาซารุแอบร่ำร้องในใจให้เขาช่วยทำท่าแข็งกล้าขึ้นมาสักหน่อยเถอะ!

        "นี่!  เจ้ามองพื้นอะไรอยู่ได้!  ตกลงอยากเป็นโคชูของลูกข้าจริงๆรึเปล่า"  

        มารุสึเกะเสียงเข้่ม  มองจุนซึ่งเหลือบไปหามาซารุแล้วพยักหน้าให้เขาด้วยความรู้ึสึกหงุดหงิด  ท่าทางเหมือนไม่เข้าใจสถานการณ์นี่มันอะไรกัน  หลังที่พิจารณาอยู่นาน  ท่านผู้นำตระกูลสูงสุดก็ส่งเสียงเย้ยหยันขึ้นมา

        "น้ำหน้าอย่างเจ้าจะเก่งได้สักแค่ไหนกันเชียว  ถ้าเจ้าทำบางสิ่งให้ข้าได้ล่ะก็  ข้าจะยอมให้เจ้าเป็นโคชูของบุตรชายข้าก็ได้"

        จุนเงยหน้าขึ้นมาอย่างดีใจ  "จริงหรือครับ...ขอรับ!"

        "ข้าไม่ได้ยกบุตรชายให้เจ้า  อย่ามาทำหน้าดีใจไม่เข้าเรื่อง!  สิ่งที่ข้าจะให้ทำนี้มันทั้งยากทั้งเป็นไปไม่ได้  มันก็คือ..."

 

        ท่านมารุสึเกะจัดการให้จุนอยู่ในห้องพร้อมกับปากกาและน้ำหมึกโดยสั่งห้ามทุกคนไม่ให้เข้าไปเด็ดขาด  และแน่นอนว่าความไม่ไว้ใจได้แผ่มาถึงมาซารุซึ่งถูกคุมตัวไว้กับท่านมารุสึเกะเอง

        ร่างบอบบางในชุดกิโมโนถึงดื่มน้ำชาอย่างเงียบๆ  ฟังคนในตระกูลพากันพูดถึงเรื่องความเป็นไปไม่ได้และพากันหัวเราะ

        ยกเว้นผู้หนึ่ง...ท่านหญิงอาสึสะ  ว่าที่คู่หมั้นต่างวัยของเขาซึ่งอายุห่างกันห้าหกปี

        นางได้ขออนุญาติพามาซารุไปเดินเล่นที่สวนเพื่อหลีกหนีการเย้ยหยันทั้งหลายที่พวกผู้ใหญ่พา่กันแสดงออกมา  ในความจริงนางก็ถือเป็นผู้ใหญ่  แต่ในขณะเดียวกันก็เข้าใจมาซารุดี




        "ทำไมถึงต้องยึดติดกับเด็กหนุ่มผู้นั้นขนาดนี้เล่า"  ท่านหญิงอาสึสะเอ่ยขึ้นไม่เข้าใจด้วยสีหน้าที่เอ็นดูขณะเดินเล่นที่สวนดอกไม้  "เขามีอะไรพิเศษหรือไร"

        "จุนนะเหรอ  ความจริงถ้าไม่รวมเรื่องเล่าของเขา  ข้าเองก็คิดว่าคงเป็นคนมีน้ำใจที่ช่วยข้าตามธรรมดาทั่วไป"

        ท่านหญิงขมวดคิ้ว  น้ำใจ?

        มาซารุเล่าเรื่องที่ศาลเจ้าและเรื่องในตำหนักคาเสะเมื่อคืนให้ท่านหญิงฟังอย่างละเอียด  พวกเขาไม่มีความลับปิดบังต่อกันเพราะเห็นกันมาตั้งแต่เล็ก  นางก็เปรียบได้ดั่งพี่สาวของมาซารุเลยทีเดียว

        ท่านหญิงฟังเรื่องราวไปก็ยิ่งทำหน้าเหลือเชื่อกับเหตุการณ์เหล่านั้น  แต่นางรู้ว่ามาซารุไม่ได้โกหก  เพียงแต่เด็กหนุ่มผู้นั้นจะมาลวงหลอกเขาหรือเปล่าเท่านั้นเอง

        อย่างไรก็ตาม  อาสึสะยกมือขึ้นป้องปากยามหัีวเราะั

        "เจ้าึยึดมั่นในความรักยาวนานถึงหลายร้อยปีเชียวหรือนี้  นับเป็นนิมิตหมายอันดีเยี่ยม"

        มาซารุไม่เข้าใจ  นิมิตหมายอย่างไรกัน

        "ก็นิมิตหมายที่เจ้าและข้าไม่ได้ครองคู่กันอย่างแน่นอนแล้วนะสิ  ใช่ว่าข้ารังเกียจรังงอน  เพียงแต่ให้แต่งงานกับเด็กน้อยที่ข้าพบมาตั้งแต่เยาว์วัย  เห็นทีจะฝืนใจกันไปมากทีเดียว"

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา