นางฟ้าบันดาลรัก
5.8
เขียนโดย วนิดา
วันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2554 เวลา 09.30 น.
11 บท
5 วิจารณ์
16.47K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2556 12.05 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) 5
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ8 ปีผ่านไป เด็กผู้ชายตัวเล็กได้เติบใหญ่ขึ้นมาเป็นชาวนาผู้อาบเหงื่อแรงงาน เนื่องจากเขาเรียนไม่จบชั้นม ปลาย ในขณะที่ภาพที่เขาเคยพบเห็นกลายเป็นความว่างเปล่า
ข่าวทางหนังสือพิมพ์พาดหัวตัวเบ่อเร่อเทิ่มว่า “สาวน้อยธุรกิจร้อยล้านลูกเจ้าของโรงสีจะเข้าวิวาห์กับหนุ่มใหญ่นักธุรกิจพันล้าน”
ภาพของนางฟ้าได้จางหายไปตั้งแต่ครั้งที่เขาต้องออกจากโรงเรียนในชั้นม .4 เนื่องจากช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่เขาต้องสูญเสียคุณป้าไป และเป็นวินาทีที่เขาเศร้าใจที่สุด
"หลานรัก ป้าได้ทำสิ่งที่เลวร้ายที่สุดให้กับหลาน และทำร้ายหลานมาเป็นระยะเวลายาวนาน ต่อไปป้าหวังว่าหลานจะได้แต่สิ่งๆดีนะ” คุณป้ารวยใบหน้าซูบซีด ร่างกายผ่ายผอม เนื่องจากอาการป่วยด้วยโรคมะเร็ง ได้กล่าวคำอำลาสุดท้ายก่อนที่จะจากไปอย่างสงบ”
บอยซึ่งขณะนั้นมีอายุได้ 15 ปี ได้แต่ฝืนยิ้มอยู่ห่างๆ จากเตียงของคุณป้าในโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่ง
ไม่นานนักเขาก็นำศพของคุณป้าไปเข้าพิธีเผาด้วยความเรียบง่าย โดยที่ไม่มีญาติคนไหนเลยที่เข้ามาร่วมในพิธีนี้ จนทำให้บอยเกิดความประหลาดใจ “นี่เขาไม่มีญาติอันใดเลยหรือไงกัน
มีเพียงเขา และเพื่อนข้างบ้านอีกสองสามคน ที่มายังพิธีของคุณป้า และต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนานา
“ช่วยไม่ได้นี่นา ก็เขาเป็นหลานของคุณป้า เขาจึงต้องทดแทนบุญคุณ” เขาคิดในใจ
คุณป้าได้ทิ้งจดหมายเอาไว้ฉบับหนึ่ง และได้แนบข้อความในกระดาษที่อยู่บนจดหมายว่า
“หลานรักเจ้าจงเปิดมัน หลังจากที่เจ้าได้แต่งงานกับเจ้าสาวที่ร่ำรวยแล้ว”
หลังจากนั้นบอยก็ได้แต่นั่งหน้าเศร้าและไม่ยอมเข้าโรงเรียนอีกเลย นางฟ้าน้อยๆได้หายตัวไปแล้ว
จากนั้นความคิดเหล่านี้ได้จางหายไป สิ่งเหล่านี้ทำให้บอยร้องไห้ทุกครั้งที่คิดถึงมัน ผู้ชายร่างสูงใหญ่ในคราบของชาวนานั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่บนเตียงน้อยๆ ที่ปกคลุมไปด้วยฝุ่น นั่นคือเตียงของคุณป้าของเขานั่นเอง
เขาคิดต่อถึงเรื่องวันนั้นที่ฝนตกหนักท้องฟ้ามืดครึ้ม เขาวิ่งฝ่าละอองฝนออกมาดูที่บ้านของเด็กน้อยสองคนนั้น
แต่ก็กลับพบว่า บ้านหลังนั้นไม่มีคนอยู่อีกต่อไปแล้ว เหลือทิ้งไว้แต่เพียงความว่างเปล่า
ไม่ช้าเขาก็เห็นมีผู้คนมากมายพยายามขนของในบ้านหลังนั้นออกไป เขาจึงวิ่งฝ่าละอองฝนติดตามรถบรรทุกพวกนั้นไป
แต่ก็สายไปซะแล้ว รถบรรทุกเหล่านั้นหายลับไปกลับตา และ ไม่นานนักเขาก็ได้ยินข่าวว่า สุมาลา น้องสาวคนเล็กเสียชีวิตด้วยโรคประหลาด และลาจากไปอย่างไม่มีวันกลับ และวันนี้ เขาก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อเห็นหัวข้อข่าวที่พาดหนังสือพิมพ์อยู่ว่า สุมาลีพี่สาวกำลังจะแต่งงานกับเศรษฐีนักธุรกิจใหญ่
บอยเอามือทุบศีรษะตัวเอง ด้วยความเจ็บปวด รวดร้าวที่ฝังลึกเข้ามาภายในจิตใจ เขาเดินลงไปดำนาตามเคย ด้วยสีหน้าอันเศร้าหมอง ใจของเขารวดร้าว และแทบจะทนไม่ไหว เขาฝืนยิ้ม และกลับไปทำนาตามเดิม
ต้นข้าวเมื่อคราวที่แล้ว ออกรวงสีเหลืองอร่ามชูช่อไสว ทำให้เขามีความสุขทุกครั้ง เขาเกี่ยวข้าว โดยการชวนเพื่อนบ้านประมาณ 10 กว่าคนมาช่วยกัน หลังจากนั้นก็ลงมือฟาดข้าว และแยกข้าวที่เหลือออกจากกัน และนำข้าวเหล่านั้นส่งไปขายยังพ่อค้าคนกลาง ซึ่งมักจะขูดรีดพวกเขาอยู่เสมอ
แล้วคราวนี้เขาก็ลงมือดำนา และหวังว่าผลผลิตจะเป็นเช่นเดิมอีก ชาวนาจนลงทุกวัน เขาคิดว่า รัฐบาลน่าจะมีโครงการที่ดีๆในการจำนำข้าวเปลือกเพื่อช่วยเหลือพวกเขา
เขาลงมือดำนา ทีละต้นๆ จนเป็นแนวยาว และสม่ำเสมอกัน พร้อมกับชาวบ้านที่ดูสามัคคีกันดี เขายังคงอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยโดยการใช้ควายไถนา แต่ปัจจุบันนี้ควายหายาก เขาจึงต้องเอาควายแก่ๆมาไถนาบ้าง เพื่อประหยัดงบประมาณ
ไม่ช้าฝนก็ตกลงมา ไม่น่าแปลกเพราะฤดูนี้เป็นฤดูฝน แต่หากฝนตกมากเกินไป ก็จะทำให้นาเสียหายได้ หลังจากที่เขาดำนาไปได้ส่วนหนึ่ง เขาก็ไปกระโดดตัวลงไปเล่นกับน้ำฝน ผิวของเขาหยาบกร้านจนไม่กลัวฝนซะแล้ว
ชาวบ้านหายวับไปกันหมด เหลือแต่บอยที่กำลังขะมักขเม้นกับการดำนา
แล้วจู่ๆ เขาก็หันไปพบกับผู้หญิงคนหนึ่ง มีผมยาวสีดำสลวย เป็นมัน และนัยน์ตาโตราวกับเป็นเด็กยุโรป ขนตายาวราวกับตุ๊กตา หุ่นอ้อนอรชรนัก
“เธอมาได้อย่างไร เธอเป็นใครกัน” บอยพูดด้วยความตำใจหลังจากที่เขานั่งเล่นอยู่กลางทุ่งนา ใกล้ๆกับบ้านของเขา
ผู้หญิงคนนี้ดูสวยแปลกหูแปลกตา และดูเหมือนกับมีอำนาจพิเศษ บอยมองหน้าผู้หญิงคนนี้ด้วยความประหลาดใจ
“ฉันเป็นเพื่อนเธอยังไงเล่า จำไม่ได้แล้วหรอ” ผู้หญิงคนนั้นกล่าวพร้อมกับมองหน้าบอย
สักพัก ผู้หญิงคนนี้ก็กลายร่างเป็นนางฟ้า หัวเราะฮึๆ ที่แกล้งบอยได้สำเร็จ
“เธอกลับมาแล้ว” บอยพูดด้วยอาการดีใจ ทันใดนั้นสายฝนได้จางหายไป
และนางฟ้าน้อยได้พาบอยเข้าไปอยู่ในบ้านของเขา เธอไปสถิตตัวอยู่ภายในกระจกบานใหญ่ที่ห้องนอนของเขา
“นางฟ้าน้อย เธอจะช่วยอะไรฉันเรื่องหนึ่งได้ไหม” บอยออดอ้อน
ข่าวทางหนังสือพิมพ์พาดหัวตัวเบ่อเร่อเทิ่มว่า “สาวน้อยธุรกิจร้อยล้านลูกเจ้าของโรงสีจะเข้าวิวาห์กับหนุ่มใหญ่นักธุรกิจพันล้าน”
ภาพของนางฟ้าได้จางหายไปตั้งแต่ครั้งที่เขาต้องออกจากโรงเรียนในชั้นม .4 เนื่องจากช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่เขาต้องสูญเสียคุณป้าไป และเป็นวินาทีที่เขาเศร้าใจที่สุด
"หลานรัก ป้าได้ทำสิ่งที่เลวร้ายที่สุดให้กับหลาน และทำร้ายหลานมาเป็นระยะเวลายาวนาน ต่อไปป้าหวังว่าหลานจะได้แต่สิ่งๆดีนะ” คุณป้ารวยใบหน้าซูบซีด ร่างกายผ่ายผอม เนื่องจากอาการป่วยด้วยโรคมะเร็ง ได้กล่าวคำอำลาสุดท้ายก่อนที่จะจากไปอย่างสงบ”
บอยซึ่งขณะนั้นมีอายุได้ 15 ปี ได้แต่ฝืนยิ้มอยู่ห่างๆ จากเตียงของคุณป้าในโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่ง
ไม่นานนักเขาก็นำศพของคุณป้าไปเข้าพิธีเผาด้วยความเรียบง่าย โดยที่ไม่มีญาติคนไหนเลยที่เข้ามาร่วมในพิธีนี้ จนทำให้บอยเกิดความประหลาดใจ “นี่เขาไม่มีญาติอันใดเลยหรือไงกัน
มีเพียงเขา และเพื่อนข้างบ้านอีกสองสามคน ที่มายังพิธีของคุณป้า และต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนานา
“ช่วยไม่ได้นี่นา ก็เขาเป็นหลานของคุณป้า เขาจึงต้องทดแทนบุญคุณ” เขาคิดในใจ
คุณป้าได้ทิ้งจดหมายเอาไว้ฉบับหนึ่ง และได้แนบข้อความในกระดาษที่อยู่บนจดหมายว่า
“หลานรักเจ้าจงเปิดมัน หลังจากที่เจ้าได้แต่งงานกับเจ้าสาวที่ร่ำรวยแล้ว”
หลังจากนั้นบอยก็ได้แต่นั่งหน้าเศร้าและไม่ยอมเข้าโรงเรียนอีกเลย นางฟ้าน้อยๆได้หายตัวไปแล้ว
จากนั้นความคิดเหล่านี้ได้จางหายไป สิ่งเหล่านี้ทำให้บอยร้องไห้ทุกครั้งที่คิดถึงมัน ผู้ชายร่างสูงใหญ่ในคราบของชาวนานั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่บนเตียงน้อยๆ ที่ปกคลุมไปด้วยฝุ่น นั่นคือเตียงของคุณป้าของเขานั่นเอง
เขาคิดต่อถึงเรื่องวันนั้นที่ฝนตกหนักท้องฟ้ามืดครึ้ม เขาวิ่งฝ่าละอองฝนออกมาดูที่บ้านของเด็กน้อยสองคนนั้น
แต่ก็กลับพบว่า บ้านหลังนั้นไม่มีคนอยู่อีกต่อไปแล้ว เหลือทิ้งไว้แต่เพียงความว่างเปล่า
ไม่ช้าเขาก็เห็นมีผู้คนมากมายพยายามขนของในบ้านหลังนั้นออกไป เขาจึงวิ่งฝ่าละอองฝนติดตามรถบรรทุกพวกนั้นไป
แต่ก็สายไปซะแล้ว รถบรรทุกเหล่านั้นหายลับไปกลับตา และ ไม่นานนักเขาก็ได้ยินข่าวว่า สุมาลา น้องสาวคนเล็กเสียชีวิตด้วยโรคประหลาด และลาจากไปอย่างไม่มีวันกลับ และวันนี้ เขาก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อเห็นหัวข้อข่าวที่พาดหนังสือพิมพ์อยู่ว่า สุมาลีพี่สาวกำลังจะแต่งงานกับเศรษฐีนักธุรกิจใหญ่
บอยเอามือทุบศีรษะตัวเอง ด้วยความเจ็บปวด รวดร้าวที่ฝังลึกเข้ามาภายในจิตใจ เขาเดินลงไปดำนาตามเคย ด้วยสีหน้าอันเศร้าหมอง ใจของเขารวดร้าว และแทบจะทนไม่ไหว เขาฝืนยิ้ม และกลับไปทำนาตามเดิม
ต้นข้าวเมื่อคราวที่แล้ว ออกรวงสีเหลืองอร่ามชูช่อไสว ทำให้เขามีความสุขทุกครั้ง เขาเกี่ยวข้าว โดยการชวนเพื่อนบ้านประมาณ 10 กว่าคนมาช่วยกัน หลังจากนั้นก็ลงมือฟาดข้าว และแยกข้าวที่เหลือออกจากกัน และนำข้าวเหล่านั้นส่งไปขายยังพ่อค้าคนกลาง ซึ่งมักจะขูดรีดพวกเขาอยู่เสมอ
แล้วคราวนี้เขาก็ลงมือดำนา และหวังว่าผลผลิตจะเป็นเช่นเดิมอีก ชาวนาจนลงทุกวัน เขาคิดว่า รัฐบาลน่าจะมีโครงการที่ดีๆในการจำนำข้าวเปลือกเพื่อช่วยเหลือพวกเขา
เขาลงมือดำนา ทีละต้นๆ จนเป็นแนวยาว และสม่ำเสมอกัน พร้อมกับชาวบ้านที่ดูสามัคคีกันดี เขายังคงอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยโดยการใช้ควายไถนา แต่ปัจจุบันนี้ควายหายาก เขาจึงต้องเอาควายแก่ๆมาไถนาบ้าง เพื่อประหยัดงบประมาณ
ไม่ช้าฝนก็ตกลงมา ไม่น่าแปลกเพราะฤดูนี้เป็นฤดูฝน แต่หากฝนตกมากเกินไป ก็จะทำให้นาเสียหายได้ หลังจากที่เขาดำนาไปได้ส่วนหนึ่ง เขาก็ไปกระโดดตัวลงไปเล่นกับน้ำฝน ผิวของเขาหยาบกร้านจนไม่กลัวฝนซะแล้ว
ชาวบ้านหายวับไปกันหมด เหลือแต่บอยที่กำลังขะมักขเม้นกับการดำนา
แล้วจู่ๆ เขาก็หันไปพบกับผู้หญิงคนหนึ่ง มีผมยาวสีดำสลวย เป็นมัน และนัยน์ตาโตราวกับเป็นเด็กยุโรป ขนตายาวราวกับตุ๊กตา หุ่นอ้อนอรชรนัก
“เธอมาได้อย่างไร เธอเป็นใครกัน” บอยพูดด้วยความตำใจหลังจากที่เขานั่งเล่นอยู่กลางทุ่งนา ใกล้ๆกับบ้านของเขา
ผู้หญิงคนนี้ดูสวยแปลกหูแปลกตา และดูเหมือนกับมีอำนาจพิเศษ บอยมองหน้าผู้หญิงคนนี้ด้วยความประหลาดใจ
“ฉันเป็นเพื่อนเธอยังไงเล่า จำไม่ได้แล้วหรอ” ผู้หญิงคนนั้นกล่าวพร้อมกับมองหน้าบอย
สักพัก ผู้หญิงคนนี้ก็กลายร่างเป็นนางฟ้า หัวเราะฮึๆ ที่แกล้งบอยได้สำเร็จ
“เธอกลับมาแล้ว” บอยพูดด้วยอาการดีใจ ทันใดนั้นสายฝนได้จางหายไป
และนางฟ้าน้อยได้พาบอยเข้าไปอยู่ในบ้านของเขา เธอไปสถิตตัวอยู่ภายในกระจกบานใหญ่ที่ห้องนอนของเขา
“นางฟ้าน้อย เธอจะช่วยอะไรฉันเรื่องหนึ่งได้ไหม” บอยออดอ้อน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ