พิศวาสสีชมพู

9.2

เขียนโดย plaayfah

วันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2553 เวลา 10.20 น.

  13 ตอน
  24 วิจารณ์
  21.96K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) ตอนที่ 9

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

หลังจากเหตุการณ์วันนั้น ทำเอาแพรวนภัสถึงกับพยายามหลีกเลี่ยงที่จะต้องพบเจอกับต้นเหตุที่ทำให้เธอจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แม้แต่วันงานปิดกล้อง ที่ทีมงานพากันไปฉลองที่ผู้กำกับหนุ่มลงทุนยอมเปิดบ้านสุดหวงให้ทีมงานใช้พื้นที่ในการกินดื่ม พร้อมทั้งสนุกสนานเต็มที่ หญิงสาวยังหลบที่จะต้องเผชิญหน้ากับพระเอกของเรื่อง

“น้องภัสจะรีบไปไหนคะ อยู่ต่ออีกหน่อยสิ” จ๋าที่ออกมาเอาน้ำแข็งเข้าไปเติมเห็นนางเอกของเรื่องเตรียมตัวเหมือนจะกลับจึงร้องทักขึ้น

“ภัสต้องรีบไปรับน้องค่ะพี่จ๋า”แพรวนภัสที่คิดจะแอบกลับจำต้องหันมาคุยด้วย เมื่อมีคนออกมาเห็นเธอกำลังจะออกจากบ้าน

“งั้นก็ให้น้องมาหาที่นี่สิ” จ๋าออกความคิดเห็น เพราะในวันนี้ เป็นวันที่ดารานักแสดงมารวมตัวกันเยอะ และอีกอย่างที่สำคัญ วันนี้มีนักข่าวมาทำการบันทึกภาพเพื่อใช้ในการโปรโมทละครด้วย

“จะดีหรอคะเกรงใจค่ะ อีกอย่างภัสเองก็รู้สึกอยากกลับแล้วด้วย” แพรวนภัสถึงกับพูดไม่ออก

“ไม่ต้องเกรงใจหรอก หรือว่าไม่อยากเจอใครบางคน” จ๋าเอ่ยจับพิรุท เพราะจ๋ามีหน้าที่หลักในการดูแลนักแสดงของเรื่อง โดยเฉพาะตัวละครหลัก จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะรู้ว่าใครไม่ถูกกับใคร หรือใครมีปัญหากับใคร

“ใครกันล่ะคะ ไม่มีอะไรหรอกค่ะพี่จ๋า”แม้ปากจะบอกไปแบบนั้น หากแต่เธอเองก็รู้ว่าจ๋าหาได้เชื่อตามที่บอก

“ถ้าไม่มีอะไร ก็อยู่ต่อนะคะ รอดูละครตอนแรกพร้อมกันค่ะ” จ๋ายังคงยืนยันที่จะให้นางเอกของเรื่องอยู่ต่อให้ได้ และยอมผละไปเมื่อหญิงสาวพยักหน้ารับคำ

“ก็ได้ค่ะ งั้นภัสขอโทรบอกน้องก่อนนะคะ” เมื่อทำอะไรมากกว่านั้นไม่ได้ ก็จำเป็นต้องโทรบอกน้องสาวคนเดียวให้มาเจอเธอที่นี่ ก่อนจะกลับเข้าไปด้านใน

 

หมู่บ้านขนาดใหญ่แต่ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยรถจำนวนไม่น้อยที่ทยอยเข้ามาจอดเรียงรายบริเวณสโมสรที่อยู่ไม่ไกลจากสถานที่จัดเลี้ยงนัก เจ้าของบ้านได้ขออนุญาตกับทางโครงการไว้ล่วงหน้าแล้ว ที่จะจัดงานฉลองในค่ำคืนนี้ ดังนั้น ทุกคนที่มาจึงได้รับการอำนวยความสะดวกเป็นอย่างดี

“จอดตรงนี้ก็ได้ค่ะ คุณลุงจะได้ไม่ต้องเสียเวลามาก เท่าไหร่คะ” เสียงหญิงสาวเอ่ยกับคนขับแท็กซี่ ให้จอดรถริมฟุตบาทก่อนถึงจุดตรวจของกลุ่มรปภ.ที่นั่งเฝ้าเวรอยู่ไม่ไกล

“200 ครับ” คนขับเอ่ยตอบก่อนจะรับเงินจากหญิงสาวผู้โดยสาร ที่เขารับมาจากร้านอาหารย่านชานเมือง เขาจอดพักรถอยู่ไม่ไกลจากจุดที่เธอยืนอยู่นัก ในคราแรกเขาไม่คิดจะรับ เพราะนี่ก็เป็นเวลาค่ำมากแล้ว หากแต่ก็นึกห่วงสวัสดิภาพของเธอ ที่ยืนเรียกรถอยู่นานพอสมควรก็ไม่มีใครรับเธอไป จึงตัดสินใจขับเข้าไปและเธอก็โบกเรียกมายังหมู่บ้านขนาดใหญ่แห่งนี้

“ขอบคุณค่ะคุณลุง” ผู้โดยสารสาวเอ่ยตอบเสียงหวาน ก่อนจะก้าวลงจากรถเพื่อเดินเข้าสู่บ้านเป้าหมาย

“มาติดต่อบ้านหลังไหนครับ” รปภ.ที่นั่งอยู่ไม่ไกลเอ่ยถาม เมื่อเห็นหญิงสาวเดินเข้ามาในระยะที่จะพูดคุยกันรู้เรื่อง

“เอ่อ บ้านผู้กำกับคิมค่ะ” พิมพ์นภาเอ่ยตอบเสียงหวาน หากแต่ก็ออกจะหวั่นๆไม่น้อย เพราะน้ำเสียงที่ดุและหน้าตาที่แสนจะบึ้งตึงก็ทำเอารอยยิ้มหวานๆถึงกับหดลงแต่ก่อนจะได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น เสียงรถยนต์คันหรูที่กำลังขับเคลื่อนมาทำเอา รปภ.ต้องหยุดพูดคุยก่อนจะหันไปทำความเคารพพร้อมยกเหล็กกั้นออกเพื่อเปิดทางให้รถคันหรูผ่านเข้าไป

“พิมพ์” เสียงชายหนุ่มในรถดังขึ้น ก่อนจะเปิดกระจกลงเพื่อเรียกหญิงสาว

“พี่ซัน” พิมพ์นภาเอ่ยตอบอย่างยินดีที่ได้เจอเขาที่นี่ เวลานี้

“มาทำอะไรที่นี่พิมพ์ ขึ้นรถก่อนมา” ซันเอ่ยถามอย่างสงสัย ก่อนจะชวนให้ขึ้นรถพาเข้าไปด้วยกัน

“ขอบคุณค่ะพี่ซัน พิมพ์นึกว่าต้องยืนให้พี่รปภ.ซักประวัติสักชั่วโมงก่อนจะได้เข้ามา” พิมพ์นภายังเอ่ยด้วยน้ำเสียงขี้เล่นเหมือนเดิม ทำเอาเจ้าของรถหรูถึงกับหัวเราะออกมากับความช่างคิด

“ยังไม่ตอบพี่เลย มาทำอะไรที่นี่ตอนนี้” ตะวันถามต่อในสิ่งที่ตนยังไม่ได้คำตอบ

“พิมพ์มาหาพี่สาวค่ะ บอกมางานเลี้ยงอะไรสักอย่างที่นี่ ตอนแรกบอกจะไปรับ แต่อยู่ๆก็โทรมาอบกว่าออกไปตอนนี้ไม่ได้ ให้มาหาที่นี่แทน” พิมพ์นภาเอ่ยตอบอย่างยินดี อย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร หากแต่คนฟังกับนึกสงสัย ใครกันคือพี่สาวที่ปล่อยให้น้องสาวของตัวนั่งรถรับจ้างมาเพียงลำพัง

“แล้วเขาเลี้ยงที่ไหนล่ะพี่จะได้แวะไปส่ง”เจ้าของรถหนุ่มเอ่ยถามพรางบังคับพวงมาลัยไปตามถนนเพื่อเข้าสู่บรรดาบ้านคนรวยภายใน

“บ้านผู้กำกับคิมค่ะ”หญิงสาวตอบเสียงหวาน หากแต่เรียกความสงสัยมากขึ้นกับคำตอบ

“งั้นหรอ” ตะวันเอ่ยตอบรับเพียงสั้นๆ ก่อนจะบังคับรถให้เคลื่อนไปข้างหน้าด้วยความเร็ว ก่อนจะจอดลงยังบริเวณไม่ไกลจากสถานที่จัดงานนัก

“นั่นไง บ้านหลังนั้นแหละ เข้าไปสิ” ตะวันเอ่ยอีกครั้งหลังจากจอดรถเรียบร้อยแล้ว แต่หญิงสาวหาได้ลงจากรถ แต่กลับหันมองหน้าเขาแทน

“พี่ซันล่ะคะ มาทำอะไรที่นี่” เธอเพิ่งนึกได้ว่า บ้านของเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ และการที่เขามาในเวลาเช่นนี้น่าจะหมายถึง

“พี่มีธุระ ลงไปได้แล้ว เดี๋ยวพี่สาวเราจะรอนานนะ”ตะวันไม่ตอบคำถามให้กระจ่าง แต่กลับบอกปัดก่อนจะจัดการดับเครื่องยนต์พร้อมทั้งเปิดประตู

“ถ้าอย่างนั้น พิมพ์ไปก่อนนะคะ ว่างแล้วพิมพ์โทรหานะคะ” พิมพ์นภารู้ดีว่าไม่ควรวุ่นวายมากไปกว่านี้ จึงได้ยอมลงจากรถและเอ่ยลา ก่อนจะเดินข้ามถนนไปยังบ้านหลังที่เขาบอกเมื่อครู่

“พี่สาวหรอ ใครกันนะ” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเบาๆกับตัวเองอย่างสงสัย ก่อนจะปัดความสนใจออก พร้อมก้าวช้าๆ ไปตามทางเดียวกับที่หญิงสาวเข้าไปเมื่อครู่

 

เสียงเพลงที่ดังออกมาจากในบ้าน ทำเอารดิศเองนึกเบื่อหน่าย หากแต่เพราะมันคือหน้าที่ เขาจึงต้องมายืนอยู่ตรงนี้ และกำลังก้าวเข้าไปในบรรยากาศที่เขาไม่ชอบนัก

“อ้าวซัน มายืนทำไมตรงนี้” เสียงเจ้าของบ้าน หรือผู้กำกับคิม เอ่ยทัก เมื่อเขาเดินออกมาเพื่อดูว่าใครเข้ามายืนนิ่งๆหน้าประตูบ้าน

“กำลังจะเข้าไปพอดีพี่ติดสายนิดหน่อย” ตะวันยกมือไหว้เจ้าของบ้าน ก่อนจะตอบคำถาม พรางเดินเข้าไปด้านในด้วยกัน

“ไปๆ เขารอนายอยู่คนเดียวเลยตอนนี้” คิมเอ่ยขณะเดินนำเข้าไปภายในบ้าน

 

ความวุ่นวายของคนจำนวนไม่น้อยด้านในไม่ต่างจากที่คิดนัก เมื่อก้าวตามเจ้าของบ้านเข้าไป ก็ต้องทักทายผู้อาวุโสตามธรรมเนียมปฎิบัติ แม้ว่าตะวันจะเป็นคนนิ่งๆไม่ค่อยพูดกับใครนัก หากแต่เขาก็รู้มารยาทดีพอจะเคารพผู้ใหญ่

“ซัน ทำไมเพิ่งมาคะ วิตามารอตั้งนาน” สาวิตตาที่เห็นพระเอกหนุ่มก้าวเข้ามา ก็รีบวิ่งเข้ามาเกาะแขนอย่างร่าเริงในทันที เพราะช่วงหลังที่ไม่ค่อยมีคิวถ่ายของตัวเอง สาวิตตาก็ไม่ค่อยเข้ามาที่กองถ่ายเหมือนตอนเปิดกองใหม่ๆ

“มองหานางเอกของเราอยู่หรอซัน” เจ้าของบ้านเอ่ยแซวเมื่อเห็นชายหนุ่มเหมือนมองหาใครบางคน แม้จะมีหญิงสาวยืนเกาะแขนอยู่ทั้งคน

“เปล่าหรอกครับพี่คิม”ตะวันเอ่ยปฏิเสธ หากแต่ก็ไม่ได้หยุดมองหา คนถามอดมองตามไม่ได้

“นั่นสิคะพี่คิม ซันจะมองแม่นั่นทำไม” วิตาอดหมั่นไส้ไม่ได้ จึงได้เอ่ยสรรพนามแทนหญิงสาวอีกคนเช่นนั้น เรียกอาการส่ายหน้าระอาจากเจ้าของบ้านไม่ได้

“พี่ว่าไปหาที่นั่งดีกว่าไปซัน ยืนตรงนี้บรรยากาศไม่ค่อยจะดี” คิมชวนก่อนจะดันร่างหนาให้เดินเข้าไปข้างใน ทิ้งให้วิตาหงุดหงิดจนอยากจะร้องกรี๊ดออกมา ถ้าไม่ติดว่าที่นี่มีนักข่าวมาเก็บภาพไปทำข่าวอยู่ด้วย

 

ส่วนพิมพ์นภาที่เดินมาถึงก็เจอพี่สาวยืนรออยู่หน้าประตูแล้ว จึงไม่เคว้งคว้างมากนัก ก่อนจะถูกพาตัวเข้าไปด้านใน ซึ่งมีพี่แจง ผู้จัดการส่วนตัวกับดารานักแสดงสาวๆอีกหลายคนนั่งรวมกันอยู่บนโซฟาตัวโต ที่มีบางคนกำลังร้องเพลงตามทำนองที่เปิดอยู่

“พี่แจง สวัสดีค่ะ” พิมพ์นภัสเอ่ยทักเพื่อนพี่สาว ก่อนจะหันยิ้มหวานให้คนอื่นๆจากการแนะนำของพี่สาว

“พี่คงอยู่ต่อไม่นานหรอก รีบหรือเปล่า” แพรวนภัสบอกน้องสาว เมื่อเห็นน้องสาวเริ่มทำตัวไม่ถูก

“ไม่เป็นไรพี่ภัส พิมพ์ไม่รีบหรอก พ่อกับแม่บอกว่าให้ออกพรุ่งนี้เช้าดีกว่า พี่ภัสจะได้พักก่อนด้วย” เพราะสองพี่น้องมีแผนจะกลับไปเยี่ยมบิดามารดาที่จังหวัดสงขลา หลังจากผู้เป็นพี่ทำงานเสร็จเรียบร้อยเสียก่อน และเมื่อระหว่างเดินทางมาที่นี่ เธอได้โทรศัพท์คุยกับมารดา และเพราะสองพี่น้องดื้อรั้นจะขับรถลงไปเอง นางอดเป็นห่วงไม่ได้

“งั้นก็เถอะ รีบกลับจะได้นอนพักกันไง” แพรวนภัสเอ่ยอย่างรู้ทันน้องสาว ว่าชอบงานรื่นเริงเช่นนี้แค่ไหน

 

และไม่นานอย่างที่ว่าจริงๆ เพราะเวลาผ่านไปแค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง นางเอกสาวจึงบอกผู้จัดการให้พาน้องสาวของเธอออกไปทางด้านข้างก่อนที่ตัวเองจะออกไปยังสระว่ายน้ำ ที่สอบถามจากหลายๆคน

 “พี่คิมคะ ภัสกลับก่อนนะคะ” แพรวนภัสเอ่ยเมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆเจ้าของบ้าน

“อ้าวภัส ทำไมรีบกลับล่ะ นี่ยังไม่ดึกมากเท่าไหร่เลยนี่” คิมที่ยืนคุยกับบรรดานักแสดงหนุ่มๆหันมามอง ก่อนจะแปลกใจ เมื่อดูเวลาแล้วว่าเพิ่งจะสามทุ่มกว่าๆเท่านั้นเอง

“พรุ่งนี้ภัสต้องไปต่างจังหวัดหนะค่ะ กลัวจะขับรถไม่ไหว” นางเอกสาวเอ่ยตอบพรางยิ้มให้คนอื่นๆที่อยู่บริเวณนั้น

“งั้นหรอ โอเคๆ ไว้เจอกันนะ” คิมไม่คิดจะรั้งไว้ เมื่อทราบเหตุผลของหญิงสาว

“ค่ะ ลานะคะ สวัสดีค่ะ”แพรวนภัสไหว้ลาก่อนจะโบกมือให้กับคนอื่นๆที่อยู่ไม่ไกลจากบริเวณนั้น

“โชคดีครับ” หนุ่มๆแถวนั้นเอ่ยตอบเสียงเซ็งแซ่ ยกเว้นใครบางคนที่นั่งหลบมุม ก่อนจะลุกขึ้นเดินอ้อมสนามหญ้าไปอีกทาง

 

ระหว่างเดินออกจากบ้าน แพรวนภัสก็จำต้องแวะคุยกับคนนั้นคนนี่ตลอดทาง กว่าจะเดินออกมาถึงหน้าบ้านได้ก็ใช้เวลานาน จนใครอีกคนที่ออกมายืนดักรออดจะหงุดหงิดไม่ได้

“ทำไมรีบกลับล่ะ เรายังไม่ได้เจอไม่ได้ทักทายกันเลยนะ”เสียงเข้มเอ่ยขึ้น เรียกความสงสัยแก่หญิงสาวจนต้องหันไปมาเพื่อมองหาต้นเสียง ก่อนจะได้พบ

“ทำไมต้องเราเจอกันด้วยไม่ทราบ”เมื่อเห็นต้นกำเนิดเสียง ก็ทำเอาแพรวนภัสถึงกับแอบถอนหายใจ

“แหมคุณนางเอก ยังไม่ทันดังเลย อย่าเพิ่งหยิ่งนักสิ” เมื่อได้ยินคำพูดห่างเหินของหญิงสาว ก็ทำเอาตะวันอดจะหาเรื่องต่อไม่ได้

“ฉันไม่ได้หยิ่ง แค่ฉันไม่อยากทะเลาะกับคุณ”น้ำเสียงที่บ่งบอกอารมณ์เหนื่อยหน่ายของหญิงสาว ทำเอาคนหาเรื่องอดสนุกไม่ได้

“นั่นสินะ ทำไมเราเจอกันทีไรต้องทะเลาะกันทุกที”น้ำเสียงกวนโมโหเรียกความเหนื่อยหน่ายให้แก่หญิงสาวได้เป็นอย่างดี

“คุณมีอะไรหรือเปล่าคะ ถ้าไม่มีอะไรฉันขอตัว ฉันเหนื่อย จะรีบกลับ”ไม่ทันฟังคำตอบ หญิงสาวกลับออกเดินผ่านหน้าไปทันที เพราะนึกรู้ว่าอีกฝ่ายเพียงแค่อยากหาเรื่องมากกว่ามีธุระกับตน

“กลับบ้าน หรือว่ากลับไปไหนล่ะ”น้ำเสียงเริ่มหงุดหงิดเอ่ยขึ้น เรียกให้อีกฝ่ายหันกลับมาตอบได้ในทันที

“แล้วแต่คุณจะคิดแล้วกัน”หญิงสาวหันมาตอบ ก่อนจะหันหลังกลับ เตรียมตัวจากไป หากแต่ก่อนจะได้ออกเดิน กลับโดนอีกมือฉุดรั้งเอาไว้ให้หันกลับมาเผชิญหน้า

“นี่คุณ..”หญิงสาวตกใจกับการใกล้ชิดของเขา

“ผมไม่ชอบให้ใครเดินหนี ถ้าผมยังพูดไม่จบ” ตะวันกัดฟันพูดชิดดวงหน้าหวาน  ก่อนจะสูดดมความหอม จากเรือนผมนุ่มที่ส่งกลิ่นหอมระโรยแตะจมูกโด่ง

“มีอะไรก็พูดมาสิคะ ฉันบอกแล้วไง ฉันเหนื่อย ฉันอยากกลับแล้ว”นางเอกสาวเอ่ยตอบอย่างระอาใจในความดื้อรั้นเอาแต่ใจของอีกฝ่าย เวลานี้เธอไม่มีอารมณ์จะต่อล้อต่อเถียงกับอีกฝ่ายมากไปกว่านี้ ก่อนจะพยายามดันร่างหนาที่เริ่มแนบชิดเธอมากเกินไป

หากแต่พระเอกหนุ่มยังไม่ทันได้พูดหรือทำอะไรต่อ เสียงแฟรชที่รัวขึ้นพร้อมเสียงชัตเตอร์ที่กระหน่ำกด ก็ทำให้ทั้งสองแทบจะแยกออกจากกันทันที พร้อมทั้งได้ยินเสียงเซ็งแซ่ดังขึ้น

“น้องภัสกับน้องซันมายืนทำอะไรกันตรงนี้คะ”

“ทำไมต้องแอบออกมาเจอกันตามลำพังข้างนอกคะ”

“ที่มีข่าวว่าทั้งสองคนไม่ถูกกันจริงหรือเปล่าคะ”

“หรือว่าทั้งสองคนแอบคบกันอยู่คะ”

“ตอบคำถามด้วยนะคะ น้องซัน น้องภัส”

ทั้งสองพระเอกนางเอกถึงกับอึ้งไปชั่วครู่ จึงตั้งสติมองหน้ากันอีกครั้ง ก่อนจะหันมาตอบคำถามอย่างเต็มใจ

“ไม่มีอะไรหรอกครับ พอดีน้องภัสจะล้ม ผมเลยช่วยประคองเอาไว้” ตะวันเอ่ยตอบหน้านิ่งๆ

“แล้วทำไมถึงออกมาเจอกันตามลำพังแบบนี้ล่ะคะ แอบนัดกันออกมาหรือเปล่า” นักข่าวสาวยังเอ่ยถามต่อทันที

“ไม่ได้นัดกันหรอกค่ะพี่ บังเอิญเจอกันมากกว่าค่ะ” แพรวนภัสเอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้มหวานๆ

“แล้วทำไมต้องออกมาเจอกันหน้าบ้านตามลำพังสองต่อสองด้วยล่ะคะ หรือว่าแอบคบกันอยู่” นักข่าวอีกคนถามขึ้นแทบจะทันทีที่นางเอกสาวพูดจบ

“ไม่หรอกค่ะ นี่เราก็เพิ่งมีโอกาสเจอกันเองค่ะ” หญิงสาวเอ่ยตอบอีกครั้ง ก่อนจะมองหน้าผู้ร่วมชะตากรรมที่เอาแต่ยืนเงียบๆให้เธอตอบคนเดียว

“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวนะครับ พี่คิมคงรออยู่”เขารู้ ว่าการหาข้ออ้างในสถานการณ์แบบนี้ คงฟังดูไม่ขึ้นนัก ยิ่งพูดก็ยิ่งเหมือนร้อนตัว จึงตัดบทแยกตัวดีกว่า

“ภัสไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ” เมื่อเขาเอ่ยเช่นนั้นแล้ว ก็เป็นโอกาสที่เธอจะได้กลับเสียที ก่อนจะไหว้ลาและรีบเดินจากไปในทันที

 

 

 

อ่านจบแล้ว อย่าลืมเม้นต์ด้วยนะคะ อยากอ่านเรียกกำลังใจหน่อย

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา