Whirligig : #1 อาถรรพ์ผีคุณไสย(The sorcery)
-
10) ผู้คุมแดนสนธยา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความผู้คุมแดนสนธยา
ในบรรยากาศที่มืดสนิท ไม่มีแม้แต่แสงจันทร์และแสงดาว มีเพียงแสงของลูกไฟกลมใสสีขาวที่โผล่จากพื้นดินและลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า แต่ก็ยังไม่ได้ทำให้ความมืดครึ้มที่อึดอัดนั้นหายไป ป่าไทรที่อยู่ภายใต้แสงของดวงไฟนั้นดูน่ากลัววังเวง กิ่งไม้เสียดสีกันส่งเสียงดังตามสายลมทำให้ขนลุกอย่างบอกไม่ถูก
ภายใต้ต้นไทรใหญ่นั้นมีเด็กหนุ่มกำลังนอนหลับอยู่ เขามีใบหน้าที่เรียว คิ้วดกดำ ผิวที่ขาวติดผมที่ดำสนิท สวมเสื้อผ้าคนไข้ของโรงพยาบาลและไม่ได้สวมรองเท้าเหมือนกับว่าเขาถูกใครบางคนพามาที่นี่โดยไม่รู้ตัว
ซักพักเด็กหนุ่มก็ตื่นขึ้น ขยี้ตาอย่างงัวเงีย
หนาวจัง เอ๊ะ!? ทำไมเตียงแข็งจัง
หืม!!? ที่นี่มันที่ไหนกันเนี่ยยย
เด็กหนุ่มเริ่มตื่นเต็มตา เมื่อเขาคิดว่าสถานที่ที่เขาอยู่มันแตกต่างจากเดิมก่อนหน้านี้ ภาพที่เห็นตรงหน้ามันแตกต่างจากก่อนหน้าโดยสิ้นเชิง ห้องนอนขนาดเล็ก เตียงที่มีฟูกนุ่มๆ กับโต๊ะอ่านหนังสือ กลายมาเป็น พื้นสนามโล่ง แล้วก็มีดวงไฟแปลกๆลอยขึ้นมาจากพื้นดิน
“ไม่ร้อนแฮะ” เขาชักมือออกและมองไปรอบๆ
ข้างหลังเป็นป่าไทรที่มีบรรยากาศน่าขนลุก ด้านขวาติดป่าไทรมีตึก 4 ชั้น มีห้องหนึ่งบนชั้น 4 ที่เปิดไฟอยู่
นี่คือความฝันเหรอ
ห้องนั้นจะมีใครอยู่มั้ยนะ
อากาศที่เย็นเยือกกับดวงไฟที่ลอยขึ้นอย่างช้าๆ เพทายเดินเข้าไปในอาคารหลังนั้นทันทีที่เท้าสัมผัสพื้นอาคาร ความรู้สึกคุ้นเคยแล่นเข้ามาในตัวเขาจนน่าขนลุก เมื่อมองเข้าไปในตัวอาคาร เมื่อมองเข้าไปในตัวอาคารห้องแต่ละห้องถูกล็อคด้วยแม่กุญแจ สุดทางเดินนั้นเป็นบันได เสียงฝีเท้าของเพทายกระทบพื้นดังกังวานบ่งบอกว่าเขาอยู่คนเดียวที่นี่ เขากอดอกเดินมองห้องแต่ละห้องอย่างหวาดระแวงเหมือนกลัวว่าจะมีอะไรโผล่ออกมาจากห้องเหล่านั้น ขาที่สั่นเทาค่อยๆก้าวขึ้นบันได
ทางข้างหน้ามืดมิดเกินกว่าสายตามนุษย์จะมองเห็นได้ ทันทีที่ถึงชั้นสี่เพทายมองห้องริมสุดที่สว่างด้วยแสงไฟ
“สวัสดีครับ มีใครอยู่มั้ย”เขาเปิดประตูห้องออก สายตาของเพทายพลันเห็นใครบางคนยืนอยู่ภายในห้องนั้น
“นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” เด็กหนุ่มภายในห้องตกใจเมื่อเห็นอาคันตุกะใหม่ที่เปิดประตูเข้ามาเยือน
“คือฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง พอตื่นขึ้นมาอีกทีฉันก็มาอยู่ที่นี่แล้ว”เพทายเกาหัวมองบุคคลตรงหน้า
เด็กหนุ่มตรงหน้าดูเร้นลับและสะอาดหมดจดเหมือนอากาศบริสุทธิ์ที่อยู่ในป่าลึกทำให้รู้สึกถึงมนต์สะกดทะลุเข้าไปตราตรึงจิตใจของผู้ที่พบเห็น ผมเงามันดำสนิทตัดกับผิวขาวดุจหิมะ ดวงตาดำที่สวยงามเปล่งประกายเหมือนท้องฟ้ายามค่ำคืนจ้องมาที่เพทาย
คุ้น!!? เด็กผู้ชายคนนี้
รู้สึกคุ้นมาก คุ้นเคย
จนน่าขนลุก
“เหรอ งั้นนั่งก่อนสิ” เสียงของเด็กหนุ่มทำให้เพทายตื่นจากภวังค์
“ที่นี่คือที่ไหนเหรอ”เพทายหยิบเก้าอี้ตัวนึงมานั่ง ภายในห้องนี้เหมือนห้องเรียนทั่วๆไปที่มีกระดาน บอร์ด แล้วก็โต๊ะกับเก้าอี้ที่ไม่ค่อยเป็นแถวเป็นแนว
“ที่นี่ก็คือแดนสนธยาไงล่ะ” เด็กหนุ่มเจ้าของห้องกระตุกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
“แดนสนธยา!? ฉันไม่เข้าใจอ่ะ นายช่วยอธิบายให้เข้าใจมากกว่านี้หน่อยได้มั้ย” เพทายนั่งขมวดคิ้วมองคนตรงหน้า
“ที่นี่เป็นดินแดนก่ำกึ่งระหว่างความเป็นกับความตาย”เด็กหนุ่มกอดอกมองหน้าเพทายนิ่ง
“นายอย่ามาล้อเล่นนะ ฉันยังไม่ตายสักหน่อย” เพทายเริ่มประสาทเสีย ก็แน่ล่ะเห็นอยู่ว่าเขายังหายใจ เนื้อตัวก็ยังอุ่น จู่ๆเจอใครก็ไม่รู้บอกว่าเขาตาย...ตลกสิ้นดี
“ฉันก็ไม่บอกนี่ ว่านายตายแล้ว” เด็กยังคงมองเพทายอย่างแน่นิ่ง
“แล้วที่นายพูด มันหมายความว่าอะไรล่ะ” เพทายจ้องคนตรงหน้าอย่างไม่วางตา
“ที่นี่เป็นโลกที่ก่ำกึ่งระหว่างความเป็นกับความตาย คนที่มาที่นี่ได้ต้องเป็นคนที่วิญญาณออกจากร่างด้วยภาวะใกล้ตายอย่างเช่นพวกคนที่บาดเจ็บสาหัส” เด็กหนุ่มเส มองออกไปนอกหน้าต่าง
“นายลองนึกดูสิ ว่าเกิดอะไรขึ้นถึงทำให้นายมาอยู่ที่นี่ได้” เด็กหนุ่มกระตุกยิ้มเย็น
“ฉัน.....ฉันไม่รู้” เพทายเอามือทั้งสองกุมขมับ
จำได้แค่ว่าเขาหลับอยู่บนเตียง แต่ที่จริงแล้วตัวเขาเองนั้นไม่อยากนอนเลยเพราะมันจะทำให้เขาฝันร้าย....ฝันร้ายอันน่าสะพรึงกลัวที่หลอกหลอนแม้กระทั่งยามตื่น
“เหรอ งั้นนายคงต้องอยู่ที่นี่สักพักแล้วล่ะ” เด็กหนุ่มหรี่ตามองเพทายอย่างชั่งใจ
“ว่าแต่นายเป็นใคร ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้” เพทายโพล่งถามขึ้น เงยหน่ามองคนตรงหน้า
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง พอรู้สึกตัวอีกทีก็ยืนอยู่กลางห้องนี้แล้ว ฉันแค่อยู่มานานพอที่จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็เท่านั้นเอง”เด็กหนุ่มยักไหล่
“อืม”เพทายพยักหน้าเล็กน้อย
“ฉันชื่อเพทาย แล้วนายชื่ออะไรล่ะ”คำถามมิตรภาพที่ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ว่า....
“ฉันชื่ออัสดง” อัสดงยิ้มให้คนตรงหน้า
ราวกับฟ้าผ่ากลางหัว ความรู้สึกต่างๆแล่นเข้ามาในตัวของเพทาย ภาวะตึงเครียดก่อตัวภายในตัวเขา อากาศที่หายใจอยู่เหมือนหายไปชั่วขณะมันอึดอัดมากเหมือนร่างกายจะแตกเป็นเสี่ยงๆ
ชื่อนี้!! รู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด
รอยยิ้มนั่น!? ไม่!! หยุดเดี๋ยวนี้!!!
ฉันกลัว!! กลัวที่จะจำมันได้
ความทรงจำนั้นให้ฉันลืมไปซะ
ได้โปรด อย่าทำให้ฉันนึกมันออก
“ทำไมต้องทำหน้าเครียดแบบนั้นด้วย นายเป็นอะไรรึเปล่า”อัสดงถามอย่างแปลกใจ
“เปล่าหรอก ฉันแค่รู้สึกคุ้นชื่อนาย” เพทายเกาหัวมองอัสดง
“เหรอ สงสัยชื่อฉันโหลมั้ง”อัสดงยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ เสมองออกไปนอกหน้าต่าง
“เราเคยเจอกันมาก่อนรึเปล่า” เพทายถามเพื่อความแน่ใจในบางอย่าง
“ไม่รู้สิ”อัสดงตอบอย่างลอยเลื่อน
“อ้าว!?”เพทายรู้สึกหงุดหงิดในคำตอบเล็กน้อย
“ถ้าเราเคยเจอกันมาก่อนจริงๆ ทำไมนายถึงจำฉันไม่ได้ล่ะ”อัสดงกอดอกกระตุ้นยิ้มใส่เพทาย
“ก็...ก็เผื่อฉันลืมไง”เพทายยิ้มเฝื่อนๆ
“ไม่หรอก นายไม่รู้จักฉัน แล้วฉันก็พึ่งเจอนายครั้งแรก โอเคมั้ย” อัสดงตัดบท
“อืมๆ”เพทายพยักหน้าอย่างไม่ค่อยจะเชื่อนัก
ถ้าฉันไม่รู้จักนายจริง แล้วความคุ้นเคยนี่มันอะไรกัน
จะบอกว่ามันแค่อุปทานงั้นเหรอ
“ฉันไม่รู้จักนายจริงๆเหรอ” เพทายถามย้ำ เมื่อมองเข้าไปในแววตาคนตรงหน้าซึ่งราวกับรัตติกาลอันมืดมิดที่ดึงดูดจิตวิญญาณของคนที่มองอย่างหาที่หยั่งถึงไม่ได้
“เฮ้ย!? ไอ้เพทายนั่งเหม่ออะไรอยู่ว่ะ” เด็กหนุ่มที่คาดว่าจะเพื่อนทักเขา
“เปล่า พอดีคิดอะไรเรื่อยเปื่อย”เพทายมองเด็กหนุ่มทั้งสามคนที่เป็นเพื่อนเขา
“แล้วเรื่องเมื่อคืนเป็นไงบ้างว่ะ”เพทายตัดบท
“อ๋อ ไอ้เรื่องที่พวกเราไปลองของหมอผีที่อยู่หลังตลาดเมื่อคืนนี้ใช่มั้ย” เด็กหนุ่มหนึ่งในนั้นครุ่นคิดเดินมานั่งข้างๆเพทาย
“เออสิ ของเก๊รึเปล่าก็ไม่รู้ หมอผีบ้าอะไรว่ะ เป็นเด็กอายุเท่าเราแถมย้อมผมทองยังกับฝรั่ง”เพทายขมวดคิ้วทำหน้ายู่
ระยะนี้มีข่าวลือหนาหูเกี่ยวกับหมอผีที่อยู่ท้ายตลาด เพื่อนๆในห้องเรียนของเขาเล่าว่า เป็นหมอผีจอมขมังเวทย์ที่ไม่มีใครเทียบได้ เชี่ยวชาญทั้งผูกดวง พยากรณ์ ใบ้หวย ทำเสน่ห์และอื่นๆอีกสารพัด แต่ที่เด็ดที่สุดคือ การทำของใส่คนอื่น เพทายกับเพื่อนๆทั้งสามก็เลยไปลองของโดยการ.......
สั่งฆ่า....คนที่พวกเขาเกลียดที่สุด
“น่า...เดี๋ยวก็รู้ ว่าหมอผีนั่นของจริงหรือของเก๊” เด็กหนุ่มที่นั่งข้างๆโอบไหล่ยิบตาให้เพทาย
“เออๆ เย็นแล้วรีบกลับบ้านเหอะว่ะ” เพทายลุกขึ้นสะพายกระเป๋า
“เดี๋ยวๆ พวกหนูน่ะ” ศรชัยวิ่งอย่างกระหืดกระหอบ
“ครับ!? ว่าไงครับลุงศร” เพทายเอียงคออย่างแปลกใจ
“ลุงวานช่วยไปเอากุญแจโรงยิมจากอาจารย์ธันวาให้หน่อยสิ” ศรชัยพูดปนหอบเอามือทาบหน้าอก
“อ๋อ ได้ครับลุง” เพทายพยักหน้าแล้วไปทางกลุ่มเพื่อน
“แก2คนอ่ะกลับก่อนได้เลย ส่วนนายมากับฉัน” เพทายลากคอเพื่อนที่นั่งคุยเรื่องหมอผีไปกับเขาด้วย
“เฮ้ย!? อะไรว่ะทำไมต้องเป็นฉันด้วย” เด็กหนุ่มที่ถูกลากเริ่มโวยวาย
“น่าๆ ไปเป็นเพื่อนหน่อยสิ นายเป็นถึงหัวหน้าห้องจะปล่อยให้ฉันเดินไปบนอาคารคนเดียวได้ไง” เพทายแกล้งทำหน้ายู่เหมือนเด็ก
“ว่าแต่อาจารย์ธันวาอยู่ที่ไหนล่ะครับ”เพทายหันมองศรชัยอย่างยิ้มแย้ม
“ตอนนี้สงสัยอยู่อาคารสี่ล่ะมั้งครับ ลุงไม่แน่ใจเหมือนกัน”ศรชัยทำหน้านึก
“อาคารสี่เหรอครับ ไปกันเถอะไอ้เพื่อนรัก”เพทายคว้าคอเพื่อนของเขา แล้วมุ่งหน้าไปอาคารสี่
ณ อาคารสี่
“อาจารย์ธันวาครับ” เพทายตะโกนเข้าไปในห้องเรียนที่คาดว่าผู้เป็นอาจารย์จะอยู่
“มีอะไรกัน? ตะโกนซะเสียงดังเชียว” ธันวาหันตอบเพทาย
“คือลุงศรอยากได้กุญแจโรงยิมน่ะครับ”เพทายพูดอย่างยิ้มแย้ม แต่ก็ต้องหุบยิ้มเมื่อเห็นหน้าใครบางคนในห้องนั้น
“โดม?” เพทายมองเจ้าของชื่อด้วยหางตาเหมือนมองของต่ำ
เห็นหน้าแล้วเกะกะลูกตาว่ะ
เมื่อไรจะตายๆไปสักทีว่ะ ไอ้งั่ง!!
ทำเป็นทำการบ้าน กลับบ้านช้า!!! ประจบอาจารย์
อย่าคิดนะ ว่ากูไม่รู้
คนในห้องอ่ะ ไม่มีใครจริงใจกับมึงหรอก
ไปตายซะ....ไอ้สวะ
“อ๋อ!? แปปนึงนะ”ธันวาหยิบกุญแจออกจากระเป๋ากางเกงแล้วเดินออกจากห้องไป เขายื่นกุญแจให้เพทาย ฉับพลันนั้น...
“อาจารย์ธันวาครับ”โดมแผดเสียงด้วยความกลัว
สิ่งที่เพทายมองเห็นภายในห้องทำให้เขาตกตะลึงด้วยความกลัว เมื่อหน้าต่างในห้องนั้นปิดเองอย่างแรงทีละบาน โต๊ะกับเก้าอี้เคลื่อนที่อย่างบ้าคลั่ง โดมอยู่ภายในวงล้อมของโต๊ะกับเก้าอี้เหล่านั้น เขาจึงไม่สามรถออกจากห้อง นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เพทายได้เห็นโดมเมื่อประตูห้องได้ปิดลง
“จงเขียนชื่อคนที่นายเกลียด อยากให้มันทรมานแล้วก็ตายไปโดยไม่มีใครรับรู้ว่ามันเคยมีตัวตนอยู่ อะไรจะทรมานไปมากกว่าการตายไปอย่างโดดเดี่ยวโดยที่คนรู้จักลืมเลือนเรื่องของตัวเอง หึๆ”หมอผีพูดด้วยเสียงที่เย็นยะเยือก
กระดาษใบลานถูกวางไว้ตรงหน้าเพทาย เขาเริ่มเขียนชื่อบุคคลนั้น...บุคคลที่เขาเกลียดจนไม่อยากเห็นหน้ามัน น้ำหมึกสีแดงข้นจากปากกาเริ่มตวัดตัวอักษร
อัสดง รัตติกาล
ฉันเกลียดนายสุดขั้วหัวใจ
เหตุผลน่ะเหรอ ไม่จำเป็นต้องมีมันหรอก
เพทายยิ้มอย่างเย้ยหยัน จ้องกระดาษใบลานที่ตนเขียนเสร็จ ส่งให้หมอผีโดยไร้ความผิดชอบชั่วดีแค่ว่านึกสนุกว่าลองของ แต่ผลที่ตามมานี่สิ......มันมากกว่าแค่นึกสนุก
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ