ความทรงจำ (Diary of Love)

-

เขียนโดย DVsnote

วันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 เวลา 21.12 น.

  3 หน้า
  9 วิจารณ์
  7,869 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) บันทึกหน้าแรก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
1 มิ.ย. 2552 14.00 น.

      นี่คือ diary ที่ผมจะเขียนไว้ เผื่อได้อ่านดูเล่นในอนาคต เผื่อได้หวนรำลึกถึงวันเก่าๆ นี่เป็นหน้าแรกจะเขียนอะไรลงไปดีว้า อ้อนึกออกแล้ว เอาตั้งแต่วันเกิดเลยดีกว่า

      เมื่อ 6 ต.ค. 2530 23.23 วันนั้นเป็นวันแรกที่ผมลืมตามาดูโลกแต่ทว่า มันไม่ได้ง่ายอย่างนั้น ผมจะเล่าอะไรให้ฟัง เรื่องราวที่ผมจะเล่าคือการลืมตามาดูโลกที่แสนจะลำบากยิ่งนัก ข้อมูลนี้ผมถามจากแม่ ยาย พ่อ และ คนเกี่ยวข้องอื่นๆ ที่รู้

        มันเริ่มต้นขึ้นเมื่อ เวลา สี่ทุ่มใกล้ๆห้าทุ่มแล้วล่ะ ซึ้งวันนี้รู้สึกว่าเมฆเริ่มตั้งเค้า มีทีท่าว่าฝนจะตก แต่แล้ว แม่ผมเริ่มรู้สึกปวดท้องอย่างรุนแรง (สงสัยเจ็บท้องใกล้คลอดเต็มแก่แล้ว) ทั้งความดีใจและตกใจของ ยาย กับ ตา ที่รู้ว่านี่คงเป็นการเจ็บท้องใกล้จะคลอดแล้ว ท่านทั้งสองรีบพาแม่ไปโรงพยาบาลทันที อ้อลืมบอกไปครับ เป็นโรงพยาบาลประจำอำเภอแห่งหนึ่ง เป็นโรงพยาบาลที่ไม่ใหญ่มากครับ
 
       ผ่านไปราวๆ ห้านาที แม่ผมก็ไปถึงโรงพยาบาล เตรียมคลอดทันที แล้วฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก มันแสนจะ เย็นสบายเหลือเกินการคลอดลูกท่วมกลางเสียงฝนตก วันนี้ โรงพยาบาลเหมือนจะคึกคัก บรรดาญาติของผมที่แห่แหนกันมาเฝ้ารอการคลอดหลานชาย โรงพยาบาลแน่นไปด้วยเครือญาติของผม แม้กระทั่ง หมอที่ทำคลอดก็คือ ลุงของผมนี่เอง และแล้ว เวลา 23.23 น ของวัน 6 ตุลาคม 2530 เด็กตัวน้อยๆๆ ก็ตะโกนแหกปากร้องดังลั่น บรรดาญาติที่มาเฝ้าก็ต่าง โห่ร้องด้วยความดีใจ แต่ว่าเสียงฝนก็กลบจากเล่านั้นได้ จนหมอต้องออกมาพูดเชิงหยอกๆ ญาติของผมว่าเงียบๆๆ หน่อย

      หลังจากนั้นราว สองนาที ฝนที่เคยตกหนักก็หยุดลง บรรยากาศในห้องคลอดเริ่มเปลี่ยนไป เสียงเด็กที่ร้องไห้แงๆที่เคยดังแข่งกับเสียงฝนก็เงียบลงด้วย ลมที่พัดเอื่อยๆ ที่มีความเหน็บหนาวในตัวก็พัดผ่าน ทุกครั้งหลังจากฝนตก ก็จะต้องมีเสียงกบ เคียด อึ่งอ่าง ร้องระงม แต่กับเงียบสงัดราวป่าช้า บรรดาเครือญาติที่เคยโห่ร้องดีใจที่เด็กคลอดก็เงียบๆ ทั้งโรงพยาบาลดูเหมือนจะเงียบสงัด ซึ่งไม่เคยปรากฎมาก่อน

    "หมอค่ะ !!!! เด็กไม่หายใจค่ะ !!!" พยาบาลร้องเรียกหมออย่างตกใจ และเป็นเสียงเดียวที่หลุดลอดออกมาในเวลานั้น
    บรรยากาศยิ่งจมดิ่งสู่ความมืดมิด ทุกคนที่อยู่ในบริเวณโดยรอบต่างก็ยืนเงียบ มีเพียง หมอ และนางพยาบาลสองคน ที่ตรวจดูอาการของเด็กน้อย มันเกิดอะไรขึ้น และก็พยายามที่จะรีบช่วยชีวิตเด็กโดยเร็ว

    ผมรู้สึกว่า เหน็บหนาวไปทุกที แสงที่เคยสว่างทำไม เริ่มเลือนหายไปทีละนิด ความรู้สึกอบอุ่นเริ่มเลือนหาย

    .... "ไอ้หลานลุง อย่าเป็นอะไรไปนะ" เสียงของนายแพทย์เอ่ยขึ้น แต่แล้วก็ต้องก้มหน้าหันมาทางแม่ของผมและส่ายหัว ความรู้สึกของทุกคนเหมือนดำดิ่งสู่ความมืด เหมือนกับว่าความสุขของโลกนี้เริ่มหายไป ยิ่งความรู้สึกของผู้หญิงที่ให้กำเนิดเด็กคนนี้ ก็คงจะต้องยิ่งกว่าทุกคน เหมือนกับว่าเอามีดที่ถูกแช่แข็งมาปักลงกลางใจของเธอ เวลายิ่งเรือนหาย ความหวังก็ริบรี่ลงทุกวินาที บรรยากาศที่เคยเงียบ ก็มีเสียงหมาหอนระงม ทั่วทั่งหมู่บ้าน เหมือนกับว่ากำลังบรรเลงเพลงมหรสพก็ไม่ปาน

      หญิงสาวที่เริ่มมีน้ำตาไหลริน ก็อุ้มร่างอันเล็กๆและบอบบางของเด็กชายตัวน้อยๆ ที่เธอจะเริ่มไม่สามารถรับรู้ถึงความรู้สึกอันอุ่นๆ ของเด็กแทบจะไม่แดดแล้ว

      ผมรู้สึกว่ากำลังจะได้นอนหลับอย่างสบายภายใต้ความมืด และความเยือกเย็น แต่แล้วก็มีหยดน้ำหลายๆ หยดตกลงบนใบหน้าของผม ทุกหยดล้วนแล้วแต่อบอุ่น ความรู้สึกที่กำลังจะเลือนหายก็เริ่มกลับมาอีกครั้ง

     เสียงเด็กน้อยจากที่เคยเงียบก็กลับมาร้องไห้เสียงดังอีกครั้ง ทุกคนในที่นั้นต่างโล่งไปตามๆ กันเหมือนกับได้ ยกอะไรที่หนักๆออกจากใจ บรรยากาศที่เคย หดหู่ก็กลับมาเป็นปกติ หมาที่เคยหอนก็เงียบ กลายเป็น เสียง กบ เคียด อึ่งอ่างที่ ร้องระงมขึ้นแทน แสงจันทร์ที่เคยถูกบดบังด้วย เมฆฝนก็นวลขึ้นทันใด

    ผมจึงตระหนักอะไรได้อย่างจากวันที่ผมเกิดคือ แค่เราได้เกิดมาก็บุญจริงๆ

    

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา