Angel's quest Part I Staff of angel

7.2

เขียนโดย imppreal

วันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เวลา 14.48 น.

  20 บท
  67 วิจารณ์
  37.84K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

17) Staff of angel บทที่17 เผยความจริง อาทีน่าผู้ใจดี

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
Angel Fantasy
บทที่17
 

 
                     ครูอลิซเดินนำวายุขึ้นมาด้านบนบันไดที่เชื่อมต่อไปยังห้องครูใหญ่ ทางเดิมที่ครูมิเชลเคยมาเขามาทีนึงแล้ว ตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่เขาได้มาเหยียบสถาบันแห่งนี้และเจอกับครูอลิซที่เขารักเคารพและนับถือเหมือนกับแม่คนที่สอง เมื่อทั้งสองหยุดยืนหน้าประตูเข้าห้องครูใหญ่ ครูอลิซเคาะประตูห้องด้วยความตื่นเต้น เธอหันกลับไปมองวายุที่ตอนนี้มีหน้าตาท่าทางที่ตั้งใจแน่วแน่ เขามีอะไรที่อยากจะทำให้ได้ภายในวันนี้
                             “ทำไมไม่ยอมบอกครูว่าให้พามานี่ทำไม”
                     วายุส่ายหัวช้าๆ ความลับที่เขาไม่อาจบอกครูอลิซได้ เขาคิดว่าเมื่อเขาบอกเรื่องนี้กับครูใหญ่ ครูอลิซจะรู้เอง
                              “ยังไงซะ ถ้าเหตุผลไม่เพียงพอ จะโดนดุด่าแน่ๆ”
                    “ผมรู้ครับ”
                    “แล้วทำไมถึงบอกครูไม่ได้”
                    “ความลับครับ เดี๋ยวครูรู้เองแหละน่า”
                      วายุอมยิ้มไว้ในปาก ครูอลิซเริ่มสงสัยในวายุแบบหมั่นไส้ เขาจะมีความลับอะไรกับเธออีก แล้วทำไมถึงบอกกับเธอไม่ได้ มันเป็นสิ่งที่เธอต้องรู้ให้ได้
                               “เข้ามาได้ ยืนคุยอะไรกันอยู่เสียงดังชะมัด!”
                       ทั้งสองสะดุ้งเมื่อเสียงครูใหญ่ดัง่านประตูออกมา เป็นเสียงของคนเบื่อหน่ายกับกิจวัตรประจำวันที่ซ้ำซาก วายุและครูอลิซทำตัวนอบน้อมสุดขีดก่อนเปิดประตูเข้าไป
                               “อ้าว อลิซกับหนุ่มน้อยคนนั้นเองหรอ มีอะไรรึ”
                    “เอาสิวายุ”
                                 ครูอลิซกระซิบใส่หูวายุเชิงขู่ๆ เธอพยายามให้สัญญาณเขาเพื่อพูดในสิ่งที่เธอต้องเสียเวลาพาเขามาที่นี่
                                “มีอะไร”
                     “เอ่อ ผมมาเจรจาขอลดโทษของพวกเอลน่ะครับ”
                       ครูใหญ่ทำหน้างงๆ เขาสงสัยว่าวายุกำลังพูดถึงใครอยู่ คนชื่อเอล เขาไม่ค่อยได้ยินชื่อนี้บ่อย มันเหมือนกับคำพูดแว่วๆของพวกครูและนักเรียนมากว่า
                                  “เอลไหนรึ หรือว่าแม่สาวที่มีเรื่องกับเธอ”
                      “ใช่ครับ คนนั้นแหละ”
                       ครูอลิซอุทานอ้อขึ้นทันควัน ในที่สุดเธอก็รู้ วายุมาเพื่อการนี้เอง ทำไมเขาไม่บอกเธอตั้งแต่แรก ถึงยังไงเธอก็ยินดีพามาอยู่แลว
                                  “เพราะอะไรรึเจ้าหนู ทำไมเธอจึงอยากจะให้ชั้นลดโทษแม่หนูนั่น”
                       “เพราะผมเห็นว่า เธอไม่ได้มีนิสัยแย่ๆแบบนั้นสิ ผมกับเธอดีกันแล้วด้วย”
                       “ไม่ได้หรอก ชั้นตัดสินไปแล้วไม่อาจกลับคำได้แล้ว”
                       วายุรู้สึกเคืองขึ้นมาทันที จิตใจเขารับรู้ว่าครูใหญ่คนนี้ไม่มีความยุติธรรมเอาเสียเลย เขาอยากจะช่วยเอลไม่ให้ลำบากเพราะเรื่องบ้าๆเรื่องนั้น เขาอยากจะลืมๆมันไปซะ แต่ถึงเขาจะลืมมันไม่ได้แต่เขาก็ไม่ได้นึกถึงมัน
                                    “ทำไมล่ะครับ”
                        “ชั้นบอกไปแล้วไงว่าชั้นตัดสินใจไปแล้ว”
                        “งั้นก็ตัดสินใจใหม่สิค่ะ ตัดสินใจลดโทษ ไม่ได้คืนคำว่าจะไม่ลงโทษซักหน่อย”
                         ครูใหญ่หยุดกึกเมื่อครูอลิซเข้าช่วยสนับสนุนวายุ เขารู้สึกขอบคุณครูอลิซมากเลย คำพูดของเธอทำเอาครูใหญ่ลองนึกทบทวนอยู่หลายรอบ ก่อนถอนหายใจเสียงดัง
                         “เฮ้อ...เอาล่ะๆ ชั้นจะทำตามที่เธอขอละกันนะ จากโทษหนึ่งเดือนชั้นจะเปลี่ยนเป็นหนึ่งสัปดาห์ นี่คือรางวัลที่พวกเธอคืนดีกันนะ”
                         “แค่นี้ก็พอใจแล้วครับ”
                         วายุยิ้มร่าด้วยความดีใจ เขาสามารถช่วยหญิงตัวเล็กๆคนนึงได้ เอลอาจจะร้ายกับเขาในตอนแรก แต่ยังไงซะ เธอก็ไม่ได้ร้ายเสมอไปนิ เธอยังรับฟังคำขอโทษจากเขาก็นับว่าเอลอาจจะใจดีแต่ขี้ใจร้อนก็ได้ใครจะรู้
                                      “เจ้าหนูออกไปก่อน ชั้นมีธุระกับอลิซนิดหน่อย”
                        วายุเดินออกจากห้องด้วยท่าทางสุภาพ ปล่อยให้ครูอลิซอยูกับครูใหญ่สองต่อสอง เขาสงสัยว่าธุระอะไรกันแน่ ทำไมต้องเป็นเวลานี้ด้วย แล้วใครจะอยู่เป็นเพื่อนเขาละ
                                     ภายในห้องครูใหญ่ ครูอลิซยืนก้มหน้านิ่งเชิงเกรงกลัวสายตาที่ครูใหญ่จ้องมองเธออยู่ มันเหมือนกับจะจับผิดอะไรซักอย่างในตัวเธอ แล้วเอาออกมาประจานให้ทุกคนได้รู้กัน
                                      “เธอรู้ใช่ไหมว่าเขาเป็นใคร เจ้าหนูวายุนั่น”
                         “ค่ะ”
                         “เธอรู้ใช่ไหมว่าเขาอยู่ในอันตราย”
                        ครูอลิซขานรับช้าๆเบาๆ แต่ครูใหญ่ไม่สนใจอะไรมากนัก เขาครุ่นคิดถึงคำถามต่อไปที่จะถามครูอลิซอีก
                         “เธอรู้ใช่ไหมว่า อาทีน่า ไม่ใช่คนที่วายุจะคุยด้วย”
                         “ค่ะ”
                         “แล้วทำไมยังปล่อยประปะละเลยแบบนี้! ตอนนี้พวกดาร์กเข้ามาถึงโรงเรียนแล้ว อีกไม่นานหรอก จะมีการนองเลือด แล้วเธอจะทำอย่างไร อลิซ”
 
                          ภายนอกห้องครูใหญ่ วายุยังคงนั่งรอที่ม้านั่งที่ทางสถาบันจัดให้เมื่อมีคนมาขอเข้าพบครูใหญ่ เขาฮำเพลงป๊อบจังหวะสนุกๆที่เขาเคยฟังตอนที่อยู่เทืองไทย วายุสบายใจที่สามารถช่วยเหลือเอลได้ เอลจะซาบซึ้งในเขาแล้วจะดีกับเขา
                                      “นี่เธอ วายุใช่ไหม”
                          วายุหันตามเสียงนั้น พบครูสาวผมดำตรงยืนอยู่ข้างๆ เขารู้จักเธอ เพราะเคยเห็นเธอตอนที่อยู่วิหารและในห้องครูใหญ่ตอนที่โดนสอบสวน
                                       “ชั้นชื่ออาทีน่า ชั้นอยากให้ช่วยอะไรหน่อยสิ”
                          “ช่วยอะไรหรอครับ”
                          “ตามมาสิ”
                          “แต่ครูอลิซให้ผมรอ...”
                          “แป็บเดียวน่า”
 
                          ครูอาทีน่าเกี่ยวแขนวายุ เธอลากเขาไปยังขั้นล่าง ผ่านพวกเอลที่กำลังเดินขึ้นบันได เอลหลบหน้าวายุ เธอรู้สึกยังอายๆอยู่และอีกใจหนึ่งเธอก็รู้สึกว่าใจไม่ค่อยดีเอาเสียเลย เช่นเดียวกับครูอลิซที่อยู่ในห้องครูใหญ่ เธอกำลังเป็นห่วงวายุ เธอกลัวอาทีน่าจะจับตัวเขาไป แต่มันก็เป็นไปแล้ว
                                      “บอกมาดีกว่านะครับว่าจะให้ผมช่วยอะไร”
                         “เดี๋ยวถึงก็รู้แองน่ะ”
                          วายุไม่พยายามที่จะขัดขืนเธอ เขาไว้ใจว่าครูที่นี่คงไม่มีอะไรหรอกมั่ง และเขาลืมเรื่องเผ่าดาร์กไปเสียสนิท วายุโดนลากลงมาชั้นใต้ดินของสถาบันที่ชวนหดหู่ มันมีบรรยากาศขนลุก มันมืดๆมีแสงจางๆนิดหน่อยจากโคมไฟสีส้มที่อยู่บนศีรษะ ที่จะเจอในระยะไม่กี่หลา บันไดเวียนที่ทั้งสองคนกำลังลงไปลึกไม่มีวี่แววสิ้นสุด วายุเองก็เริ่มมีใครไม่ค่อยดีเท่าไหร่แล้วในเวลานี้
                                      
 
                         “ขอโทษค่ะ มาทำความสะอาดค่ะ”
                          เอลพูดอย่างสิ้นหวังหน้าห้องครูใหญ่ ไม่นานนักประตูห้องครูใหญ่ก็เปิดขึ้นครูอลิซเดินออกมา และพวกเอลก็สวนทางเข้าไป ประตูปิดลง ครูอลิซไม่เห็นวายุเลย เธอเดินหาเขาในบริเวรนั้นไม่เจอ เธอรู้สึกหวาดกลัวมาก
                                       “ใช่ พวกนั่นคงรู้”
                          ครูอลิซรีบเคาะประตุห้องครูใหญ่ เธอเปิดประตูเข้ามาโดยไม่ได้รับคำยินยอมก่อน ทำให้ครูใหญ่ไม่ค่อยพอใจนัก แต่ก็ยอมแพ้กับสีหน้าเร่วรีบบ่งบอกถึงเรื่องด่วนของเธอ
                                        “มีอะไรอีก”
                           “ขอโทษค่ะครูใหญ่ ชั้นมีธุระกับเด็กพวกนี้”
                           ครูอลิซมองยังพวกเอลที่กำลังทำความสะอาดกระจกอยู่ ครูใหญ่รู้ดังนั้นจึงเรียกพวกเอลมายืนเรียงหน้ากระดานทันที เอลใจหล่นวูบ เธอคิดว่าจะโดนทำโทษอะไรอีกไหม เธอข้อนข้างที่จะกลัวเรื่องนี้มากเลยทีเดียว
                                           “เอาสิเลย อลิซ”
                            “เอล ครูรู้ว่าหนูไม่ชอบวายุเท่าไหร่ แต่ครูขอได้ไหม เธอเห็นวายุบ้างไหม”
                        เอลสบตาครูอลิซ เธอรู้ถึงความร้อนใจจากครูสาว ทำให้เธอไม่อยากพยายามที่จะปกปิดความจริงอีกต่อไป อันที่จริงเธอก็เห็นวายุไปกับครูอาทีน่าเมื่อตะกิ๊เอง เธอครุ่นคิดว่าจะตอบยังไงดี แล้วก็นึกได้
                         “ว่าไงเอล เห็นเขาไหม รีบนึกให้ออกซิ”
                         “เห็นค่ะ”
                         “เห็นที่ไหนรึ”
                         “ลงไปชั้นใต้ดินกับครูอาทีน่า”
                         “แย่แล้ว!”
                       เสียงจากครูใหญ่อุทานเสียงดังลั่น เขารีบวิ่งออกจากห้องครูใหญ่ก่อนใคร ตามด้วยครูอลิซที่มีท่าทางร้อนรน เอล เบลล่า และเจนนี่ วิ่งตามไปด้วย พวกเธอไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม
 
 
                                       “พาผมมาที่นี่ทำไม”
                        วายุถามครูอาทีน่าเมื่อถึงจุดหมาย มันเปนห้องให้ดินขนาดเล็ก ที่ไม่น่าจะมีคนย่างกรายเข้ามานานแล้ว บรรยากาศหดหู่น่ากลัวกว่าเดิมด้วยซ้ำ เขารู้สึกว่าใจไม่ค่อยดีตั้งแต่ตอนลงบันไดมา พอถึงนี้มันยิ่งรุนแรงและชัดเจนขึ้น
                                       “พาผมมาที่นี่ทำไมกัน”
                        ครูอาทีน่าไม่ตอบ วายุเริ่มเคืองแล้ว เมือเห็นครูอาทีน่าชักมีดขึ้นมาจากที่ซ่อนข้างลำตัว วายุก็นึกถึงกลุ่มคนที่จะมาทำร้ายเขาทันที มันคือเผ่าดาร์ก
                                     เขาถอยกรูด้วยความกลัวขณะเดียวกันครูอาทีน่าก็ยิ่งขยับเข้ามาใกล้ วายุทำอะไรไม่ถูกแล้วในวินาทีนี้
                                     “แกมันยุ่งไม่เข้าเรื่อง”
                        “แกหมายความว่าไงวะ”
                         ครูอาทีน่ายิ้มแฉ่งด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ เธอใช้สายตารังเกียจมองวายุ เขาไม่กล้าสบตาเธอเลยเมื่อสายตาคู่นั้นจ้องมองอยู่
                                    “แกอยู่โลกของแกก็ดีอยู่แล้ว ยังจะเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่ แกโง่จริงๆ”
                        “แกพูดเรื่องอะไรน่ะ”
                         ครูอาทีน่าหัวเราะลั่น เสียงหัวเราะน่าเกลียดน่ากลัวดังลั่นทั้งห้องใต้ดิน มันสะท้อนเสียงหลายระรอบจนเสียงค่อยๆเบาลงไปจนไม่ได้ยินอีกเลย
                         “แกคิดว่าชั้นโง่รึ เจ้าอัศวินที่ทุกคนกล่าวถึง ฮ่า!”
                         “แล้วแกเป็นพวกดาร์กรึไง ที่คิดจะฆ่าชั้นน่ะ”
                         “ฉลาดขึ้นมาหน่อยนะ เจ้าเซ่อ ใช่ชั้นเป็นดาร์ก พูดครูโง่เองที่ไม่รู้ ชั้นปกปิดถึงขนาดนี้ พวกมันโง่มากๆ เอาละทีนี้ถึงตาแกที่จะตายเป็นรายแรกในวันนี้”
                         “อย่านะ”
                           ครูอาทีน่าขยับเข้ามาใกล้วายุอย่างรวดเร็วในขณะเดียวกัน วายุไม่มีที่จะให้ถอยแล้วเขายิ่งหวาดกลัวเข้าไปมากกว่าเดิมอีก มือเขาสั่นระริก หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ นี่เป็นนาทีสุดท้ายของเขาแล้วจริงหรือ
                                       “ลาก่อน”
                                        ครูอาทีน่าปักมีดลงหมายจะปักหัวใจวายุ แต่เธอปักได้แค่พื้นอิฐแข็งๆ วายุไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว ตอนนี้เขาอยู่อีกฟากของห้องใต้ดิน เขาลูบหลังที่กระแทกขอบผนังเมื่อครู่ เหตุการณ์มันช่างเกิดขึ้นรวดเร็วจริงๆ อาทีน่ากำลังจะปักมีดใส่เขา เขากลับพุ่งหลบไปอีกฟากของห้องใต้ดิน แต่ครั้งนี้ครูอาทีน่ามีความระมัดระวังมากขึ้น เธอพร้อมทุกเมื่อถ้าวายุหลบได้อีก ครั้งนี้เธอรับมือขอได้แน่นอน
                                         “แค่ลองเชิง คราวนี้ ตายของจริง”
                           ครูอาทีน่าพุ่งเข้ามาหาวายุด้วยความเร็วที่เร็วกว่าครั้งก่อน อีกไม่กี่วินาทีก็ถึงตัววายุ อีกไม่ถึงวินาทีมีดจะปักหัวใจเขา อีกไม่กี่วินาที เขาจะต้องตาย ปลายมีดห่างจากอกด้านซ้ายของวายุไม่ถึงไม้บรรทัด เขาแน่ใจว่าต้องไม่รอดแน่ แต่ก็ยังทำไมไม่ได้ วายุหลับตาลง เสียงแรกที่ได้ยินคือ   เสียงโลหะกระทบกัน
 
 
                                         ภาพที่ครูใหญ่ปกป้องเขาจากมีดของครูอาทีน่าเป็สิ่งแรกที่เขาเห็น ภาพที่สีหน้าของครูอาทีน่าตกใจสุดขีด ภาพที่ครูอลิซน้ำตานอง ภาพที่พวกเอลต่างหวาดกลัว และภาพที่เขายังมีชีวิตอยู่ปรากฏขึ้นมา ครูอาทีน่ากระโดดถอยกรูไปด้านหลัง เธอรับรู้ว่าทุกอย่างจบ มันจบแล้วสำหรับแผนที่เตรียมมา ครูอาทีน่าโดนจับด้าหนังคาเขา แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้ เธอสามารถหนีออกมาจากห้องใต้ดินได้ทั้งๆที่ครูใหญ่กำลังไล่ตามอยู่ พร้อมด้วยเหล่ายามที่มาเป็นกำลังเสริม ครูอาทีน่าซึ่งตอนนี้ไม่มียศครูโดยที่รู้กันแล้วสามารถหลบหนีพวกยามได้อย่างคล่องแคร่ว พวกนักเรียนพากันสนใจมาก พวกเขาไม่คิดว่าครูอาทีน่าจะตกเป็นผู้ร้าย พวกนักเรียนบางกลุ่มก็ไม่ได้แยแส พวกี้เฝ้าแต่ทำงานของตนเองไป ส่วนครูอาทีน่าผลักนักเรียนที่ขวางทางอยู่ล้มระเนระนาด เหมือนกับพวกนี้ไม่ใช่สิ่งมาชีวิตสำหรับเธอ ความเร็วของครูอาทีน่าไม่มียามคนไหนจะไล่ตามเธอกัน และไม่นานเธอก็นานไปจากสายตา ทิ้งให้พวกยามยืนงงอยู่กับกำแพงที่ว่างเปล่า ครูอาทีน่าสามารถหลบหนีได้สำเร็จนั่นเอง
 
 
                        
                      “ขอโทษนะวายุ ชั้นไม่ได้ดูแลเธอให้ดีพอ”
                       ครูอลิซพูดพร้อมกอดวายุทั้งน้ำตา ถึงแม้วายุไม่มีน้ำตาไหลออกมา แต่เขาก็ยังหวาดกลัวอยู่ พวกเอลต่างก็พากันปลอบวายุ โดยเฉพาะเอลที่จับบ่าของเขา น้ำตาใสๆของเธอไหลออกมาด้วย เอลซบไหล่วายุ  ทำให้แขนเขาเปียกแต่ก็ยินดี เบลล่ากับเจนนี่ต่างกอดกันด้วยความดีใจ พวกเธอเกือบจะเห็นคนตายต่อหน้าต่อตา โดยเฉพาะคนที่มีความสำคัญกับเพื่อนของพวกเธอ
                       “อย่าโทษตัวเองเลยครับครูอลิซ ผมมันโง่เองมากกว่าที่เชื่อคนง่าย นึกว่าไม่มีพวกดาร์กอยู่ที่นี่”
                       ครูอลิซหันมายิ้มทั้งน้ำตา เธอไม่โกรธวายุเลย ตอนนี้เธอรู้สึกดีใจมากกว่าที่จะโกรธเขาลงได้ มันเป็นนาทีชีวิตที่พลาดม่ได้จริงๆ
                        “ไม่หรอกวายุ เธอไม่ผิดหรอก เจ้าอาทีน่าต่างหาก แต่ดีนะที่เธอรู้จักการป้องกันตัวเอง ไม่งั้นครูใหญ่ช่วยเธอไม่ได้หรอก”
                “ผมไม่คิดว่าจะรอดเสียแล้วครับ”
                “ทีนี้เชื่อเรื่องโรคชะตาหรือยังวายุ โชคชะตากำหดให้เธอไม่ตาย”
                “ครับผมเชื่อครับ”
                ครูอลิซยิ้มให้เขาอีกทีก่อนจะพาเขาขึ้นไปยังชั้นบน ของสถาบัน มุ่งไปสู่ห้องของครูใหญ่ ซึ่งเจ้าของห้องยังเตรียมคำแก้ตัวไม่เสร็จเลย
                         “ครูใหญ่ค่ะ อาทีน่าโดนจับแล้วใช่ไหมค่ะ”
                ครูอลิซยิงคำถามทันทีที่เจอหน้าครูใหญ่ ด้านหลังเธอมีเหยื่อของคดีครั้งนี้และพวกเอลอยู่ด้วย แม้พวกเธอยังไม่รู้เรื่องเท่าไหร่ แต่เรื่องที่เกิดขึ้นมันรุนแรงเกินจะรับได้ ครูใหญ่นั่งก้มหน้านิ่งไม่พูดอะไร ทำให้ครูอลิซเข้าใจ
                       “มันหนีไปได้ใช่ไหมคะ”
               “ใช่”
               “แล้วกำลังพวกยามต้านไม่ไหวหรือค่ะ ก็แค่ผู้หญิงคนเดียว”
               “พวกดาร์กคนเดียว เธอก็รู้”
               “ใช่ค่ะ อาทีน่าเป็นพวกดาร์ก มันมีความสามารถที่เราไม่รู้หลายอย่างแต่มันหนีเราไปได้ยังไงกันค่ะ คนออกตั้งเยอะ”
               “ใช้วิชาที่สามรถเคลื่อนที่ได้เร็วมาก คงเป็นวิชาเฉพาะของพวกดาร์ก เราตามไม่ทันเลย”
                 พวกเอลมองหน้ากัน พวกเธอเคยได้ยินเรื่องพวกชนเผ่าดาร์กมาแล้ว แต่ก็รู้ว่ามันล่มสลายไปนานแล้ว แต่ทำไมมันยังปรากฏตัวให้เห็นอีก หรือข่าวลือคงจะเป็นข่าวปลอมๆ ข่าวลือที่คนเชื่อกันทั้งแผ่นดิน
                          เอลมองหน้าวายุที่ยังตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เอลจับบ่าวายุ เขาหันมาหาเธอ เอลยิ้มให้ด้วยความเป็นมิตร ทั้งสองดีกันแล้ว และดีกันมากด้วย
                        “ทุกอย่างเป็นไปตามที่มันคาด ชั้นรู้เลย มันต้องตั้งใจจะแฝงตัวเข้ามาในโรงเรียนเพื่อการนี้”
                “มันคงไม่รู้มั่งค่ะ มันคงเป็นการบังเอิญมากกว่าค่ะ มันจะรู้ได้ไง”
                “อลิซ พวกดาร์กมียานรู้ล่วงหน้านะ ยานฝ่ายมืดด้วย”
                  เสียงครูที่ได้รับการนับถือที่สุดในสถาบันผุดดังขึ้น ครูมิเชลก้าวผ่านประตู เธอรู้เรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์ถึงตายที่เพิ่งเกิดขึ้น สีหน้าเธอดูเคร่งเครียดไม่ต่างกับเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่วิหาร
                          “มันทำยังไง ทำไมชั้นไม่รู้เลยว่ามันเป็นดาร์กที่แฝงตัวอยู่”
                 “มันคงเป็นการปกปิดพลังมั่งค่ะ”
                   ครูอลิซเสนอเหตุผล ครูมิเชลพยักหน้าเห็นด้วย เธฮหันมองครูใหญ่ด้วยความเคร่งเครียด บัดนี้เธอยิ่งผิดหวังในตัวครูใหญ่เพิ่มขึ้นอีก
                          “เธอรู้ใช่ไหม เร็กทิว เรื่องที่มันเป็นดาร์ก เธอรู้อยู่ก่อนแล้วใช่ไหม”
                  “ใช่ผมรู้ ผมแค่ต้องการล่อมันให้ออกมาจากถ้ำบ้าๆของพวกมัน”
                  “ใช่ถ้ำลับ พวกนี้มันอยู่ในถ้ำลับที่ซ่อนอยู่บนเขาสูง แล้วทำไมเธอถึงต้องการแบบนั้นล่ะ เธอต้องการล่อมันออกมาทำไม”
                      ครูใหญ่ที่ครูมมิเชลเรียกว่า “เร็กทิว” เงียบไป เขามีความจำเป็นต้องทำอย่างนั้นจริงๆ
                  “แล้วเมื่อล่อมันออกมาได้แล้ว ทำไมไม่จับส่งผู้คุมกฎ เธอปล่อยให้มันเพ่งพ่านไล่ฆ่าเด็กนักเรียนแบบนี้รึ”
                  “ผมแค่ไม่มหลักฐาน”
                  “แล้วไง ตอนนี้ยังต้องการหลักฐานไหม นั่นถ้าเด็กนี่ตาย เธอจะแก้ตัวอะไรได้ไหม รึแค่พูดว่าเสียใจแค่นั้น”
                       ครูอลิซหันมองวายุ เขาฟังครูมิเชลอย่างตั้งใจเคียงข้างเอล ครูอลิซมองดูวายุครู่หนึ่งก่อนที่จะฟังบทสนทนาที่ดุเดือดต่อ
                            “ไม่รู้แหละ เรื่องนี้คงต้องรู้ถึงหูผู้ปกครอนักเรียนทุกคน”
                  “ไม่ได้นะ ครูมิเชล”
                       ครูใหญ่ลุกขึ้นยืนทันทีที่ครูมิเชลพูดถูกจุด สิ่งที่เขาไม่อยากให้เกิดที่สุดคือสิ่งที่จะทำให้สถาบันเสื่อมเสียชื่อเสียง
                             “ทำไมล่ะ เธอจะให้มันบายปลายไปมากกว่านี้แระ”
                   “ผมแค่ไม่อยากให้โรงเรียนเสียชื่อ….”
                         ครูใหญ่ยกมือกุมปากตัวเอง รอยมือแดงๆของครูมิเชลค้างอยู่บนแก้มทั้งสอง เขาโดนครูมิเชลตบเข้าอย่างจัง
                              “เป็นครูใหญ่ภาษาอะไร นี่เรื่องใหญ่มากนะ ไม่รู้แหละเรื่องนี้ชั้นจัดการเอง แกจงไปหมุดจอมปลวกของแกเหอะ”
                        ครูมิเชลก้าวออกจากห้องครูใหญ่ไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ผู้ชมยกเว้นครูใหญ่ อึ้งไปตามๆกัน
                       
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา