บทเพลงรักสะกิดใจ นายสุดฮอต!!
8.8
เขียนโดย Namizz
วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เวลา 20.37 น.
27 chapter
129 วิจารณ์
42.03K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2558 09.57 น. โดย เจ้าของนิยาย
10) ~ 10 ~
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเช้าวันใหม่ได้เริ่มขึ้น วันนี้เป็นวันหยุด ฉันไม่คิดที่จะออกไปไหน และยังคงนอนแผ่อยู่บนเตียง ตาทั้งสองมองตรงไปยังเพดานด้านบน ในสมองคิดแต่เรื่องของเมื่อวานที่เกิดขึ้น ฉันทำเกินไปหรือเปล่านะ.... ฉันสะบัดความคิดฟุ้งซ้านให้ออกไปจากหัวก่อนที่จะลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำ...
เมื่อก้าวขาลงจากบันได ก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติภายในบ้าน เพราะบรรยากาศนั้นได้เงียบจนผิดปกติ ซึ่งวันนี้เป็นวันหยุด ทุกคนจะอยู่บ้าน แต่ในขณะนี้กลับไม่มีใครอยู่เลย และสายตาของฉันก็เหลือบไปเห็น กระดาษโน้ตแปะอยู่หน้าตู้เย็น พอได้อ่านฉันก็แทบจะยกตู้เย็นยัดเข้าปากไป = =!
'นียา...ลูกอยู่บ้านคนเดียวไปก่อนนะ...แม่มีธุระจำเป็นที่จะต้องไปหาพ่อที่เกาหลี...ส่วนแพทก็มาด้วยไม่ต้องเป็นห่วง และเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆแม่ได้โอนเข้าบัญชีลูกแล้วนะและจะโอนเข้าให้ทุกอาทิตย์ ดูแลตัวเองดีๆนะลูก แม่เป็นห่วง'
หึหึ...ให้ฉันอยู่บ้านคนเดียวงั้นเหรอ ถึงฉันจะเคยอยู่คนเดียวบ่อยก็เถอะ แต่ตอนนั้นก็มีแพทอยู่ด้วยนี่หน่า....แต่นี่!กลับทิ้งฉันไว้คนเดียวเนี่ยนะ!! กำหนดกลับก็ไม่มี ฮือออๆๆๆT0T
เซ็งเป็ดโว๊ยยย! และสุดท้ายฉันก็ต้องมานั่งกินข้าวเช้าที่แม่ทำให้ก่อนจะไป... แล้วฉันจะทำอะไรต่อไปดีล่ะ เนี่ย คิดยังไงก็คิดไม่ออก และแล้วก็ต้อง เฮ้ออออ...
ตู๊ดดด! ตู๊ดดด…!
ในขณะที่ฉันกำลังโซ๊ยข้าวอย่างเอร็ดอร่อย เสียงโทรศัพท์บ้านก็ดังขึ้นทำเอาหน้าฉันเกือบทิ่มลงจานข้าว =_=!
“ฮัลโหล” กระแทกเสียงอย่างหงุดหงิด
‘นียา... นี่แม่เอง อ่านข้อความในกระดาษโน้ตแล้วใช่ไหมลูก’ ผู้เป็นแม่ถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ค่ะแม่... มีอะไรหรือเปล่าค่ะ ถ้าไม่... ก็เดินทางโดยสวัสดิภาพนะคะ บาย” ฉันวางสายทันทีโดยไม่คิดถึงคนโทรว่ามีธุระอะไรหรือเปล่า เชอะ! ทิ้งฉันไว้คนเดียว แล้วโทรมามันจะมีประโยชน์อะไร ไปกินข้าวต่อดีกว่า ฮุฮุ
ตู๊ดดด! ตู๊ดดด…!
เชอะ! จะโทรมาง้อล่ะสิ ไม่สนเหรอก อยากไปก็ไปกันให้หมดเลย ฮึฮึ... แต่เมื่อนั่งไปสักพักก็ต้องทนเสียงโทรศัพท์ไม่ไหว จึงเดินไปรับสายด้วยความหงุดหงิด
“มีอะไรจะสั่งอีกล่ะค่ะ แม่!” ฉันกระแทกเสียงด้วยความเดือดดาล
‘เฮ้ย! ไอ้นียา ฉันโซดาโว้ย ไม่ใช่แม่แก ไอ้บ้า’ เสียงของคนร่างท้วมตะโกนขึ้นเมื่อมีคนมาเรียกตนว่าแม่
“อ้าว โซดาเหรอ โทษที ฉันนึกว่าแม่น่ะ แล้วมีอะไรเหรอ”
‘ฉันจะโทรมาชวนออกไปข้างนอก แกจะไปไหม ไอ้เฟิร์นกับลูกปลามันก็ไป เหลือแต่แกเนี่ยแหละ เอาไง’
“เออๆๆ... ไปๆๆด้วย ไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว เดี๋ยวฉันจะเผามันทิ้งหมดซะก่อน”
‘แล้วคนอื่นไปไหนกันล่ะ...’
“เออ...หน่า เดี๋ยวเล่าให้ฟัง แล้วเจอกันที่ไหนล่ะ”
‘หน้าห้าง F นะบ่ายโมงตรง อย่าลืม แค่นี้นะ บาย’
“อืม... บาย” จบการสนทนาระหว่าง 1 สาว กับ 1 ตุ่ม ไปแล้ว ฉันก็เหลือบมองดูนาฬิกาที่ติดอยู่ฝาผนังบ้านบ่งบอกถึงเวลาในตอนนี้คือ 12.00น. แล้ว งั้นฉันก็เหลือเวลาแค่ชั่วโมงเดี่ยวเองน่ะสิจะทันไหมเนี่ย ต้องติดไฮสปีดแล้ว ฟิ้วว... ฟิ้วววว
แสงแดดยามบ่ายในประเทศไทย ส่งผลให้สาวร่างบางที่ยืนรอเพื่อนอยู่จุดนัดพบต้องหงุดหงิด เพราะอากาศนั้นไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้ๆกันอยู่... ร้อนโคตร!
ทำไมยังไม่มากันซักทีนะ...
หญิงสาวได้แต่คิดในใจ ปากก็บ่นพึมพำตามประสาคนขี้ร้อน ยิ่งมาเจออากาศอย่างนี้แล้ว เหอะ! ไม่ต้องพูดถึง... และแล้วสายตาก็ไปสะดุดกับร่างท้วม (อ้วน) เพื่อนตัวดีของเธอที่นัดเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าบ่ายโมง แต่ตอนนี้มันกลับเลยมาครึ่งชั่วโมงแล้ว
“หึหึ... รู้ไหมตอนนี้ฉันสามารถกลืนพวกแกทั้งสามคนลงท้องของฉันได้ในพริบตา” ตอนนี้ฉันโมโหหิวมาก ถ้าไม่รีบเข้าไปหาอะไรกิน ฉันต้องกลายเป็นฆาตกรแน่ๆ
‘นักเรียนมัธยมปลายโรงเรียนชื่อดัง ได้เขมือบเพื่อนสาวทั้งสามอย่างเลือดเย็น เพราะความโมโหหิวครอบงำจิตใจ’
ฉันคิดถึงหนังสือพิมพ์ชื่อดังฉบับหนึ่งที่ต้องพาดหัวข่าวเกี่ยวกับฉันลงไปแน่นอน เหอะๆๆๆ...
“ฉันว่าเรารีบเข้าไปข้างในกันเถอะ เห็นนียาแล้วฉันเริ่มกลัวน่ะ ^_^” ลูกปลาพูดขึ้นทำลายความคิดฟุ้งซ่านของฉันจนพังพินาท (เวอร์อีกล่ะ)
“งั้น... อันดับแรก... มุ่งหน้าสู่ร้านของกิน กิน กิน กินนนน” เสียงตอนท้ายของเฟิร์นติดแอคโค้..ด้วยแหละ ^O^
และพวกเราทั้งสี่คนก็ต้องมานั่งจนมุมกับร้านพิซซ่า และที่บอกว่าจนมุม เพราะวันนี้คนมาเดินห้างเยอะร้านอาหารอื่นๆก็เต็มไปหมด แต่โชคดีนะที่ฉันกับเพื่อนได้ที่นั่งริมสุดติดกระจกของร้านพิซซ่าหน้าเธอ~ ~
“โฮ... ดูนี่สิพิซซ่าหน้ากุ้งเริงระบำ มีแต่กุ้งทั้งนั้นเลย น่ากินๆๆ” เมื่อพิซซ่าที่สั่งได้มาตั้งอยู่บนโต๊ะทำให้ฉันอดที่จะกระตือรือร้นไม่ได้ (ก็คนมันหิวนี่)
“แกนี่พูดอย่างกับไม่เคยกินอย่างนั้นแหละนียา” เสียงแซวของเฟิร์นส่งผลให้คนที่นั่งร่วมโต๊ะมองหน้าฉันเป็นพัลวัน
“หรือว่า...” ลูกปลาพูดค้างไว้
“แหะๆๆ คือฉันยังไม่เคยกินพิซซ่าหน้านี่น่ะ เหอะๆ” เมื่อเพื่อนจ้องฉันก็ต้องก้มหน้าพูดทันที เพราะความอาย
“ฮ่าๆๆๆ... บ้านก็ออกจะรวย แต่ไม่เคยกินพิซซ่าหน้ากุ้งเริงระบำ ขำเป็นบ้าเลยว่ะ ฮ่าๆๆๆ” เมื่อฉันพูดจบ โซดาก็เสริมขึ้นทันที จะตอกย้ำกันไปถึงไหนเนี่ยไอ้เพื่อนบ้า!...
“เออ! ก็คนมันไม่มีเวลานี่หน่า จะไปกินตอนไหนล่ะ แล้วเมื่อไหร่พวกแกจะหยุดหัวเราะ ถ้าไม่หยุด... พวกแกอดกิน” ฉันพูดด้วยความไม่พอใจนิดๆพร้อมที่จะยัดพิซซ่าทั้งถาดลงท้อง
“เฮ้ย! ไม่ได้ ชิ้นนั้นของฉัน” โซดาผู้ตะกละ
“ชิ้นนี้ฉันจองแล้วนะ” เฟิร์นผู้เห็นแก่กิน
“ขอฉันซักชิ้นดิ แงแง” ลูกปลาผู้น่าสงสาร TOT
และแล้วจราจลขนาดย่อมๆก็เกิดขึ้น ถึงแม้จะมีสายตามองมาทางโต๊ะของฉันอย่างตำหนิ แต่พวกฉันก็ไม่สน พวกเรามีความสุขในแบบฉบับของพวกเราและพวกเราก็ไม่ได้ไปทำความเดือดร้อนให้ใคร (ก็กำลังทำอยู่นี่ไง) มิตรภาพของฉันกำลังดำเนินไปได้สวย ขออย่าให้มีอะไรมาขัดขวางเลย...
“ฮ้าวว ^O^ ง่วงจังเลย ขอนอนก่อนสักแปปได้ปะ” โซดาลูบพุงของตัวเองอย่างเปิดเผยโดยไม่เกรงใจใครหน้าไหนทั้งนั้น
“งั้นแกก็เชิญนอนหลับคนเดียวให้สบายล่ะกัน...โอ้ยย...อิ่มชะมัด” ฉันแหย่เพื่อนร่างท้วมส่งผลให้คนถูกว่าแยกเขี้ยวใส่ (น่ารักตายล่ะ ตรงกันข้ามชัดๆ ^_^ )
“ฉันว่าพวกเราออกไปเดินดูงานชั้นบนกันดีกว่า ได้ยินว่ามีคอนเสิร์ตมาโชว์ด้วยนะ” ลูกปลาเป็นผู้ออกความคิดเห็นที่มีสาระมาก โหะๆ
“งั้นจะนั่งอยู่ทำไมล่ะ รีบยกก้นละเบิมมะเหิ้มของพวกแกขึ้นได้แล้ว ไป” ปากเฟิร์นเป็นยังไงก็ยังคงไว้อย่างงั้น -^- แล้วเฟิร์นก็เดินไปก่อนคนแรกเพื่อเช็คบิลค่าอาหาร
“เสร็จหรือยัง ยัยเฟิร์น แกไปจ่ายเงินหรือไปม้อกันแน่ฮะ เห็นผู้ชายหล่อๆไม่ได้เลยนะแกเนี่ย” โซดาแซวคนที่พึ่งเดินออกจากร้านทั้งๆที่มันเป็นคนลุกจากเก้าอี้คนแรก
“เออหน่า...แหม...ฉันก็ต้องใช้หน้าตากับพรสวรรค์ที่มีให้คุ้มหน่อยสิใครจะไปเหมือนโอ่งบ้านหม้อเหมือนแกต้องคอยแต่ใช้พรแสวงคนอื่นไปทั่ว” เฟิร์นกระแทกกลับด้วยถ้อยคำที่ฉันฟังแล้วมันรู้สึกแสบๆคันๆแต่ก่อนที่จะเกิดสงครามระยะประชิด ฉันก็ต้องเข้าไปเจรจา
“เฮ้ย! หยุดเลยทั้งสองคน ไปกันเหอะ เอาเวลาที่จะทะเลาะกันไปเดินเที่ยวดีกว่า” ฉันขัดขึ้นก่อนที่สงครามน้ำลายท่วมห้าง...
“เฮ้ย! นั่นมัน...” อยู่ดีๆโซดาก็เบรกกะทันหัน จึงทำให้ฉันต้องหยุดชะงักไปด้วย
“อะไรของแกอีกล่ะเนี่ย ไหนมีอะไร” ฉันพูดแล้วก็มองไปตามสายตาของโซดาและ ตุ้งแช่ ตุ้งแช่ ตุ้งแช่ ตะลุงตุงแช่ อยู่ดีๆก็มีเสียงการเชิดสิงโตอยู่ในหัว ไอ้บ้า! และฉันก็ต้องนิ่งราวกับถูกสายฟ้าฟาดลงกลางกบาล ทุกสรรพสิ่งที่อยู่รอบข้างได้เงียบผิดปรกติ ฉันรู้สึกว่าตัวเองกำลังจมดิ่งลงสู่เหวลึก ทุกอย่างหยุดค้างภายในสายตาของฉัน แล้วเฟิร์นก็พูดขึ้น
“นั่นน่ะ คู่รักอันดับ 1 ของโรงเรียนเลยนะ โพทส์ กับ โซฟี เขาเป็นแฟนกัน คบกันมาตั้ง 2-3 ปีแล้วล่ะ ฉันว่าคู่นี้เหมาะสมกันที่สุด ชายก็หล่อ เท่ นิสัยดีเป็นถึงนักกีฬาโรงเรียน หญิงก็ดูดีมีชาติตระกูล เรียนก็เก่ง มีดีกรีเป็นถึงแชมป์นักเต้นเยาวชนทีมชาติ” เฟิร์นหยุดพูด พลางเหลือบมองมาทางฉัน แต่ฉันยังไม่รู้สึกอะไรเพราะมันชา...ชาไปหมดแล้ว แล้วเฟิร์นก็พูดประโยคต่อไป ซึ่งเป็นประโยคที่ธรรมดาสำหรับคนอื่น แต่มันกลับไม่ธรรมดาสำหรับฉัน...
“อย่าง ‘พวกเรา’ น่ะอย่างหวังเลยว่าโพทส์เขาจะชายตามอง...ตัดใจซะเถอะ” ประโยคหลังมันทิ่มแทงสิ่งที่อยู่หน้าอกข้างซ้ายเข้าอย่างจัง...และพอฉันตั้งสติได้ก็ต้องรีบพูดขัดขึ้นก่อนที่มันเจ็บไปมากกว่านี้...
“ฉันว่าเราไปกันเถอะ มาแอบดูคนอื่นเขารักกัน...มันเสียมารยาท” จบคำพูดฉันก็เดินนำหน้าเพื่อนที่มาด้วยกัน โดยไม่สนใจสายตาของคนที่มาด้วยว่าเห็นใจฉันมากแค่ไหน... ก็ถูกแล้วที่ฉันรีบเดินมาก่อน...ฉันไม่ต้องการความเห็นใจจากใครทั้งนั้น ถึงมันจะเป็นสิ่งที่เรียกว่ามิตรภาพก็ตาม...
“เฮ้ย! นียา รอฉันด้วย” โซดาตะโกนตามหลังฉันมาติดๆพร้อมทั้งกับอีกสองสาวที่เดินตามมาด้วยสีหน้าที่แตกต่างกัน...
===============
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.2 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ