Whirligig : #1 อาถรรพ์ผีคุณไสย(The sorcery)

-

เขียนโดย พหุกันต์

วันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2554 เวลา 13.18 น.

  11 ตอน
  3 วิจารณ์
  19.75K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) ความฝันที่มืดมิด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

ความฝันที่มืดมิด

              แสงอาทิตย์อ่อนๆ ในยามเย็นส่องโดนผิวพอให้ความรู้สึกอุ่นๆ  เด็กหนุ่มกำลังง่วนเขียนรายงานอยู่ในห้องเรียน ภายในห้องนั้นเป็นห้องเรียนขนาดใหญ่   รวมจำนวนโต๊ะเก้าอี้ประมาณห้าสิบตัว      มีบางโต๊ะเก้าอี้ถูกจัดไว้อย่างเรียบร้อย แต่ก็ยังมีเก้าอี้บางตัวที่อยู่คนละทางกับโต๊ะ    เนื่องจากว่าโรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนรัฐบาลขนาดใหญ่  เด็กนักเรียนบางคนจึงมักง่าย  เรียนเสร็จแล้วก็ไม่ยอมสอดเก้าอี้   ก็ต้องลำบากภารโรงมาช่วยจัดนั่นเอง

           

             เย็นป่านนี้แล้วเหรอเนี่ย   เด็กหนุ่มมองออกไปข้างนอกหน้าต่างเห็นพระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า  ห้องเรียนของเขาอยู่ในตึกเรียนตึกสี่ และชั้นสี่  ซึ่งเป็นอาคารหลังสุดท้ายนับตั้งแต่ก่อสร้างมา   เขาขมักเขม้นเขียนรายงานเพื่อที่จะได้รีบกลับบ้าน

 

          อ้าว!?  อัสดงยังไม่กลับบ้านอีก เย็นแล้วนะเนี่ย  เสียงชายคนหนึ่งดังมาจากหน้าประตูห้องเรียน  เขามีรูปร่างที่สูงสง่า  ใบหน้าที่คมคาย สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว ผูกเนกไทสีกรมท่า ดูจากลักษณะท่าทางแล้วคงเป็นครูในโรงเรียนนี้  เขายังมองหน้าอัสดงนิ่งเพื่อต้องการคำตอบ

 

         ครับ  เดี๋ยวผมทำรายงานเสร็จก่อนจะกลับแล้วครับ อัสดงก้มหน้าก้มตาเขียนรายงานต่อ

 

          ไหน รายงานเรื่องอะไร ครูขอดูหน่อยสิ  เขาเดินช้าๆมาที่โต๊ะของอัสดง

 

เอ๊ะ!? ทำไมรู้สึกคุ้นๆจัง

 เหมือนกับว่า…...เราเคยเจอเหตุการณ์มาก่อน

แต่เมื่อไรล่ะ!!   ทำไมถึงนึกไม่ออก

 

         รายงานเรื่องคุณไสยครับ  ที่อาจารย์สั่งในคาบวันนี้ไงครับ อัสดงเงยหน้า  ขณะที่มือยังจับปากกาเขียนอยู่

 

          หืม วันนี้ครูสั่งการบ้านให้ทำรายงานเหรอ ผู้เป็นอาจารย์ทำท่างงๆ

 

         ครับ ก็อาจารย์ธันวา บอกว่าให้ทำรายงานอิสระเกี่ยวกับพระพุทธศาสนานี่ครับ อัสดงส่งยิ้มที่ไร้เดียงสาให้ธันวา

 

ใช่แล้ว!!? ฉันชื่อ ธันวา

ฉันเคยอยู่ในเหตุการณ์นี้มาก่อน

มีบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้นที่นี่!!!

บางอย่างที่เลวร้ายที่สุด

นึกให้ออกสิว่ะ ทำไมถึงนึกไม่ออกซักที

 

          อาจารย์ เป็นอะไรรึป่าวครับ  หน้าซีดเชียว อัสดงมองหน้าธันวาอย่างเป็นห่วง

           อ๋อ  ไม่มีอะไรหรอก ครูแค่เหนื่อยน่ะ

          เหรอครับ งั้นผมเก็บกระเป๋าดีกว่า อาจารย์จะได้พักผ่อน  เขาส่งยิ้มให้ธันวาอีกรอบ แล้วเก็บอุปกรณ์บนโต๊ะเข้ากระเป๋า

 

          งั้นครู ไปสูดอากาศข้างนอกก่อนนะ เผื่อจะดีขึ้น ธันวาชะงัก เมื่อเขาเดินเกือบถึงหน้าประตูห้อง

    

ไม่นะ!!!   อย่าออกจากห้องก่อนอัสดง

ไม่ยังไง....จะเกิดเรื่องร้ายขึ้น

 เรื่องร้ายนั้นก็คือ..........

      

          ฉับพลันนั้นเอง ธันวาได้รับรู้อะไรบางอย่าง  ความทรงจำเก่าๆที่แสนจะปวดร้าว ได้ค่อยๆ แล่นเข้ามาในหัวของเขา

               อาจารย์ธันวาครับ!!!?”

               ปึง!!ปัง!!ปึง!!ปัง!!

              ไม่นะ เปิดประตูสิ  เปิดสิ

              อัสดงยังอยู่ในนั้น

               เขายังอยู่ข้างในนั้น

 

           ฉันจำได้หมดทุกอย่างแล้ว  อัสดงหายสาญสูญไปตั้งแต่วันนั้น  ถ้าฉันรออัสดงให้เก็บของเสร็จ หรือเรียกนักเรียน 2คน มาเอากุญแจในห้องเรียนล่ะก็ เรื่องทั้งหมดก็ไม่เป็นอย่างนี้

    

     อาจารย์?? เป็นอะไรรึป่าวครับ อัสดงสะพายกระเป๋าเดินตามหลังธันวา

  

แล้วที่นี่ที่ไหนกัน!?  ฉันอยู่ที่ไหน

 

        ธันวาเดินออกจากห้องด้วยความเหม่อลอย   ทันใดนั้นอัสดงก็เกาะแขนซบหน้าลงที่หลังของเขา

         

          อาจารย์ยังไม่ลืมเรื่องนั้น....ยังไม่ลืมผมใช่มั้ยครับ

          อัสดง ครูขอโทษที่ช่วยเธอไม่ทัน

          ผมทรมาน ทำไมอาจารย์ถึงไม่ช่วยผม

          มันทรมานมากเลยนะครับ   ได้โปรดช่วยผมออกจากที่นี่ด้วย

          ของเหลวสีแดงเริ่มไหลออกมาจากเสื้ออัสดง มันค่อยๆไหลออกมาเป็นทาง และของเหลวสีแดงนั้น มันก็เริ่มไหลออกมาจากขา แขน คอ และ ใบหน้าของอัสดง เพราะธันวารู้สึกได้ถึงของเหลวหนืดที่สัมผัสได้ที่หลัง

            อัสดง!!?”

          ผมไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ช่วยผมออกไปที

           เป๊าะ....เป๊าะ

           เป๊าะ......เป๊าะ

           เป๊าะ....เป๊าะ

  ของเหลวหนืดสีแดงที่ได้ชื่อว่า เลือดได้ออกจากตัวอัสดงและหยดสู่พื้นเป็นระยะๆ

    

        เป๊าะ.........

 

          ทำไมถึง......ช่วยเพทาย......ได้ แต่....ช่วยผม....ไม่ได้ เสียงเขาเริ่มขาดห้วง

 

          ครูขอโทษจริงๆ อัสดง  น้ำเสียงของธันวาบ่งบอกถึงความเสียใจจริงๆ  เพราะที่ผ่านเขาก็เอาแต่โทษตัวเองมาตลอด

 

       ทำไม.....ทำไม....ทำไม......ทำไม......ทำไม.....ทำไม....ทำไม......ทำไม..

             อัสดงพูดซ้ำๆกัน ด้วยเสียงที่ช้าและขาดห้วงจนธันวาขนลุกด้วยความกลัว   เลือดของอัสดงเริ่มเจิ่งนองบริเวณพื้นที่เขาเขายืน

 

           ธันวาค่อยๆหันมามองอัสดงที่เกาะแขนเขาอยู่  เลือดที่ไหลออกจากตัวอัสดงไม่มีท่าทีว่าจะหยุด มีแต่จะไหลเพิ่มขึ้น

 

       ทำไม.....ทำไม....ทำไม......ทำไม......ทำไม.....ทำไม....ทำไม......ทำไม..

 

       ทำไม.....ทำไม....ทำไม......ทำไม......ทำไม.....ทำไม....ทำไม......ทำไม..

 

       ทำไม.....ทำไม....ทำไม......ทำไม......ทำไม.....ทำไม....ทำไม......ทำไม..

            ธันวาเริ่มเห็นใบหน้าของอัสดงที่เต็มไปด้วยเลือด และปากของอัสดงพูดแต่คำว่า ทำไมอยู่ตลอด  มันเริ่มจะเร็วขึ้นเรื่อยๆ

           อุ๊บ!!?  เขาเอามืออีกข้างหนึ่งปิดปากด้วยความตกใจ  เพราะตาของอัสดงมีแต่เลือดอยู่เต็มเบ้าตา เลือดที่เริ่มไหลจากส่วนต่างๆของใบหน้าทั้ง ปากจมูก หนังหน้าบางส่วนที่ถลกออกจะหลุดแหล่ไม่หลุดแหล่  มันเผยให้เห็นเนื้อแดงๆข้างใน และก้อนเลือดที่ทะลักออกมา

          หวา!?! 

        ธันวาผงะถอยหลังจนตัวเองเซล้ม  อัสดงเริ่มคลานขึ้นมาบนตัวธันวา  ใบหน้าที่มีแต่เลือดสดๆนั้นเริ่มขยับเข้ามาใกล้หน้าธันวาเรื่อยๆ จนห่างกันไม่ถึงคืบ

       เขาเบิกตากว้างกับสิ่งที่เห็น  หน้าที่มีแต่หนังแดงๆ เลือดสดที่ไหลออกมาชะโลมหน้าของธันวาจนเขาต้องหรี่ตาและเบือนหน้าหนีออกไปด้านข้างด้วยความขยะแขยง 

 

       ทำไม.....ทำไม....ทำไม......ทำไม......ทำไม.....ทำไม....ทำไม......ทำไม..

 

                                        ทำไมมึงถึงไม่ช่วยกู!!!!!!

 

              อ๊าก!!!!!!!?

           ธันวาสะดุ้งตื่นจากโซฟา   ตอนนี้เขาได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นระส่าย    มือที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อกาฬกุมขมับอย่างปวดหัว  สายตาของเขาเริ่มกวาดตามองไปรอบๆ แสงสลัวจากหน้าต่างทำให้เขามองเห็นเตียงของห้องพักฟื้นผู้ป่วย  คนที่นอนอยู่บนเตียงนั้นคือ เด็กหนุ่มที่เป็นลูกศิษย์ของเขาชื่อเพทาย

           ฝันไปเหรอเนี่ยเรา 

          ห้องพักฟื้นผู้ป่วยห้องนี้เป็นห้องเดี่ยว สภาพภายในห้องสะอาดสะอ้าน เฟอร์นิเจอร์ภายในห้อง ทั้งโต๊ะ โซฟา ถูกตกแต่งอย่างดีราวกับคอนโด   ธันวาเดินมาที่เตียงคนไข้อย่างช้าๆและมองคนนอนอยู่บนเตียงที่มีสายน้ำเกลือห้อยระยางอยู่ด้วยหน้าที่อิดโรย      เขาแทบไม่ได้นอนเลยตั้งแต่เมื่อวานที่ทั้งเขาและพ่อแม่ของเพทายไปเจอเพทายนอนหมดสภาพราวกับศพอยู่ในห้องของตัวเอง     จนต้องพาเพทายเข้าโรงพยาบาล  ไม่อย่างนั้นลูกศิษย์ของเขาคงไม่แคล้วไปโลกหน้าอย่างแน่นอน

          ธันวาก็เลยอาสามาเฝ้าไข้ให้เพทาย เพราะพ่อแม่ของเพทายเป็นหมอในโรงพยาบาลนี้ทั้งคู่  แถมยังมีคิวที่ต้องรักษาคนไข้อีกเป็นขบวน คงจะไม่มีเวลามาดูแลลูกของลูกตัวเองมากนัก 

ซ่า!!~~

          เขาล้างหน้าอย่างลวกๆ เพื่อให้ตนเองตื่นเต็มตา  ภายในห้องน้ำที่เงียบสงัดธันวายืนมองตัวเองในกระจก  เมื่อจ้องเข้าในแววตาคู่นั้นก็พบแต่ความทุกข์ทนที่อัดแน่น

          ธันวายืนแน่นิ่งจ้องตัวเองหน้ากระจกเป็นเวลานานราวกับต้องมนต์สะกด  พอออกจากห้องน้ำเขาลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียงเพทาย

          เธอรู้จักอาถรรพ์หมายเลข สี่ มั้ย?” จู่ๆธันวาก็พูดประโยคแปลกๆออกมา เขากุมมือตัวเอง มองเพทายที่นอนซูบผอมโดยมีสายน้ำเกลือห้อยระยางจากแขนซ้าย

          เลข สี่ เป็นเลขที่พ้องเสียงกับคำว่าตายในภาษาญี่ปุ่นกับจีน เพราะฉะนั้นที่ใดก็ตามที่มีเลขสี่ซ้ำกันสี่ตัวก็ไม่ต่างอะไรกับประตูผี ธันวามองทอดออกไปนอกหน้าต่างเห็นเมฆตั้งเค้าเหมือนฝนจะตก   ทำให้เขานึกถึงเหตุการณ์หนึ่งที่แสนเศร้า....ในฝันนั้นธันวาเดินมายืนที่ริมหน้าต่างมองฝนที่เริ่มลงเม็ด  สายตานั้นทอดยาวออกไป

เธออยู่ที่ไหนกันแน่

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา