พันธะหัวใจ...ดวงใจรักซาตาน
6) บทที่ 6 โต๊ะข้างๆ คือมาวิณ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
บทที่ 6
โต๊ะข้างๆ คือมาวิณ
วันนี้นักสะกดรอยหรือถ้ำมองอย่างหม่อมราชวงค์มาวิณ สุริยะวงค์ มีความคิดที่จะเลิกเป็นพวกโรคจิตแอบถ่ายหรือแอบตามอัดวีดีโอเสียที และเดินออกไปเผชิญหน้ากับลูกชายอย่างกล้าหาญ หลังจากตามเก็บข้อมูลต่างๆ ของลูกชายและมารดาของลูกชายได้มากพอแล้ว มาวิณแอบตามสะกดรอยลูกชายมาจนถึงโรงแรมหรูห้าดาวกลางใจเมืองอันเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจของครอบครัว ระหว่างการติดตามลูกชายมาวิณหัวใจสั่นไหว เต้นแรง อย่างไม่ทราบสาเหตุ อาจจะเป็นเพราะมาวิณได้พบและเห็นเงาตัวเองอยู่ในตัวตนของลูกชาย ใบหน้าคมสัน ปาก คิ้ว คาง สมชายชาตรี แม้จะยังเป็นเพียงแค่เด็กผู้ชายตัวเล็กแต่เมื่อลูกชายเมื่ออยู่ในชุดสูทตัวน้อย ลูกชายของมาวิณงามสง่าเป็นผู้ใหญ่เกินตัว มาวิณจ้องมองความใจดี ใสซื่อ มีน้ำใจของลูกชายที่ออกวิ่งอย่างตั้งใจไปซื้อของขวัญวันเกิดให้กับน้องสาว ได้เห็นลูกชายเดินจูงมือน้องสาวอย่างปกป้องคุ้มครอง ได้เห็นลูกชายเดินประคองพาน้องสาวไปเต้นรำอย่างสนุกสนาน... แต่สิ่งหนึ่งที่มาวิณ ไม่คิดอยากจะได้ยินได้ฟังก็คือการสนทนาของบุคคลสี่คนที่โต๊ะข้างๆ
มาวิณจ้องมองน้องสาวหรือหญิงเล็ก… ที่ติดตามมาวิณมาด้วย อย่างขอความช่วยเหลือให้เปิดกล้องวีดีโอแอบถ่ายอีกครั้งเพื่อมาวิณจะได้ตามสืบและเก็บข้อมูลของกลุ่มคนโต๊ะข้างๆ ต่อไป แต่น้องสาวผู้ถือกล้องวีดีโอแอบถ่ายไว้ส่ายหน้าปฏิเสธ และทำปากมีลักษณะอ้าขึ้นอ้าลงไม่ออกเสียงเป็นคำพูดเหมือนคนกำลังเป็นใบ้ เสียงจึงไม่ดังแต่พอเดาความหมายของคำพูดได้...
“พี่สัญญาแล้ว จะไม่แอบถ่ายใครอีก”
มาวิณพยักหน้าขอร้องแล้วยกนิ้วชี้ขึ้นหนึ่งนิ้วอันมีความหมายใกล้เคียงกับคำว่า...
“พี่ขออีกแค่ครั้งเดียวนะ หญิงเล็ก พี่ขอร้อง ครั้งเดียวจริงๆ “
น้องสาวทนเห็นสีหน้าผิดหวังของพี่ชายไม่ได้จึงส่งกล้องวีดีโอคืนให้พี่ชาย แล้วทำปากอ้าขึ้นอ้าลงอีกครั้งอันมีความหมายว่า...
“หญิงจะยอมให้ครั้งนี้ครั้งเดียวนะคะ พี่ชาย”
มาวิณพยักหน้าอย่างยิ้มแย้มแจ่มใสอารมณ์ดี มาวิณเปิดกล้องวีดีโอแล้วอัดการสนทนาของโต๊ะข้างๆไว้ตั้งแต่ต้นจนจบ มีอยู่สองประโยคในการสนทนาที่มาวิณได้บันทึกมันไว้ในสมองและจะไม่มีวันลืมสองประโยคนั้นเลย มันเป็นเสียงของชายหนุ่มที่มีชื่อว่า..นัย...ที่มีความต้องการอยากจะแต่งงานกับมารดาของลูกชายมาวิณ อย่างมากมายแม้มารดาผู้อยู่ด้วย จะพยายามสั่งห้ามไว้แล้วก็ตาม และข้อมูลอย่างใหม่ที่ทำให้มาวิณถึงกับอึ้งจนลืมหายใจไปเลยก็คือเด็กหญิงฝาแฝดทั้งสองคน ที่เป็นน้องสาวของลูกชายมาวิณคือหลานสาวของผู้ชายโต๊ะข้างๆ นั้นเอง มาวิณนึกทวนประโยคของผู้ชายโต๊ะข้างอีกครั้งเพื่อจะพิสูจน์ว่าเขาไม่ได้ลืมมันไปจริงๆ
“ผมจะแต่งครับ คุณพ่อ คุณแม่ ผมจะทำหน้าที่เป็นพ่อให้ลูกสาวของพี่ภพครับ”
“อย่างไรผมก็จะแต่งงานครับ คุณพ่อคุณแม่”
มาวิณรู้สึกหัวใจเต้นแรงและสั่นไหว ตัวร้อนเหมือนคนป่วยเป็นไข้ต้องการยารักษาอย่างเร่งด่วน มาวิณกำลังโกรธ และหึงหวง อย่างร้อนแรง หญิงเล็กน้องสาวนั่งอยู่ข้างๆด้วย ดูอาการร้อนแรงอารมณ์โกรธ ของมาวิณออก น้องสาวจับมือเป็นกำปั้นพร้อมที่จะทำลายร่างกายของใครก็ได้ของพี่ชายไว้อย่างนึกเห็นใจและสงสารพี่ชาย น้องสาวจ้องมองดวงตาแดงกล่ำของพี่ชายและส่ายหน้า
“ใจเย็นไว้ก่อนพี่มาวิณ อย่าใจร้อน น้องจะช่วยพี่เองคะ”
สายตาของน้องสาวบอกความรู้สึกมากมายแต่ความหมายที่มาวิณเดาออกได้ ทำให้มาวิณผ่อนคลายอาการร้อนแรง และหึงหวงลงไปได้มาก
“พี่จะนั่งจ้องมองและดูอยู่เฉยๆ ไม่ได้แล้วนะหญิงเล็ก ไม่อย่างนั้นพี่ต้องเสียลูกชายของพี่ไปแน่”
พี่ชายพูดเสียงเบาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แต่น้องสาวกับยิ้มแย้มแจ่มใส จนพี่ชายต้องการจะรู้เหตุผลในรอยยิ้มของน้องสาว
“หญิงคิดว่าพี่มาวิณน่าจะพูดต่อให้จบประโยคนะคะ เพราะเท่าที่หญิงดูสีหน้าพี่มาวิณ หญิงคิดว่าพี่กลัวจะเสียแม่ของลูกชายพี่มากกว่าลูกชายพี่นะคะ พี่มาวิณ”
มาวิณได้ยินเสียงคำพูดหยอกล้อเล่นของน้องสาวก็มีอาการดีใจสีหน้ามีรอยยิ้มคลี่ออกมาจากริมฝีปากจนเห็นได้ชัดเจน
“พี่จะใจเย็น ไม่ใจร้อน วู่วาม ขาดสติ ทำลายร่างกายใครหลอกนะ หญิงเล็ก แต่พี่จะกล้ามากขึ้น และพร้อมเิดินหน้าเพื่อเผชิญกับลูกชาย พี่ขอสัญญากับหญิงเล็ก”
“ดีมากพี่มาวิณ เราตั้งใจฟังการสนทนาต่อเถอะ และเก็บข้อมูลของพวกเขาไว้มากๆ มันจะต้องมีประโยชน์สำหรับพวกเราแน่”
“พี่ก็คิดอย่างที่หญิงเล็กคิดเหมือนกัน กล้องวีดีโอยังเปิดไว้อยู่ใช่มั้ย”
“แน่นอนพี่มาวิณมันเปิดไว้และกำลังบันทึกการสนทนาไว้จนหมดทุกคำพูดเลย”
“ปล่อยให้มันบันทึกไปเรื่อยๆ หญิงเล็ก”
“คะพี่ชาย”
มาวิณและหญิงเล็ก หม่อมราชวงค์นักถ้ำมองโรคจิต ทั้งสองสมัครสมานสามัคคีกันเป็นอย่างดีที่จะแอบถ่ายการสนทนากันของครอบครัวภาคีนัย อันมีความเกี่ยวพันกันโดยไม่ได้คาดฝันมาก่อน มาวิณมีความสนใจที่จะได้ครอบครองมารดาของลูกชายเพื่อแต่งงานเป็นภรรยา สนใจจะรับน้องสาวของลูกชายเพื่อเป็นบิดาและลูกสาว แต่ในยามนี้สิ่งที่คาดหวังไว้กับมีอุปสรรคอย่างไม่คาดฝัน มีผู้ชายอีกคนก็มีความสนใจอย่างเดียวกันกับมาวิณโดยไม่ได้นัดหมายกันไว้มาก่อน เหตุการณ์บ้าบอที่ได้แอบรับฟังจะไม่ทำให้มาวิณผู้มีนิสัยกล้าๆ กลัวรู้สึกผู้นี้ โกรธและหึงหวงได้อย่างไร เส้นทางที่คิดว่าโรยด้วยกลีบกุหลาบสีแดงสดสวย กับต้องมีหนามแหลมคมของกิ่งก้านของต้นกุหลาบแอบซ้อนอยู่เต็มไปหมด หนามแหลมที่หลบซ้อนอยู่นั้นมีชื่อว่า ภาคีนัย คู่แข่งหัวใจของมาวิณ
มาวิณจ้องมองตรงไปยังโต๊ะข้างๆ อีกครั้งอย่างตั้งใจรับฟังการสนทนา ด้วยสีหน้าและแววตาไม่พอใจอย่างมากมาย น้องสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็สังเกตเห็นอาการของพี่ชายได้อย่างชัดเจน
“พี่ภพ ผมจะขอไปพบภรรยาในอนาคตของผม และพ่อของลูกสาวพี่ในอนาคตเสียหน่อย เธอนั่งอยู่คนเดียวเสียด้วย มันเป็นโอกาสดีของผมแล้ว”
“นัยอย่าเพิ่งไปดูตรงโน้นก่อน”
พี่ชายหันหน้าส่งสายตาบอกเป้าหมายในคำพูดที่ห้ามน้องชายไว้ ภาคีนัยมองตามสายตาของพี่ชายและรู้เหตุผลในคำเตือนของพี่ชายทันทีทำไมประภพพี่ชายถึงไม่ให้ภาคีนัยลุกจากเก้าอี้เดินออกไปแนะนำตัวกับภรรยาในอนาคตของภาคีนัย ก็เพราะกลุ่มคนที่กำลังเดินตรงเข้ามานั่งข้างๆ โต๊ะของภาคีนัยก็คือโรสิตา หรือโรส แฟนสาวสุดสวย และดาราสาวสุดร้อนแรงนั้นเอง เธอมาพร้อมกับทีมงานหลายคนที่ภาคีนัยไม่รู้จัก การลุกจากเก้าอี้เดินหนี หลบหลีกหลบซ้อนไม่ยอมเจอหน้าแฟนสาวดาราดังก็เป็นไปไม่ได้เสียแล้ว โรสิตา เดินยิ้มอย่างดีใจตรงเข้ามาหาภาคีนัยและครอบครัว...
“คุณนัย คุณพ่อ คุณแม่ คุณภพ สวัสดีคะ บังเอิญจังเลยนะคะ ไม่คิดว่าจะได้เจอกัน โรส ดีใจม้ากมากคะ และโรสก็น้อยใจมากด้วยที่คุณนัยพาคุณพ่อคุณแม่มาทานข้าวไม่โทรชวนโรสมาด้วย”
“อุ๊ย ! หนูโรส อย่าน้อยใจเลยนะจะ แม่บอกนัยโทรตามแล้วแต่นัยบอกว่าช่วงนี้หนูโรสงานยุ่งมากเลยไม่อยากรบกวน”
“คุณแม่ขา อย่าคิดเป็นการรบกวนสิคะ สำหรับคุณแม่โรสมีเวลาว่างตลอดเวลาเลยคะ ขอให้คุณแม่บอกมาโรส ยอมสละเวลาอันมีค่าของโรสได้เสมอคะ”
“แม่เข้าใจแล้วจะ หนูโรสไว้ครั้งหน้าแม่จะโทรชวนเอง ให้นัยโทรชวนนัยลูกแม่ก็ไม่ได้ดังใจแม่เลยสักนิด”
“คุณแม่อย่าตำนิ คุณนัยเลยนะคะ คุณนัยคงสงสารโรสและเห็นใจโรสมากกลัวโรสเหนื่อยเลยไม่โทรชวน ช่วงนี้โรสก็ทำงานนักและเหนื่อยมากจริงๆ ไม่ค่อยมีเวลาว่างไปพบคุณพ่อคุณแม่ คุณนัยเธอก็คงคิดน้อยใจโรสเหมือนกันที่โรสไม่ค่อยมีเวลาให้ โรสรู้สึกเสียใจคะคุณแม่”
“จ๊ะ...แม่เข้าใจหนูโรส หนูน่ารักจริงๆที่ช่วยแก้ตัวแทนลูกชายแม่ หนูโรสคงเหนื่อยมากสิจะ แล้วนี้หนูโรสมากับใครบ้าง ถ้าทางจะหิวข้าวกันมากเลยนะจะ”
“อุ๊ย ! โรสเสียมารยาท ดีใจมากจนลืมแนะนำตัว คุณแม่ขานี้คุณจิมมี่ เป็นนายแบบที่เดินแบบกับโรส แล้วนี้ก็คุณตรัส เป็นนายแบบกิตติมศักดิ์ หรือชื่อจริงก็ พันตำรวจเอกตรัสลักษณ์ พิเชษฐ์ไพบูรณ์ และที่เหลือก็เป็นทีมงานคะคุณแม่”
“หนูโรสแม่คุ้นๆ ว่าเพื่อนของหนูจะมีนามสกุลเดียวกันกับท่านรัฐมนตรีเรืองยศ พิเชษฐ์ไพบูรณ์”
“คุณแม่ ความจำดีจังนะคะ คุณตรัสเป็นลูกชายของคุณหญิงขวัญใจ กับท่านรัฐมนตรีเรืองยศคะ คุณแม่ คุณตรัสเธอรับเดินแบบให้งานการกุศลของคุณหญิงขวัญใจ มารดาเธอคะ โดยงานการกุศลในครั้งนี้ก็เพื่อเด็กกำพร้าขาดหรือด้อยโอกาสในสังคมคะ ปกติแล้วคุณตรัสเธอไม่รับทำงานเดินแบบอะไรพวกนี้หรอกนะคะคุณแม่ คุณตรัสเป็นตำรวจค่อยจับแต่โจร กับคนเลวคะ โรสก็ไม่ทราบเหตุผลว่าทำไมคุณตรัสเธอถึงยอมรับที่จะมาเดินแบบให้งานการกุศลในครั้งนี้ก็ไม่รู้คะ โรสถามเท่าไรคุณตรัสก็ไม่ยอมบอก คุณแม่ช่วยโรสถามหน่อยสิคะ”
“แม่จะช่วยโรสถามก็ได้แต่ หนูโรสกับเพื่อนต้องมานั่งร่วมโต๊ะเดียวกันกับแม่นะจะ ส่วนทีมงานของหนูก็แยกไปโต๊ะข้างๆ ที่หนูจองไว้ ดีมั้ยจะหนูโรส”
“อุ๊ย..! คุณแม่ล้อโรสเล่นอีกแล้วนะคะ ถึงคุณแม่ไม่ขอร้องโรสให้นั่งด้วยโรสก็กำลังจะขอคุณแม่อยู่พอดีเลยคะ ...นะคะคุณนัย...”
“ครับโรส ถ้าเพื่อนคุณไม่รังเกียจจะร่วมโต๊ะด้วยผมก็ยินดีครับ”
“คุณนัย อย่าพูดเกรงใจอย่างนี้สิคะ เพื่อนโรสต่างหากที่กลัวคุณพ่อคุณแม่ คุณนัยจะรังเกียจ”
“หนูโรสอย่าฟังนัย ล้อเล่นสิจะ”
“คะคุณแม่”
“นั่งร่วมโต๊ะเดียวกันนะจะคุณตรัส คุณจิมมี่”
“ครับ ครับ”
มาวิณนั่งหลบมุมอยู่กับน้องสาวอยู่โต๊ะข้างๆ หัวใจเต้นแรงมากยิ่งขึ้น ครั้งหนึ่งมาวิณเคยได้ยินชื่อภาคีนัย มาจากไหน ในยามนี้ก็นึกออกจนได้ ชื่อนี้เขาเคยได้ยินมาก่อนแล้ว จากอดีตคนรักเก่าและเป็นมารดาของลูกชายของเขานั้นเอง โรสิตา ดาราดัง
“ฉันมีผู้ชายที่ฉันรักและต้องการจะแต่งงานกับเขาแล้ว...วิณ...เขาเป็นนักธุรกิจ ฐานะร่ำรวย แถมรูปหล่ออีก..เขาชื่อภาคินัย....”
คำพูดอดีตคนรักเก่าดังเข้ามาในความคิดมาวิณอีกครั้ง โรสิตา ผู้หญิงที่ทอดทิ้งลูกชายอย่างเลือดเย็นและไม่มีความคิดที่จะติดตามสืบหาลูกชายอีกเลย ในยามนี้เธอกำลังฝันเพ้อว่าจะได้แต่งงานกับผู้ชายที่เป็นคู่แข่งหัวใจมาวิณ แต่แท้ที่จริงแล้วโรสอดีตคนรักก็เป็นได้แค่ตัวประกอบหรืออุปสรรคที่สวรรค์ส่งมาแก้แค้น หรือลงโทษมาวิณและทุกคนที่ร่วมก่อกรรมไว้ ครั้งหนึ่งมาวิณละทิ้งลูกชายแล้วหนีหายไป ประภพและภาคีนัยก็ทอดทิ้งหลานสาวฝาแฝดเช่นกัน จนวันนี้วงจรกงกรรมกงเกวียนกำลังเริ่มหมุนแล้ว ทุกคนที่ได้ทำความผิดกันไว้ในอดีตกำลังจะได้รับการตอบสนองให้ต้องชดใช้เวรกรรมที่ก่อไว้ ไม่เว้นแม้แต่ตัวของมาวิณเองที่ไม่คิดจะเกี่ยวข้องกับ โรสิตา อีกต่อไป แต่สวรรค์ก็ไม่ละเว้นมาวิณยังคงนำเธอมาพร้อมเวรกรรมในอดีตผูกพันเกี่ยวข้องกับมาวิณอีกครั้ง มาวิณไม่รู้จะทำอย่างไรดีเหมือนกับที่ยังไม่รู้ว่าเวรกรรมที่ก่อไว้จะต้องชดใช้ให้แก่ใครกันแน่ ในยามนี้คำตอบแน่ชัดยังไม่ปรากฏแต่หัวใจมาวิณเริ่มมีคำตอบบ้างแล้วว่าเขามาวิณคนนี้จะต้องชดใช้ความผิดในอดีตให้แก่ใคร มาวิณมองตรงไปยังโต๊ะของเมทินี หญิงสาวแสนสวยและใจดีผู้เสียสละชีวิตวัยสาวรับเลี้ยงลูกชายของมาวิณเหมือนดังลูกชายแท้ๆ มาวิณต้องตามชดใช้ความผิดให้แก่เธอมารดาของลูกชาย ด้วยความรู้สึกรักหมดหัวใจ แต่ยังไม่มีการตอบสนองความรักจากมารดาลูกชายเลยแม้แต่น้อยแม้แต่สัญญาณแผ่วเบาก็ยังไม่พบเจอ มันคือจุดเริ่มต้นของการลงโทษในความผิดแล้วใช่หรือไม่...มาวิณรู้สึกเศร้าเสียใจ
“พี่มาวิณคิดอะไรอยู่คะ”
“ไม่มีอะไรหญิงเล็ก เงียบๆ แล้วฟังต่อไป วันหลังพี่จะเล่ารายละเอียดให้ฟัง”
“คะพี่มาวิณ”
และแล้วมาวิณและน้องสาวนักถ้ำมองและจอมแอบถ่ายวีดีโอก็ตั้งใจฟังการสนทนาของโต๊ะข้างๆต่อไปอย่างเงียบและมีสมาธิ
“คุณตรัสเป็นลูกชายของคุณหญิงขวัญใจ จริงหรือจ๊ะ”
“ครับ”
“เรียกแม่เหมือนกับหนูโรสเรียกก็ได้จะคุณตรัส อย่าคิดเป็นคนอื่นคนใกล้เลยนะจะ.. แม่กับคุณหญิงขวัญใจเราต่างก็สนิทกัน เจอกันบ่อยๆ ที่สมาคมพูดคุยกันถูกคอเลยทีเดียว”
“ครับคุณแม่”
“คุณจิมมี่ก็เรียกเหมือนกันนะจ้า...”
“ครับคุณแม่”
“ดีมาก ทานข้าวกันไม่ต้องเกรงใจนะจะ แม่กับครอบครัวทานกันบ้างแล้ว”
“คะคุณแม่”
ไม่นานทุกคนก็ทานอาหารกันจนอิ่มแต่คุณนายดวงสมรยังไม่ลืมคำถามว่าที่ลูกสะใภ้ฝากให้ถามถึงเหตุผลที่นายตำรวจรูปหล่อผู้เงียบขรึม ดูงามสง่าเหมาะสมกับบุคลิกนายตำรวจผู้รักษากฎหมาย ยอมรับงานเดินแบบให้กับทางสมาคม คุณนายดวงสมรนึกเปรียบเทียบนายตำรวจหนุ่มกับลูกชายของตัวเองบุคลิกหน้าตาให้คะแนนเต็มสิบทั้งคู่ เหลือเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่คุณนายดวงสมรอยากจะให้คะแนนเพิ่มเพื่อตัดสินแพ้ชนะนั้นก็คืออุปนิสัยใจคอ คุณนายดวงสมรถึงจะเข้าข้างลูกชายของตัวเองมาโดยตลอดคุณนายดวงสมรก็ให้คะแนนนิสัยเสียๆของลูกชายสุดรักได้แค่เก้าเต็มสิบ ถ้าลูกชายเชื่อฟังเธออีกสักนิด คุณนายดวงสมรก็คิดที่จะให้คะแนนลูกชายเต็มสิบเหมือนกัน คุณนายดวงสมรจ้องมองนายตำรวจหนุ่มรูปหล่ออย่างรักใคร่ตีสนิทเพื่อจะพูดคุยสอบถามความนึกคิดและนิสัยใจคอในด้านต่างๆโดยเพฉาะด้านความนึกคิดของจิตสำนึกความดีงามเพื่อจะหาคะแนนเปรียบเทียบกับลูกชายของตัวเอง...
“คุณตรัสรูปหล่อเหมือนลูกชายแม่เลยนะจะ ลูกชายแม่ชื่อว่าภาคีนัยรู้จักกันไว้นะจะ วันหลังจะได้ช่วยเหลือกันเมื่อมีเรื่องเดือดร้อน คุณตรัสก็อย่าเกรงใจนะจะ มีเรื่องอะไรให้ช่วยก็บอกได้แม่กับนัย ลูกชายของแม่และครอบครัวยินดีรับใช้และช่วยเหลือทุกอย่าง”
“ครับคุณแม่”
“อย่าตอบตกลงเฉยๆนะจะคุณตรัส มีเรื่องเดือดร้อนต้องมาให้แม่ช่วย แม่และครอบครัวยินดีช่วยทุกอย่างจริงๆ”
“คุณแม่ขา ช่วยได้ทุกอย่างจริงๆ หรือคะ ตอนนี้คุณตรัสยังโสดอยู่นะคะ คุณแม่ช่วยได้หรือเปล่าคะ”
“หนูโรสล้อแม่เล่น ...แต่ถ้าอยากให้แม่ช่วยแม่ก็ยินดีช่วยนะจะคุณตรัส แม่รู้จักผู้หญิงนิสัยดี สวยๆ หลายคน...อยากให้แม่ช่วยมั้ยจะคุณตรัส”
“คุณโรสเธอล้อคุณแม่เล่นจริงๆ ครับ ผมไม่ใช่คนโสดแล้วนะครับ”
“คุณตรัสโกหกคะคุณแม่ อย่าไปเชื่อนะคะ”
“จริงหรือจะหนูโรส”
“คะคุณแม่”
“อย่างนั้นคุณตรัสก็ต้องเล่าความจริงให้แม่ฟังแล้วละ ไม่อย่างนั้นแม่จะเป็นแม่สื่อหาแฟนสวยๆ นิสัยดีๆให้กับคุณตรัสเอง”
“คุณแม่ครับที่คุณโรสบอกว่าผมยังโสดมันก็เป็นความจริงบางส่วนครับ แต่หัวใจผมมันไม่โสดแล้วนะครับ ผมมีคนรักแล้วครับ”
“แม่จะไม่ยอมเชื่อจนกว่าคุณตรัสจะเล่าให้แม่ฟัง ได้มั้ยจะ”
“จะดีหรือครับ เรามากันหลายคนผมเกรงใจ”
“ไม่ต้องเกรงใจหลอกจะแม่กับครอบครัวอยากจะฟังจริงๆ”
“เล่ามาเถอะครับคุณตรัส ผมก็อยากฟังเหมือนกัน”
“ตกลงครับคุณนัย”
ตรัสนายตำรวจหนุ่มนิสัยดีมองใบหน้าทุกคนที่ร่วมโต๊ะอาหารด้วยอย่างสำรวจตรวจสอบความรู้สึก ทุกคนสนใจจะรับฟังเรื่องราวส่วนตัวของเขาจริงๆหรือไม่ ด้วยอาชีพนายตำรวจที่ต้องคอยสังเกตสีหน้าแววตาของคนนับร้อยนับพัน ในครั้งนี้ตรัสสามารถจับความรู้สึกของทุกคนได้มีความสนใจจะรับฟังเรื่องราวของตรัสจริงๆ จึงยิ้มแย้มอารมณ์ดีอย่างเขินอายเล็กน้อยและยอมเล่าเรื่องราวส่วนตัวให้ทุกคนได้ฟัง
“ตกลงครับผมจะเล่าให้ฟัง แต่ถ้าไม่ต้องการจะฟังก็บอกให้ผมหยุดเล่านะครับ”
ทุกคนพยักหน้าดวงตายิ้มแย้มอย่างอยากรู้อยากเห็นเรื่องของชาวบ้านไม่เว้นแม้แต่ภาคีนัย ที่มีความคิดว่าอย่างน้อยผู้ชายตรงหน้าก็มีคนรักอยู่แล้วไม่ใช้คนโสด อาจจะเป็นเพราะวันนี้ภาคีนัยเคยนึกหึงหวงผู้ชายทุกคนไม่เว้นแม้แต่พี่ชายของตัวเองที่จ้องมองเมทินีผู้หญิงที่ภาคีนัยหมายตาไว้เพื่อแต่งงานอย่างชื่นชมในความสวยน่ารัก ภาคีนัยจึงอารมณ์ดีที่ตรัสไม่ใช่เป้าหมายที่ภาคีนัยต้องรู้สึกระวังและหึงหวงไปด้วยอีกคน พูดง่ายๆก็คือภาคีนัยหมดคู่แข่งไปอีกคน ภาคีนัยตั้งใจฟังเรื่องเล่าของนายตำรวจหนุ่มอย่างใ้ห้เกียตริในความเป็นเรื่องราวส่วนตัว...
“เรื่องของผมเกิดขึ้นเมื่อห้าปีก่อนครับ ผมตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่งเธอน่ารักและสวยมาก บิดาเธอมีหน้ามีตาในวงสังคม แต่เธอเป็นแค่ลูกสาวของภรรยาน้อย หรือถ้าพูดอีกอย่างก็คือ บ้านเล็ก หรือเมียน้อย ทุกคนเลือกเกิดไม่ได้จริงมั้ยครับ แต่บิดามารดของผมไม่ยอมรับเธอ ท่านบอกผมยังเด็กเกินไป ยังไม่รู้จักความรักความผูกพันธ์มันเป็นเช่นไร ท่านบอกว่าผมเพียงแค่หลงไหลความสวยงามอย่างชายหนุ่มที่มีต่อหญิงสาวเท่านั้น ไม่นานเวลาก็จะำทำให้ผมลืมเธอไปได้เอง หากผมได้เจอะเจอกับผู้หญิงคนใหม่หรือไม่ต้องเจอหน้าเธอสักสี่ห้าปี แต่ความจริงเวลาไม่ได้ช่วยอะไรผมเลยและผู้หญิงที่ผมพบเจอที่ผ่านเข้ามาในชีวิตผมตลอดเวลาห้าปีก็ไม่สามารถทำให้ผมลืมเลือนเธอได้เลย จนแม้วันนี้ ผมก็ยังปักใจมุ่งมั่นในความรักและคิดถึงเธอตลอดมา”
“ทำไมคุณไม่ตามหาเธอละครับ คุณตรัส”
“คุณนัยครับ เรื่องของผมมันซับซ้อนกว่าที่เห็นนะครับ ช่วงปีแรกผมก็ตามหาเธออยู่นะครับ แต่พอตามเธอมากๆเข้า เธอก็ย้ายบ้านหนีผมไปเรื่อยเช่นกัน”
“ทำไมหรือคะคุณตรัส”
“ถ้าคุณโรสอยากรู้ผมก็จะเล่าเรื่องของผมต่อให้ฟังครับ”
“อยากฟังต่อจริงๆ คะคุณตรัส เรื่องเป็นอย่างไรต่อคะ”
“จากสาเหตุที่บิดามารดาผมไม่เห็นด้วยให้ผมได้แต่งงานกับเธอเพราะหน้าตาในวงสังคม และไม่นานเธอก็รับเด็กกำพร้ามาเลี้ยงดูเป็นลูกชายและเด็กหญิงตัวน้อย ผมสอบถามคาดคั้นเธอเท่าไรมากมายแค่ไหน เธอก็ไม่ยอมบอกเล่าให้ผมฟังเด็กเล็กๆเป็นลูกของใครกันแน่ จนบิดามารดาผมรับรู้เรื่องเข้า ท่านสั่งห้ามผมให้เลิกยุ่งเกี่ยวกับเธอโดยเด็ดขาดและในทันที โดยไม่ยอมฟังเหตุผลใดๆทั้งสิ้น แต่ผมไม่เคยยอมเชื่อฟังบิดามารดายังคงติดตามหลงใหลมุ่งมั้นรักเธอต่อไป ยอมให้ความช่วยเหลือเธอทุกอย่างเท่าที่สามารถทำได้ แม้กระทั้งยอมรับเป็นบิดาของเด็กกำพร้าทั้งสามคนผมก็ยอมทำเพื่อผมจะได้ผูกพันธะสัญญากับเธอไว้แม้วันเวลาจะเปลี่ยนแปรไปแต่ผมกับเธอก็ยังไม่สามารถแยกจากกันได้ด้วยพันธะที่ผมผูกติดกับเธอไว้ ผมมีชื่อเป็นบิดาของเด็กเล็กๆทั้งสามคนโดยถูกต้องตามกฎหมาย เธอดีใจและร้องไห้ ที่ผมยอดทำอย่างนั้นเพื่อเธอ ผมรู้ว่าเธอก็หลงรักผมมากเช่นกัน แต่วันหนึ่งผมก็ได้รับจดหมายจากเธอมันคือคำกล่าวลา และคำลงท้ายของจดหมายมันคือการตัดความสัมพันธ์ความรักของเธอที่มีต่อผม... ฉันจะรักคุณตลอดไป ตรัส ...จนวันนี้ผมก็ยังคงเก็บจดหมายฉบับนั้นไว้ไม่มีวันลืม เลือนผมไม่สามารถลืมดวงตาแสนเศร้าคู่นั้นได้เลยเมื่อผมนึกถึงเธอครั้งไหนหัวใจของผมเจ็บปวดและเศร้าตรมทุกครั้ง”
“คุณตรัสคะทำไมเธอถึงทำอย่างนั้นละคะ แล้วจดหมายเธอเขียนไว้ว่าอย่างไรคะ”
“อย่างที่บอกเรื่องของผมมันซับซ้อนกว่าที่มองเห็นเพื่อความเข้าใจผมก็จะขอเล่าต่อไปครับ”
“ดีเลยคะคุณตรัสโรสคิดว่าเล่าจบแล้วเสียอีก”
“หลังจากเธอจากไปไม่นานผมก็รับรู้สาเหตุทำไมเธอถึงอยู่กับผมไม่ได้แม้ในจดหมายของเธอจะเขียนเพียงสั้นๆ ว่า ขอให้ผมเริ่มต้นชีวิตใหม่และแต่งงานอย่างมีความสุขมีลูกชายลูกสาวที่น่ารักเพราะสำหรับเธอไม่สามารถมอบลูกชายลูกสาวให้กับผมได้อีกแล้ว เธอจะมีก็แค่ลูกชายลูกสาวที่เธอรับมาเลี้ยงดูเท่านั้น และอย่าได้คิดติดตามหาเธออีกเลย แต่ผมไม่ยอมเชื่อฟังคนรักอย่างเช่นไม่คิดจะเชื่อฟังบิดามารดา ผมยังคงติดตามหาเธอต่อไป ความพยายามของผมก็ประสบความสำเร็จในเวลาต่อมา ผมตามหาเธอจนพบ เช่นเดียวกันกับมารดาของผมก็ตามเธอพบเช่นกัน ผมไม่รู้ว่าเหตุใดมารดาผมจึงตามพบเธอได้รวดเร็วมากนัก ผมเองต้องใช้ทั้งเงินและเวลาไปมากมายถึงสามารถตามหาคนรักของผมพบได้ จนวันหนึ่งผมถึงได้รู้สาเหตุที่มารดาของผมตามพบคนรักของผมได้อย่างง่ายดาย เรื่องทั้งหมดต้องยกความดีความชอบให้แก่ความไว้เนื้อเชื่อใจเพื่อนสนิทของคนรัก ที่คอยรายงานความเคลื่อนไหวของผมต่อมารดาให้ได้รับรู้ตลอดเวลา ดั้งนั้นวันคืนแห่งการแตกหักของเรื่องราวทั้งหมดก็มาถึงเมื่อทุกคนอยู่กันพร้อมหน้ากันทั้งสี่คนได้แก่ตัวผมเอง คนรักของผม เพื่อนสนิทของคนรัก และคนสุดท้ายมารดาของผม”
“เรื่องเป็นอย่างไรต่อไปคะคุณตรัส”
“วันนั้นคือวันที่ผมต้องลาจากเธอไปจริงๆนะสิครับ”
“ทำไมละคะ คุณตรัส”
“ความรักครับ คุณโรส ผมต้องจากเธอเพราะผมรักเธอมาก”
“ผมนึกไม่ออกครับ คุณตรัสทำไมการเดินจากคนที่คุณรัก คุณถึงเรียกมันว่าความรัก”
“ผมจะเล่าให้ฟังครับคุณนัย”
“เล่าต่อเลยคะ โรสก็อยากฟังคะ”
“มารดาของผมพบเจอเธอในเวลาที่คนรักของผมกำลังทำหน้าที่เป็นแม่ผู้ให้กำเนิดเด็กน้อยทั้งสามคน ท่านรู้สึกไม่พอใจคอยตักเตือนบอกกล่าวขู่เขนหรือบีบบังคับให้เธออยู่ให้ห่างๆจากผมไม่เช่นนั้นจะตามลังควานจองเวรไม่ให้เธอได้มีความสุข หากวันใดที่ผมตามพบเธอก็ขอให้คนรักของผมย้ายบ้านหนีไปอย่าได้ให้ผมได้เข้าไปใกล้ชิดวุ่นวายกับชีวิตเธอได้ ดังนั้นเมื่อผมตามพบเธอ มันก็เป็นวันที่เธอต้องเดือดร้อน ต้องทุกข์ใจ เศร้าใจเช่นกัน ต้องคอยย้ายบ้านหนีผมทุกครั้งครา จนผมนึกเศร้าเสียใจ เห็นใจและสงสารเธอ แต่เธอจะเข้มแข็งเสมอจะยิ้มแย้มน่ารักเช่นเดิมเมื่ออยู่ต่อหน้าผม จะจ้องมองผมด้วยความรักในแววตาที่มีหยาดหยดน้ำใสคลอเต็มดวงตาคู่สวย และจะพูดกับผมในคำเดิมๆ ภาษาเดิมๆ”
“หยุดตามหาฉันเถอะนะตรัส เริ่มต้นชีวิตใหม่ฉันมีพันธะที่ต้องดูแล วันใดฉันส่งมอบพันธะต่างๆแล้ว ฉันจะตามหาคุณเองฉันสัญญา และฝากดูแลนุชด้วย เธอไม่สบายสุขภาพไม่ดีนัก คุณรู้ใช่มั้ยนุชเป็นเพื่อนสนิทที่ฉันรักมาก ฉันฝากดูแลนุชด้วยสัญญาได้มั้ยตรัส”
“มันคือคำพูดสุดท้ายที่ผมได้รับฟังจากน้ำเสียงแสนเศร้าของเธอ จากวันที่ได้รับฟังเวลาก็ผ่านมานานกว่าห้าปีแล้ว ผมเริ่มสอบเรื่อนยศจากนายร้อยตำรวจตรีในช่วงที่ได้พบเธอครั้งสุดท้ายเพราะผมมีความหวังว่าหากเธอไม่ยอมตามหาผม นายตำรวจตรัสผู้นี้ก็จะเป็นคนตามหาเธอเองและที่คุณโรสสงสัยและถามผมว่าทำไมผมถึงยอมรับเดินแบบงานการกุกศให้กับทางสมาคม เหตุผลก็ง่ายๆ งานนี้เป็นงานการกุศลเพื่อเด็กกำพร้าและด้อยโอกาส มันทำให้ผมนึกถึงคนรักของผมในวันที่ต้องจากลากันก็เท่านั้นเอง เธอรับเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ไม่รู้ว่าเป็นลูกของใครมาเลี้ยงดู และผมก็คิดว่าเมื่อผมทำความดีสวรรค์เบื้องบนจะเมตตาให้ผมได้พบเธออีกสักครั้ง”
“โรแมนติกจังเลยคะคุณตรัส โรสขอให้คุณตรัสตามหาเธอจนพบนะคะ”
“ผมก็ขอให้คุณตรัสตามหาคนรักจนพบอีกครั้ง และแต่งงานกันอย่างมีความสุขครับ”
“ขอบคุณครับคุณนัย”
แล้วทุกคนที่ร่วมรับฟังเรื่องความรักของนายตำรวจหนุ่มก็ร่วมอวยพรให้ตรัสผู้ปักใจมั่นในความรักจงสมหวัง เช่นเดียวกันกับมาวิณและหญิงเล็กน้องสาวนักถ้ำมอง ผู้กำลังเฝ้าแอบถ่ายบันทึกวีดีโอเก็บไว้ก็นึกสงสารความรักที่ไม่สมหวังของนายตำรวจหนุ่ม นึกอวยพรให้ตรัสสมหวังในความรักเช่นกัน...
“คุณตรัสขาโรสคาใจขอถามอีกนิดนะคะ”
“ได้ครับ”
“ตลอดเวลาห้าปีคุณตรัสได้ทำตามคำขอของคนรักหรือเปล่าคะ ที่ฝากดูแลเพื่อนสนิทนะคะ”
“ครับ ผมเฝ้าดูแลเธอมาโดยตลอดเธอป่วยมากต้องผ่าตัด เข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลตลอดเวลา จนเมื่อปีที่แล้วเธอหายดีตอนนี้เธอกับครอบครัวไปพักฟื้นอยู่ที่ต่างประเทศยังไม่กลับมาเลยครับ”
“ความรักของคุณตรัสมันซับซ้อนจริงๆด้วยคะ ความรักสามเศร้าระหว่างผู้หญิงสองคนและผู้ชายอีกหนึ่งคน”
“โรสพูดอะไรเกรงใจคุณตรัสหน่อยสิ”
“มันจริงนี้คะคุณนัย หรือคุณนัยจะเถียงกับโรสว่าไม่จริง”
“แม่ก็เห็นด้วยกับหนูโรส นะนัยลูกแม่ ผู้หญิงที่เป็นเพื่อนสนิทของคนรักของคุณตรัส ต้องหลงรักคุณตรัสอยู่แน่ ...จริงมั้ยคะคุณตรัส”
“ผมรักเธอได้แค่เพื่อนหรือน้องสาวเท่านั้นครับคุณแม่ ถึงผมจะรู้มาโดยตลอดว่าเธอมีใจให้ แต่ความรักก็ยอมมีทั้งสมหวังและผิดหวังครับ”
“แม่รักความคิดคุณตรัสจังเลยคะ แม่ให้คะแนนเต็มสิบเลยนะจะคุณตรัส”
“คะแนนอะไรครับคุณแม่”
“คะแนนความหล่อกับนิสัยคุณตรัสสิจะ แม่ให้คะแนนคุณตรัสเต็มสิบขนาดลูกชายแม่ยังได้แค่เก้าเองนะจะ คุณตรัส”
“คุณแม่ครับทำอย่างนี้กลับลูกชายตัวเองได้อย่างไรกันครับ”
“ก็ลูกแม่นิสัยไม่ดีจริงๆ นี้จะ หรือจะเถียงแม่จะลูกรัก”
“คุณแม่ขาคุณนัย ทำอะไรให้คุณแม่ไม่พอใจคะบอกโรสได้มั้ย”
“ไม่มีอะไรจะหนูโรสแม่แค่ล้อลูกชายแม่เล่นเท่านั้น”
“คุณแม่ละก้อทำให้โรสตกใจ คิดว่าคุณนัยแอบไปมีผู้หญิงอื่นนอกจากโรสเสียอีก”
“อุ๊ย! ไม่มีจะหนูโรสแม่รับประกันได้”
“โรสเชื่อคุณแม่คะ”
มาวิณนักถ้ำมองและแอบถ่ายวีดีโอนึกสงสารสองแม่ลูกผู้มีสีหน้าสุดแสนจะซีดเซียวหรือพูดให้ถูก ใบหน้าเปลี่ยนสีด้วยความตกใจที่สะใภ้ยังไม่ได้แต่งงานเข้าบ้านสามารถคาดเดานิสัยเจ้าชู้ของลูกชายได้ใกล้เคียง เหมือนเห็นด้วยตาตัวเอง มาวิณทนฟังการสนทนาของครอบครัวภาคีนัยมามากมาย จนรู้สึกว่าตัวเองใกล้จะเป็นพวกโรคจิตถ้ำมองไปจริงๆ ไม่ช้าก็เร็วนี้เขาต้องเป็นพวกโรคจิตเต็มร้อยแน่นอน ยิ่งแอบฟังแอบถ่ายก็ยิ่งมีเรื่องต่างๆ ตามเข้ามาให้สนใจอยากรู้ไปหมด มาวิณคิดที่จะหยุดแอบฟังแอบถ่ายและปิดกล้องวีดีโอเสียที แต่มีเสียงหนึ่งดังขึ้นเสียก่อนมันเป็นเสียงที่มาวิณอยากฟังมากมันคือเสียงลูกชายของเขาเอง...
“คุณแม่ครับออกมาเต้นรำกับผม และกระต่าย กระแตสิครับ”
“ไม่ละแม่ขอนั่งดูดีกว่า”
ก่อนที่จะมีใครได้พูดหรือแสดงกิริยาท่าทางอะไร มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมันคือเสียงแก้วน้ำบนโต๊ะโหล่แตก และผู้ชายผู้ปักใจและมั่นคงในรักที่ชื่อว่าตรัส นายตำรวจหนุ่มผู้ตามหาหญิงสาวที่ตนหลงรักก็ลุกยืนจากเก้าอี้ลำตัวตรง สีหน้าตกใจปนความยินดีอยู่ไม่น้อย มาวิณนักถ้ำมองผู้กำลังแอบถ่ายวีดีโอรับรู้ในทันที จากสีหน้าและแววตานายตำรวจผู้พยายามทำความดีเพื่อจะได้เห็นหน้าคนรักอีกครั้ง และมาวิณเริ่มคาดเดาได้ในทันทีคนรักเก่าของนายตำรวจที่กำลังตามหาอยู่คือใคร สวรรค์เริ่มหมุนวงล้อของกงกรรมกงเกวียนแล้วจริงๆ เขากำลังถูกเวรกรรมลงโทษจากความผิดในอดีต ความรักของเขามาวิณคนนี้จะมีวันสมหวังมั้ยนะ มาวิณสอบถามหัวใจที่แสนเจ็บปวดของตัวเอง
“เม นั้นคุณใช่มั้ย”
“ต...ตร..ตรัส คุณมาอยู่นี้ได้อย่างไร”
......................................................................
จบบทที่ 6 ต่อบทที่ 7 ตามรักคืนใจ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ