นที เมฆา วายุ อัสนี

-

เขียนโดย ผู้อ่อนหัด

วันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2554 เวลา 07.29 น.

  6 ตอน ตำราไสยเวทย์
  2 วิจารณ์
  12.83K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) บทที่3 โรงเรียนเทพอาคมเดชา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

                                              บทที่3 โรงเรียนเทพอาคมเดชา

                             30ปีต่อมา ณ.ป่าแห่งหนึ่งเป็นป่าไม้ที่สวยงามรายล้อมไปด้วยสัตว์ป่าและสายน้ำที่ไหลลินอย่างสวยงามมีช้างป่าโครงใหญ่เล่นน้ำกันอยู่มีดอกไม้ผลิดอกออกผลงามสะพลั้งไปทั่วป่าพร้อมๆกับเหล่าผึ่งทั้งหลายที่เข้ามาตอมเกสรดอกไม้เพื่อหาน้ำหวานในป่าแห่งนี้ล้วนแล้วมีแต่สิ่งสวยงามทั่วทั้งป่ายังส่งกลิ่นของดอกไม้ที่ชวนให้ต้องดอมดมถัดมาเรื่อยๆจะเห็นทุ่งหญ้าเขียวขจีพร้อมๆกับฝูงสัตว์ที่หาอาหารกินกันอย่างมีความสุขพร้อมๆกับเสียงนกร้องกระสานเสียงจากหลังป่าเมื่อมองลึกเข้าไปหลังป่าจะพบคฤหาสน์ไม้ขนาดใหญ่มหึมาดูจากพายนอกก็เปรียบเสมือนบ้านที่เก่าทรุดโทรมจนจะพังแหล่ไม่พังแหล่รอบๆคฤหาสน์มีกำแพงรั้วขนาดใหญ่ล้อมคฤหาสน์พอมองดีๆจะเห็นป้ายเก่าๆที่เขียนว่า”โรงเรียนเทพอาคมเดชา”ส่วนในรั้วคฤหาสน์นั้นจะมีศาลพระภูมิตั้งอยู่และมีต้นไม้ใหญ่เต็มไปหมดจะมีอยู่แค่4ต้นเท่านั้นที่เป็นต้นไม้ที่ประหลาดเพราะมีผลสีขาวเป็นลูกกลมๆพอมองดูไปอีกจะพบน้ำตกอยู่ที่หลังคฤหาสน์ดูสวยงามข้างคฤหาสน์จะมีหอไม้เก่าๆอีกร้อยหลังแต่ความกว้างของหอทั้งร้อยหลังถ้ารวมกันก็ยังใหญ่ไม่เท่ากับคฤหาสน์เลยด้วยซ้ำรอบๆหอทั้งร้อยหอจะมีต้นไม้ใหญ่และต้นจำปีปลูกอยู่มองไปด้านข้างของคฤหาสน์ทางขวามือสุดจะพบกับหอระฆังขนาดใหญ่จากนั้นเมื่อมองไปทางหลังโรงเรียนจะพบกับทางป่าช้า สถานที่แห่งนี้หากมองดูภายนอกนั้นจะดูว่าสถานที่แห่งนี้ช่างเน่าในแท้แต่ถ้าได้เข้าไปข้างในคฤหาสน์แล้วละก็มันจะกลับกลายจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยเชียวละ  หอนึงที่อยู่ด้านหน้าสุดคืออันแรกดูเหมือนจะมีเด็กผู้ชาย2คนที่กำลังวิ่งออกจากหอพักมุ่งตรงไปยังคฤหาสน์ขณะที่วิ่งเด็กชายผู้หนึ่งกล่าว”เพราะใครกันแน่ที่ทำให้สายเนี้ยห๊ะ!!!”เด็กชายอีกคนนึงกล่าวตอบ”ขอโทษๆอย่าโกรธเลยรีบวิ่งเถอะ”ทั้งสองวิ่งเข้าคฤหาสน์ไปอย่างรีบร้อน  วิ่งเข้ามาจะเจอกระไดสามทางเขาทั้งสองวิ่งขึ้นกระไดทางที่หนึ่งพอขึ้นมาสุดขั้นก็วิ่งไปทางขวาก็จะพบกับของสวยนามว่างจัดอยู่ข้างผนังกำแพงพร้อมๆกับในคฤหาสน์นี้เมื่อเข้ามาจะได้รับกลิ่นหอมของดอกจำปีด้วย เด็กหนุ่มสองคนวิ่งมาจนหยุดลงที่หน้าประตูของห้องนึงจากนั้นก็ค่อยๆเดินเข้าไปแบบสั่นๆพอเข้ามาก็จะพบกับเพื่อนๆอีกหลายคนที่กำลังนั่งเรียนหนังสืออยู่อย่างเงียบสงัดพร้อมๆกับเห็นผู้หญิงวัยชราคนนึงอายุราวๆ85ปีเสดยืนสอนอยู่เธอมีนามว่าเยาว์ภา เธอใส่ชุดสีดำยาวหน้าตาดุๆเป็นคนที่เจ้าระเบียบที่สุดนานๆครั้งที่เธอจะยิ้มให้ เมื่อเธอเห็นเด็กทั้งสองคนเดินเข้ามา ดังนั้งจึงกล่าว”คุณเมฆา(เม) คุณนที(ที)หัก10คะแนนและเนื่องจากที่คุณสองคนมาสายขอให้คืนนี้มาเข้าเวรยามตอนเวลา3ทุ่มครึ่ง ณ.ประตูโรงเรียน เอาหละฉันคิดว่าคุณสองคนควรหาที่นั่งกันได้แล้ว”พูดจบก็ได้ยินเสียงผู้หญิงแอบหัวเราะแต่ด้วยความที่อาจารย์เยาว์ภาหูดีจึงได้ยินจึงกล่าว”คุณอัฉริยา(ยา)เนื่องจากขำเพื่อนให้ไปเข้าเวรด้วยกันเลย”พอพูดจบจากนั้นสอนต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อเมฆากับนทีลงไปนั่งที่ ทั้งสองก็คิดอยู่ในใจว่าขนาดครูประจำชั้นนะเนี้ยแค่สาย5นาทีถึงกับโดนทำโทษเข้าเวรยามกระนั้นทั้งสองก็มั่วแต่คิดหมันไส้ครูประจำชั้นของตนจนไม่เป็นอันทำงานจากนั้นตอนท้ายชั่วโมงทุกคนก็ส่งงานมีแต่นทีกับเมฆาที่ไม่มีงานส่ง อาจารย์เยาว์ภาจึงกล่าวว่า”มั่วแต่คิดหมันไส้คนอื่นเขาจนลืมทำงานส่งแบบนี้ต้องหักอีก10คะแนนและเพิ่มเวลาการเข้าเวรยามอีก2ชั่วยามเอาหละหมดชั่วโมงเรียนแล้ว ไปกันได้แล้วละทุกๆคน” ตกเย็นเป็นเวลาทางอาหารค่ำ ที่โรงอาหารใหญ่นักเรียนทุกคนจะทำการยืนต่อแถวรอซื้ออาหารแล้วมาทาน ในโรงอาหารนั้นจะมีร้านขายกับข้าวอยู่ประมาณ108ร้านให้เลือกซื้อ เมื่อนทีกับเมฆาทานอาหารเสร็จก็จะทำการกลับหอในขณะที่ภเมฆากับนทีกำลังจะกลับหอเมื่อถึงหน้าหอของตนก็พบว่าอาจารย์เยาว์ภามายืนรออยู่พร้อมกับอัฉริยาด้วย อาจารย์เยาว์ภา พรางกล่าวว่า”ได้เวลาแล้วละ ถ้าฉันไม่มารอพวกคุณสองคนคงจะแอบกลับหอนอนแน่นอน เอาหละตามฉันมาเถอะ”พูดจบก็ส่งตะเกียงให้ทั้งสองคนแล้วเธอก็พานทีกับเมฆาและอัฉริยาเดินมาเข้าเวรยามหน้าประตูโรงเรียนพอถึง ก็พบภารโรงอายุราวๆ72กว่าปียืนถือตะเกียงอยู่ในความมืด ภารโรงพรางกล่าวว่า”อาจารย์เยาว์ภานั้นคุณใช่ไหม”อาจารย์เยาว์ภากล่าวตอบ”เป็นฉันเอง ภารโรงอินนี่เป็นเด็กสามคนที่ฉันจะเอามาฝากให้พวกเขาเข้าเวรยามในคืนนี้ด้วยให้พวกเขากลับหอตอนเวลาตี1”พูดจบก็เดินถือตะเกียงหายไปในความมืด ภารโรงกล่าวว่า”แกสามคนนับว่าซวยเสียแล้วที่ได้มาข้าเวรยามวันนี้รู้ไหมว่าวันนี้เป็นวันโกนคือนี้ละคงมีแต่เสียงพิลึกร้องโหยหวนอีกเป็นแน่”กล่าวพรางหัวเราะอย่างมีเร่ไนนทีจึงถามต่อ”ลุงอินครับที่โรงเรียนผีเฮี้ยนไหม”ลุงอินผู้เป็นภารโรงกล่าวตอบ”ไม่ต้องสืบเลยละ”กล่าวพรางหัวเราะหึหึ ลุงอินพูดถึงขนาดนั้นทำเอาเด็กสามคนตัวชิดกันสั่นระริก.......

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา