เพลิงสวาท... รุ้งมารายา
9.2
3) ความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืน (NC 18+)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ ๓
ชายคนหนึ่งลุกออกจากที่นั่งของตัวเอง ก้าวเดินเบียดเสียดฝ่าฝูงชนคนอื่นๆ กับเครื่องดื่มแก้วหนึ่งในมือ มาหาจรรย์อมรพร้อมรอยยิ้มที่เหยียดโค้งบนมุมปาก สายตาของเขาทอประกายความต้องการที่ซ่อนเร้นอยู่ในใจอย่างเปิดเผย
ระยะห่างอันน้อยนิดของสองคนเพื่อนสาว เขาแทรกเข้ามาระหว่างกลาง ปารมีเหลือบตามองอย่างไม่พอใจ ส่วนเขาก็หันยิ้มให้กับผู้หญิงทั้งสองเป็นการทักทายตามมารยาทก่อนจะมาหยุดค้างต่อหน้าจรรย์อมรที่ใช้สายตาเย้ายวนจ้องตอบกลับเขาไปอย่างล่วงรู้ในเจตนาเช่นกัน
“สวัสดีครับ” เสียงทุ้มกล่าวทักทาย
จรรย์อมรเลิกคิ้วสูงข้างหนึ่งพร้อมกับเสยผมที่คลอเคลียข้างแก้มไปด้านหลังเผยให้เห็นช่วงต้นคอขาวเนียนเป็นที่ตะลึงสายตาของอีกฝ่ายแล้วทักทายตอบกลับไป “สวัสดีค่ะ”
เพียงเท่านั้นชายหนุ่มก็ราวกับถูกมนต์สะกดของหล่อนพันธนาการไปทั่วร่าง เขาจ้องหล่อนนิ่งราวกับต้องการจะกลืนกินลงไปทั้งตัว กลับกันจริตของหล่อนก็กำลังหลอมละลายร่างกายของเขาให้แหลกสลายลงไปเดี๋ยวนี้เลย
...ยิ่งมองก็ยิ่งสวย... ยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งชวนค้นหา...
“มีธุระอะไรกับฉันรึเปล่าคะ?”
เสียงนุ่มของจรรย์อมรปลุกชายตรงหน้าตื่นจากภวังค์ เขาสะดุ้งเล็กน้อยแล้วหัวเราะแก้เขิน “จะชวนคุณดื่มเป็นเพื่อนน่ะครับ” เขาบอก
“ฉันมีเพื่อนแล้วค่ะ เมื่อครู่คุณยังหันไปยิ้มให้เธออยู่เลย คงจะบอกว่ามองไม่เห็นไม่ได้นะคะ”
“เอ่อ...” ชายหนุ่มเปลี่ยนเป็นยิ้มแหย เจอคำพูดรู้ทันตอกกลับมากลางหน้าผาก
ปารมีหัวเราะคิกอย่างชอบใจ
“ถ้าคุณสนใจจะทำความรู้จักกับฉันก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ วันนี้ฉันไม่พร้อมจริงๆ” หล่อนปฏิเสธไปด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แสดงจุดยืนเข้มเข็งเสียจนอีกฝ่ายไม่กล้าขยับปากพูดอะไรต่อ “เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เชิญไปหาคนอื่นเถอะค่ะ” หญิงสาวเบือนหน้าหนีแล้วยกเครื่องดื่มข้างตัวขึ้นมาจิบโดยไม่สนใจสิ่งเร้าภายนอกอีก
ตอนนั้นที่ชายหนุ่มระลึกได้ว่าความเป็นบุรุษเพศอันทรงเสน่ห์ของเขาถูกบดขยี้จนไม่เหลือเนื้อดี หากหันหลังเดินกลับไปตามที่หล่อนบอก ผู้คนรอบข้างที่เรียงรายจับจ้องอยู่คงจะหัวเราะร่วนกราวด้วยความชอบใจปนสมเพช ไม่มีทางที่เขาจะยอมอย่างนั้นแน่ หล่อนเป็นใครถึงกล้าปฏิเสธ แม้ว่าจะงดงามต้องตาสักเพียงใด ก็คงจะหยามเหยียดกันเกินไปเสียหน่อยหากจะบอกว่าเขาอาจเอื้อมสูงเกินไป ทั้งที่รูปและทรัพย์ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าใครอื่นเลย
ชายหนุ่มเหยียดยิ้มที่มุมปาก “อย่าไสส่งผมนักเลย ก็ผมอยากรู้จักแค่คุณคนเดียวนี่” ว่าพร้อมกับรุกคืบเข้าประชิดตัวโฉมงามจนเจ้าหล่อนผงะ
จรรย์อมรเหลือบตาขึ้นมองชายแปลกหน้าที่ก้าวข้ามเขตความเป็นส่วนตัวอย่างไร้มารยาทก่อนจะเบ้ปากพร้อมกับยักไหล่ “ฉันบอกแล้วว่าตอนนี้ฉันไม่อยากรู้จักคุณ ไม่สิ จะตอนไหนฉันก็ไม่อยากรู้จักคุณอีกแล้ว”
“อย่าเล่นตัวหน่อยเลยน่า”
“ออกไปได้แล้วค่ะ”
“ดื่มกับผมซักแก้วสิ”
“ฉันว่าฉันพูดรู้เรื่องแล้วนะคะ”
“แค่แก้วเดียว...” เขายื่นข้อเสนอพร้อมกับคว้าแก้วเครื่องดื่มมาจากถาดเงินวาวของเด็กเสิร์ฟมาหยุดชูไว้อยู่ตรงหน้าหล่อน
จรรย์อมรลอบถอนหายใจอย่างเหลืออด หล่อนเหลือบตาขึ้นมองเขาแล้วแสยะยิ้มออกมาอย่างจำใจ “แค่แก้วเดียวเท่านั้นนะคะ?”
เขาพยักหน้า แล้วยิ้มตอบอย่างพึงพอใจ
หญิงสาวรับแก้วเครื่องดื่มจากมือของชายหนุ่มจอมเร้าหรือน่ารำคาญมาไว้กระชับแน่นมือ แต่แทนที่หล่อนจะยกขึ้นไปชนกับแก้วอีกใบที่เขายื่นมาให้เพื่อเป็นการผูกสัมพันธ์ กลับเหวี่ยงสาดของเหลวจากแก้วในมือใส่หน้าเขาอย่างจงใจ
ห้าวินาทีผ่านไปกับการตกตะลึงของผู้พบเห็นและตัวผู้เคราะห์ร้ายเอง ปารมีซึ่งอยู่ใกล้ชิดในเหตุการณ์นี้ก็อ้าปากค้างตาโตไม่คาดฝันตามไปด้วย
“แก้วเดียวตามที่ขอค่ะ” จรรย์อมรร้องบอกอย่างไม่แยแส “คุณจะไปให้พ้นๆ หน้าฉันได้รึยังคะ?” หล่อนออกปากไล่อย่างชัดแจ้ง
ดวงตาคมจ้องใบหน้าสวยเชิดของหล่อนไม่กระพริบ มันมาพร้อมกับความอาฆาต ไม่หวานหยดย้อยราวน้ำผึ้งดังแต่เริ่มมา
“ถ้าคุณไม่ยอมไป เห็นทีฉันคงต้องขอตัว” จรรย์อมรว่าพร้อมกับลุกขึ้นคว้ากระเป๋า เบียดเสียดตัวเองออกมาจากพื้นที่อันน้อยนิด แต่ทว่าก็ถูกแรงกระชากที่ข้อแขนให้หมุนตัวคว้างกลับมาที่เดิมอีกครั้งอย่างไม่ทันตั้งตัว
“จะไปง่ายๆ ได้ยังไง” เสียงเข้มกรอดบอกลอดมาตามไรฟันที่ขบกันแน่น
“ฉันเจ็บนะคะ!” จรรย์อมรร้องเสียงดังพลางบิดข้อมือตัวเองออกจากการจับกุม
ปารมีที่อยู่ตรงนั้นด้วยก็ได้แต่ตะลึงงันทำอะไรไม่ถูก เห็นเพื่อนตกอยู่ในสถานการณ์อันเลวร้ายก็ได้แต่อกสั่นขวัญแขวน ยืนนิ่งตัวชาไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ทั้งนั้น
“ทำกับผมขนาดนี้แล้ว คิดว่าเรื่องมันจะจบลงง่ายๆ เหรอ” คิ้วข้างหนึ่งเลิกขึ้นอย่างเย้ยหยัน
“อันธพาล!” จรรย์อมรเดือดดาล ตอกกลับอย่างไม่สะทกสะท้าน “เพราะอย่างนี้ฉันถึงไม่อยากเสวนากับคุณให้มากความ” ดวงตาคู่สวยของหล่อนก็จิกตาจ้องเขม็งใส่เขาเช่นกัน
นึกอีกที จรรย์อมลไม่เคยเจอหน้าตัวเมียคนนี้ก็นับว่าโชคดีที่สุดแล้ว หากถ้าเป็นเธอ จรรย์อมรก็ไม่อยากคิดภาพพี่สาวตัวเองในวันนี้เลย
“เธอนี่ปากดีจริงๆ”
“คุณเองก็ระยำใช่ย่อยนะคะ” หล่อนสู้
“มึง!”
โทสะบันดาล ชายหนุ่มมิอาจสะกดกลั้นความโกรธเอาไว้ได้ ง้างมือขึ้นหมายจะเหวี่ยงมันให้จรดลงบนแก้มเนียนๆ ของหญิงสาวแรงๆ สักฉาดให้หล่อนได้รู้สำนึกว่ากำลังลองดีกับใครอยู่
จรรย์อมรหลับตาปี๋ในช่วงเวลาที่รู้ตัวว่าไม่อาจรอดแน่ หล่อนคงน่วมด้วยมือหนาในฉาดเดียว หากแต่ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วหล่อนเองก็ไม่ยอมให้เรื่องมันจบลงง่ายๆ เช่นกัน
แต่จนแล้วจนรอดเวลาผ่านไปเกือบนาที จรรย์อมรหลับตาอยู่ในท่านั้นเพื่อรอรับความเจ็บปวดที่กำลังจะฟาดลงมา แต่มันก็เนิ่นนานเกินความสมควรหล่อนจึงเปิดเปลือกตาขึ้นเพื่อมองภาพเหตุการณ์ตรงหน้าให้ชัดๆ อีกครั้ง
ทว่า...
ก็ต้องประจักษ์รู้ว่าตัวเองโชคดีเพียงใดที่มีอัศวินขี่ม้าขาวเข้ามาช่วย ฝ่ามือของชายระยำที่หล่อนเรียกยังค้างอยู่ในท่านั้น หากแต่มันถูกหยุดยั้งไม่ให้เหวี่ยงตวัดไว้ด้วยท่อนแขนกำยำของชายอีกคนที่หล่อนคุ้นตา
“คุณกฤตกร?” จรรย์อมรครางชื่อเขาออกมาด้วยสามัญสำนึก
ใบหน้าของเขาตอนนี้จริงจังมาก... มากเสียจนหล่อนเองก็รู้สึกเกร็งไปด้วย ไม่เหลือเค้าความอบอุ่นในนาทีนี้อีกเลย
“คิดจะตบผู้หญิง เป็นตุ๊ดเหรอวะ?” เสียงเข้มเปิดปากถามคู่กรณี สายตาของเขาแสดงออกถึงความสมเพช
อีกฝ่ายหันมองแต่แล้วก็ต้องหน้าถอดสี เอ่ยเรียกชื่อมือที่สามอย่างหวาดหวั่น “คุณกร!” ก่อนจะรีบสะบัดข้อมือออกจากมือหนาที่บีบแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน เขาลูบข้อมือตัวเองป้อยๆ ด้วยความเจ็บ เห็นชัดเจนเป็นรอยห้านิ้ว
“ฉันอุตส่าห์เชิญนายมา แต่ถ้าคิดจะทำอะไรแบบนี้ในที่ของฉัน ก็อย่ามาเหยียบที่นี่อีก!” เจ้าของเสียงเข้มออกคำสั่งเสียงดัง
อีกฝ่ายพยักหน้าหงึกหงักรับรู้ก่อนจะออกตัวถอยห่างหนีไปโดยเร็ว
กฤตกรหันกลับมาที่จรรย์อมร หล่อนไม่ได้มีทีท่าหวาดผวาขวัญเสียเลยสักนิด ใบหน้าเฉยเมยของหล่อนดูเหมือนกับคนที่กำลังซังกะตายมากกว่า
“คุณเป็นอะไรรึเปล่าครับ?” เขาถามหล่อน
หญิงสาวส่ายหน้า “ลุ้นนิดหน่อยค่ะ” หล่อนตอบ น้ำเสียงทีเล่นทีจริง
“ต้องขอโทษด้วยนะครับที่มาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เอาเป็นว่าผมจะรับรองคุณอย่างดีเป็นการปลอบขวัญก็แล้วกันนะครับ”
จรรย์อมรยิ้มขันกับข้อเสนอของเขา เพราะคำว่า ‘ปลอบขวัญ’ เป็นเหตุ หล่อนดูเหมือนกระต่ายน้อยที่ตัวสั่นระริกด้วยความหวาดกลัวตอนอยู่ตรงหน้าหมาป่าผู้หิวโหยงั้นหรือ?
“ที่นี่เป็นของคุณหรือคะ?” หล่อนถาม
“ใช่ครับ เปิดมาได้สามปีแล้วละ ไว้เลี้ยงฉลองในหมู่เพื่อนๆ แต่ตอนไปอยู่อังกฤษก็ให้พี่ชายมาช่วยดูแลแทน”
หญิงสาวผงกศีรษะน้อยๆ เพื่อแสดงออกว่ารับรู้
“เชิญด้านในก่อนสิครับ ผมจะพาคุณไปพักผ่อนในที่ส่วนตัว รับรองคุณต้องชอบ”
“ไม่ล่ะค่ะ ฉันอยากกลับแล้ว”
“งั้นเหรอครับ?” กฤตกรมีสีหน้าผิดหวัง
“ไว้โอกาสหน้าก็แล้วกันนะคะ” หล่อนบอกแล้วก็ค้อมศีรษะให้เล็กน้อยก่อนจะขยับเท้าแยกตัวออกมา
เมื่อนึกได้ชายหนุ่มจึงวิ่งตามหลังมา “เดี๋ยวก่อนครับ” เขาร้องบอก
จรรย์อมรหมุนคอชำเลืองมอง “โอ ฉันคงลืมขอบคุณคุณสินะคะ เอาเป็นว่าฉันขอบคุณมากค่ะ ที่มาช่วยชีวิตฉัน”
“ไม่ใช่ครับไม่ใช่ ผมแค่เอ่อ...”
“อะไรคะ?” หล่อนหมุนตัวกลับมามองเขาให้เต็มตัวเต็มตาอย่างสนใจ
“ผมขอไปส่งคุณกลับบ้านได้มั้ยครับ?”
ยิ่งสร้างความประหลาดใจให้กับจรรย์อมรขึ้นไปอีก หล่อนผุดยิ้มออกมาอีกครั้งด้วยนึกขัน ใบหน้าเก้อเขินของเขาดูน่ารักไม่เบา หากเป็นอย่างนี้ก็เข้าทางมีหรือหล่อนจะปฏิเสธลงง่ายๆ
จรรย์อมรพยักหน้าตอบตกลง แสร้งปั้นหน้าเหมือนไม่ค่อยจะต้องการมันเท่าไรนัก ชายหนุ่มฉีกยิ้มกว้างอย่างพอใจก่อนจะเดินนำไปยังรถยนต์คันหรูซึ่งจอดอยู่ไม่ไกล ขณะที่ปารมีก็ได้แต่เกาหัวแกรกมองเพื่อนสาวคนสวยขึ้นรถไปกับชายหนุ่มรูปงามสองต่อสองทิ้งให้หล่อนยืนตั้งคำถามถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ตามลำพัง
...นั่นคุณกฤตกรน้องชายคุณพจน์ไม่ใช่เหรอ? ทำไมจรรย์อมลถึงได้... หรือว่า...
“หมอนั่นเป็นเพื่อนรุ่นน้องผมเองครับ” กฤตกรเปรยขึ้น
“งั้นเหรอคะ”
“ตั้งแต่ไปอยู่อังกฤษก็ไม่ได้ติดต่อกัน จนกระทั่งกลับมาก็เลยนัดรวมพลคนรู้จักซักหน่อย ไม่คิดว่ามันจะทำอย่างนี้กับคุณ”
“ช่างเถอะค่ะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว” สีหน้าของหล่อนชัดเจนว่าไม่ติดใจ
“ที่จริง... ถ้าคุณยังอยู่ต่อ ผมจะได้แนะนำให้รู้จักกับพี่ชายผม”
“คุณกฤตพจน์น่ะหรือคะ” หล่อนเผลอตอบกลับโดยไม่ผ่านการกลั่นกรองจากสมอง ก่อนจะรู้ตัวแล้วรีบงับปากลงโดยพลัน
“คุณรู้จัก?” ชายหนุ่มละสายตาจากเส้นทางเบื้องหน้าหันมาชำเลืองถาม
จรรย์อมรสั่นหน้ารัว “ก็ไม่ได้เป็นการส่วนตัวหรอกค่ะ ก็แหม... ตระกูลโชติอนันต์ของคุณน่ะโด่งดังขนาดนี้”
“แสดงว่าคุณก็สนใจเรางั้นเหรอ?” ถามกลับพร้อมแววตาหยาดเยิ้มเจ้าเล่ห์
หญิงสาวยักไหล่ “แน่นอนสิคะ ผู้หญิงคนไหนก็อยากเป็นสะใภ้ตระกูลนี้ทั้งนั้น ก็ลูกชายทั้งสองคนออกจะเพอร์เฟ็กต์”
กฤตกรลอบยิ้ม “ผู้หญิงคนไหน... รวมถึงผู้หญิงคนนี้ที่นั่งอยู่ข้างผมด้วยรึเปล่า?”
แทนที่คนถูกถามจะเลือดฉีดพุ่งพล่านขึ้นบนใบหน้า หล่อนกลับชำเลืองมองคู่สนทนาด้วยสายตาอันยากจะคาดเดา มันแฝงมาพร้อมกับประกายวาววับพราวระยับความเย้ายวน
“ฉันก็ผู้หญิงธรรมดาคนนึง... ไม่ได้วิเศษมาจากไหนนี่คะ”
“ไม่ครับ...” ชายหนุ่มสวนกลับทันควัน “คุณไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา คุณไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่น” จ้องประกายตาคู่นั้นไม่กระพริบราวกับตกอยู่ในมนต์สะกด
“หมายความว่ายังไงคะ?”
“คุณ... คือผู้หญิงในแบบของผม”
จรรย์อมรเหยียดยิ้ม เลื่อนสายตาจากใบหน้าคมสันของเขามองออกไปผ่านกระจกด้านข้าง “ถ้าคุณยังจ้องฉันอยู่แบบนี้ บางทีเราอาจจะไปไม่ถึงที่หมาย” หล่อนว่าพร้อมยกสองแขนขึ้นกอดอก
ตวัดหน้าหันกลับไปมองถนนอย่างรวดเร็วเมื่อประมวลความหมายของหญิงสาวสำเร็จ “เอ่อ ถ้างั้นช่วยบอกทางไปบ้านคุณด้วยนะครับ”
“ฉันอยู่คอนโดค่ะ แต่ยังไม่อยากกลับ ช่วยพาฉันไปนั่งฟังเพลงที่อื่นต่อได้มั้ยคะ”
“ได้สิครับถ้าคุณต้องการ”
ครั้นเมื่อได้เจอหน้าหัวใจชายก็สั่นไหวอีกครั้ง แม้จะเป็นฝ่ายปฏิเสธแต่ก็ใช่ว่าเยื่อใยจะไม่มีเหลือ หล่อนรักเขา เขาเองก็ใช่ว่าจะไม่เคยมีหล่อนอยู่ในหัวใจเลยเช่นกัน หากแต่คงเป็นเรื่องปกติของความรัก อยู่กันนานวันเข้าย่อมมีเบื่อมีหน่ายเป็นเรื่องธรรมดา โดยเฉพาะคนหนุ่มอย่างเขาด้วยแล้ว ยังไม่พร้อมที่จะต้องใช้ชีวิตคู่กับใครอย่างจริงจัง เรื่องอนาคตมันยังอีกนานแสนนานจะต้องใช้ชีวิตอย่างสมวัยให้คุ้มค่าเสียก่อน
ซึ่งผู้หญิงหลายคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของกฤตพจน์ เขาอดยอมรับไม่ได้ว่าจรรย์อมลคือคนที่เขารักมากที่สุด เธอเข้ามาจับจองพื้นที่ในหัวใจของเขามากที่สุด เธออยู่ในความทรงจำของเขามากที่สุด เธอมีเสน่ห์ดึงดูดที่ไม่เหมือนใคร แม้เธอจะใช้ชีวิตคู่อยู่กับเขาได้นานที่สุดก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะความเบื่อง่ายหน่ายเร็วของเขาได้เลย
...เธอมีคนใหม่แล้วจริงๆ เหรอ...
...เธอไม่ต้องการเขาแล้วจริงๆ เหรอ...
เพราะช่วงเวลาหนึ่งที่ขาดเธอทำให้เขาเริ่มถวิลหา เพราะคิดว่าจะต้องสูญเสียเธอไปก็เริ่มรู้สึกเสียดาย
...ไม่เคยเป็นมาก่อน...
เขาคงจะรักเธอมากมายจริงๆ หากได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งคงจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีไม่น้อย
...แต่กับเด็กในท้องนั่น เธอไปเอามันออกแล้วจริงๆ งั้นเหรอ...
“มลไม่มีทางใจร้ายแบบนั้นหรอก” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองแล้วยกแก้วเหล้าขึ้นกระดกรวดเดียวหมด
ภายในห้องพักผ่อนส่วนตัวปิดกั้นจากสิ่งเร้าภายนอกที่ชั้นลอยของไนต์คลับ เขานั่งเหม่อมองไปเบื้องหน้าไม่สำคัญจะจับจ้องไปที่วัตถุใด ภาพของผู้หญิงคนนั้นเริ่มกลับเข้ามาวนเวียนให้ทรมานใจไม่ขาดสาย
ขวดเครื่องดื่มต่างขนาด ต่างสีสัน ต่างรูปทรงวางตั้งเรียงรายอยู่บนโต๊ะเคียงข้างกับแก้วเปล่าทรงสวยและจานกับแกล้มรูปทรงโมเดิร์นทันสมัย ถัดไปคือศีรษะของชายคนหนึ่งที่นอนฟุบไม่ได้สติอยู่ใกล้ๆ กัน
จรรย์อมรถอนใจเฮือกกับภาพที่เห็น วินาทีต่อมาก็อดกลั้นหัวเราะไม่ได้ จ้องมองภาพที่เขาแนบหน้าไปบนโต๊ะอย่างนึกเอ็นดู
...ไม่คิดว่าจะลงเอยแบบนี้...
“คุณกรคะ...”
“คร้าบ...” สติยังพอมีหลงเหลือให้ร้องขาน รับรู้เสียงกระตุ้นจากคนข้างกายแม้จะริบหรี่มากก็ตาม
ตั้งใจว่าจะเป็นฝ่ายสลบไสลเองแท้ๆ คิดแล้วก็ขำ ดื่มไปจำนวนพอๆ กัน หล่อนกับแค่มึนๆ แต่อีกฝ่ายก็อย่างที่เห็น แล้วอย่างนี้จะไหวไหมเนี่ย
“คุณกรคะ ไหวรึเปล่าคะ?”
ชายหนุ่มพยักหน้าตอบพร้อมเสียงครางทั้งที่ตายังปิดอยู่
“ฉันต้องกลับแล้วค่ะ คุณลุกขึ้นสิคะ”
กฤตกรพยักหน้าอีกครั้งแล้วโซซัดโซเซยันตัวเองให้ลุกขึ้น จรรย์อมรรีบเข้าไปช่วยพยุงปีก
“แย่จังเลยนะครับ ทำไมผมถึงได้เมาขนาดนี้เนี่ย” ร้องตำหนิตัวเองยานคาง
“ยังไงซะ คุณคงขับรถไม่ไหวแน่ๆ ขอกุญแจรถให้ฉันด้วยค่ะ”
เห็นจะไม่ไหวแน่แล้ว หญิงสาวยื่นมือไปตรงหน้า ชายหนุ่มเก้กังๆ ล้วงมือควานหาในกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้างก่อนจะส่งมันให้หล่อน
ร่างปวกเปียกของกฤตกรถูกนำมาปล่อยให้นอนผึ่งไว้ที่เบาะด้านข้างคนขับในรถของตัวเอง จรรย์อมรเร่งเครื่องแล้วขยับปากถามคนข้างๆ
“จะให้ฉันไปส่งที่ไหนคะ?”
“...”
เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบจึงหันไปมองก็พบว่าเขาหลับไปแล้ว ทางเดียวที่มิอาจปฏิเสธได้ก็คงต้องพาเขากลับไปยังคอนโดมิเนียมของหล่อนด้วย ซึ่งจะว่าไปแล้วนี่คือสิ่งที่หล่อนต้องการ...
แม้ว่าจะพอมีสติรู้ตัวก้าวเดินเองได้ แต่ก็ตุปัดตุเป๋จนต้องช่วยหิ้วพยุงปีก หล่อนเสียพลังงานไปมากทีเดียวเพราะตัวเขาออกสูงใหญ่ปานนั้น
มาถึงที่โซฟาก็เกิดหมดแรง หนำซ้ำยังไปพลาดพันแข้งพันขากันจนหล่อนล้มพับลงไป วินาทีเดียวกันกับที่ร่างสูงก็ร่วงตาม
ราวกับตั้งใจ...
ริมฝีปากของทั้งคู่วางประกบทับซ้อนกัน นิ่งไปอย่างนั้นนานนับนาที กฤตกรรู้ตัวแต่สมองก็ไม่สั่งการใดๆ เสียที ดวงตาของทั้งคู่จ้องสบกันอย่างตกใจ จรรย์อมรก็คล้ายจะยินดีให้เป็นอย่างนั้น
จากประกายแห่งความตื่นตะลึงหล่อนค่อยๆ ปิดเปลือกตาลงช้าๆ รอรับการดูดดื่มจากอีกฝ่าย เมื่อไม่มีท่าทีต่อต้าน ชายหนุ่มจึงแทรกลิ้นสอดเข้าไปยังริมฝีปากที่เผยอแย้มน้อยๆ ของหญิงสาว หล่อนตวัดต้อนรับโดยพลัน
กฤตกรหลุดจากอาการงัวเงียเป็นปลิดทิ้ง ใจเต้นรัวจากกองไฟที่ค่อยๆ ลุกโชน ไม่อยากปฏิเสธมันเลย... เขาปรารถนาเวลานี้มานานอย่างที่ไม่อาจจะยอมรับได้ ลมหายใจอุ่นๆ ของเขาพวยพุ่งผสมกับของหล่อนอย่างรุนแรง ออกมาพร้อมกับเสียงครางแห่งความพึงพอใจในความชุ่มฉ่ำของกันและกัน
อีกเดี๋ยว จรรย์อมรก็หยุดลงเสียดื้อๆ “คุณกรคะ...” เสียงกระเส่าค้าง หากต้องเริ่มต้นกันจริงๆ มันต้องไม่ใช่สภาพนี้
ชะงักงันและกลับมามีสีหน้าตื่นตระหนกอีกครั้งเมื่อนึกขึ้นได้ กฤตกรถอนริมฝีปากออกจากหล่อน ดวงตาเร่าร้อนนั้นอาบไปด้วยความรู้สึกผิดเข้ามาแทนที่
“ผมขอโทษครับคุณมล” ว่าแล้วก็กระตุกตัวเองขึ้น ทิ้งตัวลงนั่งที่พื้นพร้อมยกสองมือขึ้นลูบหน้าพลางถอนหายใจให้กับความผิดพลาด “ผมขอตัวไปล้างหน้าก่อนนะครับ” เขาบอก แล้วลุกขึ้นเดินหายไป จรรย์อมรมองตามแล้วก็แค่นหัวเราะ
ไม่ถึงห้านาทีกฤตกรก็กลับออกมาพร้อมใบหน้าจนถึงสาบเสื้อช่วงหน้าอกเปียกชุ่ม จรรย์อมรถือผ้าเช็ดหน้าขนนุ่มคอยอยู่ที่หน้าห้องน้ำ เขายิ้มแหยๆ แล้วเอื้อมมือรับมันไปจากหล่อน
“ผมคงต้องกลับแล้ว” เขาบอก
“จะไหวหรือคะ คุณยังไม่สร่างเมาดีนะ”
“ก็น่าจะดีกว่าก่อนหน้านี้”
“หมายถึงก่อนที่เราจะจูบกันน่ะเหรอคะ” หล่อนแกล้งแหย่ ได้ผลชะงัด ชายหนุ่มหน้าแดงเข้มขึ้นไปอีก แสดงอาการประหม่าจนหล่อนต้องเข้าไปสัมผัสที่แผงอกของเขาเพื่อสร้างสัมผัสอันคุ้นชิน “จะอันตรายนะคะ ถ้าคุณกลับไปตอนนี้” หล่อนว่า
“แต่...”
“ทำสีหน้าแบบนี้ ไม่สมกับเป็นคุณเลยนะคะ”
กฤตกรก้มหน้าสบตากับหล่อนอย่างไม่เข้าใจ
“ฉันไม่เชื่อหรอกค่ะ ว่าคุณจะตื่นเต้นกับเรื่องแบบนี้” นิ้วเรียวยาวค่อยๆ ไล่ระดับสูงขึ้นไปทีละน้อย ฝ่ามือของหล่อนคลอเคลียอยู่ที่ข้างแก้มเขา ได้รับสัมผัสหยาบกร้านจากตอเตียนๆ ของเคราหนวดบริเวณผิวคางจนถึงช่วงลำคอ “รบกวนอะไรคุณอย่างได้มั้ยคะ?”
“ได้สิครับ”
“ช่วยรูดซิปด้านหลังลงให้ฉันที” บอกแล้วก็หมุนตัวหันหลังให้พร้อมกับรวบผมไปข้างหน้า
กฤตกรกลืนก้อนน้ำลายลงคอ จ้องมองช่วงต้นคอขาวเนียนของหล่อน ก่อนจะยกมือขึ้นเลื่อนซิปลงให้หล่อน เลี่อนลง... เลื่อนลง... ผิวสวยๆ ถูกอวดโฉมทีละนิดทีละน้อยจากรอยแยกของชุดเดรสสีดำ หากเมื่อจวนจะถึงบั้นท้าย หล่อนก็ร้องบอกให้หยุด
“ขอบคุณค่ะ” บอกแล้วก็เดินหายเข้าไปในห้องนอน ก่อนจะกลับออกมาอีกครั้งในชุดกระโจมอกจากผ้าขนหนูตัวจิ๋ว หล่อนประจันหน้ากับเขาที่หน้าห้องน้ำ “ฉันจะเข้าไปอาบน้ำเดี๋ยวนะคะ เชิญคุณตามสบาย”
ชายหนุ่มพยักหน้ารับรู้ แล้วยกเท้าเตรียมก้าวกลับไปที่โซฟา แต่ก็ต้องชะงักชักเท้ากลับเพราะคำพูดอันท้าทายของหล่อน
“แต่ถ้าคุณจะ... ช่วยถูหลังให้ฉัน ก็จะถือเป็นพระคุณค่ะ”
เท่านั้นเองที่กฤตกรหมุนตัวกลับอย่างรวดเร็ว เขาไม่อาจสะกดกลั้นความต้องการนี้ไว้ได้อีกแล้ว เขาพันธนาการร่างกายของหล่อนด้วยแผงอกและโอบกอดของตัวเอง ทั้งยังซุกไซ้ใบหน้าลงที่ซอกคอหล่อน
“ปล่อยฉันค่ะ ฉันจะอาบน้ำ” จรรย์อมรแสร้งร้อง
“ไม่ใช่เวลานี้... ผมฝืนมันต่อไปไม่ได้แล้ว ไม่ใช่ความผิดของผม เป็นเพราะคุณ เพราะคุณคนเดียว...” เสียงเข้มกรอดรอดไรฟัน ลมหายใจของเขาติดขัดจนน้ำเสียงแผ่วเบา
จรรย์อมรตัวบิดเกลียวด้วยความซาบซ่านจากขนหนามที่ใต้คางของเขา กระโจมอกที่นุ่งไว้อย่างหลวมๆ ล่วงไปกองกับพื้นอย่างไม่ต้องสงสัย ร่างบางของหล่อนถูกร่างกำยำเบียดดันจนไปแนบชิดติดข้างฝาผนัง หล่อนกำลังถูกจู่โจมอย่างรุนแรง
เขาเลื่อนใบหน้าขึ้นมาประกบปากบดขยี้แลกรักกับหล่อนอย่างดุเดือด จรรย์อมรไม่ใช่พวกมือสมัครเล่นอ่อนหัด หล่อนตอบโต้ตวัดเกลียวสวาทอย่างชำนาญ
มือหนาโอบเค้นอูมเนื้อเต่งตึงราวกับจะให้มันแตกคามือ หล่อนยิ่งรู้สึกเร่าร้อนเมื่อเขาเลื่อนริมฝีปากลงมาทีละนิด จุมพิตไล่ระดับลงมาอย่างใจเย็น ก่อนจะละเลงรัวที่ยอดปทุมถันจนหญิงสาวร้องครางเสียงกังวาน
ในใจของหล่อนกระหยิ่มยิ้มย่อง
...มันเริ่มต้นขึ้นแล้ว... มันเป็นไปแล้วอย่างน่าจดจำ...
จากเนินอกโต ลิ้นปลาทองของเขายังคงอยู่ไม่สุข มันแหวกว่ายซุกซนลงมาเรื่อยๆ ลงมายังหน้าท้องเนียนเรียบ... ลงมายังสะดือ... ลงมาต่ำกว่านั้น...
จรรย์อมรลุ้นระทึกในชั่ววินาทีถัดมา แล้วแผดเสียงร้องครางออกมาดังกว่าเดิม เมื่อที่ตรงนั้นของหล่อน... เจ้าปลาทองน้อยตัวนั้นกำลังดำผุดดำว่ายซอกซอนอยู่ในปะการังใต้มหาสมุทรลึก
...มันซนเหลือเกิน...
“ชอบมั้ย? คุณชอบมันมั้ย?”
เสียงถามกระเส่าดังมาจากเบื้องล่าง หล่อนพยักหน้าหงึกหงักพร้อมเสียงครางไม่ขาดปาก ในใจพร่ำขอร้องไม่ให้เขาหยุด แต่ก็ตกอยู่ในห้วงภวังค์ลึกจนไม่สามารถปริปากให้มันลอดผ่านลำคอออกมาได้
ก่อนที่ในหัวจะขาวโพลน จรรย์อมรผละตัวเองออกแล้วกดเขาให้นอนราบลงไปกับพื้น กางเกงแสล็คสีดำเข้ารูปที่เขาสวมอยู่ มันอวบนูนขึ้นมาเฉพาะส่วนจนสะดุดตา
“ถึงคราวฉันบ้างล่ะ” หล่อนว่า แล้วแนบลำตัวเปลือยเปล่าทับลงไปบนร่างแข็งแรงของเขา บดขยี้ริมฝีปากอีกครั้งเพื่อเป็นการเริ่มต้น ก่อนจะกระตุกกระดุมเสื้อเชิ้ตออกอย่างร้อนรอน แผงกล้ามหน้าอกของเขาแน่นตึง ใช้วิธีเดียวกัน หล่อนจุมพิตไล่ระดับลงมา ขณะที่มือข้างหนึ่งก็เค้าคลึงตรงส่วนนั้น
หล่อนปลดหัวเข็มขัดออก ปลดตะขอ เลื่อนซิปลง เพื่อให้ความอลังการของเขาได้อวดโฉม เมื่อกางเกงชั้นในถูกเลิกออก มันก็ผงาดขึ้นเต็มตาหล่อน
...วิเศษ... ยอดเยี่ยมมาก...
กฤตกรนอนครางอ้าค้างอย่างเปี่ยมสุข ลีลาของหล่อนเป็นไปตามที่เขาคาดไว้ทุกประการ อย่างนี้สิถึงจะคู่ควรกับเขา ไม่ต้องคอยเริ่มต้นสอนให้ยุ่งยาก เราจะต้องไปด้วยกัน และพร้อมๆ กัน...
สำหรับจรรย์อมร ความสุขที่หล่อนมอบให้เขาในวันนี้ จะกลายเป็นหนามแหลมคมที่ทิ่มแทงเขาจนปางตาย... มันคือจุดเริ่มต้นของหายนะชัดๆ โชคร้าย ที่เขาดันเกิดเป็นน้องชายของไอ้สารเลวนั่น...
ชายหนุ่มยันตัวเองลุกขึ้น แล้วอุ้มร่างบางไปวางไว้บนโซฟาอย่างนุ่มนวล เขาก้มลงจุมพิตที่หน้าผากของหล่อนอย่างแผ่วเบา
“คุณพร้อมรึยัง?”
“ฉันรอมันนานแล้ว...”
ได้ยินดังนั้นก็จัดแจงถอดกางเกงที่ยังพันแข้งพันขาออกจนหมด “ผมจะไม่ทำร้ายคุณ...”
เมื่อทุกอย่างได้ที่แล้ว หล่อนก็เปิดโล่งอ้าขารอการแทรกใส่ เขาค่อยๆ เข้ามาอย่างช้าๆ และนุ่มนวล กระเถิบเข้าจนถนัดถนี่และเป็นหนึ่งเดียวกัน
จรรย์อมรระบายความรู้สึกผ่านลมร้อนที่ออกมาจากริมฝีปากบางในวินาทีแรกที่เขาก้าวผ่านเข้ามาในตัวหล่อน ตระหนักรู้ถึงสัมผัสแนบชิดและการผสมผสานกันอย่างแนบแน่น
บั้นเอวกำยำค่อยๆ เคลื่อนไหวพร้อมเสียงร้องของทั้งคู่ประสานเป็นหนึ่ง เป็นจังหวะเนิบนาบอย่างที่เหมาะที่ควร
อย่างพร้อมๆ กัน โดยมีเขาเป็นผู้ขับเคลื่อน...
“คุณโอเคใช่มั้ย?” เสียงทุ้มเอ่ยถามพร้อมลมหายใจถี่ สันกรามของเขาขบกันแน่นจนเห็นรอยนูน
จรรย์อมรพยักหน้าแล้วรวบมือเขาเข้ามาประสานด้วย
มันไม่ได้มาพร้อมกับความเจ็บปวด หากแต่เริ่มต้นอย่างร้อนแรงเพื่อปลุกเร้าและกำลังเป็นไปอย่างละมุนละไม ผู้ชายคนนี้กำลังถ่ายทอดความอบอุ่นให้กับหล่อน ความอิ่มเอมในใจที่หาได้ยากเหลือเกิน ถึงกระนั้นก็ต้องพึงระลึกไว้ว่า มันคือสิ่งจอมปลอม...
หล่อนจะหลงรักเขาไม่ได้ ก็แค่ชั่วระยะเวลาสั้นๆ ของความสุข สุดท้ายแล้ว มันก็จะต้องจบลงด้วยโศกนาฏกรรมอย่างที่หล่อนต้องการ...
**********
ชายคนหนึ่งลุกออกจากที่นั่งของตัวเอง ก้าวเดินเบียดเสียดฝ่าฝูงชนคนอื่นๆ กับเครื่องดื่มแก้วหนึ่งในมือ มาหาจรรย์อมรพร้อมรอยยิ้มที่เหยียดโค้งบนมุมปาก สายตาของเขาทอประกายความต้องการที่ซ่อนเร้นอยู่ในใจอย่างเปิดเผย
ระยะห่างอันน้อยนิดของสองคนเพื่อนสาว เขาแทรกเข้ามาระหว่างกลาง ปารมีเหลือบตามองอย่างไม่พอใจ ส่วนเขาก็หันยิ้มให้กับผู้หญิงทั้งสองเป็นการทักทายตามมารยาทก่อนจะมาหยุดค้างต่อหน้าจรรย์อมรที่ใช้สายตาเย้ายวนจ้องตอบกลับเขาไปอย่างล่วงรู้ในเจตนาเช่นกัน
“สวัสดีครับ” เสียงทุ้มกล่าวทักทาย
จรรย์อมรเลิกคิ้วสูงข้างหนึ่งพร้อมกับเสยผมที่คลอเคลียข้างแก้มไปด้านหลังเผยให้เห็นช่วงต้นคอขาวเนียนเป็นที่ตะลึงสายตาของอีกฝ่ายแล้วทักทายตอบกลับไป “สวัสดีค่ะ”
เพียงเท่านั้นชายหนุ่มก็ราวกับถูกมนต์สะกดของหล่อนพันธนาการไปทั่วร่าง เขาจ้องหล่อนนิ่งราวกับต้องการจะกลืนกินลงไปทั้งตัว กลับกันจริตของหล่อนก็กำลังหลอมละลายร่างกายของเขาให้แหลกสลายลงไปเดี๋ยวนี้เลย
...ยิ่งมองก็ยิ่งสวย... ยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งชวนค้นหา...
“มีธุระอะไรกับฉันรึเปล่าคะ?”
เสียงนุ่มของจรรย์อมรปลุกชายตรงหน้าตื่นจากภวังค์ เขาสะดุ้งเล็กน้อยแล้วหัวเราะแก้เขิน “จะชวนคุณดื่มเป็นเพื่อนน่ะครับ” เขาบอก
“ฉันมีเพื่อนแล้วค่ะ เมื่อครู่คุณยังหันไปยิ้มให้เธออยู่เลย คงจะบอกว่ามองไม่เห็นไม่ได้นะคะ”
“เอ่อ...” ชายหนุ่มเปลี่ยนเป็นยิ้มแหย เจอคำพูดรู้ทันตอกกลับมากลางหน้าผาก
ปารมีหัวเราะคิกอย่างชอบใจ
“ถ้าคุณสนใจจะทำความรู้จักกับฉันก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ วันนี้ฉันไม่พร้อมจริงๆ” หล่อนปฏิเสธไปด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แสดงจุดยืนเข้มเข็งเสียจนอีกฝ่ายไม่กล้าขยับปากพูดอะไรต่อ “เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เชิญไปหาคนอื่นเถอะค่ะ” หญิงสาวเบือนหน้าหนีแล้วยกเครื่องดื่มข้างตัวขึ้นมาจิบโดยไม่สนใจสิ่งเร้าภายนอกอีก
ตอนนั้นที่ชายหนุ่มระลึกได้ว่าความเป็นบุรุษเพศอันทรงเสน่ห์ของเขาถูกบดขยี้จนไม่เหลือเนื้อดี หากหันหลังเดินกลับไปตามที่หล่อนบอก ผู้คนรอบข้างที่เรียงรายจับจ้องอยู่คงจะหัวเราะร่วนกราวด้วยความชอบใจปนสมเพช ไม่มีทางที่เขาจะยอมอย่างนั้นแน่ หล่อนเป็นใครถึงกล้าปฏิเสธ แม้ว่าจะงดงามต้องตาสักเพียงใด ก็คงจะหยามเหยียดกันเกินไปเสียหน่อยหากจะบอกว่าเขาอาจเอื้อมสูงเกินไป ทั้งที่รูปและทรัพย์ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าใครอื่นเลย
ชายหนุ่มเหยียดยิ้มที่มุมปาก “อย่าไสส่งผมนักเลย ก็ผมอยากรู้จักแค่คุณคนเดียวนี่” ว่าพร้อมกับรุกคืบเข้าประชิดตัวโฉมงามจนเจ้าหล่อนผงะ
จรรย์อมรเหลือบตาขึ้นมองชายแปลกหน้าที่ก้าวข้ามเขตความเป็นส่วนตัวอย่างไร้มารยาทก่อนจะเบ้ปากพร้อมกับยักไหล่ “ฉันบอกแล้วว่าตอนนี้ฉันไม่อยากรู้จักคุณ ไม่สิ จะตอนไหนฉันก็ไม่อยากรู้จักคุณอีกแล้ว”
“อย่าเล่นตัวหน่อยเลยน่า”
“ออกไปได้แล้วค่ะ”
“ดื่มกับผมซักแก้วสิ”
“ฉันว่าฉันพูดรู้เรื่องแล้วนะคะ”
“แค่แก้วเดียว...” เขายื่นข้อเสนอพร้อมกับคว้าแก้วเครื่องดื่มมาจากถาดเงินวาวของเด็กเสิร์ฟมาหยุดชูไว้อยู่ตรงหน้าหล่อน
จรรย์อมรลอบถอนหายใจอย่างเหลืออด หล่อนเหลือบตาขึ้นมองเขาแล้วแสยะยิ้มออกมาอย่างจำใจ “แค่แก้วเดียวเท่านั้นนะคะ?”
เขาพยักหน้า แล้วยิ้มตอบอย่างพึงพอใจ
หญิงสาวรับแก้วเครื่องดื่มจากมือของชายหนุ่มจอมเร้าหรือน่ารำคาญมาไว้กระชับแน่นมือ แต่แทนที่หล่อนจะยกขึ้นไปชนกับแก้วอีกใบที่เขายื่นมาให้เพื่อเป็นการผูกสัมพันธ์ กลับเหวี่ยงสาดของเหลวจากแก้วในมือใส่หน้าเขาอย่างจงใจ
ห้าวินาทีผ่านไปกับการตกตะลึงของผู้พบเห็นและตัวผู้เคราะห์ร้ายเอง ปารมีซึ่งอยู่ใกล้ชิดในเหตุการณ์นี้ก็อ้าปากค้างตาโตไม่คาดฝันตามไปด้วย
“แก้วเดียวตามที่ขอค่ะ” จรรย์อมรร้องบอกอย่างไม่แยแส “คุณจะไปให้พ้นๆ หน้าฉันได้รึยังคะ?” หล่อนออกปากไล่อย่างชัดแจ้ง
ดวงตาคมจ้องใบหน้าสวยเชิดของหล่อนไม่กระพริบ มันมาพร้อมกับความอาฆาต ไม่หวานหยดย้อยราวน้ำผึ้งดังแต่เริ่มมา
“ถ้าคุณไม่ยอมไป เห็นทีฉันคงต้องขอตัว” จรรย์อมรว่าพร้อมกับลุกขึ้นคว้ากระเป๋า เบียดเสียดตัวเองออกมาจากพื้นที่อันน้อยนิด แต่ทว่าก็ถูกแรงกระชากที่ข้อแขนให้หมุนตัวคว้างกลับมาที่เดิมอีกครั้งอย่างไม่ทันตั้งตัว
“จะไปง่ายๆ ได้ยังไง” เสียงเข้มกรอดบอกลอดมาตามไรฟันที่ขบกันแน่น
“ฉันเจ็บนะคะ!” จรรย์อมรร้องเสียงดังพลางบิดข้อมือตัวเองออกจากการจับกุม
ปารมีที่อยู่ตรงนั้นด้วยก็ได้แต่ตะลึงงันทำอะไรไม่ถูก เห็นเพื่อนตกอยู่ในสถานการณ์อันเลวร้ายก็ได้แต่อกสั่นขวัญแขวน ยืนนิ่งตัวชาไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ทั้งนั้น
“ทำกับผมขนาดนี้แล้ว คิดว่าเรื่องมันจะจบลงง่ายๆ เหรอ” คิ้วข้างหนึ่งเลิกขึ้นอย่างเย้ยหยัน
“อันธพาล!” จรรย์อมรเดือดดาล ตอกกลับอย่างไม่สะทกสะท้าน “เพราะอย่างนี้ฉันถึงไม่อยากเสวนากับคุณให้มากความ” ดวงตาคู่สวยของหล่อนก็จิกตาจ้องเขม็งใส่เขาเช่นกัน
นึกอีกที จรรย์อมลไม่เคยเจอหน้าตัวเมียคนนี้ก็นับว่าโชคดีที่สุดแล้ว หากถ้าเป็นเธอ จรรย์อมรก็ไม่อยากคิดภาพพี่สาวตัวเองในวันนี้เลย
“เธอนี่ปากดีจริงๆ”
“คุณเองก็ระยำใช่ย่อยนะคะ” หล่อนสู้
“มึง!”
โทสะบันดาล ชายหนุ่มมิอาจสะกดกลั้นความโกรธเอาไว้ได้ ง้างมือขึ้นหมายจะเหวี่ยงมันให้จรดลงบนแก้มเนียนๆ ของหญิงสาวแรงๆ สักฉาดให้หล่อนได้รู้สำนึกว่ากำลังลองดีกับใครอยู่
จรรย์อมรหลับตาปี๋ในช่วงเวลาที่รู้ตัวว่าไม่อาจรอดแน่ หล่อนคงน่วมด้วยมือหนาในฉาดเดียว หากแต่ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วหล่อนเองก็ไม่ยอมให้เรื่องมันจบลงง่ายๆ เช่นกัน
แต่จนแล้วจนรอดเวลาผ่านไปเกือบนาที จรรย์อมรหลับตาอยู่ในท่านั้นเพื่อรอรับความเจ็บปวดที่กำลังจะฟาดลงมา แต่มันก็เนิ่นนานเกินความสมควรหล่อนจึงเปิดเปลือกตาขึ้นเพื่อมองภาพเหตุการณ์ตรงหน้าให้ชัดๆ อีกครั้ง
ทว่า...
ก็ต้องประจักษ์รู้ว่าตัวเองโชคดีเพียงใดที่มีอัศวินขี่ม้าขาวเข้ามาช่วย ฝ่ามือของชายระยำที่หล่อนเรียกยังค้างอยู่ในท่านั้น หากแต่มันถูกหยุดยั้งไม่ให้เหวี่ยงตวัดไว้ด้วยท่อนแขนกำยำของชายอีกคนที่หล่อนคุ้นตา
“คุณกฤตกร?” จรรย์อมรครางชื่อเขาออกมาด้วยสามัญสำนึก
ใบหน้าของเขาตอนนี้จริงจังมาก... มากเสียจนหล่อนเองก็รู้สึกเกร็งไปด้วย ไม่เหลือเค้าความอบอุ่นในนาทีนี้อีกเลย
“คิดจะตบผู้หญิง เป็นตุ๊ดเหรอวะ?” เสียงเข้มเปิดปากถามคู่กรณี สายตาของเขาแสดงออกถึงความสมเพช
อีกฝ่ายหันมองแต่แล้วก็ต้องหน้าถอดสี เอ่ยเรียกชื่อมือที่สามอย่างหวาดหวั่น “คุณกร!” ก่อนจะรีบสะบัดข้อมือออกจากมือหนาที่บีบแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน เขาลูบข้อมือตัวเองป้อยๆ ด้วยความเจ็บ เห็นชัดเจนเป็นรอยห้านิ้ว
“ฉันอุตส่าห์เชิญนายมา แต่ถ้าคิดจะทำอะไรแบบนี้ในที่ของฉัน ก็อย่ามาเหยียบที่นี่อีก!” เจ้าของเสียงเข้มออกคำสั่งเสียงดัง
อีกฝ่ายพยักหน้าหงึกหงักรับรู้ก่อนจะออกตัวถอยห่างหนีไปโดยเร็ว
กฤตกรหันกลับมาที่จรรย์อมร หล่อนไม่ได้มีทีท่าหวาดผวาขวัญเสียเลยสักนิด ใบหน้าเฉยเมยของหล่อนดูเหมือนกับคนที่กำลังซังกะตายมากกว่า
“คุณเป็นอะไรรึเปล่าครับ?” เขาถามหล่อน
หญิงสาวส่ายหน้า “ลุ้นนิดหน่อยค่ะ” หล่อนตอบ น้ำเสียงทีเล่นทีจริง
“ต้องขอโทษด้วยนะครับที่มาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เอาเป็นว่าผมจะรับรองคุณอย่างดีเป็นการปลอบขวัญก็แล้วกันนะครับ”
จรรย์อมรยิ้มขันกับข้อเสนอของเขา เพราะคำว่า ‘ปลอบขวัญ’ เป็นเหตุ หล่อนดูเหมือนกระต่ายน้อยที่ตัวสั่นระริกด้วยความหวาดกลัวตอนอยู่ตรงหน้าหมาป่าผู้หิวโหยงั้นหรือ?
“ที่นี่เป็นของคุณหรือคะ?” หล่อนถาม
“ใช่ครับ เปิดมาได้สามปีแล้วละ ไว้เลี้ยงฉลองในหมู่เพื่อนๆ แต่ตอนไปอยู่อังกฤษก็ให้พี่ชายมาช่วยดูแลแทน”
หญิงสาวผงกศีรษะน้อยๆ เพื่อแสดงออกว่ารับรู้
“เชิญด้านในก่อนสิครับ ผมจะพาคุณไปพักผ่อนในที่ส่วนตัว รับรองคุณต้องชอบ”
“ไม่ล่ะค่ะ ฉันอยากกลับแล้ว”
“งั้นเหรอครับ?” กฤตกรมีสีหน้าผิดหวัง
“ไว้โอกาสหน้าก็แล้วกันนะคะ” หล่อนบอกแล้วก็ค้อมศีรษะให้เล็กน้อยก่อนจะขยับเท้าแยกตัวออกมา
เมื่อนึกได้ชายหนุ่มจึงวิ่งตามหลังมา “เดี๋ยวก่อนครับ” เขาร้องบอก
จรรย์อมรหมุนคอชำเลืองมอง “โอ ฉันคงลืมขอบคุณคุณสินะคะ เอาเป็นว่าฉันขอบคุณมากค่ะ ที่มาช่วยชีวิตฉัน”
“ไม่ใช่ครับไม่ใช่ ผมแค่เอ่อ...”
“อะไรคะ?” หล่อนหมุนตัวกลับมามองเขาให้เต็มตัวเต็มตาอย่างสนใจ
“ผมขอไปส่งคุณกลับบ้านได้มั้ยครับ?”
ยิ่งสร้างความประหลาดใจให้กับจรรย์อมรขึ้นไปอีก หล่อนผุดยิ้มออกมาอีกครั้งด้วยนึกขัน ใบหน้าเก้อเขินของเขาดูน่ารักไม่เบา หากเป็นอย่างนี้ก็เข้าทางมีหรือหล่อนจะปฏิเสธลงง่ายๆ
จรรย์อมรพยักหน้าตอบตกลง แสร้งปั้นหน้าเหมือนไม่ค่อยจะต้องการมันเท่าไรนัก ชายหนุ่มฉีกยิ้มกว้างอย่างพอใจก่อนจะเดินนำไปยังรถยนต์คันหรูซึ่งจอดอยู่ไม่ไกล ขณะที่ปารมีก็ได้แต่เกาหัวแกรกมองเพื่อนสาวคนสวยขึ้นรถไปกับชายหนุ่มรูปงามสองต่อสองทิ้งให้หล่อนยืนตั้งคำถามถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ตามลำพัง
...นั่นคุณกฤตกรน้องชายคุณพจน์ไม่ใช่เหรอ? ทำไมจรรย์อมลถึงได้... หรือว่า...
“หมอนั่นเป็นเพื่อนรุ่นน้องผมเองครับ” กฤตกรเปรยขึ้น
“งั้นเหรอคะ”
“ตั้งแต่ไปอยู่อังกฤษก็ไม่ได้ติดต่อกัน จนกระทั่งกลับมาก็เลยนัดรวมพลคนรู้จักซักหน่อย ไม่คิดว่ามันจะทำอย่างนี้กับคุณ”
“ช่างเถอะค่ะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว” สีหน้าของหล่อนชัดเจนว่าไม่ติดใจ
“ที่จริง... ถ้าคุณยังอยู่ต่อ ผมจะได้แนะนำให้รู้จักกับพี่ชายผม”
“คุณกฤตพจน์น่ะหรือคะ” หล่อนเผลอตอบกลับโดยไม่ผ่านการกลั่นกรองจากสมอง ก่อนจะรู้ตัวแล้วรีบงับปากลงโดยพลัน
“คุณรู้จัก?” ชายหนุ่มละสายตาจากเส้นทางเบื้องหน้าหันมาชำเลืองถาม
จรรย์อมรสั่นหน้ารัว “ก็ไม่ได้เป็นการส่วนตัวหรอกค่ะ ก็แหม... ตระกูลโชติอนันต์ของคุณน่ะโด่งดังขนาดนี้”
“แสดงว่าคุณก็สนใจเรางั้นเหรอ?” ถามกลับพร้อมแววตาหยาดเยิ้มเจ้าเล่ห์
หญิงสาวยักไหล่ “แน่นอนสิคะ ผู้หญิงคนไหนก็อยากเป็นสะใภ้ตระกูลนี้ทั้งนั้น ก็ลูกชายทั้งสองคนออกจะเพอร์เฟ็กต์”
กฤตกรลอบยิ้ม “ผู้หญิงคนไหน... รวมถึงผู้หญิงคนนี้ที่นั่งอยู่ข้างผมด้วยรึเปล่า?”
แทนที่คนถูกถามจะเลือดฉีดพุ่งพล่านขึ้นบนใบหน้า หล่อนกลับชำเลืองมองคู่สนทนาด้วยสายตาอันยากจะคาดเดา มันแฝงมาพร้อมกับประกายวาววับพราวระยับความเย้ายวน
“ฉันก็ผู้หญิงธรรมดาคนนึง... ไม่ได้วิเศษมาจากไหนนี่คะ”
“ไม่ครับ...” ชายหนุ่มสวนกลับทันควัน “คุณไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา คุณไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่น” จ้องประกายตาคู่นั้นไม่กระพริบราวกับตกอยู่ในมนต์สะกด
“หมายความว่ายังไงคะ?”
“คุณ... คือผู้หญิงในแบบของผม”
จรรย์อมรเหยียดยิ้ม เลื่อนสายตาจากใบหน้าคมสันของเขามองออกไปผ่านกระจกด้านข้าง “ถ้าคุณยังจ้องฉันอยู่แบบนี้ บางทีเราอาจจะไปไม่ถึงที่หมาย” หล่อนว่าพร้อมยกสองแขนขึ้นกอดอก
ตวัดหน้าหันกลับไปมองถนนอย่างรวดเร็วเมื่อประมวลความหมายของหญิงสาวสำเร็จ “เอ่อ ถ้างั้นช่วยบอกทางไปบ้านคุณด้วยนะครับ”
“ฉันอยู่คอนโดค่ะ แต่ยังไม่อยากกลับ ช่วยพาฉันไปนั่งฟังเพลงที่อื่นต่อได้มั้ยคะ”
“ได้สิครับถ้าคุณต้องการ”
ครั้นเมื่อได้เจอหน้าหัวใจชายก็สั่นไหวอีกครั้ง แม้จะเป็นฝ่ายปฏิเสธแต่ก็ใช่ว่าเยื่อใยจะไม่มีเหลือ หล่อนรักเขา เขาเองก็ใช่ว่าจะไม่เคยมีหล่อนอยู่ในหัวใจเลยเช่นกัน หากแต่คงเป็นเรื่องปกติของความรัก อยู่กันนานวันเข้าย่อมมีเบื่อมีหน่ายเป็นเรื่องธรรมดา โดยเฉพาะคนหนุ่มอย่างเขาด้วยแล้ว ยังไม่พร้อมที่จะต้องใช้ชีวิตคู่กับใครอย่างจริงจัง เรื่องอนาคตมันยังอีกนานแสนนานจะต้องใช้ชีวิตอย่างสมวัยให้คุ้มค่าเสียก่อน
ซึ่งผู้หญิงหลายคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของกฤตพจน์ เขาอดยอมรับไม่ได้ว่าจรรย์อมลคือคนที่เขารักมากที่สุด เธอเข้ามาจับจองพื้นที่ในหัวใจของเขามากที่สุด เธออยู่ในความทรงจำของเขามากที่สุด เธอมีเสน่ห์ดึงดูดที่ไม่เหมือนใคร แม้เธอจะใช้ชีวิตคู่อยู่กับเขาได้นานที่สุดก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะความเบื่อง่ายหน่ายเร็วของเขาได้เลย
...เธอมีคนใหม่แล้วจริงๆ เหรอ...
...เธอไม่ต้องการเขาแล้วจริงๆ เหรอ...
เพราะช่วงเวลาหนึ่งที่ขาดเธอทำให้เขาเริ่มถวิลหา เพราะคิดว่าจะต้องสูญเสียเธอไปก็เริ่มรู้สึกเสียดาย
...ไม่เคยเป็นมาก่อน...
เขาคงจะรักเธอมากมายจริงๆ หากได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งคงจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีไม่น้อย
...แต่กับเด็กในท้องนั่น เธอไปเอามันออกแล้วจริงๆ งั้นเหรอ...
“มลไม่มีทางใจร้ายแบบนั้นหรอก” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองแล้วยกแก้วเหล้าขึ้นกระดกรวดเดียวหมด
ภายในห้องพักผ่อนส่วนตัวปิดกั้นจากสิ่งเร้าภายนอกที่ชั้นลอยของไนต์คลับ เขานั่งเหม่อมองไปเบื้องหน้าไม่สำคัญจะจับจ้องไปที่วัตถุใด ภาพของผู้หญิงคนนั้นเริ่มกลับเข้ามาวนเวียนให้ทรมานใจไม่ขาดสาย
ขวดเครื่องดื่มต่างขนาด ต่างสีสัน ต่างรูปทรงวางตั้งเรียงรายอยู่บนโต๊ะเคียงข้างกับแก้วเปล่าทรงสวยและจานกับแกล้มรูปทรงโมเดิร์นทันสมัย ถัดไปคือศีรษะของชายคนหนึ่งที่นอนฟุบไม่ได้สติอยู่ใกล้ๆ กัน
จรรย์อมรถอนใจเฮือกกับภาพที่เห็น วินาทีต่อมาก็อดกลั้นหัวเราะไม่ได้ จ้องมองภาพที่เขาแนบหน้าไปบนโต๊ะอย่างนึกเอ็นดู
...ไม่คิดว่าจะลงเอยแบบนี้...
“คุณกรคะ...”
“คร้าบ...” สติยังพอมีหลงเหลือให้ร้องขาน รับรู้เสียงกระตุ้นจากคนข้างกายแม้จะริบหรี่มากก็ตาม
ตั้งใจว่าจะเป็นฝ่ายสลบไสลเองแท้ๆ คิดแล้วก็ขำ ดื่มไปจำนวนพอๆ กัน หล่อนกับแค่มึนๆ แต่อีกฝ่ายก็อย่างที่เห็น แล้วอย่างนี้จะไหวไหมเนี่ย
“คุณกรคะ ไหวรึเปล่าคะ?”
ชายหนุ่มพยักหน้าตอบพร้อมเสียงครางทั้งที่ตายังปิดอยู่
“ฉันต้องกลับแล้วค่ะ คุณลุกขึ้นสิคะ”
กฤตกรพยักหน้าอีกครั้งแล้วโซซัดโซเซยันตัวเองให้ลุกขึ้น จรรย์อมรรีบเข้าไปช่วยพยุงปีก
“แย่จังเลยนะครับ ทำไมผมถึงได้เมาขนาดนี้เนี่ย” ร้องตำหนิตัวเองยานคาง
“ยังไงซะ คุณคงขับรถไม่ไหวแน่ๆ ขอกุญแจรถให้ฉันด้วยค่ะ”
เห็นจะไม่ไหวแน่แล้ว หญิงสาวยื่นมือไปตรงหน้า ชายหนุ่มเก้กังๆ ล้วงมือควานหาในกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้างก่อนจะส่งมันให้หล่อน
ร่างปวกเปียกของกฤตกรถูกนำมาปล่อยให้นอนผึ่งไว้ที่เบาะด้านข้างคนขับในรถของตัวเอง จรรย์อมรเร่งเครื่องแล้วขยับปากถามคนข้างๆ
“จะให้ฉันไปส่งที่ไหนคะ?”
“...”
เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบจึงหันไปมองก็พบว่าเขาหลับไปแล้ว ทางเดียวที่มิอาจปฏิเสธได้ก็คงต้องพาเขากลับไปยังคอนโดมิเนียมของหล่อนด้วย ซึ่งจะว่าไปแล้วนี่คือสิ่งที่หล่อนต้องการ...
แม้ว่าจะพอมีสติรู้ตัวก้าวเดินเองได้ แต่ก็ตุปัดตุเป๋จนต้องช่วยหิ้วพยุงปีก หล่อนเสียพลังงานไปมากทีเดียวเพราะตัวเขาออกสูงใหญ่ปานนั้น
มาถึงที่โซฟาก็เกิดหมดแรง หนำซ้ำยังไปพลาดพันแข้งพันขากันจนหล่อนล้มพับลงไป วินาทีเดียวกันกับที่ร่างสูงก็ร่วงตาม
ราวกับตั้งใจ...
ริมฝีปากของทั้งคู่วางประกบทับซ้อนกัน นิ่งไปอย่างนั้นนานนับนาที กฤตกรรู้ตัวแต่สมองก็ไม่สั่งการใดๆ เสียที ดวงตาของทั้งคู่จ้องสบกันอย่างตกใจ จรรย์อมรก็คล้ายจะยินดีให้เป็นอย่างนั้น
จากประกายแห่งความตื่นตะลึงหล่อนค่อยๆ ปิดเปลือกตาลงช้าๆ รอรับการดูดดื่มจากอีกฝ่าย เมื่อไม่มีท่าทีต่อต้าน ชายหนุ่มจึงแทรกลิ้นสอดเข้าไปยังริมฝีปากที่เผยอแย้มน้อยๆ ของหญิงสาว หล่อนตวัดต้อนรับโดยพลัน
กฤตกรหลุดจากอาการงัวเงียเป็นปลิดทิ้ง ใจเต้นรัวจากกองไฟที่ค่อยๆ ลุกโชน ไม่อยากปฏิเสธมันเลย... เขาปรารถนาเวลานี้มานานอย่างที่ไม่อาจจะยอมรับได้ ลมหายใจอุ่นๆ ของเขาพวยพุ่งผสมกับของหล่อนอย่างรุนแรง ออกมาพร้อมกับเสียงครางแห่งความพึงพอใจในความชุ่มฉ่ำของกันและกัน
อีกเดี๋ยว จรรย์อมรก็หยุดลงเสียดื้อๆ “คุณกรคะ...” เสียงกระเส่าค้าง หากต้องเริ่มต้นกันจริงๆ มันต้องไม่ใช่สภาพนี้
ชะงักงันและกลับมามีสีหน้าตื่นตระหนกอีกครั้งเมื่อนึกขึ้นได้ กฤตกรถอนริมฝีปากออกจากหล่อน ดวงตาเร่าร้อนนั้นอาบไปด้วยความรู้สึกผิดเข้ามาแทนที่
“ผมขอโทษครับคุณมล” ว่าแล้วก็กระตุกตัวเองขึ้น ทิ้งตัวลงนั่งที่พื้นพร้อมยกสองมือขึ้นลูบหน้าพลางถอนหายใจให้กับความผิดพลาด “ผมขอตัวไปล้างหน้าก่อนนะครับ” เขาบอก แล้วลุกขึ้นเดินหายไป จรรย์อมรมองตามแล้วก็แค่นหัวเราะ
ไม่ถึงห้านาทีกฤตกรก็กลับออกมาพร้อมใบหน้าจนถึงสาบเสื้อช่วงหน้าอกเปียกชุ่ม จรรย์อมรถือผ้าเช็ดหน้าขนนุ่มคอยอยู่ที่หน้าห้องน้ำ เขายิ้มแหยๆ แล้วเอื้อมมือรับมันไปจากหล่อน
“ผมคงต้องกลับแล้ว” เขาบอก
“จะไหวหรือคะ คุณยังไม่สร่างเมาดีนะ”
“ก็น่าจะดีกว่าก่อนหน้านี้”
“หมายถึงก่อนที่เราจะจูบกันน่ะเหรอคะ” หล่อนแกล้งแหย่ ได้ผลชะงัด ชายหนุ่มหน้าแดงเข้มขึ้นไปอีก แสดงอาการประหม่าจนหล่อนต้องเข้าไปสัมผัสที่แผงอกของเขาเพื่อสร้างสัมผัสอันคุ้นชิน “จะอันตรายนะคะ ถ้าคุณกลับไปตอนนี้” หล่อนว่า
“แต่...”
“ทำสีหน้าแบบนี้ ไม่สมกับเป็นคุณเลยนะคะ”
กฤตกรก้มหน้าสบตากับหล่อนอย่างไม่เข้าใจ
“ฉันไม่เชื่อหรอกค่ะ ว่าคุณจะตื่นเต้นกับเรื่องแบบนี้” นิ้วเรียวยาวค่อยๆ ไล่ระดับสูงขึ้นไปทีละน้อย ฝ่ามือของหล่อนคลอเคลียอยู่ที่ข้างแก้มเขา ได้รับสัมผัสหยาบกร้านจากตอเตียนๆ ของเคราหนวดบริเวณผิวคางจนถึงช่วงลำคอ “รบกวนอะไรคุณอย่างได้มั้ยคะ?”
“ได้สิครับ”
“ช่วยรูดซิปด้านหลังลงให้ฉันที” บอกแล้วก็หมุนตัวหันหลังให้พร้อมกับรวบผมไปข้างหน้า
กฤตกรกลืนก้อนน้ำลายลงคอ จ้องมองช่วงต้นคอขาวเนียนของหล่อน ก่อนจะยกมือขึ้นเลื่อนซิปลงให้หล่อน เลี่อนลง... เลื่อนลง... ผิวสวยๆ ถูกอวดโฉมทีละนิดทีละน้อยจากรอยแยกของชุดเดรสสีดำ หากเมื่อจวนจะถึงบั้นท้าย หล่อนก็ร้องบอกให้หยุด
“ขอบคุณค่ะ” บอกแล้วก็เดินหายเข้าไปในห้องนอน ก่อนจะกลับออกมาอีกครั้งในชุดกระโจมอกจากผ้าขนหนูตัวจิ๋ว หล่อนประจันหน้ากับเขาที่หน้าห้องน้ำ “ฉันจะเข้าไปอาบน้ำเดี๋ยวนะคะ เชิญคุณตามสบาย”
ชายหนุ่มพยักหน้ารับรู้ แล้วยกเท้าเตรียมก้าวกลับไปที่โซฟา แต่ก็ต้องชะงักชักเท้ากลับเพราะคำพูดอันท้าทายของหล่อน
“แต่ถ้าคุณจะ... ช่วยถูหลังให้ฉัน ก็จะถือเป็นพระคุณค่ะ”
เท่านั้นเองที่กฤตกรหมุนตัวกลับอย่างรวดเร็ว เขาไม่อาจสะกดกลั้นความต้องการนี้ไว้ได้อีกแล้ว เขาพันธนาการร่างกายของหล่อนด้วยแผงอกและโอบกอดของตัวเอง ทั้งยังซุกไซ้ใบหน้าลงที่ซอกคอหล่อน
“ปล่อยฉันค่ะ ฉันจะอาบน้ำ” จรรย์อมรแสร้งร้อง
“ไม่ใช่เวลานี้... ผมฝืนมันต่อไปไม่ได้แล้ว ไม่ใช่ความผิดของผม เป็นเพราะคุณ เพราะคุณคนเดียว...” เสียงเข้มกรอดรอดไรฟัน ลมหายใจของเขาติดขัดจนน้ำเสียงแผ่วเบา
จรรย์อมรตัวบิดเกลียวด้วยความซาบซ่านจากขนหนามที่ใต้คางของเขา กระโจมอกที่นุ่งไว้อย่างหลวมๆ ล่วงไปกองกับพื้นอย่างไม่ต้องสงสัย ร่างบางของหล่อนถูกร่างกำยำเบียดดันจนไปแนบชิดติดข้างฝาผนัง หล่อนกำลังถูกจู่โจมอย่างรุนแรง
เขาเลื่อนใบหน้าขึ้นมาประกบปากบดขยี้แลกรักกับหล่อนอย่างดุเดือด จรรย์อมรไม่ใช่พวกมือสมัครเล่นอ่อนหัด หล่อนตอบโต้ตวัดเกลียวสวาทอย่างชำนาญ
มือหนาโอบเค้นอูมเนื้อเต่งตึงราวกับจะให้มันแตกคามือ หล่อนยิ่งรู้สึกเร่าร้อนเมื่อเขาเลื่อนริมฝีปากลงมาทีละนิด จุมพิตไล่ระดับลงมาอย่างใจเย็น ก่อนจะละเลงรัวที่ยอดปทุมถันจนหญิงสาวร้องครางเสียงกังวาน
ในใจของหล่อนกระหยิ่มยิ้มย่อง
...มันเริ่มต้นขึ้นแล้ว... มันเป็นไปแล้วอย่างน่าจดจำ...
จากเนินอกโต ลิ้นปลาทองของเขายังคงอยู่ไม่สุข มันแหวกว่ายซุกซนลงมาเรื่อยๆ ลงมายังหน้าท้องเนียนเรียบ... ลงมายังสะดือ... ลงมาต่ำกว่านั้น...
จรรย์อมรลุ้นระทึกในชั่ววินาทีถัดมา แล้วแผดเสียงร้องครางออกมาดังกว่าเดิม เมื่อที่ตรงนั้นของหล่อน... เจ้าปลาทองน้อยตัวนั้นกำลังดำผุดดำว่ายซอกซอนอยู่ในปะการังใต้มหาสมุทรลึก
...มันซนเหลือเกิน...
“ชอบมั้ย? คุณชอบมันมั้ย?”
เสียงถามกระเส่าดังมาจากเบื้องล่าง หล่อนพยักหน้าหงึกหงักพร้อมเสียงครางไม่ขาดปาก ในใจพร่ำขอร้องไม่ให้เขาหยุด แต่ก็ตกอยู่ในห้วงภวังค์ลึกจนไม่สามารถปริปากให้มันลอดผ่านลำคอออกมาได้
ก่อนที่ในหัวจะขาวโพลน จรรย์อมรผละตัวเองออกแล้วกดเขาให้นอนราบลงไปกับพื้น กางเกงแสล็คสีดำเข้ารูปที่เขาสวมอยู่ มันอวบนูนขึ้นมาเฉพาะส่วนจนสะดุดตา
“ถึงคราวฉันบ้างล่ะ” หล่อนว่า แล้วแนบลำตัวเปลือยเปล่าทับลงไปบนร่างแข็งแรงของเขา บดขยี้ริมฝีปากอีกครั้งเพื่อเป็นการเริ่มต้น ก่อนจะกระตุกกระดุมเสื้อเชิ้ตออกอย่างร้อนรอน แผงกล้ามหน้าอกของเขาแน่นตึง ใช้วิธีเดียวกัน หล่อนจุมพิตไล่ระดับลงมา ขณะที่มือข้างหนึ่งก็เค้าคลึงตรงส่วนนั้น
หล่อนปลดหัวเข็มขัดออก ปลดตะขอ เลื่อนซิปลง เพื่อให้ความอลังการของเขาได้อวดโฉม เมื่อกางเกงชั้นในถูกเลิกออก มันก็ผงาดขึ้นเต็มตาหล่อน
...วิเศษ... ยอดเยี่ยมมาก...
กฤตกรนอนครางอ้าค้างอย่างเปี่ยมสุข ลีลาของหล่อนเป็นไปตามที่เขาคาดไว้ทุกประการ อย่างนี้สิถึงจะคู่ควรกับเขา ไม่ต้องคอยเริ่มต้นสอนให้ยุ่งยาก เราจะต้องไปด้วยกัน และพร้อมๆ กัน...
สำหรับจรรย์อมร ความสุขที่หล่อนมอบให้เขาในวันนี้ จะกลายเป็นหนามแหลมคมที่ทิ่มแทงเขาจนปางตาย... มันคือจุดเริ่มต้นของหายนะชัดๆ โชคร้าย ที่เขาดันเกิดเป็นน้องชายของไอ้สารเลวนั่น...
ชายหนุ่มยันตัวเองลุกขึ้น แล้วอุ้มร่างบางไปวางไว้บนโซฟาอย่างนุ่มนวล เขาก้มลงจุมพิตที่หน้าผากของหล่อนอย่างแผ่วเบา
“คุณพร้อมรึยัง?”
“ฉันรอมันนานแล้ว...”
ได้ยินดังนั้นก็จัดแจงถอดกางเกงที่ยังพันแข้งพันขาออกจนหมด “ผมจะไม่ทำร้ายคุณ...”
เมื่อทุกอย่างได้ที่แล้ว หล่อนก็เปิดโล่งอ้าขารอการแทรกใส่ เขาค่อยๆ เข้ามาอย่างช้าๆ และนุ่มนวล กระเถิบเข้าจนถนัดถนี่และเป็นหนึ่งเดียวกัน
จรรย์อมรระบายความรู้สึกผ่านลมร้อนที่ออกมาจากริมฝีปากบางในวินาทีแรกที่เขาก้าวผ่านเข้ามาในตัวหล่อน ตระหนักรู้ถึงสัมผัสแนบชิดและการผสมผสานกันอย่างแนบแน่น
บั้นเอวกำยำค่อยๆ เคลื่อนไหวพร้อมเสียงร้องของทั้งคู่ประสานเป็นหนึ่ง เป็นจังหวะเนิบนาบอย่างที่เหมาะที่ควร
อย่างพร้อมๆ กัน โดยมีเขาเป็นผู้ขับเคลื่อน...
“คุณโอเคใช่มั้ย?” เสียงทุ้มเอ่ยถามพร้อมลมหายใจถี่ สันกรามของเขาขบกันแน่นจนเห็นรอยนูน
จรรย์อมรพยักหน้าแล้วรวบมือเขาเข้ามาประสานด้วย
มันไม่ได้มาพร้อมกับความเจ็บปวด หากแต่เริ่มต้นอย่างร้อนแรงเพื่อปลุกเร้าและกำลังเป็นไปอย่างละมุนละไม ผู้ชายคนนี้กำลังถ่ายทอดความอบอุ่นให้กับหล่อน ความอิ่มเอมในใจที่หาได้ยากเหลือเกิน ถึงกระนั้นก็ต้องพึงระลึกไว้ว่า มันคือสิ่งจอมปลอม...
หล่อนจะหลงรักเขาไม่ได้ ก็แค่ชั่วระยะเวลาสั้นๆ ของความสุข สุดท้ายแล้ว มันก็จะต้องจบลงด้วยโศกนาฏกรรมอย่างที่หล่อนต้องการ...
**********
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ