Angel's quest Part I Staff of angel
7.2
11) Staff of angel บทที่ 11 คำตัดสินหรือนี่
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความAngel Fantasy
บทที่ 11 คำตัดสินหรือนี่
''เป็นไปได้ยังไง บอกชั้นมา อาจารย์มิเชล''
เสียงทุ้มๆดังออกมาจากห้องครูใหญ่ ภายในห้องมีโต๊ะทำงานของครูใหญ่ประจำดีเชโน่วางอยู่ระหว่างชายผมสั้นสีทองกับหญิงอีกสองคน เบื้องหลังของวกนางคือเด็กๆที่พวกนางคิดว่าต้องจัดการปัญหาการสืบสวนทีเดียวไปเลย
''มันเป็นพวกไหนที่ช่างกล้า''
''พวกดาร์กค่ะ''
เสียงของครูอาทีน่าดังสมทบ หน้าของครูใหญ่ถอดสี จากโมโหกลายเป็นความกลัว เขาค่อยๆหันมองครูอาทีน่าช้าๆ
''เธอว่าไงนะ อาทีน่า เธอพูดอีกทีซิ''
''พวกดาร์กค่ะ ที่ดิฉันรู้ เพราะมันใช้เวทสายมืด ที่มีแต่เผ่านี้เท่านั้นที่ใช้ได้''
สีหน้าของครูใหญ่แย่กว่าเดิม เขากลัวเผ่าดาร์กมากโดยเฉพาะเรื่องเล่าในอดีตที่เขาเคยได้ยิน ความเหี้ยมโหดในการต่อสู้ของพวกมันเหนือกว่าปิศาจที่นรกส่งมาเสียอีก แต่เขาได้ยินไม่นานมานี้ว่า เผ่าดาร์กได้สูญพันธุ์เป็นร้อยปีแล้ว
''ดูสิ เธอเอาที่ไหนมาพูด เผ่าดาร์กมันสูญพันธุ์ไปเป้นร้อยปีแล้ว ที่เธอเห็นคงเป็นสัตว์วิเศษณ์ด้านมืดมากกว่ามั่ง เอาล่ะเลิกพูดเรื่องนี้กันได้แล้ว อาทีน่าเธอรีบพยาบาลเด็กๆที่ได้รับบาดเจ็บ เจ้าสัตว์ร้ายนั่นมันตั้งใจไม่ฆ่า มิเชลเธอเอาเด็กนักเรียนหญิงสามคนนี้มาทำไม แล้วเด็กชายแต่งตัวแปลกๆอีก''
''แต่เรื่องนี้ ไม่แจ้งผู้ปกครองของนักเรียนที่โดนทำร้ายหรอค่ะ''
''ไม่ต้องหรอกอาทีน่า เรื่องใหญ่แบบนี้ ใครขืนได้ยินเข้า สถาบันเราจะเสื่อมเสียได้นะ''
''ค่ะ''
ครูอาทีน่ารับคำโดยไม่เต็มใจนัก เธอไม่อยากเสียเวลาให้มากกว่านี้ เด็กๆกำลังรอเธออยู่ ครูพยาบาลสองคนที่ดูแลเด็กอยู่คงรับมือได้ไม่นาน เธอคิดแล้วก็เร่งสาวเท้าเดินออกจากห้องครูใหญ่ทันที
''ว่าไงครับ อาจารย์มิเชล พาเด็กพวกนี้มาทำไมกันหรอครับ''
''คือเด็กพวกนี้ทำผิดขั้นร้ายแรงค่ะ พวกเขาทำลายวัตถุโบราญที่วิหาร''
ครูใหญ่เอนตัวพิงพนักเก้าอี้หนังสีดำ เขาถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะหันมองเด็กๆจำเลยทั้งสี่อย่างเอ็นดู
''เรื่องมันเป็นยังไง''
''ดิฉันเองก็ไม่รู้ค่ะ พอไปถึง พวกเด้กๆพวกนี้ คนนึงสลบ''
ครูมิเชลชี้ไปยังเอล เธอสะดุ้ง
''อีกคนนึงอยู่ในสภาพยับเยิน''
ครูมิเชลชี้ไปยังวายุ เขาทำสีหน้างงๆ
''แล้วทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ไอ้หนุ่ม บอกชั้นมาซิ''
วายุหันซ้ายหันขวาหลายรอบ เขาเรียกใครวะ อาว ทั้งห้องยกเว้น ตานั่นที่นั่งบนโต๊ะ ตูก็ผู้ชายนี่กว่า เวร ซวยแล้วตู
''คือ ผมโดนยัยบ้านั่นเล่นพิเรนใส่ ใช้เวทมนต์มายากลอะไรไม่รู้ใส่ผม ผมก็วิ่งสิ เดี๋ยวตาย แล้วผมก็เห็นจิ้งจกเกาะไล่ยัยนั่น ผมก็บอก แต่ยัยบ้าไม่เชื่อ จู่ๆก็กรี๊ดเสียงดังแล้วสลบ ผมงงๆอยู่เหมือนกัน คำว่า ยัยบ้าจิ้งจกเกาะบนไหล่เธอ มันเป็นเวทมนต์อะป่าว''
ครูใหญ่ถอนหายใจ เจ้าหมอนี่พูดสำเนียงแปลกๆ เหมือนกับไม่ใช่คนแถวนี้ ขณะเดียวกันเอลก็จ้องหน้าวายุอย่างหมั่นไส้ เธออยากฆ่าเขาจังเลยย
''แล้วเธอล่ะว่าไง พวกเธอสามคน''
''คืองี้ เจ้าหมอนี่ตั้งใจจะแกล้งหนูค่ะ เขาตั้งใจจะเดินชนหนูเพื่อจะได้เต๊ะอั๋ง แต่หนูรู้ทันเลยไม่รับคำขอโทษ หนูเลยสั่งสอนเขา''
''ยัยบ้า ใครคิดจะเต๊ะอั๋งเธอ ใครคิดก็คิดสั้นแล้ว คิดว่าสวยนักหรอ ยัยปอบ''
''ที่ชั้นไม่ฆ่านาย ชั้นถือว่าคิดผิด ที่จริงชั้นควรฆ่านายตั้งแต่คาถาบทแรกแล้ว แล้วคำว่า ปอบ แปลว่าอะไร''
''ฮ่าๆๆๆๆ ยัยบ้านี่พิกลๆ ขอเปลี่ยนเป็นยัยบ้าอย่างเดิมละกัน ยัยบ้าๆๆๆๆๆๆ''
''หน็อยนายจืด ตายซะเหอะ!"
''แฮ่มๆๆๆๆๆๆ''
เสียงกระแฮ่มของครูใหญ่ดังขัดขวางการทะเลาะที่ครูมิเชลไม่อยากจะห้าม ครูใหญ่เลยต้องลงมือเอง
''งั้นความผิดของพวกเธอคือต้องมาทำคาวมสะอาดที่นี่ทุกวัน เป็นเวลาหนึ่งเดือนเข้าใจไหม ส่วนของเจ้าหนุ่ม นายไม่ได้เป็นนักเรียนที่นี่ นายคงต้องอยู่ทำงานที่นี่แล้วล่ะ นายทำอะไรได้บ้าง''
''อะไรนะค่ะ พวกหนูต้องทำความสะอาดที่นี่หนึ่งเดือน ส่วนหมอนี่ได้ที่ทำงาน ครูใหญ่ไม่ลำเอียงไปหน่อยหรอคะ''
''เงียบน่ะ! ว่าไงเจ้าหนุ่ม นายทำงานอะไรได้บ้าง ''
''ผมเป็นบรรณารักษ์ได้นะคับ ผมเคยเป็นบรรณารักษ์ที่โรงเรียนตอนอยู่ ม.ต้น''
''ดี มิเชลพาเขาไปหาครูอลิซที่หอสมุดหน่อย''
''ค่ะ ทางนี้เจ้าหนุ่ม''
วายุเดินตามครูมิเชลไป เขาเริ่งสงสัยในตัวครูใหญ่ ทำไมจึงได้รับสิทธิพิเศษแบบนี้ เขาคิดอะไรอยุ่แน่ๆ อิตานี่น่ะ วายุถอนหายใจครั้งนึงเดินตามครูมิเชลไป ไม่ว่าเธอจะพาเขาไปไหนก็ตามเหอะ
บทที่ 11 คำตัดสินหรือนี่
''เป็นไปได้ยังไง บอกชั้นมา อาจารย์มิเชล''
เสียงทุ้มๆดังออกมาจากห้องครูใหญ่ ภายในห้องมีโต๊ะทำงานของครูใหญ่ประจำดีเชโน่วางอยู่ระหว่างชายผมสั้นสีทองกับหญิงอีกสองคน เบื้องหลังของวกนางคือเด็กๆที่พวกนางคิดว่าต้องจัดการปัญหาการสืบสวนทีเดียวไปเลย
''มันเป็นพวกไหนที่ช่างกล้า''
''พวกดาร์กค่ะ''
เสียงของครูอาทีน่าดังสมทบ หน้าของครูใหญ่ถอดสี จากโมโหกลายเป็นความกลัว เขาค่อยๆหันมองครูอาทีน่าช้าๆ
''เธอว่าไงนะ อาทีน่า เธอพูดอีกทีซิ''
''พวกดาร์กค่ะ ที่ดิฉันรู้ เพราะมันใช้เวทสายมืด ที่มีแต่เผ่านี้เท่านั้นที่ใช้ได้''
สีหน้าของครูใหญ่แย่กว่าเดิม เขากลัวเผ่าดาร์กมากโดยเฉพาะเรื่องเล่าในอดีตที่เขาเคยได้ยิน ความเหี้ยมโหดในการต่อสู้ของพวกมันเหนือกว่าปิศาจที่นรกส่งมาเสียอีก แต่เขาได้ยินไม่นานมานี้ว่า เผ่าดาร์กได้สูญพันธุ์เป็นร้อยปีแล้ว
''ดูสิ เธอเอาที่ไหนมาพูด เผ่าดาร์กมันสูญพันธุ์ไปเป้นร้อยปีแล้ว ที่เธอเห็นคงเป็นสัตว์วิเศษณ์ด้านมืดมากกว่ามั่ง เอาล่ะเลิกพูดเรื่องนี้กันได้แล้ว อาทีน่าเธอรีบพยาบาลเด็กๆที่ได้รับบาดเจ็บ เจ้าสัตว์ร้ายนั่นมันตั้งใจไม่ฆ่า มิเชลเธอเอาเด็กนักเรียนหญิงสามคนนี้มาทำไม แล้วเด็กชายแต่งตัวแปลกๆอีก''
''แต่เรื่องนี้ ไม่แจ้งผู้ปกครองของนักเรียนที่โดนทำร้ายหรอค่ะ''
''ไม่ต้องหรอกอาทีน่า เรื่องใหญ่แบบนี้ ใครขืนได้ยินเข้า สถาบันเราจะเสื่อมเสียได้นะ''
''ค่ะ''
ครูอาทีน่ารับคำโดยไม่เต็มใจนัก เธอไม่อยากเสียเวลาให้มากกว่านี้ เด็กๆกำลังรอเธออยู่ ครูพยาบาลสองคนที่ดูแลเด็กอยู่คงรับมือได้ไม่นาน เธอคิดแล้วก็เร่งสาวเท้าเดินออกจากห้องครูใหญ่ทันที
''ว่าไงครับ อาจารย์มิเชล พาเด็กพวกนี้มาทำไมกันหรอครับ''
''คือเด็กพวกนี้ทำผิดขั้นร้ายแรงค่ะ พวกเขาทำลายวัตถุโบราญที่วิหาร''
ครูใหญ่เอนตัวพิงพนักเก้าอี้หนังสีดำ เขาถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะหันมองเด็กๆจำเลยทั้งสี่อย่างเอ็นดู
''เรื่องมันเป็นยังไง''
''ดิฉันเองก็ไม่รู้ค่ะ พอไปถึง พวกเด้กๆพวกนี้ คนนึงสลบ''
ครูมิเชลชี้ไปยังเอล เธอสะดุ้ง
''อีกคนนึงอยู่ในสภาพยับเยิน''
ครูมิเชลชี้ไปยังวายุ เขาทำสีหน้างงๆ
''แล้วทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ไอ้หนุ่ม บอกชั้นมาซิ''
วายุหันซ้ายหันขวาหลายรอบ เขาเรียกใครวะ อาว ทั้งห้องยกเว้น ตานั่นที่นั่งบนโต๊ะ ตูก็ผู้ชายนี่กว่า เวร ซวยแล้วตู
''คือ ผมโดนยัยบ้านั่นเล่นพิเรนใส่ ใช้เวทมนต์มายากลอะไรไม่รู้ใส่ผม ผมก็วิ่งสิ เดี๋ยวตาย แล้วผมก็เห็นจิ้งจกเกาะไล่ยัยนั่น ผมก็บอก แต่ยัยบ้าไม่เชื่อ จู่ๆก็กรี๊ดเสียงดังแล้วสลบ ผมงงๆอยู่เหมือนกัน คำว่า ยัยบ้าจิ้งจกเกาะบนไหล่เธอ มันเป็นเวทมนต์อะป่าว''
ครูใหญ่ถอนหายใจ เจ้าหมอนี่พูดสำเนียงแปลกๆ เหมือนกับไม่ใช่คนแถวนี้ ขณะเดียวกันเอลก็จ้องหน้าวายุอย่างหมั่นไส้ เธออยากฆ่าเขาจังเลยย
''แล้วเธอล่ะว่าไง พวกเธอสามคน''
''คืองี้ เจ้าหมอนี่ตั้งใจจะแกล้งหนูค่ะ เขาตั้งใจจะเดินชนหนูเพื่อจะได้เต๊ะอั๋ง แต่หนูรู้ทันเลยไม่รับคำขอโทษ หนูเลยสั่งสอนเขา''
''ยัยบ้า ใครคิดจะเต๊ะอั๋งเธอ ใครคิดก็คิดสั้นแล้ว คิดว่าสวยนักหรอ ยัยปอบ''
''ที่ชั้นไม่ฆ่านาย ชั้นถือว่าคิดผิด ที่จริงชั้นควรฆ่านายตั้งแต่คาถาบทแรกแล้ว แล้วคำว่า ปอบ แปลว่าอะไร''
''ฮ่าๆๆๆๆ ยัยบ้านี่พิกลๆ ขอเปลี่ยนเป็นยัยบ้าอย่างเดิมละกัน ยัยบ้าๆๆๆๆๆๆ''
''หน็อยนายจืด ตายซะเหอะ!"
''แฮ่มๆๆๆๆๆๆ''
เสียงกระแฮ่มของครูใหญ่ดังขัดขวางการทะเลาะที่ครูมิเชลไม่อยากจะห้าม ครูใหญ่เลยต้องลงมือเอง
''งั้นความผิดของพวกเธอคือต้องมาทำคาวมสะอาดที่นี่ทุกวัน เป็นเวลาหนึ่งเดือนเข้าใจไหม ส่วนของเจ้าหนุ่ม นายไม่ได้เป็นนักเรียนที่นี่ นายคงต้องอยู่ทำงานที่นี่แล้วล่ะ นายทำอะไรได้บ้าง''
''อะไรนะค่ะ พวกหนูต้องทำความสะอาดที่นี่หนึ่งเดือน ส่วนหมอนี่ได้ที่ทำงาน ครูใหญ่ไม่ลำเอียงไปหน่อยหรอคะ''
''เงียบน่ะ! ว่าไงเจ้าหนุ่ม นายทำงานอะไรได้บ้าง ''
''ผมเป็นบรรณารักษ์ได้นะคับ ผมเคยเป็นบรรณารักษ์ที่โรงเรียนตอนอยู่ ม.ต้น''
''ดี มิเชลพาเขาไปหาครูอลิซที่หอสมุดหน่อย''
''ค่ะ ทางนี้เจ้าหนุ่ม''
วายุเดินตามครูมิเชลไป เขาเริ่งสงสัยในตัวครูใหญ่ ทำไมจึงได้รับสิทธิพิเศษแบบนี้ เขาคิดอะไรอยุ่แน่ๆ อิตานี่น่ะ วายุถอนหายใจครั้งนึงเดินตามครูมิเชลไป ไม่ว่าเธอจะพาเขาไปไหนก็ตามเหอะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ