Lemon Sherbet รักเปรี้ยวจี๊ดสุดขีดหัวใจ

1.3

เขียนโดย muxing

วันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2554 เวลา 22.32 น.

  6 ตอน
  6 วิจารณ์
  12.92K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) บทนำเรื่อง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Lemon Sherbet รักเปรี้ยวจี๊ดสุดขีดหัวใจ

 

บทนำ

 

                “กรี๊ดดดๆๆๆ”

                “-_-++”

               “ขงจื้อ ภาษาไทยมีเรียกกันหลายชื่อ เช่น ขงฟู่จื่อ ขงจื่อ ข่งชิว ชื่อรองคือ จ้งหนี เป็นนักคิดและนักปรัชญาสังคมที่มีชื่อเสียงของจีน คำสอนของขงจื๊อนั้น ฝังรากอิท...”

              “อ๊ายย ชั้นไม่ยอมๆๆๆ”

              “=O=;;”

              “... ธิพลลึกลงไปในสังคมเอเชียตะวันออกมาเป็นเวลาถึง 20 ศตวรรษ หลักปรัชญาของขงจื๊อนั้นเน้นเกี่ยวกับศีลธรรมส่วนตัว และศีลธรรมในการปกครอง ความถูกต้องเหมาะ...”

             “แก๊ มันทำกับฉันแบบนั้นได้ยังไง ฮือๆๆ”

             “TOT”

             “... สมของความสัมพันธ์ในสังคม ความยุติธรรมและบริสุทธิ์ใจศาสตร์สี่แขนง ที่ขงจื๊อวางรากฐานไว้ ได้แก่ วัฒนธรรม ความประพฤติ ความจงรักภักดี และความ...”

            “เว้ย พอที!!!”

            “/TOT\”  สีหน้าของทั้งสองคนที่โดนขัดว่าฉันทำอะไรผิด

           “อะไรกันนักกันหนาฮึยัยเชอร์เบท แกจะแหกปากร้องหาสวรรค์วิมานอะไรไม่ทราบ รู้ไหมว่าฉันหนวกหูกับเสียงร้องดั่งแมวขี้ไม่ออกของแกเอามากๆ ส่วนเธอยัยหมวยหลิงลี่จะมาขยันท่องตำราอะไรเอาตอนนี้เนี่ย นี่มันเวลาพักนะยะ ช่วยผ่อนคลายนิดนึงได้ไหม โอ๊ยยย นี่ฉันประสาทจะแตกตายเพราะมีเพื่อนแบบพวกเธอสองคนนี่แหละ”

          ซูซี่เพื่อนชายตัวสูงแต่หัวใจนะยะบ่นออกมายืดยาวก่อนจะเอามือทึ้งหัวตัวเองเหมือนเป็นคนบ้า ฉันกับหลิงลี่จึงได้แต่หันมามองหน้ากันอย่างงงๆ แต่คนละอารมณ์กัน

          “ฮือๆๆ ซูซี่แกไม่เข้าใจช้าน แกไม่รู้หรอกว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับฉันบ้าง”

          ฉันยังคงแหกปากโวยวายต่อไปอย่างไม่สนใจท่าทางหมดอาลัยของซูซี่

           “แต่พรุ่งนี้เรามีพรีเซ็นต์วิชาปรัชญานะ ฉันก็ต้องอ่านไว้สิ”

           หลิงลี่หมวยน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มกับทรงผมยาวๆ ที่ดัดปลายเป็นลอนน้อยๆ พร้อมกับจับมัดลวกๆ เป็นจุกกลมๆ อยู่กลางหัวทำให้ดูเซอร์อย่างไม่ได้ตั้งใจ และแว่นตากรอบดำหนาเตอะที่ใส่อยู่บนหน้าอย่างเด็กเนิร์ดผู้คงแก่เรียนส่งเสียงเล็กๆ ออกมาก่อนจะก้มหน้าอ่านหนังสือเล่มหนาในมือต่อไป

          “อ้าวเหรอ นี่ฉันลืมไปเลยนะเนี่ย งั้นเธอก็อ่านไปละกัน จำให้แม่นๆ ด้วยนะอย่าให้กลุ่มเราโดนหักคะแนนล่ะ”

          ยัยซูซี่พูดอย่างเห็นแก่ตัวสุดๆ พร้อมกับหันมามองหน้าฉันต่อ

          “แปดหลักการพื้นฐานในการเรียนรู้ ได้แก่ สำรวจตรวจสอบ ขยายพรมแดนความรู้ จริงใจ แก้ไขดัดแปลงตน บ่มความรู้ ประพฤติตามกฎบ้านเมือง ประเทศต้องได้รับการดูแล นำความสงบสุขมาสู่...”

          “-__-++”

         “โลก.... ฉันว่าฉันอ่านในใจก็ได้เนอะ”

          น่าสงสารจริงๆ หมวยน้อยของเรา

         “เอาล่ะ ส่วนเธอยัยเชอร์เบท ที่คร่ำครวญอยู่ตั้งนานเนี่ยเป็นอะไร ช่วยแจ้งแถลงไขมาให้ฉันเข้าใจหน่อยซิ”

         ในที่สุดนาย เอ้ย เธอก็หันมาสนใจฉันซะทีสินะยัยซูซี่ ฉันจึงสูดหายใจเข้าลึกๆ และพยายามทำอารมณ์ให้คงที่จะได้ไม่ปรี๊ดแตกขึ้นมาอีกรอบ

         “แกไม่เข้าใจช้าน ฮืออ TOT”

         แต่ก็สายไปซะแล้ว

        “โอ๊ย! ยัยนี่นี่ พูดออกมาซะสิฮะ ฉันรอฟังอยู่”

         “ซูซี่แกรู้มั้ย...”

        “ไม่รู้”

        “อย่าเพิ่งขัดสิ ฮือ... แกรู้มั้ยว่าเมื่อวานฉันไปเจออะไรมา”

        “ทำไม? แกไปเจออะไรถึงได้มาโวยวายแบบนี้ หรือว่าแฟนเก่าควงแฟนใหม่มาเย้ยเหรอ”

        “แกรู้ได้ไง!!”

        “จริงเหรอเนี่ย ฉันแค่เดานะ”

        “แงงงๆๆๆ มันแค้น มันแค้นอยู่ในอกอะแก๊ มันสองคนควงกันมาเย้ยฉันทั้งที่ไอ้ผู้ชายเฮงซวยนั่นมันเพิ่งจะเลิกกับฉันไปได้ห้าเดือนเองนะ”

        ฉันทุบโต๊ะลงไปอย่างแรงด้วยความโมโหและแค้นจัด อูย... เจ็บมือ TOT

         “แล้วยังไง เค้าจะไปมีแฟนใหม่มันก็ช่างเค้าสิ หรือว่าแกยังรักแฟนเก่าแกอยู่ถึงได้มานั่งเวิ่นเว้ออยู่แบบนี้”

         “อย่ามาพูดอะไรที่เป็นไปไม่ได้แบบนั้นนะ สิ่งที่ฉันรู้สึกตอนนี้ก็คือฉันแค้นมันต่างหากเล่า กรี๊ดๆ”

         “โกรธคือโง่ โมโหคือบ้านะเชอร์เบท”

         หลิงลี่เงยขึ้นจากหนังสือเล่มหนามาพูดกับฉัน ถ้าจะพูดแบบนี้ฉันว่าเงียบไปเลยจะดีกว่าไหมหมวยน้อย

         “แต่ตอนนี้ฉันบ้าอย่างเดียวไม่ได้โง่ย่ะ”

         “จะไปแค้นเค้าทำไม หมอนั่นไปดีแล้วก็ปล่อยเค้าไปสิยะ ถ้าเป็นฉันนะคงจะบอกเลิกแกตั้งแต่สองอาทิตย์แรกที่คบกันแล้ว ไม่รู้ว่าโปเซียร์ทนคบกับแกไปได้ยังไงตั้งสองปี นี่ขนาดเป็นแค่เพื่อนกันฉันยังแทบจะทนแกไม่ไหวเลย”

          “อะไรยะยัยซูซี่ ฉันมันไม่ดีตรงไหน”

         “ก็นิสัยแกทั้งเจ้าอารมณ์ ขี้โมโห ขี้หงุดหงิด หวิดจะเป็นกระทิงไปหลายรอบแล้ว ไหนจะอาการขึ้นๆ ลงๆ เหมือนกระทงหลงทางนี่อีก ถ้าแกดีจริงโปเซียร์จะเลิกกับแกทำไมฮะ”

         “ฉันเป็นคนบอกเลิกหมอนั่นเองต่างหากเล่า”

         “แล้วจะไปบอกเลิกกับเค้าด้วยเหตุผลแค่นั้นเนี่ยนะ”

        “แกไม่มาเป็นฉัน แกไม่รู้หรอกว่าตอนนั้นฉันรู้สึกยังไง”

        พอนึกถึงวันที่ฉันกับไอ้บ้าโปเซียร์นั่นทะเลาะกันจนถึงขั้นแตกหัก เพราะว่าฉันไปเจอเขากับ... ฮึ่ย ไม่อยากจะพูด อารมณ์เสีย

         “หูย ฉันไม่อยากเป็นแกหรอกย่ะ นิสัยเสีย ใช้แต่อารมณ์แถมยังเอาแต่ใจล่ะก็ที่หนึ่ง โปเซียร์นี่ก็ประสาทนะที่คบกับผีบ้าอย่างแกมาได้ตั้งนาน”

          “กรี๊ดดๆๆๆ แกเป็นเพื่อนฉันหรือเปล่าเนี่ยยัยซูซี่”

          “พอๆๆๆ อย่ามากรี๊ดใส่หูฉัน กระเทยสุดสวยล่ะปวดเฮด”

       ว่าแล้วก็หันไปคว้าแก้วน้ำส้มขึ้นมาดื่มด้วยท่าทางนางเอกสุดๆ จนฉันยังต้องอาย

        “แต่เรื่องนี้ฉันไม่ยอมนะแก มันเป็นอะไรที่แค้นมาก แกไม่รู้หรอกว่าทั้งแฟนเก่าและแฟนใหม่ของแฟนเก่ามันร้ายกาจขนาดไหน แกต้องช่วยฉันนะซูซี่ ฉันรู้ว่าแกต้องช่วยฉันได้แน่ๆ”

        “จะพูดให้งงทำไมเนี่ย ไหนเล่ามาซิ”

         “ก็คือว่าเมื่อวานนี้เนี่ย...”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา