อย่าด่วนรักพิศวาส
7.2
7)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ วันรุ่งขึ้น จิรฐาตื่นนอนแต่เช้าเพื่อไปสมัครงานที่ชาลินีให้ไว้ เขาบรรจงแต่งตัวอย่างประณีต และเมื่อเสร็จแล้ว ก็พูดกับกระจกว่า
"อ่ะแฮ่มม ดูดีเป็นบ้า" และเขาก็เดินออกจากห้องไป
เมื่อมาถึงโรงพิมพ์ที่ชาลินีให้กับเขาไว้ เขาเดินไปที่ห้องประชาสัมพันธ์ เพื่อมาสมัครงานกับที่โรงพิมพ์แห่งนี้ เมื่อเจอฝ่ายประชาสัมพันธ์ เขาจึงมาสอบถามเรื่องสมัครงานที่นี่
"ขอโทษนะครับ รับสมัครงานที่นี่ใช่มั้ยครับ" เจ้าหน้าที่ก็ตอบเสียงใสว่า
"สักครู่นะคะ เดี๋ยวจะหาใบสมัครมาให้ค่ะ" และเจ้าหน้าที่ก็หายไปไม่กี่นาที ในที่สุดก็ได้ใบสมัคร "เรียบร้อยแล้วค่ะ"
"ขอบคุณครับ" ก่อนที่เขาจะไป พนักงานบอกเขาอีกว่า
"คุณคะ ส่งใบสมัครที่ห้องฝ่ายบุคคลนะคะ"
"ขอบคุณครับ" และเขาก็เข้าห้องฝ่ายบุคคลไป
จิรฐากรอกใบสมัคร และเตรียมหลักฐานจนครบ เขาจึงไปส่งให้กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคล
"สอบสัมภาษณ์พรุ่งนี้นะคะ ตามสูจิบัตร" เธอก็ยื่นสูจิบัตรให้แก่เขา
"ขอบคุณมากครับ" และเขาก็เดินกลับไป
จิรฐาแวะไปที่ร้านอาหารชิลล์ๆ ตามคำขอร้องของไปรเวท ว่าเหงาหรืออย่างไรไม่ทราบ เมื่อเขามาถึงโต๊ะของไปรเวท เขาก็นั่งพร้อมกับตีนเป็ดที่ไปรเวทยัดเยียดเข้าปากของเขา
"อาเจ้ย" (บังคับ)งาบเข้าให้ จิรฐาปฏิเสธ
"เฮ้ย ไม่เอาน่าอาเปา อั๊วยังไม่หิว" ไปรเวทไม่ยอม พูดขึ้นว่า
"ม่ายเอาน่า ลื้อเพิ่งกักมาเหนื่อยๆอ่า กิงๆนี่มา แปะก๊วยๆอ่ะ"
"ไม่กิน ไม่หิว" จิรฐาพยายามบ่ายเบี่ยง จังหวะที่กำลังบ่ายเบี่ยงอยู่นั้น เขมินทร์ก็มาที่โต๊ะพอดี
"อ้าว เจ้ย เป็นไงได้งานยัง" จิรฐาผลักหัวของไปรเวทออก
"ยังอ่ะ"
"ทำไมล่ะ"
"รอสอบสัมภาษณ์งานก่อน" เขมินทร์หัวเราะ
"รุ่นนี้ยังจะรอสอบอีกเหรอวะ ฮะๆๆๆ ขำเป็นบ้าว่ะ แว้กกก" ตีนเป็ดไปอยู่ในปากของเขมินทร์เรียบร้อย เขมิทนร์กินตีนเป็ดให้หมด แล้วจึงต่อว่าไปรเวท
"ไอ้เปา ลื้อมันบ้าไปแล้ว อั๊วกำลังคุยธุระกับเจ้ยอยู่ ไอ้นี่นี่"
"อ่ะๆ กิงปายน่า กิงปาย เดี๋ยวจาผองเอา น่า" จิรฐาหัวเราะ
"เออๆ เดี๋ยวกินแล้วกัน กำลังหิวพอดี"
"ลีๆ จาล่ายหายเคียก" เขมินทร์ย้อน เบาๆ
"จะเครียดเพราะมึงนี่แหละ" ทั้ง 3 กินข้าวในร้านกันอย่างเงียบๆ ไม่เงียบบ้าง
ชลชาติกลับบ้านมาเหนื่อยๆ จากที่ทำงาน ประมาณทุ่มครึ่ง บ้านของเขาเป็นบ้านเจ้าสัวใหญ่ ซึ่งเป็นบ้านตระกูลคนจีนที่ขยันทำมาหากิน และลูกหลานตระหนักดีว่าต้องทำมาหากินต่อไป แต่เขาไม่อยากกลับบ้านเลย เพราะอาป๊าอาม้าของเขา ช่างหาสะใภ้ให้เขาเหลือเกิน
"อาเช็ง ลื้อกลับมาก็ดีแล้ว" อาม้ารั้งตัวเขาไว้
"อาม้าครับ ผมจะนอนแล้วนะครับ ผมไม่มีเวลามานั่งดูสะใภ้หรอกฮะ" แทนที่เขาจะได้ขึ้นไป อาม้าเขารั้งตัวเขาไว้
"ม่ายล่ายๆ ลื้อต้องไปดู มานี่" อาม้าของเขาลากแขนเขาไป
"อาม้า ค่อยๆ"
อาม้าของเขาลากเขาเข้ามาที่ห้องรับประทานอาหาร เขาต้องจำใจนั่งดูหน้าว่าที่สะใภ้ของเขา ทั้งๆที่ตัวเขาสะอิดสะเีอียนเต็มทน อาม้าแนะนำลูกชายให้ครอบครัวฝ่ายหญิงรู้จัก
"นี่ค่ะ อาเช็ง เจ้าของชลชาติ รีสอร์ทค่ะ ว่างๆแวะมาพักที่นี่ได้นะคะ" เขาทักทายตามมารยาท "นี่ อาเช็ง อาเหม่ยหลิว ลูกสาวคุณประสงค์เค้าน้า" เธอก็ไหว้เขา เขาไม่เต็มใจรับเท่าไหร่ หลังจากที่กับข้าวมาเต็มโต๊ะ อาป๊าก็เชิญทุกคนทานอาหาร
"ขอเชิญทุกคนทานอาหารนะครับ" ชลชาติพะอืดพะอมที่จะกินข้าว เพราะต้องทนฟังอาม้าคอยนั่งชมว่าที่สะใภ้ไม่ขาดปาก
"อาเหม่ยหลิว สวยไม่มีที่ติจริงๆ" ชลชาติพึมพำเบาๆ
"สวยไร้สติน่ะสิไม่ว่า" ทุกคนหันมามองหน้าชลชาติ ชลชาติรีบแก้ตัวพัลวัน "อ้อ เปล่าฮะ ผมหมายถึงว่าน้องเค้าเนี่ย ซวย เอ้ย สวยไม่มีที่ติจริงๆครับ" ทุกคนสบายใจเป็นกอง
"อาเหม่ยหลิวนี่ กิริยามารยาทงาม" ชลชาติพึมพำอีก
"กิริยามารยาททราม" ทุกคนมามองอีกเหมือนกัน เขาต้องแก้ตัวอีกแล้ว "เอ๊าะออ หมายถึง กิริยามารยาทงามครับ" ทุกคนก็กลับไปยิ้มเช่นเดิม
"อาเหม่ยหลิวเนี่ย น่ารักจริงๆ" ชลชาติขำก๊าก
"น่ารักษาจริงๆ ฮะๆๆๆๆ" ทุกคนก็มองชลชาติเป็นตาเดียวกันอีกแล้ว ชลชาติต้องชะงักขำทันที "อ๋อ หมายถึง น่ารักษา น่าทะนุถถนอมอ่ะครับ" ทุกคนก็ยิ้มอีกรอบ
"อาเหม่ยหลิว นี่ น่า...." ชลชาติขำอีกแล้ว
"สมเพชเวทนานะครับเนี่ย ฮะๆๆๆๆๆ" ทุกคนมองอีกแล้ว คราวนี้ชลชาติถึงกับขำไม่ออก จนอาป๊าฝ่ายหญิงบอกว่า
"อั๊วไม่เอาไอ้นี่มาเป็นเขยเด็ดขาด ถ้ายังอยู่ต่อ อีกหน่อยมันคงจะหลอกด่าอั๊ว อั๊วกลับดีกว่า อั๊วไม่มาที่นี่อีกแล้ว" ครอบครัวฝ่ายหญิงลุกขึ้นหนี
"ว้ายๆๆ ตายแล้ว คุณประสงค์ อั๊วขอโทษแทนลูกค่าาาาา" อาม้าลุกขึ้นไปตามครอบครัวฝ่ายหญิง ส่วนอาป๊าก็ตามไป แต่ชลชาติขำสะใจ จึงไม่ตามไป มองสีหน้าลูกชายด้วยอารมณ์โกรธขึ้ง ชลชาติที่ขำๆอยู่ พอมองสีหน้าอาป๊าของตน ถึงกับสลด
"ลื้อทำแบบนี้ได้ยังไง อาเช็ง!!!" อาป๊าต่อว่าลูกชายขนาดหนัก
"ก็อั๊วไม่ชอบผู้หญิงพวกนี้นี่" ชลชาติใจเย็นมาก
"ลื้อจะบอกอั๊วว่า ลื้อไม่ชอบผู้หญิงที่อาป๊าหามาใช่มั้ย" ชลชาติแทบจะเบื่อกับเหตุการณ์เดิมๆที่ตอกย้ำซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า
"อั๊วหาเองได้ป๊า" ชลชาติพูดเสียงเบา และเดินขึ้นบันไดไปที่ห้อง โดยไม่สนใจอาป๊าของเขา ที่ตะโกนอยู่ข้างล่าง
"อาเช็ง!!! อาเช็ง!!!"
ชลชาติมาถึงห้อง ก็ล็อคประตู โยนกระเป๋าทำงาน ไว้ที่ม้านั่งของห้อง ล้มตัวบนเตียงนอน เขาจับหมอนที่นุชกานดาเคยนอนกับเขา และค่อยๆเลื่อนมือของตนมาจับอกที่เคยให้นุชกานดานอนหนุนอกของเขา เขาค่อยๆลูบอกตนเอง เพราะบนอกของเขา เคยมีนุชกานดาให้เขาลูบผมงามอยู่เป็นประจำ และยังจำคืนที่เขาจูบปากนุชกานดาได้ดี และคำสัญญาที่ว่า 'นุชจะเป็นของคุณทั้งตัวและหัวใจ' และเขากับเธอล้มลงบนเตียงเพื่อร่วมรักกัน เขาพึมพำทั้งน้ำตา
"นุช คุณอยู่ที่ไหนกัน ผมคิดถึง"
บ้านวชิรโชติ วชิรญาณ์กับคุณนายเย็นฤดีกำลังนั่งร้อยพวงมาลัยอยู่ที่หน้าบ้าน เธอถามลูกชายว่า
"คุณวุ่นคะ" เขายิ้มและหันมาทางมารดา
"ครับ คุณแม่" คุณนายเย็นฤดีออกจะเคอะเขิน ที่จะต้องถามเรื่องคนรู้ใจของลูกชาย
"มีแฟนรึยังจ๊ะ" เขายิ้มทันที
"ยังครับ คุณแม่ ผมยังสนุกกับชีวิตโสดอยู่เลยครับ" คนรับใช้คนหนึ่งที่นั่งใกล้ๆกัน บอกว่า
"ถ้าคุณวุ่นยังไม่มีใครเอา เอาแสดได้มั้ยคะ" คุณนายเย็นฤดีถึงกับชะงักในการร้อยพวงมาลัย หันไปดุแม่แสดเสียงเนิ้บๆ
"แม่แสด!!" แม่แสดถึงกับสลด ยิ้มแหยๆ วชิรญาณ์หัวเราะ
"ขอโทษค่ะ คุณดี๊" คุณนายเย็นฤดีร้อยมาลัยต่อ
"แล้วจะมีเมื่อไหร่ล่ะคะ คุณวุ่น ข้างบ้านเค้าชิงมีหลานแล้วนะคะ คุณวุ่นมัวแต่เรื่องมาก พอดีคุณแม่ก็ตายก่อนมีหลาน" วชิรญาณ์หัวเราะกิ๊ก
"อะไรกันครับคุณแม่ คุณแม่ออกจะสาวขนาดนั้น จะตายได้ยังไงครับ" คุณนายเย็นฤดีวางมาลัยลง ลูบผมลูกชายอย่างอ่อนโยน
"ไม่แน่นอนหรอกลูก จะแก่ไม่แก่ก็ตายทุกคน พระพุทธเจ้าบอกเราว่า เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดาโลก ส่วนตัวคุณแม่เอง คุณแม่เห็นว่าคุณวุ่นประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานแล้ว คุณวุ่นน่าจะแต่งงานได้แล้ว" วชิรญาณ์สลดใจทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของมารดา
"ยังหรอกครับคุณแม่ ผมยังไม่ได้เป็นทูตเหมือนคุณพ่อ เอาไว้เป็นทูตเมื่อไหร่ เรื่องหลานจะตามมานะครับ" วชิรญาณ์วางมาลัยลงตามไป และมารดากับลูกก็สวมกอดกันอย่างมีความสุข
โปรดติดตามตอนต่อไป
"อ่ะแฮ่มม ดูดีเป็นบ้า" และเขาก็เดินออกจากห้องไป
เมื่อมาถึงโรงพิมพ์ที่ชาลินีให้กับเขาไว้ เขาเดินไปที่ห้องประชาสัมพันธ์ เพื่อมาสมัครงานกับที่โรงพิมพ์แห่งนี้ เมื่อเจอฝ่ายประชาสัมพันธ์ เขาจึงมาสอบถามเรื่องสมัครงานที่นี่
"ขอโทษนะครับ รับสมัครงานที่นี่ใช่มั้ยครับ" เจ้าหน้าที่ก็ตอบเสียงใสว่า
"สักครู่นะคะ เดี๋ยวจะหาใบสมัครมาให้ค่ะ" และเจ้าหน้าที่ก็หายไปไม่กี่นาที ในที่สุดก็ได้ใบสมัคร "เรียบร้อยแล้วค่ะ"
"ขอบคุณครับ" ก่อนที่เขาจะไป พนักงานบอกเขาอีกว่า
"คุณคะ ส่งใบสมัครที่ห้องฝ่ายบุคคลนะคะ"
"ขอบคุณครับ" และเขาก็เข้าห้องฝ่ายบุคคลไป
จิรฐากรอกใบสมัคร และเตรียมหลักฐานจนครบ เขาจึงไปส่งให้กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคล
"สอบสัมภาษณ์พรุ่งนี้นะคะ ตามสูจิบัตร" เธอก็ยื่นสูจิบัตรให้แก่เขา
"ขอบคุณมากครับ" และเขาก็เดินกลับไป
จิรฐาแวะไปที่ร้านอาหารชิลล์ๆ ตามคำขอร้องของไปรเวท ว่าเหงาหรืออย่างไรไม่ทราบ เมื่อเขามาถึงโต๊ะของไปรเวท เขาก็นั่งพร้อมกับตีนเป็ดที่ไปรเวทยัดเยียดเข้าปากของเขา
"อาเจ้ย" (บังคับ)งาบเข้าให้ จิรฐาปฏิเสธ
"เฮ้ย ไม่เอาน่าอาเปา อั๊วยังไม่หิว" ไปรเวทไม่ยอม พูดขึ้นว่า
"ม่ายเอาน่า ลื้อเพิ่งกักมาเหนื่อยๆอ่า กิงๆนี่มา แปะก๊วยๆอ่ะ"
"ไม่กิน ไม่หิว" จิรฐาพยายามบ่ายเบี่ยง จังหวะที่กำลังบ่ายเบี่ยงอยู่นั้น เขมินทร์ก็มาที่โต๊ะพอดี
"อ้าว เจ้ย เป็นไงได้งานยัง" จิรฐาผลักหัวของไปรเวทออก
"ยังอ่ะ"
"ทำไมล่ะ"
"รอสอบสัมภาษณ์งานก่อน" เขมินทร์หัวเราะ
"รุ่นนี้ยังจะรอสอบอีกเหรอวะ ฮะๆๆๆ ขำเป็นบ้าว่ะ แว้กกก" ตีนเป็ดไปอยู่ในปากของเขมินทร์เรียบร้อย เขมิทนร์กินตีนเป็ดให้หมด แล้วจึงต่อว่าไปรเวท
"ไอ้เปา ลื้อมันบ้าไปแล้ว อั๊วกำลังคุยธุระกับเจ้ยอยู่ ไอ้นี่นี่"
"อ่ะๆ กิงปายน่า กิงปาย เดี๋ยวจาผองเอา น่า" จิรฐาหัวเราะ
"เออๆ เดี๋ยวกินแล้วกัน กำลังหิวพอดี"
"ลีๆ จาล่ายหายเคียก" เขมินทร์ย้อน เบาๆ
"จะเครียดเพราะมึงนี่แหละ" ทั้ง 3 กินข้าวในร้านกันอย่างเงียบๆ ไม่เงียบบ้าง
ชลชาติกลับบ้านมาเหนื่อยๆ จากที่ทำงาน ประมาณทุ่มครึ่ง บ้านของเขาเป็นบ้านเจ้าสัวใหญ่ ซึ่งเป็นบ้านตระกูลคนจีนที่ขยันทำมาหากิน และลูกหลานตระหนักดีว่าต้องทำมาหากินต่อไป แต่เขาไม่อยากกลับบ้านเลย เพราะอาป๊าอาม้าของเขา ช่างหาสะใภ้ให้เขาเหลือเกิน
"อาเช็ง ลื้อกลับมาก็ดีแล้ว" อาม้ารั้งตัวเขาไว้
"อาม้าครับ ผมจะนอนแล้วนะครับ ผมไม่มีเวลามานั่งดูสะใภ้หรอกฮะ" แทนที่เขาจะได้ขึ้นไป อาม้าเขารั้งตัวเขาไว้
"ม่ายล่ายๆ ลื้อต้องไปดู มานี่" อาม้าของเขาลากแขนเขาไป
"อาม้า ค่อยๆ"
อาม้าของเขาลากเขาเข้ามาที่ห้องรับประทานอาหาร เขาต้องจำใจนั่งดูหน้าว่าที่สะใภ้ของเขา ทั้งๆที่ตัวเขาสะอิดสะเีอียนเต็มทน อาม้าแนะนำลูกชายให้ครอบครัวฝ่ายหญิงรู้จัก
"นี่ค่ะ อาเช็ง เจ้าของชลชาติ รีสอร์ทค่ะ ว่างๆแวะมาพักที่นี่ได้นะคะ" เขาทักทายตามมารยาท "นี่ อาเช็ง อาเหม่ยหลิว ลูกสาวคุณประสงค์เค้าน้า" เธอก็ไหว้เขา เขาไม่เต็มใจรับเท่าไหร่ หลังจากที่กับข้าวมาเต็มโต๊ะ อาป๊าก็เชิญทุกคนทานอาหาร
"ขอเชิญทุกคนทานอาหารนะครับ" ชลชาติพะอืดพะอมที่จะกินข้าว เพราะต้องทนฟังอาม้าคอยนั่งชมว่าที่สะใภ้ไม่ขาดปาก
"อาเหม่ยหลิว สวยไม่มีที่ติจริงๆ" ชลชาติพึมพำเบาๆ
"สวยไร้สติน่ะสิไม่ว่า" ทุกคนหันมามองหน้าชลชาติ ชลชาติรีบแก้ตัวพัลวัน "อ้อ เปล่าฮะ ผมหมายถึงว่าน้องเค้าเนี่ย ซวย เอ้ย สวยไม่มีที่ติจริงๆครับ" ทุกคนสบายใจเป็นกอง
"อาเหม่ยหลิวนี่ กิริยามารยาทงาม" ชลชาติพึมพำอีก
"กิริยามารยาททราม" ทุกคนมามองอีกเหมือนกัน เขาต้องแก้ตัวอีกแล้ว "เอ๊าะออ หมายถึง กิริยามารยาทงามครับ" ทุกคนก็กลับไปยิ้มเช่นเดิม
"อาเหม่ยหลิวเนี่ย น่ารักจริงๆ" ชลชาติขำก๊าก
"น่ารักษาจริงๆ ฮะๆๆๆๆ" ทุกคนก็มองชลชาติเป็นตาเดียวกันอีกแล้ว ชลชาติต้องชะงักขำทันที "อ๋อ หมายถึง น่ารักษา น่าทะนุถถนอมอ่ะครับ" ทุกคนก็ยิ้มอีกรอบ
"อาเหม่ยหลิว นี่ น่า...." ชลชาติขำอีกแล้ว
"สมเพชเวทนานะครับเนี่ย ฮะๆๆๆๆๆ" ทุกคนมองอีกแล้ว คราวนี้ชลชาติถึงกับขำไม่ออก จนอาป๊าฝ่ายหญิงบอกว่า
"อั๊วไม่เอาไอ้นี่มาเป็นเขยเด็ดขาด ถ้ายังอยู่ต่อ อีกหน่อยมันคงจะหลอกด่าอั๊ว อั๊วกลับดีกว่า อั๊วไม่มาที่นี่อีกแล้ว" ครอบครัวฝ่ายหญิงลุกขึ้นหนี
"ว้ายๆๆ ตายแล้ว คุณประสงค์ อั๊วขอโทษแทนลูกค่าาาาา" อาม้าลุกขึ้นไปตามครอบครัวฝ่ายหญิง ส่วนอาป๊าก็ตามไป แต่ชลชาติขำสะใจ จึงไม่ตามไป มองสีหน้าลูกชายด้วยอารมณ์โกรธขึ้ง ชลชาติที่ขำๆอยู่ พอมองสีหน้าอาป๊าของตน ถึงกับสลด
"ลื้อทำแบบนี้ได้ยังไง อาเช็ง!!!" อาป๊าต่อว่าลูกชายขนาดหนัก
"ก็อั๊วไม่ชอบผู้หญิงพวกนี้นี่" ชลชาติใจเย็นมาก
"ลื้อจะบอกอั๊วว่า ลื้อไม่ชอบผู้หญิงที่อาป๊าหามาใช่มั้ย" ชลชาติแทบจะเบื่อกับเหตุการณ์เดิมๆที่ตอกย้ำซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า
"อั๊วหาเองได้ป๊า" ชลชาติพูดเสียงเบา และเดินขึ้นบันไดไปที่ห้อง โดยไม่สนใจอาป๊าของเขา ที่ตะโกนอยู่ข้างล่าง
"อาเช็ง!!! อาเช็ง!!!"
ชลชาติมาถึงห้อง ก็ล็อคประตู โยนกระเป๋าทำงาน ไว้ที่ม้านั่งของห้อง ล้มตัวบนเตียงนอน เขาจับหมอนที่นุชกานดาเคยนอนกับเขา และค่อยๆเลื่อนมือของตนมาจับอกที่เคยให้นุชกานดานอนหนุนอกของเขา เขาค่อยๆลูบอกตนเอง เพราะบนอกของเขา เคยมีนุชกานดาให้เขาลูบผมงามอยู่เป็นประจำ และยังจำคืนที่เขาจูบปากนุชกานดาได้ดี และคำสัญญาที่ว่า 'นุชจะเป็นของคุณทั้งตัวและหัวใจ' และเขากับเธอล้มลงบนเตียงเพื่อร่วมรักกัน เขาพึมพำทั้งน้ำตา
"นุช คุณอยู่ที่ไหนกัน ผมคิดถึง"
บ้านวชิรโชติ วชิรญาณ์กับคุณนายเย็นฤดีกำลังนั่งร้อยพวงมาลัยอยู่ที่หน้าบ้าน เธอถามลูกชายว่า
"คุณวุ่นคะ" เขายิ้มและหันมาทางมารดา
"ครับ คุณแม่" คุณนายเย็นฤดีออกจะเคอะเขิน ที่จะต้องถามเรื่องคนรู้ใจของลูกชาย
"มีแฟนรึยังจ๊ะ" เขายิ้มทันที
"ยังครับ คุณแม่ ผมยังสนุกกับชีวิตโสดอยู่เลยครับ" คนรับใช้คนหนึ่งที่นั่งใกล้ๆกัน บอกว่า
"ถ้าคุณวุ่นยังไม่มีใครเอา เอาแสดได้มั้ยคะ" คุณนายเย็นฤดีถึงกับชะงักในการร้อยพวงมาลัย หันไปดุแม่แสดเสียงเนิ้บๆ
"แม่แสด!!" แม่แสดถึงกับสลด ยิ้มแหยๆ วชิรญาณ์หัวเราะ
"ขอโทษค่ะ คุณดี๊" คุณนายเย็นฤดีร้อยมาลัยต่อ
"แล้วจะมีเมื่อไหร่ล่ะคะ คุณวุ่น ข้างบ้านเค้าชิงมีหลานแล้วนะคะ คุณวุ่นมัวแต่เรื่องมาก พอดีคุณแม่ก็ตายก่อนมีหลาน" วชิรญาณ์หัวเราะกิ๊ก
"อะไรกันครับคุณแม่ คุณแม่ออกจะสาวขนาดนั้น จะตายได้ยังไงครับ" คุณนายเย็นฤดีวางมาลัยลง ลูบผมลูกชายอย่างอ่อนโยน
"ไม่แน่นอนหรอกลูก จะแก่ไม่แก่ก็ตายทุกคน พระพุทธเจ้าบอกเราว่า เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดาโลก ส่วนตัวคุณแม่เอง คุณแม่เห็นว่าคุณวุ่นประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานแล้ว คุณวุ่นน่าจะแต่งงานได้แล้ว" วชิรญาณ์สลดใจทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของมารดา
"ยังหรอกครับคุณแม่ ผมยังไม่ได้เป็นทูตเหมือนคุณพ่อ เอาไว้เป็นทูตเมื่อไหร่ เรื่องหลานจะตามมานะครับ" วชิรญาณ์วางมาลัยลงตามไป และมารดากับลูกก็สวมกอดกันอย่างมีความสุข
โปรดติดตามตอนต่อไป
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ