พันธะหัวใจ...ดวงใจรักซาตาน
7) บทที่ 7 ตามรักคืนใจ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
บทที่ 7
ตามรักคืนใจ
ฤดูกาลปลายฝนต้นหนาวหยาดพิรุณละอองใสไหลรินคล้ายหยาดหยดน้ำตาหยดสุดท้ายของฤดูกาล สายวายุพัดพาความเหน็บหนาวของหยาดหยดน้ำตาฤดูกาลใหม่เข้ามาอย่างเงียบสงบแต่เสียงเครื่องยนต์รอบข้างส่งเสียงดังแข่งกันกับสายฝนละอองใสจนกลบบรรยากาศรอบข้างเสียจนมิดชิด ร้อยตำรวจตรีตรัสลักษณ์ เพิ่งได้พระราชฐานประดับยศสัญญาบัตรเป็นร้อยตำรวจตรี นายตำรวจหนุ่มไม่ได้ชื่นชมยินดีกับตำแหน่งหน้าที่การงานใหม่ของตัวเขาเองมากนัก ตรัสรู้สึกเหน็บหนาวและเปียกปอนเหมือนดังฤดูกาลที่แปรเปลี่ยนไป ตรัสรู้สึกถึงภาระหน้าที่อย่างใหม่ที่ต้องรับผิดชอบและต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด แต่ในฤดูกาลใหม่นี้ ตรัสยังไม่พร้อมที่จะรับหน้าที่เพื่อประชาชนอย่างเต็มที่ ให้สมกับที่ได้พระราชฐานประดับยศนายร้อยตำรวจ ตรัสมีความฝันที่ไม่ใช่การเป็นนายตำรวจหรือนักการเมืองอย่างบิดา ตรัสต้องการมีชีวิตอย่างอิสระต้องการออกเดินทาง ต้องการเรียนรู้และศึกษาสิ่งใหม่ๆ ที่ไม่ใช่ในประเทศ ตรัสต้องการจะไปศึกษาเล่าเรียนต่อยังต่างประเทศ แต่เวลานี้ตรัสต้องทำงานเป็นนายตำรวจหนุ่มไฟแรงอย่างลูกชายนักการเมืองและเพื่อศักดิ์ศรีของวงค์ตระกูลพิเชษฐ์ไพบูรณ์ ดังนั้นฤดูกาลใหม่นี้ตรัสจึงรู้สึกหงุดหงิดหลายอย่างโดยไม่มีเหตุผล
“นี้มันฤดูกาลอะไรกันเนี่ย เดี๋ยวก็หนาว เดี๋ยวก็ฝนตก เอามันให้แน่ๆ สักอย่างซิวะ คนจะทำงานจะได้เตรียมตัวได้ทัน วันนี้ไม่ได้เตรียมร่มมาเสียด้วยเวรจริงๆ ไอ้ตำรวจตรัสลักษณ์”
ชายหนุ่มนายตำรวจใหม่ตะโกนระบายอารมณ์ฝ่าสายฝนที่กระหนั่มลงมาอย่างไม่มีการเตือนล่วงหน้า ตรัสวิ่งหลบหลีกรถยนต์ที่ขับขี่ผ่านไปมาบนท้องถนนระหว่างฝนตก ตรัสตะโกนตำนิตัวเองในความไม่เตรียมพร้อมล่วงหน้าก่อนออกจากบ้านมาทำงาน ทำให้เสื้อผ้าเครื่องแบบที่สวมใส่อยู่เปียกปอนไปจนหมด วันนี้ตรัสมีงานต้องรีบไปทำแต่หากอยู่ในสภาพที่เปียกปอนนี้ตรัสคงไม่สามารถทำงานได้ ตรัสต้องทำให้เสื้อผ้าตัวเองแห้งเสียก่อน ข้างหน้ามีป้ายขนาดใหญ่สามารถอ่านได้ในระยะไกล... ร้านซัก อบ รีด สวรรค์ยังไม่ใจร้ายกับตรัสมากนักอย่างน้อยก็เตรียมทางรอดไว้ให้แก่ตรัสล่วงหน้าแล้ว ตรัสวิ่งหลบฝนเข้าไปในร้านข้างหน้าทันที
“มีใครอยู่มั้ยครับ ผมจะมาให้รีดเสื้อผ้าครับ”
ตรัสมองสำรวจร้านซัก อบ รีด ขนาดเล็กที่มีเสื้อผ้าแขวนไว้เต็มพื้นที่ของร้าน ด้วยอาชีพนายตำรวจอย่างตรัส การตามจับโจร ค้นหาคนชั่ว คนเลว พวกลักเล็กขโมยน้อยก็ผ่านมาบ้างแล้ว วันนี้ตรัสกำลังมองหาและค้นหาเจ้าของร้านทำไมมันถึงได้ยากเย็นนัก เจ้าของร้านไปหลบซ้อนตัวอยู่เสียที่ไหนกัน ตรัสเริ่มโมโหและอารมณ์เสีย ตรัสรู้สึกหนาวจนสั่นไปหมดทั้งตัว น้ำหยดลงตามพื้นจนเลอะเทอะ เซอะแฉะ ตรัสตะโกนเสียงดังอีกครั้ง
“มีใครอยู่มั้ยครับตอบผมหน่อย ผมเอาเสื้อผ้ามารีดครับ ไม่ได้มาตามจับใคร”
มีเสียงหัวเราะอย่างขบขันดังออกมาจากมุมหนึ่งของร้านเป็นเสียงหญิงสาวไม่ใช่เสียงคนแก่คนเฒ่าวัยชรามีอายุ จากการแยกแยะเสียงด้วยสัญชาตญาณของนายตำรวจฝีมือดีอย่างร้อยตำรวจตรีตรัสลักษณ์ พิเชษฐ์ไพบูรณ์ ตรัสมองหาเจ้าของเสียงฝ่ากองเสื้อผ้ามากมายในร้านจนตรัสหมดความอดทนที่จะมองหาอีกต่อไป
“ได้โปรดโผล่หน้าออกมาให้ผมดูหน่อยได้มั้ยครับ คุณเจ้าของร้าน ผมมีธุระต้องรีบไปทำอย่างเร่งด่วนจริงๆ ขอร้องละครับ”
และแล้วหญิงสาวเจ้าของเสียงก็เดินออกมาในชุดนักศึกษาระดับปริญญาใบหน้าหญิงสาวสวยจับจิตจับใจนายร้อยตำรวจหนุ่ม จากการวัดระดับน้ำเสียงแต่ยังไม่ได้พบเจอหน้าตาตรัสก็พอจะคาดเดาได้ว่าเธอต้องเป็นหญิงสาวสวยหน้าตาดีพอใช้ แต่ตรัสไม่คาดคิดว่าตัวจริงจะห่างไกลจากการจินตนาการไว้อย่างมากมายเธอสวยน่ารักใบหน้าเกลี้ยงเกาเส้นผมสีดำจัดแต่งผูกมัดไว้อย่างแน่นหนา ทำให้มองเห็นเค้าโครงใบหน้าและลำคอระหง รูปร่างสมส่วนกับเค้าโครงร่างกาย... การสำรวจและสังเกตโดยอาชีพของนายตำรวจหนุ่มต้องหยุดลงอย่างรวดเร็วเพราะน้ำเสียงหญิงสาวสวยตรงหน้ากล่าวสอบถามความต้องการที่ตรัสเดินเข้ามาในร้านของเธอ...
“คุณตำรวจมีอะไรให้รับใช้คะ”
เธอสอบถามตรัสด้วยรอยยิ้มน่ารัก จนตรัสไม่คิดจะสอบถามกลับทำไมเธอถึงออกมาบริการต้อนรับลูกค้าล่าช้าอย่างนี้ เธอบริการลูกค้าล่าช้าแบบนี้เป็นประจำหรือไม่ แต่การบริการลูกค้าล่าช้าในครั้งนี้ของเธอมันทำให้งานเร่งด่วนของตรัสที่ต้องรีบไปทำ ได้รับความเสียหายแล้วอย่างแน่นอน แต่ในเวลานี้ตรัสไม่คิดจะกล่าวโทษเธอ เหตุผลอาจจะเพราะความสวยของเธอก็ได้ ตรัสคิดเหตุผลไร้สาระให้กับตัวเอง
“คุณตำรวจคะ ตกลงคุณมีอะไรให้ฉันช่วยมั้ยคะ ถ้าไม่มีฉันจะปิดร้านไปเรียนหนังสือแล้วนะคะวันนี้ฉันช้ามากแล้วด้วย”
“คุณจะปิดร้านตอนนี้ไม่ได้นะครับ”
“ทำไมจะไม่ได้คะ วันนี้ฉันปิดเวลานี้เป็นประจำ คุณไม่อ่านป้ายหน้าร้านหรือคะ”
“อ่านครับผมอ่าน แต่ผมอ่านป้ายชื่อร้าน แต่ไม่ได้อ่านเวลาเปิดปิดร้าน คุณก็เห็นฝนตกหนักขนาดนั้นใครจะยืนอ่านตัวหนังสือเล็กๆ หน้าร้านคุณ ผมอ่านแต่ตัวหนังสือตัวใหญ่ๆ ที่แขวนอยู่หน้าร้านเท่านั้น”
“คุณเป็นตำรวจสอบได้เองหรือจับฉลากได้ยศมาคะ ดูไม่คอยมีความละเอียดรอบครอบเลยนะคะ”
“คุณผู้หญิงครับไม่ต้องมาแอบดาผมทางอ้อมเลยนะครับ พูดดาผมมากๆ ผมจับคุณในข้อหาหมิ่นประมาทเจ้าหน้าที่นะครับ”
“อุ๊ย! ฉันกลัวคุณแล้วละคะ ตกลงคุณมีอะไรให้ฉันช่วยคะ วันนี้ฉันจะสละเวลาบริการให้เป็นพิเศษแก่นายตำรวจก็แล้วกันคะ จะให้ฉันรับใช้อะไรคะ ตอบมาเร็วๆคะอย่าได้อ้อมค้อมฉันรีบคะ”
“คุณมองดูผมดีๆ สิคุณผู้หญิง ผมเป็นอย่างไร”
“คุณก็เป็นตำรวจ หน้าตาดี รูปหล่อ แม้จะเปียกปอน แต่ก็ดูดี คุณอยากให้ฉันพูดแค่นี้ใช่มั้ยคะ”
“โอ้ย ! ประเทศนี้มันเป็นอะไรกันไปหมด คุณผู้หญิงครับคุณจะกวนประสาทผมไปอีกนานมั้ยครับ”
“คุณถามฉันๆ ก็ตอบคุณ มันกวนประสาทคุณตรงไหน คุณน่าจะดีใจถึงจะถูกปกติฉันไม่ค่อยได้ชมใครหล่อและหน้าตาดีบ่อยๆ หรอกนะ”
“คุณนี้กวนประสาทผมได้สุดยอดจริงๆ ที่ผมให้คุณดูผม ผมหมายถึงเสื้อผ้าเครื่องแบบที่ผมใส่อยู่มันเปียกผมอยากให้คุณรีดมันให้แห้ง ผมต้องใส่มันไปทำงานอย่างเร่งด่วนมาก และเวลาที่คุณพูดกวนประสาทผมมันก็ทำให้ผมล่าช้าไปอีกมากๆ เข้าใจมั้ยครับ”
“ก็ฉันบอกคุณแล้วให้พูดตรงๆ อย่าพูดอ้อมค้อมคุณก็ไม่เชื่อฉัน จะมาโทษฉันคนเดียวได้อย่างไร คุณก็บอกฉันตรงๆ สิคะให้ฉันรีดเสื้อผ้าให้แห้งแค่นี้ฉันก็เข้าใจแล้ว ฉันไม่รู้จริงๆตำรวจประเทศนี้มันเป็นอะไรกันไปหมดนะ”
“คุณผู้หญิงผมจับคุณในข้อหาหมิ่นประมาณอาชีพตำรวจได้นะครับ”
“อุ๊ย ! ขอร้องนะคะอย่าจับฉันเลยนะคะ ฉันต้องรีบไปเรียนหนังสือคะ และอีกอย่างถ้าคุณจับฉันใครจะรีดเสื้อผ้าเครื่องแบบให้คุณ จริงมั้ยคะ”
“จริง จิง ครับ จริง ผมไม่จับคุณแล้ว คุณรีบรีดเครื่องแบบให้ผมเถอะครับ”
“รอสักครู่นะคะคุณตำรวจ ฉันไปหาเสื้อผ้ามาให้คุณเปลี่ยนก่อนคะ”
ตรัสมองนักศึกษาสาวเดินหายเข้าไปในห้องข้างๆ แล้วเดินกลับออกมาพร้อมเสื้อยืดสีขาวและกางเกงขาสั้นพร้อมชุดชั้นในสำหรับผู้ชาย สภาพของตรัสตอนนี้ชุดที่ตรัสสวมใส่อยู่มันเปียกทั้งหมดทั้งข้างนอกข้างใน ตรัสมองกางเกงบ๊อกเซอร์สำหรับผู้ชายอย่างสงสัยหลายอย่าง ร้านของหญิงสาวมันเป็นร้านซัก อบ รีด ไม่ใช่ ร้านขายเสื้อผ้าเสียหน่อยทำไมร้านเธอมีชุดชั้นในผู้ชายด้วย ความสงสัยของตรัสได้รับคำตอบในเวลาต่อมา
“ไม่ต้องสงสัยมากหรอกคุณตำรวจมันสะอาดยังไม่เคยเกาะใช้ ฉันซื้อเตรียมไว้ให้พี่ชายฉันนะ แต่ยังไม่ได้ให้ นานๆ พี่ฉันถึงจะมาค้างด้วยฉันเลยต้องคอยเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้พี่ชายได้เปลี่ยน ดังนั้นชุดที่คุณใส่วันนี้ฉันจะคิดเงินพร้อมค่าบริการนอกเวลาทำงานของฉัน นั้นห้องน้ำไปเปลี่ยนเครื่องแบบคุณมาให้ฉันรีดให้ได้แล้ว ไม่ใช่คุณมีธุระเร่งด่วนคนเดียวฉันก็รีบเหมือนกัน”
“ครับคุณผู้หญิง”
ตรัสเดินเข้าไปในห้องน้ำอย่างตัวสั่นตัวงอด้วยความหนาวเย็นสายน้ำหยดตามพื้นทุกๆ ก้าวย่างของตรัสจนถึงห้องน้ำ ตรัสเปลี่ยนชุดเครื่องแบบนายตำรวจออกแล้วสวมชุดลำรองที่หญิงสาวส่งให้ ตรัสเช็ดเนื้อเช็ดตัวด้วยผ้าขนหนูสีขาวพื้นเล็กตามเส้นผมและใบหน้าจนรู้สึกร่างกายอบอุ่นขึ้นจึงเดินกลับออกมาจากห้องน้ำพร้อมเครื่องแบบที่เปียกปอนเลอะเทอะ หญิงสาวยืนยิ้มมองหน้าตรัสในมือหญิงสาวถือไม้ถูพื้นสำหรับเช็ดถูหยดน้ำที่ตรัสทำไว้ ตรัสยิ้มรับรอยยิ้มน่ารักของหญิงสาวอย่างไม่เต็มรอยยิ้มดีนักอาจจะเป็นเพราะตรัสรู้สึกระอายใจนิดหน่อยก็ได้ หญิงสาวเดินตรงมาหาตรัสด้วยรอยยิ้มแข็งๆ ดวงตาจริงจังจนตรัสรู้สึกหนาวและสั่นนิดเพราะดวงตาน่ากลัวมากๆ เธอยื้นไม้ถูพื้นให้ตรัสพร้อมยื้นมืออีกข้างมารับชุดเครื่องแบบนายตำรวจของตรัสไว้
“คุณถูพื้น ฉันจะรีดเครื่องแบบให้คุณ ตกลงมั้ยคะ คุณตำรวจ”
“ครับคุณผู้หญิง”
“เรียกฉันเม ก็ได้คุณตำรวจตรัสลักษณ์”
“คุณเมรู้จักชื่อผม”
“ฉันอ่านเอาจากป้ายชื่อคุณ มันไม่เห็นแปลกพิสดารอะไรเลย”
“ครับผมเข้าใจแล้วครับ คุณเมนี้ช่างสังเกตุดีนะครับ”
“ไม่ต้องมาชื่นชมฉันเลยคุณตำรวจ ฉันจะรีบรีดผ้าเครื่องแบบของคุณ คุณก็รีบถูพื้นให้แห้ง คุณกับฉันจะได้รีบๆ ไปทำธุระของตัวเอง”
“ครับผม ตำรวจไทยพร้อมทำหน้าที่ให้แล้วครับ”
หญิงสาวคลี่ยิ้มขบขันเมื่อได้ฟังเสียงตำรวจไทยพูดรับคำสั่งจากเธอแล้วเริ่มทำหน้าที่ของตัวเองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เธอเดินไปที่เครื่องอบเสื้อผ้ามันใช้เวลาไม่นานเครื่องแบบก็แห้งพร้อมทำการรีด เธอจึงเอาเครื่องแบบนายตำรวจมาผ่านเครื่องรีดขนาดใหญ่ไอน้ำละอองสีขาวส่งเสียงเหมือนหวูดเรือหรือหวูดรถไฟ เวลาต่อมาเครื่องแบบนายตำรวจก็เสร็จเรียบร้อย แห้งสนิททุกส่วนของเครื่องแบบแข็ง เรียบลื่นจากการผ่านกระบวนการของการลงแป้งให้แก่เครื่องแบบนายตำรวจหนุ่ม
“เสร็จเรียบร้อยแล้วคะ คุณตำรวจตรัสลักษณ์ คุณเข้าไปแต่งเครื่องแบบของคุณได้แล้ว ฉันรีบ”
“ครับผม ตำรวจตรัสคนนี้ก็รีบเหมือนกันครับผม”
ไม่นานนายตำรวจหนุ่มก็แต่งเครื่องแบบเสร็จเรียบร้อยมองดูสูงสง่า สมชายชาตรี ชาติตำรวจไทย ใจกล้าหาญ เส้นผมสั้นถูกหวีตบแต่งให้เข้าที่ดูดี ใบหน้าคม จมูกโด่งเป็นสันนูน ผิวพันธ์ใบหน้านายตำรวจดังสีของน้ำผึ่งฤดูหนาว ไม่ขาวจัดจนดูซีดเฉียว โดยรวมแล้วนายตำรวจหนุ่มหล่อระดับขั้นเทพ เมทินีนึกให้คะแนนนายตำรวจตรัสลักษณ์ในใจ
“ผมเรียบร้อยแล้วครับ คุณเม เราไปกันได้แล้วครับ”
“แต่ก่อนที่เราจะไปกันคุณตำรวจต้องชำระบิลค่าบริการก่อนนะคะ”
“ผมไม่มีเงินสดครับ ค้างไว้ก่อนได้มั้ยครับ”
“ตำรวจไทย ใจกล้าหาญ คุณกล้าค้างค่าซักรีด หรือคะ”
“ครับผมกล้า ผมไม่ได้บอกว่าผมจะไม่จ่าย ผมบอกผมไม่มีเงินสด มีแต่บัตรเครดิต กับบัตรเอทีเอ็ม ฝนตกหนักแบบนี้คุณคงไม่ให้ผมใส่เครื่องแบบแล้ววิ่งหาตู้เอทีเอ็มกดเงินมาจ่ายให้คุณเม ใช่มั้ยครับ”
“เข้าใจแล้วคะ คุณตำรวจไทย ใจกล้าหาญ”
“คุณเมกำลังพูดประชด แดกดันผมอยู่ใช่มั้ยครับ”
“อุ๊ย! ฉันไม่กล้าพูดประชดแดกดันคุณตำรวจหรอกคะ ฉันก็กลัวคุณตำรวจจับฉันเข้าคุกเหมือนกันนะคะ”
“ครับ ผมก็รู้สึกว่าคุณกลัวผมอยู่ไม่ใช่น้อยเหมือนกัน”
“เอาเป็นว่าคุณตำรวจเก็บบิลค่าบริการไว้ เงินเดือนออกค่อยมาจ่ายก็ได้ ฉันก็พอเข้าใจคุณตำรวจ ฉันเองมีลูกค้าขาประจำเป็นข้าราชการหลายคนปกติพอสิ้นเดือนพวกข้าราชการไทยถึงจะมีเงินมาจ่ายให้ฉัน ส่วนคุณตำรวจตำแหน่งหน้าที่ก็เล็กๆ เงินเดือนก็คงไม่มาก ลูกเมียต้องกินต้องใช้ก็คงติดๆ ขัดๆ บ้าง ดังนั้นเอาเป็นว่าสิ้นเดือนเงินเดือนคุณออกเมื่อไรถึงมาจ่ายให้ฉันก็ได้”
“โอ้โฮ้ ! คุณเมคุณจินตนาการข้าราชการไทยอย่างผม ยากจน อดมื้อกินมื้อ เลยนะครับนั้น เอาเป็นว่าผมไม่อยากติดค้างเงินค่าซักรีดคุณแล้วครับ มันเสียศักดิ์ศรีนายตำรวจไทยใจกล้าหาญอย่างผมแย่เลยครับ”
“ใจเย็นก่อนก็ได้คะ คุณตำรวจตรัสลักษณ์ ฉันต้องขอโทษด้วยคะที่พูดความจริง และคุณเกิดรับไม่ได้ แต่ฉันพูดไม่ได้หวังเร่งรัดอะไรคุณจริงๆ นะคะ สิ้นเดือนคุณคอยมาจ่ายฉันก็ได้ค่ะ จริงๆ ค้า ฉันเข้าใจค้า คุณตำรวจ”
“โอ้ย ! โอ้ย ! พูดกับคุณแล้วความดันผมขึ้น คุณนี้เป็นตัวก่อกวนประสาทชั้นหนึ่งเลยนะครับ ตกลงครับข้าราชการไทยอดมื้อกินมื้ออย่างผม เงินเดือนออกผมจะรีบนำมาจ่ายให้คุณครับ และอีกอย่างอยากให้คุณรู้ไว้ ผมยังหนุ่มโสด ไม่มีลูกมีเมียครับ เงินเดือนได้มาผมใช้คนเดียวครับ ตอนนี้ผมก็กำลังหาเมียสักคนร่วมใช้เงินเดือนร่วมกันกับผมอยู่ครับ ถ้าคุณเมสนใจอยากเอาเงินเดือนผมไปใช้บ้าง ก็ได้นะครับ แต่คุณเมต้องแต่งงานกับผมก่อนครับ”
“นั้นประไร ลายออกจนได้ รถไฟ เรือเมล์ ลิเก ตำรวจ สจ๊วต นักบิน ทหารอากาศ เซลแมน คำโบราณว่าเจ้าชู้ห้ามเลือกเอามาเป็นสามี ถ้าจะจริง เจอกันยังไม่ถึงชั่วโมงชวนฉันแต่งงานเสียแล้ว คุณนี้ชาติเสือไว้ลายจริงๆ คุณตำรวจตรัสลักษณ์”
“ฮ่า ฮ่า คุณนี้เป็นสุดยอดตัวก่อกวนสติและประสาทผู้ชายเลยนะครับ อาชีพที่คุณพูดมาผมว่าถ้าเป็นความจริงคุณไม่ได้แต่งงานแน่ครับ เพราะผมนึกไม่ออกว่าคุณจะแต่งงานกับอาชีพอะไรแล้วไม่เจ้าชู้ จริงมั้ยครับ ฮ่า ฮ่า”
“เรื่องของฉันคุณไม่ต้องยุ่งและหัวเราะเยอะฉันหรอกคะสักวันฉันคงนึกออกเองว่าจะแต่งงานกับใครอาชีพอะไร คุณไปได้แล้วฉันรีบ เพราะคุณคนเดียวทำให้ฉันสายมากๆ คุณตำรวจ”
“คุณก็ทำให้ผมสายเหมือนกันครับคุณเม ถ้าคุณไม่ก่อกวนประสาทผมเราคงได้ไปจากที่นี้กันนานแล้วครับ”
“คะฉันผิดคุณก็ผิดด้วยเหมือนกัน คุณก็ก่อกวนประสาทฉันเหมือนกัน หรือจะเถียงคะคุณตำรวจ”
“ไม่ครับ ไม่เถียงแล้วครับ ผมสงสัยอย่างเดียวแล้วเราจะไปกันอย่างไรฝนยังตกอยู่เลย และผมก็ไม่มีร่มด้วย”
“ฉันมีร่ม ฉันจะให้คุณยืม และฉันจะใจดีให้คุณอาศัยรถฉันไปที่ป้ายจอดรถ แล้วคุณก็เรียกแท็กซี่ ไปทำธุระของคุณ ส่วนฉันก็จะไปทำธุระของฉัน ตกลงนะคะคุณตำรวจไทยใจกล้าหาญ”
“เข้าใจแล้วครับ และขอบคุณมากครับ คุณใจดีจริงๆ”
“คะคุณตำรวจ ฉันยินดีรับใช้ตำรวจไทยด้วยความเต็มใจคะ”
ในเวลาต่อมาตรัสและนักศึกษาสาวแสนสวยก็นั่งอยู่บนรถยนต์คันหรูราคาไม่แพงมากนัก แต่การรักษาตบแต่งดูแลทำให้มันดูน่านั่งน่าอาศัยพักพิง ตรัสจึงมองข้ามราคาและคุณภาพของรถคันหรูราคาถูกไป หญิงสาวขับรถราคาถูกออกสู่ท้องถนนฝ่าสายฝนเม็ดหนาไปยังเส้นทางข้างหน้าอันเป็นเส้นทางเดียวกับที่ตรัสกำลังจะไป วันนี้ตรัสมีนัดสัมมนาและตรัสได้รับเชิญให้เป็นวิทยากรพิเศษ ยังมหาวิทยาลัยข้างหน้า หัวข้อในการสัมมนาก็เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในชีวิตประจำวัน ตรัสมองนาฬิกา มันบอกว่าการสัมมนาได้เริ่มไปแล้วแต่ยังไม่ถึงคิววิทยากรอย่างนายตำรวจตรัสคนนี้ขึ้นพูดเท่านั้นแต่อีกไม่นานก็จะเป็นคิวของตรัสแล้ว อาการกระสับกระส่ายของตรัสทำให้นักศึกษาสาวเกิดความสนใจมากขึ้น ตรัสจึงได้ยินเสียงคำถามจากเธอจึงหยุดอาการกระสับกระส่ายและตอบคำถามแทน
“คุณดูกังวลมาก มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ครับ ผมเป็นวิทยากรรับเชิญ ในการสัมมนาเรื่องความปลอดภัย และผมรู้สึกว่าจะไปไม่ทันเวลาครับ”
“ที่ไหนคะ”
“มหาวิทยาลัยข้างหน้าครับ”
“อุ๊ย ! บังเอิญนะคะ ฉันก็เรียนอยู่ที่นั้นคะ อย่างนั้นฉันจะขับไปส่งให้ถึงที่เลยนะคะ แต่ก่อนอื่นฉันขอแวะส่งงานก่อนนะคะไม่เกินสิบนาทีคะ”
“อะไรนะครับ คุณเรียนอยู่มหาวิทยาลัยข้างหน้าหรือครับ”
“ทำไมคะ มันแปลกตรงไหนที่ฉันจะเรียนที่นั้น”
“ผมแค่สงสัยเท่านั้นมันเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐบาล และคนที่จะเข้าเรียนได้ต้องสอบแข่งขันกันอย่างเอาเป็นเอาตายถึงจะได้เรียน ดังนั้นคนที่จะเรียนที่นั้นได้ต้องฉลาด เป็นสุดยอดหัวกะทิเท่านั้น”
“คุณคงไม่ได้จะบอกฉันว่าฉันดูโง่ เลยไม่น่าจะเรียนที่นั้นได้ใช่มั้ยคะคุณตำรวจ”
“ก็อะไรทำนองนั้น”
“คุณนี้ก็เป็นพวกก่อกวนประสาทชั้นหนึ่งเหมือนกันนะคะ วันนี้เป็นวันซวยของฉันจริงๆ”
ตรัสยิ้มเจ้าเล่ห์อารมณ์ดี ตรัสเพิ่งรู้ว่าสายฝนไม่ได้มอบแค่ความเหน็บหนาวให้แก่หัวใจของเขาเท่านั้น แต่ฤดูกาลที่แปรเปลี่ยนยังนำพาความอบอุ่นมาสู่หัวใจนายตำรวจอย่างเขาด้วย ในวันที่แย่มากๆ ตรัสกับได้พบกับคนที่ทำให้หัวใจของเขาเบิกบานได้อย่างมากมายเช่นกัน เสียงรถคันหรูราคาถูกจอดสนิท ตรัสมองเห็นหญิงสาวในชุดพนักงานบริษัทวิ่งถือร่มออกมาจากหน้าบริษัทเกียรติภูมินทร์
“คุณเมขา ครั้งนี้คุณเมส่งงานไม่ตรงเวลานะคะ คุณภาคีนัย ผู้อำนายการคนใหม่โมโหอาละวาด ขว้างปาข้าวของใหญ่เลยคะ ครั้งหน้าขอให้ตรงเวลาหน่อยนะคะ พี่กลัว ผอออ..คนใหม่คะ ดูน่ากลัวกว่าคนเก่าม้ากมากคะ”
“ตกลงจ๊ะ ครั้งหน้าจะส่งให้ตรงเวลา ครั้งนี้ต้องขอโทษด้วยฝนตกรถติด เลยมาช้าไปนิด”
“คะเข้าใจคะ คุณเมส่งงานก่อนเวลาทุกครั้ง แต่ครั้งนี้พี่แค่สงสัยเท่านั้นทำไมต้องมาเจอะจงส่งไม่ตรงเวลา วันที่ผู้อำนวยการคนใหม่มาทำงาน ก็เท่านั้นเองคะ”
“อุ๊ย! เมไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้าหรอกนะคะมันเป็นความบังเอิญจริงๆ คะ วันนี้เมรีบมากต้องไปเรียนแล้วคะ ถ้ามีปัญหาอะไรรบกวนโทรหาเมด่วนเลยนะคะ”
“ตกลงจะหนูเม ขอให้โชคดีนะคะ”
“คะ สวัสดีนะคะ ขอให้พี่โชคดีกับเจ้านายใหม่ด้วยนะคะ”
ตรัสมองนักศึกษาสาวอย่างสนใจมากขึ้น บริษัทเกียรติภูมินทร์ ถือเป็นบริษัทชั้นแนวหน้าของเมืองไทยพนักงานต้องคัดเลือกเฉพาะพนักงานหัวกะทิเท่านั้นถึงสามารถเข้าทำงานได้ แต่นักศึกษาสาวกับนำผลงานมาส่งให้กลับพนักงานบริษัทไอทียักษ์ใหญ่ของเมืองไทยก็แสดงว่าเธอไม่ใช่แค่คนฉลาดธรรมดา แต่เธอฉลาดมากๆ ตรัสมองสำรวจข้าวของในรถของเธอโดยละเอียดมากขึ้นเบาะหลังรถจะมีหนังสือไอทีหลายสิบเล่ม ซีดีสอนภาษามากมายหลายภาษาและที่ทำให้ตรัสหยุดมองอย่างสนใจก็คือหนังสือข้อมูลแนะนำที่เล่าเรียนยังต่างประเทศหลายเล่มเช่นกัน ตรัสเกิดคำถามตามมาในใจและคิดว่าคำถามบางคำถามตรัสสามารถเดาได้บ้างแล้ว นักศึกษาสาวกำลังสนใจที่จะออกเดินทางไปสำรวจโลกกว้างภายนอกอันเป็นความฝันแบบเดียวกันกับตรัสที่เคยฝันไว้ก่อนที่จะมาเป็นตำรวจ ตรัสยังไม่สามารถทำตามความฝันได้แต่นักศึกษาสาวตรงข้างเขากับกำลังเดินตามสิ่งที่ตรัสหยุดไว้ เธอกำลังเดินต่อไปจากเส้นเชือกที่ตรัสทำขาดไว้ ส่วนตัวตรัสเองจะมีสิทธิต่อเส้นเชือกแล้วเดินเคียงข้างเธอไปด้วยได้มั้ยนะ
“คุณคิดอะไรอยู่หรือคุณตำรวจไทย ใจกล้าหาญ”
“ไม่มีอะไร ผมแค่สนใจกองหนังสือและซีดีหลังเบาะรถคุณเมก็เท่านั้น”
“คุณสนใจอยากได้ไปอ่านบ้างมั้ยละคะ ฉันจะยกให้ฉันอ่านหมดแล้ว ปกติฉันจะส่งไปบริจาคตามห้องสมุดต่างๆ แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เก็บกวาดเลยลกเบาะรถอย่างที่คุณเห็น”
“เปล่าผมไม่ได้สนใจขยะในรถของคุณ ผมสนใจหนังสือแนะนำที่เรียนต่างประเทศของคุณมากกว่า”
“ทำไมคุณถึงสนใจ”
“ผมก็แค่สนใจ ไม่ได้หรือครับ”
“ได้นะมันได้ ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรคุณ แต่หากคุณต้องการจะไปเรียนต่อฉันก็พอให้คำปรึกษาแก่คุณได้ นายตำรวจไทยใจกล้าหาญ”
“ครับ ถ้าผมอยากไปบ้างคุณพอจะมีอะไรแนะนำผมบ้างครับ”
“ฉันก็แค่พอจะแนะนำคุณเรื่องการสอบชิงทุนให้แก่คุณได้บ้าง และคำปรึกษาเรื่องข้อสอบเล็กๆ น้อยๆ แก่คุณ หากคุณสนใจ”
“คุณคงไม่ได้หมายความว่าคุณสอบชิงทุนได้ไปเรียนต่อหรอกนะครับ”
“ก็อะไรทำนองนั้น”
“คุณนี้ยอกย้อนเอาคำพูดของผม มาใช้คืนผมหรือครับ”
“ก็อะไรทำนองนั้น”
“ตกลงครับ ผมยอมรับก็ได้ว่าคุณฉลาด”
“ฉันไม่ขอบคุณ คุณหรอกนะที่ชมฉันฉลาด เดี๋ยวคุณจะหาว่าฉันหลงตัวเองอีก”
“คุณนี้เหลือเชื่อจริงๆ ผมเลิกคิดก่อกวนประสาทคุณแล้วครับ คนฉลาดมักคิดมากอย่างคุณทุกคนหรือเปล่าครับ”
“ทุกคนคะ คุณตำรวจไทยใจกล้าหาญ”
“ครับผมยอมแพ้คุณแล้วครับ คุณนักก่อกวนประสาท”
“เช่นกันคะคุณนักก่อกวนประสาท”
ฤดูกาลของหยาดพิรุณหยดสุดท้ายของฤดูกาล ตรัสก็เดินทางมาจนถึงจุดหมายปลายทางหญิงสาวเลี้ยวรถเข้าสู่มหาวิทยาลัย ในเวลาที่ฝนหยุดตก นักศึกษามากมายในชุดเสื้อสีขาวเดินออกมาจากทุกๆที่จนหนาตา รถราคาถูกวิ่งเข้าจอดจนถึงหน้าเวทีห้องสัมมนาก่อนที่ตรัสและนักศึกษาสาวจะเปิดประตูรถออกไป ตรัสมองสำรวจและเห็นคนรู้จักมากมายหลายสิบคนร่วมถึงวรนุช หญิงสาวที่มารดาของตรัสได้หมายหมั่นไว้ให้แต่งงานในอนาคต วันนี้ของฤดูกาลที่แสนเหน็บหนาวตรัสไม่ต้องการให้เธอมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาเลย มันคือความรู้สึกกลัวอย่างรุนแรง ตรัสกลัวความเข้าใจผิดของหญิงสาวที่ตรัสร่วมเดินทางมาด้วย อาจจะด้วยหลายเหตุผลแต่มีเพียงเหตุผลเดียวที่ตรัสรู้สึกในตอนนี้ก็คือตรัสตกหลุมรักนักศึกษาสาวที่เดินทางมาด้วยกันเข้าให้แล้ว ตรัสจึงไม่ต้องการให้มีอุปสรรคเพียงเล็กน้อยในเวลาเช่นนี้ ตรัสไม่ต้องการที่จะให้มีแม้แต่ผู้หญิงที่มารดาเลือกไว้ให้มายืนอยู่ข้างๆหรือใกล้ๆเขา แต่ไม่ทันที่ตรัสจะห้ามใครได้มีเสียงผู้หญิงสองคนพูดทักทายกันอย่างสนิทสนมเสียแล้ว...
“นุชเธอมาทำอะไรที่นี้ ทำไมไม่อยู่ที่ห้องเรียน หรือเธอจะมาฟังการสัมมนา”
“ใช่แล้วเมวันนี้ฉันโดดเรียนมาฟังการสัมมนาเรื่องความปลอดภัยในการใช้ชีวิตประจำวัน”
“เธอเนี่ยนะจะมาฟังการสัมมนา ฉันไปดูหนังกับเธอหนังสงคราม หนังยิงกัน ฆ่ากัน เธอกับนอนหลับเป็นตาย ฉันไม่เชื่อหรอกที่เธอจะมาฟังเรื่องอะไรที่มันไร้สาระแบบนี้”
“เธอนี้สุดยอดเพื่อนรักผู้รู้ใจฉันจริงๆ เม การฟังการสัมมนาเป็นเหตุผลรอง แต่คนมาเป็นวิทยากรสัมมนาต่างหากคือเหตุผลหลัก”
“ทำไมหรอ เขาแก้ผ้ามาพูดหรอ เธอถึงสนใจ ถ้าใช่ฉันก็จะไปฟังบ้าง”
“ว้าย ! ยัยเม เธอนี้มันลามกจริงๆ จะมีใครแก้ผ้าเป็นวิทยากรสัมมนากัน เธอนี้พูดซะฉันขนลุกเลย”
“แล้วทำไมเธอถึงสนใจละ”
“ก็เขาเป็นคนที่ฉันรู้จัก ก็มีฐานะคลายจะเหมือนพี่ชายฉัน”
“จริงหรือนุช อย่างนั้นเธอต้องแนะนำให้ฉันรู้จักแล้วละ บ้างที่ถ้าฉันเกิดถูกใจพี่ชายเธอ เราอาจจะได้เป็นญาติสนิทกัน จริงมั้ยจะนุช”
“ไม่ได้เลยยัยเม คนนี้ห้ามยุ่งเด็ดขาด และฉันก็จะไม่แนะนำให้เธอรู้จักด้วย เป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ตาม ฉันก็จะไม่แนะนำให้รู้จักกันโดยเด็ดขาด”
“ว้าย ! ยัยนุชเธอนี้เป็นเอามากนะ หลงผู้ชายจนลืมเพื่อน ฉันก็แค่พูดเล่นของรักของหวงของเธอฉันไม่แย่งหรอกจ๊ะเพื่อนรัก”
ตรัสสุดจะทนนั่งฟังสองสาวพูดคุยถึงเขา โดยเฉพาะนักศึกษาสาวที่นั่งรถมาด้วยกัน เธอพูดถึงเขาเหมือนเขาเป็นของเล่นและไม่ให้ความสำคัญหรือสนใจเขาเลย เธอพูดว่าจะไม่มีวันแย่งเขาจากเพื่อนรักของเธอ เธอไม่มีสิทธิพูดอย่างนั้นมันไม่ถูกต้องเธอมีสิทธิทุกอย่างที่จะแย่งเขา และเธอควรจะแย่งเขาสิถึงจะถูก ตรัสคิดไร้สาระด้วยความโกรธ ตรัสเปิดประตูรถออกมาด้วยอารมณ์เสียเล็กน้อย และตรัสก็ได้ยินเสียงอุทานด้วยความตกใจจากวรนุช เพื่อนที่เขารู้จักอย่างน้องสาวแม้มารดาจะหมายมั่นให้แต่งงานด้วยในอนาคตแต่ตรัสก็ไม่ได้นึกรักหรือชอบอย่างคนรักเลยแม้แต่น้อย
“ว้าย ! พี่ตรัสมาอยู่ตรงนั้นได้อย่างไรกันคะ”
“พี่ก็มากับเพื่อนนุชนะสิ”
“ว้าย ! ไม่จริง นุชไม่เชื่อ เป็นไปไม่ได้”
“ไม่เชื่อก็ถามเพื่อนเธอดูเอง พี่ต้องรีบไปสัมมนาแล้ว ไม่มีเวลาตอบคำถามใคร ออ..คุณเม ผมอนุญาตให้คุณแย่งผมได้ตามที่คุณต้องการ แต่ผมไม่อนุญาตให้คุณยกผมให้ใคร เข้าใจนะครับ และอีกอย่างวันไหนถ้าคุณอยากดูผมแก้ผ้าเวลาสัมมนาบอกผมได้ผมยินดีแก้ผ้าให้คุณดูถึงการสัมมนาของผมมันจะไร้สาระขนาดไหนก็ตาม”
“โอ้ยๆ !ๆ ย้ยนุชนั้นใช่มั้ยพี่ชายของแก่”
“ใช่แล้วละยัยเม พี่ตรัสของฉัน ไม่น่าเลยเมื่อกี่ฉันพูดอะไรไปบ้างเนี่ย เมเธอจำได้บ้างมั้ย”
“ฉันก็จำไม่ได้เหมือนกัน”
“แต่มีอย่างหนึ่งเธอต้องจำได้แน่ เธอมากับพี่ตรัสได้อย่างไร ยัยเม”
“ฉันก็แค่รับเด็กหลงทางขึ้นรถมาด้วยก็แค่นั้น”
“จริงหรือเม”
“จริง จิง ยัยนุช ฉันจะโกหกเธอไปทำไม”
“อย่างนั้นก็แล้วกันไปเราไปเรียนกันเถอะ ฉันไม่อยากฟังแล้วการสัมมนง สัมมนา”
“ฉันก็รู้อยู่แล้วว่าเธอต้องไม่อยากฟัง”
ตรัสมองสองสาวเพื่อนรักเดินจากไป ในวันสิ้นสุดหยาดฝนหยดสุดท้ายของฤดูกาลที่หนาวเหน็บและเปียกปอน หัวใจของตรัสก็ได้สัมผัสความรู้สึกอบอุ่นในอ้อมกอดของความรักเป็นครั้งแรก ตรัสรู้ว่าความรักของเขาเต็มไปด้วยอุปสรรคและขวากหนามแต่ตรัสยินดีที่จะมีรักที่มั่นคง ตรัสจะนำขวากหนามแหลมคมมากมายมาปักลงกลางหัวใจที่มุ่งมั่นในความรักของเขาไว้ไม่ว่ามันจะนานเท่าใดเขาจะได้จดจำความรู้สึกของรักแรกสุดร้อนแรงไว้ให้นานแสนนานหรือตราบชีพวาย ตรัสก็พร้อมจะรอให้รักสมหวัง ตรัสไม่ยอมจะสูญเสียความรู้สึกอบอุ่นอย่างใหม่ของหัวใจไปอย่างสูญเปล่าแน่นอน เมื่อความรักเกิดขึ้นแล้วตรัสก็ต้องการที่จะให้หัวใจของเขาเป็นผู้ตัดสินความหนักแน่นของหัวใจจะมีวันเสื่อมคลายในวันใด หรือจะเพิ่มพูนขึ้นจนไม่สามารถยับยังได้ ตรัสจะจดจำความรู้สึกในวันนี้และจะไม่มีวันลืมหากวันใดเมื่อตรัสคิดว่าได้สูญเสียความรู้สึกนี้ไปตรัสจะตามมันกลับคืนมาอีกครั้ง ดังคำพูดในหัวใจส่วนลึกได้บอกตรัสไว้ให้เขาตามรักคืนสู่ใจอีกครั้ง และอีกครั้ง จะไม่มีวันลืมความรู้สึกรักมั่นคงครั้งนี้เด็ดขาด...
.............................................................
ณ โรงแรมห้าดาวกลางใจเมืองหกปีต่อมามันคือวันคืนของฤดูกาลปลายฝนต้นหนาวอีกครั้ง หัวใจรักมั่นคงของตรัสยังไม่เคยลืมคืนวันของหยาดฝนหยดสุดท้ายของเมื่อหกปีที่แล้วที่ความรักของตรัสก่อตัวขึ้นและยังหนักแน่นมั่นคงไม่เคยเสื่อมคลายยังคงปักใจมุ่งมั่นในความรักมากขึ้นอย่างเพิ่มพูน หนามแหลมที่ตรัสจงใจปักไว้กลางหัวใจยังคงไม่สามารถดึงออกได้ ตรัสอยากขอให้มีปาฏิหาริย์ ให้เขาได้เจอหน้าหญิงที่สร้างหนามแหลมที่ปักลงกลางใจของเขาอีกครั้งแม้ครั้งนี้ตรัสจะต้องเจ็บปวดกว่าครั้งที่แล้วก็ตาม แล้วตรัสก็ได้ยินเสียงที่คุ่นเคยดังขึ้นไม่ห่างจากโต๊ะที่เขานั่งอยู่นัก ตรัสมองตรงไปยังเจ้าของเสียงทันที แล้วเปล่งเสียงพูดสั่นๆ ออกไปอย่างไม่เชื่อในสิ่งปาฏิหาริย์
“คุณแม่ครับออกมาเต้นรำกับผม และกระต่าย กระแตสิครับ”
“ไม่ละแม่ขอนั่งดูดีกว่า”
“เม นั้นคุณใช่มั้ย”
“ต...ตร..ตรัส คุณมาอยู่นี้ได้อย่างไร”
ตรัสไม่รู้จะตอบคำถามของเมทินีได้อย่างไร เขามาอยู่ที่นี้ได้อย่างไรกัน ตอนนี้ตรัสเองก็นึกไม่ออกเช่นกัน
“ไม่รู้เหมือนกันเม ผมนึกไม่ออกเลยว่าตอนนี้ผมอยู่ที่ไหน ผมรู้สึกคุ่นๆ ว่าเราอยู่กันบนรถขยะของคุณเมื่อหกปีที่แล้ว แต่นั้นเวลามันก็นานตั้งหกปีมาแล้ว แต่ทำไมผมถึงยังคงคิดถึงมันนะ คุณให้คำตอบผมได้มั้ยเม”
“ตรัสคะฉันคิดว่าเรามานั่งคุยกันเป็นการส่วนตัวดีมั้ยคะ รู้สึกจะมีคนมองเรามากมายอยู่นะคะ”
“จริงหรือเม ทำไมผมไม่รู้สึกเลยละ”
“ที่คุณไม่รู้สึกเพราะคุณเป็นนักก่อกวนประสาทอย่างไรละคะตรัส”
“จริงหรือเม”
“จริง ร้อยตำรวจตรีตรัสลักษณ์ นายตำรวจไทยใจกล้าหาญ”
“เมผมไม่ได้เป็นนายร้อยตำรวจเงินเดือนไม่พอใช้อีกแล้วนะ ผมเป็นพันตำรวจเอกตรัสลักษณ์ ผู้มีเงินเดือนพอที่จะจ่ายค่าซักรีดให้คุณได้แล้ว”
“ตรัสหยุดพูดเถอะ อายเพื่อนคุณและโต๊ะข้างๆ บ้าง”
ตรัสเหมือนถูกปลุกจากการถูกสะกดจิต จิตใจเริ่มปรับตัวสู่เหตุการณ์ปัจจุบันอีกครั้งตรัสยืนอยู่ที่โต๊ะอาหารมองผู้คนรอบข้างและนึกชื่อทุกคนที่ร่วมโต๊ะอาหารด้วยอย่างช้าๆ เริ่มจากหญิงสาวโรสิตาดาราดัง นางแบบที่ร่วมเดินแบบกับตรัส แล้วก็จิมมี่ นายแบบร่วมเดินแบบด้วยเช่นกัน ส่วนฝั่งตรงข้ามของตรัสก็คือชายหนุ่มที่มีชื่อว่าภาคีนัย เป็นคู่รักกับดาราสาวโรสิตา ถัดมาก็คือพี่ชายภาคีนัยที่มีชื่อว่าประภพ ต่อจากประภพก็ คุณปิยะและภรรยาคุณนายดวงสมร ตรัสยิ้มรับสายตาทุกคู่ที่จ้องมองเขาอีกครั้ง อย่างขอโทษที่เสียมารยาท แต่สายตาจอมหาเรื่องของตรัสไปหยุดอยู่ที่ภาคีนัย ตรัสมีความรู้สึกแปลกๆในดวงตาภาคีนัยเหมือนจะอยากฆ่าเขาหรือทำอะไรสักอย่างกับตรัส นายตำรวจหนุ่มจ้องมองดวงตาเร่าร้อนเพื่อหาคำตอบอยู่นานแต่สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้ปล่อยปริศนาในดวงตานั้นเลยผ่านไป ขณะนี้ดวงตาไหนๆ ก็ไม่ใช่ดวงตาที่สำคัญสำหรับตรัสมากไปกว่าดวงตาของผู้หญิงที่ตรัสหลงรักและรอคอยปักใจมั่นในรักมายาวนานอีกแล้ว...
“ผมขอโทษทุกคนที่เสียมารยาทนะครับ ผมขอตัวสักครู่นะครับ”
“ไม่ได้ คุณจะไปไหนไม่ได้คุณตรัส”
“ทำไมครับคุณนัย”
“จริงด้วยคะนัยขา จะไปห้ามคุณตรัสไว้ทำไมคะ ปล่อยคุณตรัสไปหาคนรักของเธอเถอะคะ”
“ผมเพียงอยากจะบอกคุณตรัสว่าคุณเมทินีเป็นลูกจ้างที่บริษัทของผมเอง อย่างไรก็ให้มาร่วมโต๊ะเดียวกันกับเราเลยดีมั้ยครับ เธอจะได้ทำความรู้จักกับทุกๆ ด้วย”
“จริงหรือครับคุณนัย ที่เม เป็นลูกจ้างบริษัทคุณ”
“จริงครับคุณตรัส ไม่เชื่อก็ถามเธอดูก็ได้”
“จริงหรือเม”
“คะตรัส เมยังทำงานให้บริษัทเกียรติภูมินทร์ เหมือนกับเมื่อหกปีที่แล้ว”
“เห็นมั้ยครับคุณตรัส ถ้าอย่างนั้นก็ให้เธอมานั่งร่วมโต๊ะเดียวกันกับเราเลยนะครับ จะได้ดูครึกครื้น”
“ครับคุณนัย”
จบบทที่ 7 ต่อบทที่ 8 ภาคีนัยทะลุจุดเดือด
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ