Angel's quest Part I Staff of angel
7.2
2) Staff of angel บทที่2 เอล
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความAngel Quest
บทที่2 เอล
100 ปีต่อมานับตั้งแต่มีการบุกวิหารเกิดขึ้น ทางตอนใต้ของวิหาร ผ่านเทือกเขาต่างๆ ป่าไม้กว้าง และธารน้ำอีกหลายสาย จนถึงชายฝั่งทางตอนใต้ของดินแดนนี้ ดินแดนที่มีชื่อว่า ''ไพริเวนเดอร์'' ชายฝั่งทางตอนใต้ของไพริเวนเดอร์มีเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุด ชื่อว่า ''ดีเช่โน่''เมืองศูนย์รวมสินค้าต่างๆทางตอนใต้ และยังเป็นเมืองรวมเผ่าต่างๆ แต่เดิมทีดีเช่โน่ เป็นเมืองของเผ่าฮิวแมน หรือเผ่ามนูษย์ ที่นีดีเชโน่แห่งนี้มีตลาดใหญ่ใจกลางเมืองว่า ''ตลาดดีเช่'' เป็นจุดค้าขายที่ใหญ่ที่สุดและเป็นที่ๆมีประชาชนอาศัยมากที่สุดใน ไพริเวนเดอร์ ทำให้เมืองดีเช่โน่ ก็เจริญมั่งคั่งไม่แพ้เมืองหลวงอย่าง เมือง ''ไพริออน'' เมืองหลวงของดินแดนไพริเวนเดอร์เลย ทั้งวันที่คืนตลาดดีเช่แห่งนี้จะมีเสียงจอแจของผู้คนและสัตว์เลี้ยง จนมีคนขนานนามมันว่า เป็นตลาดที่ไม่เคยหลับ และใกล้ๆกับตลาดจะมีสถาบันสอนผู้วิเศษณ์ของรัฐบาล ซึ่งเป็นคำสั่งของ ราชาอิมพ์พีเรียว ราชาองค์ปัจจุบันของดีเชโน่ที่ได้รับราชองค์การจากราชาเอลวาริซ์ ราชาองค์ปัจจุบันของไพริออน
บริเวณท่าเรือของดีเชโน่มีเรือน้อยใหญ่มาเทียบท่ามากมาย ส่วนใหญ่จะเป็นเรือบรรทุกสินค้าจากต่างแดนซึ่งแต่ละลำจะมาเดือนละครั้ง มีเรือรับส่งผู้โดยสารเท่านั่นที่มาบ่อยที่สุด โดยเรือรับส่งผู้โดยสารจะวิ่งจากดีเช่โน่ขึ้นไปทางทิศเหนือ รับคนจากสถานีเมืองต่างๆและจะหันหัวเรือกลับหลังจากรับคนจากไพริออนแล้ว ขณะนี้มีเรือโดยสารลำใหม่กำลังจะเทือบท่ามีผู้โดยสารหลายคนหลายเผ่า ผู้โดยสารส่วนใหญ่ของเรือลำนี้จะเป็นเผ่าเมจ เผ่าที่มีพลังเวทมนต์ที่ร้ายกาจที่สุดใน5เผ่า คือ เผ่าซัมม่อน คือเผ่าที่สามารถบังคับมอนสเตอร์ได้ เผ่าเมจ เผ่าจะมีเวทมนต์ร้ายกาจที่สุด เผ่าไนท์ เผ่าที่มีความเก่งกาจในการใช้อาวุธทุกแขนง เผ่าดาร์กอน เผ่าที่กำเนิดจากสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ และเผ่าไลท์ เผ่าที่เทพประทาน
'' เบื่อจริงๆ ช้าก็ช้า ร้อนก็ร้อน ''
เสียงหญิงสาวดังขึ้นมาจากกลุ่มผู้โดยสารเรือ เธอเป็นสาวผิวน้ำผึ้ง ผมยาวดำสนิท โครงหน้ารูปไข่ คางแหลม เป็นโครงหน้าดดยทั่วไปของคนเผ่าเมจ เธอสวมคลุมสีเขียวอ่อน มีตราสัญลักษณ์ของสถาบันสอนผู้วิเศษณ์แห่งดีเชโน่ ในมือข้างหนึ่งแบกกระเป๋าย่ามใบใหญ่ใส่สัมภาระของเธอ อีกมือถือคทาของผู้วิเศษณ์ไว้ ทันทีที่เรือเทือบท่า หญิงสาวรีบลงจากเรือ ขึ้นไปบนท่าเรือ ที่มีคนเดินไปมาจอแจ เมื่อหญิงสาวเห็นคนๆหนึ่งที่ยืนอยู่บนท่า เธอก็รีบเข้าไปทักทันที
'' รอนานมั๊ย เบลล่า''
คนที่รอเป็นหญิงสาวผมดำเผ่าเมจเหมือนกัน ยิ้มให้ทันที ผู้ที่ทักเธอก็ยิ้มตอบบ่งบอกถึงความดีใจที่ได้เจอกันและกัน
''ไม่นานหรอก เอล ''
''คนขับเรือน่ะ ไม่รู้ขับเอาอีท่าไหน เกือบชนโขดหิน แล้วเรือดันไปเกยตื้นอีก เขาขอให้ทุกคนลงจากเรือก่อน เขาจะลากเรือ แต่พอลากเสร็จแล้วเกือบแล่นเรือทิ้งพวกเราซะงั้น จึงมาช้า ขอโทษนะเบล''
เบลล่าหัวเราะเบาๆ เอลเล่าจนเธอเหมือนจะอยู่ในสถานการณืนั่นจริงๆ พูดง่ายๆคือเล่าซะเบลล่าเห็นภาพเลย
''บางที คนขับเรือมือใหม่อาจจะขับไม่เก่งละมั่ง แต่ทำไงได้ อายุยังไม่ถึง 25 ปี ห้ามใช้พาหนะเวทมนต์นิ บ้าชะมัด กฎหมายจากคนขี้อิจฉา''
''คิดมากน่ะ เอล เราไปที่พักกันดีกว่ามั๊ย อย่ามัวยืมกันตรงนี้อยู่เลย ตอนเที่ยงแบบนี้เด๋วจะดำหมด''
คำพูดของเบลล่า ทำให้เอลเห็นพ้องด้วย พวกเธอพากันเดินอ้อมตลาดไปยังสถาบันสอนผู้วิเศษณ์ดีเชโน่ มันเป็นสถาบันที่ใหญ่โต รอบๆมีรั้วเวทมนต์กั้น ตึกทั้งสถาบันเชื่อมต่อวนเป็นรูปสี่เหลื่ยมจัตุรัส ถ้ามองจากด้านบนจะเห็นรูปรูปสี่เหลี่ยมตรงกลาง ซึ่งมันเป็นสนามหญ้า ที่ล้อมรอบด้วยซุ้มม้านั่งขนาดย่อม
เอลและเบลล่า เดินเข้าไปในรั้วของสถาบันผู้วิเศษณ์ พอเข้ามาในตัวตึกก็เจอกับอาจารย์แผนกต้อนรับของสถาบัน พวกเธอทักทายกันอย่างสุภาพอ่อนน้อม ก่อนลาไปขึ้นบันไดที่เชื่อมไปยังหอพักหญิง ระหว่างทางก็ทักทายพวกกลุ่มรุ่นพี่ของพวกเธอ ในที่สุดเอลแลเบลล่าก็ยังหน้าประตูเข้าหอพัก ประตูนั้นเปิดอ้าไว้ก่อนหน้านั่น ทำให้พวกเธอสามารถเดินเข้าไปได้เลย
''กลิ่นเหมือนใครเอาตัวนิม(สัตว์เลี้ยงยอดนิยมของสาวๆน่ารักคล้ายกระต่าย แต่อึ กลิ่นแรง) มาไว้บนห้องอีกแล้ว แม่บ้านคงปวดหัวแย่''
''นิมของชั้นเอง มันชื่อ บักกี้ ส่วนชั้นชื่อเจนนี่ พวกเธอชื่ออะไรมั่งหรอ''
เจ้าของนิมตัวนั้นแนะนำตัว เธอเป็นหญิงผมหยิกบอล์น หน้าตาน่ารักตากลมโต บ่งบอกความเป็นคนมีอัธยาสัยดี เธอยิ้มแล้วแนะนำตัวก่อนแสดงถึงความมีมารยาทู้ดีของเธอ
''ชั้นชื่อ เอล ส่วนนี่ เบลล่า ยินดีที่ได้รู้จีกนะ เจนนี่''
''เช่นกัน อ๊ะ นั่นเธออยู่ปีเดียวกับเราหรอ''
เจนนี่ชี้ไปยังเข็มกลัดสัญลักษณ์ของสถาบันผู้วิเศษณ์สีเขียวบ่งบอกว่าเอล อยู่ปี 3 สิ่งที่เจนนี่พูด เธอคงอายุประมาณ 17 ปี พอๆกะเอล และเบลล่า
''ใช่ ชั้นอยู่ปี 3 ทำไมไม่เคนเจอเธอเลย เจนนี่''
เอลอุทานพร้อมกับคิดทบทวนประสบการณ์ที่เรียนอยู่ที่สถาบันสอนผู้วิเศษ เธอไม่ค่อยคุ้นกับหน้าเจนนี่ แถมยังคิดว่าเจนนี่คงเก็บตัวพอควร แต่เจนนี่ยิ้มให้
''ชั้นเพิ่งย้ายมาจากไพริออน พ่อของชั้นย้ายมาทำงานที่นี่ ว่างๆพาเที่ยวหน่อยสิ''
เบลล่ายิ้มปนง่วง
''ได้สิ เดี๋ยวพอวันหยุดจะพาเที่ยวตลาดดีเช่นะ แต่ตอนนี้ขอตัวไปนอนก่อนสิ เหนื่อยมาครึ่งวันแล้ว แถมง่วงด้วย''
เจนนี่แสดงแววตาผิดหวังนิดหน่อยก่อนจะพยักหน้าตอบรับคำขอของเอล ก่อนที่จะอุ้มตัวนิมที่จะหนีมาวางไว้บนตัก ก่อนที่จะคุยกับมันเล่นๆตามประสาคนรักสัตว์เลี้ยง เอลเห็นดังนั้นแล้วตัดสินใจได้ทันทีว่า เจนนี่คงอยากเล่นกับนิมของเธอ ไม่อยากให้ใครมารบกวน
'' ขอบใจจ๊ะ ไปกันเบลล่า เธอก็เหนื่อยใช่มั๊ย นั่งเรือมาจาก แคมิร่า แล้วยังรอเราอีก''
เจนนี่หันมายิ้มให้ก่อนจะกลับไปเล่นกับเจ้านิมน้อยต่อ เอลหันไปทางเบลล่า พบว่าเพื่อนสาวของเธอยืนซัวเซพิงเสาเตียงของเจนนี่แล้ว
“ไปนอนซิเบล ยืนทำอะไรน่ะ หมดเลย ความเป็นเบลล่า”
“อืมๆๆๆๆ จ้าๆ” เบลล่าหยอกเอล “ว่าแต่เธอก็ไปนอนด้วยซิ นั่งเรือมาไกล”
เอลส่ายหน้า “ชั้นรู้แหละน่า”
เบลล่าหาวพลางพยักหน้า ก่อนจะเดินตามเอล ไปยังเตียงนอนของพวกเธอที่อยู่ใกล้กัน เตียงนอนเป็นเตียงชั้นเดียวมีช่องใส่ของข้างๆเตียง เอลวางกระเป๋าบนตู้ใส่ของถอดรองเท้าหันไปทางเบลล่า หวังจะบอกฝันดีกับเธอหน่อย แต่เบลล่าหลับปุ๋ยไปก่อนเอลอีก เอลส่ายหน้าไปมาเชิงถอนใจ ตนก็ล้มลงนอนบ้าง ความมืดค่อยๆคลานเข้ามาบดบังสายตา เอลหลับสนิทในที่สุด
บทที่2 เอล
100 ปีต่อมานับตั้งแต่มีการบุกวิหารเกิดขึ้น ทางตอนใต้ของวิหาร ผ่านเทือกเขาต่างๆ ป่าไม้กว้าง และธารน้ำอีกหลายสาย จนถึงชายฝั่งทางตอนใต้ของดินแดนนี้ ดินแดนที่มีชื่อว่า ''ไพริเวนเดอร์'' ชายฝั่งทางตอนใต้ของไพริเวนเดอร์มีเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุด ชื่อว่า ''ดีเช่โน่''เมืองศูนย์รวมสินค้าต่างๆทางตอนใต้ และยังเป็นเมืองรวมเผ่าต่างๆ แต่เดิมทีดีเช่โน่ เป็นเมืองของเผ่าฮิวแมน หรือเผ่ามนูษย์ ที่นีดีเชโน่แห่งนี้มีตลาดใหญ่ใจกลางเมืองว่า ''ตลาดดีเช่'' เป็นจุดค้าขายที่ใหญ่ที่สุดและเป็นที่ๆมีประชาชนอาศัยมากที่สุดใน ไพริเวนเดอร์ ทำให้เมืองดีเช่โน่ ก็เจริญมั่งคั่งไม่แพ้เมืองหลวงอย่าง เมือง ''ไพริออน'' เมืองหลวงของดินแดนไพริเวนเดอร์เลย ทั้งวันที่คืนตลาดดีเช่แห่งนี้จะมีเสียงจอแจของผู้คนและสัตว์เลี้ยง จนมีคนขนานนามมันว่า เป็นตลาดที่ไม่เคยหลับ และใกล้ๆกับตลาดจะมีสถาบันสอนผู้วิเศษณ์ของรัฐบาล ซึ่งเป็นคำสั่งของ ราชาอิมพ์พีเรียว ราชาองค์ปัจจุบันของดีเชโน่ที่ได้รับราชองค์การจากราชาเอลวาริซ์ ราชาองค์ปัจจุบันของไพริออน
บริเวณท่าเรือของดีเชโน่มีเรือน้อยใหญ่มาเทียบท่ามากมาย ส่วนใหญ่จะเป็นเรือบรรทุกสินค้าจากต่างแดนซึ่งแต่ละลำจะมาเดือนละครั้ง มีเรือรับส่งผู้โดยสารเท่านั่นที่มาบ่อยที่สุด โดยเรือรับส่งผู้โดยสารจะวิ่งจากดีเช่โน่ขึ้นไปทางทิศเหนือ รับคนจากสถานีเมืองต่างๆและจะหันหัวเรือกลับหลังจากรับคนจากไพริออนแล้ว ขณะนี้มีเรือโดยสารลำใหม่กำลังจะเทือบท่ามีผู้โดยสารหลายคนหลายเผ่า ผู้โดยสารส่วนใหญ่ของเรือลำนี้จะเป็นเผ่าเมจ เผ่าที่มีพลังเวทมนต์ที่ร้ายกาจที่สุดใน5เผ่า คือ เผ่าซัมม่อน คือเผ่าที่สามารถบังคับมอนสเตอร์ได้ เผ่าเมจ เผ่าจะมีเวทมนต์ร้ายกาจที่สุด เผ่าไนท์ เผ่าที่มีความเก่งกาจในการใช้อาวุธทุกแขนง เผ่าดาร์กอน เผ่าที่กำเนิดจากสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ และเผ่าไลท์ เผ่าที่เทพประทาน
'' เบื่อจริงๆ ช้าก็ช้า ร้อนก็ร้อน ''
เสียงหญิงสาวดังขึ้นมาจากกลุ่มผู้โดยสารเรือ เธอเป็นสาวผิวน้ำผึ้ง ผมยาวดำสนิท โครงหน้ารูปไข่ คางแหลม เป็นโครงหน้าดดยทั่วไปของคนเผ่าเมจ เธอสวมคลุมสีเขียวอ่อน มีตราสัญลักษณ์ของสถาบันสอนผู้วิเศษณ์แห่งดีเชโน่ ในมือข้างหนึ่งแบกกระเป๋าย่ามใบใหญ่ใส่สัมภาระของเธอ อีกมือถือคทาของผู้วิเศษณ์ไว้ ทันทีที่เรือเทือบท่า หญิงสาวรีบลงจากเรือ ขึ้นไปบนท่าเรือ ที่มีคนเดินไปมาจอแจ เมื่อหญิงสาวเห็นคนๆหนึ่งที่ยืนอยู่บนท่า เธอก็รีบเข้าไปทักทันที
'' รอนานมั๊ย เบลล่า''
คนที่รอเป็นหญิงสาวผมดำเผ่าเมจเหมือนกัน ยิ้มให้ทันที ผู้ที่ทักเธอก็ยิ้มตอบบ่งบอกถึงความดีใจที่ได้เจอกันและกัน
''ไม่นานหรอก เอล ''
''คนขับเรือน่ะ ไม่รู้ขับเอาอีท่าไหน เกือบชนโขดหิน แล้วเรือดันไปเกยตื้นอีก เขาขอให้ทุกคนลงจากเรือก่อน เขาจะลากเรือ แต่พอลากเสร็จแล้วเกือบแล่นเรือทิ้งพวกเราซะงั้น จึงมาช้า ขอโทษนะเบล''
เบลล่าหัวเราะเบาๆ เอลเล่าจนเธอเหมือนจะอยู่ในสถานการณืนั่นจริงๆ พูดง่ายๆคือเล่าซะเบลล่าเห็นภาพเลย
''บางที คนขับเรือมือใหม่อาจจะขับไม่เก่งละมั่ง แต่ทำไงได้ อายุยังไม่ถึง 25 ปี ห้ามใช้พาหนะเวทมนต์นิ บ้าชะมัด กฎหมายจากคนขี้อิจฉา''
''คิดมากน่ะ เอล เราไปที่พักกันดีกว่ามั๊ย อย่ามัวยืมกันตรงนี้อยู่เลย ตอนเที่ยงแบบนี้เด๋วจะดำหมด''
คำพูดของเบลล่า ทำให้เอลเห็นพ้องด้วย พวกเธอพากันเดินอ้อมตลาดไปยังสถาบันสอนผู้วิเศษณ์ดีเชโน่ มันเป็นสถาบันที่ใหญ่โต รอบๆมีรั้วเวทมนต์กั้น ตึกทั้งสถาบันเชื่อมต่อวนเป็นรูปสี่เหลื่ยมจัตุรัส ถ้ามองจากด้านบนจะเห็นรูปรูปสี่เหลี่ยมตรงกลาง ซึ่งมันเป็นสนามหญ้า ที่ล้อมรอบด้วยซุ้มม้านั่งขนาดย่อม
เอลและเบลล่า เดินเข้าไปในรั้วของสถาบันผู้วิเศษณ์ พอเข้ามาในตัวตึกก็เจอกับอาจารย์แผนกต้อนรับของสถาบัน พวกเธอทักทายกันอย่างสุภาพอ่อนน้อม ก่อนลาไปขึ้นบันไดที่เชื่อมไปยังหอพักหญิง ระหว่างทางก็ทักทายพวกกลุ่มรุ่นพี่ของพวกเธอ ในที่สุดเอลแลเบลล่าก็ยังหน้าประตูเข้าหอพัก ประตูนั้นเปิดอ้าไว้ก่อนหน้านั่น ทำให้พวกเธอสามารถเดินเข้าไปได้เลย
''กลิ่นเหมือนใครเอาตัวนิม(สัตว์เลี้ยงยอดนิยมของสาวๆน่ารักคล้ายกระต่าย แต่อึ กลิ่นแรง) มาไว้บนห้องอีกแล้ว แม่บ้านคงปวดหัวแย่''
''นิมของชั้นเอง มันชื่อ บักกี้ ส่วนชั้นชื่อเจนนี่ พวกเธอชื่ออะไรมั่งหรอ''
เจ้าของนิมตัวนั้นแนะนำตัว เธอเป็นหญิงผมหยิกบอล์น หน้าตาน่ารักตากลมโต บ่งบอกความเป็นคนมีอัธยาสัยดี เธอยิ้มแล้วแนะนำตัวก่อนแสดงถึงความมีมารยาทู้ดีของเธอ
''ชั้นชื่อ เอล ส่วนนี่ เบลล่า ยินดีที่ได้รู้จีกนะ เจนนี่''
''เช่นกัน อ๊ะ นั่นเธออยู่ปีเดียวกับเราหรอ''
เจนนี่ชี้ไปยังเข็มกลัดสัญลักษณ์ของสถาบันผู้วิเศษณ์สีเขียวบ่งบอกว่าเอล อยู่ปี 3 สิ่งที่เจนนี่พูด เธอคงอายุประมาณ 17 ปี พอๆกะเอล และเบลล่า
''ใช่ ชั้นอยู่ปี 3 ทำไมไม่เคนเจอเธอเลย เจนนี่''
เอลอุทานพร้อมกับคิดทบทวนประสบการณ์ที่เรียนอยู่ที่สถาบันสอนผู้วิเศษ เธอไม่ค่อยคุ้นกับหน้าเจนนี่ แถมยังคิดว่าเจนนี่คงเก็บตัวพอควร แต่เจนนี่ยิ้มให้
''ชั้นเพิ่งย้ายมาจากไพริออน พ่อของชั้นย้ายมาทำงานที่นี่ ว่างๆพาเที่ยวหน่อยสิ''
เบลล่ายิ้มปนง่วง
''ได้สิ เดี๋ยวพอวันหยุดจะพาเที่ยวตลาดดีเช่นะ แต่ตอนนี้ขอตัวไปนอนก่อนสิ เหนื่อยมาครึ่งวันแล้ว แถมง่วงด้วย''
เจนนี่แสดงแววตาผิดหวังนิดหน่อยก่อนจะพยักหน้าตอบรับคำขอของเอล ก่อนที่จะอุ้มตัวนิมที่จะหนีมาวางไว้บนตัก ก่อนที่จะคุยกับมันเล่นๆตามประสาคนรักสัตว์เลี้ยง เอลเห็นดังนั้นแล้วตัดสินใจได้ทันทีว่า เจนนี่คงอยากเล่นกับนิมของเธอ ไม่อยากให้ใครมารบกวน
'' ขอบใจจ๊ะ ไปกันเบลล่า เธอก็เหนื่อยใช่มั๊ย นั่งเรือมาจาก แคมิร่า แล้วยังรอเราอีก''
เจนนี่หันมายิ้มให้ก่อนจะกลับไปเล่นกับเจ้านิมน้อยต่อ เอลหันไปทางเบลล่า พบว่าเพื่อนสาวของเธอยืนซัวเซพิงเสาเตียงของเจนนี่แล้ว
“ไปนอนซิเบล ยืนทำอะไรน่ะ หมดเลย ความเป็นเบลล่า”
“อืมๆๆๆๆ จ้าๆ” เบลล่าหยอกเอล “ว่าแต่เธอก็ไปนอนด้วยซิ นั่งเรือมาไกล”
เอลส่ายหน้า “ชั้นรู้แหละน่า”
เบลล่าหาวพลางพยักหน้า ก่อนจะเดินตามเอล ไปยังเตียงนอนของพวกเธอที่อยู่ใกล้กัน เตียงนอนเป็นเตียงชั้นเดียวมีช่องใส่ของข้างๆเตียง เอลวางกระเป๋าบนตู้ใส่ของถอดรองเท้าหันไปทางเบลล่า หวังจะบอกฝันดีกับเธอหน่อย แต่เบลล่าหลับปุ๋ยไปก่อนเอลอีก เอลส่ายหน้าไปมาเชิงถอนใจ ตนก็ล้มลงนอนบ้าง ความมืดค่อยๆคลานเข้ามาบดบังสายตา เอลหลับสนิทในที่สุด
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ