เดชแม่ยาย

9.3

เขียนโดย ชนบท

วันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2554 เวลา 23.54 น.

  7 ตอน
  7 วิจารณ์
  28.35K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) เริ่มต้นที่พลักพราก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เริ่มต้นที่พลัดพราก

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อ19 ปีที่แล้ว

 

ตอนนั้นผมยังอยู่ในวัยหนุ่ม  ผมมีคนรักชื่อ ว่า  สร้อย เธอเป็นสาวงามประจำหมู่บ้านนางรองของเรา แต่ทว่าด้วยความไม่เอาไหนรักแต่เกเรของผมทำให้เธอถูกจับแต่งงานกับครูหนุ่มอนาคตไกล คืนนั้นที่โรงนาของบ้านผม  ผมได้นัดสร้อยได้มาหาผมเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เราจะต้องตัดขาดจากกันอย่างร้าวราณ..

เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า  ยาวนานและทรมานจิตใจของผมเหลือเกิน  จากเที่ยงเป็นบ่าย  เป็นค่ำ และเวลาที่ผมนัดสร้อยก็มาถึง เลยเวลาไปเล็กน้อย ก็ไม่เห็นเงาของสร้อยจะมา และการรอคอยที่รู้สึกว่ายาวนานในชีวิตที่สุดของผมก็สิ้นสุด  สร้อยเดินมา รูปร่างมอมแมม ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้ามีรอยคราบน้ำตา หน้าขาวนวลแดงช้ำ  แต่เธอยังคงงดงามสำหรับผมเสมอไม่ว่าจะอยู่ในสารรูปใด...

….สร้อยเมื่อเห็นผมก็โผเข้ามากอดผมแน่น ร้องไห้สะอึกสะอื้น ผมไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อวานเธอร้องไห้ไปแล้วเท่าไหร่  และร้องติดต่อกันยาวนานเพียงไร นึกเจ็บใจตัวเองที่ไม่อาจปกป้องได้แม้นแต่รอยยิ้มบนใบหน้าของคนที่ตัวเองรัก  และคนที่รักตัวผมเองไว้ได้

“พี่? สร้อย...สร้อยจำใจนะพี่...พี่ต้องเข้าใจสร้อยนะ...สถานการณ์มันบังคับ  สร้อยไม่อยากให้มันเป็นอย่างนี้เลย...”

สร้อยบอกผมด้วยน้ำเสียงสะอื้น

“สร้อยไม่ได้เห็นแก่เงิน  แต่มัน..........”

“พี่เข้าใจ...พี่เจ็บใจตัวเองจริงๆ  ที่ช่วยสร้อยไม่ได้ เรื่องบางเรื่องมันใหญ่เกินกว่าเด็กอย่างเราจะเข้าใจจริงๆ”

“พี่ไม่โกรธไม่เกลียดสร้อยนะ?  พี่รู้ถึงเหตุผลแล้วใช่ไหม..”

“พี่เข้าใจ...พี่ถึงให้สร้อยตัดสินใจ  และเมื่อสร้อยตัดสินใจแล้ว  พี่ก็จะทำตามแม้นจำใจ”ผมตอบอย่างใจหาย รู้สึกราวหัวใจหลุดออกจากขั้ว เมื่อคำตอบที่สร้อยให้คือเธอต้องอยู่ตอบแทนพระคุณพ่อและแม่

“แล้วเราจะได้เจอกันอีกไหม?”ผมถามสร้อย

“ได้เจอกันอีกแน่...ถ้าพี่ยังรักและยังรอสร้อย...ไม่รังเกลียดสร้อยหลังจากนี้...”

“ไม่ว่าสร้อยจะแหลกช้ำยับเยินขนาดไหน  กลับมาในสภาพใด  พี่ขอบอกเลยว่า...พี่จะไม่มีวันหยุดรักสร้อย...”

ฟังจบสร้อยก็ระเบิดร้องไห้โฮ...ทรุดลงนั่ง  ผมต้องนั่งตามลงไปกอด เป็นครั้งแรกที่ผมหลั่งน้ำตานับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่ร้องนั้นตอนอายุสิบกว่าขวบ  ร้องเพราะถูกพ่อตี แต่ครั้งนี้ผมร้องเพราะถูกความผลัดพรากกระหน่ำตีที่หัวใจ  มันเจ็บช้ำสาหัสทรมานราวจะไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อไปได้  และเฝ้าแต่ถามว่า ทำไม?เรื่องนี้มันต้องเกิดกับความรักของเราด้วย...

“พอเหอะพี่?อย่าร้องอีกเลย”สร้อยละออกจากอ้อมอกของผม”ยังมีเวลาเหลืออยู่คืนนี้อีกทั้งคืน  ก่อนที่สร้อยจะไปเป็นของคนอื่น  คืนนี้ สร้อยจะเป็นเมียของพี่เป็นคืนสุดท้ายแล้ว พี่คิดแต่จะร้องไห้คร่ำครวญจากลาอย่างเดียวหรอ...”

“ใช่คืนสุดท้ายที่พี่จะได้เป็นผัวของสร้อย?”ผมมองหน้าสาวคนรักแล้วพูดทวน

“ใช่แล้วพี่?  คืนนี้คืนสุดท้าย...ทำได้เท่าที่มีแรงนะ...”

“ได้เลย...งั้นคืนนี้พี่จะเป็นผัวของสร้อยให้คุ้มเลย...”

ผมกอดฟอนจูปร่างอ่อนระทวยของสร้อยและแว่วเสียงกระซิบที่ข้างหู

“พี่อย่าห่วงไปเลย....นานแค่ไหน...สร้อยก็จะไม่ลืมพี่เลย.....สร้อยสัญญา....”

ผมกอดร่างของสร้อยแนบแน่นและค่อยๆคลายออก  ผมก้มลงมาจูบปาก ส่วนสร้อยเงยหน้าหลับตาพริ้มรอรับการประกบจูบจากผม  ปากของเราประกบกันบดจูบแลกลิ้นเกี่ยวกระหวัดพัวพันรับรู้ในรสน้ำลายที่แสนหวาน สองมือของผมลูบไล้ร่างกายของสร้อยอย่างแผ่วเบาและทะนุถนอม  ร่างของสร้อยอ่อนระทวยในอ้อมแขนของผม  และผมค่อยๆซ้อนร่างนั้นและอุ้มขึ้นมาโดยไม่ละปากที่ยังประกบจูบ ผมเดินอุ้มร่างของเธอไปยังรางหญ้าและค่อยๆวางลงไป  ร่างสร้อยนอนนิ่งมองผมด้วยแววตาปรารถนา....

ทุกสิ่งดำเนินไปตามห้วงของอารมณ์ปรารถนาของวัยดั่งที่เคยทำกันมา....จนกระทั่งมันจบลง...

เรากอดกันอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน ผมอยากให้เวลาหยุดอยู่เพียงเท่านั้นเพื่อที่เวลามันจะไม่มาพรากเธอไปจากผม แต่โมงยามก็เคลื่อนคล้อยเลยผ่านไปตามเงื่อนไขและกฎของจักรวาล  แสงอุษาส่องผ่านช่องลมของโรงนา เป็นสัญญาณเตือนว่า เวลาของผมและสร้อยที่จะพลอดรักกันสิ้นสุดลงแล้ว  ผมตระกองกอดสร้อยออกมาที่ประตู  เรากอดกันแน่นราวจะรวมร่างเป็นร่างเดียวกัน  พ่อของสร้อยและพ่อของผมเดินมาคู่กัน  ทั้งคู่ไม่พูดอะไร  และเราไม่ได้สนใจ  ไม่ได้หวาดกลัวเลยที่ถูกพบในสภาพนี้และที่ตรงนี้  เพราะยามนี้สิ่งที่เราหวาดกลัวที่สุดคือความพลัดพรากจากกันในช่วงต่อจากนี้ไปต่างหาก หากเป็นครั้งก่อน ผมคงต้องวิ่งหนีลูกปืนของพ่อสร้อยแทบไม่ทันแน่

“สร้อย?ไปเถอะ   ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องจากกันอยู่ดี  ไปเถอะ อย่าให้ทางบ้านรอนาน”พ่อของเธอบอกเสียงขื่นๆในลำคอ

ผมพยักหน้าให้สร้อย และได้เห็นหยาดน้ำตาใสๆใหลรินออกมาเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วจากตาของสร้อยผมก็จำไม่ได้

“พี่จะอยู่รอ  รอด้วยรักที่ไม่เปลี่ยนแปลง พี่จะรอสร้อยเสมอ....”ผมบอกเธอและสิ้นคำน้ำตาลูกผู้ชายก็ใหลออกมาอีก

สร้อยปล่อยโฮกอดผม  ทรุดตัวสิ้นเรี่ยวแรง  ผมต้องประคองไว้  พ่อของเธอเดินมาประคองจากด้านหลัง

“ไปเหอะสร้อย?”พ่อของสร้อยบอกอีกครั้ง”

“พี่...พี่...สร้อยรักพี่...”

“สร้อย....พี่ไม่มีวันที่จะหยุดรักสร้อย  แล้วเราต้องได้กลับมารักกันอีก  ถ้าใจของสร้อยยังมีพี่  เหมือนที่พี่มีให้....”

“พี่จำไว้?...สร้อยรักพี่...คนอื่นจะได้สร้อยไปก็ได้แต่ร่างกาย แต่ใจของสร้อยเป็นของพี่เสมอ....”นั่นคือประโยคสุดท้ายที่ผมได้ยินจากสร้อย.......

....ผมนอนอยู่ที่เนินนั้น  เนินที่เคยพลอดรักกับสร้อยเสมอๆ  เนินที่เราเคยอธิฐานต่อดาวตกด้วยกัน  เนินที่ผมมักนั่งเล่นนอนเล่นในยามที่มีทุกข์ใจ  แต่วันนี้ทุกข์ของผมยิ่งใหญ่หนักหนาสาหัสเหลือเกิน  มองลงไปตรงบ้านของสร้อย  เห็นมีคนวุ่นวายเครื่องเสียเครื่องไฟถูกติดตั้งเปิดเสียงดังลั่นหมู่บ้าน  โต๊ะอาหารถูกตั้งเรียงราย  ผู้คนสนุกสนานหยอกล้อวุ่นวาย  เป็นภาพบาดตาของผมยิ่งนัก  เขามีความสุขสนุกสนานกันกับงานนั้น แต่จะมีใครสักคนตรงนั้นล่วงรู้หรือไม่ว่ามีคนเจ็บเจียนตายอยู่ตรงนี้  เหล้าขาวตรารวงข้าว 45 ดีกรี  หลายขวดว่างเปล่าว่าเกลื่อนทั่วที่ผมนอนอยู่

 ....ผมทำได้แค่กินเหล้าเมามายเพื่อให้ลืมและไม่ต้องรับรู้ว่าต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น  แต่คนเรานี้แปลก  บางสิ่งเราอยากลืมแต่กลับจำและคอยตอกย้ำให้ช้ำอยู่เสมอ  ผมแม้นจะเมามายเพียงไรแต่ก็ยังแว่วได้ยินเสียงเครื่องไฟดังมา  แล้วรู้สึกเหมือนใจจะขาดรอนๆ  เสียงเฮฮาด้วยความสนุกเสียงหยอกเย้ารื่นเริงของชาวบ้านดังก้องราวเสียงเยาะเย้าถากถางถึงความพ่ายแพ้ของผม  คืนนั้นผ่านไปอย่างยาวนาน   มันแสนจะทรมานหัวใจของผมยิ่งนัก ยิ่งใจประหวัดไปคิดถึงภาพไอ้ครูชาติชั่วมันร่วมเสพสมกับร่างกายของสร้อย  ใจมันเต้นหวิวๆราวจะขาดทะลุออกมาจากอก   ค่ำคืนอันทรมานนั้นค่อยๆเคลื่อนผ่านไปพร้อมกับซากร่างที่ยังมีลมหายใจของผม  เป็นคืนแห่งความพ่ายแพ้ของผม และเป็นคืนที่จะคอยตอกย้ำความเจ็บให้ผมไปอีกนานตราบที่ผมยังมีลมหายใจ.......

“พี่....?”  ผมหันไปตามเสียงเรียก  เจ้าคมเพื่อนรุ่นน้องนั่นเอง

“พอเหอะพี่?  ผมทนดูพี่ในสภาพนี้อีกไม่ได้แล้ว...”เจ้าคมทรุดนั่งข้างๆตัวผม”5 วันแล้วที่พี่นั่งกินนอนกินเหล้าอยู่ตรงนี้”

“มึงอย่ายุ่งกับกู?....กูจะแดกให้ตายแม่งอยู่ตรงนี้แหละ....”ผมบอกเจ้าคมเสียงอ้อแอ๋

เจ้าคมถอนหายใจ”แค่ผู้หญิงคนเดียวนะพี่   ทำให้พี่เป็นได้ขนาดนี้เลยเรอะ”

“มึงอย่าใช้คำว่าแค่....สำหรับกู...สร้อยคือผู้หญิงคนเดียวในโลกที่กูรัก....ไม่ว่าจะแหลกยับเยินขนาดไหน  กูก็ยังรัก”

“พี่...แผ่นดินกว้างใหญ่  ไม่ได้ไร้เท่าใบพุทรา  ถ้าพี่จะหาใหม่มันคงไม่ยากเย็น  พี่จะมาจมปลักอยู่กับคนที่จากไปแล้วทำไม  เอาชีวิตมาทิ้งอย่างนี้  ถ้าเป็นคนอื่นผมจะไม่แตะเลย  แต่นี่เป็นพี่นะ  ทำไม คนที่ไม่เคยสิ้นหวังอย่างพี่ถึง กลายสภาพมาเป็นอย่างนี้ได้ ผมไม่เข้าใจ”

“เพราะมึงไม่เคยมีความรักและไม่เคยมีใครรักมึงไง”ผมลุกขึ้นนั่งอย่างลำบาก  พยายามไม่ให้ร่างกายโงนเงน  และมองตาเจ้าคม”มึงเคยรักใครสักคนไหม?  มึงเคยรักโดยไม่สนว่าเขาจะเป็นอย่างไง? และเขาก็รักมึงโดยไม่สนว่ามึงจะเป็นอย่างไงบ้างไหม   หัวใจที่มีให้กันต่างหวังดีต่อกัน  และอยากให้อีกฝ่ายหนึ่งมีความสุข ถ้ามึงไม่เคยมึงอย่ามาคุยกับกู”แล้วผมก็ทรุดลงนอนแผ่  เจ้าคมส่ายหัวอย่างสังเวทใจ.....

“กู่ไม่กลับเสียแล้วพี่เอ้ย......”

แว่วยินเพียงแค่นั้นผมก็หมดความรู้สึกไป........

ผมมารู้สึกตัวอีกครั้ง  ที่แคร่ไม้ไผ่หน้าบ้าน  พ่อนั่งอยู่ข้างๆ  พอเห็นผมขยับก็เอาขันน้ำส่งให้ผม  เมื่อรับมาดื่มจนพอผมก็ขยับตัวลุกขึ้นนั่ง

“เป็นไง?หายบ้าหรือยัง”พ่อถามผม

“ฉันไม่ได้บ้า?”ผมขยับนั่งอย่างลำบาก

“เอ็งจะอยู่อย่างนี้อีกนานไหม?  จะทรมานตัวเองไปทำไมเพราะยังไงไอ้ที่เอ็งเสียไปก็ไม่มีทางคืนมาได้หรอก?”

ผมนั่งนิ่ง  พ่อลุกขึ้นยืนจ้องมาที่ผม

“ใจของเอ็งเป็นของเอ็ง  ถ้าเอ็งแพ้แล้วล้มลงไปเลย  เอ็งก็จะแพ้และล้มตลอดไป  เอ็งต้องกล้ากว่านี้  กล้าที่จะยอมแพ้  และกล้าที่จะลุกมาล้างรอยแพ้  เอ็งกล้าไหม?”

ผมยังคงนั่งนิ่ง  เวลาผ่านไปอีกสอง-สามวัน  ผมหยุดกินเหล้า  แต่ผมยังอยู่เฉยไม่ทำอะไร  ผมไม่อยากไปไหน  ไม่อยากไปเห็น สถานที่ที่เคยมีความสุขกับสร้อย เพราะถ้าได้เห็นผมก็รู้สึกปวดร้าวเป็นทวีคูณ สร้อยย้ายเข้ากรุงเทพฯไปกับครูสมบูรณ์ตั้งแต่วันที่มาหาผมแล้ว  ที่นี่ไม่มีอีกแล้วคนที่ผมรัก  เธอจากไปอยู่ไกลเสียแล้ว  ผมออกเดินมานั่งยังที่ท้องนาว่างเปล่า 

พ่อเดินเข้ามานั่งข้างๆผม  เอาผ้าขาวม้าเช็ดเหงื่อ  แล้วมองหน้าผม

“ก่อนที่สร้อยจะไปบางกอก  เขาแวะมาหาเอ็ง  แต่เอ็งก็เมาจนไม่รู้เรื่อง  เขานั่งร้องไห้อยู่ตั้งนานข้างๆเอ็งตั้งนาน”

ผมยังนั่งเฉย  พ่อถอนหายใจและเล่าต่อ

“เขาฝากบอกว่าสักวันเขาจะกลับมาหาเอ็งให้ได้  เขาบอกข้าว่าให้บอกเอ็งด้วย  ว่าให้รอเขา”

“จริงหรอพ่อ?”ผมหันไปถามอย่างประหลาดใจ  หลายวันมานี่ผมจำอะไรไม่ได้เลย

“อื่ม?...จริง...ว่าแต่เอ็งจะรอเขาไหม..?และเขามานั่งร้องไห้ข้างๆเอ็งและเอาไอ้นี่ยัดใส่มือของเอ็งไว้ก่อนจะไป  มันหล่นตอนที่ข้าหามเอ็งมานอนที่แคร่”

ผมรับกระดาษยับๆมาคลี่ออกดู  ในนั้นมีลายมือของสร้อยเขียนไว้ว่า

 

อยู่ดั่งต้นไม้ที่รอฝน   จำทนเป็นคนที่รอความรัก

เฝ้ารอได้พบเมื่อจำต้องจาก   ดีกว่าถูกพรากชั่วนิรันดร์....รักพี่เสมอ  สร้อย… ..

 

ผมอ่านจบรู้สึกวูบวาบมีความหวัง

“ว่าไง?....โลกนี้มันไม่ได้โหดร้ายเกินไปหรอก  ขอเอ็งมั่นในรักเสียอย่าง  ปาฎิหารย์แห่งรักมีจริงเสมอ  แล้วเอ็งจะรอเขาอีกไหม?....”พ่อถามผมด้วยสีหน้ายิ้มๆ

“รอสิพ่อ?”ผมรู้สึกหัวใจชุ่มชื้นขึ้นหลังจากแห้งโหยมานาน”แล้วเขาว่าไงต่อ  เขาบอกเขายังรักฉันอยู่ไหม...”

พ่อยิ้มและพยักหน้า  ผมลุกขึ้นกำหมัดร้อง..เย้....เย้...

“แต่ว่า  ข้าหนักใจแทนเขา?”พ่อพูดขึ้นมาจนผมต้องหันไปมอง

“ทำไมเล่าพ่อ  หนักใจอะไร?”

“ก็เอ็งยังอยู่ในสภาพนี้  เขากลับมาก็จะเป็นเหมือนเดิม  ถ้าข้าเป็นเอ็งนะ  ข้าจะทำทุกอย่างไว้รอเมื่อเขากลับมา  อะไรที่ขาด อะไรที่ไม่มี ข้าจะสร้างและจะทำไว้รอเขา เพื่อที่เขาจะไม่จากไปไหนอีกเหมือนในวันนี้”

“ใช่พ่อ?...ต่อไปนี้อะไรที่ขาด  อะไรที่ไม่มี ฉันจะสร้าง ฉันจะทำไว้รอ รอให้สร้อยกลับมา  ไม่ว่าจะนานเท่าไร  ฉันก็จะรอ รอให้สร้อยกลับมา...กลับมาอยู่กับฉัน...พ่อคอยดู   ถ้าสร้อยกลับมาคราวนี้   ฉันจะมีทุกอย่างให้เขาพร้อมเลย”

พ่อมองแล้วหัวเราะ  ที่เห็นผมคนเก่ากลับมา

“งั้นก็เริ่มเลยซิวะ  เวลาไม่คอยท่า”

  “ได้เลยพ่อ?..ไปกันเหอะ...”

“ไปไหนวะ?...”

“ไปทำงานหาเงินกัน...ช้าอยู่ทำไม...ความร่ำรวยเป็นสมบัติของคนขยัน”

“อะไรวะ ไอ้ลูกคนนี้...บทจะคึกมันก็คึกแบบไม่รอใครเลย....”

....นับจากวินาทีที่ผมรู้ว่าสร้อยได้สัญญาว่าจะกลับมาหาผม ตั้งแต่ตอนนั้นผมได้สลัดความเศร้าทิ้งไปตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากินเก็บเงินเก็บทองสร้างเนื้อสร้างตัว  จุดหมายเพียงเมื่อสร้อยกลับมา  ผมจะมีให้เธอทุกอย่าง  จะไม่ต้องเดือดร้อนเรื่องเงินทองอีก  เวลาผ่านไปเรื่อยๆ  ฐานะของผมดีขึ้นเรื่อยๆ และทุกวันทุกเวลาผมก็เฝ้ารอให้สร้อยกลับมาเรื่อยๆ   ผมรออยู่อย่างไม่รู้ตัวและเวล่ำเวลา  

 

จากวันเป็นเดือน....

 

จากเดือนเป็นปี

 

จากปีเป็นสองปี..สามปี...สี่..ห้า...หก....

 

 จนกระทั้ง 19 ปีผ่านไป  ไวเหมือนโกหก....แต่ผมก็ยังเฝ้ารอสร้อยอยู่อย่างไม่ลดละ....

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา