เดชแม่ยาย
9.3
2) โสภาค่ะ เรียกโสเฉยๆก็ได้
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ.เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากนั้นอีก 19 ปี ต่อมา.....
....ที่ท้ายหมู่บ้านนางรอง มีบ้านหลังใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินที่ดินที่เป็นของตัวเอง เนินนี้กว้างใหญ่เนื้อที่กว่า 10ไร่ถูกล้อมไว้ด้วยรั้วปูนแน่นหนา ภายในนอกจากบ้านหลังใหญ่แล้วยังมีเรือนขนาดย่อมอยู่สองหลัง นอกจากนั้นภายในรั้วยังมีสระน้ำขนาดใหญ่และสวนหย่อมตบแต่งสวยงาม ตรงเนินที่สูงหน้าบ้านมีศาลาทรงกลม มีโต๊ะหินอ่อนและเก้าอี้โยกไม้มะค่าตั้งอยู่ ในบ้านหลังนี้มีชายหนุ่มใหญ่อาศัยอยู่เพียงลำพังอายุราวๆเกือบๆ 40 ปี ชายคนนี้อื่ม....หน้าตาก็....พอดูดี...ก็แล้วกัน รูปร่างของเขาสูงใหญ่ ค่อนข้างท้วมตามวัยที่มากขึ้น แต่ท่าทางของเขายังคล่องแคล่ว พูดจายังเอะอะเสียงดัง และโผงผางแต่จริงใจ ฐานะของเขาเข้าขั้นเศรษฐีบ้านนอก และเป็นผู้ใหญ่บ้านที่ชาวบ้านเคารพนับถือผูกขาดการเป็นผู้ใหญ่บ้านของที่นี่มานานนับสิบๆปีชื่อเสียงความกล้าหาญของเขาระบือลือลั่นไปทั่วเขาครองตัวเป็นโสดมาตั้งแต่ยังหนุ่ม ทุกวันเหมือนเฝ้ารอใครบางคน และยังคงตั้งหน้าตั้งตารออยู่อย่างนั้น และการรอคอยนั้นดูเหมือนจะยาวนานอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แต่เขาก็ยังเฝ้ารอต่อไปอย่างไม่ลดละ...ครับ...ชายหนุ่มใหญ่คนนั้นก็คือ....เอ่อ...ผมเองนี่แหละ....
....ผมเป็นผู้ใหญ่บ้านนางรองที่คนเคารพนับถือ หมู่บ้านที่ความเจริญหลั่งใหลเข้ามาดั่งสายน้ำป่าใหลหลาก ผมเป็นคนอายุเกือบๆ 40ปีที่ผ่านร้อนผ่านหนาวสู้ชีวิตมาอย่างโชกโชน ได้เรียนรู้เทคโนโลยี่ใหม่ๆ ตั้งแต่โทรศัพท์บ้านไล่มาจนถึงสิ่งที่นิยมในปัจจุบันที่เรียกว่า มือถือและ B.Bได้ใช้คอมพิวเตอร์ ได้ท่องอินเตอร์เน็ท ได้รู้จักเว็บทั้งหลาย ได้เห็นความก้าวหน้าของสิ่งประดิษฐ์อันทันสมัยมากมายได้รับรู้ข่าวและเรื่องราวความเป็นไปของโลกใบนี้และได้ร่วมอาศัยอยู่ในโลกยุคนี้ที่เรียกกันว่ายุคของการสื่อสารไร้พรมแดน....
วันนี้ก็เหมือนเช่นทุกวันที่ผ่านมาผมกำลังนั่งดื่มกาแฟอยู่ที่ศาลาเสากลมหน้าบ้านในยามบ่าย ผมนั่งเหม่อมองไปที่ถนนเฝ้าดูรถยนต์วิ่งผ่านไปมาด้วยความหวังว่าจะมีสักคันมาจอดและพาสร้อยกลับมาหาผม สายใจแม่บ้านทรงโตหน้าตาเข้าขั้นสวยนำขนมมาวางที่โต๊ะหินอ่อน เธอเป็นคนดูแลบ้านให้ผม พร้อมๆกับเป็นคู่สวาทบางครั้งยามที่ผมมีความต้องการ เธออาศัยอยู่กับพ่อและแม่ในหมู่บ้าน เธอเป็นหนึ่งในคนที่หมายจะมานั่งเป็นคุณนายที่บ้านนี้ดังเช่นหญิงสาวอีกหลายๆคนที่พยายามเข้ามามีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผม แต่ไม่เคยมีใครเข้ามาเป็นได้เพราะที่ตรงนั้น ผมเก็บเอาไว้รอให้สร้อยกลับมารับ แต่ทว่า 19 ปีผ่านไป แม้นแต่ข่าวของเธอก็ไม่มีกลับมาเลย เธออยู่ที่ไหนนะสร้อย....
....เจ้าคมรุ่นน้องคนสนิทเก่าแก่ที่อยู่ในวัยไล่เลี่ยกันขับรถปุโรทั่งเข้ามาจอด มันเดินเข้ามาแล้วยกมือไหว้ผมตามธรรมเนียมมันเดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้างผม
“ว่าไงพี่? วันนี้ไม่ไปไหนหรอ?”
“ไป?กูว่าจะไปเก็บเงินค่าเช่าที่ของตลาดกูน่ะ”ผมตอบเรียบแล้วเหม่อมองไปเรื่อยเปื่อย
เจ้าคมมองผมแล้วถอนหายใจ
“เมื่อไหร่พี่จะมีชีวิตชีวาทำตัวให้สมกับฐานะสักทีล่ะพี่? ผมเห็นพี่อยู่เซ้งๆไปวันๆ พี่จะมัวเอาชีวิตทั้งชีวิตมาเฝ้ารอคนที่ไม่มีวันกลับมาทำไม?”
“กูรู้สึกว่าเขาจะกลับมา”ผมตอบไปเรียบๆไร้อารมณ์
“รู้สึก? พี่รู้สึกมา 19 ปีแล้วนะ แล้วพี่จะรู้สึกไปอีกกี่ปี?”
“ผมรู้ว่าพี่เป็นคนที่ไม่ยอมสิ้นหวังง่ายๆ แต่...นี่...มันหวัง...จน....”เจ้าคมหันมามองผมแล้วก็หยุดพูดอย่างเซ็งๆ
สายใจแม่บ้านทรงมหึมาหน้าตาหมดจดเดินถือถาดน้ำยิ้มหวานมาเสริฬให้เจ้าคม
“มาชวนพี่เค้าไปเที่ยวไหนล่ะวันนี้”สาวทรงโตเอ่ยถาม
“เปล่า? ไม่มีอะไรทำเลยแวะมาคุยกับพี่เค้า”
เจ้าคมตอบแล้วตาวาวเมื่อสายใจก้มวางแก้ว ร่องนมคู่ใหญ่แทบจะล้นออกมาจากเสื้อคอกว้างคว้านลงมาถึงร่อง
“ชวนพี่เขาไปเที่ยวไหนบ้างก็ได้ แต่อย่าชวนไปซุกซนก็พอ?”
แล้วสายใจก็ยิ้มหวานก่อนสะบัดสะโพกอวบอัดเดินหายเข้าไปในบ้าน เจ้าคมกลืนน้ำลายตามดังเอื้อก
“พี่? ทุกวันนี้ชีวิตของพี่นี่มันสุดยอดแล้วนา ดูสิ บ้านช่องใหญ่โต เงินทองกิจการมากมาย สาวๆทั้งหมู่บ้านใครๆก็อยากได้พี่เป็นผัว เฮ้อ.....? ผมละไม่เข้าใจพี่จริงๆ....ไม่เข้าใจพี่เลย ว่าทำไมมหาความสุขใส่ตัวบ้าง นั่งมองห่อเหี่ยวไปอย่างไร้จุดหมาย ไปวันๆ ตื่นจากฝันในช่วงวัยรุ่นได้แล้ว...”
ส่วนผมก็นั่งเงียบฟังมันพล่ามไป ไม่อยากต่อปากต่อคำกับมัน
เจ้าคมถอนใจ แล้วมองผมอีกครั้ง พ่อกับแม่ของผมไปสวรรค์หมดแล้ว เหลือเพียงสถูปของท่านที่ผมสร้างไว้ในบริเวณท้ายเนินยามเหงาผมมักจะไปนั่งที่นั่นลำพัง ส่วนพ่อกับแม่ของสร้อยก็ย้ายเข้ากรุงเทพฯไปอยู่กับลูกสาวแล้วข่าวคราวก็เงียบหายไป คนเก่าๆแก่ๆเริ่มล้มหายตายจากไป แล้วคนหนุ่มๆอย่างผมก็กลายมาเป็นคนเก่าๆแก่ๆแทนแล้วเด็กๆก็ขึ้นมาเป็นหนุ่มๆสาวๆแทน นี่คือวัฏจักร เก่าไปใหม่มา
“ไปตลาดกันเถอะ กูนัดเก็บเงินตอนเช้า นี่บ่ายแล้ว มึงขับรถให้กูนั่งหน่อย วันนี้กูไม่มีอารมณ์ขับว่ะ”
....เจ้าคมเดินไปที่รถโฟร์-วีลล์ คันใหญ่สีเขียวมันเป็นรถคันโปรดของผม วันที่ผมเห็นผมก็อยากได้เพราะหวังจะเอามาขับให้คนรู้ใจนั่ง นอกจากเจ้าคมแล้ว ผมไม่เคยให้ใครนั่งรถคันนี้ แม้นมันจะมีราคาถูกที่สุดในจำนวนรถยนต์ที่ผมมี แต่ผมชอบใช้มันจนกลายเป็นรถประจำตัว และคนทั้งหมู่บ้านจะรู้ทันทีว่าผมมาแล้วหรืออยู่ที่ตรงนั้นเมื่อเห็นรถคันนี้ เจ้าคมถอยรถมารับผมที่ลานหน้าบ้าน ผมเปิดประตูขึ้นนั่ง สั่งให้มันตรงไปที่ตลาด....
....ตลาดสดบ้านนางรอง ตลาดสดที่กว้างขวางสะอาด และพลุกพล่านที่สุดในตำบล ผมสร้างขึ้นมาจากครั้งแรกบนที่ดินว่างเปล่าไร้คนสนใจ พัฒนาเรื่อยมาจนกลายเป็นศูนย์รวมตลาดขายส่งสำคัญ หลังจากมาถึงผมก็เข้าออฟฟิตตลาดเคีรืยบัยชีและฟังรายงานละเยี่ยมบรรดาพ่อค้าแม่ค้าเรียบร้อย ผมก็ให้เจ้าคมไปเอารถที่จอดอยู่ท้ายตลาด ระหว่างที่ผมยืนรออยู่นั้น...
เจ้าชม รุ่นน้องคนหนึ่งก็เดินเข้ามาทักและยกมือไหว้
“หวัดดีพี่? มาทำอะไร”มันยิ้มร่าตามสไตส์ของมัน
“ข้ามาเก็บเงินค่าเช่าแผงในตลาดนะสิ แล้วเอ็งล่ะ?”ผมรับไหว้และตอบไปตามมารยาท
“ผมพาหลานสาวมาชื้อของ มันเพิ่งมาจากกรุงเทพฯ เรียนจบม.6 แล้วไม่มีทุนเรียนต่อ มันเลยมาอยู่ที่นี่ว่าจะมาขายหมูปิ้งที่หน้า สำนักงาน อบต.หาค่าเรียนกับค่าหน่ยวกิจพี่อย่าลืมไปช่วยอุดหนุนบ้างล่ะ?”
ผมเองแปลกใจเพราะเจ้าชมมันไม่เคยมีญาติอยู่กรุงเทพฯ แต่ก็ไมได้สงสัยอะไร
“เออ..ว่างๆแล้วข้าจะไปช่วยอุดหนุน”ผมรับปากส่งๆไป
“นั่นไง?มาโน่นแล้ว เอ้าท์? ไหว้ผู้ใหญ่เสียสิ ยัยโส..?”
ผมหันไปตามที่เจ้าชมบอก แล้ว....แล้วผมก็ได้เห็นภาพผู้หญิงที่งดงามที่สุดอีกคนในชีวิตของผม....
เด็กสาวคนนั้นเธอเดินเข้ามาใกล้ แล้วยกมือไหว้ผม ผมรับไหว้แล้วตะลึงตาค้าง
เด็กสาวร่างเล็กพอเหมาะ หน้ารูปไข่ผิวขาว ตากลมโตแววใสซื่อเจือจะขี้เล่นซุกซน จมูกโด่ง เรียวปากบางเหมาะเจาะรับกับใบหน้ารูปร่างสมส่วนไม่อ้วนไม่ผอมกำลังอวบอัดตามประสาสาววัยรุ่น เธอใส่เสื้อยืดคอวีสีม่วง กางเกงยีนต์เอวต่ำ ผมยาวสยายย้อมสีน้ำตาลจางๆยามต้องลมพลิ้วไสว ผมเห็นเธอถึงกับตะลึง แต่สำหรับคนอื่นๆ เธออาจเป็นเด็กสาวธรรมดาหน้าตาพื้นๆแต่งตัวบ้านๆ แต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่าเธอ......
....เธอเดินเยื้องกายเข้ามาในสายตาของผมราวกับภาพสโลว์ รอบกายของเธอสว่างไสว จนผมรู้สึกว่าสรรพสิ่งรอบตัวผมมันหยุดนิ่งไปหมด มีเพียงเธอเท่านั้นที่เคลื่อนไหวอยู่....
เด็กสาวเดินมาหยุดตรงหน้าผม ดวงตากลมโตจ้องมาที่ผม เมื่อตาประสานกันใจของผมเต้นตูมๆ มือไม้สั่น จนเหงื่อซึมออกมา ลมหายใจติดขัด เลือดในกายฉีดพล่าน แทบจะยืนไม่อยู่
“เป็นอะไรไปล่ะพี่?”เสียงเจ้าคมทักเรียกสติที่กำลังจะเตลิดของผมให้กลับมา
“พี่เป็นไรไปหรอ? ท่าทางเหมือนจะเป็นลม” เจ้าชมก็ทักผมด้วย
“เออ....กูไม่เป็นไร แค่มันตื่นเต้นนิดหน่อย เดี๋ยวกูก็หายแล้ว”
...ผมสะบัดมือจากการจับของเจ้าชมกับเจ้าคม และสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลันกลิ่นกายอันหอมระรื่นจากร่างกายของสาวน้อยตรงหน้าก็ถูกสูดเข้าไปเต็มปอดของผม มันชื่นใจและหอมหื่นบอกไม่ถูก กลิ่นนี้มันเป็นกลิ่นที่คุ้นเคยและจางหายไปจากนาสิกของผมนานนับสิบๆปี ใช่ตั้งแต่สร้อยจากไป ผมไม่เคยได้กลิ่นนี้อีกเลย คราวนี้ร่างกายของผมปั่นป่วนไปใหญ่ โดยเฉพาะตรงท่อนเอ็น ที่หลังๆมานี่มันมีหน้าที่เพียงใช้ฉี่และอยู่เป็นเพื่อนไข่ไม่ให้เหงา มันเกิดแข็งโด่ตั้งลำมาดื้อๆ ดีที่เป้ากางเกงยีนต์มันตึงรัดไว้ แต่ก็ยังสังเกตเห็นได้ชัดว่ามันโด่....
“ก็พี่อายุเยอะแล้วนี่ ระวังตัวไว้บ้างนะ เป็นลมบ่อยๆ เดี๋ยวล้มหัวฟาดพื้น อัมพาทส์จะถามหา”
ผมมองหน้าเจ้าชมตาขวาง”ใครอายุเยอะวะ แค่กูเกิดก่อนมึงนานหน่อยแค่นั้นแหละ”
“อ้าวพี่?มีอารมณ์ด่าคนแล้วเรอะ ผมเห็นพี่ไร้อารมณ์มานานแล้ว ลมมันตีกลับหรือไง?”เจ้าคมพูดอย่างแปลกใจ
ใช่ผมทำท่าซังกะตายมานานแล้ว ไม่ยินดียินร้ายอะไรมาโดยตลอด แต่ทำไมตอนนี้ผมถึงคึกคักขึ้นมาได้ เด็กสาวคนนี้หรือคือที่มาของอาการประหลาดนี้ ที่มาของอารมณ์ที่เรียกว่า มีชีวิตชีวา.....
เด็กสาวหัวเราะคิกคักที่พวกเราเถียงกัน ผมจ้องตาเธอแล้วเสียววูบในหัวใจ รู้สึกเขินๆเหมือนหนุ่มน้อยวัยรุ่นที่ได้เจอสาวที่ถูกใจ ผมกัดฟันถามเธอไปอย่างลำบาก
“เอ่อ...เธอชื่ออะไรนะ?...”
เด็กสาวสบตาผม แววตาขี้เล่นใสซื่อทำเอาผมร้อนหน้าวูบๆ
“โสภาค่ะ...เรียก..โส..เฉยๆก็ได้....”เสียงใสๆตอบมา
และยังดังก้องในหัวของผม น้ำเสียงไพเราะจับใจ “โสภาค่ะ...เรียก..โส...เฉยๆก็ได้.......”มันดังก้องตรึงใจอยู่อย่างนั้น
“เป็นไรไปพี่?”เสียงเจ้าคมเรียกผมออกจากภวังค์อีกครั้ง
“มึงเรียกอะไรกูนักหนาว่ะ ไอ้วรนุชคม”ผมด่ามันอย่างหงุดหงิด แต่เจ้าคนถูกด่ากลับทำสีหน้าแปลกใจ
เจ้าคมมองเด็กสาวและหันมามองผมและพยักหน้าทำท่าเข้าใจ
“เอ่อ...นี่ใช่ผู้ใหญ่บ้านนางรองหรือเปล่าคะ?”เสียงใสๆฟังแล้วชื่นใจถามมา
“ชะ...ชะ...ชะ...ใช่จ๊ะ...”
“แหมรูปร่างบึกบึ้นน่าเกรงขามสมคำเล่าลือเลยนะ”
“เอ่อ...หนูโสรู้จักลุงเอ้ย...ผม...เอ้ย...พะ..พี่...ด้วยหรอ?”
“โอ้โฮ้พี่?...รุ่นนี้พี่คุยด้วยกล้าแทนตัวว่าพี่อีกหรอ?”เสียงเจ้าชมขัดมา
ผมมองหน้าเจ้าชมตาขวาง”กูคุยกับมึงหรอ?เงียบไปเลยนะ...”
เจ้าชมหน้าสลดไป เด็กสาวหัวเราะเสียงใส
“เรียกพี่ก็ยังไหวค่ะ? ถ้าผู้ใหญ่อยากให้เรียกอย่างนั้น...”
“อืม..ดะ..ดี..เรียกพี่นี่แหละชอบ มันดูสนิทสนมดี...ว่าแต่เห็นเจ้าชมมันบอกว่าหนู..เอ้ย...โสขาดค่าเทอมกับค่าหน่ยวกิจเหรอ...เอ่อ.คะ..คือ...พี่อยากจะ...”
“หยุดเลยนะพี่...ยัยโสนี่หลานของผมนะ ถ้ามันอยากจะใช้ทางรัดหาค่าหน่ยวกิจอย่างนั้นล่ะก้อ ที่กรุงเทพฯมีคนอยากออกให้มันเยอะเลย ไม่ต้องถ่อมาขอพี่ถึงนี่หรอก...”
ผมมองมันตาขวางๆมันหน้าสลดไปอีกครั้ง
“มึงดูถูกกูนะนี่ กิจการกูเยอะแยะ ขาดคนดูแลตั้งหลายที่ ถ้าหลานของมึงเขาอยากมาเป็นผู้ช่วยของกูนะ กูก็จ้างได้ ไม่ต้องไปปิ้งหมูขายให้ลำบาก มึงนี่ดูถูกกูนะ กูไม่ชวนน้องโสไปทำ..เอ่อ...สกปรกอย่างที่มึงคิดหรอก.....”
เด็กสาวมองผมตาเป็นประกาย รอยยิ้มใสๆจับใจไม่วาย
“แล้วโสจะรับไว้พิจจารณานะค่ะ ขอบคุณเอ่อ...พี่..ผู้ใหญ่ค่ะ...”เด็กสาวยกมือไหว้ผม”โส..เอ่อ..ขอตัวก่อนนะค่ะ..”
แล้วโสภาก็ยกข้าวของที่จะไปทำหมูปิ้งขายไปขึ้นรถมอร์เตอร์ไซร์พ่วงเก่าๆของเจ้าชม
“ไอ้คม? มึงจะยืนเป็นวรนุชเฝ้าถังขยะทำไม ช่วยน้องโสเขายกของขึ้นรถสิ”
“อะไรนะ?น้องโส....ช่างกล้าพูดนะ....แต่ทำไม ไม่เอารถตามไปส่งเลยล่ะ?”
“ทำตามที่กูสั่งพอ...”
“ตามบัญชาครับ....เจ้านาย....”
ผมยืนมองเจ้าชมขี่รถเก่าที่มีโสภานั่งพ่วงข้างๆออกไป ในใจคิดว่าเด็กน่ารักๆอย่างนี้ไม่สมควรมานั่งรถเก่าๆใกล้พังอย่างนั้นเลย เด็กสาวหันมายิ้มให้ผม ไม่พอน้อง พี่ขออีกหน่อย เออ..อย่างนั้นโบกมือให้พี่ด้วยอีหนู...นั่น...ดีมาก....โบกมือพร้อมรอยยิ้มหวานๆให้เราด้วย ถ้าจะมีใจให้เราบ้างแล้ว.....ทำไมถึงรู้สึกกระชุ่มกระชวยจังเลยวะ....
...รถโฟร์-วีลล์ล้อใหญ่ของผมวิ่งตรงกลับบ้านเจ้าคมรับเป็นสารถีเช่นตอนมา ผมมองไปที่หน้าต่างกระจกติดฟิมล์ ใจคะนึงคิดถึงสาวน้อยวัยใสคนนั้นไม่จาง ทำไมได้อยู่ใกล้แล้วโลกนี้มันสุดสวยโสภาราวชื่อของเธอเสียจริง รู้สึกราวกับสิ่งที่ผมรอคอยมาเกือบจะชั่วชีวิตกำลังจะสิ้นสุดลง
“พี่?ทำไมเงียบไปอีกแล้วล่ะ?”เจ้าคมทักผมเมื่อเห็นผมเงียบๆไป
“เปล่า? กูกำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย”
“เรื่อยเปื่อยที่ว่านะ คิดอะไร คิดถึงเด็กคนนั้นหรือเปล่า”เจ้าคมถามแล้วยิ้มๆ
“บ้ากูกำลังคิดเรื่องงานโว้ย....”
“จริงอ่ะ?”เจ้าคมถามกระเซ้า...
“จริงสิว่ะ...”ผมตวาดมันไปแบบเขินๆ
“ผมเห็นพี่กลับมามีชีวิตชีวาผมก็ดีใจด้วย ท่าทางอีหนูคนนั้นจะมีดีอะไรบางอย่างโดนใจพี่เข้าให้แล้วม้าง....จนทำให้พี่กลับมาคึกคักได้นะ”
“ไม่เกี่ยวกับเด็กคนนั้นหรอก มึงนี่มั่ว”ผมดุเจ้าคมกลบเกลื่อน
“อ่ะ?ไม่เกี่ยวก็ไม่เกี่ยว แต่ผมดีใจด้วยที่พี่กลับมาร่าเริงได้อีกครั้ง ชีวิตพี่จะได้มีสีสันเสียที...”
ผมมองกระจกที่ติดฟิมล์ดำก็เห็นภาพสาวน้อยปรากฎอยู่ พร้อมประโยคแรกที่เธอพูดกับผม
”โสภาค่ะ...เรียกโสเฉยๆก็ได้..”
ประโยคนั้นดังก้องซ้ำๆ โสภา....ชื่อที่ผมอยากเรียกบ่อยๆและก็อยากจะเรียกทุกวันเลย....
“กูก็คิดเหมือนมึงแหละไอ้คม?”ผมเอ่ยขึ้นมาหลังจากละสายตามามองไปยังเบื้องหน้า”กูรู้สึกว่าชีวิตของกูน่าจะมีสีสันและเรื่องราวอีกเยอะเลย....กูอาจจะได้พบกับเรื่องที่กูไม่คิดว่าจะได้เจอะได้เจอ และมันจะมาพร้อมๆกับเด็กคนนั้น...เด็กสาวที่ชื่อ...โสภา...น่ะ....”
ผมยิ้มน้อยๆที่มุมปาก เสียงนั้นยังก้องอยู่ในหูของผม
“โสภาค่ะ....เรียกโสเฉยๆก็ได้................
....ที่ท้ายหมู่บ้านนางรอง มีบ้านหลังใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินที่ดินที่เป็นของตัวเอง เนินนี้กว้างใหญ่เนื้อที่กว่า 10ไร่ถูกล้อมไว้ด้วยรั้วปูนแน่นหนา ภายในนอกจากบ้านหลังใหญ่แล้วยังมีเรือนขนาดย่อมอยู่สองหลัง นอกจากนั้นภายในรั้วยังมีสระน้ำขนาดใหญ่และสวนหย่อมตบแต่งสวยงาม ตรงเนินที่สูงหน้าบ้านมีศาลาทรงกลม มีโต๊ะหินอ่อนและเก้าอี้โยกไม้มะค่าตั้งอยู่ ในบ้านหลังนี้มีชายหนุ่มใหญ่อาศัยอยู่เพียงลำพังอายุราวๆเกือบๆ 40 ปี ชายคนนี้อื่ม....หน้าตาก็....พอดูดี...ก็แล้วกัน รูปร่างของเขาสูงใหญ่ ค่อนข้างท้วมตามวัยที่มากขึ้น แต่ท่าทางของเขายังคล่องแคล่ว พูดจายังเอะอะเสียงดัง และโผงผางแต่จริงใจ ฐานะของเขาเข้าขั้นเศรษฐีบ้านนอก และเป็นผู้ใหญ่บ้านที่ชาวบ้านเคารพนับถือผูกขาดการเป็นผู้ใหญ่บ้านของที่นี่มานานนับสิบๆปีชื่อเสียงความกล้าหาญของเขาระบือลือลั่นไปทั่วเขาครองตัวเป็นโสดมาตั้งแต่ยังหนุ่ม ทุกวันเหมือนเฝ้ารอใครบางคน และยังคงตั้งหน้าตั้งตารออยู่อย่างนั้น และการรอคอยนั้นดูเหมือนจะยาวนานอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แต่เขาก็ยังเฝ้ารอต่อไปอย่างไม่ลดละ...ครับ...ชายหนุ่มใหญ่คนนั้นก็คือ....เอ่อ...ผมเองนี่แหละ....
....ผมเป็นผู้ใหญ่บ้านนางรองที่คนเคารพนับถือ หมู่บ้านที่ความเจริญหลั่งใหลเข้ามาดั่งสายน้ำป่าใหลหลาก ผมเป็นคนอายุเกือบๆ 40ปีที่ผ่านร้อนผ่านหนาวสู้ชีวิตมาอย่างโชกโชน ได้เรียนรู้เทคโนโลยี่ใหม่ๆ ตั้งแต่โทรศัพท์บ้านไล่มาจนถึงสิ่งที่นิยมในปัจจุบันที่เรียกว่า มือถือและ B.Bได้ใช้คอมพิวเตอร์ ได้ท่องอินเตอร์เน็ท ได้รู้จักเว็บทั้งหลาย ได้เห็นความก้าวหน้าของสิ่งประดิษฐ์อันทันสมัยมากมายได้รับรู้ข่าวและเรื่องราวความเป็นไปของโลกใบนี้และได้ร่วมอาศัยอยู่ในโลกยุคนี้ที่เรียกกันว่ายุคของการสื่อสารไร้พรมแดน....
วันนี้ก็เหมือนเช่นทุกวันที่ผ่านมาผมกำลังนั่งดื่มกาแฟอยู่ที่ศาลาเสากลมหน้าบ้านในยามบ่าย ผมนั่งเหม่อมองไปที่ถนนเฝ้าดูรถยนต์วิ่งผ่านไปมาด้วยความหวังว่าจะมีสักคันมาจอดและพาสร้อยกลับมาหาผม สายใจแม่บ้านทรงโตหน้าตาเข้าขั้นสวยนำขนมมาวางที่โต๊ะหินอ่อน เธอเป็นคนดูแลบ้านให้ผม พร้อมๆกับเป็นคู่สวาทบางครั้งยามที่ผมมีความต้องการ เธออาศัยอยู่กับพ่อและแม่ในหมู่บ้าน เธอเป็นหนึ่งในคนที่หมายจะมานั่งเป็นคุณนายที่บ้านนี้ดังเช่นหญิงสาวอีกหลายๆคนที่พยายามเข้ามามีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผม แต่ไม่เคยมีใครเข้ามาเป็นได้เพราะที่ตรงนั้น ผมเก็บเอาไว้รอให้สร้อยกลับมารับ แต่ทว่า 19 ปีผ่านไป แม้นแต่ข่าวของเธอก็ไม่มีกลับมาเลย เธออยู่ที่ไหนนะสร้อย....
....เจ้าคมรุ่นน้องคนสนิทเก่าแก่ที่อยู่ในวัยไล่เลี่ยกันขับรถปุโรทั่งเข้ามาจอด มันเดินเข้ามาแล้วยกมือไหว้ผมตามธรรมเนียมมันเดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้างผม
“ว่าไงพี่? วันนี้ไม่ไปไหนหรอ?”
“ไป?กูว่าจะไปเก็บเงินค่าเช่าที่ของตลาดกูน่ะ”ผมตอบเรียบแล้วเหม่อมองไปเรื่อยเปื่อย
เจ้าคมมองผมแล้วถอนหายใจ
“เมื่อไหร่พี่จะมีชีวิตชีวาทำตัวให้สมกับฐานะสักทีล่ะพี่? ผมเห็นพี่อยู่เซ้งๆไปวันๆ พี่จะมัวเอาชีวิตทั้งชีวิตมาเฝ้ารอคนที่ไม่มีวันกลับมาทำไม?”
“กูรู้สึกว่าเขาจะกลับมา”ผมตอบไปเรียบๆไร้อารมณ์
“รู้สึก? พี่รู้สึกมา 19 ปีแล้วนะ แล้วพี่จะรู้สึกไปอีกกี่ปี?”
“ผมรู้ว่าพี่เป็นคนที่ไม่ยอมสิ้นหวังง่ายๆ แต่...นี่...มันหวัง...จน....”เจ้าคมหันมามองผมแล้วก็หยุดพูดอย่างเซ็งๆ
สายใจแม่บ้านทรงมหึมาหน้าตาหมดจดเดินถือถาดน้ำยิ้มหวานมาเสริฬให้เจ้าคม
“มาชวนพี่เค้าไปเที่ยวไหนล่ะวันนี้”สาวทรงโตเอ่ยถาม
“เปล่า? ไม่มีอะไรทำเลยแวะมาคุยกับพี่เค้า”
เจ้าคมตอบแล้วตาวาวเมื่อสายใจก้มวางแก้ว ร่องนมคู่ใหญ่แทบจะล้นออกมาจากเสื้อคอกว้างคว้านลงมาถึงร่อง
“ชวนพี่เขาไปเที่ยวไหนบ้างก็ได้ แต่อย่าชวนไปซุกซนก็พอ?”
แล้วสายใจก็ยิ้มหวานก่อนสะบัดสะโพกอวบอัดเดินหายเข้าไปในบ้าน เจ้าคมกลืนน้ำลายตามดังเอื้อก
“พี่? ทุกวันนี้ชีวิตของพี่นี่มันสุดยอดแล้วนา ดูสิ บ้านช่องใหญ่โต เงินทองกิจการมากมาย สาวๆทั้งหมู่บ้านใครๆก็อยากได้พี่เป็นผัว เฮ้อ.....? ผมละไม่เข้าใจพี่จริงๆ....ไม่เข้าใจพี่เลย ว่าทำไมมหาความสุขใส่ตัวบ้าง นั่งมองห่อเหี่ยวไปอย่างไร้จุดหมาย ไปวันๆ ตื่นจากฝันในช่วงวัยรุ่นได้แล้ว...”
ส่วนผมก็นั่งเงียบฟังมันพล่ามไป ไม่อยากต่อปากต่อคำกับมัน
เจ้าคมถอนใจ แล้วมองผมอีกครั้ง พ่อกับแม่ของผมไปสวรรค์หมดแล้ว เหลือเพียงสถูปของท่านที่ผมสร้างไว้ในบริเวณท้ายเนินยามเหงาผมมักจะไปนั่งที่นั่นลำพัง ส่วนพ่อกับแม่ของสร้อยก็ย้ายเข้ากรุงเทพฯไปอยู่กับลูกสาวแล้วข่าวคราวก็เงียบหายไป คนเก่าๆแก่ๆเริ่มล้มหายตายจากไป แล้วคนหนุ่มๆอย่างผมก็กลายมาเป็นคนเก่าๆแก่ๆแทนแล้วเด็กๆก็ขึ้นมาเป็นหนุ่มๆสาวๆแทน นี่คือวัฏจักร เก่าไปใหม่มา
“ไปตลาดกันเถอะ กูนัดเก็บเงินตอนเช้า นี่บ่ายแล้ว มึงขับรถให้กูนั่งหน่อย วันนี้กูไม่มีอารมณ์ขับว่ะ”
....เจ้าคมเดินไปที่รถโฟร์-วีลล์ คันใหญ่สีเขียวมันเป็นรถคันโปรดของผม วันที่ผมเห็นผมก็อยากได้เพราะหวังจะเอามาขับให้คนรู้ใจนั่ง นอกจากเจ้าคมแล้ว ผมไม่เคยให้ใครนั่งรถคันนี้ แม้นมันจะมีราคาถูกที่สุดในจำนวนรถยนต์ที่ผมมี แต่ผมชอบใช้มันจนกลายเป็นรถประจำตัว และคนทั้งหมู่บ้านจะรู้ทันทีว่าผมมาแล้วหรืออยู่ที่ตรงนั้นเมื่อเห็นรถคันนี้ เจ้าคมถอยรถมารับผมที่ลานหน้าบ้าน ผมเปิดประตูขึ้นนั่ง สั่งให้มันตรงไปที่ตลาด....
....ตลาดสดบ้านนางรอง ตลาดสดที่กว้างขวางสะอาด และพลุกพล่านที่สุดในตำบล ผมสร้างขึ้นมาจากครั้งแรกบนที่ดินว่างเปล่าไร้คนสนใจ พัฒนาเรื่อยมาจนกลายเป็นศูนย์รวมตลาดขายส่งสำคัญ หลังจากมาถึงผมก็เข้าออฟฟิตตลาดเคีรืยบัยชีและฟังรายงานละเยี่ยมบรรดาพ่อค้าแม่ค้าเรียบร้อย ผมก็ให้เจ้าคมไปเอารถที่จอดอยู่ท้ายตลาด ระหว่างที่ผมยืนรออยู่นั้น...
เจ้าชม รุ่นน้องคนหนึ่งก็เดินเข้ามาทักและยกมือไหว้
“หวัดดีพี่? มาทำอะไร”มันยิ้มร่าตามสไตส์ของมัน
“ข้ามาเก็บเงินค่าเช่าแผงในตลาดนะสิ แล้วเอ็งล่ะ?”ผมรับไหว้และตอบไปตามมารยาท
“ผมพาหลานสาวมาชื้อของ มันเพิ่งมาจากกรุงเทพฯ เรียนจบม.6 แล้วไม่มีทุนเรียนต่อ มันเลยมาอยู่ที่นี่ว่าจะมาขายหมูปิ้งที่หน้า สำนักงาน อบต.หาค่าเรียนกับค่าหน่ยวกิจพี่อย่าลืมไปช่วยอุดหนุนบ้างล่ะ?”
ผมเองแปลกใจเพราะเจ้าชมมันไม่เคยมีญาติอยู่กรุงเทพฯ แต่ก็ไมได้สงสัยอะไร
“เออ..ว่างๆแล้วข้าจะไปช่วยอุดหนุน”ผมรับปากส่งๆไป
“นั่นไง?มาโน่นแล้ว เอ้าท์? ไหว้ผู้ใหญ่เสียสิ ยัยโส..?”
ผมหันไปตามที่เจ้าชมบอก แล้ว....แล้วผมก็ได้เห็นภาพผู้หญิงที่งดงามที่สุดอีกคนในชีวิตของผม....
เด็กสาวคนนั้นเธอเดินเข้ามาใกล้ แล้วยกมือไหว้ผม ผมรับไหว้แล้วตะลึงตาค้าง
เด็กสาวร่างเล็กพอเหมาะ หน้ารูปไข่ผิวขาว ตากลมโตแววใสซื่อเจือจะขี้เล่นซุกซน จมูกโด่ง เรียวปากบางเหมาะเจาะรับกับใบหน้ารูปร่างสมส่วนไม่อ้วนไม่ผอมกำลังอวบอัดตามประสาสาววัยรุ่น เธอใส่เสื้อยืดคอวีสีม่วง กางเกงยีนต์เอวต่ำ ผมยาวสยายย้อมสีน้ำตาลจางๆยามต้องลมพลิ้วไสว ผมเห็นเธอถึงกับตะลึง แต่สำหรับคนอื่นๆ เธออาจเป็นเด็กสาวธรรมดาหน้าตาพื้นๆแต่งตัวบ้านๆ แต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่าเธอ......
....เธอเดินเยื้องกายเข้ามาในสายตาของผมราวกับภาพสโลว์ รอบกายของเธอสว่างไสว จนผมรู้สึกว่าสรรพสิ่งรอบตัวผมมันหยุดนิ่งไปหมด มีเพียงเธอเท่านั้นที่เคลื่อนไหวอยู่....
เด็กสาวเดินมาหยุดตรงหน้าผม ดวงตากลมโตจ้องมาที่ผม เมื่อตาประสานกันใจของผมเต้นตูมๆ มือไม้สั่น จนเหงื่อซึมออกมา ลมหายใจติดขัด เลือดในกายฉีดพล่าน แทบจะยืนไม่อยู่
“เป็นอะไรไปล่ะพี่?”เสียงเจ้าคมทักเรียกสติที่กำลังจะเตลิดของผมให้กลับมา
“พี่เป็นไรไปหรอ? ท่าทางเหมือนจะเป็นลม” เจ้าชมก็ทักผมด้วย
“เออ....กูไม่เป็นไร แค่มันตื่นเต้นนิดหน่อย เดี๋ยวกูก็หายแล้ว”
...ผมสะบัดมือจากการจับของเจ้าชมกับเจ้าคม และสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลันกลิ่นกายอันหอมระรื่นจากร่างกายของสาวน้อยตรงหน้าก็ถูกสูดเข้าไปเต็มปอดของผม มันชื่นใจและหอมหื่นบอกไม่ถูก กลิ่นนี้มันเป็นกลิ่นที่คุ้นเคยและจางหายไปจากนาสิกของผมนานนับสิบๆปี ใช่ตั้งแต่สร้อยจากไป ผมไม่เคยได้กลิ่นนี้อีกเลย คราวนี้ร่างกายของผมปั่นป่วนไปใหญ่ โดยเฉพาะตรงท่อนเอ็น ที่หลังๆมานี่มันมีหน้าที่เพียงใช้ฉี่และอยู่เป็นเพื่อนไข่ไม่ให้เหงา มันเกิดแข็งโด่ตั้งลำมาดื้อๆ ดีที่เป้ากางเกงยีนต์มันตึงรัดไว้ แต่ก็ยังสังเกตเห็นได้ชัดว่ามันโด่....
“ก็พี่อายุเยอะแล้วนี่ ระวังตัวไว้บ้างนะ เป็นลมบ่อยๆ เดี๋ยวล้มหัวฟาดพื้น อัมพาทส์จะถามหา”
ผมมองหน้าเจ้าชมตาขวาง”ใครอายุเยอะวะ แค่กูเกิดก่อนมึงนานหน่อยแค่นั้นแหละ”
“อ้าวพี่?มีอารมณ์ด่าคนแล้วเรอะ ผมเห็นพี่ไร้อารมณ์มานานแล้ว ลมมันตีกลับหรือไง?”เจ้าคมพูดอย่างแปลกใจ
ใช่ผมทำท่าซังกะตายมานานแล้ว ไม่ยินดียินร้ายอะไรมาโดยตลอด แต่ทำไมตอนนี้ผมถึงคึกคักขึ้นมาได้ เด็กสาวคนนี้หรือคือที่มาของอาการประหลาดนี้ ที่มาของอารมณ์ที่เรียกว่า มีชีวิตชีวา.....
เด็กสาวหัวเราะคิกคักที่พวกเราเถียงกัน ผมจ้องตาเธอแล้วเสียววูบในหัวใจ รู้สึกเขินๆเหมือนหนุ่มน้อยวัยรุ่นที่ได้เจอสาวที่ถูกใจ ผมกัดฟันถามเธอไปอย่างลำบาก
“เอ่อ...เธอชื่ออะไรนะ?...”
เด็กสาวสบตาผม แววตาขี้เล่นใสซื่อทำเอาผมร้อนหน้าวูบๆ
“โสภาค่ะ...เรียก..โส..เฉยๆก็ได้....”เสียงใสๆตอบมา
และยังดังก้องในหัวของผม น้ำเสียงไพเราะจับใจ “โสภาค่ะ...เรียก..โส...เฉยๆก็ได้.......”มันดังก้องตรึงใจอยู่อย่างนั้น
“เป็นไรไปพี่?”เสียงเจ้าคมเรียกผมออกจากภวังค์อีกครั้ง
“มึงเรียกอะไรกูนักหนาว่ะ ไอ้วรนุชคม”ผมด่ามันอย่างหงุดหงิด แต่เจ้าคนถูกด่ากลับทำสีหน้าแปลกใจ
เจ้าคมมองเด็กสาวและหันมามองผมและพยักหน้าทำท่าเข้าใจ
“เอ่อ...นี่ใช่ผู้ใหญ่บ้านนางรองหรือเปล่าคะ?”เสียงใสๆฟังแล้วชื่นใจถามมา
“ชะ...ชะ...ชะ...ใช่จ๊ะ...”
“แหมรูปร่างบึกบึ้นน่าเกรงขามสมคำเล่าลือเลยนะ”
“เอ่อ...หนูโสรู้จักลุงเอ้ย...ผม...เอ้ย...พะ..พี่...ด้วยหรอ?”
“โอ้โฮ้พี่?...รุ่นนี้พี่คุยด้วยกล้าแทนตัวว่าพี่อีกหรอ?”เสียงเจ้าชมขัดมา
ผมมองหน้าเจ้าชมตาขวาง”กูคุยกับมึงหรอ?เงียบไปเลยนะ...”
เจ้าชมหน้าสลดไป เด็กสาวหัวเราะเสียงใส
“เรียกพี่ก็ยังไหวค่ะ? ถ้าผู้ใหญ่อยากให้เรียกอย่างนั้น...”
“อืม..ดะ..ดี..เรียกพี่นี่แหละชอบ มันดูสนิทสนมดี...ว่าแต่เห็นเจ้าชมมันบอกว่าหนู..เอ้ย...โสขาดค่าเทอมกับค่าหน่ยวกิจเหรอ...เอ่อ.คะ..คือ...พี่อยากจะ...”
“หยุดเลยนะพี่...ยัยโสนี่หลานของผมนะ ถ้ามันอยากจะใช้ทางรัดหาค่าหน่ยวกิจอย่างนั้นล่ะก้อ ที่กรุงเทพฯมีคนอยากออกให้มันเยอะเลย ไม่ต้องถ่อมาขอพี่ถึงนี่หรอก...”
ผมมองมันตาขวางๆมันหน้าสลดไปอีกครั้ง
“มึงดูถูกกูนะนี่ กิจการกูเยอะแยะ ขาดคนดูแลตั้งหลายที่ ถ้าหลานของมึงเขาอยากมาเป็นผู้ช่วยของกูนะ กูก็จ้างได้ ไม่ต้องไปปิ้งหมูขายให้ลำบาก มึงนี่ดูถูกกูนะ กูไม่ชวนน้องโสไปทำ..เอ่อ...สกปรกอย่างที่มึงคิดหรอก.....”
เด็กสาวมองผมตาเป็นประกาย รอยยิ้มใสๆจับใจไม่วาย
“แล้วโสจะรับไว้พิจจารณานะค่ะ ขอบคุณเอ่อ...พี่..ผู้ใหญ่ค่ะ...”เด็กสาวยกมือไหว้ผม”โส..เอ่อ..ขอตัวก่อนนะค่ะ..”
แล้วโสภาก็ยกข้าวของที่จะไปทำหมูปิ้งขายไปขึ้นรถมอร์เตอร์ไซร์พ่วงเก่าๆของเจ้าชม
“ไอ้คม? มึงจะยืนเป็นวรนุชเฝ้าถังขยะทำไม ช่วยน้องโสเขายกของขึ้นรถสิ”
“อะไรนะ?น้องโส....ช่างกล้าพูดนะ....แต่ทำไม ไม่เอารถตามไปส่งเลยล่ะ?”
“ทำตามที่กูสั่งพอ...”
“ตามบัญชาครับ....เจ้านาย....”
ผมยืนมองเจ้าชมขี่รถเก่าที่มีโสภานั่งพ่วงข้างๆออกไป ในใจคิดว่าเด็กน่ารักๆอย่างนี้ไม่สมควรมานั่งรถเก่าๆใกล้พังอย่างนั้นเลย เด็กสาวหันมายิ้มให้ผม ไม่พอน้อง พี่ขออีกหน่อย เออ..อย่างนั้นโบกมือให้พี่ด้วยอีหนู...นั่น...ดีมาก....โบกมือพร้อมรอยยิ้มหวานๆให้เราด้วย ถ้าจะมีใจให้เราบ้างแล้ว.....ทำไมถึงรู้สึกกระชุ่มกระชวยจังเลยวะ....
...รถโฟร์-วีลล์ล้อใหญ่ของผมวิ่งตรงกลับบ้านเจ้าคมรับเป็นสารถีเช่นตอนมา ผมมองไปที่หน้าต่างกระจกติดฟิมล์ ใจคะนึงคิดถึงสาวน้อยวัยใสคนนั้นไม่จาง ทำไมได้อยู่ใกล้แล้วโลกนี้มันสุดสวยโสภาราวชื่อของเธอเสียจริง รู้สึกราวกับสิ่งที่ผมรอคอยมาเกือบจะชั่วชีวิตกำลังจะสิ้นสุดลง
“พี่?ทำไมเงียบไปอีกแล้วล่ะ?”เจ้าคมทักผมเมื่อเห็นผมเงียบๆไป
“เปล่า? กูกำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย”
“เรื่อยเปื่อยที่ว่านะ คิดอะไร คิดถึงเด็กคนนั้นหรือเปล่า”เจ้าคมถามแล้วยิ้มๆ
“บ้ากูกำลังคิดเรื่องงานโว้ย....”
“จริงอ่ะ?”เจ้าคมถามกระเซ้า...
“จริงสิว่ะ...”ผมตวาดมันไปแบบเขินๆ
“ผมเห็นพี่กลับมามีชีวิตชีวาผมก็ดีใจด้วย ท่าทางอีหนูคนนั้นจะมีดีอะไรบางอย่างโดนใจพี่เข้าให้แล้วม้าง....จนทำให้พี่กลับมาคึกคักได้นะ”
“ไม่เกี่ยวกับเด็กคนนั้นหรอก มึงนี่มั่ว”ผมดุเจ้าคมกลบเกลื่อน
“อ่ะ?ไม่เกี่ยวก็ไม่เกี่ยว แต่ผมดีใจด้วยที่พี่กลับมาร่าเริงได้อีกครั้ง ชีวิตพี่จะได้มีสีสันเสียที...”
ผมมองกระจกที่ติดฟิมล์ดำก็เห็นภาพสาวน้อยปรากฎอยู่ พร้อมประโยคแรกที่เธอพูดกับผม
”โสภาค่ะ...เรียกโสเฉยๆก็ได้..”
ประโยคนั้นดังก้องซ้ำๆ โสภา....ชื่อที่ผมอยากเรียกบ่อยๆและก็อยากจะเรียกทุกวันเลย....
“กูก็คิดเหมือนมึงแหละไอ้คม?”ผมเอ่ยขึ้นมาหลังจากละสายตามามองไปยังเบื้องหน้า”กูรู้สึกว่าชีวิตของกูน่าจะมีสีสันและเรื่องราวอีกเยอะเลย....กูอาจจะได้พบกับเรื่องที่กูไม่คิดว่าจะได้เจอะได้เจอ และมันจะมาพร้อมๆกับเด็กคนนั้น...เด็กสาวที่ชื่อ...โสภา...น่ะ....”
ผมยิ้มน้อยๆที่มุมปาก เสียงนั้นยังก้องอยู่ในหูของผม
“โสภาค่ะ....เรียกโสเฉยๆก็ได้................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ