ขวัญใจ
9.7
เขียนโดย Mawmeaw
วันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2553 เวลา 00.24 น.
15 ตอน
37 วิจารณ์
40.99K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 12 เมษายน พ.ศ. 2562 13.30 น. โดย เจ้าของนิยาย
7) การรอคอย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ทินกรเดินไปเดินมาด้วยความหงุดหงิดอยู่แถวๆโต๊ะม้าหินอ่อนหน้าคณะ
เขานั่งรอมาเป็นเวลาหลายชั่วโมงแล้ว แต่ขวัญใจก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะออกมาเสียที
“บ้าเอ๊ย ยัยกุ้งแห้งทำอะไรอยู่เนี่ย รอจนรากจะงอกอยู่แล้ว เมื่อไหร่จะออกมาซักทีนะ”
“บ่นอะไรอยู่คนเดียวจ๊ะกร”
เสียงแหลมเล็กของใครคนหนึ่งดังขึ้นใกล้ๆชายหนุ่ม เขาหันหน้าไปมอง ก็พบกับ
“อ้าวมาได้งัยน่ะ เกรซ”
“เกรซมาหาเพื่อนที่นี่น่ะ ว่าแต่กรเถอะรอใครอยู่เหรอ เห็นบ่นเป็นหมีกินผึ้งเชียว บังเอิญจังเนอะ ที่ได้เจอกรที่นี่”
กัลยาหรือเกรซพูดพร้อมกับทำตาหวานหยดย้อยใส่ชายหนุ่มซึ่งเป็นเพื่อนร่วมคณะของเธอที่เธอกำลังแอบหมายปองอยู่
“เรากำลังรอยัยขวัญอยู่น่ะ”
“เอ! ใช่ยัยคนที่มาจากบ้านนอก เฉิ่มๆเชยๆคนนั้นใช่เปล่ากร”
“อืมใช่ แต่เธอก็ไม่ควรไปว่าให้ขวัญแบบนั้นนะ เพราะขวัญกับกรก็มาจากที่เดียวกัน ถ้าเธอว่าให้ขวัญก็เท่ากับว่าให้เราด้วยสิ ใช่มั้ย”
“เปล่าซะหน่อย กรก็ เกรซจะไปว่าให้กรแบบนั้นได้ไงล่ะ อืม เดี๋ยวเกรซจะต้องไปแล้วนะ เพื่อนเกรซมาโน่นแล้ว เอาไว้ว่างๆเดี๋ยวเราค่อยเจอกันใหม่นะ บายจ้ากร”
กัลยาโบกมือให้ทินกร ส่งยิ้มหวานจนน้ำตาลเรียกพี่ให้ชายหนุ่ม ก่อนจะค่อยๆเดินไปหาเพื่อนของเธอที่ยืนรอด้วยความอิจฉาอยู่ไม่ไกล
ทินกรได้แต่ส่ายหน้า เขาพอจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร แค่ดูการกระทำที่ผ่านๆมา เขาก็พอจะดูท่าทีของกัลยาออกว่าเธอต้องการอะไรจากเขา
แต่เขาก็แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องเท่านั้นเอง เพราะเขาไม่ได้คิดอะไรกับเธอ นอกจากเป็นเพื่อนร่วมคณะกันเท่านั้นเอง
คนที่กำลังอยู่ในหัวเขาตอนนี้มีเพียงคนเดียวคือคนที่ปล่อยให้เขาต้องนั่งรอเป็นชั่วโมงๆนี่แหละ
“เมื่อไหร่จะโผล่มาซักทีนะยัยกุ้งแห้งเอ๊ย เดี๋ยวทิ้งไว้ที่นี่คนเดียวซะให้เข็ด ปล่อยให้เรารอนานดีนัก”
-----------------------------
“อะไรนะคะ อาจารย์ออกไปธุระเมื่อสักครู่นี้เองเหรอคะ แล้วเมื่อไหร่อาจารย์จะกลับเข้ามาล่ะคะ”
ขวัญใจถามอาจารย์อีกคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆกัน เพราะอาจารย์คนที่เธอจะส่งงานแปลวรรณกรรมด้วยนั้นไม่อยู่
“อันนี้อาจารย์เองก็ไม่รู้เหมือนกันนะ เพราะอาจารย์ท่านก็ไม่ได้บอกไว้ซะด้วยสิ เธอก็ลองโทรหาอาจารย์ดูสิ มีเบอร์อาจารย์มั้ยล่ะ”
“อ้อ มีค่ะ”
หญิงสาวตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกดเบอร์ติดต่อไปหาอาจารย์ทันที แต่ทว่า
“ขออภัยค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้ง…”
“เอาไงดีล่ะทีนี้ เราต้องกลับบ้านด้วยสิ ยังไงก็ต้องส่งวันนี้ให้ได้ นั่งรออาจารย์หน่อยแล้วกัน อีกเดี๋ยวอาจารย์ก็คงจะกลับมา”
ขวัญใจได้แต่นึกหมายมาดในใจ อีกใจหนึ่งก็อดเป็นห่วงใครอีกคนที่กำลังนั่งรอเธออยู่หน้าคณะไม่ได้
“นายกะปอมนั่น ป่านนี้คงนั่งรอจนรากงอกแล้วมั้งเนี่ย ดีแล้ว ปล่อยให้รอไปก่อนแล้วกัน เราก็ต้องรอเหมือนกันนี่นา แย่เลยเนี่ย”
ขวัญใจตัดสินใจนั่งรออาจารย์อยู่อีกห้องหนึ่งซึ่งอยู่ติดกับห้องอาจารย์ ซึ่งสามารถมองออกไปข้างนอกเห็นว่าใครเดินผ่านเข้าออกห้องอาจารย์ได้
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง
“หนู หนู น้าจะปิดคณะแล้วนะครับ”
เสียงของน้ายามประจำคณะอักษรศาสตร์นั่นเอง
โดยน้ายามจะมีหน้าที่ดูแลบริเวณรอบๆคณะและเปิด-ปิดคณะตามเวลาที่กำหนดทุกวัน และวันนี้ก็เช่นเดียวกัน
“หา! ตายแล้วนี่มันจะสี่ทุ่มแล้วนี่นา โห เราเผลอหลับไปได้งัยตั้งนานสองนานเนี่ย แย่แล้ว ป่านนี้นายกรจะเป็นงัยมั่งก็ไม่รู้สิ”
ขวัญใจกระวีกระวาดลุกขึ้น หญิงสาวหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง เธอตัดสินใจฝากงานไว้กับน้ายามก่อน และรีบวิ่งตัวปลิวออกไปที่หน้าคณะแทบจะทันที
ที่หน้าคณะมีโต๊ะม้าหินอ่อนหลายตัวตั้งเรียงรายกันอยู่ แต่ไม่มีใครนั่งอยู่เลยแม้แต่โต๊ะเดียว
“โถ่เอ๊ย! ป่านนี้นายนั่นคงทนรอไม่ไหว เผ่นกลับไปก่อนแล้วสิเนี่ย เราไม่น่าเผลอหลับไปเลยสิน่า เลยคลาดกับทั้งอาจารย์ แล้วก็นายกรด้วย แย่จังเลยเนี่ย”
หญิงสาวมองไปรอบๆ แม้จะมีแสงสว่างจากหลอดไฟหน้าคณะอยู่ แต่รอบๆบริเวณมันช่างเงียบสงัดนัก ชวนให้จินตนาการไปถึงอะไรที่ชวนขนหัวลุกได้ไม่ยากนัก
ขวัญใจเหลือบมองซ้ายทีขวาทีด้วยความหวาดระแวง ลมเย็นๆเริ่มพัดมากระทบร่างของหญิงสาว เธอรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั่วร่างกาย
“นายกร ตอนนี้นายอยู่ไหนนะ ทำไมเวลานี้ฉันถึงอยากให้นายมาเสนอหน้าอยู่ใกล้ๆฉันก็ไม่รู้สิเนี่ย”
หญิงสาวได้แต่นึกรำพึงรำพันในใจ ก่อนที่เธอจะค่อยๆก้าวเดินออกจากบริเวณหน้าคณะ
ก่อนเปลี่ยนเป็นวิ่งอย่างเร็วไปหลบฝนที่ค่อยๆรินลงมาและเปลี่ยนเป็นเทกระหน่ำลงมาอย่างหนักอย่างไม่ลืมหูลืมตาที่ใต้ตัวตึกคณะ
แถมมีทั้งเสียงลม เสียงฝน และเสียงฟ้าแลบฟ้าร้องสลับกันดังสนั่นหวั่นไหวอื้ออึงไปทั่วบริเวณ
ขวัญใจได้แต่ยืนกอดอก ตัวสั่นเทาด้วยความกลัวและความหนาวเหน็บอยู่เพียงลำพัง
“หนาวจัง หิวด้วย เสียงฟ้าฝนนี่ก็น่ากลัวชะมัด แม่ ไอ้เหมียว ขวัญจะมีชีวิตรอดกลับไปหาแม่กับไอ้เหมียวหรือเปล่านี่ แม่ช่วยคุ้มครองขวัญด้วยนะแม่”
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
เขานั่งรอมาเป็นเวลาหลายชั่วโมงแล้ว แต่ขวัญใจก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะออกมาเสียที
“บ้าเอ๊ย ยัยกุ้งแห้งทำอะไรอยู่เนี่ย รอจนรากจะงอกอยู่แล้ว เมื่อไหร่จะออกมาซักทีนะ”
“บ่นอะไรอยู่คนเดียวจ๊ะกร”
เสียงแหลมเล็กของใครคนหนึ่งดังขึ้นใกล้ๆชายหนุ่ม เขาหันหน้าไปมอง ก็พบกับ
“อ้าวมาได้งัยน่ะ เกรซ”
“เกรซมาหาเพื่อนที่นี่น่ะ ว่าแต่กรเถอะรอใครอยู่เหรอ เห็นบ่นเป็นหมีกินผึ้งเชียว บังเอิญจังเนอะ ที่ได้เจอกรที่นี่”
กัลยาหรือเกรซพูดพร้อมกับทำตาหวานหยดย้อยใส่ชายหนุ่มซึ่งเป็นเพื่อนร่วมคณะของเธอที่เธอกำลังแอบหมายปองอยู่
“เรากำลังรอยัยขวัญอยู่น่ะ”
“เอ! ใช่ยัยคนที่มาจากบ้านนอก เฉิ่มๆเชยๆคนนั้นใช่เปล่ากร”
“อืมใช่ แต่เธอก็ไม่ควรไปว่าให้ขวัญแบบนั้นนะ เพราะขวัญกับกรก็มาจากที่เดียวกัน ถ้าเธอว่าให้ขวัญก็เท่ากับว่าให้เราด้วยสิ ใช่มั้ย”
“เปล่าซะหน่อย กรก็ เกรซจะไปว่าให้กรแบบนั้นได้ไงล่ะ อืม เดี๋ยวเกรซจะต้องไปแล้วนะ เพื่อนเกรซมาโน่นแล้ว เอาไว้ว่างๆเดี๋ยวเราค่อยเจอกันใหม่นะ บายจ้ากร”
กัลยาโบกมือให้ทินกร ส่งยิ้มหวานจนน้ำตาลเรียกพี่ให้ชายหนุ่ม ก่อนจะค่อยๆเดินไปหาเพื่อนของเธอที่ยืนรอด้วยความอิจฉาอยู่ไม่ไกล
ทินกรได้แต่ส่ายหน้า เขาพอจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร แค่ดูการกระทำที่ผ่านๆมา เขาก็พอจะดูท่าทีของกัลยาออกว่าเธอต้องการอะไรจากเขา
แต่เขาก็แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องเท่านั้นเอง เพราะเขาไม่ได้คิดอะไรกับเธอ นอกจากเป็นเพื่อนร่วมคณะกันเท่านั้นเอง
คนที่กำลังอยู่ในหัวเขาตอนนี้มีเพียงคนเดียวคือคนที่ปล่อยให้เขาต้องนั่งรอเป็นชั่วโมงๆนี่แหละ
“เมื่อไหร่จะโผล่มาซักทีนะยัยกุ้งแห้งเอ๊ย เดี๋ยวทิ้งไว้ที่นี่คนเดียวซะให้เข็ด ปล่อยให้เรารอนานดีนัก”
-----------------------------
“อะไรนะคะ อาจารย์ออกไปธุระเมื่อสักครู่นี้เองเหรอคะ แล้วเมื่อไหร่อาจารย์จะกลับเข้ามาล่ะคะ”
ขวัญใจถามอาจารย์อีกคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆกัน เพราะอาจารย์คนที่เธอจะส่งงานแปลวรรณกรรมด้วยนั้นไม่อยู่
“อันนี้อาจารย์เองก็ไม่รู้เหมือนกันนะ เพราะอาจารย์ท่านก็ไม่ได้บอกไว้ซะด้วยสิ เธอก็ลองโทรหาอาจารย์ดูสิ มีเบอร์อาจารย์มั้ยล่ะ”
“อ้อ มีค่ะ”
หญิงสาวตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกดเบอร์ติดต่อไปหาอาจารย์ทันที แต่ทว่า
“ขออภัยค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้ง…”
“เอาไงดีล่ะทีนี้ เราต้องกลับบ้านด้วยสิ ยังไงก็ต้องส่งวันนี้ให้ได้ นั่งรออาจารย์หน่อยแล้วกัน อีกเดี๋ยวอาจารย์ก็คงจะกลับมา”
ขวัญใจได้แต่นึกหมายมาดในใจ อีกใจหนึ่งก็อดเป็นห่วงใครอีกคนที่กำลังนั่งรอเธออยู่หน้าคณะไม่ได้
“นายกะปอมนั่น ป่านนี้คงนั่งรอจนรากงอกแล้วมั้งเนี่ย ดีแล้ว ปล่อยให้รอไปก่อนแล้วกัน เราก็ต้องรอเหมือนกันนี่นา แย่เลยเนี่ย”
ขวัญใจตัดสินใจนั่งรออาจารย์อยู่อีกห้องหนึ่งซึ่งอยู่ติดกับห้องอาจารย์ ซึ่งสามารถมองออกไปข้างนอกเห็นว่าใครเดินผ่านเข้าออกห้องอาจารย์ได้
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง
“หนู หนู น้าจะปิดคณะแล้วนะครับ”
เสียงของน้ายามประจำคณะอักษรศาสตร์นั่นเอง
โดยน้ายามจะมีหน้าที่ดูแลบริเวณรอบๆคณะและเปิด-ปิดคณะตามเวลาที่กำหนดทุกวัน และวันนี้ก็เช่นเดียวกัน
“หา! ตายแล้วนี่มันจะสี่ทุ่มแล้วนี่นา โห เราเผลอหลับไปได้งัยตั้งนานสองนานเนี่ย แย่แล้ว ป่านนี้นายกรจะเป็นงัยมั่งก็ไม่รู้สิ”
ขวัญใจกระวีกระวาดลุกขึ้น หญิงสาวหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง เธอตัดสินใจฝากงานไว้กับน้ายามก่อน และรีบวิ่งตัวปลิวออกไปที่หน้าคณะแทบจะทันที
ที่หน้าคณะมีโต๊ะม้าหินอ่อนหลายตัวตั้งเรียงรายกันอยู่ แต่ไม่มีใครนั่งอยู่เลยแม้แต่โต๊ะเดียว
“โถ่เอ๊ย! ป่านนี้นายนั่นคงทนรอไม่ไหว เผ่นกลับไปก่อนแล้วสิเนี่ย เราไม่น่าเผลอหลับไปเลยสิน่า เลยคลาดกับทั้งอาจารย์ แล้วก็นายกรด้วย แย่จังเลยเนี่ย”
หญิงสาวมองไปรอบๆ แม้จะมีแสงสว่างจากหลอดไฟหน้าคณะอยู่ แต่รอบๆบริเวณมันช่างเงียบสงัดนัก ชวนให้จินตนาการไปถึงอะไรที่ชวนขนหัวลุกได้ไม่ยากนัก
ขวัญใจเหลือบมองซ้ายทีขวาทีด้วยความหวาดระแวง ลมเย็นๆเริ่มพัดมากระทบร่างของหญิงสาว เธอรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั่วร่างกาย
“นายกร ตอนนี้นายอยู่ไหนนะ ทำไมเวลานี้ฉันถึงอยากให้นายมาเสนอหน้าอยู่ใกล้ๆฉันก็ไม่รู้สิเนี่ย”
หญิงสาวได้แต่นึกรำพึงรำพันในใจ ก่อนที่เธอจะค่อยๆก้าวเดินออกจากบริเวณหน้าคณะ
ก่อนเปลี่ยนเป็นวิ่งอย่างเร็วไปหลบฝนที่ค่อยๆรินลงมาและเปลี่ยนเป็นเทกระหน่ำลงมาอย่างหนักอย่างไม่ลืมหูลืมตาที่ใต้ตัวตึกคณะ
แถมมีทั้งเสียงลม เสียงฝน และเสียงฟ้าแลบฟ้าร้องสลับกันดังสนั่นหวั่นไหวอื้ออึงไปทั่วบริเวณ
ขวัญใจได้แต่ยืนกอดอก ตัวสั่นเทาด้วยความกลัวและความหนาวเหน็บอยู่เพียงลำพัง
“หนาวจัง หิวด้วย เสียงฟ้าฝนนี่ก็น่ากลัวชะมัด แม่ ไอ้เหมียว ขวัญจะมีชีวิตรอดกลับไปหาแม่กับไอ้เหมียวหรือเปล่านี่ แม่ช่วยคุ้มครองขวัญด้วยนะแม่”
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ