นที เมฆา วายุ อัสนี
-
เขียนโดย ผู้อ่อนหัด
วันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2554 เวลา 07.29 น.
6 ตอน ตำราไสยเวทย์
2 วิจารณ์
12.83K อ่าน
4) บทที่4 ค่ำคืนของวันโกน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ บทที่4 ค่ำคืนของวันโกน
เวลาสี่ทุ่ม ณ.หน้าประตูโรงเรียนทั้ง4คนกำลังเตรียมที่จะออกตรวจตรารอบอาคารลุงอินร้องสั่งว่า”พวกเองสามคนต้องมีคนนึงมากับข้าส่วนอีกสองคนก็ไปด้วยกันเอาหละใครจะไปกับลุง”พูดจบทั้งสามก็มองหน้าคนแล้วนทีก็กล่าวตอบ”เป็นผมเองที่จะไปกับลุง”กล่าวจบนทีก็ไปกับลุงอินส่วนเมฆากับอัฉริยาก็ไปด้วยกันลุงสั่งว่าให้เขาสองคนตรวจตราแค่อาคารชั้น1-2ก็คงพอที่เหลือเขาจะจัดการเอง พอเข้ามาตรวจตราในคฤหาสน์ชั้นที่หนึ่งเมฆาก็รู้สึกกลัวขึ้นด้วยความที่ในคฤหาสน์ไม่มีการจุดตะเกียงทิ้งไว้จึงทำให้ทั้งคฤหาสน์มืดมิดอัฉริยากลัวยิ่งกว่าจึงเพียงแค่เดินชิดหลังแล้วคอยเกาะเสื้อเมฆาอยู่ตลอด เวลาผ่านไป3ชั่วยาม ทั้ง4คนก็ตรวจตราเสร็จลุงอินสั่งให้สามคนไปนั่งรอที่หน้าประตูส่วนลุงอินก็ถาม”ตอนนี้คงจะเที่ยงคืนแล้วกระมัง”เมฆากล่าวตอบ”ไม่ผิดครับลุง”พูดจบลุงอินก็เดินถือตะเกียงไป เขาเดินไปที่หอระฆังขนาดใหญ่พอไปถึงก็เอาตะเกียงแขวนไว้กับเสาต้นหนึ่งบนหอระฆัง จากนั้นก็หยิบท้อนไม้ขนาดใหญ่ที่วานไว้บนระฆังเอาลงมา ท้อนไม้นั้นเป็นท้อนสีดำเป็นไม้เก่า จากนั้นลุงอินก็อ้าปากพูดงึมงำอยู่ครู่นึง ทันใดนั้นท้อนไม้กลับปรากฏอัขระยันโบราณขึ้นตามท้อนไม้ จากนั้นลุงอินก็กล่าว”ได้เวลาแล้วสินะเอาละออกมาเร็ว”พูดจบก็เอาไม้เคาะไปที่ระฆังยักษ์สามที เสียงดังสนั่นไปทั่วคฤหาสน์ทำเอาเด็กสามคนที่อยู่หน้าประตูโรงเรียนรู้สึกกลัวจากนั้นพวกเขาก็มีความรู้สึกว่าลมพัดแรงขึ้นและเริ่มมีอากาศที่หนาวเหน็บจากนั้นไม่นานนัก ปรากฏเสียงชายแก่หญิงแก่จำนวนมากร้อง”ช่วยด้วย~หิวเหลือเกิน~”ทั้งสามได้ยินเสียงของคนแก่ชายหญิงจำนวนมากกล่าวแบบนั้นจึงรู้ทันทีว่าสิ่งที่พบคือผี!!!แน่นอน ทั้งสามคนร้องดังสนั่นพร้อมกับวิ่งไปหาลุงอิน แต่ก็ไม่เจอลุงอินเลยพวกเขาสามคนรู้สึกเลยว่าบรรยากาศทุกอย่างเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงพวกเขาเริ่มรู้สึกว่ามีกลิ่นเหม็นเน่าอะไรบางอย่างฟุ้งกระจายไปทั่วคฤหาสน์จากนั้นก็เกิดสุ่มเสียงขึ้นอีก”จะไปไหนกันอยู่เป็นเพื่อนพวกเราก่อน”สุ่มเสียงนั้นฟังดูเยือกเย็นกว่าเดิมหลายเท่า ทำเอาสามคนยิ่งกลัวกว่าเดิมจากนั้นนทีพอตั้งสติได้พรางกล่าว”แผ่เมตตาเร็วเข้า”พูดจบทั้งสามก็ทำการสวดมนต์แผ่เมตตาสวดจบเสียงก็เงียบไปครู่นึงจากนั้นก็ได้ยินเสียงอีกคราวนี้เป็นเสียงของคน คนเดียวกล่าวว่า”ขอบคุณมากฉันมีอะไรจะให้”เมฆากล่าวตอบ”แล้วคุณอยู่ที่ไหนกันหละ”วิญญาณสาวตอบ”มองมาทางซ้ายมือสิเรายืนรออยู่ตรงใต้ต้นไม้ใหญ่”พูดจบทั้งสามก็หันหลังกลับไปที่ทางซ้ายใต้ต้นไม้ใหญ่พบเงาดำของสาวผู้หนึ่งยืนรออยู่ห่างออกไป5วา อัฉริยากล่าว”จะไปดีหรอ”เมฆากับนทีไม่ตอบอะไรเพียงแต่เดินตรงเข้าไปหาผีสาวนั้นส่วนอัฉริยาอยู่ตัวคนเดียวไม่ได้จึงจำใจเดินตามไปด้วยพอไปถึงใต้ต้นไม้ใหญ่ผีสาวจึงกล่าว”ขอบคุณมากอีกครั้งตั้งแต่เป็นผีเฝ้าคฤหาสน์มายังไม่เคยมีใครแผ่เมตตาให้พวกเรา”พูดจบทั้งสามก็รู้ว่าเรามาดีจากนั้นอัฉริยาจึงถามขึ้น”แล้วท่านมีอะไรจะให้หรอ”พูดจบผีสาวจึงกล่าวตอบ”อีกไม่นานนักฉันจะต้องไปผุดไปเกิดแล้วจึงมีของอยากจะให้ พวกเธอสามคนต้องไปที่ป่าช้าหลังโรงเรียนจากนั้นก็ไปหาป้ายหลุมศพที่เขียนชื่อว่านางสาวมะลิ บางชื่น จากนั้นก็ทำการขุดหลุมที่ฝันศพฉันแล้วให้เอาสมบัติของฉันไปนี่แหละคือสิ่งที่ฉันอยากจะตอบแทน”เมฆาถามต่อ”แล้วคุณตายนานหรือยัง”ผีสาวกล่าวตอบอีกครา”นานแล้วฉันตายไปในสงครามโลกอาคมครั้งที่2ฉันหนะเป็นเด็กนักเรียนของโรงเรียนนี้กำลังเรียนปีสุดท้ายแล้วแท้ๆแต่ต้องมาตายสะก่อนฉันมีเพื่อนสนิทอยู่คนนึงเขาชื่อว่าขาวคิดว่าพวกเธอคงจะรู้จักชื่อนี้”ฟังจบทั้งสามก็งงว่าใครคือขาวแต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไรเพียงแต่ฟังอย่างเดียวผีสาวจึงกล่าวต่อ”อีกประมาณปีหน้าฉันก็ต้องไปเกิดใหม่แล้ว ถ้าพวกเธอมีอะไรให้ช่วยก็บอกฉันได้ทุกเมื่อเลยนะ”กล่าวจบเงาผีสาวก็หายไปในความมืด ทั้งสามยืนคิดกันอยู่ว่าจะไปป่าช้าหลังโรงเรียนยังไงเพราะที่นั้นเป็นเขตหวงห้ามคิดไปคิดมาสักพัก ลุงอินก็เดินมาพรางกล่าว”เป็นยังไงกันมั้งละกลัวไหม เอาหละนี่ก็ตี1แล้วพวกเธอสามคนกลับเข้าหอกันไปได้แล้ว”กล่าวจบทั้งสามก็รีบกลับเข้าหอด้วยความห่วงพอถึงเตียงก็ล้มลงนอนทั้งๆที่ยังไม่ได้อาบน้ำอีกอย่างคือทั้งสามคนนอนเตียงเดียวกันหมดเลยทั้งๆที่อัฉริยาต้องไปนอนที่หอผู้หญิงแท้ๆแต่ด้วยความกลัวทำให้ทั้งสามคนนอนด้วยกันหมดเลย.......
เวลาสี่ทุ่ม ณ.หน้าประตูโรงเรียนทั้ง4คนกำลังเตรียมที่จะออกตรวจตรารอบอาคารลุงอินร้องสั่งว่า”พวกเองสามคนต้องมีคนนึงมากับข้าส่วนอีกสองคนก็ไปด้วยกันเอาหละใครจะไปกับลุง”พูดจบทั้งสามก็มองหน้าคนแล้วนทีก็กล่าวตอบ”เป็นผมเองที่จะไปกับลุง”กล่าวจบนทีก็ไปกับลุงอินส่วนเมฆากับอัฉริยาก็ไปด้วยกันลุงสั่งว่าให้เขาสองคนตรวจตราแค่อาคารชั้น1-2ก็คงพอที่เหลือเขาจะจัดการเอง พอเข้ามาตรวจตราในคฤหาสน์ชั้นที่หนึ่งเมฆาก็รู้สึกกลัวขึ้นด้วยความที่ในคฤหาสน์ไม่มีการจุดตะเกียงทิ้งไว้จึงทำให้ทั้งคฤหาสน์มืดมิดอัฉริยากลัวยิ่งกว่าจึงเพียงแค่เดินชิดหลังแล้วคอยเกาะเสื้อเมฆาอยู่ตลอด เวลาผ่านไป3ชั่วยาม ทั้ง4คนก็ตรวจตราเสร็จลุงอินสั่งให้สามคนไปนั่งรอที่หน้าประตูส่วนลุงอินก็ถาม”ตอนนี้คงจะเที่ยงคืนแล้วกระมัง”เมฆากล่าวตอบ”ไม่ผิดครับลุง”พูดจบลุงอินก็เดินถือตะเกียงไป เขาเดินไปที่หอระฆังขนาดใหญ่พอไปถึงก็เอาตะเกียงแขวนไว้กับเสาต้นหนึ่งบนหอระฆัง จากนั้นก็หยิบท้อนไม้ขนาดใหญ่ที่วานไว้บนระฆังเอาลงมา ท้อนไม้นั้นเป็นท้อนสีดำเป็นไม้เก่า จากนั้นลุงอินก็อ้าปากพูดงึมงำอยู่ครู่นึง ทันใดนั้นท้อนไม้กลับปรากฏอัขระยันโบราณขึ้นตามท้อนไม้ จากนั้นลุงอินก็กล่าว”ได้เวลาแล้วสินะเอาละออกมาเร็ว”พูดจบก็เอาไม้เคาะไปที่ระฆังยักษ์สามที เสียงดังสนั่นไปทั่วคฤหาสน์ทำเอาเด็กสามคนที่อยู่หน้าประตูโรงเรียนรู้สึกกลัวจากนั้นพวกเขาก็มีความรู้สึกว่าลมพัดแรงขึ้นและเริ่มมีอากาศที่หนาวเหน็บจากนั้นไม่นานนัก ปรากฏเสียงชายแก่หญิงแก่จำนวนมากร้อง”ช่วยด้วย~หิวเหลือเกิน~”ทั้งสามได้ยินเสียงของคนแก่ชายหญิงจำนวนมากกล่าวแบบนั้นจึงรู้ทันทีว่าสิ่งที่พบคือผี!!!แน่นอน ทั้งสามคนร้องดังสนั่นพร้อมกับวิ่งไปหาลุงอิน แต่ก็ไม่เจอลุงอินเลยพวกเขาสามคนรู้สึกเลยว่าบรรยากาศทุกอย่างเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงพวกเขาเริ่มรู้สึกว่ามีกลิ่นเหม็นเน่าอะไรบางอย่างฟุ้งกระจายไปทั่วคฤหาสน์จากนั้นก็เกิดสุ่มเสียงขึ้นอีก”จะไปไหนกันอยู่เป็นเพื่อนพวกเราก่อน”สุ่มเสียงนั้นฟังดูเยือกเย็นกว่าเดิมหลายเท่า ทำเอาสามคนยิ่งกลัวกว่าเดิมจากนั้นนทีพอตั้งสติได้พรางกล่าว”แผ่เมตตาเร็วเข้า”พูดจบทั้งสามก็ทำการสวดมนต์แผ่เมตตาสวดจบเสียงก็เงียบไปครู่นึงจากนั้นก็ได้ยินเสียงอีกคราวนี้เป็นเสียงของคน คนเดียวกล่าวว่า”ขอบคุณมากฉันมีอะไรจะให้”เมฆากล่าวตอบ”แล้วคุณอยู่ที่ไหนกันหละ”วิญญาณสาวตอบ”มองมาทางซ้ายมือสิเรายืนรออยู่ตรงใต้ต้นไม้ใหญ่”พูดจบทั้งสามก็หันหลังกลับไปที่ทางซ้ายใต้ต้นไม้ใหญ่พบเงาดำของสาวผู้หนึ่งยืนรออยู่ห่างออกไป5วา อัฉริยากล่าว”จะไปดีหรอ”เมฆากับนทีไม่ตอบอะไรเพียงแต่เดินตรงเข้าไปหาผีสาวนั้นส่วนอัฉริยาอยู่ตัวคนเดียวไม่ได้จึงจำใจเดินตามไปด้วยพอไปถึงใต้ต้นไม้ใหญ่ผีสาวจึงกล่าว”ขอบคุณมากอีกครั้งตั้งแต่เป็นผีเฝ้าคฤหาสน์มายังไม่เคยมีใครแผ่เมตตาให้พวกเรา”พูดจบทั้งสามก็รู้ว่าเรามาดีจากนั้นอัฉริยาจึงถามขึ้น”แล้วท่านมีอะไรจะให้หรอ”พูดจบผีสาวจึงกล่าวตอบ”อีกไม่นานนักฉันจะต้องไปผุดไปเกิดแล้วจึงมีของอยากจะให้ พวกเธอสามคนต้องไปที่ป่าช้าหลังโรงเรียนจากนั้นก็ไปหาป้ายหลุมศพที่เขียนชื่อว่านางสาวมะลิ บางชื่น จากนั้นก็ทำการขุดหลุมที่ฝันศพฉันแล้วให้เอาสมบัติของฉันไปนี่แหละคือสิ่งที่ฉันอยากจะตอบแทน”เมฆาถามต่อ”แล้วคุณตายนานหรือยัง”ผีสาวกล่าวตอบอีกครา”นานแล้วฉันตายไปในสงครามโลกอาคมครั้งที่2ฉันหนะเป็นเด็กนักเรียนของโรงเรียนนี้กำลังเรียนปีสุดท้ายแล้วแท้ๆแต่ต้องมาตายสะก่อนฉันมีเพื่อนสนิทอยู่คนนึงเขาชื่อว่าขาวคิดว่าพวกเธอคงจะรู้จักชื่อนี้”ฟังจบทั้งสามก็งงว่าใครคือขาวแต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไรเพียงแต่ฟังอย่างเดียวผีสาวจึงกล่าวต่อ”อีกประมาณปีหน้าฉันก็ต้องไปเกิดใหม่แล้ว ถ้าพวกเธอมีอะไรให้ช่วยก็บอกฉันได้ทุกเมื่อเลยนะ”กล่าวจบเงาผีสาวก็หายไปในความมืด ทั้งสามยืนคิดกันอยู่ว่าจะไปป่าช้าหลังโรงเรียนยังไงเพราะที่นั้นเป็นเขตหวงห้ามคิดไปคิดมาสักพัก ลุงอินก็เดินมาพรางกล่าว”เป็นยังไงกันมั้งละกลัวไหม เอาหละนี่ก็ตี1แล้วพวกเธอสามคนกลับเข้าหอกันไปได้แล้ว”กล่าวจบทั้งสามก็รีบกลับเข้าหอด้วยความห่วงพอถึงเตียงก็ล้มลงนอนทั้งๆที่ยังไม่ได้อาบน้ำอีกอย่างคือทั้งสามคนนอนเตียงเดียวกันหมดเลยทั้งๆที่อัฉริยาต้องไปนอนที่หอผู้หญิงแท้ๆแต่ด้วยความกลัวทำให้ทั้งสามคนนอนด้วยกันหมดเลย.......
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ