เพียงใจที่ผูกพัน
-
2) น้องสาวผู้แสนดี
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 2 น้องสาวผู้แสนดี
ในห้องเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เป็นช่วงเวลาที่อาจารย์ยังไม่เข้ามาสอน นักเรียนในห้องบ้างก็นั่งคุยกันอยู่เป็นกลุ่ม ๆ บ้างก็เดินไปเดินมาอยู่ภายในห้อง บางคนก็วิ่งเล่นและแกล้งกันไปแกล้งกันมา นิศานั่งอยู่ที่โต๊ะเรียน มี หญิง และ น้ำใส ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของนิศานั่งอยู่ด้วย ทั้งสามคนนั่งคุยกันอยู่อย่างสนุกสนาน เอกวิ่งเข้ามาในห้องอย่างรีบร้อนเขาวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้านิศา มือข้างหนึ่งถือกระเป๋านักเรียนส่วนอีกข้างถือของมาพะรุงพะรังยืนหอบอยู่เพราะความเหนื่อย โดยที่มี นิศา หญิง และ น้ำใสนั่งมองดูอยู่
“สวัสดีตอนเช้านะ นิศา หญิง แล้วก็น้ำใสด้วยนะ” เอกทักทายเพื่อนด้วยน้ำเสียงแจ่มใสแต่ยังมีอาการเหนื่อยและหอบปนอยู่อย่างเห็นได้ชัด
“มาสายนะแกไอ้เอก” หญิงทักกลับแต่ปนด้วยน้ำเสียงตำหนิ
“แหมหญิงมาสายก็ยังดีกว่าไม่มานะจริงมั้ยเอก” น้ำใสเข้าข้าง เอกพยักหน้าคล้อยตาม
“เอก ทำไมมาสายล่ะ ปกติเอกไม่เคยมาสายขนาดนี้นี่นา ” นิศาถามด้วยความเป็นห่วง
“เออ...คือว่า...เมื่อวานเราได้ยินนิศาพูดว่าปาท่องโก๋ร้านเจ๊แมวอร่อยแล้วนิศาก็ชอบกินมากๆด้วย เราก็เลย...เออ...คือ...ไปยืนรอหน้าร้านเจ๊แมวตั้งแต่เช้าเพื่อจะไปซื้อปาท่องโก๋มาให้นิศา นี่ไงปาท่องโก๋ที่นิศาชอบ”
เอกพูดพลางยื่นถุงปาท่องโก๋ให้นิศาอย่างเขิน เขิน
“นี่อย่าบอกนะเอกว่านายลงทุนไปถึงร้านเจ๊แมวทั้งทั้งที่ร้านเจ๊แมวเนี้ยอยู่คนละทางกะบ้านนายแถมยังไปตั้งแต่เช้าอีกเพื่อจะไปซื้อปาท่องโก๋มาให้ยายนิศากินเนี้ยนะ” หญิงพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
“จริงสิ” เอกตอบ
“เอก นิขอบใจเอกมากนะแต่ว่า... เอกไม่เห็นต้องทำถึงขนาดนี้เลยนะคือว่า...นิเกรงใจคราวหลังเอกอย่าทำอะไรแบบนี้อีกนะ” นิศาพูดอย่างซึ้งใจ
“เพื่อนิศาเอกทำได้ทุกอย่างอยู่แล้วก็เอกรัก...เอ่อ...คือ...คือว่า...เอกหมายถึง...ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่นาเพื่อนกันเรื่องแค่นี้เล็กน้อยน่าอย่าคิดมากเลยนะมากินปาท่องโก๋โคตรอร่อยกันดีกว่านะ”
เอกพูดตะกุดตะกัดราวกับว่ามีความลับอะไรช่อนอยู่ นิศา กับ หญิงก็นั่งกินปาท่องโก๋กันอย่างเอร็ดอร่อยโดยที่ไม่มีใครได้สังเกตเห็นว่า น้ำใส นั่งหน้าเศร้าอยู่ ที่จริงแล้วเอกแอบรักนิศามาตั้งนานแล้ว แต่เขาไม่กล้าที่จะบอกให้นิศาหรือใครใครได้รู้ว่าเขาชอบเธอมากแค่ไหน เขาได้แต่เก็บความรู้สึกนี้ไว้ภายในใจของเขา เขาทำได้เพียงคอยดูแลคอยทำสิ่งที่ดีดีเพื่อนิศาอยู่เสมอ โดยที่ตัวของนิศาเองก็ไม่รู้ตัวเองเลยว่าเอกคิดกับเธออย่างไร เธอรู้แต่เพียงว่าเอกเป็นเพื่อนคนหนึ่งที่ดีมาก มีแต่น้ำใสคนเดียวเท่านั้นที่พอจะมองออกว่าเอกคิดอย่างไรกับนิศา แต่เอกไม่รู้ด้วยซ้ำว่าน้ำใสรู้ว่าเขาคิดอย่างไรกับนิศา และที่ยิ่งไปกว่านั้นเอกไม่เคยรู้เลยว่าน้ำใสเองก็แอบรักเขาเหมือนกันแต่น้ำใสรู้ดีว่าเอกคิดกับเธอเพียงแค่เพื่อนเท่านั้น และที่สำคัญเอกก็รักนิศามากเธอจึงได้แต่แอบรักเขาเพียงข้างเดียวโดยที่ไม่บอกให้ใครได้รับรู้เช่นกัน
ในห้องเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ทันทีที่อาจารย์เดินเข้ามาในห้องเรียน นักเรียนภายในห้องต่างนั่งกันอย่างสงบเรียบร้อย เนตรดาวเดินตามหลังอาจารย์มาอย่างกระชั้นชิด เมื่ออาจารย์เดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าชั้นเรียนเนตรดาวก็หยุดเดินและยื่นอยู่ใกล้ๆกับอาจารย์ นักเรียนในห้องต่างมองดูเนตรดาวอย่างสนใจและอยากรู้ว่าเนตรดาวเป็นใครและมาทำอะไรที่นี่
“นักเรียนทุกคนค่ะ วันนี้อาจารย์มีนักเรียนใหม่จะมาแนะนำให้พวกเราได้รู้จักกันนะ เธอจะเข้ามาเรียนที่นี่วันนี้เป็นวันแรก นักเรียนทุกคนตรบมือต้อนรับเพื่อนหน่อยเร็ว ”
อาจารย์พูดจบก็ตรบมือนำ นักเรียนในห้องก็ตรบมือตามอาจารย์ นักเรียนบางคนกระซุบกระซิบพูดคุยถึงสมาชิกใหม่ในห้องเรียนกันอย่างตื่นเต้น โดยแฉพาะนักเรียนชายที่ดูจะตื่นเต้นเป็นพิเศษที่จะมีนักเรียนหญิงคนใหม่เข้ามาเรียนในห้องนี้
“พอกันก่อนนะค่ะนักเรียน เดี๋ยวเรามาลองฟังเสียงเพื่อนคนใหม่กันดีกว่ามั้ยค่ะ เนตรดาวพูดอะไรหน่อยสิจ๊ะ”
อาจารย์พูดขัดจังหวะเมื่อเห็นนักเรียนในห้องพูดคุยกันถึงสมาชิกใหม่ในห้องอย่างเสียงดัง
“สวัสดีค่ะ เพื่อนๆทุกคน ชื่อเนตรดาวนะค่ะ เรียกเนตรอย่างเดียวก็ได้ค่ะ” เนตรดาวไม่ทันได้พูดอะไรต่อนักเรียนชายในห้องคนหนึ่งก็ตะโกนขึ้น
“เรียกที่รักแทนได้มั้ยคับ ไม่ทราบว่ามีแฟนรึยังเอ่ย” เมื่อนักเรียนชายคนนั้นพูดจบเพื่อนๆในห้องต่างก็โห่เสียงดังลั่นจนเนตรดาวแก้มแดงก่ำ
“พอกันก่อนนะค่ะนักเรียน เดี๋ยวใครมีคำถามหรืออยากคุยอะไรกับเพื่อนใหม่เอาไว้ค่อยคุยกันนอกรอบแล้วกันนะ เนตรดาวเดี๋ยวไปนั่งใกล้ๆ แพทกับหวานตรงโน้นนะจ๊ะ นักเรียนดูแลเพื่อนด้วยนะ” อาจารย์พูดพลางชี้ไปที่โต๊ะเรียนที่ว่างอยู่ซึ่งอยู่ใกล้กับโต๊ะเรียนของแพทและหวาน เนตรดาวเดินไปนั่งที่โต๊ะเรียน สายตาของนักเรียนทุกคนในห้องต่างมองดูเนตรดาวอย่างไม่กระพริบตา
“สวัสดีจ๊ะเนตรดาวเราชื่อแพทนะ ส่วนนี่หวานเราสองคนเป็นเพื่อนกันจ๊ะ” แพทแนะนำตัวส่วนหวานก็ยิ้มให้เนตรดาวอย่างเป็นมิตร
“ยินดีที่ได้รู้จักนะแพท หวาน ” เนตรดาวพูดพลางยื่นมือไปจับมือแพทและมือหวานตามลำดับ
ที่โรงอาหารนิศา หญิง น้ำใส และเอก กำลังรับประทานอาหารกันอยู่ทั้งสี่คนพูดคุยกันอย่างสนุกสนานนิศาเหลือบไปเห็นภูผานั่งรับประทานอาหารอยู่คนเดียวที่โต๊ะอาหารซึ่งอยู่ถัดออกไปตรงหน้าโต๊ะของนิศาประมาณ 4-5 โต๊ะ
“เดี๋ยวนิมานะ” นิศาพูดจบก็ถือจานข้าวและแก้วน้ำเดินไปนั่งที่โต๊ะเดียวกับภูผา หญิง น้ำใส และเอกต่างมองตามด้วยความมึนงงปนสงสัย
“สวัสดีค่ะพี่ภู” นิศาพูดทันทีที่นั่งลง เธอยิ้มให้ภูผาอย่างอ่อนโยนภูผามองหน้าเธอแวบหนึ่งก่อนจะหันกลับไปรับประทานอาหารต่อ โดยไม่สนใจว่านิศานั่งมองดูเขาอยู่ นิศาหน้าเจื่อนก่อนจะพูดต่อ
“มาเรียนวันแรกเป็นไงบ้างค่ะพี่ภู” นิศาพูดต่อแต่ภูผาก็ยังรับประทานอาหารต่อไม่สนใจนิศาแม้แต่น้อยเขาทำราวกับว่านิศาไม่มีตัวตน นิศาหน้าเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัดเธอได้แต่นั่งมองภูผา และไม่ได้พูดอะไรต่อจนเวลาผ่านไปประมาณสัก 2 นาทีเมื่อภูผารับประทานอาหารเสร็จ เขาก็ลุกขึ้นเดินไปอย่างไม่สนใจนิศาแม่แต่น้อย
“พะ...พี่ภูเดี๋ยวค่ะ” นิศาตะโกนเรียกเขาแต่ภูผาก็ไม่หันมามองเธอเลย นิศาหน้าเศร้าเธอถือจานข้าวและแก้วน้ำเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะของเธอซึ่งมี หญิง น้ำใส และเอก ซึ่งนั่งมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ตั้งแต่ต้นด้วยความสงสัยและอยากรู้
“ใครเหรอนิ ทำไมนิต้องไปนั่งโต๊ะเดียวกับเค้า” เอกถามด้วยความอยากรู้แต่ก็มีอารมณ์หึงปนอยู่ด้วย ทำให้น้ำใสซึ่งนั่งมองอยู่อดที่จะเศร้าไม่ได้ที่เห็นเอกสนใจนิศาถึงเพียงนี้ นิศาเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เพื่อนฟังว่า
ภูผาเป็นใครมีอะไรเกี่ยวข้องกับเธอบ้าง ในขณะเดียวกันเนตรดาวซึ่งนั่งรับประทานอาหารอยู่กับแพท และหวานซึ่งเธอเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นที่นิศาเดินไปหาภูผา เธอแสยะยิ้มอย่างอดที่จะหมันไส้นิศาไม่ได้
ถึงเวลาเลิกเรียนนายโชคคนขับรถอีกคนของบ้านนิศามารอรับนิศาหน้าประตูโรงเรียน ไม่นานนิศาก็เดินออกมาจากโรงเรียน
“อ้าว น้าโชคสวัสดีค่ะ” นิศาสวัสดีนายโชคทันทีที่เธอเห็นนายโชคมารอรับเธอ
“สวัสดีครับคุณหนู แล้วคุณภูผากับคุณเนตรดาวล่ะครับ ” นายโชคทักทายนิศากลับพร้อมถามถึง ภูผา และ เนตรดาว
“นิก็ยังไม่เห็นพี่ภูกับพี่เนตรเลยค่ะแต่นิว่าเดี๋ยวก็คงจะมากันมั้งค่ะ” นิศาตอบพลางกวาดสายตามองเข้าไปภายในบริเวณโรงเรียนเพื่อมองหาภูผาและเนตรดาว
“ผมว่าคุณหนูไปนั่งรอในรถก่อนดีกว่ามั้ยครับข้างนอกอากาศร้อนเดี๋ยวจะไม่สบายเอาได้นะครับ” นายโชคถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรค่ะน้าโชคนิว่านิยืนรออยู่ตรงนี้ดีกว่าค่ะขอบคุณมากนะค่ะน้าโชคที่เป็นห่วงนิ” นิศาตอบพลางสายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นเนตรดาวกำลังเดินมา
“นั้นไงค่ะน้าโชคพี่เนตรมาแล้ว” นิศาพูดพลางชี้ให้นายโชคมองเนตรดาวที่กำลังเดินมาพร้อมกับแพทและหวานทันทีที่เนตรดาวเห็นนิศาเธอรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เมื่อมาถึงบริเวณหน้าประตูโรงเรียนหวานและแพทก็ต่างแยกย้ายกันกลับไปคนละทาง คงเหลือแต่เพียงเนตรดาวเท่านั้นที่เเดินมาจวนจะถึงบริเวณรถที่นิศาและนายโชคยืนรออยู่เธอแสร้งปั้นหน้ายิ้มทั้งๆที่ในใจเธอรู้สึกราวกับจะกินเลือดกินเนื้อนิศาก็ไม่ปาน
“เลิกเรียนเร็วจังนะนิศา” เนตรดาวแสร้งทำเป็นพูดดีกับนิศา
“เนตรก็เพิ่งเลิกเมื่อกี้นี้เองค่ะพี่เนตร ว่าแต่พี่ภูล่ะค่ะเนตรยังไม่เห็นพี่ภูเลย” นิศาตอบพร้อมถามถึงภูผาด้วยความเป็นห่วง
“พี่ก็ไม่เห็นเหมือนกันนะแต่ช่างเค้าเถอะเรากลับกันก่อนก็ได้” เนตรดาวตอบ
“แต่พี่ภูยังไม่มาเลยนะค่ะพี่เนตร นิว่าเรารอพี่ภูกันก่อนดีกว่านะค่ะ” นิศาไม่เห็นด้วยที่เนตรดาวจะทิ้งให้ภูผากลับบ้านเพียงลำพัง
“ใช่ครับผมว่าเราน่าจะรอคุณภูผากันก่อนนะครับ” นายโชคแสดงความคิดเห็นแต่ไม่ทันสิ้นเสียงของนายโชคเนตรดาวก็สวนกลับด้วยความโมโห
“ใครถามแกไอ้ขี้ข้าแส่มาออกความเห็น” เนตรดาวหันไปต่อว่านายโชคด้วยน้ำเสียงดุดัน ทำให้นายโชคถึงกลับหน้าเปลี่ยนสีและกล่าวคำขอโทษเนตรดาวทันที นิศาซึ่งเห็นเหตุการณ์อยู่ตลอดเธอแทบจะไม่เชื่อหูและสายตาของตัวเธอเองที่เนตรดาวจะโมโหร้ายได้ถึงขนาดนี้
“พี่เนตรค่ะอย่าว่าน้าโชคเลยนะค่ะน้าโชคก็แค่หวังดีนะค่ะถึงได้พูดออกไปแบบนั้น” นิศาพูดทำให้นายโชครู้สึกซาบซึ้งใจที่นิศาไม่ว่าอะไรเขาเหมือนเนตรดาว เนตรดาวได้ฟังดังนั้นเธอเกือบจะกลั้นอารมณ์ของความโกรธเอาไว้ไม่อยู่ เธออยากจะตรงเข้าไปตบหน้านิศาแต่เธอก็ต้องอดกลั้นเอาไว้ เธอแสร้งทำเป็นรู้สึกผิด
“เนตรขอโทษนะค่ะน้าโชค พี่ขอโทษนะจ๊ะนิศาคือพี่คงเครียดไปหน่อยอย่าถือสาเลยนะ” เนตรดาวทำเป็นพูดอย่างรู้สึกผิดทั้งๆที่ในใจเธอไม่ได้คิดเช่นนั้นเลย
“ไม่เป็นไรครับคุณเนตร” นายโชครู้สึกดีขึ้นเมื่อได้ยินคำขอโทษของเนตรดาว
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่เนตร” นิศาตอบอย่างเข้าใจ เธอคิดว่าเนตรดาวอาจจะเครียดเรื่องเรียนถึงได้ระบายออกมาแบบนั้น ทั้งสามคนยืนรอภูผาอยู่ที่รถเนตรดาวโทรศัพท์หาภูผาแล้ว แต่เขาก็ไม่ยอมรับสายจนนิศาอาสาที่จะเข้าไปตามหาภูผาภายในโรงเรียน เมื่อนิศาเข้าไปในโรงเรียนเนตรดาวนึกแผนการที่จะแกล้งนิศาได้เธอจึงแกล้งทำเป็นปวดท้องอย่างหนัก แล้วสั่งให้นายโชคพาเธอไปโรงพยาบาล แต่นายโชคบอกว่าถ้าเกิดไปตอนนี้นิศากับถูผาจะกลับบ้านกันอย่างไร เนตรดาวจึงแกล้งปวดท้องหนักขึ้นอีกเธอบอกว่าให้นายโชคไปส่งเธอที่โรงพยาบาลก่อนแล้วค่อยกลับมารับนิศากับภูผาก็ได้ นายโชคจึงจำใจต้องยอมขับรถไปส่งเนตรดาวที่โรงพยาบาล
ภูผานั่งอยู่เพียงลำพังตรงโต๊ะไม้หินอ่อนภายในโรงเรียน รอบรอบตัวของเขาถึงแม่จะมีผู้คนเดินไปมาอยู่บ้างแต่ก็ถือว่าน้อยมาก เพราะว่าช่วงเวลานี้เลยเวลาเลิกเรียนมานานมากแล้ว แต่ภูผาก็ยังคงนั่งนิ่งๆเขาไม่สนใจสิ่งแวดล้อมรอบรอบตัวของเขาเลยแม้แต่น้อย รวมถึงเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นเมื่อครั้งที่เนตรดาวโทรมาก็ตาม แต่เขาก็ไม่ได้สนใจที่จะรับสาย สายตาของเขาที่เหม่อมองไปไกลรวมถึงแววตาคู่นั้นที่ดูเศร้าสร้อย ดูเหมือนว่าเขากำลังมีอะไรอยู่ภายในจิตใจ เขาไม่รู้ตัวว่านั่งอยู่ตรงนี้เป็นเวลานานเท่าไหร่แล้ว และก็ไม่รู้ว่าจะนั่งอยู่จนถึงเมื่อไหร่ จู่จู่เขาก็ได้ยินเสียงดังเอะอะโวยวายมาแต่ไกล เสียงนั้นค่อยๆดังใกล้เข้ามาหาเขาเรื่อยๆ ภูผาหันไปทางต้นตอของเสียงตามสัญชาตญาณ เขาเห็นนักเรียนชาย 2 คนกำลังโดนกลุ่มนักเรียนชายรุ่นราวคราวเดียวกันประมาณ 8-10 คน รุ่มทำร้าย เขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นและใครเป็นฝ่ายผิด แต่เขาทนไม่ได้ที่จะเห็นกลุ่มคนซึ่งมีจำนวนมากกว่ามาทำร้ายคนกลุ่มน้อยเขาจึงเดินตรงไปยังกลุ่มคนกลุ่มนั้นเพื่อหวังจะช่วยนักเรียนชายที่โดนทำร้าย
“มีพวกเยอะกว่าแล้วคิดจะรังแกใครก็ได้งั้นเหรอ อย่างนี้เค้าเรียกว่าหมาหมู่นะ” ภูผาตะโกนลั่นอย่างไม่พอใจที่เห็นพฤติกรรมของนักเรียนกลุ่มนั้น นักเรียนกลุ่มนั้นหยุดทำร้ายนักเรียนชาย 2 คน แล้วหันมาทางภูผาแทนพวกเขารู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากหนึ่งในนักเรียนชายกลุ่มนั้นจึงตะโกนขึ้น
“แล้วมันธุระกงการอะไรของแกว่ะถึงมาแส่ อ้อฉันรู้แล้วหรือว่า แกอย่างจะมีเรื่องอีกคนหนึ่งหา” นักเรียนชายคนนั้นตะโกนขึ้นด้วยความไม่พอใจ
“อันที่จริงมันก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของฉันหรอกนะแต่มันทนไม่ได้ที่เห็นพวกหมาหมู่แบบนี้ว่ะ”
ภูผาย้อนทำให้นักเรียนชายในกลุ่มคนหนึ่งทนไม่ไหววิ่งเขามาหาภูผาเพื่อหวังจะชกหน้าเขาแต่ภูผาหลบทันเสียก่อนจึงไม่โดนชก ภูผาตั้งตัวได้เขาจึงชกนักเรียนชายคนนั้นจนหงายหลัง เพื่อนๆในกลุ่มของนักเรียนชายคนนั้นทั้งหมดจึงตรงเข้ามาหวังจะทำร้ายภูผา นักเรียนชาย 2 คนซึ่งโดนทำร้ายก่อนหน้านี้จึงวิ่งตรงเข้าไปช่วยภูผา ทั้งหมดจึงตะลุมบอนกัน
อีกฟากหนึ่งนิศายังคงเดินตามหาภูผาอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ภายในโรงเรียนเธอรู้สึกไม่ดีและเป็นห่วง
ภูผาเป็นอย่างมากที่เขาหายไปอย่างนี้
“พี่ภูอยู่ที่ไหนนะ หรือว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับพี่ นิศาเป็นห่วงพี่มากรู้มั้ย” นิศาบ่นพึมพำอยู่คนเดียว จู่จู่เธอก็ได้ยินเสียงดังเอะอะโวยวายเธอจึงรีบวิ่งไปทางเสียงนั้น เมื่อเธอมาถึงต้นตอของเสียง เธอแทบจะช็อกเมื่อภาพที่เธอเห็นคือภาพของภูผาที่กำลังโดนทำร้าย ภูผาโดนชกจนล้มลงนักเรียนชายกลุ่มนั้นกำลังจะตรงเข้าไปซ้ำภูผา นิศารีบรวบรวมสติก่อนที่เธอจะตรงเข้าไปขวางนักเรียนชายกลุ่มนั้น
“อย่าทำอะไรพี่ภูนะ” นิศาพูดเสียงสั่นพลางกางมือทั้งสองข้างของเธอขึ้นเพื่อกำบังภูผาไว้ ภูผารวมถึงนักเรียนชายทั้งหมดที่อยู่ตรงนั้นหันมามองทางนิศาเป็นตาเดียวกัน ภูผารู้สึกซึ้งใจที่นิศายอมทำเพื่อเขาถึงเพียงนี้ทั้งๆที่ความเป็นจริงแล้วเขาและเธอไม่ได้เป็นพี่น้องกันจริงๆ เป็นเพียงแค่พี่น้องต่างสายเลือดเท่านั้น “นิศาขอร้องอย่าทำอะไรพี่ภูเลยนะค่ะ” นิศาพูดต่อหลังจากที่เธอเงียบไปนาน
“ไม่ใช่เรื่องของผู้หญิงถ้าไม่อยากเจอดีถอยไป” หนึ่งในนักเรียนชายกลุ่มนั้นพูดขึ้น
“แต่พี่ภูเป็นพี่ชายของนิศาไม่ให้นิศายุ่งนิศาคงทำไม่ได้ พี่ภูเจ็บนิศาก็รู้สึกเจ็บเหมือนกัน” นิศาพูดในขณะที่น้ำตาของเธอคลอเบ้า ภูผาถึงกับอึ้งที่ได้ยินนิศาพูดแบบนี้เขาไม่เคยคิดว่าในชีวิตนี้จะมีใครเป็นห่วงเขาได้ถึงเพียงนี้ นักเรียนชายคนหนึ่งในกลุ่มคิดว่าคงพูดไม่รู้เรื่องแน่ๆ จึงตรงเข้าไปผลักนิศาจนเธอล้มลง ภูผาเห็นเช่นนั้นเขารู้สึกแค้นนักเรียนชายคนนั้นมากที่ทำกับนิศาแบบนั้น เขาจึงรวบรวมเรี่ยวแรงของตัวเองทั้งหมดที่พอจะมีเหลืออยู่พยายามพยุงตัวให้ลุกขึ้นทั้งๆ ที่ร่างกายของเขาในตอนนี้บอบช้ำมากแล้วจากการโดนทำร้าย ทันทีที่เขาลุกขึ้นยืนได้เขารีบตรงเข้าไปชกหน้านักเรียนชายที่ทำร้ายนิศาทันทีด้วยความโกรธ เพื่อนของนักเรียนชายคนนั้นทั้งหมดจึงตรงเข้ามาทำร้ายภูผาจนภูผาล้มลงไปนอนราบกับพื้น พนักงานรักษาความปลอดภัยของโรงเรียนผ่านมาเห็นเหตุการณ์จึงตะโกนห้าม นักเรียนกลุ่มนั้นตกใจจึงวิ่งหนีกระจัดกระจายกันไปคนละทางโดยที่มีพนักงานรักษาความปลอดภัยของโรงเรียนวิ่งตามไล่จับไปอย่างกระชั้นชิด คงเหลือแต่ภูผา นิศา และนักเรียนชายทั้ง 2 คนที่โดนทำร้าย ยังอยู่ที่เดิมไม่ได้วิ่งหนีไปไหน นิศาซึ่งล้มอยู่เธอค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วเดินไปหาภูผาซึ่งนอนอยู่บนพื้นโดยที่นักเรียนชาย 2 คนก็นั่งมองอยู่ ทั่วทั้งตัวของ
ภูผามีแต่บาดแผลเขาดูบอบช้ำมาก นิศากลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เธอจึงปล่อยโฮออกมาเพราะความสงสารภูผา
“พี่ภู พี่เจ็บมากมั้ย” นิศาพูดทั้งๆ ที่ยังร้องไห้อยู่เธอค่อยๆ พยุงร่างของภูผาที่นอนราบอยู่กับพื้นให้นั่งลงซึ่งตอนนี้ภูผากำลังอยู่ในอ้อมกอดของนิศา เขาและเธอสบตากัน โดยที่มีนักเรียนชายทั้ง 2 คนมองดูอย่างซึ้งใจ
“พวกเราทั้งสองต้องขอบใจนายมากนะภูผาที่มาช่วยพวกเรา” หนึ่งในนักเรียนสองคนนั้นพูดขึ้น
“พวกนายรู้จักชื่อฉันได้ยังไง” ภูผาถามด้วยความสงสัย
“ ก็วันนี้ไงตอนที่นายออกไปแนะนำตัวหน้าชั้นเรียนพวกเราสองคนก็เลยรู้จักนาย ดูสิมาเรียนวันแรกก็ต้องมาเจ็บตัว” นักเรียนชายคนเดิมพูด
“นี้หมายความว่าพวกนายทั้งสองคนเรียนอยู่ห้องเดียวกับฉัน” ภูผาถามซ้ำเพื่อความแน่ใจ นักเรียนชาย ทั้งสองคนพยักหน้าพร้อมกันแทนคำตอบว่าใช่ นิศานั่งฟังทั้งสามคนคุยกันโดยที่ภูผายังอยู่ในอ้อมกอดของเธอแต่น้ำตาของนิศาก็ยังไม่หยุดไหล
“ฉันชื่อชาย ” ชายแนะนำ
“ส่วนฉันชื่อพีนะ ขอโทษนายจริงๆนะ ภูผาที่ทำให้นายต้องมาต้องเจอเรื่องแบบนี้ ไอ้พวกนั้นมันเที่ยวหาเรื่องคนอื่นไปทั่ว แค่ฉันเผลอเดินไปชนมัน พวกมันก็ยกพวกมาตะลุมบอนพวกฉันแล้ว พวกมันถือว่ามีพวกเยอะกว่าก็เลยคิดว่าจะทำอะไรกับใครก็ได้” พีพูดอย่างอดที่จะโมโหไม่ได้
“ไม่เป็นอะไรหรอกเรื่องแค่นี้เอง” ภูผาตอบ
“พี่ภูนิว่าไปหาหมอก่อนดีกว่านะ ดูสิพี่เป็นแผลช้ำไปหมดทั้งตัวแล้ว” นิศาพูดโดยที่ยังร้องไห้อยู่เธอค่อยๆ พยุงตัวของภูผาให้ลุกขึ้นยืน โดยที่มีชายและพีมองดูอยู่ ชายดูจะสนใจนิศาเป็นพิเศษดูเหมือนว่าเขาจะชอบเธอตั้งแต่แรกเห็นซะแล้ว นิศาพยุงตัวภูผาให้ค่อยๆ เดินมาที่หน้าประตูโรงเรียน โดยที่มีชายและพีเดินมาด้วย เมื่อมาถึงหน้าประตูโรงเรียนนิศาก็ต้องตกใจเมื่อเธอไม่เห็นเนตรดาวและนายโชครออยู่เธอคิดว่าทั้งสองคงกลับกันไปก่อนแล้วโดยที่ไม่รอเธอและภูผา เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะโทรหานายโชคแต่แบตโทรศัพท์ของเธอหมด เธอจึงขอยืมโทรศัพท์ภูผาแต่ว่าแบตโทรศัพท์ของภูผาก็หมดเช่นกัน
“พี่ภูเราจะทำยังไงกันดีค่ะ น้าโชคกับพี่เนตรกลับกันไปแล้ว แล้วเนตรจะพาพี่ไปหาหมอได้ยังไง” นิศาพูดอย่างกังวนใจ
“เอาอย่างนี้ดีมั้ยเดี๋ยวฉันโทรให้คนขับรถที่บ้านฉันมารับเดี๋ยวฉันไปส่งนายเองขอให้ฉันได้ตอบแทนนายบ้างนะนายภู” ชายพูด
“ขอบใจนะ” ภูผาขอบใจชาย ทั้ง 4 คนนั่งรอรถกันอยู่หน้าประตูโรงเรียน นิศาหยิบผ้าเช็ดหน้าของเธอมาพันตรงข้อมือของภูผาซึ่งมีเลือดออก ภูผารู้สึกดีกับนิศามากที่เธอทำอะไรๆให้เขาอย่างนี้แต่เขาก็ไม่กล้าแสดงออกให้นิศารู้ว่าเขารู้สึกเช่นไร เขาได้แต่ทำหน้านิ่งเฉยราวกับว่าเขาไร้ซึ่งความรู้สึก ในเวลาเดียวกันชายก็นั่งแอบมองนิศาอยู่ไม่ให้เธอรู้ตัวส่วนพีก็นั่งสำรวจดูแผลบริเวณร่างกายของเขา เมื่อคนขับรถของบ้านชายมาชายก็สั่งให้คนขับรถพาพวกเขาทั้งสี่คนไปส่งที่โรงพยาบาล
ในห้องเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เป็นช่วงเวลาที่อาจารย์ยังไม่เข้ามาสอน นักเรียนในห้องบ้างก็นั่งคุยกันอยู่เป็นกลุ่ม ๆ บ้างก็เดินไปเดินมาอยู่ภายในห้อง บางคนก็วิ่งเล่นและแกล้งกันไปแกล้งกันมา นิศานั่งอยู่ที่โต๊ะเรียน มี หญิง และ น้ำใส ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของนิศานั่งอยู่ด้วย ทั้งสามคนนั่งคุยกันอยู่อย่างสนุกสนาน เอกวิ่งเข้ามาในห้องอย่างรีบร้อนเขาวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้านิศา มือข้างหนึ่งถือกระเป๋านักเรียนส่วนอีกข้างถือของมาพะรุงพะรังยืนหอบอยู่เพราะความเหนื่อย โดยที่มี นิศา หญิง และ น้ำใสนั่งมองดูอยู่
“สวัสดีตอนเช้านะ นิศา หญิง แล้วก็น้ำใสด้วยนะ” เอกทักทายเพื่อนด้วยน้ำเสียงแจ่มใสแต่ยังมีอาการเหนื่อยและหอบปนอยู่อย่างเห็นได้ชัด
“มาสายนะแกไอ้เอก” หญิงทักกลับแต่ปนด้วยน้ำเสียงตำหนิ
“แหมหญิงมาสายก็ยังดีกว่าไม่มานะจริงมั้ยเอก” น้ำใสเข้าข้าง เอกพยักหน้าคล้อยตาม
“เอก ทำไมมาสายล่ะ ปกติเอกไม่เคยมาสายขนาดนี้นี่นา ” นิศาถามด้วยความเป็นห่วง
“เออ...คือว่า...เมื่อวานเราได้ยินนิศาพูดว่าปาท่องโก๋ร้านเจ๊แมวอร่อยแล้วนิศาก็ชอบกินมากๆด้วย เราก็เลย...เออ...คือ...ไปยืนรอหน้าร้านเจ๊แมวตั้งแต่เช้าเพื่อจะไปซื้อปาท่องโก๋มาให้นิศา นี่ไงปาท่องโก๋ที่นิศาชอบ”
เอกพูดพลางยื่นถุงปาท่องโก๋ให้นิศาอย่างเขิน เขิน
“นี่อย่าบอกนะเอกว่านายลงทุนไปถึงร้านเจ๊แมวทั้งทั้งที่ร้านเจ๊แมวเนี้ยอยู่คนละทางกะบ้านนายแถมยังไปตั้งแต่เช้าอีกเพื่อจะไปซื้อปาท่องโก๋มาให้ยายนิศากินเนี้ยนะ” หญิงพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
“จริงสิ” เอกตอบ
“เอก นิขอบใจเอกมากนะแต่ว่า... เอกไม่เห็นต้องทำถึงขนาดนี้เลยนะคือว่า...นิเกรงใจคราวหลังเอกอย่าทำอะไรแบบนี้อีกนะ” นิศาพูดอย่างซึ้งใจ
“เพื่อนิศาเอกทำได้ทุกอย่างอยู่แล้วก็เอกรัก...เอ่อ...คือ...คือว่า...เอกหมายถึง...ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่นาเพื่อนกันเรื่องแค่นี้เล็กน้อยน่าอย่าคิดมากเลยนะมากินปาท่องโก๋โคตรอร่อยกันดีกว่านะ”
เอกพูดตะกุดตะกัดราวกับว่ามีความลับอะไรช่อนอยู่ นิศา กับ หญิงก็นั่งกินปาท่องโก๋กันอย่างเอร็ดอร่อยโดยที่ไม่มีใครได้สังเกตเห็นว่า น้ำใส นั่งหน้าเศร้าอยู่ ที่จริงแล้วเอกแอบรักนิศามาตั้งนานแล้ว แต่เขาไม่กล้าที่จะบอกให้นิศาหรือใครใครได้รู้ว่าเขาชอบเธอมากแค่ไหน เขาได้แต่เก็บความรู้สึกนี้ไว้ภายในใจของเขา เขาทำได้เพียงคอยดูแลคอยทำสิ่งที่ดีดีเพื่อนิศาอยู่เสมอ โดยที่ตัวของนิศาเองก็ไม่รู้ตัวเองเลยว่าเอกคิดกับเธออย่างไร เธอรู้แต่เพียงว่าเอกเป็นเพื่อนคนหนึ่งที่ดีมาก มีแต่น้ำใสคนเดียวเท่านั้นที่พอจะมองออกว่าเอกคิดอย่างไรกับนิศา แต่เอกไม่รู้ด้วยซ้ำว่าน้ำใสรู้ว่าเขาคิดอย่างไรกับนิศา และที่ยิ่งไปกว่านั้นเอกไม่เคยรู้เลยว่าน้ำใสเองก็แอบรักเขาเหมือนกันแต่น้ำใสรู้ดีว่าเอกคิดกับเธอเพียงแค่เพื่อนเท่านั้น และที่สำคัญเอกก็รักนิศามากเธอจึงได้แต่แอบรักเขาเพียงข้างเดียวโดยที่ไม่บอกให้ใครได้รับรู้เช่นกัน
ในห้องเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ทันทีที่อาจารย์เดินเข้ามาในห้องเรียน นักเรียนภายในห้องต่างนั่งกันอย่างสงบเรียบร้อย เนตรดาวเดินตามหลังอาจารย์มาอย่างกระชั้นชิด เมื่ออาจารย์เดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าชั้นเรียนเนตรดาวก็หยุดเดินและยื่นอยู่ใกล้ๆกับอาจารย์ นักเรียนในห้องต่างมองดูเนตรดาวอย่างสนใจและอยากรู้ว่าเนตรดาวเป็นใครและมาทำอะไรที่นี่
“นักเรียนทุกคนค่ะ วันนี้อาจารย์มีนักเรียนใหม่จะมาแนะนำให้พวกเราได้รู้จักกันนะ เธอจะเข้ามาเรียนที่นี่วันนี้เป็นวันแรก นักเรียนทุกคนตรบมือต้อนรับเพื่อนหน่อยเร็ว ”
อาจารย์พูดจบก็ตรบมือนำ นักเรียนในห้องก็ตรบมือตามอาจารย์ นักเรียนบางคนกระซุบกระซิบพูดคุยถึงสมาชิกใหม่ในห้องเรียนกันอย่างตื่นเต้น โดยแฉพาะนักเรียนชายที่ดูจะตื่นเต้นเป็นพิเศษที่จะมีนักเรียนหญิงคนใหม่เข้ามาเรียนในห้องนี้
“พอกันก่อนนะค่ะนักเรียน เดี๋ยวเรามาลองฟังเสียงเพื่อนคนใหม่กันดีกว่ามั้ยค่ะ เนตรดาวพูดอะไรหน่อยสิจ๊ะ”
อาจารย์พูดขัดจังหวะเมื่อเห็นนักเรียนในห้องพูดคุยกันถึงสมาชิกใหม่ในห้องอย่างเสียงดัง
“สวัสดีค่ะ เพื่อนๆทุกคน ชื่อเนตรดาวนะค่ะ เรียกเนตรอย่างเดียวก็ได้ค่ะ” เนตรดาวไม่ทันได้พูดอะไรต่อนักเรียนชายในห้องคนหนึ่งก็ตะโกนขึ้น
“เรียกที่รักแทนได้มั้ยคับ ไม่ทราบว่ามีแฟนรึยังเอ่ย” เมื่อนักเรียนชายคนนั้นพูดจบเพื่อนๆในห้องต่างก็โห่เสียงดังลั่นจนเนตรดาวแก้มแดงก่ำ
“พอกันก่อนนะค่ะนักเรียน เดี๋ยวใครมีคำถามหรืออยากคุยอะไรกับเพื่อนใหม่เอาไว้ค่อยคุยกันนอกรอบแล้วกันนะ เนตรดาวเดี๋ยวไปนั่งใกล้ๆ แพทกับหวานตรงโน้นนะจ๊ะ นักเรียนดูแลเพื่อนด้วยนะ” อาจารย์พูดพลางชี้ไปที่โต๊ะเรียนที่ว่างอยู่ซึ่งอยู่ใกล้กับโต๊ะเรียนของแพทและหวาน เนตรดาวเดินไปนั่งที่โต๊ะเรียน สายตาของนักเรียนทุกคนในห้องต่างมองดูเนตรดาวอย่างไม่กระพริบตา
“สวัสดีจ๊ะเนตรดาวเราชื่อแพทนะ ส่วนนี่หวานเราสองคนเป็นเพื่อนกันจ๊ะ” แพทแนะนำตัวส่วนหวานก็ยิ้มให้เนตรดาวอย่างเป็นมิตร
“ยินดีที่ได้รู้จักนะแพท หวาน ” เนตรดาวพูดพลางยื่นมือไปจับมือแพทและมือหวานตามลำดับ
ที่โรงอาหารนิศา หญิง น้ำใส และเอก กำลังรับประทานอาหารกันอยู่ทั้งสี่คนพูดคุยกันอย่างสนุกสนานนิศาเหลือบไปเห็นภูผานั่งรับประทานอาหารอยู่คนเดียวที่โต๊ะอาหารซึ่งอยู่ถัดออกไปตรงหน้าโต๊ะของนิศาประมาณ 4-5 โต๊ะ
“เดี๋ยวนิมานะ” นิศาพูดจบก็ถือจานข้าวและแก้วน้ำเดินไปนั่งที่โต๊ะเดียวกับภูผา หญิง น้ำใส และเอกต่างมองตามด้วยความมึนงงปนสงสัย
“สวัสดีค่ะพี่ภู” นิศาพูดทันทีที่นั่งลง เธอยิ้มให้ภูผาอย่างอ่อนโยนภูผามองหน้าเธอแวบหนึ่งก่อนจะหันกลับไปรับประทานอาหารต่อ โดยไม่สนใจว่านิศานั่งมองดูเขาอยู่ นิศาหน้าเจื่อนก่อนจะพูดต่อ
“มาเรียนวันแรกเป็นไงบ้างค่ะพี่ภู” นิศาพูดต่อแต่ภูผาก็ยังรับประทานอาหารต่อไม่สนใจนิศาแม้แต่น้อยเขาทำราวกับว่านิศาไม่มีตัวตน นิศาหน้าเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัดเธอได้แต่นั่งมองภูผา และไม่ได้พูดอะไรต่อจนเวลาผ่านไปประมาณสัก 2 นาทีเมื่อภูผารับประทานอาหารเสร็จ เขาก็ลุกขึ้นเดินไปอย่างไม่สนใจนิศาแม่แต่น้อย
“พะ...พี่ภูเดี๋ยวค่ะ” นิศาตะโกนเรียกเขาแต่ภูผาก็ไม่หันมามองเธอเลย นิศาหน้าเศร้าเธอถือจานข้าวและแก้วน้ำเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะของเธอซึ่งมี หญิง น้ำใส และเอก ซึ่งนั่งมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ตั้งแต่ต้นด้วยความสงสัยและอยากรู้
“ใครเหรอนิ ทำไมนิต้องไปนั่งโต๊ะเดียวกับเค้า” เอกถามด้วยความอยากรู้แต่ก็มีอารมณ์หึงปนอยู่ด้วย ทำให้น้ำใสซึ่งนั่งมองอยู่อดที่จะเศร้าไม่ได้ที่เห็นเอกสนใจนิศาถึงเพียงนี้ นิศาเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เพื่อนฟังว่า
ภูผาเป็นใครมีอะไรเกี่ยวข้องกับเธอบ้าง ในขณะเดียวกันเนตรดาวซึ่งนั่งรับประทานอาหารอยู่กับแพท และหวานซึ่งเธอเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นที่นิศาเดินไปหาภูผา เธอแสยะยิ้มอย่างอดที่จะหมันไส้นิศาไม่ได้
ถึงเวลาเลิกเรียนนายโชคคนขับรถอีกคนของบ้านนิศามารอรับนิศาหน้าประตูโรงเรียน ไม่นานนิศาก็เดินออกมาจากโรงเรียน
“อ้าว น้าโชคสวัสดีค่ะ” นิศาสวัสดีนายโชคทันทีที่เธอเห็นนายโชคมารอรับเธอ
“สวัสดีครับคุณหนู แล้วคุณภูผากับคุณเนตรดาวล่ะครับ ” นายโชคทักทายนิศากลับพร้อมถามถึง ภูผา และ เนตรดาว
“นิก็ยังไม่เห็นพี่ภูกับพี่เนตรเลยค่ะแต่นิว่าเดี๋ยวก็คงจะมากันมั้งค่ะ” นิศาตอบพลางกวาดสายตามองเข้าไปภายในบริเวณโรงเรียนเพื่อมองหาภูผาและเนตรดาว
“ผมว่าคุณหนูไปนั่งรอในรถก่อนดีกว่ามั้ยครับข้างนอกอากาศร้อนเดี๋ยวจะไม่สบายเอาได้นะครับ” นายโชคถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรค่ะน้าโชคนิว่านิยืนรออยู่ตรงนี้ดีกว่าค่ะขอบคุณมากนะค่ะน้าโชคที่เป็นห่วงนิ” นิศาตอบพลางสายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นเนตรดาวกำลังเดินมา
“นั้นไงค่ะน้าโชคพี่เนตรมาแล้ว” นิศาพูดพลางชี้ให้นายโชคมองเนตรดาวที่กำลังเดินมาพร้อมกับแพทและหวานทันทีที่เนตรดาวเห็นนิศาเธอรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เมื่อมาถึงบริเวณหน้าประตูโรงเรียนหวานและแพทก็ต่างแยกย้ายกันกลับไปคนละทาง คงเหลือแต่เพียงเนตรดาวเท่านั้นที่เเดินมาจวนจะถึงบริเวณรถที่นิศาและนายโชคยืนรออยู่เธอแสร้งปั้นหน้ายิ้มทั้งๆที่ในใจเธอรู้สึกราวกับจะกินเลือดกินเนื้อนิศาก็ไม่ปาน
“เลิกเรียนเร็วจังนะนิศา” เนตรดาวแสร้งทำเป็นพูดดีกับนิศา
“เนตรก็เพิ่งเลิกเมื่อกี้นี้เองค่ะพี่เนตร ว่าแต่พี่ภูล่ะค่ะเนตรยังไม่เห็นพี่ภูเลย” นิศาตอบพร้อมถามถึงภูผาด้วยความเป็นห่วง
“พี่ก็ไม่เห็นเหมือนกันนะแต่ช่างเค้าเถอะเรากลับกันก่อนก็ได้” เนตรดาวตอบ
“แต่พี่ภูยังไม่มาเลยนะค่ะพี่เนตร นิว่าเรารอพี่ภูกันก่อนดีกว่านะค่ะ” นิศาไม่เห็นด้วยที่เนตรดาวจะทิ้งให้ภูผากลับบ้านเพียงลำพัง
“ใช่ครับผมว่าเราน่าจะรอคุณภูผากันก่อนนะครับ” นายโชคแสดงความคิดเห็นแต่ไม่ทันสิ้นเสียงของนายโชคเนตรดาวก็สวนกลับด้วยความโมโห
“ใครถามแกไอ้ขี้ข้าแส่มาออกความเห็น” เนตรดาวหันไปต่อว่านายโชคด้วยน้ำเสียงดุดัน ทำให้นายโชคถึงกลับหน้าเปลี่ยนสีและกล่าวคำขอโทษเนตรดาวทันที นิศาซึ่งเห็นเหตุการณ์อยู่ตลอดเธอแทบจะไม่เชื่อหูและสายตาของตัวเธอเองที่เนตรดาวจะโมโหร้ายได้ถึงขนาดนี้
“พี่เนตรค่ะอย่าว่าน้าโชคเลยนะค่ะน้าโชคก็แค่หวังดีนะค่ะถึงได้พูดออกไปแบบนั้น” นิศาพูดทำให้นายโชครู้สึกซาบซึ้งใจที่นิศาไม่ว่าอะไรเขาเหมือนเนตรดาว เนตรดาวได้ฟังดังนั้นเธอเกือบจะกลั้นอารมณ์ของความโกรธเอาไว้ไม่อยู่ เธออยากจะตรงเข้าไปตบหน้านิศาแต่เธอก็ต้องอดกลั้นเอาไว้ เธอแสร้งทำเป็นรู้สึกผิด
“เนตรขอโทษนะค่ะน้าโชค พี่ขอโทษนะจ๊ะนิศาคือพี่คงเครียดไปหน่อยอย่าถือสาเลยนะ” เนตรดาวทำเป็นพูดอย่างรู้สึกผิดทั้งๆที่ในใจเธอไม่ได้คิดเช่นนั้นเลย
“ไม่เป็นไรครับคุณเนตร” นายโชครู้สึกดีขึ้นเมื่อได้ยินคำขอโทษของเนตรดาว
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่เนตร” นิศาตอบอย่างเข้าใจ เธอคิดว่าเนตรดาวอาจจะเครียดเรื่องเรียนถึงได้ระบายออกมาแบบนั้น ทั้งสามคนยืนรอภูผาอยู่ที่รถเนตรดาวโทรศัพท์หาภูผาแล้ว แต่เขาก็ไม่ยอมรับสายจนนิศาอาสาที่จะเข้าไปตามหาภูผาภายในโรงเรียน เมื่อนิศาเข้าไปในโรงเรียนเนตรดาวนึกแผนการที่จะแกล้งนิศาได้เธอจึงแกล้งทำเป็นปวดท้องอย่างหนัก แล้วสั่งให้นายโชคพาเธอไปโรงพยาบาล แต่นายโชคบอกว่าถ้าเกิดไปตอนนี้นิศากับถูผาจะกลับบ้านกันอย่างไร เนตรดาวจึงแกล้งปวดท้องหนักขึ้นอีกเธอบอกว่าให้นายโชคไปส่งเธอที่โรงพยาบาลก่อนแล้วค่อยกลับมารับนิศากับภูผาก็ได้ นายโชคจึงจำใจต้องยอมขับรถไปส่งเนตรดาวที่โรงพยาบาล
ภูผานั่งอยู่เพียงลำพังตรงโต๊ะไม้หินอ่อนภายในโรงเรียน รอบรอบตัวของเขาถึงแม่จะมีผู้คนเดินไปมาอยู่บ้างแต่ก็ถือว่าน้อยมาก เพราะว่าช่วงเวลานี้เลยเวลาเลิกเรียนมานานมากแล้ว แต่ภูผาก็ยังคงนั่งนิ่งๆเขาไม่สนใจสิ่งแวดล้อมรอบรอบตัวของเขาเลยแม้แต่น้อย รวมถึงเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นเมื่อครั้งที่เนตรดาวโทรมาก็ตาม แต่เขาก็ไม่ได้สนใจที่จะรับสาย สายตาของเขาที่เหม่อมองไปไกลรวมถึงแววตาคู่นั้นที่ดูเศร้าสร้อย ดูเหมือนว่าเขากำลังมีอะไรอยู่ภายในจิตใจ เขาไม่รู้ตัวว่านั่งอยู่ตรงนี้เป็นเวลานานเท่าไหร่แล้ว และก็ไม่รู้ว่าจะนั่งอยู่จนถึงเมื่อไหร่ จู่จู่เขาก็ได้ยินเสียงดังเอะอะโวยวายมาแต่ไกล เสียงนั้นค่อยๆดังใกล้เข้ามาหาเขาเรื่อยๆ ภูผาหันไปทางต้นตอของเสียงตามสัญชาตญาณ เขาเห็นนักเรียนชาย 2 คนกำลังโดนกลุ่มนักเรียนชายรุ่นราวคราวเดียวกันประมาณ 8-10 คน รุ่มทำร้าย เขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นและใครเป็นฝ่ายผิด แต่เขาทนไม่ได้ที่จะเห็นกลุ่มคนซึ่งมีจำนวนมากกว่ามาทำร้ายคนกลุ่มน้อยเขาจึงเดินตรงไปยังกลุ่มคนกลุ่มนั้นเพื่อหวังจะช่วยนักเรียนชายที่โดนทำร้าย
“มีพวกเยอะกว่าแล้วคิดจะรังแกใครก็ได้งั้นเหรอ อย่างนี้เค้าเรียกว่าหมาหมู่นะ” ภูผาตะโกนลั่นอย่างไม่พอใจที่เห็นพฤติกรรมของนักเรียนกลุ่มนั้น นักเรียนกลุ่มนั้นหยุดทำร้ายนักเรียนชาย 2 คน แล้วหันมาทางภูผาแทนพวกเขารู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากหนึ่งในนักเรียนชายกลุ่มนั้นจึงตะโกนขึ้น
“แล้วมันธุระกงการอะไรของแกว่ะถึงมาแส่ อ้อฉันรู้แล้วหรือว่า แกอย่างจะมีเรื่องอีกคนหนึ่งหา” นักเรียนชายคนนั้นตะโกนขึ้นด้วยความไม่พอใจ
“อันที่จริงมันก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของฉันหรอกนะแต่มันทนไม่ได้ที่เห็นพวกหมาหมู่แบบนี้ว่ะ”
ภูผาย้อนทำให้นักเรียนชายในกลุ่มคนหนึ่งทนไม่ไหววิ่งเขามาหาภูผาเพื่อหวังจะชกหน้าเขาแต่ภูผาหลบทันเสียก่อนจึงไม่โดนชก ภูผาตั้งตัวได้เขาจึงชกนักเรียนชายคนนั้นจนหงายหลัง เพื่อนๆในกลุ่มของนักเรียนชายคนนั้นทั้งหมดจึงตรงเข้ามาหวังจะทำร้ายภูผา นักเรียนชาย 2 คนซึ่งโดนทำร้ายก่อนหน้านี้จึงวิ่งตรงเข้าไปช่วยภูผา ทั้งหมดจึงตะลุมบอนกัน
อีกฟากหนึ่งนิศายังคงเดินตามหาภูผาอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ภายในโรงเรียนเธอรู้สึกไม่ดีและเป็นห่วง
ภูผาเป็นอย่างมากที่เขาหายไปอย่างนี้
“พี่ภูอยู่ที่ไหนนะ หรือว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับพี่ นิศาเป็นห่วงพี่มากรู้มั้ย” นิศาบ่นพึมพำอยู่คนเดียว จู่จู่เธอก็ได้ยินเสียงดังเอะอะโวยวายเธอจึงรีบวิ่งไปทางเสียงนั้น เมื่อเธอมาถึงต้นตอของเสียง เธอแทบจะช็อกเมื่อภาพที่เธอเห็นคือภาพของภูผาที่กำลังโดนทำร้าย ภูผาโดนชกจนล้มลงนักเรียนชายกลุ่มนั้นกำลังจะตรงเข้าไปซ้ำภูผา นิศารีบรวบรวมสติก่อนที่เธอจะตรงเข้าไปขวางนักเรียนชายกลุ่มนั้น
“อย่าทำอะไรพี่ภูนะ” นิศาพูดเสียงสั่นพลางกางมือทั้งสองข้างของเธอขึ้นเพื่อกำบังภูผาไว้ ภูผารวมถึงนักเรียนชายทั้งหมดที่อยู่ตรงนั้นหันมามองทางนิศาเป็นตาเดียวกัน ภูผารู้สึกซึ้งใจที่นิศายอมทำเพื่อเขาถึงเพียงนี้ทั้งๆที่ความเป็นจริงแล้วเขาและเธอไม่ได้เป็นพี่น้องกันจริงๆ เป็นเพียงแค่พี่น้องต่างสายเลือดเท่านั้น “นิศาขอร้องอย่าทำอะไรพี่ภูเลยนะค่ะ” นิศาพูดต่อหลังจากที่เธอเงียบไปนาน
“ไม่ใช่เรื่องของผู้หญิงถ้าไม่อยากเจอดีถอยไป” หนึ่งในนักเรียนชายกลุ่มนั้นพูดขึ้น
“แต่พี่ภูเป็นพี่ชายของนิศาไม่ให้นิศายุ่งนิศาคงทำไม่ได้ พี่ภูเจ็บนิศาก็รู้สึกเจ็บเหมือนกัน” นิศาพูดในขณะที่น้ำตาของเธอคลอเบ้า ภูผาถึงกับอึ้งที่ได้ยินนิศาพูดแบบนี้เขาไม่เคยคิดว่าในชีวิตนี้จะมีใครเป็นห่วงเขาได้ถึงเพียงนี้ นักเรียนชายคนหนึ่งในกลุ่มคิดว่าคงพูดไม่รู้เรื่องแน่ๆ จึงตรงเข้าไปผลักนิศาจนเธอล้มลง ภูผาเห็นเช่นนั้นเขารู้สึกแค้นนักเรียนชายคนนั้นมากที่ทำกับนิศาแบบนั้น เขาจึงรวบรวมเรี่ยวแรงของตัวเองทั้งหมดที่พอจะมีเหลืออยู่พยายามพยุงตัวให้ลุกขึ้นทั้งๆ ที่ร่างกายของเขาในตอนนี้บอบช้ำมากแล้วจากการโดนทำร้าย ทันทีที่เขาลุกขึ้นยืนได้เขารีบตรงเข้าไปชกหน้านักเรียนชายที่ทำร้ายนิศาทันทีด้วยความโกรธ เพื่อนของนักเรียนชายคนนั้นทั้งหมดจึงตรงเข้ามาทำร้ายภูผาจนภูผาล้มลงไปนอนราบกับพื้น พนักงานรักษาความปลอดภัยของโรงเรียนผ่านมาเห็นเหตุการณ์จึงตะโกนห้าม นักเรียนกลุ่มนั้นตกใจจึงวิ่งหนีกระจัดกระจายกันไปคนละทางโดยที่มีพนักงานรักษาความปลอดภัยของโรงเรียนวิ่งตามไล่จับไปอย่างกระชั้นชิด คงเหลือแต่ภูผา นิศา และนักเรียนชายทั้ง 2 คนที่โดนทำร้าย ยังอยู่ที่เดิมไม่ได้วิ่งหนีไปไหน นิศาซึ่งล้มอยู่เธอค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วเดินไปหาภูผาซึ่งนอนอยู่บนพื้นโดยที่นักเรียนชาย 2 คนก็นั่งมองอยู่ ทั่วทั้งตัวของ
ภูผามีแต่บาดแผลเขาดูบอบช้ำมาก นิศากลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เธอจึงปล่อยโฮออกมาเพราะความสงสารภูผา
“พี่ภู พี่เจ็บมากมั้ย” นิศาพูดทั้งๆ ที่ยังร้องไห้อยู่เธอค่อยๆ พยุงร่างของภูผาที่นอนราบอยู่กับพื้นให้นั่งลงซึ่งตอนนี้ภูผากำลังอยู่ในอ้อมกอดของนิศา เขาและเธอสบตากัน โดยที่มีนักเรียนชายทั้ง 2 คนมองดูอย่างซึ้งใจ
“พวกเราทั้งสองต้องขอบใจนายมากนะภูผาที่มาช่วยพวกเรา” หนึ่งในนักเรียนสองคนนั้นพูดขึ้น
“พวกนายรู้จักชื่อฉันได้ยังไง” ภูผาถามด้วยความสงสัย
“ ก็วันนี้ไงตอนที่นายออกไปแนะนำตัวหน้าชั้นเรียนพวกเราสองคนก็เลยรู้จักนาย ดูสิมาเรียนวันแรกก็ต้องมาเจ็บตัว” นักเรียนชายคนเดิมพูด
“นี้หมายความว่าพวกนายทั้งสองคนเรียนอยู่ห้องเดียวกับฉัน” ภูผาถามซ้ำเพื่อความแน่ใจ นักเรียนชาย ทั้งสองคนพยักหน้าพร้อมกันแทนคำตอบว่าใช่ นิศานั่งฟังทั้งสามคนคุยกันโดยที่ภูผายังอยู่ในอ้อมกอดของเธอแต่น้ำตาของนิศาก็ยังไม่หยุดไหล
“ฉันชื่อชาย ” ชายแนะนำ
“ส่วนฉันชื่อพีนะ ขอโทษนายจริงๆนะ ภูผาที่ทำให้นายต้องมาต้องเจอเรื่องแบบนี้ ไอ้พวกนั้นมันเที่ยวหาเรื่องคนอื่นไปทั่ว แค่ฉันเผลอเดินไปชนมัน พวกมันก็ยกพวกมาตะลุมบอนพวกฉันแล้ว พวกมันถือว่ามีพวกเยอะกว่าก็เลยคิดว่าจะทำอะไรกับใครก็ได้” พีพูดอย่างอดที่จะโมโหไม่ได้
“ไม่เป็นอะไรหรอกเรื่องแค่นี้เอง” ภูผาตอบ
“พี่ภูนิว่าไปหาหมอก่อนดีกว่านะ ดูสิพี่เป็นแผลช้ำไปหมดทั้งตัวแล้ว” นิศาพูดโดยที่ยังร้องไห้อยู่เธอค่อยๆ พยุงตัวของภูผาให้ลุกขึ้นยืน โดยที่มีชายและพีมองดูอยู่ ชายดูจะสนใจนิศาเป็นพิเศษดูเหมือนว่าเขาจะชอบเธอตั้งแต่แรกเห็นซะแล้ว นิศาพยุงตัวภูผาให้ค่อยๆ เดินมาที่หน้าประตูโรงเรียน โดยที่มีชายและพีเดินมาด้วย เมื่อมาถึงหน้าประตูโรงเรียนนิศาก็ต้องตกใจเมื่อเธอไม่เห็นเนตรดาวและนายโชครออยู่เธอคิดว่าทั้งสองคงกลับกันไปก่อนแล้วโดยที่ไม่รอเธอและภูผา เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะโทรหานายโชคแต่แบตโทรศัพท์ของเธอหมด เธอจึงขอยืมโทรศัพท์ภูผาแต่ว่าแบตโทรศัพท์ของภูผาก็หมดเช่นกัน
“พี่ภูเราจะทำยังไงกันดีค่ะ น้าโชคกับพี่เนตรกลับกันไปแล้ว แล้วเนตรจะพาพี่ไปหาหมอได้ยังไง” นิศาพูดอย่างกังวนใจ
“เอาอย่างนี้ดีมั้ยเดี๋ยวฉันโทรให้คนขับรถที่บ้านฉันมารับเดี๋ยวฉันไปส่งนายเองขอให้ฉันได้ตอบแทนนายบ้างนะนายภู” ชายพูด
“ขอบใจนะ” ภูผาขอบใจชาย ทั้ง 4 คนนั่งรอรถกันอยู่หน้าประตูโรงเรียน นิศาหยิบผ้าเช็ดหน้าของเธอมาพันตรงข้อมือของภูผาซึ่งมีเลือดออก ภูผารู้สึกดีกับนิศามากที่เธอทำอะไรๆให้เขาอย่างนี้แต่เขาก็ไม่กล้าแสดงออกให้นิศารู้ว่าเขารู้สึกเช่นไร เขาได้แต่ทำหน้านิ่งเฉยราวกับว่าเขาไร้ซึ่งความรู้สึก ในเวลาเดียวกันชายก็นั่งแอบมองนิศาอยู่ไม่ให้เธอรู้ตัวส่วนพีก็นั่งสำรวจดูแผลบริเวณร่างกายของเขา เมื่อคนขับรถของบ้านชายมาชายก็สั่งให้คนขับรถพาพวกเขาทั้งสี่คนไปส่งที่โรงพยาบาล
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ