พันธะหัวใจ...ดวงใจรักซาตาน

10.0

เขียนโดย RATH

วันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2553 เวลา 23.22 น.

  12 chapter
  53 วิจารณ์
  95.92K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) บทที่ 6 โต๊ะข้างๆ คือมาวิณ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

http://www.keedkean.com

 

 

บทที่ 6

 

 

 

โต๊ะข้างๆ คือมาวิณ 

 

 

 

วันนี้นักสะกดรอยหรือถ้ำมองอย่างหม่อมราชวงค์มาวิณ สุริยะวงค์  มีความคิดที่จะเลิกเป็นพวกโรคจิตแอบถ่ายหรือแอบตามอัดวีดีโอเสียที และเดินออกไปเผชิญหน้ากับลูกชายอย่างกล้าหาญ หลังจากตามเก็บข้อมูลต่างๆ ของลูกชายและมารดาของลูกชายได้มากพอแล้ว  มาวิณแอบตามสะกดรอยลูกชายมาจนถึงโรงแรมหรูห้าดาวกลางใจเมืองอันเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจของครอบครัว ระหว่างการติดตามลูกชายมาวิณหัวใจสั่นไหว เต้นแรง อย่างไม่ทราบสาเหตุ อาจจะเป็นเพราะมาวิณได้พบและเห็นเงาตัวเองอยู่ในตัวตนของลูกชาย ใบหน้าคมสัน ปาก คิ้ว คาง สมชายชาตรี แม้จะยังเป็นเพียงแค่เด็กผู้ชายตัวเล็กแต่เมื่อลูกชายเมื่ออยู่ในชุดสูทตัวน้อย ลูกชายของมาวิณงามสง่าเป็นผู้ใหญ่เกินตัว  มาวิณจ้องมองความใจดี ใสซื่อ มีน้ำใจของลูกชายที่ออกวิ่งอย่างตั้งใจไปซื้อของขวัญวันเกิดให้กับน้องสาว ได้เห็นลูกชายเดินจูงมือน้องสาวอย่างปกป้องคุ้มครอง ได้เห็นลูกชายเดินประคองพาน้องสาวไปเต้นรำอย่างสนุกสนาน... แต่สิ่งหนึ่งที่มาวิณ ไม่คิดอยากจะได้ยินได้ฟังก็คือการสนทนาของบุคคลสี่คนที่โต๊ะข้างๆ  

 

มาวิณจ้องมองน้องสาวหรือหญิงเล็ก… ที่ติดตามมาวิณมาด้วย อย่างขอความช่วยเหลือให้เปิดกล้องวีดีโอแอบถ่ายอีกครั้งเพื่อมาวิณจะได้ตามสืบและเก็บข้อมูลของกลุ่มคนโต๊ะข้างๆ ต่อไป แต่น้องสาวผู้ถือกล้องวีดีโอแอบถ่ายไว้ส่ายหน้าปฏิเสธ และทำปากมีลักษณะอ้าขึ้นอ้าลงไม่ออกเสียงเป็นคำพูดเหมือนคนกำลังเป็นใบ้ เสียงจึงไม่ดังแต่พอเดาความหมายของคำพูดได้...

 

“พี่สัญญาแล้ว จะไม่แอบถ่ายใครอีก”

 

มาวิณพยักหน้าขอร้องแล้วยกนิ้วชี้ขึ้นหนึ่งนิ้วอันมีความหมายใกล้เคียงกับคำว่า...

 

“พี่ขออีกแค่ครั้งเดียวนะ หญิงเล็ก พี่ขอร้อง ครั้งเดียวจริงๆ “

 

น้องสาวทนเห็นสีหน้าผิดหวังของพี่ชายไม่ได้จึงส่งกล้องวีดีโอคืนให้พี่ชาย แล้วทำปากอ้าขึ้นอ้าลงอีกครั้งอันมีความหมายว่า...

 

“หญิงจะยอมให้ครั้งนี้ครั้งเดียวนะคะ พี่ชาย”

 

มาวิณพยักหน้าอย่างยิ้มแย้มแจ่มใสอารมณ์ดี มาวิณเปิดกล้องวีดีโอแล้วอัดการสนทนาของโต๊ะข้างๆไว้ตั้งแต่ต้นจนจบ มีอยู่สองประโยคในการสนทนาที่มาวิณได้บันทึกมันไว้ในสมองและจะไม่มีวันลืมสองประโยคนั้นเลย มันเป็นเสียงของชายหนุ่มที่มีชื่อว่า..นัย...ที่มีความต้องการอยากจะแต่งงานกับมารดาของลูกชายมาวิณ อย่างมากมายแม้มารดาผู้อยู่ด้วย จะพยายามสั่งห้ามไว้แล้วก็ตาม และข้อมูลอย่างใหม่ที่ทำให้มาวิณถึงกับอึ้งจนลืมหายใจไปเลยก็คือเด็กหญิงฝาแฝดทั้งสองคน ที่เป็นน้องสาวของลูกชายมาวิณคือหลานสาวของผู้ชายโต๊ะข้างๆ นั้นเอง มาวิณนึกทวนประโยคของผู้ชายโต๊ะข้างอีกครั้งเพื่อจะพิสูจน์ว่าเขาไม่ได้ลืมมันไปจริงๆ

 

“ผมจะแต่งครับ คุณพ่อ คุณแม่ ผมจะทำหน้าที่เป็นพ่อให้ลูกสาวของพี่ภพครับ”

 

“อย่างไรผมก็จะแต่งงานครับ คุณพ่อคุณแม่”

 

มาวิณรู้สึกหัวใจเต้นแรงและสั่นไหว ตัวร้อนเหมือนคนป่วยเป็นไข้ต้องการยารักษาอย่างเร่งด่วน มาวิณกำลังโกรธ และหึงหวง อย่างร้อนแรง หญิงเล็กน้องสาวนั่งอยู่ข้างๆด้วย ดูอาการร้อนแรงอารมณ์โกรธ ของมาวิณออก น้องสาวจับมือเป็นกำปั้นพร้อมที่จะทำลายร่างกายของใครก็ได้ของพี่ชายไว้อย่างนึกเห็นใจและสงสารพี่ชาย น้องสาวจ้องมองดวงตาแดงกล่ำของพี่ชายและส่ายหน้า

 

“ใจเย็นไว้ก่อนพี่มาวิณ อย่าใจร้อน น้องจะช่วยพี่เองคะ”

 

สายตาของน้องสาวบอกความรู้สึกมากมายแต่ความหมายที่มาวิณเดาออกได้ ทำให้มาวิณผ่อนคลายอาการร้อนแรง และหึงหวงลงไปได้มาก

 

“พี่จะนั่งจ้องมองและดูอยู่เฉยๆ ไม่ได้แล้วนะหญิงเล็ก ไม่อย่างนั้นพี่ต้องเสียลูกชายของพี่ไปแน่”

 

พี่ชายพูดเสียงเบาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แต่น้องสาวกับยิ้มแย้มแจ่มใส จนพี่ชายต้องการจะรู้เหตุผลในรอยยิ้มของน้องสาว

 

“หญิงคิดว่าพี่มาวิณน่าจะพูดต่อให้จบประโยคนะคะ เพราะเท่าที่หญิงดูสีหน้าพี่มาวิณ หญิงคิดว่าพี่กลัวจะเสียแม่ของลูกชายพี่มากกว่าลูกชายพี่นะคะ พี่มาวิณ”

 

มาวิณได้ยินเสียงคำพูดหยอกล้อเล่นของน้องสาวก็มีอาการดีใจสีหน้ามีรอยยิ้มคลี่ออกมาจากริมฝีปากจนเห็นได้ชัดเจน

 

“พี่จะใจเย็น ไม่ใจร้อน วู่วาม ขาดสติ ทำลายร่างกายใครหลอกนะ หญิงเล็ก แต่พี่จะกล้ามากขึ้น และพร้อมเิดินหน้าเพื่อเผชิญกับลูกชาย พี่ขอสัญญากับหญิงเล็ก”

 

“ดีมากพี่มาวิณ เราตั้งใจฟังการสนทนาต่อเถอะ และเก็บข้อมูลของพวกเขาไว้มากๆ มันจะต้องมีประโยชน์สำหรับพวกเราแน่”

 

“พี่ก็คิดอย่างที่หญิงเล็กคิดเหมือนกัน กล้องวีดีโอยังเปิดไว้อยู่ใช่มั้ย”

 

“แน่นอนพี่มาวิณมันเปิดไว้และกำลังบันทึกการสนทนาไว้จนหมดทุกคำพูดเลย”

 

“ปล่อยให้มันบันทึกไปเรื่อยๆ หญิงเล็ก”

 

“คะพี่ชาย”

 

มาวิณและหญิงเล็ก หม่อมราชวงค์นักถ้ำมองโรคจิต ทั้งสองสมัครสมานสามัคคีกันเป็นอย่างดีที่จะแอบถ่ายการสนทนากันของครอบครัวภาคีนัย อันมีความเกี่ยวพันกันโดยไม่ได้คาดฝันมาก่อน มาวิณมีความสนใจที่จะได้ครอบครองมารดาของลูกชายเพื่อแต่งงานเป็นภรรยา สนใจจะรับน้องสาวของลูกชายเพื่อเป็นบิดาและลูกสาว แต่ในยามนี้สิ่งที่คาดหวังไว้กับมีอุปสรรคอย่างไม่คาดฝัน มีผู้ชายอีกคนก็มีความสนใจอย่างเดียวกันกับมาวิณโดยไม่ได้นัดหมายกันไว้มาก่อน เหตุการณ์บ้าบอที่ได้แอบรับฟังจะไม่ทำให้มาวิณผู้มีนิสัยกล้าๆ กลัวรู้สึกผู้นี้ โกรธและหึงหวงได้อย่างไร เส้นทางที่คิดว่าโรยด้วยกลีบกุหลาบสีแดงสดสวย กับต้องมีหนามแหลมคมของกิ่งก้านของต้นกุหลาบแอบซ้อนอยู่เต็มไปหมด หนามแหลมที่หลบซ้อนอยู่นั้นมีชื่อว่า ภาคีนัย คู่แข่งหัวใจของมาวิณ

 

มาวิณจ้องมองตรงไปยังโต๊ะข้างๆ อีกครั้งอย่างตั้งใจรับฟังการสนทนา ด้วยสีหน้าและแววตาไม่พอใจอย่างมากมาย น้องสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็สังเกตเห็นอาการของพี่ชายได้อย่างชัดเจน

 

“พี่ภพ ผมจะขอไปพบภรรยาในอนาคตของผม และพ่อของลูกสาวพี่ในอนาคตเสียหน่อย เธอนั่งอยู่คนเดียวเสียด้วย มันเป็นโอกาสดีของผมแล้ว”

 

“นัยอย่าเพิ่งไปดูตรงโน้นก่อน”

 

พี่ชายหันหน้าส่งสายตาบอกเป้าหมายในคำพูดที่ห้ามน้องชายไว้ ภาคีนัยมองตามสายตาของพี่ชายและรู้เหตุผลในคำเตือนของพี่ชายทันทีทำไมประภพพี่ชายถึงไม่ให้ภาคีนัยลุกจากเก้าอี้เดินออกไปแนะนำตัวกับภรรยาในอนาคตของภาคีนัย ก็เพราะกลุ่มคนที่กำลังเดินตรงเข้ามานั่งข้างๆ โต๊ะของภาคีนัยก็คือโรสิตา หรือโรส แฟนสาวสุดสวย และดาราสาวสุดร้อนแรงนั้นเอง เธอมาพร้อมกับทีมงานหลายคนที่ภาคีนัยไม่รู้จัก  การลุกจากเก้าอี้เดินหนี หลบหลีกหลบซ้อนไม่ยอมเจอหน้าแฟนสาวดาราดังก็เป็นไปไม่ได้เสียแล้ว โรสิตา เดินยิ้มอย่างดีใจตรงเข้ามาหาภาคีนัยและครอบครัว...

 

“คุณนัย คุณพ่อ คุณแม่ คุณภพ สวัสดีคะ บังเอิญจังเลยนะคะ ไม่คิดว่าจะได้เจอกัน โรส ดีใจม้ากมากคะ และโรสก็น้อยใจมากด้วยที่คุณนัยพาคุณพ่อคุณแม่มาทานข้าวไม่โทรชวนโรสมาด้วย”

 

“อุ๊ย ! หนูโรส อย่าน้อยใจเลยนะจะ แม่บอกนัยโทรตามแล้วแต่นัยบอกว่าช่วงนี้หนูโรสงานยุ่งมากเลยไม่อยากรบกวน”

 

“คุณแม่ขา อย่าคิดเป็นการรบกวนสิคะ สำหรับคุณแม่โรสมีเวลาว่างตลอดเวลาเลยคะ ขอให้คุณแม่บอกมาโรส ยอมสละเวลาอันมีค่าของโรสได้เสมอคะ”

 

“แม่เข้าใจแล้วจะ หนูโรสไว้ครั้งหน้าแม่จะโทรชวนเอง ให้นัยโทรชวนนัยลูกแม่ก็ไม่ได้ดังใจแม่เลยสักนิด”

 

“คุณแม่อย่าตำนิ คุณนัยเลยนะคะ คุณนัยคงสงสารโรสและเห็นใจโรสมากกลัวโรสเหนื่อยเลยไม่โทรชวน  ช่วงนี้โรสก็ทำงานนักและเหนื่อยมากจริงๆ ไม่ค่อยมีเวลาว่างไปพบคุณพ่อคุณแม่  คุณนัยเธอก็คงคิดน้อยใจโรสเหมือนกันที่โรสไม่ค่อยมีเวลาให้ โรสรู้สึกเสียใจคะคุณแม่”

 

“จ๊ะ...แม่เข้าใจหนูโรส หนูน่ารักจริงๆที่ช่วยแก้ตัวแทนลูกชายแม่ หนูโรสคงเหนื่อยมากสิจะ แล้วนี้หนูโรสมากับใครบ้าง ถ้าทางจะหิวข้าวกันมากเลยนะจะ”

 

“อุ๊ย ! โรสเสียมารยาท ดีใจมากจนลืมแนะนำตัว  คุณแม่ขานี้คุณจิมมี่ เป็นนายแบบที่เดินแบบกับโรส แล้วนี้ก็คุณตรัส เป็นนายแบบกิตติมศักดิ์  หรือชื่อจริงก็ พันตำรวจเอกตรัสลักษณ์  พิเชษฐ์ไพบูรณ์ และที่เหลือก็เป็นทีมงานคะคุณแม่”

 

“หนูโรสแม่คุ้นๆ ว่าเพื่อนของหนูจะมีนามสกุลเดียวกันกับท่านรัฐมนตรีเรืองยศ  พิเชษฐ์ไพบูรณ์”

 

“คุณแม่ ความจำดีจังนะคะ คุณตรัสเป็นลูกชายของคุณหญิงขวัญใจ กับท่านรัฐมนตรีเรืองยศคะ คุณแม่ คุณตรัสเธอรับเดินแบบให้งานการกุศลของคุณหญิงขวัญใจ มารดาเธอคะ โดยงานการกุศลในครั้งนี้ก็เพื่อเด็กกำพร้าขาดหรือด้อยโอกาสในสังคมคะ ปกติแล้วคุณตรัสเธอไม่รับทำงานเดินแบบอะไรพวกนี้หรอกนะคะคุณแม่  คุณตรัสเป็นตำรวจค่อยจับแต่โจร กับคนเลวคะ  โรสก็ไม่ทราบเหตุผลว่าทำไมคุณตรัสเธอถึงยอมรับที่จะมาเดินแบบให้งานการกุศลในครั้งนี้ก็ไม่รู้คะ โรสถามเท่าไรคุณตรัสก็ไม่ยอมบอก คุณแม่ช่วยโรสถามหน่อยสิคะ”


“แม่จะช่วยโรสถามก็ได้แต่ หนูโรสกับเพื่อนต้องมานั่งร่วมโต๊ะเดียวกันกับแม่นะจะ ส่วนทีมงานของหนูก็แยกไปโต๊ะข้างๆ ที่หนูจองไว้ ดีมั้ยจะหนูโรส”

 

“อุ๊ย..! คุณแม่ล้อโรสเล่นอีกแล้วนะคะ ถึงคุณแม่ไม่ขอร้องโรสให้นั่งด้วยโรสก็กำลังจะขอคุณแม่อยู่พอดีเลยคะ ...นะคะคุณนัย...”

 

“ครับโรส ถ้าเพื่อนคุณไม่รังเกียจจะร่วมโต๊ะด้วยผมก็ยินดีครับ”

 

“คุณนัย อย่าพูดเกรงใจอย่างนี้สิคะ เพื่อนโรสต่างหากที่กลัวคุณพ่อคุณแม่ คุณนัยจะรังเกียจ”

 

“หนูโรสอย่าฟังนัย ล้อเล่นสิจะ”

 

“คะคุณแม่”

 

“นั่งร่วมโต๊ะเดียวกันนะจะคุณตรัส คุณจิมมี่”

 

“ครับ ครับ”

 

มาวิณนั่งหลบมุมอยู่กับน้องสาวอยู่โต๊ะข้างๆ หัวใจเต้นแรงมากยิ่งขึ้น ครั้งหนึ่งมาวิณเคยได้ยินชื่อภาคีนัย มาจากไหน ในยามนี้ก็นึกออกจนได้ ชื่อนี้เขาเคยได้ยินมาก่อนแล้ว จากอดีตคนรักเก่าและเป็นมารดาของลูกชายของเขานั้นเอง โรสิตา ดาราดัง

 

“ฉันมีผู้ชายที่ฉันรักและต้องการจะแต่งงานกับเขาแล้ว...วิณ...เขาเป็นนักธุรกิจ ฐานะร่ำรวย แถมรูปหล่ออีก..เขาชื่อภาคินัย....”  

 

คำพูดอดีตคนรักเก่าดังเข้ามาในความคิดมาวิณอีกครั้ง โรสิตา ผู้หญิงที่ทอดทิ้งลูกชายอย่างเลือดเย็นและไม่มีความคิดที่จะติดตามสืบหาลูกชายอีกเลย ในยามนี้เธอกำลังฝันเพ้อว่าจะได้แต่งงานกับผู้ชายที่เป็นคู่แข่งหัวใจมาวิณ แต่แท้ที่จริงแล้วโรสอดีตคนรักก็เป็นได้แค่ตัวประกอบหรืออุปสรรคที่สวรรค์ส่งมาแก้แค้น หรือลงโทษมาวิณและทุกคนที่ร่วมก่อกรรมไว้ ครั้งหนึ่งมาวิณละทิ้งลูกชายแล้วหนีหายไป ประภพและภาคีนัยก็ทอดทิ้งหลานสาวฝาแฝดเช่นกัน จนวันนี้วงจรกงกรรมกงเกวียนกำลังเริ่มหมุนแล้ว  ทุกคนที่ได้ทำความผิดกันไว้ในอดีตกำลังจะได้รับการตอบสนองให้ต้องชดใช้เวรกรรมที่ก่อไว้ ไม่เว้นแม้แต่ตัวของมาวิณเองที่ไม่คิดจะเกี่ยวข้องกับ โรสิตา อีกต่อไป แต่สวรรค์ก็ไม่ละเว้นมาวิณยังคงนำเธอมาพร้อมเวรกรรมในอดีตผูกพันเกี่ยวข้องกับมาวิณอีกครั้ง มาวิณไม่รู้จะทำอย่างไรดีเหมือนกับที่ยังไม่รู้ว่าเวรกรรมที่ก่อไว้จะต้องชดใช้ให้แก่ใครกันแน่ ในยามนี้คำตอบแน่ชัดยังไม่ปรากฏแต่หัวใจมาวิณเริ่มมีคำตอบบ้างแล้วว่าเขามาวิณคนนี้จะต้องชดใช้ความผิดในอดีตให้แก่ใคร มาวิณมองตรงไปยังโต๊ะของเมทินี หญิงสาวแสนสวยและใจดีผู้เสียสละชีวิตวัยสาวรับเลี้ยงลูกชายของมาวิณเหมือนดังลูกชายแท้ๆ มาวิณต้องตามชดใช้ความผิดให้แก่เธอมารดาของลูกชาย ด้วยความรู้สึกรักหมดหัวใจ แต่ยังไม่มีการตอบสนองความรักจากมารดาลูกชายเลยแม้แต่น้อยแม้แต่สัญญาณแผ่วเบาก็ยังไม่พบเจอ มันคือจุดเริ่มต้นของการลงโทษในความผิดแล้วใช่หรือไม่...มาวิณรู้สึกเศร้าเสียใจ

 

“พี่มาวิณคิดอะไรอยู่คะ”

 

“ไม่มีอะไรหญิงเล็ก เงียบๆ แล้วฟังต่อไป วันหลังพี่จะเล่ารายละเอียดให้ฟัง”

 

“คะพี่มาวิณ”

 

และแล้วมาวิณและน้องสาวนักถ้ำมองและจอมแอบถ่ายวีดีโอก็ตั้งใจฟังการสนทนาของโต๊ะข้างๆต่อไปอย่างเงียบและมีสมาธิ

 

“คุณตรัสเป็นลูกชายของคุณหญิงขวัญใจ จริงหรือจ๊ะ”

 

“ครับ”

 

“เรียกแม่เหมือนกับหนูโรสเรียกก็ได้จะคุณตรัส อย่าคิดเป็นคนอื่นคนใกล้เลยนะจะ.. แม่กับคุณหญิงขวัญใจเราต่างก็สนิทกัน เจอกันบ่อยๆ ที่สมาคมพูดคุยกันถูกคอเลยทีเดียว”

 

“ครับคุณแม่”

 

“คุณจิมมี่ก็เรียกเหมือนกันนะจ้า...”

 

“ครับคุณแม่”

 

“ดีมาก ทานข้าวกันไม่ต้องเกรงใจนะจะ แม่กับครอบครัวทานกันบ้างแล้ว”

 

“คะคุณแม่”

 

ไม่นานทุกคนก็ทานอาหารกันจนอิ่มแต่คุณนายดวงสมรยังไม่ลืมคำถามว่าที่ลูกสะใภ้ฝากให้ถามถึงเหตุผลที่นายตำรวจรูปหล่อผู้เงียบขรึม ดูงามสง่าเหมาะสมกับบุคลิกนายตำรวจผู้รักษากฎหมาย ยอมรับงานเดินแบบให้กับทางสมาคม คุณนายดวงสมรนึกเปรียบเทียบนายตำรวจหนุ่มกับลูกชายของตัวเองบุคลิกหน้าตาให้คะแนนเต็มสิบทั้งคู่ เหลือเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่คุณนายดวงสมรอยากจะให้คะแนนเพิ่มเพื่อตัดสินแพ้ชนะนั้นก็คืออุปนิสัยใจคอ คุณนายดวงสมรถึงจะเข้าข้างลูกชายของตัวเองมาโดยตลอดคุณนายดวงสมรก็ให้คะแนนนิสัยเสียๆของลูกชายสุดรักได้แค่เก้าเต็มสิบ ถ้าลูกชายเชื่อฟังเธออีกสักนิด คุณนายดวงสมรก็คิดที่จะให้คะแนนลูกชายเต็มสิบเหมือนกัน คุณนายดวงสมรจ้องมองนายตำรวจหนุ่มรูปหล่ออย่างรักใคร่ตีสนิทเพื่อจะพูดคุยสอบถามความนึกคิดและนิสัยใจคอในด้านต่างๆโดยเพฉาะด้านความนึกคิดของจิตสำนึกความดีงามเพื่อจะหาคะแนนเปรียบเทียบกับลูกชายของตัวเอง...

 

“คุณตรัสรูปหล่อเหมือนลูกชายแม่เลยนะจะ ลูกชายแม่ชื่อว่าภาคีนัยรู้จักกันไว้นะจะ วันหลังจะได้ช่วยเหลือกันเมื่อมีเรื่องเดือดร้อน คุณตรัสก็อย่าเกรงใจนะจะ มีเรื่องอะไรให้ช่วยก็บอกได้แม่กับนัย ลูกชายของแม่และครอบครัวยินดีรับใช้และช่วยเหลือทุกอย่าง”

 

“ครับคุณแม่”

 

“อย่าตอบตกลงเฉยๆนะจะคุณตรัส มีเรื่องเดือดร้อนต้องมาให้แม่ช่วย แม่และครอบครัวยินดีช่วยทุกอย่างจริงๆ”

 

“คุณแม่ขา ช่วยได้ทุกอย่างจริงๆ หรือคะ ตอนนี้คุณตรัสยังโสดอยู่นะคะ  คุณแม่ช่วยได้หรือเปล่าคะ”

 

“หนูโรสล้อแม่เล่น ...แต่ถ้าอยากให้แม่ช่วยแม่ก็ยินดีช่วยนะจะคุณตรัส แม่รู้จักผู้หญิงนิสัยดี สวยๆ หลายคน...อยากให้แม่ช่วยมั้ยจะคุณตรัส”

 

“คุณโรสเธอล้อคุณแม่เล่นจริงๆ ครับ ผมไม่ใช่คนโสดแล้วนะครับ”

 

“คุณตรัสโกหกคะคุณแม่ อย่าไปเชื่อนะคะ”

 

“จริงหรือจะหนูโรส”

 

“คะคุณแม่”

 

“อย่างนั้นคุณตรัสก็ต้องเล่าความจริงให้แม่ฟังแล้วละ ไม่อย่างนั้นแม่จะเป็นแม่สื่อหาแฟนสวยๆ นิสัยดีๆให้กับคุณตรัสเอง”

 

“คุณแม่ครับที่คุณโรสบอกว่าผมยังโสดมันก็เป็นความจริงบางส่วนครับ แต่หัวใจผมมันไม่โสดแล้วนะครับ ผมมีคนรักแล้วครับ”

 

“แม่จะไม่ยอมเชื่อจนกว่าคุณตรัสจะเล่าให้แม่ฟัง ได้มั้ยจะ”

 

“จะดีหรือครับ เรามากันหลายคนผมเกรงใจ”

 

“ไม่ต้องเกรงใจหลอกจะแม่กับครอบครัวอยากจะฟังจริงๆ”

 

“เล่ามาเถอะครับคุณตรัส ผมก็อยากฟังเหมือนกัน”

 

“ตกลงครับคุณนัย”

 

ตรัสนายตำรวจหนุ่มนิสัยดีมองใบหน้าทุกคนที่ร่วมโต๊ะอาหารด้วยอย่างสำรวจตรวจสอบความรู้สึก ทุกคนสนใจจะรับฟังเรื่องราวส่วนตัวของเขาจริงๆหรือไม่ ด้วยอาชีพนายตำรวจที่ต้องคอยสังเกตสีหน้าแววตาของคนนับร้อยนับพัน ในครั้งนี้ตรัสสามารถจับความรู้สึกของทุกคนได้มีความสนใจจะรับฟังเรื่องราวของตรัสจริงๆ จึงยิ้มแย้มอารมณ์ดีอย่างเขินอายเล็กน้อยและยอมเล่าเรื่องราวส่วนตัวให้ทุกคนได้ฟัง

 

“ตกลงครับผมจะเล่าให้ฟัง แต่ถ้าไม่ต้องการจะฟังก็บอกให้ผมหยุดเล่านะครับ”

 

ทุกคนพยักหน้าดวงตายิ้มแย้มอย่างอยากรู้อยากเห็นเรื่องของชาวบ้านไม่เว้นแม้แต่ภาคีนัย ที่มีความคิดว่าอย่างน้อยผู้ชายตรงหน้าก็มีคนรักอยู่แล้วไม่ใช้คนโสด อาจจะเป็นเพราะวันนี้ภาคีนัยเคยนึกหึงหวงผู้ชายทุกคนไม่เว้นแม้แต่พี่ชายของตัวเองที่จ้องมองเมทินีผู้หญิงที่ภาคีนัยหมายตาไว้เพื่อแต่งงานอย่างชื่นชมในความสวยน่ารัก ภาคีนัยจึงอารมณ์ดีที่ตรัสไม่ใช่เป้าหมายที่ภาคีนัยต้องรู้สึกระวังและหึงหวงไปด้วยอีกคน พูดง่ายๆก็คือภาคีนัยหมดคู่แข่งไปอีกคน ภาคีนัยตั้งใจฟังเรื่องเล่าของนายตำรวจหนุ่มอย่างใ้ห้เกียตริในความเป็นเรื่องราวส่วนตัว...

 

“เรื่องของผมเกิดขึ้นเมื่อห้าปีก่อนครับ ผมตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่งเธอน่ารักและสวยมาก บิดาเธอมีหน้ามีตาในวงสังคม แต่เธอเป็นแค่ลูกสาวของภรรยาน้อย หรือถ้าพูดอีกอย่างก็คือ บ้านเล็ก หรือเมียน้อย ทุกคนเลือกเกิดไม่ได้จริงมั้ยครับ แต่บิดามารดของผมไม่ยอมรับเธอ ท่านบอกผมยังเด็กเกินไป ยังไม่รู้จักความรักความผูกพันธ์มันเป็นเช่นไร ท่านบอกว่าผมเพียงแค่หลงไหลความสวยงามอย่างชายหนุ่มที่มีต่อหญิงสาวเท่านั้น ไม่นานเวลาก็จะำทำให้ผมลืมเธอไปได้เอง หากผมได้เจอะเจอกับผู้หญิงคนใหม่หรือไม่ต้องเจอหน้าเธอสักสี่ห้าปี  แต่ความจริงเวลาไม่ได้ช่วยอะไรผมเลยและผู้หญิงที่ผมพบเจอที่ผ่านเข้ามาในชีวิตผมตลอดเวลาห้าปีก็ไม่สามารถทำให้ผมลืมเลือนเธอได้เลย จนแม้วันนี้ ผมก็ยังปักใจมุ่งมั่นในความรักและคิดถึงเธอตลอดมา”

 

“ทำไมคุณไม่ตามหาเธอละครับ คุณตรัส”

 

“คุณนัยครับ เรื่องของผมมันซับซ้อนกว่าที่เห็นนะครับ ช่วงปีแรกผมก็ตามหาเธออยู่นะครับ แต่พอตามเธอมากๆเข้า เธอก็ย้ายบ้านหนีผมไปเรื่อยเช่นกัน”

 

“ทำไมหรือคะคุณตรัส”

 

“ถ้าคุณโรสอยากรู้ผมก็จะเล่าเรื่องของผมต่อให้ฟังครับ”

 

“อยากฟังต่อจริงๆ คะคุณตรัส เรื่องเป็นอย่างไรต่อคะ”

 

“จากสาเหตุที่บิดามารดาผมไม่เห็นด้วยให้ผมได้แต่งงานกับเธอเพราะหน้าตาในวงสังคม และไม่นานเธอก็รับเด็กกำพร้ามาเลี้ยงดูเป็นลูกชายและเด็กหญิงตัวน้อย ผมสอบถามคาดคั้นเธอเท่าไรมากมายแค่ไหน เธอก็ไม่ยอมบอกเล่าให้ผมฟังเด็กเล็กๆเป็นลูกของใครกันแน่ จนบิดามารดาผมรับรู้เรื่องเข้า ท่านสั่งห้ามผมให้เลิกยุ่งเกี่ยวกับเธอโดยเด็ดขาดและในทันที โดยไม่ยอมฟังเหตุผลใดๆทั้งสิ้น แต่ผมไม่เคยยอมเชื่อฟังบิดามารดายังคงติดตามหลงใหลมุ่งมั้นรักเธอต่อไป ยอมให้ความช่วยเหลือเธอทุกอย่างเท่าที่สามารถทำได้ แม้กระทั้งยอมรับเป็นบิดาของเด็กกำพร้าทั้งสามคนผมก็ยอมทำเพื่อผมจะได้ผูกพันธะสัญญากับเธอไว้แม้วันเวลาจะเปลี่ยนแปรไปแต่ผมกับเธอก็ยังไม่สามารถแยกจากกันได้ด้วยพันธะที่ผมผูกติดกับเธอไว้ ผมมีชื่อเป็นบิดาของเด็กเล็กๆทั้งสามคนโดยถูกต้องตามกฎหมาย เธอดีใจและร้องไห้ ที่ผมยอดทำอย่างนั้นเพื่อเธอ ผมรู้ว่าเธอก็หลงรักผมมากเช่นกัน แต่วันหนึ่งผมก็ได้รับจดหมายจากเธอมันคือคำกล่าวลา และคำลงท้ายของจดหมายมันคือการตัดความสัมพันธ์ความรักของเธอที่มีต่อผม... ฉันจะรักคุณตลอดไป ตรัส ...จนวันนี้ผมก็ยังคงเก็บจดหมายฉบับนั้นไว้ไม่มีวันลืม เลือนผมไม่สามารถลืมดวงตาแสนเศร้าคู่นั้นได้เลยเมื่อผมนึกถึงเธอครั้งไหนหัวใจของผมเจ็บปวดและเศร้าตรมทุกครั้ง”

 

“คุณตรัสคะทำไมเธอถึงทำอย่างนั้นละคะ แล้วจดหมายเธอเขียนไว้ว่าอย่างไรคะ”

 

“อย่างที่บอกเรื่องของผมมันซับซ้อนกว่าที่มองเห็นเพื่อความเข้าใจผมก็จะขอเล่าต่อไปครับ”

 

“ดีเลยคะคุณตรัสโรสคิดว่าเล่าจบแล้วเสียอีก”

 

“หลังจากเธอจากไปไม่นานผมก็รับรู้สาเหตุทำไมเธอถึงอยู่กับผมไม่ได้แม้ในจดหมายของเธอจะเขียนเพียงสั้นๆ ว่า ขอให้ผมเริ่มต้นชีวิตใหม่และแต่งงานอย่างมีความสุขมีลูกชายลูกสาวที่น่ารักเพราะสำหรับเธอไม่สามารถมอบลูกชายลูกสาวให้กับผมได้อีกแล้ว เธอจะมีก็แค่ลูกชายลูกสาวที่เธอรับมาเลี้ยงดูเท่านั้น และอย่าได้คิดติดตามหาเธออีกเลย แต่ผมไม่ยอมเชื่อฟังคนรักอย่างเช่นไม่คิดจะเชื่อฟังบิดามารดา ผมยังคงติดตามหาเธอต่อไป ความพยายามของผมก็ประสบความสำเร็จในเวลาต่อมา ผมตามหาเธอจนพบ เช่นเดียวกันกับมารดาของผมก็ตามเธอพบเช่นกัน ผมไม่รู้ว่าเหตุใดมารดาผมจึงตามพบเธอได้รวดเร็วมากนัก ผมเองต้องใช้ทั้งเงินและเวลาไปมากมายถึงสามารถตามหาคนรักของผมพบได้ จนวันหนึ่งผมถึงได้รู้สาเหตุที่มารดาของผมตามพบคนรักของผมได้อย่างง่ายดาย เรื่องทั้งหมดต้องยกความดีความชอบให้แก่ความไว้เนื้อเชื่อใจเพื่อนสนิทของคนรัก ที่คอยรายงานความเคลื่อนไหวของผมต่อมารดาให้ได้รับรู้ตลอดเวลา ดั้งนั้นวันคืนแห่งการแตกหักของเรื่องราวทั้งหมดก็มาถึงเมื่อทุกคนอยู่กันพร้อมหน้ากันทั้งสี่คนได้แก่ตัวผมเอง คนรักของผม เพื่อนสนิทของคนรัก และคนสุดท้ายมารดาของผม”

 

“เรื่องเป็นอย่างไรต่อไปคะคุณตรัส”

 

“วันนั้นคือวันที่ผมต้องลาจากเธอไปจริงๆนะสิครับ”

 

“ทำไมละคะ คุณตรัส”

 

“ความรักครับ คุณโรส ผมต้องจากเธอเพราะผมรักเธอมาก”

 

“ผมนึกไม่ออกครับ คุณตรัสทำไมการเดินจากคนที่คุณรัก คุณถึงเรียกมันว่าความรัก”

 

“ผมจะเล่าให้ฟังครับคุณนัย”

 

“เล่าต่อเลยคะ โรสก็อยากฟังคะ”

 

“มารดาของผมพบเจอเธอในเวลาที่คนรักของผมกำลังทำหน้าที่เป็นแม่ผู้ให้กำเนิดเด็กน้อยทั้งสามคน ท่านรู้สึกไม่พอใจคอยตักเตือนบอกกล่าวขู่เขนหรือบีบบังคับให้เธออยู่ให้ห่างๆจากผมไม่เช่นนั้นจะตามลังควานจองเวรไม่ให้เธอได้มีความสุข หากวันใดที่ผมตามพบเธอก็ขอให้คนรักของผมย้ายบ้านหนีไปอย่าได้ให้ผมได้เข้าไปใกล้ชิดวุ่นวายกับชีวิตเธอได้ ดังนั้นเมื่อผมตามพบเธอ มันก็เป็นวันที่เธอต้องเดือดร้อน ต้องทุกข์ใจ เศร้าใจเช่นกัน ต้องคอยย้ายบ้านหนีผมทุกครั้งครา จนผมนึกเศร้าเสียใจ เห็นใจและสงสารเธอ แต่เธอจะเข้มแข็งเสมอจะยิ้มแย้มน่ารักเช่นเดิมเมื่ออยู่ต่อหน้าผม จะจ้องมองผมด้วยความรักในแววตาที่มีหยาดหยดน้ำใสคลอเต็มดวงตาคู่สวย และจะพูดกับผมในคำเดิมๆ ภาษาเดิมๆ”

 

“หยุดตามหาฉันเถอะนะตรัส เริ่มต้นชีวิตใหม่ฉันมีพันธะที่ต้องดูแล วันใดฉันส่งมอบพันธะต่างๆแล้ว ฉันจะตามหาคุณเองฉันสัญญา และฝากดูแลนุชด้วย เธอไม่สบายสุขภาพไม่ดีนัก คุณรู้ใช่มั้ยนุชเป็นเพื่อนสนิทที่ฉันรักมาก ฉันฝากดูแลนุชด้วยสัญญาได้มั้ยตรัส”

 

“มันคือคำพูดสุดท้ายที่ผมได้รับฟังจากน้ำเสียงแสนเศร้าของเธอ จากวันที่ได้รับฟังเวลาก็ผ่านมานานกว่าห้าปีแล้ว ผมเริ่มสอบเรื่อนยศจากนายร้อยตำรวจตรีในช่วงที่ได้พบเธอครั้งสุดท้ายเพราะผมมีความหวังว่าหากเธอไม่ยอมตามหาผม นายตำรวจตรัสผู้นี้ก็จะเป็นคนตามหาเธอเองและที่คุณโรสสงสัยและถามผมว่าทำไมผมถึงยอมรับเดินแบบงานการกุกศให้กับทางสมาคม เหตุผลก็ง่ายๆ งานนี้เป็นงานการกุศลเพื่อเด็กกำพร้าและด้อยโอกาส มันทำให้ผมนึกถึงคนรักของผมในวันที่ต้องจากลากันก็เท่านั้นเอง เธอรับเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ไม่รู้ว่าเป็นลูกของใครมาเลี้ยงดู และผมก็คิดว่าเมื่อผมทำความดีสวรรค์เบื้องบนจะเมตตาให้ผมได้พบเธออีกสักครั้ง”

 

“โรแมนติกจังเลยคะคุณตรัส โรสขอให้คุณตรัสตามหาเธอจนพบนะคะ”

 

“ผมก็ขอให้คุณตรัสตามหาคนรักจนพบอีกครั้ง และแต่งงานกันอย่างมีความสุขครับ”

 

“ขอบคุณครับคุณนัย”

 

แล้วทุกคนที่ร่วมรับฟังเรื่องความรักของนายตำรวจหนุ่มก็ร่วมอวยพรให้ตรัสผู้ปักใจมั่นในความรักจงสมหวัง เช่นเดียวกันกับมาวิณและหญิงเล็กน้องสาวนักถ้ำมอง ผู้กำลังเฝ้าแอบถ่ายบันทึกวีดีโอเก็บไว้ก็นึกสงสารความรักที่ไม่สมหวังของนายตำรวจหนุ่ม นึกอวยพรให้ตรัสสมหวังในความรักเช่นกัน...

 

“คุณตรัสขาโรสคาใจขอถามอีกนิดนะคะ”

 

“ได้ครับ”

 

“ตลอดเวลาห้าปีคุณตรัสได้ทำตามคำขอของคนรักหรือเปล่าคะ ที่ฝากดูแลเพื่อนสนิทนะคะ”

 

“ครับ ผมเฝ้าดูแลเธอมาโดยตลอดเธอป่วยมากต้องผ่าตัด เข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลตลอดเวลา จนเมื่อปีที่แล้วเธอหายดีตอนนี้เธอกับครอบครัวไปพักฟื้นอยู่ที่ต่างประเทศยังไม่กลับมาเลยครับ”

 

“ความรักของคุณตรัสมันซับซ้อนจริงๆด้วยคะ ความรักสามเศร้าระหว่างผู้หญิงสองคนและผู้ชายอีกหนึ่งคน”

 

“โรสพูดอะไรเกรงใจคุณตรัสหน่อยสิ”

 

“มันจริงนี้คะคุณนัย หรือคุณนัยจะเถียงกับโรสว่าไม่จริง”

 

“แม่ก็เห็นด้วยกับหนูโรส นะนัยลูกแม่ ผู้หญิงที่เป็นเพื่อนสนิทของคนรักของคุณตรัส ต้องหลงรักคุณตรัสอยู่แน่ ...จริงมั้ยคะคุณตรัส”

 

“ผมรักเธอได้แค่เพื่อนหรือน้องสาวเท่านั้นครับคุณแม่ ถึงผมจะรู้มาโดยตลอดว่าเธอมีใจให้ แต่ความรักก็ยอมมีทั้งสมหวังและผิดหวังครับ”

 

“แม่รักความคิดคุณตรัสจังเลยคะ แม่ให้คะแนนเต็มสิบเลยนะจะคุณตรัส”

 

“คะแนนอะไรครับคุณแม่”

 

“คะแนนความหล่อกับนิสัยคุณตรัสสิจะ แม่ให้คะแนนคุณตรัสเต็มสิบขนาดลูกชายแม่ยังได้แค่เก้าเองนะจะ คุณตรัส”

 

“คุณแม่ครับทำอย่างนี้กลับลูกชายตัวเองได้อย่างไรกันครับ”

 

“ก็ลูกแม่นิสัยไม่ดีจริงๆ นี้จะ หรือจะเถียงแม่จะลูกรัก”

 

“คุณแม่ขาคุณนัย ทำอะไรให้คุณแม่ไม่พอใจคะบอกโรสได้มั้ย”

 

“ไม่มีอะไรจะหนูโรสแม่แค่ล้อลูกชายแม่เล่นเท่านั้น”

 

“คุณแม่ละก้อทำให้โรสตกใจ คิดว่าคุณนัยแอบไปมีผู้หญิงอื่นนอกจากโรสเสียอีก”

 

“อุ๊ย! ไม่มีจะหนูโรสแม่รับประกันได้”

 

“โรสเชื่อคุณแม่คะ”

 

มาวิณนักถ้ำมองและแอบถ่ายวีดีโอนึกสงสารสองแม่ลูกผู้มีสีหน้าสุดแสนจะซีดเซียวหรือพูดให้ถูก ใบหน้าเปลี่ยนสีด้วยความตกใจที่สะใภ้ยังไม่ได้แต่งงานเข้าบ้านสามารถคาดเดานิสัยเจ้าชู้ของลูกชายได้ใกล้เคียง เหมือนเห็นด้วยตาตัวเอง มาวิณทนฟังการสนทนาของครอบครัวภาคีนัยมามากมาย จนรู้สึกว่าตัวเองใกล้จะเป็นพวกโรคจิตถ้ำมองไปจริงๆ ไม่ช้าก็เร็วนี้เขาต้องเป็นพวกโรคจิตเต็มร้อยแน่นอน ยิ่งแอบฟังแอบถ่ายก็ยิ่งมีเรื่องต่างๆ ตามเข้ามาให้สนใจอยากรู้ไปหมด มาวิณคิดที่จะหยุดแอบฟังแอบถ่ายและปิดกล้องวีดีโอเสียที แต่มีเสียงหนึ่งดังขึ้นเสียก่อนมันเป็นเสียงที่มาวิณอยากฟังมากมันคือเสียงลูกชายของเขาเอง...

 

“คุณแม่ครับออกมาเต้นรำกับผม และกระต่าย กระแตสิครับ”

 

“ไม่ละแม่ขอนั่งดูดีกว่า”

 

ก่อนที่จะมีใครได้พูดหรือแสดงกิริยาท่าทางอะไร มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมันคือเสียงแก้วน้ำบนโต๊ะโหล่แตก และผู้ชายผู้ปักใจและมั่นคงในรักที่ชื่อว่าตรัส นายตำรวจหนุ่มผู้ตามหาหญิงสาวที่ตนหลงรักก็ลุกยืนจากเก้าอี้ลำตัวตรง สีหน้าตกใจปนความยินดีอยู่ไม่น้อย มาวิณนักถ้ำมองผู้กำลังแอบถ่ายวีดีโอรับรู้ในทันที จากสีหน้าและแววตานายตำรวจผู้พยายามทำความดีเพื่อจะได้เห็นหน้าคนรักอีกครั้ง และมาวิณเริ่มคาดเดาได้ในทันทีคนรักเก่าของนายตำรวจที่กำลังตามหาอยู่คือใคร สวรรค์เริ่มหมุนวงล้อของกงกรรมกงเกวียนแล้วจริงๆ เขากำลังถูกเวรกรรมลงโทษจากความผิดในอดีต ความรักของเขามาวิณคนนี้จะมีวันสมหวังมั้ยนะ มาวิณสอบถามหัวใจที่แสนเจ็บปวดของตัวเอง

 

“เม นั้นคุณใช่มั้ย”

 

“ต...ตร..ตรัส คุณมาอยู่นี้ได้อย่างไร”

 

......................................................................

จบบทที่ 6 ต่อบทที่ 7 ตามรักคืนใจ



 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา