บทเพลงรักสะกิดใจ นายสุดฮอต!!
เขียนโดย Namizz
วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เวลา 20.37 น.
แก้ไขเมื่อ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2558 09.57 น. โดย เจ้าของนิยาย
27) ~ POSTSCRIPT : บทส่งท้าย ~
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
'แฮ่ม...หนึ่ง สอง สาม...สวัสดีนียา...วันนี้ฉันเกิดอยากจะถ่ายคลิปขึ้นมา ฮ่าๆๆๆ ...ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แค่อยากทำแบบนี้เฉยๆ ตอนนี้ฉันอยู่ที่โรงพยาบาลมาได้2-3วัน น่าเบื่อมากกก...ฉันอยากจะไปสวนสนุกกับเพื่อนๆและเธอนะ...แต่ก็ไปไม่ได้...วันนั้น...ที่ฉันสัญญา...ฉันพูดเรื่องจริงนะ...ขอโทษจริงๆที่ฉันไมได้รักษาสัญญาว่าจะไปหาเธอ...แต่ฉันก็ไม่ได้ผิดคำพูดทุกอย่างน้า~~อย่างน้อย...ฉันก็ได้ส่งดอกทานตะวันที่เธอชอบไปให้ แทนตัวของฉันไง...แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันไม่เคยผิดคำสัญญา..ฉันจะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ..ในใจเธอไง...แต่ตอนนี้ฉันคงจะไปยืนอยู่ใกล้ๆเธอไม่ได้หรอกนะ แรงเดินก็แทบจะไม่มี เก่งที่สุดก็แค่หายใจทิ้งไปวันๆ ดูไม่ค่อยมีค่าเท่าไหร่เลยเนอะ...เธอว่างั้นไหม...ฉันคิดถึงเธอจนจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว อยากจะออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้เลย แต่แม่กับหมอคงไม่ยอม อิอิ ฉันก็เลยได้แต่มองเพดานและนั่งถ่ายคลิปตัวเองเหมือนคนจะลาตายซะอย่างนั้น หุหุ^0^ เธอรู้ไหม ทุกๆคืนฉันไม่อยากนอนหลับเลย เพราะถ้าฉันหลับ ฉันกลัว...กลัวว่าจะไม่ได้ตื่นขึ้นมาเห็นเธออีกน่ะสิ -_-+
แต่มันอาจจะดูเห็นแก่ตัวเกินไปนะ ถ้าฉันยังตื่นมาให้เธอเห็นหน้าแล้ววันนึง..ฉันต้องจากฉันไป...ฉันจึงเลือกที่จะให้เธอลืมฉัน...ไหนๆ เธอก็อยากจะลืมฉันอยู่แล้ว....จริงไหม'
"ไม่จริงนะพี่เต็ง...อย่าคิดแบบนั้น ตื่นขึ้นมา คุยกับฉันสิ" ฉันพูดทั้งน้ำตากับโทรศัพท์ที่อยู่ในมือ
'ฉันคงไม่ได้เข้าข้างตัวเองใช่ไหมว่าเธอ...ไม่ได้ลืมฉัน...แววตาเธอมันฟ้อง ว่าเธอ...ยังเหมือนเดิม...ยังเป็นนียาคนเดิมของฉัน...ดังนั้น ขอให้ฟังนะ ถ้าฉันตาย...ได้โปรดอย่าร้องไห้ หรือลืมฉันไปเลยได้ยิ่งดี...ขอร้อง ต่อให้ฉันตาย เธอต้องยิ้ม...ยิ้มให้ได้... เชื่อฉันสิ...ฉันจะอยู่ข้างๆเธอเสมอ แม้ว่าเธอจะไม่เห็นแต่ฉันเชื่อว่าเธอสัมผัสได้...
สุดท้ายแล้ว...ความในใจที่อยากจะบอกกับเธอคือ แม้ว่าช่วงระยะเวลาที่เราได้พบกันมันจะสั้นนัก...แต่เหมือนกับว่าเราได้อยู่ด้วยกันมานาน ฉันแค่อยากจะบอกกับเธอว่า...ฉันรักเธอมากนะ...มากเกินกว่าจะแสดงออกมาได้..ทุกครั้งที่เธอเสียใจ มันทำให้ฉันอยากจะตายให้เร็วขึ้น แต่ทุกครั้งที่เธอมีความสุข มันกลับทำให้ฉันไม่ยอกตาย...เธอรู้หรือเปล่า ฮ่าๆๆๆ....งี่เง่าจังเลยฉัน นี่แหละที่อยากจะบอก อ้อ...วันเกิดปีนี้ ฉันคงไม่ได้ไปร่วมงานด้วยตนเอง..แต่ฉันมีของขวัญชิ้นพิเศษจะให้ ตั้งใจดุและฟังดีๆล่ะ เพราะนี่ จะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ฉันจะมอบให้เธอได้....'
ฉันพยักหน้าให้กับโทรศัพท์ ภาพของเต็งหนึ่งยังคงอยู่ในจอ ซึ่งเขากำลังก้มๆ เงยๆหาอะไรบางอย่าง...และในมือของเขาก็มีกีตาร์โปร่ง...เขาเริ่มดีดคีย์แรกขึ้นและ....
~~~ในการเดินทาง คงไม่มีนักเดินทางคนไหน ที่รู้ว่า....วันใดคือวันที่สุดท้าย
เรามีเวลาที่ยังเหลือสักเท่าไร ที่จะได้ใช้ชีวิตร่วมกัน...ได้อยู่กับคนที่เรารัก
และเธอคนที่ทำให้นักเดินทางอย่างฉันพบว่า...จุดหมายในชีวิตคืออะไร ด้วยดินแดนที่เธอสร้างไว้ ที่มีชื่อว่าความรัก....
*เมื่อชีวิตของคนเรามันสั้นนัก สิ่งที่ฉันพอจะทำ...ในช่วงเวลาที่ยังหายใจ คือการดูแลเธอให้ดีจากนี้ไป เพื่อตอบแทนเรื่องราวดีดีก่อน ที่เวลาของเราจะหมดลง...
ปมด้อยใดใดที่ตัวฉันนั้นเคยมีอยู่ แต่แล้วเมื่อพบเธอ ...เธอทำให้ฉันกับมองข้ามไป
จากคนเดิมๆที่ไม่มีค่าอะไร สุดท้ายเธอก็เปลี่ยน...ให้ฉันกลับกลายเป็นคนสำคัญ
เธอทำให้ฉันได้รู้ว่าฉันมีค่ามากกว่า ที่ฉันเคยมองเห็นในตัวเอง...และวันนี้ฉันมีสิ่งนี้ ที่มอบไว้แทนความรัก...
>>แม้นานแค่ไหนอีกไกลเท่าไร จะยืนข้างเธอ...และคอยดูแลเธอคนนี้ด้วยหัวใจ เพื่อตอบแทนเรื่องราวดีดี..ก่อนที่เวลาของเรา...<<
'
'ลาก่อน...ทานตะวันของฉัน...เธอ เปรียบเสมือนบทเพลง...ที่ฉันรักเท่าชีวิต.'
ไฟล์จบแล้ว หน้าจอดับลง น้ำตาไหลอาบแก้ม ฉันปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายใคร...ฉันจับมือของเต็งหนึ่งมาบีบไว้แน่น เอาหลังมือเขามาแนบแก้มตัวเอง
"ไม่นะ....พี่ตื่นขึ้นมาพูดกับฉันก่อน...ฉันไม่เคยลืมพี่เลยนะ จริงๆนะ...ไหนพี่สัญญาว่าพี่จะอยู่เคียงข้างฉันยังไงล่ะ เราจะร้องเพลงด้วยกันทุกๆวัน...พี่พึ่งบอกรักฉันแค่ในโทรศัพท์เองนะ มันไม่แฟร์....และอีกอย่างฉันยังไม่ได้บอกพี่เลย....ได้โปรด...ลืมตาเถอะนะคนดี...ลืมตาขึ้นมาฟังฉันหน่อยได้ไหม....ฉันสัญญา ฉันจะไม่ดื้อกับพี่ จะยอมฟังตามคำพูดพี่ทุกอย่างด้วย ตื่นขึ้นมาสิ...ตื่นขึ้นมา....ฮือออๆๆๆ"
ติ๊ด...ติ๊ด...
เสียงเครื่องอีซีจีดังขึ้นเป็นระยะๆ อย่างต่อเนื่อง เส้นกราฟในจอมอนิเตอร์เต้นยึกยักเป็นจังหวะที่มันควรจะเป็น
ติ๊ด...ติ๊ด...
"ถ้าพี่ตาย แล้วใครจะสอนฉันร้องเพลงล่ะ ตื่นเถอะนะ ขอร้อง... ตื่นขึ้นมากอดกันอีก...ฮึก..ฮือๆๆ ถ้าฉันบอกรักพี่แล้ว พี่ต้องไม่ตายนะ...งั้นฟังนะ...ฉันรักพี่เต็งหนึ่งนะ แม้จะแค่ช่วงระยะเวลาที่เราพบกันไม่นาน..แต่ฉันก็รักพี่....ตื่นเถ...."
ติ๊ดดดดด!!!
ไม่ทันจะพูดจบ เครื่องอีซีจีก็ส่งเสียงยาวดังลั่นห้อง ไม่ช้าก็มีหมอกับนางพยาบาลแห่กันเข้ามา ฉันมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างตกใจ เฟิร์นกับโซดาวิ่งเข้ามากอดฉันเอาไว้จากด้านหลัง เพื่อดึงฉันให้ออกห่างจากเตียง แต่ฉันขืนตัวเอาไว้ หมอวิทมองมาทางเราแล้วส่ายหน้าช้าๆ....
"เสียใจด้วยครับ...สิ้นลมแล้ว..."
หมอเอาผ้าที่คลุมแค่อกดึงขึ้นมาปิดหน้าเต็งหนึ่ง...และในช่วงขณะเดียวกัน ฉันเห็นน้ำใสๆกำลังไหลออกมาจากขอบตาของเต็งหนึ่ง...ฉันมองภาพนั้นด้วยใจที่จะขาดออกมา ฉันพยายามจะวิ่งเข้าไปหา แต่ก็เหมือนกับว่าความพยายามของฉันมันสูญเปล่า....
"ฮือๆๆ...พี่เต็ง....ไม่นะ...ฮือๆๆๆ" ฉันทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว...คนที่ฉันรัก เขาจากไปในที่ที่ฉันเอื้อมไม่ถึงแล้ว.....
POSTSCRIPT...
ลมพัดเอื่อยๆกระทบผิวหน้า ไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกเย็น ไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นเลย...แต่มันเป็นความรู้สึกเศร้า..ฉันเหงา...ฉันมายืนอยู่บนดาดฟ้าของหอประชุมเพียงลำพัง..เชื่อไหมว่า สามวันที่ผ่านมา ฉันไม่เคยไปงานศพของเต็งหนึ่งเลยสักวัน...ฉันทำใจไม่ได้ที่จะเห็นเขาอยู่ในที่แคบๆอย่างโลงสี่เหลี่ยมนั่น ที่ที่ฉันเองก็รู้ว่า สักวัน เราทุกคนต้องเข้าไป แต่สำหรับเขา...มันเร็วเกินไป...ถ้าหากวันนั้นฉันไปงานเต้นรำ...ถ้าหากวันนั้นฉันไม่กอดตอนรับโพทส์เป็นเพื่อน...ถ้าหากวันนั้นฉันไม่ออกมารับลูกปลา..ถ้าหากวันนั้นฉันตัดสินไม่เดินเข้ามาเรียนที่นี่...เขาคงไม่จากฉันไปเร็วขนาดนี้...ฉันล่วงมือเข้าไปหยิบของในกระเป๋าออกมา...มันคือตุ๊กตากล่องดนตรีชายหญิงยืนกอดกัน...ของขวัญที่เต็งหนึ่งได้ทิ้งไปแล้ว แต่ฉันก็จะเก็บมันไว้...ฉันไขลานกล่องดนตรี เสียงเมโลดี้อันแสนอ่อนหวานได้ดังขึ้น ท่วงทำนองตั้งแต่ต้นจนจบ...ฉันรู้สึกว่า เริ่มมีก้อนสะอื้นอยู่ในลำคอแล้วเสียงสั่นๆก็เริ่มพูดออกมา...
"ฮืออ..พี่เต็ง..." ฉันยืนร้องไห้โฮแข่งกับสายลมที่พัดเข้ามากระทบไปทั่วทั้งร่าง...ไหล่บางเริ่มสั่นระริก...ทำไมนะ...การสูญเสียมันถึงได้เจ็บปวดขนาดนี้...เวลาน่ะมีค่ามากนะ...มันมีค่าทุกนาที ฉันอยากย้อนเวลากลับไป...ถ้าทำได้..ฉันจะอยู่เคียงข้างเขาตั้งแต่วันที่เราได้เจอกันอีก และคงบอกรักเขาวันละร้อยพันครั้งอย่างไม่ลังเล...
'ถ้าหากฉันรู้ว่าเวลาของเขา มันจะเคลื่อนที่ไปเร็วแบบนี้....'
ใบไม้พลิ้วไหวปลิวร่วงลงจากต้น เวลาล่วงเลยผ่านไป เฟิร์นกับโซดาเดินเข้ามาในบ้านหลังหนึ่ง ทั้งสองเดินไปยังสวนกว้างที่อยู่ทางหลังบ้าน ก่อนจะพบกับร่างของลูกปลาในชุดแซ็กสีดำ นั่งอยู่ในสวน พวกเธอค่อยๆเดินเข้าไปหาลูกปลา สายตาของคนทั้งสองมองลูกปลาด้วยความสงสาร เวทนา ตอนแรกทั้งสองโกรธในสิ่งที่ลูกปลาทำ..แต่เมื่อคิดทบทวนและมองย้อนกลับไป..มันไม่ใช่ความผิดของลูกปลาคนเดียว...เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น พวกเธอทั้งสองและทุกคนต่างมีส่วนทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น...ลูกปลาควรมีอนาคตที่สดใสสวยงาม มีคนรักที่ดี ถ้าหากไม่ใช่เพราะความรักที่เธอมีต่อพี่เต็งหนึ่ง...มากเกินไป สิ่งนี้ได้พรากลูกปลาที่สดใสร่าเริง..ทำลายหญิงสาวคนหนึ่งให้จมอยู่ในวังวนแห่งความทุกข์ของตัวเองไปแล้ว...
หลังจากที่เกิดเรื่องวันนั้น ลูกปลาที่อยู่ต่อหน้าเฟิร์นในวันนี้คือลูกปลาที่เศร้าซึม...วันๆเอาแต่เหม่อลอยไม่ยอมพูดคุยกับใคร แม่ของลูกปลาบอกว่า ลูกปลาเป็นแบบนี้มาตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ ไม่ยอมกินข้าว บางครั้งอยู่ดีๆก็ร้องไห้ขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล แต่ทุกๆครั้งที่ร้องไห้เธอก็จะหยิบเอาไวโอลินตัวโปรดขึ้นมาบรรเลงอย่างเศร้าสร้อย...คงต้องใช้เวลาเท่านั้นที่จะรักษาให้ลูกปลากลับมาเป็นคนเดิมอีกครั้ง...
"ลูกปลา...ฉันกับโซดา มาเยี่ยมแกนะ" เฟิร์นนั่งลงคุยกับลูกปลา แต่ลูกปลายังคงเงียบไม่เอ่ยสิ่งใดออกมา สายตาเหม่อมองไปไกล
"พวกเราทุกคนเป็นห่วงแกนะ...โดยเฉพาะนียา...ตอนนี้มันกำลังทำเรื่องย้ายไปเรียนที่ต่างจังหวัด...มันเลยมาเยี่ยมแกไม่ได้....ต่อไปนี้อย่าโทษตัวเองอีกเลยนะ เราทุกคนไม่ได้โกรธแก ไม่มีใครโทษว่าเป็นความผิดของแก..เพราะฉะนั้น เลิกโทษตัวเองเถอะนะ มีคนอีกมากมายรอแกอยู่ ฉันและเพื่อนๆทุกคนก็รอแกกลับมา...กลับมาเป็นเพื่อรักฉันเหมือนเดิม" โซดาเอ่ยแต่ทว่าหญิงสาวตรงหน้าดูจะไม่รับรู้อะไรสักนิด โซดาหันไปถอนหายใจกับเฟิร์น ทั้งคู่เอื้อมมือไปกุมมือลูกปลาไว้เบาๆ
"พวกฉันไปก่อนนะ แล้วจะแวะมาเยี่ยมแกใหม่" ร่างของทั้งสองลุกขึ้นยืนพร้อมกันก่อนที่จะเดินจากไป แต่แล้ว...
"ฉันขอโทษ...." เสียงนั้นแผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน ทั้งคู่ชะงักเท้าหันกลับมามองเพื่อนสาว แต่ทว่าดวงตาของลูกปลายังคงเหม่อลอยเช่นเดิม ริมฝีปากก็ไม่ได้ขยับแม้แต่น้อย ทั้งสองมองหน้ากัน ก่อนที่จะก้าวเดินจากไป...
แสงแดดในยามบ่าย ค่อยๆฉายแสงจ้าขึ้น แต่ก็ยังคงมีสายลมเย็นๆพัดผ่านร่างบางของหญิงสาว ทำให้เส้นผมสีดำและชุดกระโปรงสีขาวยาวเลยเข่าปลิวไสว...มือเรียวยาวถือดอกทานตะวันซึ่งถูกจัดเป็นช่ออย่างงดงาม มันสั่นไหวตามแรงลม... ณ สถานที่ที่นียา ยืนอยู่..หน้าหลุมฝังศพของชายที่เธอรัก นัยน์ตามองตรงไปยังรูปของชายหนุ่มที่เธอคุ้นเคยดี...ร่างบางคลี่ยิ้มอันสดใสที่ไม่เคยมีใครได้เห็นมานาน...
"ฉันคิดถึงพี่มากเลยนะ...เต็งหนึ่ง คิดถึงวันเก่าๆที่เราเคยอยู่ด้วยกัน...ยังจำได้ไหมวันปฐมนิเทศ พี่เป็นคนแรกที่ทำให้ฉันต้องเปิดเผยความจริงต่อหน้าทุกคน ความจริงที่ฉันปิดบัง...ก็เพราะเพื่อนพี่นั่นแหละ พี่กีตาร์...เราอยู่วงเดียวกัน ความสัมพันธ์ก็มากกว่าพี่น้อง...แต่พอวันนึง เขาก็ทิ้งฉันไป...ทิ้งสัญญาที่เคยให้ไว้ต่อหน้าพี่...เขาทิ้งฉันเพื่อไปหาผู้หญิงอีกคน...ฉันเสียใจ จึงลาออกจากวงและย้ายโรงเรียนทันที...ฉันมันงี่เง่าจังเลยเนอะ...แล้วยังวันที่ฉันไปแอบดูพี่เล่นเปียโนนั่นอีก ฉันดันไปตบหน้าพี่เพราะความโมโห...ยิ่งคิดฉันก็ยิ่งโทษตัวเองเข้าไปใหญ่
หลังจากนี้ไป...ฉันคงจะไม่ได้มาหาพี่อีกแล้วนะ...เพราะฉันเลือกแล้ว...ฉันจะไปเรียนที่ต่างจังหวัด..ตอนเด็กๆฉันจำได้ว่าพี่อยากเป็นนักร้องที่มีชื่อเสียง...เพราะฉะนั้นฉันนี่แหละ จะสานฝันของพี่เอง..พี่เต็งไม่ต้องห่วงหรอกนะ หลับให้สบายเถอะ...ถึงแม้ว่าฉันจะไม่สามารถมาหาพี่ได้อีกแล้ว...แต่รู้ไว้นะว่าฉันยังคงรักพี่เสมอ ฉันสัญญานะ ว่าพี่จะอยู่ในใจของฉัน...ผู้ชายในความทรงจำของฉัน...เต็งหนึ่ง...พี่จะตรึงอยู่ในใจฉันตลอดไป...ลาก่อน..ดอกหญ้าที่มีค่ามากกว่าสิ่งใด..."
พูดจบฉันก็ค่อยๆบรรจงวางช่อดอกทานตะวันลงข้างๆป้ายหลุดฝังศพ มือข้างขวาเอื้อมไปลูบไล้ที่ในหน้าของเขาในรูปอย่างอ่อนโยน และหันหลังเดินห่างออกไป... ฉันพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ เพราะฉันสัญญากับตัวเองแล้วว่าจะต้องเข้มแข็งให้ได้...จังหวะที่ฉันจะเปิดประตูรถ..เสียงเสียดสีของเครื่องดนตรีชนิดหนึ่ง ดังแว่วเข้ามาในหู...น้ำหนักเสียงและเทคนิคการบรรเลงแบบนี้ฉันจำมันได้ดี..นักไวโอลินมือหนึ่งของโรงเรียน...ลูกปลา! เมื่อนึกขึ้นได้ฉันก็หันกลับไปมองทันที ร่างบางของหญิงสาวอีกคน กำลังยืนอยู่หน้าหลุมฝังศพของเต็งหนึ่ง...บนบ่าข้างซ้ายมีไวโอลินสีขาว เพลงนั้นฉันจำมันดี..เพลงที่ฉัน ลูกปลา และเขา...ขึ้นแสดงด้วยกันที่หอประชุม...ฉันมองภาพตรงน่าอย่างเลื่อนลอย ถึงแม้จะอยู่ห่างจากสายตาหลายเมตร...ฉันก็ดูออกว่าลูกปลาผอมลงมาก...ฉันมองดูได้สักพัก ก่อนจะตัดสินใจเดินขึ้นรถและขับออกไปทันที...ทิ้งไว้เพียงเสียงกระซิบจากสายลมที่ดังออกมาจากปากอันเรียวบางของลูกปลา...
'ฉันขอโทษนะ...นียา ขอให้เธอโชคดี...'
มีใครรู้บ้างว่า...ปลื้ม...ชอบ...และรัก มันแตกต่างกันตรงไหน...แค่คำสามคำ...สามารถเป็นจุดชนวนของเรื่องราวต่างๆมากมาย..คำนิยาม ส่วนมากของคำเหล่านี้...สุดท้ายก็สื่อถึงความรู้สึกเดียวกัน...อาจจะมีทุกข์บ้าง สุขบ้าง ... แล้วคุณล่ะ จะนิยามคำสามคำนี้ว่าอะไร...แน่ใจแล้วหรือ ว่าคนที่คุณกำลังแอบมองเขาในขณะนี้คุณ....ปลื้ม....ชอบ....หรือตกหลุมรักเขากันแน่....^0^!!
จบริบูรณ์........... (ปิดต้นฉบับ อ๊อด! อ๊อด!~~)
===============
“...ชนใด ไม่มี ดนตรีกาล
ในสันดาน เป็นคนชอบกลนัก
อีกใคร ฟังดนตรีไม่เห็นเพราะ
เขานั้นเหมาะ คิดขบถ อัปลักษณ์
ฤาอุบาย มุ่งร้ายฉมังนัก
มโนหนัก มืดมัวเหมือนราตรี
และดวงใจ ย่อมดำสกปรก
ราวนรกชน เช่นกล่าวมา
ไม่ควร ใครไว้ใจในโลกนี้
เจ้าจง ฟังดนตรีเถิดชื่นใจ "
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ