Home Sweet Home [yuri] จอมโจร ปล้นรัก
10.0
3) บทที่ 2
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 2
ห้องเล็กนั้นตกอยู่ในความมืดสลัว ไฟโคมที่โต๊ะทำงานสว่างดวงเดียว ร่างที่มีแผ่นหลังบางนั่นนั่งทำอะไรกุกกักอยู่คนเดียวเห็นไม่ถนัด เธอจึงร้องถามออกไป
“ทำอะไรอยู่น่ะ...”
เสียงที่ดังขึ้นจากประตูทำให้คนตัวเล็กที่นั่งหน้าคอมสะดุ้งสุดตัว
“ไม่ลงไปกินข้าวกินปลาหรือไง”
ชะเอมลุกพรวดยิ้มแป้น ยื่นบัตรพิมพ์ลายนูนสีทองสองใบมาให้ดู “ฉันกับแม่ถูกเชิญไปงาน เส้นทางประวัติศาสตร์อัญมณี เธอไปกับฉันแทนหน่อยสิ”
ลูกนัทรับมาดู นิ่งคิด “ก็ได้”
คำตอบทำให้เจ้าของรอยยิ้มออกอาการดีใจ
“อีกสามสิบนาทีเจอกันข้างล่าง” เจ้าของบ้านว่าแล้วเดินหายออกไป
ชะเอมยิ้มเล็กน้อย แล้วกลับมาที่โต๊ะคอม มือเรียวบางลูบคลำไปบนแท่นสีดำขนาดย่อมอันนึง
“ฟู่ว์ กว่าจะทำออกมาได้ก็แทบแย่ จะหาจาก‘ตลาด’ก็ไม่ทันแล้ว” ว่าแล้วเจ้าตัวก็เดินไปที่ตู้เสื้อผ้า คว้าชุดออกมาสองตัว ตัวหนึ่งยัดใส่กระเป๋าเป้หนังใบงาม ก่อนจะเอาอีกตัวมาเปลี่ยน
ไม่ถึงห้านาที สาวน้อยก็อยู่ในเสื้อสีครีมคอเต่าแขนยาว กับกระโปรงแพรพลิ้วยาวเลยเข่านิดหน่อย เข็มขัดหนังรูปเปียเข้าชุดกัน คว้าเอาเอกสารกระดาษแข็งสองสามสามแผ่นใส่กระเป๋า และของอีกเล็กน้อย รวบผมสีสวยเกล้าขึ้นแล้วมัดด้วยริบบิ้นสีเหลือง แล้ววิ่งลงบันไดไป ดีที่รองเท้าที่ส้นสูงหนามียางหุ้มจึงไม่เกิดเสียง
คนถูกชวนรออยู่แล้ว เด็กสาวร่างสูงอยู่ในเสื้อสีน้ำเงินแก่กับกระโปรงบางสีคล้ายกันยาวเท่าเข่า สายโซ่สีเงินทำเป็นรูปหัวใจคล้องหลวมๆกับเอว
...สวยแฮะ...
ลูกนัทเป็นคนดึงอีกฝ่ายที่ยืนตาโตขึ้นรถ
สถานที่จัดงานเป็นโรงแรมหรู การจะผ่านเข้าห้องจักงานอันเป็นโดมกระจกดาดฟ้าต้องใช้บัตรเชิญทาบกับหน้าจออิเล็กทรอนิกส์
ร่างสูงเหลือบมองร่างเล็กที่ดูจะประหม่า เมื่อต้องผ่านการตรวจสอบบัตรเชิญ ก่อนจะเบิกตากว้าง เมื่อเห็นความอลังการ แล้วเจ้าตัวก็ต้องส่ายหัวเมื่อโดนคนตาโตลากไปดูประวัติอัญมณีชิ้นโน้นที ชิ้นนี้ที ก่อนจะมาหยุดที่สร้อยคอโบราณเส้นนึง
ตัวสร้อยเป็นทองเส้นบางมีดาวดวงเล็กกระจายเป็นระยะ จี้เป็นวงกลมมีรูปดาวสี่แฉก ประดับด้วยเพชรสีชมพูเจ็ดเม็ด และเพชรสีใสสิบสองเม็ด มีป้ายเล่าประวัติ
ธิดาเจ้านคร ถูกส่งไปเป็นบรรณาการต่างแดน เพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี ต้องพรากจากชายคนรักที่เป็นพ่อค้า สร้อยเส้นนี้เป็นของที่พ่อค้าให้แทนคำบอกรัก เมื่อยามจาก พระธิดาจึงส่งคืน ก่อนลงเรือเดินทางออกทะเลไป ชายหนุ่มปลิดชีพตัวเองด้วยมีดสั้น ส่วนพระธิดาก็ถวายตัวเป็นทาสของเทพีวีนัส จ้าวแห่งความงามและฟองคลื่น กระโจนลงทะเลไป สร้อยเส้นนี้ปัจจุบันอยู่ในความครอบครองของ…
การพานพบมักมาคู่กับการพลัดพราก...ชะเอมแย้มรอยยิ้มเล็กน้อย ดวงตาเปล่งประกาย ขณะที่เสียงพิธีกรการประมูลดังขึ้น จึงชวนลูกนัทไปยืนดูนอกวงประมูล เครื่องเพชรและอัญมณีมากมายถูกนำขึ้นวางบนแท่นเหนือเวที เสียงบอกเล่าความเป็นมาดังขึ้นสลับกันการชูป้ายเสนอราคา และเสียงลงค้อนไม้อันเล็ก
“นี่ๆ...” คนตัวเล็กร้องเรียกพลางกระตุกแขนเสื้อยิกๆ เรียกให้อีกฝ่ายหันไปมอง “ขอไปห้องน้ำก่อนนะ” ว่าแล้วเจ้าตัวก็เดินหายแวบท่ามกลางฝูงชนที่เข้ามาดูการประมูล ไม่รอคำตอบ ท่าทางที่ยิ่งดูก็ยิ่งเด็กนั้นทำให้เธอต้องส่ายหน้า
ไม่นานนัก สายสร้อยเรียบ แต่งดงาม เพชรเจียระไนรูปเหลี่ยมกุหลาบงามระยับก็ถูกส่งขึ้นเวที แสงไฟรอบงานดับลง เพื่อให้แสงสีต่างๆที่ส่องเด่นใต้แท่นวางขับประกายของอัญมณีทั้งสิบเก้าเม็ด ฉายแสงเป็นรุ้งพรายบนเพดาน ตำนานอันน่าเศร้าถูกเล่าขาน
“...ราคาตั้งต้นสามล้านครับ”
“สามล้านห้าแสน”
...
“หกล้าน”
นอกจากมูลค่าความงาม ยังรวมกับมูลค่าความเก่าเข้าไปด้วย เพชรแต่ละเม็ดแม้จะไม่ใหญ่นัก แต่น้ำงามระยับ เรือนงานฝีมือประณีตงดงาม
“เจ็ดล้าน”
“แปดล้าน”...
เจ้าของร่างลงพุง กำลังยืนลุ้นตัวโก่ง เมื่อสายสร้อยของร้อนที่เขาได้มาจากโจรสุสานแห่งหนึ่งด้วยทองห้าแท่ง กำลังถีบราคาขึ้นสูง
“12,750,000ครั้งที่หนึ่ง... 12,...” เสียงพิธีกรหยุดชะงัก เมื่อควันขาวม้วนตัวตลบจากทุกด้านจนหนาทึบ
เสียงหวีดกรีดกราด และเสียงโวยวายดังระงม
นักสืบผู้ถูกจ้างมาดูแลความปลอดภัยร้องสั่งการ
“เปิดไฟ เร็ว! ช่องระบายอากาศด้วย ไม่ชอบมาพากลแล้ว”
สายลมพุ่งกรูเกรียวจากช่องหน้าต่าง ปัดเป่าม่านควันหนาให้จางไป แต่กลุ่มควันเบาบางยังหลงเหลือทิ้งตัวเรี่ยพื้น
“หัวหน้า ไฟไม่ทำงานครับ” เจ้าหน้าที่รายงานละล่ำละลัก
“ใช้ไฟฉุกเฉิน” เสียงเข้มประกาศลั่น
ไฟสีขาวจ้าส่องเป็นลำจากมุมต่างๆพุ่งมาที่เวที
...ผู้หญิง...เสียงหลายคนครางในใจ
ดวงหน้าขาวรูปไข่ ถูกบดบังไปกว่าครึ่งด้วยหน้ากากประดับขนนกสีดำ ร่างนั้นแลดูเล็กบอบบางภายใต้ชุดกระโปรงขาวสะอาดบางพลิ้วเลยเข่าพอควร ผูกยึดเป็นโบที่สองไหล่ ผ้าสีดำขลิบเงินคาดเอวผูกเป็นโบข้างตัวทิ้งชายยาวให้เห็นเอวคอด ถุงมือสีขาวยาวถึงศอก สองข้อมือเป็นโซ่เส้นเล็กห้อยเกล็ดดาวโปร่งๆ รองเท้ามีแต่พื้นใช้ริบบิ้นเส้นเล็กโอบไขว้ข้อเท้าพันไปถึงขา ร่างนั้นดูแปลกประหลาดเพราะมีเส้นผมสีเงินยาวถึงเอว และดวงตาสีม่วงเข้ม ในมือถือสร้อยโบราณไว้
“วางสร้อยนั้นลงเดี๋ยวนี้!” หัวหน้านักสืบตะโกน ตำรวจและนักสืบที่รายรอบเริ่มตั้งท่า หันปากกระบอกปืนเข้าใส่ เรียวปากชมพูแย้มยิ้มเย็น ก่อนจะมีเสียงฟู่...ฟู่ ดังขึ้น ควันสีขาวฟุ้งตลบอีกครั้ง
...ตามเวลาที่ตั้งไว้เป๊ะ...
ควันหนาจนมองไม่เห็นอะไร เมื่อสายลมพัดพาควันออกไปอีกครั้ง ร่างหญิงสาวผู้นั้นก็หายตัวไป
ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคนที่อยู่ในนั้น แท่นบุกำมะหยี่สีดำยังตั้งเด่น แผ่นการ์ดแผ่นหนึ่งถูกติดไว้ รูปจันทร์เสี้ยวสีทองนูนเด่นเหนือกระดาษแข็งสีขาวขอบทอง
“นี่มันอะไรกันเนี่ย” เจ้าหน้าที่ครางเสียงแหบ เมื่อได้อ่านการ์ด
“ขอดูหน่อย...” หัวหน้านักสืบเดินเข้ามากระชากไปอย่างร้อนรน พลางอ่านตัวอักษรหมึกสีม่วงเขียนด้วยลายมืองดงาม “...ค่าจากความรักและความตั้งใจสูงเกินราคาใดๆ...อาร์เทมิส”
“อาร์เทมิส”ตำรวจดูท่าจะหมดแรง
RRRRRRRRRRRRRRR
“ใช่มันจริงเหรอ...”
“ไม่ผิดหรอกครับ คราวนี้มาด้วยรูปแบบที่ยืนยันเต็มที่ ผมสีเงิน ตาสีม่วง แต่บางครั้งก็ปลอมตัวได้แนบเนียน ไม่เคยเหลือหลักฐาน ไม่มีอายุแน่นอน ไม่ทำร้ายใคร ที่รู้แน่คราวนี้คือ...เป็นผู้หญิง”
ห้องประชุมกว้าง โต๊ะโค้งยาวเป็นรูปวงรี บุคคลที่นั่งรายรอบมีใบหน้ากร้านเกรียม ถมึงทึง ตัวตรง อกตึง ไหล่ตั้ง ตามมาดที่ควรจะเป็น
“เพิ่งเคยเจอของจริงครั้งแรก” หนุ่มใหญ่ไว้หนวดโง้งเหนือริมฝีปากพึมพำ
“เมื่อสองปีก่อน ได้ข่าวว่าอาละวาดอยู่แถบยุโรป เป็นผู้ร้ายข้ามชาติที่ไม่มีข้อมูลใดๆเลย”
“ทำไงดีครับ คุณหญิงคุณนายมากันก็มาก จะขอค้นตัวแทบเป็นไปไม่ได้เลย”
“คงต้องตรวจจับโลหะ กับเอ็กซเรย์” ผู้มีอำนาจตัดสินใจสั่งการ
ตำรวจลูกน้องถอนใจแรงๆ ก็แม่เจ้าประคุณผู้มีอันจะกินพวกนี้ ใส่ทองหยองน้อยๆเมื่อไหร่ล่ะ
“เอ่อ...เป็นไปได้ไหมครับว่า กล้องวงจรปิดจะ...” นายตำรวจผู้น้อยเริ่ม พยายามหาหนทางอื่นร่วมด้วย เพราะวิธีแรกไม่น่าสำเร็จ
“...ยาก...”
...
สาวร่างสูงรีบรุดเดินผ่านเครื่องตรวจสองชั้นซ้อน ท่าทางร้อนรน มองซ้ายขวาหาใครคนหนึ่ง
“ฉันหาเธอแทบแย่” ชะเอมวิ่งมาจากไหนก็ไม่รู้คว้าแขนลูกนัทไว้แน่น ใบหน้านั้นมีเหงื่อซึม แก้มแดง
...ฉันควรจะถามเธอมากกว่า...
“กลับบ้านเถอะ” ว่าแล้วก็ลากคนที่ยืนทำหน้าง่วงขึ้นรถไป
RRRRRRRRRRRRRRR
หลังจากคนตัวเล็กหลับปุ๋ยแล้ว ร่างสูงก็เดินออกจากห้องไป
ทันทีที่ประตูปิดลง ร่างเล็กๆก็ลืมตาโพลง เปิดไฟหัวเตียงพอมีแสงสว่างรางๆ แล้วเดินเลียบไปที่รองเท้าส้นสูงหนา เจ้าตัวยิ้มเมื่อดันสลักบิดส้นรองเท้าข้างขวาออก ภายในมีช่องว่างพอที่จะบรรจุของขนาดไม่ใหญ่นักได้ สายสร้อยโบราณนั้นก็มาอยู่ในมือ
...รู้สึกผิดมั้ย...เด็กสาวร่างเล็กเคยถามตัวเองบ่อยครั้ง...ไม่...
ของทุกที่โจรสาวอาร์เทมิสขโมย เป็นของที่ครอบครองโดยผิดกฎหมายบ้าง เงินทองที่ได้มาอย่างผิดกฎหมายบ้าง ผู้เสียหายมีทั้งเศรษฐีขี้งก เจ้าพ่อยาเสพติด มาเฟีย บรรดาผู้มีสีต่างๆที่เชิดหน้าชูตาในสังคม ของที่ได้มาก็ถูกส่งคืนบ้าง คืนเจ้าของโดยชอบธรรมบ้าง ขายแล้วบริจาคเงินบ้าง
...ไม่ผิดน่า...สาวร่างเล็กคิด ของทุกชิ้นที่ถูกเธอขโมยต้องพิจารณาแล้วสิน่าว่า ขโมยแล้วจะรู้สึกผิดมั้ย
สิ่งที่เธอทำน่ะผิดกฎหมายแน่ แต่กฎหมายล่ะ...เคยทำให้ทุกสิ่งถูกต้อง เป็นไปตามที่ควรเป็นรึเปล่า...สิ่งที่ผิด แต่ถูกกฎหมายก็มีถมเถ เธอก็แค่อยากทำอะไรที่กฎหมายทำไม่ได้ก็เท่านั้น
เพราะบางที กฏหมายก็เป็นแค่เครื่องมือของคนบางคนเท่านั้นเอง
หญิงสาวยิ้มหวานให้กับสายสร้อย ยิ้มให้กับเจ้าของตำนานอันน่าเศร้า คราวนี้เหมือนจะยาก แต่ก็ไม่ยากแฮะ
ระเบิดควันขนาดจิ๋วสองอันถูกออกแบบมาให้ผ่านเครื่องตรวจจับได้อย่างง่ายดาย แถมตั้งเวลาได้ พอมีควันก็หมดปัญหาเรื่องกล้องวงจรปิดวิ่งไปตามทางมืดๆเปลี่ยนเสื้อ ทำการบ้านเรื่องศึกษาแผนผังภายในมาดีๆก่อนก็พอแล้ว ส่วนชุดของอาร์เทมิสก็เอาห่อผ้าดำห้อยด้วยเชือกยาวๆไว้ตรงหน้าต่าง ให้เจ้าหน้าที่ตรวจกระเป๋า เดินผ่านเครื่องตรวจ รองเท้านั่นก็ออกแบบไม่ยากทำให้เวลาโดนรังสีแล้วดูเหมือนทึบก็พอ กะอีแค่ฉาบสารที่รังสีผ่านไม่ได้ไว้บางๆก็พอแล้วหุ้มด้วยหนัง พอผ่านได้ก็เดินลงไปห้องน้ำของชั้นล่างลงไปอีกชั้นหนึ่งซึ่งตรงกันด้านบน เก็บชุดมาพร้อมกับกระชากปมเชือกให้หลุดมาพร้อมกัน เท่านี้อาร์เทมิสก็ล่องหน
เฮ้อ แต่กว่าจะทำบัตรเชิญให้เหมือนขนาดนั้น แล้วกว่าจะเจาะรหัสได้ก็เสียเวลาไปตั้งเยอะ...
RRRRRRRRRRRRRRR
“ว้าว ดูนี่สิ สวยจังเลย” หนังสือพิมพ์เล่มหนึ่งถูกแตนยกชูขึ้นกลางวงประชุมในห้องเรียนตอนเข้า
ชะเอมก้าวเท้าเข้ามาในห้องเรียนพร้อมกับลูกนัท ก่อนเวลาเข้าเรียนสิบสองนาที หลังจากส่งการบ้านเสร็จก็เดินมาดูในวงล้อม แล้วก็ถึงกับสะอึก เมื่อเห็นพาดหัวข่าวตัวโต พร้อมกับรูปเบ้อเริ่ม
“...โจรสาวบุกเดี่ยวขโมยสร้อยโบราณมูลค่าเกือบ13ล้าน เย้ยเจ้าหน้าที่ ก่อนล่องหนไร้วี่แวว จากชั้นบนสุดตึกระฟ้า ใจกลางเมือง ในวันที่xxที่ผ่านมา ในงานประมูลที่มีการป้องกันที่เข้มแข็งที่สุด...”
รูปโจรสาวเด่นหรากลางแสงไฟ เส้นผมสีเงินและกระโปรงยาวสีขาวพลิ้วไหว กินที่หน้าแรกหนังสือพิมพ์ไปเกือบครึ่ง พร้อมกับสโลแกนจันทร์เสี้ยวและลายเซ็นอาร์เทมิส แม้แต่ริมฝีปากบนหน้ากระดาษนั่นก็ดูเป็นสีแดงเรื่อ
ให้ตายเถอะ คงมีใครแต่งรูป แต่งไฟแน่ๆ ไม่งั้นคงไม่อลังการขนาดนี้...ชะเอมคิดในใจ พลางมองหน้ากระดาษที่ดูจะเปิดตัวหรูหรากว่าความจริงมาก
ลูกนัทมีทีท่าสนใจนิดหน่อย เพราะอยู่ในที่เกิดเหตุ ส่วนชะเอมก็เริ่มฟุบโต๊ะ แต่หูผึ่งเปิดรอรับข่าวสารเต็มที่
“...เห็นเขาบอกว่า อาจจะเป็นพวกนักแสดงหรือนางแบบนะ...”
...ใครบอกกันยะ นั่งเทียนเขียนกันเองล้วนๆ...
“...แต่เขาบอกว่าน่าจะมีIQสูงกว่า170เชียวนะ”
...เว่อร์ไปหน่อย แต่เกือบถูกนี่ 167เอง...
“การ์ดนี่...ไม่มีลายนิ้วมือ ไม่มีเส้นใยหรืออะไรติดอยู่เลย มีแต่น้ำหอมกลิ่นลาเวนเดอร์”
...กลิ่นโปรดของฉันเลยนะ...แหม มันก็ต้องมีเอกลักษณ์อะไรบ้างสิ โจรแถบๆโน้นเค้านิยมกันจะตาย อย่างลูแปง หรือโรบินฮู้ดงี้...
“นี่ มีตาเศรษฐีคนนึงออกมาบอกว่า แค่นี้ยังไร้ฝีมือ แถมตานี่จะเอาเพชรสีฟ้าเม็ดเท่าไข่ไก่ออกโชว์วันอาทิตย์ที่จะถึงนี่ด้วย”
...อ้าว นั่นมัน ส่งสาส์นท้ารบชัดๆ อีกห้าวัน...
“...ได้ข่าวว่าตานี่ เคยค้าของเถื่อนมาก่อนด้วย...”
...หึ งั้นงานนี้ก็สวยสิ...แต่จะว่าไป ค่าหัวเราก็สูงขึ้นเรื่อยๆ ถ้าใครจับได้คงดังพอควร...
“จัดที่ไหนเหรอ” เสียงผู้สนใจซักถาม เข้าประเด็นที่ชะเอมอยากรู้
...ศูนย์การค้ากลางเมืองเลยแฮะ ผังสถานที่น่าจะหาไม่ยาก ตึกด้านบนเป็นโรงแรมด้วย...
หลังจากเข้าแถวและเคารพธงชาติแล้ว ...คาบภาษาไทย...
ชะเอมนั่งขีดเขียนลงกระดาษสมุดอย่างคร่ำเคร่งโดยไม่สนใจครูผู้สอน เด็กดีไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
“อารยา!”
“ขา”ชะเอมโดดขึ้นยืนอย่างรวดเร็วจนเครื่องเขียนตกกระจาย หน้าตาเลิ่กลั่ก
“ปุจฉาเป็นภาษาอะไร”
“บาลีค่ะ”
“ทำไม”
“เพราะตรงกฎการนำและตาม...จ..ฉ... เป็นคำคู่กับปริศนาซึ่งเป็นสันสกฤต”
ครูสาวท่าทางประหลาดใจ เด็กคนนี้รู้ดีทั้งที่ยังสอนไม่ถึง แถมไม่สนใจเรียน แต่ในเมื่อตอบถูกก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรต่อ ได้แต่แอบหงุดหงิด
“ถูกต้อง นั่งลง”
...โธ่เอ้ย เลยลืมเลย...เอาใหม่ๆ อืม...งานจัดช่วงกลางวัน...ใช้ระเบิดควันอย่างเดียวเสี่ยงเกินไป...เอาไวรัสไปปล่อยในระบบรักษาความปลอดภัยน่าจะง่ายขึ้น...อืม ชวนยัยลูกนัทไปเที่ยวดีมั้ยเนี่ย...แต่เสี่ยงไป...การรักษาความปลอดภัยคงแน่นหนา มันถึงได้กล้าท้าแบบนี้ จะเอายัยนั่นไปด้วยคงไม่ปลอดภัย...
แตนใจหายใจคว่ำแทนเพื่อน เนื่องจากครูสาวคนนี้ ไม่ชอบคนที่ไม่ตั้งใจเรียนเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเห็นนักเรียนไม่ตั้งใจเรียนในคาบเธอเมื่อไหร่ เด็กคนนั้นเป็นโดนว่ากระตุกจิตสำนึกเอาเจ็บๆร้องห่มร้องไห้ไปหลายคนแล้ว แต่นั่นแหละ สงสัยเธอจะห่วงผิดคนแล้ว
RRRRRRRRRRRRRRR
ห้องเล็กนั้นตกอยู่ในความมืดสลัว ไฟโคมที่โต๊ะทำงานสว่างดวงเดียว ร่างที่มีแผ่นหลังบางนั่นนั่งทำอะไรกุกกักอยู่คนเดียวเห็นไม่ถนัด เธอจึงร้องถามออกไป
“ทำอะไรอยู่น่ะ...”
เสียงที่ดังขึ้นจากประตูทำให้คนตัวเล็กที่นั่งหน้าคอมสะดุ้งสุดตัว
“ไม่ลงไปกินข้าวกินปลาหรือไง”
ชะเอมลุกพรวดยิ้มแป้น ยื่นบัตรพิมพ์ลายนูนสีทองสองใบมาให้ดู “ฉันกับแม่ถูกเชิญไปงาน เส้นทางประวัติศาสตร์อัญมณี เธอไปกับฉันแทนหน่อยสิ”
ลูกนัทรับมาดู นิ่งคิด “ก็ได้”
คำตอบทำให้เจ้าของรอยยิ้มออกอาการดีใจ
“อีกสามสิบนาทีเจอกันข้างล่าง” เจ้าของบ้านว่าแล้วเดินหายออกไป
ชะเอมยิ้มเล็กน้อย แล้วกลับมาที่โต๊ะคอม มือเรียวบางลูบคลำไปบนแท่นสีดำขนาดย่อมอันนึง
“ฟู่ว์ กว่าจะทำออกมาได้ก็แทบแย่ จะหาจาก‘ตลาด’ก็ไม่ทันแล้ว” ว่าแล้วเจ้าตัวก็เดินไปที่ตู้เสื้อผ้า คว้าชุดออกมาสองตัว ตัวหนึ่งยัดใส่กระเป๋าเป้หนังใบงาม ก่อนจะเอาอีกตัวมาเปลี่ยน
ไม่ถึงห้านาที สาวน้อยก็อยู่ในเสื้อสีครีมคอเต่าแขนยาว กับกระโปรงแพรพลิ้วยาวเลยเข่านิดหน่อย เข็มขัดหนังรูปเปียเข้าชุดกัน คว้าเอาเอกสารกระดาษแข็งสองสามสามแผ่นใส่กระเป๋า และของอีกเล็กน้อย รวบผมสีสวยเกล้าขึ้นแล้วมัดด้วยริบบิ้นสีเหลือง แล้ววิ่งลงบันไดไป ดีที่รองเท้าที่ส้นสูงหนามียางหุ้มจึงไม่เกิดเสียง
คนถูกชวนรออยู่แล้ว เด็กสาวร่างสูงอยู่ในเสื้อสีน้ำเงินแก่กับกระโปรงบางสีคล้ายกันยาวเท่าเข่า สายโซ่สีเงินทำเป็นรูปหัวใจคล้องหลวมๆกับเอว
...สวยแฮะ...
ลูกนัทเป็นคนดึงอีกฝ่ายที่ยืนตาโตขึ้นรถ
สถานที่จัดงานเป็นโรงแรมหรู การจะผ่านเข้าห้องจักงานอันเป็นโดมกระจกดาดฟ้าต้องใช้บัตรเชิญทาบกับหน้าจออิเล็กทรอนิกส์
ร่างสูงเหลือบมองร่างเล็กที่ดูจะประหม่า เมื่อต้องผ่านการตรวจสอบบัตรเชิญ ก่อนจะเบิกตากว้าง เมื่อเห็นความอลังการ แล้วเจ้าตัวก็ต้องส่ายหัวเมื่อโดนคนตาโตลากไปดูประวัติอัญมณีชิ้นโน้นที ชิ้นนี้ที ก่อนจะมาหยุดที่สร้อยคอโบราณเส้นนึง
ตัวสร้อยเป็นทองเส้นบางมีดาวดวงเล็กกระจายเป็นระยะ จี้เป็นวงกลมมีรูปดาวสี่แฉก ประดับด้วยเพชรสีชมพูเจ็ดเม็ด และเพชรสีใสสิบสองเม็ด มีป้ายเล่าประวัติ
ธิดาเจ้านคร ถูกส่งไปเป็นบรรณาการต่างแดน เพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี ต้องพรากจากชายคนรักที่เป็นพ่อค้า สร้อยเส้นนี้เป็นของที่พ่อค้าให้แทนคำบอกรัก เมื่อยามจาก พระธิดาจึงส่งคืน ก่อนลงเรือเดินทางออกทะเลไป ชายหนุ่มปลิดชีพตัวเองด้วยมีดสั้น ส่วนพระธิดาก็ถวายตัวเป็นทาสของเทพีวีนัส จ้าวแห่งความงามและฟองคลื่น กระโจนลงทะเลไป สร้อยเส้นนี้ปัจจุบันอยู่ในความครอบครองของ…
การพานพบมักมาคู่กับการพลัดพราก...ชะเอมแย้มรอยยิ้มเล็กน้อย ดวงตาเปล่งประกาย ขณะที่เสียงพิธีกรการประมูลดังขึ้น จึงชวนลูกนัทไปยืนดูนอกวงประมูล เครื่องเพชรและอัญมณีมากมายถูกนำขึ้นวางบนแท่นเหนือเวที เสียงบอกเล่าความเป็นมาดังขึ้นสลับกันการชูป้ายเสนอราคา และเสียงลงค้อนไม้อันเล็ก
“นี่ๆ...” คนตัวเล็กร้องเรียกพลางกระตุกแขนเสื้อยิกๆ เรียกให้อีกฝ่ายหันไปมอง “ขอไปห้องน้ำก่อนนะ” ว่าแล้วเจ้าตัวก็เดินหายแวบท่ามกลางฝูงชนที่เข้ามาดูการประมูล ไม่รอคำตอบ ท่าทางที่ยิ่งดูก็ยิ่งเด็กนั้นทำให้เธอต้องส่ายหน้า
ไม่นานนัก สายสร้อยเรียบ แต่งดงาม เพชรเจียระไนรูปเหลี่ยมกุหลาบงามระยับก็ถูกส่งขึ้นเวที แสงไฟรอบงานดับลง เพื่อให้แสงสีต่างๆที่ส่องเด่นใต้แท่นวางขับประกายของอัญมณีทั้งสิบเก้าเม็ด ฉายแสงเป็นรุ้งพรายบนเพดาน ตำนานอันน่าเศร้าถูกเล่าขาน
“...ราคาตั้งต้นสามล้านครับ”
“สามล้านห้าแสน”
...
“หกล้าน”
นอกจากมูลค่าความงาม ยังรวมกับมูลค่าความเก่าเข้าไปด้วย เพชรแต่ละเม็ดแม้จะไม่ใหญ่นัก แต่น้ำงามระยับ เรือนงานฝีมือประณีตงดงาม
“เจ็ดล้าน”
“แปดล้าน”...
เจ้าของร่างลงพุง กำลังยืนลุ้นตัวโก่ง เมื่อสายสร้อยของร้อนที่เขาได้มาจากโจรสุสานแห่งหนึ่งด้วยทองห้าแท่ง กำลังถีบราคาขึ้นสูง
“12,750,000ครั้งที่หนึ่ง... 12,...” เสียงพิธีกรหยุดชะงัก เมื่อควันขาวม้วนตัวตลบจากทุกด้านจนหนาทึบ
เสียงหวีดกรีดกราด และเสียงโวยวายดังระงม
นักสืบผู้ถูกจ้างมาดูแลความปลอดภัยร้องสั่งการ
“เปิดไฟ เร็ว! ช่องระบายอากาศด้วย ไม่ชอบมาพากลแล้ว”
สายลมพุ่งกรูเกรียวจากช่องหน้าต่าง ปัดเป่าม่านควันหนาให้จางไป แต่กลุ่มควันเบาบางยังหลงเหลือทิ้งตัวเรี่ยพื้น
“หัวหน้า ไฟไม่ทำงานครับ” เจ้าหน้าที่รายงานละล่ำละลัก
“ใช้ไฟฉุกเฉิน” เสียงเข้มประกาศลั่น
ไฟสีขาวจ้าส่องเป็นลำจากมุมต่างๆพุ่งมาที่เวที
...ผู้หญิง...เสียงหลายคนครางในใจ
ดวงหน้าขาวรูปไข่ ถูกบดบังไปกว่าครึ่งด้วยหน้ากากประดับขนนกสีดำ ร่างนั้นแลดูเล็กบอบบางภายใต้ชุดกระโปรงขาวสะอาดบางพลิ้วเลยเข่าพอควร ผูกยึดเป็นโบที่สองไหล่ ผ้าสีดำขลิบเงินคาดเอวผูกเป็นโบข้างตัวทิ้งชายยาวให้เห็นเอวคอด ถุงมือสีขาวยาวถึงศอก สองข้อมือเป็นโซ่เส้นเล็กห้อยเกล็ดดาวโปร่งๆ รองเท้ามีแต่พื้นใช้ริบบิ้นเส้นเล็กโอบไขว้ข้อเท้าพันไปถึงขา ร่างนั้นดูแปลกประหลาดเพราะมีเส้นผมสีเงินยาวถึงเอว และดวงตาสีม่วงเข้ม ในมือถือสร้อยโบราณไว้
“วางสร้อยนั้นลงเดี๋ยวนี้!” หัวหน้านักสืบตะโกน ตำรวจและนักสืบที่รายรอบเริ่มตั้งท่า หันปากกระบอกปืนเข้าใส่ เรียวปากชมพูแย้มยิ้มเย็น ก่อนจะมีเสียงฟู่...ฟู่ ดังขึ้น ควันสีขาวฟุ้งตลบอีกครั้ง
...ตามเวลาที่ตั้งไว้เป๊ะ...
ควันหนาจนมองไม่เห็นอะไร เมื่อสายลมพัดพาควันออกไปอีกครั้ง ร่างหญิงสาวผู้นั้นก็หายตัวไป
ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคนที่อยู่ในนั้น แท่นบุกำมะหยี่สีดำยังตั้งเด่น แผ่นการ์ดแผ่นหนึ่งถูกติดไว้ รูปจันทร์เสี้ยวสีทองนูนเด่นเหนือกระดาษแข็งสีขาวขอบทอง
“นี่มันอะไรกันเนี่ย” เจ้าหน้าที่ครางเสียงแหบ เมื่อได้อ่านการ์ด
“ขอดูหน่อย...” หัวหน้านักสืบเดินเข้ามากระชากไปอย่างร้อนรน พลางอ่านตัวอักษรหมึกสีม่วงเขียนด้วยลายมืองดงาม “...ค่าจากความรักและความตั้งใจสูงเกินราคาใดๆ...อาร์เทมิส”
“อาร์เทมิส”ตำรวจดูท่าจะหมดแรง
RRRRRRRRRRRRRRR
“ใช่มันจริงเหรอ...”
“ไม่ผิดหรอกครับ คราวนี้มาด้วยรูปแบบที่ยืนยันเต็มที่ ผมสีเงิน ตาสีม่วง แต่บางครั้งก็ปลอมตัวได้แนบเนียน ไม่เคยเหลือหลักฐาน ไม่มีอายุแน่นอน ไม่ทำร้ายใคร ที่รู้แน่คราวนี้คือ...เป็นผู้หญิง”
ห้องประชุมกว้าง โต๊ะโค้งยาวเป็นรูปวงรี บุคคลที่นั่งรายรอบมีใบหน้ากร้านเกรียม ถมึงทึง ตัวตรง อกตึง ไหล่ตั้ง ตามมาดที่ควรจะเป็น
“เพิ่งเคยเจอของจริงครั้งแรก” หนุ่มใหญ่ไว้หนวดโง้งเหนือริมฝีปากพึมพำ
“เมื่อสองปีก่อน ได้ข่าวว่าอาละวาดอยู่แถบยุโรป เป็นผู้ร้ายข้ามชาติที่ไม่มีข้อมูลใดๆเลย”
“ทำไงดีครับ คุณหญิงคุณนายมากันก็มาก จะขอค้นตัวแทบเป็นไปไม่ได้เลย”
“คงต้องตรวจจับโลหะ กับเอ็กซเรย์” ผู้มีอำนาจตัดสินใจสั่งการ
ตำรวจลูกน้องถอนใจแรงๆ ก็แม่เจ้าประคุณผู้มีอันจะกินพวกนี้ ใส่ทองหยองน้อยๆเมื่อไหร่ล่ะ
“เอ่อ...เป็นไปได้ไหมครับว่า กล้องวงจรปิดจะ...” นายตำรวจผู้น้อยเริ่ม พยายามหาหนทางอื่นร่วมด้วย เพราะวิธีแรกไม่น่าสำเร็จ
“...ยาก...”
...
สาวร่างสูงรีบรุดเดินผ่านเครื่องตรวจสองชั้นซ้อน ท่าทางร้อนรน มองซ้ายขวาหาใครคนหนึ่ง
“ฉันหาเธอแทบแย่” ชะเอมวิ่งมาจากไหนก็ไม่รู้คว้าแขนลูกนัทไว้แน่น ใบหน้านั้นมีเหงื่อซึม แก้มแดง
...ฉันควรจะถามเธอมากกว่า...
“กลับบ้านเถอะ” ว่าแล้วก็ลากคนที่ยืนทำหน้าง่วงขึ้นรถไป
RRRRRRRRRRRRRRR
หลังจากคนตัวเล็กหลับปุ๋ยแล้ว ร่างสูงก็เดินออกจากห้องไป
ทันทีที่ประตูปิดลง ร่างเล็กๆก็ลืมตาโพลง เปิดไฟหัวเตียงพอมีแสงสว่างรางๆ แล้วเดินเลียบไปที่รองเท้าส้นสูงหนา เจ้าตัวยิ้มเมื่อดันสลักบิดส้นรองเท้าข้างขวาออก ภายในมีช่องว่างพอที่จะบรรจุของขนาดไม่ใหญ่นักได้ สายสร้อยโบราณนั้นก็มาอยู่ในมือ
...รู้สึกผิดมั้ย...เด็กสาวร่างเล็กเคยถามตัวเองบ่อยครั้ง...ไม่...
ของทุกที่โจรสาวอาร์เทมิสขโมย เป็นของที่ครอบครองโดยผิดกฎหมายบ้าง เงินทองที่ได้มาอย่างผิดกฎหมายบ้าง ผู้เสียหายมีทั้งเศรษฐีขี้งก เจ้าพ่อยาเสพติด มาเฟีย บรรดาผู้มีสีต่างๆที่เชิดหน้าชูตาในสังคม ของที่ได้มาก็ถูกส่งคืนบ้าง คืนเจ้าของโดยชอบธรรมบ้าง ขายแล้วบริจาคเงินบ้าง
...ไม่ผิดน่า...สาวร่างเล็กคิด ของทุกชิ้นที่ถูกเธอขโมยต้องพิจารณาแล้วสิน่าว่า ขโมยแล้วจะรู้สึกผิดมั้ย
สิ่งที่เธอทำน่ะผิดกฎหมายแน่ แต่กฎหมายล่ะ...เคยทำให้ทุกสิ่งถูกต้อง เป็นไปตามที่ควรเป็นรึเปล่า...สิ่งที่ผิด แต่ถูกกฎหมายก็มีถมเถ เธอก็แค่อยากทำอะไรที่กฎหมายทำไม่ได้ก็เท่านั้น
เพราะบางที กฏหมายก็เป็นแค่เครื่องมือของคนบางคนเท่านั้นเอง
หญิงสาวยิ้มหวานให้กับสายสร้อย ยิ้มให้กับเจ้าของตำนานอันน่าเศร้า คราวนี้เหมือนจะยาก แต่ก็ไม่ยากแฮะ
ระเบิดควันขนาดจิ๋วสองอันถูกออกแบบมาให้ผ่านเครื่องตรวจจับได้อย่างง่ายดาย แถมตั้งเวลาได้ พอมีควันก็หมดปัญหาเรื่องกล้องวงจรปิดวิ่งไปตามทางมืดๆเปลี่ยนเสื้อ ทำการบ้านเรื่องศึกษาแผนผังภายในมาดีๆก่อนก็พอแล้ว ส่วนชุดของอาร์เทมิสก็เอาห่อผ้าดำห้อยด้วยเชือกยาวๆไว้ตรงหน้าต่าง ให้เจ้าหน้าที่ตรวจกระเป๋า เดินผ่านเครื่องตรวจ รองเท้านั่นก็ออกแบบไม่ยากทำให้เวลาโดนรังสีแล้วดูเหมือนทึบก็พอ กะอีแค่ฉาบสารที่รังสีผ่านไม่ได้ไว้บางๆก็พอแล้วหุ้มด้วยหนัง พอผ่านได้ก็เดินลงไปห้องน้ำของชั้นล่างลงไปอีกชั้นหนึ่งซึ่งตรงกันด้านบน เก็บชุดมาพร้อมกับกระชากปมเชือกให้หลุดมาพร้อมกัน เท่านี้อาร์เทมิสก็ล่องหน
เฮ้อ แต่กว่าจะทำบัตรเชิญให้เหมือนขนาดนั้น แล้วกว่าจะเจาะรหัสได้ก็เสียเวลาไปตั้งเยอะ...
RRRRRRRRRRRRRRR
“ว้าว ดูนี่สิ สวยจังเลย” หนังสือพิมพ์เล่มหนึ่งถูกแตนยกชูขึ้นกลางวงประชุมในห้องเรียนตอนเข้า
ชะเอมก้าวเท้าเข้ามาในห้องเรียนพร้อมกับลูกนัท ก่อนเวลาเข้าเรียนสิบสองนาที หลังจากส่งการบ้านเสร็จก็เดินมาดูในวงล้อม แล้วก็ถึงกับสะอึก เมื่อเห็นพาดหัวข่าวตัวโต พร้อมกับรูปเบ้อเริ่ม
“...โจรสาวบุกเดี่ยวขโมยสร้อยโบราณมูลค่าเกือบ13ล้าน เย้ยเจ้าหน้าที่ ก่อนล่องหนไร้วี่แวว จากชั้นบนสุดตึกระฟ้า ใจกลางเมือง ในวันที่xxที่ผ่านมา ในงานประมูลที่มีการป้องกันที่เข้มแข็งที่สุด...”
รูปโจรสาวเด่นหรากลางแสงไฟ เส้นผมสีเงินและกระโปรงยาวสีขาวพลิ้วไหว กินที่หน้าแรกหนังสือพิมพ์ไปเกือบครึ่ง พร้อมกับสโลแกนจันทร์เสี้ยวและลายเซ็นอาร์เทมิส แม้แต่ริมฝีปากบนหน้ากระดาษนั่นก็ดูเป็นสีแดงเรื่อ
ให้ตายเถอะ คงมีใครแต่งรูป แต่งไฟแน่ๆ ไม่งั้นคงไม่อลังการขนาดนี้...ชะเอมคิดในใจ พลางมองหน้ากระดาษที่ดูจะเปิดตัวหรูหรากว่าความจริงมาก
ลูกนัทมีทีท่าสนใจนิดหน่อย เพราะอยู่ในที่เกิดเหตุ ส่วนชะเอมก็เริ่มฟุบโต๊ะ แต่หูผึ่งเปิดรอรับข่าวสารเต็มที่
“...เห็นเขาบอกว่า อาจจะเป็นพวกนักแสดงหรือนางแบบนะ...”
...ใครบอกกันยะ นั่งเทียนเขียนกันเองล้วนๆ...
“...แต่เขาบอกว่าน่าจะมีIQสูงกว่า170เชียวนะ”
...เว่อร์ไปหน่อย แต่เกือบถูกนี่ 167เอง...
“การ์ดนี่...ไม่มีลายนิ้วมือ ไม่มีเส้นใยหรืออะไรติดอยู่เลย มีแต่น้ำหอมกลิ่นลาเวนเดอร์”
...กลิ่นโปรดของฉันเลยนะ...แหม มันก็ต้องมีเอกลักษณ์อะไรบ้างสิ โจรแถบๆโน้นเค้านิยมกันจะตาย อย่างลูแปง หรือโรบินฮู้ดงี้...
“นี่ มีตาเศรษฐีคนนึงออกมาบอกว่า แค่นี้ยังไร้ฝีมือ แถมตานี่จะเอาเพชรสีฟ้าเม็ดเท่าไข่ไก่ออกโชว์วันอาทิตย์ที่จะถึงนี่ด้วย”
...อ้าว นั่นมัน ส่งสาส์นท้ารบชัดๆ อีกห้าวัน...
“...ได้ข่าวว่าตานี่ เคยค้าของเถื่อนมาก่อนด้วย...”
...หึ งั้นงานนี้ก็สวยสิ...แต่จะว่าไป ค่าหัวเราก็สูงขึ้นเรื่อยๆ ถ้าใครจับได้คงดังพอควร...
“จัดที่ไหนเหรอ” เสียงผู้สนใจซักถาม เข้าประเด็นที่ชะเอมอยากรู้
...ศูนย์การค้ากลางเมืองเลยแฮะ ผังสถานที่น่าจะหาไม่ยาก ตึกด้านบนเป็นโรงแรมด้วย...
หลังจากเข้าแถวและเคารพธงชาติแล้ว ...คาบภาษาไทย...
ชะเอมนั่งขีดเขียนลงกระดาษสมุดอย่างคร่ำเคร่งโดยไม่สนใจครูผู้สอน เด็กดีไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
“อารยา!”
“ขา”ชะเอมโดดขึ้นยืนอย่างรวดเร็วจนเครื่องเขียนตกกระจาย หน้าตาเลิ่กลั่ก
“ปุจฉาเป็นภาษาอะไร”
“บาลีค่ะ”
“ทำไม”
“เพราะตรงกฎการนำและตาม...จ..ฉ... เป็นคำคู่กับปริศนาซึ่งเป็นสันสกฤต”
ครูสาวท่าทางประหลาดใจ เด็กคนนี้รู้ดีทั้งที่ยังสอนไม่ถึง แถมไม่สนใจเรียน แต่ในเมื่อตอบถูกก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรต่อ ได้แต่แอบหงุดหงิด
“ถูกต้อง นั่งลง”
...โธ่เอ้ย เลยลืมเลย...เอาใหม่ๆ อืม...งานจัดช่วงกลางวัน...ใช้ระเบิดควันอย่างเดียวเสี่ยงเกินไป...เอาไวรัสไปปล่อยในระบบรักษาความปลอดภัยน่าจะง่ายขึ้น...อืม ชวนยัยลูกนัทไปเที่ยวดีมั้ยเนี่ย...แต่เสี่ยงไป...การรักษาความปลอดภัยคงแน่นหนา มันถึงได้กล้าท้าแบบนี้ จะเอายัยนั่นไปด้วยคงไม่ปลอดภัย...
แตนใจหายใจคว่ำแทนเพื่อน เนื่องจากครูสาวคนนี้ ไม่ชอบคนที่ไม่ตั้งใจเรียนเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเห็นนักเรียนไม่ตั้งใจเรียนในคาบเธอเมื่อไหร่ เด็กคนนั้นเป็นโดนว่ากระตุกจิตสำนึกเอาเจ็บๆร้องห่มร้องไห้ไปหลายคนแล้ว แต่นั่นแหละ สงสัยเธอจะห่วงผิดคนแล้ว
RRRRRRRRRRRRRRR
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ