พิศวาสสีชมพู

9.2

เขียนโดย plaayfah

วันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2553 เวลา 10.20 น.

  13 ตอน
  24 วิจารณ์
  22.18K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

10) ตอน 10

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ก่อนอื่นเลยต้องขอบอกว่า ขอโทษที่ไม่ได้เข้ามาอัพ ไม่ใช่ว่าลืมหรืออย่างไร แต่เป็นเพราะว่า เค๊า แต่งได้ทีละนิดทีละหน่อยจริงๆ TT

 

บรรยากาศมาคุภายในห้องทำงานของประธานบริษัท ทำเอาพนักงานไม่กล้าแม้แต่จะเฉียดเข้าใกล้ ตั้งแต่บุตรชายเพียงคนเดียว ที่หายตัวไปเกือบปี อยู่ๆก็โผล่เข้ามาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย มิหนำซ้ำยังไม่สนใจ แม้เลขาหน้าห้องจะแจ้งว่าท่านประธานติดประชุมอยู่ ก่อนจะเห็นเหล่าพนักงานทยอยกันเดินออกมาเงียบๆ โดยไม่มีใครพูดอะไร นอกจากจันทร์ฉาย ที่แจ้งเลขาว่าให้ลงเวลานัดประชุมใหม่อีกครั้ง วันพรุ่งนี้

“เกิดอะไรขึ้นหรอคะคุณฉาย ทำไมอยู่ๆคุณบอมก็โผล่มาแบบนี้ ทั้งๆที่เขาลือกันว่าหายตัวไป”หนึ่งในพนักงานที่เข้าร่วมประชุมเมื่อครู่ รีบปรี่เข้ามาถามจันทร์ฉาย ทันทีที่เธอสั่งงานเลขาเสร็จ

“ไม่รู้ แล้วก็ไม่ต้องถาม มันใช่หน้าที่หรือเปล่า มีงานก็ไปทำซะ”จันทร์ฉายตอบอย่างขอไปที เพราะเธอเองก็ใช่ว่าจะรู้อะไรสักเท่าไหร่

“ค่ะ”หลายคนรีบตอบก่อนจะออกเดินกลับไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง หลังจากได้ยินเสียงดังจากด้านใน

 

“กลับมาทำไมบอม พ่อบอกแล้วไง ถ้ายังเรียนไม่จบก็ไม่ต้องกลับมา”เสียงทรงอำนาจเอ่ยขึ้นด้วยแววตาขุ่นเคือง เพราะคำสัญญาที่เคยให้กันไว้ ทำให้เขาถึงกับโมโหมากจนเกินจะระงับไว้ได้

“คุณพ่อก็ตอบผมมาสิ ทำไมเรื่องเป็นแบบนี้” นอกจากจะไม่เกรงกลัวแล้ว ชายหนุ่มที่ยืนประจันหน้า กลับตอบโต้ด้วยเสียงดังไม่แพ้กัน

“อย่ามาขึ้นเสียงใส่พ่อแบบนี้นะ” เมื่อเห็นคนเป็นลูกเอ่ยด้วยน้ำเสียงและท่าทางไม่ยอมเหมือนเช่นเคย  เจ้าของห้องที่มีศักดิ์เป็นพ่อ ถึงกับตบโต๊ะเสียงดังลั่นก่อนจะตวาดซ้ำ จนคนด้านนอกสะดุ้งไปตามๆกัน

“งั้นคุณพ่อก็บอกผมมาสิ ทำไมถึงเป็นแบบนี้” เมื่อเห็นท่าทีของบิดา น้ำเสียงที่เอ่ยจึงอ่อนลงอย่างจำใจ

“แกกลับมา เพียงเพราะเรื่องแค่นี้หรือบอม” เมื่อเห็นบุตรชายยอมสงบ ก้องหล้าจึงส่ายหน้าระอากับความเอาแต่ใจ ไม่รู้จักคิดแบบเด็กๆ

“เรื่องแค่นี้หรือครับคุณพ่อ คุณพ่อพูดได้ยังไงกัน” แม้น้ำเสียงจะอ่อนลงเหมือนที่เคยเป็น หากแต่ท่าทางก็ทำเอาคนเป็นพ่ออดหงุดหงิดไม่ได้

“บางที แกต้องหัดใจเย็นบ้างนะบอม ใจร้อนโวยวายแบบนี้จะได้อะไร”เมื่อเห็นว่าบุตรชายเริ่มสงบลง พ่ออย่างเขาจึงต้องเอ่ยเตือน

“ถ้าอย่างนั้น คุณพ่อมีเหตุผลอะไร ทำไมถึงปล่อยให้เรื่องราวมันเป็นแบบนี้”แม้จะเข้าใจสิ่งที่คนเป็นพ่อพูด หากแต่เพราะความสงสัยไม่เข้าใจ ทำให้หนุ่มน้อยยังคงดื้อดึงที่จะขอคำตอบ

“ที่นี่เป็นที่ทำงานพ่อ เรื่องส่วนตัว มีอะไรเอาไว้ไปคุยที่บ้าน” ก้องหล้าหันมาเอ่ยกับบุตรชายพรางสบตา ทำเอาคนฟังถึงกับถอนหายใจ ก่อนจะยอมล่าถอยตามคำบอก

“ถ้าอย่างนั้นผมจะกลับไปรอคุณพ่อที่บ้าน คุณพ่อคงไม่หาทางบ่ายเบี่ยงผมอีกนะครับ” แม้จะยอมรับและเดินออกจากห้องไป แต่เขาไม่มีวันยอมให้เป็นแบบนี้ง่ายๆหรอก

 

เพราะต้องการให้บุตรชายเป็นอย่างที่ต้องการ จะให้เขาต้องแลกด้วยอะไร เขาก็พร้อมเสมอ เมื่อวันที่บุตรชายเพียงคนเดียว เข้ามาพบเขาที่ห้องทำงานในค่ำวันหนึ่ง 

“คุณพ่อครับ บอมมีเรื่องอยากให้คุณพ่อช่วย”เพราะรู้ว่าบิดารักตัวเองมาก ไม่ว่าจะเอ่ยขออะไรก็ไม่เคยได้รับการปฏิเสธ

“มีอะไรว่ามาสิ” เขาเอ่ยโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองแม้แต่น้อย

“คุณพ่อหาละครให้พี่ภัสเล่นสักเรื่องได้หรือเปล่าครับ”คำพูดที่ดูคำขอเป็นเรื่องง่าย ทำเอาคนฟังถึงกับชะงักมือที่กำลังจะตวัดเซ็นต์อนุมัติลงในเอกสาร ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง

“ทำไมล่ะ”เพราะไม่รู้เหตุผลในคำขอของบุตรชาย ทำให้ก้องหล้าถึงกับคิดไม่ตก

“บอมเชื่อว่าพี่ภัสทำได้ อีกอย่างถ้าได้เล่นละคร พี่ภัสน่าจะรับงานน้อยลง จะได้ไม่เหนื่อยมาก”ชายหนุ่มยังเอ่ยความคิดในแบบของเขาออกมา อย่างมั่นใจว่ามันเป็นสิ่งที่ดีและถูกต้องที่สุด

“เล่นละครมันก็เหนื่อยเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าจะสบาย”แม้จะไม่ได้คิดจะปฏิเสธ หากแต่ก็ยังไม่ตอบรักเสียทีเดียว เพราะจะว่าไป หญิงสาวที่ถูกเอ่ยพาดพิงอยู่ กำลังเป็นที่สนใจจับตามองจากประชาชนทั่วไป รวมทั้งสื่อต่างๆมากมาย ถ้าหากเขาดึงมาเข้าสังกัดได้ก็น่าจะเป็นประโยชน์ไม่น้อย

“แต่ก็คงดีกว่าวิ่งรอกทำงานแบบนี้ แทบไม่มีเวลาพักเลย” สีหน้าบึ้งตึงที่แสดงออกมา ทำเอาคนเป็นพ่อรู้สึกหนักใจขึ้นมาทันที ไม่ใช่เขาไม่รู้ ว่าบุตรชายของตนคิดเช่นไรกับหญิงสาว หากแต่ไม่คิดว่าจะมากมายเช่นนี้

“ถ้าพ่อทำให้ บอมจะยอมแลกอะไรกับพ่อสักอย่างได้หรือเปล่า” เมื่อความคิดผุดขึ้นมา ทำเอาคนสูงวัยกว่าเอ่ยในทันที

“คุณพ่อจะเอาอะไร บอมทำให้ทุกอย่าง”ด้วยอารามดีใจ จนทำให้ตอบรับคำโดยไม่คิด

“งั้นก็ได้ บอมเตรียมตัวไว้ให้พร้อมแล้วกัน”พูดจบก็ก้มหน้าอ่านเอกสารต่อทันทีอย่างไม่ได้ใส่ใจอีกคน หากแต่ใครจะรู้ความคิด ว่าเขากำลังคิดทำอะไรอยู่

หลังจากวันนั้น ก้องหล้าก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เขาคิดหาวิธีจัดการตามที่บุตรชายร้องขอ ก่อนที่หนึ่งในทีมงานเสนอพล๊อตละครเรื่องใหม่ และนั่นก็ทำให้เขา ประธานก่อนจะเฉลยหลังจากที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วในเย็นวันนั้น

“บอมจำได้ไหม ที่สัญญากับพ่อไว้”ประมุขของบ้านเอ่ยขึ้น เมื่อรับประทานอาหารไปได้ครู่หนึ่ง และแม่บ้านที่คอยดูแลความเรียบร้อยเดินพ้นจากห้องอาหารไป

“สัญญา สัญญาอะไรหรอครับ”หนุ่มน้อยเอ่ยพรางมองหน้าบิดาอย่างงุนงง

“ก็สัญญาที่ว่า หากพ่อจัดการเรื่องของแพรวนภัสให้เรียบร้อย พ่อต้องการอะไรบอมจะทำให้ทุกอย่าง”เขายังคงเอ่ยเสียงเรียบอย่างไม่เดือดร้อนมากนัก

“อ๋อ แล้วคุณพ่อจะให้บอมทำอะไรให้ครับ บอกมาเลย”แม้ใจจะกังวลเพราะเดาความคิดของบิดาไม่ออก แต่ก็ยังทำร่าเริง

“พ่อจะให้บอมไปเรียนต่อเมืองนอก”น้ำเสียงที่ยังคงราบเรียบเหมือนไม่สำคัญอะไร แต่แอบชำเลืองมองท่าทีของบุตรชาย

“ได้สิครับ อีกแค่เทอมเดียวบอมก็จะจบแล้ว ไม่มีปัญหาอยู่แล้วครับ” เมื่อได้ฟังความต้องการของบิดาแล้วถึงกับโล่งใจ เพราะมันไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร และเป็นเรื่องที่ทั้งสองพูดคุยกันมาตลอดสำหรับการไปเรียนต่อต่างประเทศ

“พ่อจะให้บอมไปทันที”แม้จะทราบดีว่าบุตรชายคงไม่ยอมง่ายๆ แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่ชอบพูดอะไรยาวๆ จึงได้แต่บอกสั้นๆ และเมื่อเอ่ยจบก็เห็นอาการโวยวายในทันที

“ได้ยังไงกันครับคุณพ่อ คุณพ่อทำอย่างนี้ได้ยังไงกัน บอมไม่ยอม”เพราะรู้ว่าบิดารักและมักจะตามใจเขาเสมอ ถ้าหากไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรมากมาย และครั้งนี้เขาก็คิดเช่นนั้น ไม่ใช่ไม่ยอมไป หากแต่รอเวลาอีกแค่ไม่กี่เดือน ทำไมจะต้องไปทันทีแบบนี้

“แล้วทำไมจะไม่ได้ล่ะ พ่อจัดการทุกอย่างไว้แล้ว เตรียมตัวให้พร้อมนะ”ท่าทางของคนพูดยังคงนิ่งเหมือนใจเย็น ผิดกับคนฟัง ที่ตอนนี้แทบจะกินอะไรไม่ลง

“ยังไงบอมก็ต้องไป หรือบอมจะผิดสัญญา พ่อจะได้โทรไปให้เค้ายกเลิกซะ”เขาทิ้งระยะดูปฏิกิริยาของบุตรชาย ก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงทุ้มลึก ที่คนฟังก็รู้ดีว่า หากเป็นเช่นนี้แล้ว ไม่มีทางที่จะปฏิเสธได้ ยิ่งได้คำขู่สมทบเข้าไปอีก ทำให้ต้องยอมรับข้อเสนออย่างช่วยไม่ได้

“ไม่ได้นะคุณพ่อ ก็ได้ๆ บอมไปก็ได้”เมื่อฟังจบ ชายหนุ่มก็ลุกขึ้นโวยวาย ก่อนจะต้องเงียบลงเมื่อเห็นสายตาดุของบิดา จนต้องยอมรับอย่างไม่มีทางเลือก

“แต่บอมต้องไม่บอกใคร แล้วก็ห้ามติดต่อใครเด็ดขาดจนกว่าจะเรียนจบ ถ้าไม่อย่างนั้น พ่อจะสั่งระงับทุกอย่างทันที”เมื่อเห็นบุตรชายยอมทำตามคำขอเรียบร้อยแล้ว จึงได้เอ่ยข้อแม้ต่อในทันที

“โอเคครับ ยอมทุกอย่าง แต่บอมขออะไรอีกอย่างได้ไหมครับ” เมื่อเห็นหนทางจะเปลี่ยนใจไม่ได้แล้ว จึงต้องยอมทำตามแต่โดยดี แต่ก็ยังไม่วายเอ่ยปากขอข้อแลกเปลี่ยนอีก

“อะไรล่ะ ถ้าไม่มากไป พ่อจะทำให้”แม้จะรู้สึกหงุดหงิดที่เรื่องนี้ไม่จบสิ้นสักที แต่ก็ไม่รู้จะขัดอย่างไรดี

“คุณพ่ออย่าให้พี่ภัสมีข่าวเสียหายอีกได้หรือเปล่าครับ บอมสงสารพี่ภัสเวลานักข่าวมาสัมภาษณ์ ทั้งๆที่ไม่เป็นความจริง แต่พูดไปใครก็ไม่เชื่อ”เพราะความเป็นห่วงหญิงสาวอีกคน ทำให้เขาข่มความกลัวเอ่ยปากออกไป

“ดูบอมจะสนิทกับแพรวนภัสมากเลยนะ” นอกจากจะไม่ตอบรับหรือปฏิเสธคำขอนั้นแล้ว ยังเอ่ยถามความข้องใจของตัวเองออกไป

“ครับ เพราะพี่ภัสเป็นพี่สาวของพิมพ์ไงครับ” ชายหนุ่มเอ่ยตอบด้วยใบหน้ายิ้มๆอย่างคนมีความสุขเมื่อเอ่ยถึง

“อย่างนั้นหรอ แล้วพิมพ์ไม่คิดอยากเป็นดาราบ้างหรอ”เมื่อพูดถึงเด็กสาวอีกคน ก็ทำเอาเจ้าของบ้านถึงกับยิ้มออก

“ไม่นะครับ เห็นบอกแค่เห็นพี่ภัสก็เหนื่อยแทนแล้ว” คำตอบที่ได้กลับทำเอาคนฟังถึงกับไม่รู้จะพูดอะไรต่อ จึงได้แต่ก้มหน้ารับประทานอาหารต่อก่อนจะเอ่ยบอกอีกฝ่ายโดยไม่มองหน้า

“อืม เตรียมตัวให้พร้อมนะบอม อีกไม่นานก็ต้องเดินทางแล้ว อีกอย่าง ห้ามบอกใครเด็ดขาด”

“ตกลงตามนั้นนะครับคุณพ่อ” เมื่อจำเป็นต้องยอมรับ จึงได้แต่กำชับคำขออีกครั้ง ก่อนจะลุกเดินออกไป

“พ่อจะทำให้เท่าที่ทำได้นะ” เสียงไม่ดังนัก หากแต่คนขอกลับได้ยินชัดก่อนจะก้าวพ้นประตูออกไป

 

ทันทีที่รถยนต์ยุโรปคันโตจอดสนิท คนในบ้านก็รีบวิ่งออกมาหยิบของตามหน้าที่ แต่ก่อนที่ใครจะได้เอ่ยอะไรขึ้น ชายหนุ่มก็เดินออกมาประจันหน้ากับบิดาพร้อมเอ่ยเสียงไม่ดังนัก หากแต่น้ำเสียงที่ใช้ บอกได้ถึงความหงุดหงิดใจไม่น้อย ทำเอาเด็กรับใช้ต้องพากันหลบออกไป

“ว่าไงครับคุณพ่อ คราวนี้บอกบอมได้หรือยัง ว่าทำไมถึงมีข่าวแบบนี้”

“ข่าวอะไรที่ทำให้แกถึงต้องมาคาดคั้นเอาคำตอบกับพ่อแบบนี้” น้ำเสียงที่ตอบกลับดูเหมือนจะเหนื่อยอ่อนจนคนฟังถึงกับสงสัย หากแต่ก็ยังไม่วายเอ่ยอย่างเอาแต่ใจ

“ก็ข่าวที่เขาลือกันทั่วบ้านทั่วเมือง เรื่องพระเอกของคุณพ่อกับพี่ภัส”พูดพรางเดินตามคนเป็นพ่อเข้าไปภายในบ้าน อย่างไม่ลดละที่จะเอาคำตอบให้ได้

“แล้วยังไงล่ะ”เมื่อฟังคำของบุตรชายแล้ว ก้องหล้าถึงกับส่ายหน้าระอากับความวู่วามของบุตรชายที่ทำตัวเหมือนเด็กไม่รู้จักโต

“คุณพ่อเคยสัญญากับบอมแล้ว ว่าจะไม่ให้มีข่าวเสียหายแบบนี้กับพี่ภัส” ยิ่งเห็นคนเป็นพ่อทำท่าเหมือนจะเดินหนีเข้าบ้านไม่ตอบคำถามตรงๆก็เริ่มออกอาการรวนใส่

“พ่อสัญญา ว่าจะทำข่าวเสียหาย แต่นี่เขาทำเองไม่เกี่ยวกับพ่อ พ่อไปห้ามนักข่าวไม่ได้หรอกนะบอม”เมื่อเห็นอาการไม่น่าดูที่บุตรชายกำลังแสดงอยู่ ทำให้ก้องหล้าถึงกับต้องหยุดเดิน ก่อนจะหมุนตัวมาประจันหน้าอีกฝ่าย ก่อนจะเอ่ยอธิบายด้วยน้ำเสียงเรียบหากแต่แฝงไปด้วยความเด็ดเดี่ยว

“ไม่มีทาง พี่ภัสไม่ใช่คนแบบนี้”แม้จะคิดตามคำของบิดา หากแต่เพราะใจยังคงเชื่อมั่นจึงได้แต่ปฏิเสธทุกอย่าง

“เขาอาจจะชอบกันจริงๆอย่างที่เป็นข่าวก็ได้ คิดให้ดีสิ”เมื่อเห็นท่าทางลังเลของอีกฝ่าย ก้องหล้าก็ไม่ปล่อยโอกาสที่จะให้ข้อมูลลงไปอีก

“คิดดูนะบอม เขาใกล้ชิดกันทำงานด้วยกันกี่เดือน เรื่องแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องผิด แล้วหน้าที่ของเราคืออะไรทำให้ดีก่อน เรื่องอื่นต้องมาทีหลัง จำไว้” เมื่อเอ่ยจบก็ออกเดินจากไปด้านบนเพื่อพักผ่อน ปล่อยให้บุตรชายคิดด้วยตัวเองเพียงลำพัง เขารู้ดีว่าบุตรชายคิดอย่างไรกับผู้หญิงคนนั้น และเขาเองก็ไม่ได้รังเกียจ ออกจะดีใจด้วยซ้ำ ที่หลังจากบุตรชายของเขาได้เจอกับหญิงสาว ทำให้บุตรชายของตนยอมกลับมาเรียนหนังสืออย่างที่ควรจะเป็น อีกทั้งทำตัวเป็นเด็กดีไม่ต่อต้านเขาเหมือนก่อน หากแต่จะให้เขายอมรับเธอในฐานะอื่นตอนนี้ ก็คงทำใจลำบาก ถ้าเป็นน้องสาวของเธอเขาจะไม่ว่า      

หลังจากคิดตามแล้ว ค่ำนั้นเขาก็ได้คำตอบสำหรับตัวเองและแจ้งให้บิดารับทราบถึงการตัดสินใจกลับไปเรียนต่อเช่นเดิม ก่อนจะสัญญาว่าจากนี้ไป ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรก็ตาม เขาจะใจเย็นและคิดให้รอบคอบก่อนตัดสินใจทำอะไรลงไปเหมือนครั้งนี้

 

ทางด้านแพรวนภัสเอง หลังจากคืนนั้น ก็ตัดสินใจกลับไปหาบิดามารดาที่จังหวัดทางใต้ในเช้าวันรุ่งขึ้นทันที และตลอดเวลาที่อยู่ที่นั่นก็ปิดรับการติดต่อจากทุกทาง โทรศัพท์มือถือก็ไม่เปิด โทรทัศน์ก็เรียกได้ว่า หากเปิดเจอข่าวบันเทิงก็เป็นอันต้องเปลี่ยนหนีทุกครั้ง ใครถามก็บอกเพียงว่าเบื่อไม่อยากรับรู้ แม้แต่น้องสาวอย่างพิมพ์นภาเองก็ยังอดสงสัยในความเปลี่ยนไปของพี่สาวไม่ได้

“พี่ภัส มีอะไรหรือเปล่าน่ะ ปิดบังอะไรบอกพิมพ์มาเลยนะ” พิมพ์นภาเอ่ยถามพี่สาวหลังจากครอบครัวพากันมารับประทานอาหารริมทะเล และคนเป็นพี่ขอตัวไปเดินเล่นและด้วยอาการเหม่อลอยของบุตรสาวคนโต ทำเอาคนเป็นพ่อแม่ถึงกับไม่สบายใจ ก่อนที่เธอจะเอ่ยปากขอออกมาเดินเล่นย่อยอาหาร

“พี่มีอะไร มัวแล้วพิมพ์” แม้จะตกใจเล็กน้อยที่อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงน้องสาวเอ่ยในระยะประชิดตัว

“ไม่มีอะไรได้ยังไงกันพี่ภัส พ่อกับแม่ก็สงสัย ไม่ต้องมาปิดบังเลย” พิมพ์นภายังซักต่อไม่เลิก จนคนเป็นพี่ถึงกับถอนหายใจ

“ไม่มีอะไรหรอก พี่แค่รู้สึกเหนื่อยๆ ว่าตอนเดินแบบเหนื่อยแล้วนะ เล่นละครเหนื่อยกว่าอีก” เมื่อเห็นท่าทางมุ่งมันเอาคำตอบของน้องสาวแล้ว ก็จำต้องหาคำแก้ตัวออกไป

“โธ่เอ้ย เราก็นึกว่ามีปัญหาหนักใจเรื่องหนุ่มๆเสียอีก”เมื่อได้ยินคำตอบของพี่สาวแล้ว ก็ทำให้คนเป็นน้องถึงกับคลายใจ

“พี่มีเวลาที่ไหนไปหาหนุ่มๆเหมือนเรากันล่ะหึ”เมื่อเห็นท่าทางของน้องสาวที่ละความสนใจเรื่องเธอไปแล้ว จึงต้องรีบหาทางเปลี่ยนเรื่องก่อนที่เธอจะหนักใจกับการหาคำปดอีกหน

“แน่นอนอยู่แล้วค่ะ สวยๆอย่างพิมพ์มีให้เลือกเยอะแยะ” น้ำเสียงอวดตัวแบบนี้ เธอได้ยินจนชินแล้วกับความขี้เล่นของน้องสาว จึงได้แต่หัวเราะกับท่าทางที่ดูยังไงก็รู้ ว่าอีกฝ่ายแกล้งทำสนุกๆเท่านั้นเอง

“จ้าแม่คนสวย ว่าแต่เมื่อไหร่คนสวยจะหางานทำล่ะคะ”สองสาวพากันเดินเล่นรับลมไปตามความยาวของหาดทราย และเพราะตอนนี้ยังไม่มืด จึงทำให้ทั้งสองเดินเพลิดเพลินไปกับลมเย็นๆ ทราบละเอียดๆอย่างเต็มที่

“โอ๊ย อย่าพูดได้ไหมพี่ภัส พิมพ์ไม่อยากฟัง”ไม่พูดเปล่า พิมพ์นภายังเอามือปิดหูตัวเองอย่างกับได้ฟังเรื่องที่เสียดแทงจิตใจอย่างมาก ก่อนจะพากันหัวเราะเสียงใสไปพร้อมๆกัน

“ไม่ต้องเลย คิดบ้างหรือยัง อยากทำงานอะไร”ที่เธอเอ่ยถาม ไม่ใช่ต้องการขับไล่หรือมีเหตุผลอื่นใด แต่เพราะไม่อยากเห็นน้องทำตัวเลื่อนลอยไปวันๆเหมือนเด็กวัยรุ่นสมัยนี่ที่พ่อแม่มีเงินให้กินให้ใช้สบายๆ ก็ไม่คิดถึงอนาคตของตัวเองเลย

“ก็ยังไม่รู้เหมือนกันคะ กำลังคิดอยู่ว่าจะมาช่วยพ่อกับแม่ขายของดีหรือเปล่า”เมื่อเห็นท่าทางและน้ำเสียงของพี่สาว คนเป็นน้องก็รู้ว่าเพราะความห่วงใยจึงได้เอ่ยตอบอย่างที่ใจคิดก่อนจะได้ยินเสียงแหลมๆของพี่สาว

“อะไรกัน จะทิ้งพี่มาอยู่กับพ่อแม่แล้วหรอ” เพราะอยู่ด้วยกันสองคนพี่น้องมาตั้งแต่ย้ายขึ้นมาเรียนมหาวิทยาลัยในกรุงเทพและน้องมาเรียนมัธยมปลายด้วยกัน ดูภายนอกเหมือนทั้งคู่จะต่างคนต่างอยู่ หากแต่ก็เป็นเพียงการให้อิสระแก่กันและกันเท่านั้น หากใครคนใดคนหนึ่งมีปัญหาเดือดร้อน อีกคนก็พร้อมจะเป็นที่ปรึกษา เป็นกำลังใจให้เสมอ

“ยังหรอกค่ะ ว่าจะลองหางานทำดูก่อน ถ้าเบื่อจริงๆก็ไม่แน่นะ” เมื่อเห็นท่าทางที่เงียบลงของพี่สาว ทำเอาพิมพ์นภาต้องเปลี่ยนเรื่องคุย ก่อนจะพากันเดินย้อนกับไปหาบิดามารดาที่นั่งรออยู่ในร้านอาหาร

อ่านแล้ว เม้นท์ด้วยน๊า

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา