Angel's quest Part I Staff of angel

7.2

เขียนโดย imppreal

วันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เวลา 14.48 น.

  20 บท
  67 วิจารณ์
  37.81K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) Staff of angel บทที่3 เงามืดที่หวนกลับ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Angel Quest

บทที่ 3  เงามืดที่หวนกลับ

           

                            ดวงจันทร์สาดแสงลงบนพื้นโลก แผ่นดินไพริเวนเดอร์ที่กว้างใหญ่ มองจากมุงบนจะเห็นแสงตะคุ่มๆอยู่เป็นจุด เป็นเครื่องบ่งบอกถึงความเจริญของบริเวณนั้น มีเงาร่างสูงยืนบนเทือกเขาแบล็กไวท์มองมันอยู่ เทือกเขาแบล็กไวท์เป็นเทือกเขาที่สูงเป็นอันดัย2 รองจากเทือกเขาไพริออเนอร์ที่สูงที่สุดในไพริเวนเดอร์ 

                            เงานั้นเดินกินลมชมวิวจากการที่จากที่นี่มานาน มันเตรียมที่จะรับศึกหนักในเวลาข้างหน้าที่จะถึงในเพียงไม่กี่อึดใจ เพราะมันเสี่ยงยิ่งนักที่จะไปพบกับผู้ที่เป็นเสมือนเจ้าชีวิตของมัน

                             “บางทีอยู่อย่างเจ้าก็ดีนะ วินด์ดอน”

                             เสียงทุ้มๆของเงาๆนั้นดังขึ้นเพื่อกลบความเงียบโดยมีผู้ฟังคำรามเบาๆบนต้นไม้ใหญ่  “ไม่รู้ว่าฟลอริกซ์จะเล่นตุกติกอะไรอีก บางทีมันอาจเปนครั้งสุดท้ายที่เจ้าจะเจอข้าก็ได้นะ วินด์ดอน”

                             เสียงครางคล้ายเสียงนกดังจากต้นไม้ใหญ่อีกรอบ

                             “หรือบางทีก็ไม่แน่ ข้าอาจจะได้นั่งบัลลังค์ก็ได้ ใครจะรู้ ถ้าฟลอริกซ์เล่นตุกติก ข้าจะไม่เอามันไว้แน่” เงานั้นพูดเสียงเบาๆพอได้ยินสำหรัประโยชน์นี้ กลัวว่าจะมีใครได้ยินเข้า “ไม่ต้องห่วงหรอก วินด์ดอน ยังไงซะ ตาแก่ฟลอริกซ์ก็ต้องอาศัยข้าเป็นไม้เท้าอยู่วันค่ำ มันไม่มีทางทำอะไรข้าหรอก ข้าไปนะ”                           

                            เงาลึกลับเดินหายไปในถ้ำลับแห่งหนึ่งในเทือกเขานี้ เงานั้นเดินไปเรื่อยๆลึกลงไปในความมืดมิดของถ้ำ  เงานั่นสามารถเดินในถ้ำนี้ได้โดยไม่ชนกับผนังถ้ำมืดๆ เพราะตาของมันสามารถมองเห็นได้ในความมืด ความมืดเพียงแค่นี้เป็นเหมือนกับแสงอาทิตย์ยามกลางวัน  ในที่สุดมันเดินมาถึงหน้าประตูบานหนึ่งมีขนาดใหญ่พอที่จะให้ช้างตัวใหญ่3-4ตัวสามารถเดินเข้าไปได้โดยไม่ต้องเบียดกัน  เงานั้นเริ่มกระซิปบางอย่างกับประตูบานนั้น เป็นภาษาที่ฟังไม่ออก ประตูค่อยๆปลดผนึกเปิดอ้าให้เงานั้น เมื่อทันทีที่ประตูเปิด แสงสีแดงของหินนืดวิ่งกระทบเงานั้น กลายเป็นคนสวมผ้าคลุมสีดำ เขาค่อยๆเปิดใบหน้าที่มีผ้าคลุมบดบังอยู่ เป็นชายวัยกลางคนหน้าตาน่ากลัว ผมขาวยาวปรกไหล่ทั้งสอง มีแผลเป็นที่บริวณหน้า เขาถอนหายใจยาวๆก่อนจะเดินเข้าไปในใจกลางห้อง

                    “คิดถึงจังเลย ไม่ได้กลับบ้านกี่ปีแล้วเนี่ย ร้อยสองร้อยปีแล้วมั่ง”

                            ชาวเผ่าดาร์กต่างแหงนมองชายผู้นี้เป็นตาเดียวราวกับว่าชายผู้นี้จะทำอันตรายพวกเขาอย่างไงอย่างงั้น “มาทั้งทีไม่ต้อนรับกันบ้างหรือ อ้าว ว่าไง นีมิร่า!”

                           สาวเผ่าดาร์กที่ถูกเรียกชื่อหลบหน้าเขาทันที เพราะเกรงกลัวบางอย่างที่จะเกิดขึ้นถ้ายังสมาคมกับเขาอยู่

                     “อะไรกันเนี่ย ทำไมไม่ต้อนรับข้าเหมือนทุกท่ะทุกคน”

                           ไม่มีเสียงตอบรับแม้เสียงเดียว โดยปกติที่ชายคนนี้กลับมาจะมีผู้คนคอยต้อนรับอย่างอบอุ่นแต่ครั้งนี้ไม่มีซักราย

                      “เห็นทีคงต้องเป็นท่านจริงๆสิ ที่จะต้อนรับข้าแบบอาจจะอบอุ่นอยู่ซักนิด”

                            เขาเดินลึกเข้าไปในห้องลับ ห้องลับภายในถ้ำแห่งนี้  เป็นฐานทัพลับของชาวเผ่าดาร์กที่ยังมีชีวิตรอดที่เหลือ พวกนี้ชอบบรรยากาศแบบเป็นที่มืด แต่อบอุ่นด้วยหินหนืด พวกเขาสามารถเดินลุยมันไปได้โดยไม่เป็นอะไร เป็นความสามารถฟ้าประทานของเผ่าดาร์ก  ชายเมื่อครู่เดินผ่านประตูอีกบานหนึ่ง ซึ่งไร้บานประตู ภายใน มีบังลังค์ของราชาเผ่าดาร์ก ทันทีที่ราชาเผ่าดาร์กเห็นเขา ถึงกับบ้าคลั่งด้วยความโกรธ  เขาชี้หน้าด่าชายคนนั่นทันที

                     ''เจ้ายังกล้ามาเหยียบที่นี่อีกรึ เดสโฟร''

                             ชายคนนั้นเดินมาคุกเข่าตามธรรมเนียมเก่าแก่ เพื่อแสดงความเคารพต่อราชาของเขา ยอมรับต่อความผิดบางอย่างที่ได้ทำ

                     “เป็นท่านจริงๆด้วยที่จะกล่าวต้อนรับข้า”

                            เดสโฟรพูดพร้อมกับรอยยิ้มเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวของเขาผุดขึ้น

                      ''ข้าต้องขออภัยด้วย เมื่อร้อยปีที่แล้วที่ไม่สามารถกลับมาหาท่านได้ เพราะข้าโดนยายแก่ตอนนี้เป็นผีเฝ้าวิหาร ริบพลังแทบไม่เหลือ''

                      ''ข้าไม่ได้พูดเรื่องเจ้า เจ้าจะเป็นตายยังไง ข้าไม่สนใจ แต่เรื่องที่เจ้าไม่สามารถนำคทานางฟ้ามาปลดผนึกเทพของพวกเราได้ มันเเป็นเรื่องที่ข้ายอมรับไม่ได้''

                       ''แต่ว่า...''

                       ''ไม่มีแต่ อะไรทั้งนั้น พลาดคือตาย ทหาร นำตัวมันออกไป!!''

                       ''ถ้าพวกเจ้าตัวไหนกล้าเข้ามาละก็  ตายแน่!!''

                        เดสโฟร ชักดาบคู่ใจเล่มหนึ่งออกมาควงรอบนึงแล้วตั้งท่าเตรียมพร้อม ถ้ามีใครคนใดกล้าเข้ามาหาเขา มันคนนั้นจะไม่มีทางรอด

                        ''ที่ข้ามาที่นี่ ไม่ได้ที่จะมาตาย แม้ข้ารู้ว่ามาแล้วคงต้องโดนฆ่าตายแล้วข้าจะมาทำไมกันเล่า ที่ข้ามาวันนี้ก็เพื่อเสนอบางสิ่ง ที่ข้าคิดว่าตัวท่านเองคงจะพอใจ''

                         ฟลอริกซ์แปลกใจแต่ก็ต้องยอมฟังคำพูดของเดสโฟรเอว่าเขาจะได้ผลประโยชน์เพิ่มขึ้นมาอีกจากการที่เดสโฟรจะเสนอ

                        ''แล้วเจ้ามาที่นี่ทำไม''

                        ''ข้าแต่ราชาแห่งข้า ตอนนั้นข้าได้ทำลายวิหารนั่นไม่เหลือซาก ท่านก็รู้ว่าถ้าคทาอยู่ที่นั่น มันคงจะทำลายไม่ได้  แต่เพราะว่าพวกคนเฝ้าวิหาร ได้พาคทาไปแล้ว คทาโดนปลดผนึกทำให้เรามีโอกาสได้มากขึ้น และยิ่งง่ายกว่าเดิมด้วยซ้ำ''

                         ราชาแห่งดาร์ก ฟังอย่างนั่นก็คิดตาม มันจริงอน่างที่เดสโฟรบอกรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเดสโฟร   ราชาเชื่อเขาสนิทใจ

                         ''ข้าก็รู้ว่าท่านได้ยินคำทำนายนั่นเหมือนกัน มันเป็นเรื่องบ้าบอเรื่องหนึ่งแต่หากอัศวินจากดินแดนอันไกลโพ้นมาที่นี่จริง มันก็คงจะไม่สามารถสู้กับพวกเราได้หรอก ข้าเลยจะบอกท่านว่า ตอนนี้เรายังมีโอกาสและง่ายกว่าเดิมด้วยซ้ำ''

                         ''จริงของเจ้า  ทหาร ปล่อยเขา''

                           พวกทหารหยุดการที่ต้องการจับตัวเดสโฟรทันที  ทั้งๆที่พวกเขายังไม่สามารถจะจับเดสโฟรได้เพราะกลัวความสามารถของเขา 

                         ''งั้นข้าจะให้โอกาสเจ้าเดสโฟร  นี่เป็นงานชิ้นสุดท้าย ถ้าเจ้าทำพลาด เจ้าตาย''

                         ''ครับท่าน ฟลอริกซ์''

 

                             เดสโฟรเดินออกมาจากถ้ำลับโดยมีสีหน้าพอใจเป็นที่สุด เขาทำสำเร็จสามรถเกลี้ยกล่อมราชาแห่งดาร์กให้เชื่อตามเขาได้ เขาเดินมุ่งหน้าไปยังต้นไม้ใหญ่ต้นเดิมที่เขาคุยกับสิ่งปริศนา

                              “เห็นไหม วินด์ดอน ข้าหลอกตาแก่นั้นได้ ใช่มันไม่กล้าทำอะไรข้า แค่ขู่เท่านั้น ข้าเองก็เกือบจะได้ตำแหน่งราชาแล้วถ้ามันตัวไหนเข้ามา”

                                เดสโฟรพูดอย่างร่าเริงกับสิ่งที่อยู่บนต้นไม้เดิม เขาเดินเข้าไปใกล้ต้นไม้นั่นอีก “เอาล่ะ ลงมาได้แล้ว วินด์ดอน”

                                บางอย่างลงจากต้นไม้  มันมีลักษณะคล้ายกับนกเหยี่ยวสีดำ แต่ตัวใหญ่กว่าหลายเท่าตัว  เดสโฟรทักทายมันอย่างสนิทสนม เขาเรียกมันว่า ''วินด์ดอน'' เขาบังเอิญเจอมันตอนที่มันยังเป็นทารก เขาเลี้ยงมันจนเติบใหญ่ มันจึงถวายทั้งชีวิตแก่เขา           

                                  เดสโฟรขึ้นขี่หลังมันบอกว่าเขาพร้อมแล้ว  วินด์ดอนครางเบาๆก่อนออกตัวบินขึ้นไปบนท้องฟ้า โต้ลมหนาวยามราตรี เดสวินมองจันทร์เต็มดวงสีเงิน ก่อนที่วินด๋ดอนจะบินต่ำลงไปยังที่หมายที่เขาบอกไว้ล่วงหน้า ไพริออน เมืองหลวงของไพริเวนเดอร์

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา