คุณหมอหัวใจแหวว
7.6
9) ครูนิดกับเอวา 2
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหลังจากคุณหมอตรัยเหินฟ้าข้ามน้ำข้ามทะเลมาเรียน
คอร์สกุมารแพทย์ระยะสั้นที่ออสเตรเลียแดนจิงโจ้ได้ราวสองปี
ก็มีโอกาสได้รู้จักและคบหากับเอวา เรอนัวต์ นักกายภาพบำบัด
สาวชาวปารีเซียงที่จากประเทศฝรั่งเศสบ้านเกิดมาทำงานที่นี่
หล่อนเป็นหญิงสาวร่างเล็กตามสไตล์สาวฝรั่งเศส ผมสีน้ำตาลอ่อน
ที่เจ้าตัวมักจะมวยผมไว้ด้านแล้วเสียบไว้ด้วยดินสอหรือปากกาเท่า
ที่จะหาได้บนโต๊ะทำงาน
เอวามีดวงตากลมโตสีเขียวเข้มเหมือนมรกตฉายแววท้าทาย
มีเสน่ห์น่าค้นหา จมูกโด่งรั้นน้อยๆ และมีกระเล็กๆน่ารัก
นอกจากนี้สาวฝรั่งเศสคนนี้ยังสวยมากๆอีกด้วย
หญิงสาวเป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ดีและชอบบริหารเสน่ห์
แฟนคนที่ผ่านๆมาของสาวเจ้ามักเป็นนักรักหรือไม่ก็นักกีฬาหล่อล่ำ
กล้ามเป็นมัด การที่เจ้าหล่อนมาคบหากับหมอหนุ่มชาวไทย
ผู้เรียบร้อยอ่อนหวานได้จึงเป็นเรื่องน่าแปลกสำหรับคนที่รู้จักกับ
นักกายภาพบำบัดคนสวย
คุณหมอตรัยซึ่งในตอนนั้นอายุใกล้เลขสามแล้ว ก็เริ่มอยากลงหลัก
ปักฐานกับใครสักคนเสียที เมื่อเรียนจบคอร์สและเสร็จสิ้นการฝึกงาน
อีกสองปี ชายหนุ่มจึงตัดสินใจสอบใบประกอบโรคศิลป์ของต่างแดน
และเริ่มงานที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งเรียบร้อยแล้ว เอวาเองก็ดูท่าจะ
หยุดความเจ้าชู้ไว้ที่ชายหนุ่มเช่นกัน
การตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตอยู่ต่างแดนกับว่าที่เจ้าสาวชาวต่างชาติ
ของหมอตรัยนับว่าเป็นเรื่องน่าแปลกใจระคนใจหายสำหรับครอบครัว
ของคุณหมอและบรรดาเพื่อนฝูงชายแท้สาวเทียมทั้งแปดหน่อ
"ชั้นละไม่น่าส่งข้อมูลออสเตรเลียให้มันเลย ดูสิเสียดุลย์
ให้ต่างชาติไปซะแระ"
หมอก็อตบ่นกระปอดกระแปด
"อย่าคิดอย่างงั้นดิ้ก็อต แกน่าจะดีใจกับมันนะ
ตรัยมันจะได้ขายออกสักทีเหลวมาตั้งหลายครั้งแล้วเนี่ย"
หมอดิวแสนดีคนเดิมปรามเพื่อน
"จะล่มตอนท้ายซะอีกก็ไม่รู้ ไอ่ตรัยแม่งอย่างงี้ทุกที
...เริ่มต้นก็ดี!! ร้ากกันหวานแหววจี๋จ๋า จิ๊จ๊ะ อิ๊อ๊ะ
พออะไรๆมันจะลงตัว จะได้แต่งกันทีไร เลิกม่างทุกที"
ประโยคนี้ถ้าให้ทายคงไม่พ้นหมอปิง แล้วก็แทบจะทันที
หมอเจเพื่อนเลิฟคู่หูนรกแตกเสริมเข้าไปอีกว่า
"กรูว่านะ ไอ่ตรัยอ่ะ มันอับโชคเรื่องความรักนะเว้ย พวกเมิงลอง
นับดูดิ้ กี่ครั้ง กี่คน กี่หนแระ เนี่ย..กรูก็ไม่อยากพูดหรอกนะ
ครั้งนี้กรูยังไม่ค่อยมั่นใจเลย"
"จะบ้าเหรอ พวกเมิงสองคนนี่ แช่งเพื่อน ถ้ามันไม่ได้แต่งนะ
ก็เพราะปากพวกเมิงนี่แหละ "
หมอก็อตชี้หน้าคู่หูทั้งสอง ก่อนจะหันมาถามหมอแอ๊ดที่เอาแต่
นั่งเงียบโนคอมเม้นต์ผิดจากท่าทีปกติของเจ๊ใหญ่
"แล้วแกเป็นอะไรของแกเนี่ย แอ๊ด เงียบเป็นเป่าสากเลย
มาช่วยกันด่าไอ่ปากเหมียวสองตัวนี้หน่อยดิ๊"
หมอแอ๊ดเท้าคางทำหน้าใช้ความคิด ก่อนจะเอ่ยประโยค
ที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจออกมา
"ก็...ชั้นกำลังคิดแบบเดียวกับไอ่สองตัวนั้นน่ะแหละ
ครั้งนี้ตรัยมันจะได้แต่งรึเปล่าก็ไม่รู้ แล้วชั้นก็มีบางอย่าง
อยากถามมันก่อนที่มันจะตัดสินใจด้วย"
เจ๊ใหญ่ใช้ปลายนิ้วม้วนผมเล่น แต่สายตาทอดออกไปไกล
"กรูว่า ที่อิแอ๊ดจะถาม น่าจะเป็นคำถามเดียวกะที่กรูจะถามแน่เลย"
หมอปิงหันไปกระซิบกระซาบคู่หู
"เดี๋ยวรอไอ่ตรัยกลับมาก็รู้ ว่าจะอะไร อะไร ยังไง"
หมอแอ๊ดทิ้งท้ายก่อนจะกระดกเบียร์ตรงหน้าลงคอ
หมอตรัยนั้นมีกำหนดเดินทางกลับประเทศไทยพร้อมว่าที่
ภริยา ประการแรกชายหนุ่มต้องการเดินทางมาพบครอบครัว
และเพื่อนฝูงที่ห่างหายกันไปเกือบห้าปี
ส่วนอีกอย่างชายหนุ่มต้องการพาว่าที่ภริยามาแนะนำให้ทุกคน
รู้จัก รวมถึงการทำนิติกรรมต่างๆให้เรียบร้อยเตรียมพร้อมสำหรับ
การเริ่มต้นชีวิตในต่างแดน
การเดินทางกลับประเทศไทยมีกำหนดระยะเวลาถึงสิบวัน
ก่อนหน้านั้นเมื่อหมอตรัยมีเวลาว่างจากการเตรียมตัว
ชายหนุ่มมักใช้เวลาที่มีทบทวนเรื่องราวต่างๆอย่างละเอียด
หมอหนุ่มรู้สึกไม่แน่ใจว่าที่เขากำลังจะแต่งงานกับเอวานั้น
เป็นเพราะเขารักหล่อนหรือว่าเขาอยากมีครอบครัวเพื่อเติมเต็ม
ความสมบูรณ์พร้อมของชีวิตครอบครัวกันแน่ ...
ช่วงเวลานั้นนายแพทย์ตรัยไม่ได้สนใจใส่ว่าที่ภริยาเท่าที่ควร
เขาจึงไม่สังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงเล็กๆที่เริ่มจะเกิดกับ
หญิงสาวข้างกาย
เมืองไทย..คุณหมอตรัยเพิ่งรู้ตัวว่าเขาคิดถึงแผ่นดินเกิดมาก
ขนาดไหน...ตอนที่เท้าทั้งคู่สัมผัสพื้นดินของประเทศไทย
ชายหนุ่มคิดถึงอากาศที่ร้อนจนทำให้เนื้อตัวเหนอะหนะไป
ด้วยเหงื่อ คิดถึงทุ่งนาเขียวๆของจังหวัดอยุธยาบ้านเกิดและ
กลิ่นหอมของข้าวใหม่ มากกว่านั้นคือครอบครัวของเขากับ
เพื่อนๆที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาทั้งแปดคน
เมื่อกลับถึงอยุธยาบ้านเกิด นายแพทย์ตรัยกราบลงที่อกของ
บิดามารดา เขาสวมกอดคุณอุษาผู้เป็นมารดานิ่งและนาน
คุณอุษาเองก็กอดตอบบุตรชายอย่างแสนรัก
นายแพทย์หนุ่มผละจากอ้อมกอดของมารดา บิดาและมารดา
ของเขาดูแข็งแรงดี ทว่าระยะเวลาที่จากไปถึงเกือบห้าปีทำให้
เขาสังเกตเห็นว่าท่านทั้งสองชราลงไปมาก
จิตใจของคุณหมอตรัยเริ่มสับสน เขาอยากไปใช้ชีวิตต่างแดน
จริงๆน่ะเหรอ เขารักเอวาพอที่จะทอดทิ้งทุกอย่างในเมืองไทย
อย่างนั้นหรือเปล่า
...ชายหนุ่มเฝ้าถามตัวเองตลอดเวลาจนกระทั่งถึงวันที่ต้องเดินทางกลับ
ที่สนามบินสุวรรณภูมิ บรรดาผองเพื่อนและครอบครัวของ
นายแพทย์หนุ่มตามมาส่งเขาอย่างอบอุ่น เล่นเอาหมอตรัยแทบ
ไม่อยากกลับออสเตรเลีย
ก่อนเครื่องจะออกสองชั่วโมง หมอแอ๊ดดึงตัวเพื่อนรักออกมาจาก
ฝูงชนก่อนจะยิงคำถามที่คาใจคุณหมอหน้าสวยและผองเพื่อน
"ตรัย เรามีเรื่องอยากถามแกให้แน่ใจ ก่อนที่แกจะตัดสินใจ
เรื่องแต่งงาน แล้วก็เรื่องที่จะไปใช้ชีวิตอยู่ที่ออสเตรเลีย"
หมอแอ๊ดใช้มือเรียวสวยจับบ่าทั้งสองของเพื่อนรัก
ก่อนจะสบตาหมอตรัยด้วยสายตาคมกล้า
"อื้อ ถามมาเลย เราตอบได้ทุกอย่างที่แอ๊ดอยากรู้อยู่แล้ว"
คุณหมอตรัยยิ้มอ่อนๆให้เหมือนเคย เขาพยายามทำสีหน้าร่าเริง
ทั้งๆที่ภายในใจนั้นสุดแสนจะสับสน
"ตอนนี้แกมีความสุขอยู่หรือเปล่าตรัย แกรัก แล้วก็อยากอยู่
กับยัยแหม่มเอวานั่นไปตลอดชีวิตจริงเหรอ แล้วแกน่ะอยากจะ
ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ออสเตรเลียจริงๆใช่มั้ย
เท่านี้แหละที่ฉันอยากถามแก ...แกตอบฉันมาตรงๆได้หรือเปล่า??"
จบคำถามจากหมอแอ๊ด หมอตรัยของเราก็ได้แต่นิ่งอึ้ง
ไม่มีคำพูดสักคำหลุดออกมาจากริมฝีปากได้รูปนั้น
"อิแอ๊ดถามได้เจ๋งมาก เยส!!"
หมอเจที่แอบฟังเพื่อนคุยกันทำท่าสะอกสะใจกับ
คำถามจี้ใจดำของเพื่อนแอ๊ด
"เจ๋งบ้านป้าเมิงเหรอไอ่เจ เมิงดูหน้าไอ่ตรัยดิ๊หงิกเหมือนไปดม
ตูดหมาเลยเผลอๆสับสนจนได้เลิกกะยัยแหม่มซะก็ไม่รุ"
หมอรินดุเพื่อนด้วยท่าทางหน่ายๆ
"เฮ้ย..ถ้ามันไม่ใช่ก็เลิกๆไปเหอะ จะฝืนให้ได้อะไรขึ้นมาวะ
ตอนนี้กรูว่านะ ไอ่ตรัยมันกำลังฝืนตัวเองอยู่ ถ้าเกิดเป็นแบบนี้น่ะนะ
อยู่กันไปมันก็ไม่มีความสุขหรอก
มันจะแกล้งแฮปปี้ดี๊ด๊าไปได้สักเท่าไรว้า หลอกคนอื่นน่ะหลอกได้
แต่ใจตัวเองน่ะมันหลอกไม่ได้หรอกนะ"
หมออั๋นพูดอย่างเป็นงานเป็นการกว่าทุกที
แม้จะผ่านไปเป็นเวลานาน คุณหมอตรัยก็ไม่อาจตอบคำถาม
ทะลวงใจของหมอแอ๊ดเพื่อนรักได้ คุณหมอคนสวยจึงยื่นมือ
ข้างหนึ่งไปตบไหล่เพื่อนเบาๆก่อนจะพูดว่า
"ไม่ต้องตอบฉันวันนี้ก็ได้ตรัย แต่ขอให้ตอบตัวเองให้ได้
ก่อนวันแต่งงานก็พอ ฉันแล้วก็เพื่อนๆทุกคนอยากให้แก
มีความสุขจริงๆนะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแกยังมีพวกเรรู้มั้ยตรัย"
หมอแอ๊ดยิ้มหวานให้เพื่อน ขณะที่คุณหมอตรัยแทบจะยิ้มตอบ
ไม่ออก ชายหนุ่มพาหัวใจอันหนักอึ้งขึ้นเครื่องบินกลับไปยัง
แดนจิงโจ้อย่างแสนสับสน
เมื่อกลับมาที่ออสเตรเลียอีกครั้ง มุมมองชีวิตในต่างแดนของ
นายแพทย์หนุ่มก็เริ่มเปลี่ยนไป ความถวิลหาบ้านเกิดมีมากกว่า
ครั้งที่จากเมืองไทยเพื่อมาศึกษาเล่าเรียน
อาจเพราะครั้งนี้มีแรงกดดันที่จะต้องใช้ชีวิตในแดนจิงโจ้แบบ
ยาวนานอย่างไม่มีกำหนด เมื่อลึกๆในใจชายหนุ่มรู้สึกต่อต้าน
การแสดงออกต่อสิ่งรอบกายตลอดจนหญิงสาวที่เป็นว่าที่ภริยา
จึงเป็นไปอย่างเฉื่อยชา
วันหนึ่งคุณหมอตรัยจึงออกปากถามความคิดเห็นจากอนาคตคู่ชีวิต
"เอวา คุณจะว่ายังไงถ้าผมคิดว่า เรา...น่าจะไปอยู่ประเทศไทย
คือ..หมายความว่า ไปทำงาน ไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นน่ะ"
หญิงสาวของเขาตาโตพร้อมกับอุทานอย่างตกใจ
"Oh..GOD!!! ตรัย คุณพูดอะไรออกมาน่ะ คุณก็รู้มันเป็นไปไม่ได้
ที่ฉันย้ายมาอยู่ที่ออสเตรเลียนี่ก็เพราะมันเป็นความใฝ่ฝันของฉัน
ฉันรักที่นี่และฉันจะไม่มีทางย้ายไปที่ไหนอื่นอีกอย่างแน่นอน"
สาวนัยน์ตาสีเขียวชี้แจง ว่าที่จริงหล่อนก็เริ่มเบื่อชายหนุ่มจาก
ประเทศไทยขึ้นมาบ้างแล้วหลังจากใช้ชีวิตด้วยกันมาเกือบสามปี
ยิ่งใกล้จะแต่งงานกัน แต่ว่าที่เจ้าบ่าวของหล่อนกลับมีทีท่าไม่
สดชื่นเท่าที่ควร
ทำให้สาวมั่นอย่างเอวา เรอนัวต์ รู้สึกขัดใจเป็นยิ่งนัก ที่สำคัญ
ตอนนี้หล่อนมีชายหนุ่มคนใหม่เข้ามาทำให้หัวใจกระชุ่มกระชวย
ได้สักพักใหญ่แล้ว
ที่ผ่านมาหล่อนรู้สึกเบื่อกับชีวิตโสดและเสียงค่อนขอดจาก
คนรอบข้างเรื่องการคบหาชายหนุ่มไม่ซ้ำหน้า แถมยังไม่มี
วี่แววจะแต่งงานสักทีทั้งๆที่หล่อนเองก็สวยซะขนาดนี้
เมื่อมาพบคุณหมอตรัยจากไทยแลนด์ผู้แสนจะเป็นสุภาพบุรุษ
และแฟมิลี่แมนเอามากๆ สาวสวยจากฝรั่งเศสจึงคิดสละโสด
ทว่าตอนนี้เหตุการณ์กลับไม่เป็นไปตามที่หล่อนหวัง ชายหนุ่ม
คนใหม่ที่เข้ามาพร้อมกับความตื่นเต้นเร้าใจ ชวนให้เคลิบเคลิ้ม
ผิดกับว่าที่เจ้าบ่าวที่นับวันจะทำตัวน่าเบื่อมากขึ้นทุกทีในสายตา
ของหญิงสาว
เมื่อทั้งคู่ต่างก็มีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ทำให้นายแพทย์หนุ่ม
และว่าที่เจ้าสาวมีเรื่องขัดแย้งกันบ่อยขึ้น....จากการเถียงกัน
อย่างธรรมดาๆในวันหนึ่งนำไปสู่การไม่พูดไม่คุยกันในเวลาต่อมา
คุณหมอตรัยรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับการใช้ชีวิตต่างแดนในตอนนี้มาก
เขาอยากกลับประเทศไทยเป็นที่สุด ทำให้พาลเบื่อและไม่อยาก
คุยกับว่าที่เจ้าสาวที่คุยกันทีไรก็ชวนทะเลาะกันทีนั้น
...เมื่อมาถึงขีดสุดของความอดทน ทั้งคู่จึงหันหน้าเข้าหากัน
อีกครั้ง คราวนี้ทั้งสองคนตัดสินใจที่จะบอกความรู้สึกที่แท้จริง
ของตนให้อีกฝ่ายรับรู้
หลังจากเปิดอกคุยกันอย่างหมดเปลือกทั้งคุณหมอตรัยและ
เอวา เรอนัวต์ ที่ต่างก็รู้แล้วว่าแต่ละคนคิดอย่างไรกันในตอนนี้
ก็ได้ตัดสินใจยุติความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายลงท่ามกลาง
ความประหลาดใจของเพื่อนร่วมงานของทั้งสอง
แต่สำหรับทางฝั่งครอบครัวและเพื่อนๆของหมอตรัยนั้น
ออกจะเฉยๆ...ก็ชินแล้วนี่นา
หกเดือนต่อมา เอวา เรอนัวต์ก็ตัดสินใจก้าวเข้าสู่ประตูวิวาห์
กับเจ้าบ่าวผิวหมึกนักบาสเก็ตบอลอาชีพ โดยมีคุณหมอตรัย
อดีตคนรักมาร่วมแสดงความยินดีอย่างจริงใจ
แล้วเดือนต่อมาคุณหมอตรัยก็เดินทางกลับประเทศไทยมา
ทำงานที่โรงพยาบาลพญาเย็นตามคุณหมอแอ๊ดในที่สุด
คอร์สกุมารแพทย์ระยะสั้นที่ออสเตรเลียแดนจิงโจ้ได้ราวสองปี
ก็มีโอกาสได้รู้จักและคบหากับเอวา เรอนัวต์ นักกายภาพบำบัด
สาวชาวปารีเซียงที่จากประเทศฝรั่งเศสบ้านเกิดมาทำงานที่นี่
หล่อนเป็นหญิงสาวร่างเล็กตามสไตล์สาวฝรั่งเศส ผมสีน้ำตาลอ่อน
ที่เจ้าตัวมักจะมวยผมไว้ด้านแล้วเสียบไว้ด้วยดินสอหรือปากกาเท่า
ที่จะหาได้บนโต๊ะทำงาน
เอวามีดวงตากลมโตสีเขียวเข้มเหมือนมรกตฉายแววท้าทาย
มีเสน่ห์น่าค้นหา จมูกโด่งรั้นน้อยๆ และมีกระเล็กๆน่ารัก
นอกจากนี้สาวฝรั่งเศสคนนี้ยังสวยมากๆอีกด้วย
หญิงสาวเป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ดีและชอบบริหารเสน่ห์
แฟนคนที่ผ่านๆมาของสาวเจ้ามักเป็นนักรักหรือไม่ก็นักกีฬาหล่อล่ำ
กล้ามเป็นมัด การที่เจ้าหล่อนมาคบหากับหมอหนุ่มชาวไทย
ผู้เรียบร้อยอ่อนหวานได้จึงเป็นเรื่องน่าแปลกสำหรับคนที่รู้จักกับ
นักกายภาพบำบัดคนสวย
คุณหมอตรัยซึ่งในตอนนั้นอายุใกล้เลขสามแล้ว ก็เริ่มอยากลงหลัก
ปักฐานกับใครสักคนเสียที เมื่อเรียนจบคอร์สและเสร็จสิ้นการฝึกงาน
อีกสองปี ชายหนุ่มจึงตัดสินใจสอบใบประกอบโรคศิลป์ของต่างแดน
และเริ่มงานที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งเรียบร้อยแล้ว เอวาเองก็ดูท่าจะ
หยุดความเจ้าชู้ไว้ที่ชายหนุ่มเช่นกัน
การตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตอยู่ต่างแดนกับว่าที่เจ้าสาวชาวต่างชาติ
ของหมอตรัยนับว่าเป็นเรื่องน่าแปลกใจระคนใจหายสำหรับครอบครัว
ของคุณหมอและบรรดาเพื่อนฝูงชายแท้สาวเทียมทั้งแปดหน่อ
"ชั้นละไม่น่าส่งข้อมูลออสเตรเลียให้มันเลย ดูสิเสียดุลย์
ให้ต่างชาติไปซะแระ"
หมอก็อตบ่นกระปอดกระแปด
"อย่าคิดอย่างงั้นดิ้ก็อต แกน่าจะดีใจกับมันนะ
ตรัยมันจะได้ขายออกสักทีเหลวมาตั้งหลายครั้งแล้วเนี่ย"
หมอดิวแสนดีคนเดิมปรามเพื่อน
"จะล่มตอนท้ายซะอีกก็ไม่รู้ ไอ่ตรัยแม่งอย่างงี้ทุกที
...เริ่มต้นก็ดี!! ร้ากกันหวานแหววจี๋จ๋า จิ๊จ๊ะ อิ๊อ๊ะ
พออะไรๆมันจะลงตัว จะได้แต่งกันทีไร เลิกม่างทุกที"
ประโยคนี้ถ้าให้ทายคงไม่พ้นหมอปิง แล้วก็แทบจะทันที
หมอเจเพื่อนเลิฟคู่หูนรกแตกเสริมเข้าไปอีกว่า
"กรูว่านะ ไอ่ตรัยอ่ะ มันอับโชคเรื่องความรักนะเว้ย พวกเมิงลอง
นับดูดิ้ กี่ครั้ง กี่คน กี่หนแระ เนี่ย..กรูก็ไม่อยากพูดหรอกนะ
ครั้งนี้กรูยังไม่ค่อยมั่นใจเลย"
"จะบ้าเหรอ พวกเมิงสองคนนี่ แช่งเพื่อน ถ้ามันไม่ได้แต่งนะ
ก็เพราะปากพวกเมิงนี่แหละ "
หมอก็อตชี้หน้าคู่หูทั้งสอง ก่อนจะหันมาถามหมอแอ๊ดที่เอาแต่
นั่งเงียบโนคอมเม้นต์ผิดจากท่าทีปกติของเจ๊ใหญ่
"แล้วแกเป็นอะไรของแกเนี่ย แอ๊ด เงียบเป็นเป่าสากเลย
มาช่วยกันด่าไอ่ปากเหมียวสองตัวนี้หน่อยดิ๊"
หมอแอ๊ดเท้าคางทำหน้าใช้ความคิด ก่อนจะเอ่ยประโยค
ที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจออกมา
"ก็...ชั้นกำลังคิดแบบเดียวกับไอ่สองตัวนั้นน่ะแหละ
ครั้งนี้ตรัยมันจะได้แต่งรึเปล่าก็ไม่รู้ แล้วชั้นก็มีบางอย่าง
อยากถามมันก่อนที่มันจะตัดสินใจด้วย"
เจ๊ใหญ่ใช้ปลายนิ้วม้วนผมเล่น แต่สายตาทอดออกไปไกล
"กรูว่า ที่อิแอ๊ดจะถาม น่าจะเป็นคำถามเดียวกะที่กรูจะถามแน่เลย"
หมอปิงหันไปกระซิบกระซาบคู่หู
"เดี๋ยวรอไอ่ตรัยกลับมาก็รู้ ว่าจะอะไร อะไร ยังไง"
หมอแอ๊ดทิ้งท้ายก่อนจะกระดกเบียร์ตรงหน้าลงคอ
หมอตรัยนั้นมีกำหนดเดินทางกลับประเทศไทยพร้อมว่าที่
ภริยา ประการแรกชายหนุ่มต้องการเดินทางมาพบครอบครัว
และเพื่อนฝูงที่ห่างหายกันไปเกือบห้าปี
ส่วนอีกอย่างชายหนุ่มต้องการพาว่าที่ภริยามาแนะนำให้ทุกคน
รู้จัก รวมถึงการทำนิติกรรมต่างๆให้เรียบร้อยเตรียมพร้อมสำหรับ
การเริ่มต้นชีวิตในต่างแดน
การเดินทางกลับประเทศไทยมีกำหนดระยะเวลาถึงสิบวัน
ก่อนหน้านั้นเมื่อหมอตรัยมีเวลาว่างจากการเตรียมตัว
ชายหนุ่มมักใช้เวลาที่มีทบทวนเรื่องราวต่างๆอย่างละเอียด
หมอหนุ่มรู้สึกไม่แน่ใจว่าที่เขากำลังจะแต่งงานกับเอวานั้น
เป็นเพราะเขารักหล่อนหรือว่าเขาอยากมีครอบครัวเพื่อเติมเต็ม
ความสมบูรณ์พร้อมของชีวิตครอบครัวกันแน่ ...
ช่วงเวลานั้นนายแพทย์ตรัยไม่ได้สนใจใส่ว่าที่ภริยาเท่าที่ควร
เขาจึงไม่สังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงเล็กๆที่เริ่มจะเกิดกับ
หญิงสาวข้างกาย
เมืองไทย..คุณหมอตรัยเพิ่งรู้ตัวว่าเขาคิดถึงแผ่นดินเกิดมาก
ขนาดไหน...ตอนที่เท้าทั้งคู่สัมผัสพื้นดินของประเทศไทย
ชายหนุ่มคิดถึงอากาศที่ร้อนจนทำให้เนื้อตัวเหนอะหนะไป
ด้วยเหงื่อ คิดถึงทุ่งนาเขียวๆของจังหวัดอยุธยาบ้านเกิดและ
กลิ่นหอมของข้าวใหม่ มากกว่านั้นคือครอบครัวของเขากับ
เพื่อนๆที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาทั้งแปดคน
เมื่อกลับถึงอยุธยาบ้านเกิด นายแพทย์ตรัยกราบลงที่อกของ
บิดามารดา เขาสวมกอดคุณอุษาผู้เป็นมารดานิ่งและนาน
คุณอุษาเองก็กอดตอบบุตรชายอย่างแสนรัก
นายแพทย์หนุ่มผละจากอ้อมกอดของมารดา บิดาและมารดา
ของเขาดูแข็งแรงดี ทว่าระยะเวลาที่จากไปถึงเกือบห้าปีทำให้
เขาสังเกตเห็นว่าท่านทั้งสองชราลงไปมาก
จิตใจของคุณหมอตรัยเริ่มสับสน เขาอยากไปใช้ชีวิตต่างแดน
จริงๆน่ะเหรอ เขารักเอวาพอที่จะทอดทิ้งทุกอย่างในเมืองไทย
อย่างนั้นหรือเปล่า
...ชายหนุ่มเฝ้าถามตัวเองตลอดเวลาจนกระทั่งถึงวันที่ต้องเดินทางกลับ
ที่สนามบินสุวรรณภูมิ บรรดาผองเพื่อนและครอบครัวของ
นายแพทย์หนุ่มตามมาส่งเขาอย่างอบอุ่น เล่นเอาหมอตรัยแทบ
ไม่อยากกลับออสเตรเลีย
ก่อนเครื่องจะออกสองชั่วโมง หมอแอ๊ดดึงตัวเพื่อนรักออกมาจาก
ฝูงชนก่อนจะยิงคำถามที่คาใจคุณหมอหน้าสวยและผองเพื่อน
"ตรัย เรามีเรื่องอยากถามแกให้แน่ใจ ก่อนที่แกจะตัดสินใจ
เรื่องแต่งงาน แล้วก็เรื่องที่จะไปใช้ชีวิตอยู่ที่ออสเตรเลีย"
หมอแอ๊ดใช้มือเรียวสวยจับบ่าทั้งสองของเพื่อนรัก
ก่อนจะสบตาหมอตรัยด้วยสายตาคมกล้า
"อื้อ ถามมาเลย เราตอบได้ทุกอย่างที่แอ๊ดอยากรู้อยู่แล้ว"
คุณหมอตรัยยิ้มอ่อนๆให้เหมือนเคย เขาพยายามทำสีหน้าร่าเริง
ทั้งๆที่ภายในใจนั้นสุดแสนจะสับสน
"ตอนนี้แกมีความสุขอยู่หรือเปล่าตรัย แกรัก แล้วก็อยากอยู่
กับยัยแหม่มเอวานั่นไปตลอดชีวิตจริงเหรอ แล้วแกน่ะอยากจะ
ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ออสเตรเลียจริงๆใช่มั้ย
เท่านี้แหละที่ฉันอยากถามแก ...แกตอบฉันมาตรงๆได้หรือเปล่า??"
จบคำถามจากหมอแอ๊ด หมอตรัยของเราก็ได้แต่นิ่งอึ้ง
ไม่มีคำพูดสักคำหลุดออกมาจากริมฝีปากได้รูปนั้น
"อิแอ๊ดถามได้เจ๋งมาก เยส!!"
หมอเจที่แอบฟังเพื่อนคุยกันทำท่าสะอกสะใจกับ
คำถามจี้ใจดำของเพื่อนแอ๊ด
"เจ๋งบ้านป้าเมิงเหรอไอ่เจ เมิงดูหน้าไอ่ตรัยดิ๊หงิกเหมือนไปดม
ตูดหมาเลยเผลอๆสับสนจนได้เลิกกะยัยแหม่มซะก็ไม่รุ"
หมอรินดุเพื่อนด้วยท่าทางหน่ายๆ
"เฮ้ย..ถ้ามันไม่ใช่ก็เลิกๆไปเหอะ จะฝืนให้ได้อะไรขึ้นมาวะ
ตอนนี้กรูว่านะ ไอ่ตรัยมันกำลังฝืนตัวเองอยู่ ถ้าเกิดเป็นแบบนี้น่ะนะ
อยู่กันไปมันก็ไม่มีความสุขหรอก
มันจะแกล้งแฮปปี้ดี๊ด๊าไปได้สักเท่าไรว้า หลอกคนอื่นน่ะหลอกได้
แต่ใจตัวเองน่ะมันหลอกไม่ได้หรอกนะ"
หมออั๋นพูดอย่างเป็นงานเป็นการกว่าทุกที
แม้จะผ่านไปเป็นเวลานาน คุณหมอตรัยก็ไม่อาจตอบคำถาม
ทะลวงใจของหมอแอ๊ดเพื่อนรักได้ คุณหมอคนสวยจึงยื่นมือ
ข้างหนึ่งไปตบไหล่เพื่อนเบาๆก่อนจะพูดว่า
"ไม่ต้องตอบฉันวันนี้ก็ได้ตรัย แต่ขอให้ตอบตัวเองให้ได้
ก่อนวันแต่งงานก็พอ ฉันแล้วก็เพื่อนๆทุกคนอยากให้แก
มีความสุขจริงๆนะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแกยังมีพวกเรรู้มั้ยตรัย"
หมอแอ๊ดยิ้มหวานให้เพื่อน ขณะที่คุณหมอตรัยแทบจะยิ้มตอบ
ไม่ออก ชายหนุ่มพาหัวใจอันหนักอึ้งขึ้นเครื่องบินกลับไปยัง
แดนจิงโจ้อย่างแสนสับสน
เมื่อกลับมาที่ออสเตรเลียอีกครั้ง มุมมองชีวิตในต่างแดนของ
นายแพทย์หนุ่มก็เริ่มเปลี่ยนไป ความถวิลหาบ้านเกิดมีมากกว่า
ครั้งที่จากเมืองไทยเพื่อมาศึกษาเล่าเรียน
อาจเพราะครั้งนี้มีแรงกดดันที่จะต้องใช้ชีวิตในแดนจิงโจ้แบบ
ยาวนานอย่างไม่มีกำหนด เมื่อลึกๆในใจชายหนุ่มรู้สึกต่อต้าน
การแสดงออกต่อสิ่งรอบกายตลอดจนหญิงสาวที่เป็นว่าที่ภริยา
จึงเป็นไปอย่างเฉื่อยชา
วันหนึ่งคุณหมอตรัยจึงออกปากถามความคิดเห็นจากอนาคตคู่ชีวิต
"เอวา คุณจะว่ายังไงถ้าผมคิดว่า เรา...น่าจะไปอยู่ประเทศไทย
คือ..หมายความว่า ไปทำงาน ไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นน่ะ"
หญิงสาวของเขาตาโตพร้อมกับอุทานอย่างตกใจ
"Oh..GOD!!! ตรัย คุณพูดอะไรออกมาน่ะ คุณก็รู้มันเป็นไปไม่ได้
ที่ฉันย้ายมาอยู่ที่ออสเตรเลียนี่ก็เพราะมันเป็นความใฝ่ฝันของฉัน
ฉันรักที่นี่และฉันจะไม่มีทางย้ายไปที่ไหนอื่นอีกอย่างแน่นอน"
สาวนัยน์ตาสีเขียวชี้แจง ว่าที่จริงหล่อนก็เริ่มเบื่อชายหนุ่มจาก
ประเทศไทยขึ้นมาบ้างแล้วหลังจากใช้ชีวิตด้วยกันมาเกือบสามปี
ยิ่งใกล้จะแต่งงานกัน แต่ว่าที่เจ้าบ่าวของหล่อนกลับมีทีท่าไม่
สดชื่นเท่าที่ควร
ทำให้สาวมั่นอย่างเอวา เรอนัวต์ รู้สึกขัดใจเป็นยิ่งนัก ที่สำคัญ
ตอนนี้หล่อนมีชายหนุ่มคนใหม่เข้ามาทำให้หัวใจกระชุ่มกระชวย
ได้สักพักใหญ่แล้ว
ที่ผ่านมาหล่อนรู้สึกเบื่อกับชีวิตโสดและเสียงค่อนขอดจาก
คนรอบข้างเรื่องการคบหาชายหนุ่มไม่ซ้ำหน้า แถมยังไม่มี
วี่แววจะแต่งงานสักทีทั้งๆที่หล่อนเองก็สวยซะขนาดนี้
เมื่อมาพบคุณหมอตรัยจากไทยแลนด์ผู้แสนจะเป็นสุภาพบุรุษ
และแฟมิลี่แมนเอามากๆ สาวสวยจากฝรั่งเศสจึงคิดสละโสด
ทว่าตอนนี้เหตุการณ์กลับไม่เป็นไปตามที่หล่อนหวัง ชายหนุ่ม
คนใหม่ที่เข้ามาพร้อมกับความตื่นเต้นเร้าใจ ชวนให้เคลิบเคลิ้ม
ผิดกับว่าที่เจ้าบ่าวที่นับวันจะทำตัวน่าเบื่อมากขึ้นทุกทีในสายตา
ของหญิงสาว
เมื่อทั้งคู่ต่างก็มีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ทำให้นายแพทย์หนุ่ม
และว่าที่เจ้าสาวมีเรื่องขัดแย้งกันบ่อยขึ้น....จากการเถียงกัน
อย่างธรรมดาๆในวันหนึ่งนำไปสู่การไม่พูดไม่คุยกันในเวลาต่อมา
คุณหมอตรัยรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับการใช้ชีวิตต่างแดนในตอนนี้มาก
เขาอยากกลับประเทศไทยเป็นที่สุด ทำให้พาลเบื่อและไม่อยาก
คุยกับว่าที่เจ้าสาวที่คุยกันทีไรก็ชวนทะเลาะกันทีนั้น
...เมื่อมาถึงขีดสุดของความอดทน ทั้งคู่จึงหันหน้าเข้าหากัน
อีกครั้ง คราวนี้ทั้งสองคนตัดสินใจที่จะบอกความรู้สึกที่แท้จริง
ของตนให้อีกฝ่ายรับรู้
หลังจากเปิดอกคุยกันอย่างหมดเปลือกทั้งคุณหมอตรัยและ
เอวา เรอนัวต์ ที่ต่างก็รู้แล้วว่าแต่ละคนคิดอย่างไรกันในตอนนี้
ก็ได้ตัดสินใจยุติความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายลงท่ามกลาง
ความประหลาดใจของเพื่อนร่วมงานของทั้งสอง
แต่สำหรับทางฝั่งครอบครัวและเพื่อนๆของหมอตรัยนั้น
ออกจะเฉยๆ...ก็ชินแล้วนี่นา
หกเดือนต่อมา เอวา เรอนัวต์ก็ตัดสินใจก้าวเข้าสู่ประตูวิวาห์
กับเจ้าบ่าวผิวหมึกนักบาสเก็ตบอลอาชีพ โดยมีคุณหมอตรัย
อดีตคนรักมาร่วมแสดงความยินดีอย่างจริงใจ
แล้วเดือนต่อมาคุณหมอตรัยก็เดินทางกลับประเทศไทยมา
ทำงานที่โรงพยาบาลพญาเย็นตามคุณหมอแอ๊ดในที่สุด
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ