วันฟ้าหม่น
9.0
เขียนโดย Mawmeaw
วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2553 เวลา 18.49 น.
10 ตอน
30 วิจารณ์
21.55K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 12 เมษายน พ.ศ. 2562 13.02 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) โดดเดี่ยว
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“แม่คะ วันนี้แม่จะกลับมากี่โมงคะ”
พริริยาถามคุณพิมพาทางโทรศัพท์ในตอนเย็นวันหนึ่ง
“วันนี้แม่คงกลับค่ำๆ จ้ะฟ้า ฟ้ากินข้าวก่อนแม่เลยนะลูก ไม่ต้องรอแม่นะ”
“แม่คะ แต่ว่าวันนี้เป็นวันครบรอบแต่งงานของแม่กับพ่อนะคะ แม่น่าจะกลับมากินข้าวกับฟ้าและพ่อนะคะ”
“ฟ้า ลูกอย่าลืมสิว่า พ่อเขาไม่ได้อยู่กับเราแล้ว แต่พ่อเขาก็ยังอยู่ในใจของพวกเราเหมือนเดิม ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้กินข้าวร่วมกันเมื่อถึงครบรอบแต่งงานเหมือนเมื่อก่อนก็เถอะนะลูก”
หญิงสาวเงียบไปสักครู่ เมื่อเธอนึกไปถึงคำพูดของแม่ที่ว่า พ่อคงไม่อาจอยู่ร่วมกินอาหารเย็นกับเธอและแม่เหมือนเมื่อก่อนได้อีกแล้ว
“ฟ้า ลูกไม่เป็นไรใช่มั้ย ฟ้าๆๆ ลูกยังไม่วางหูใช่มั้ย ฟ้า”
คุณพิมพารู้สึกกังวลใจเมื่อลูกสาวคนเดียวของเธอเงียบหายไป
และสัญญาณโทรศัพท์ก็ถูกตัดสายไปอย่างกระทันหัน แม้เธอจะโทรกลับไปอีก แต่ก็ไม่มีผู้ใดรับสายเลย
คุณพิมพาไม่อาจปลีกตัวออกไปได้ เธอจึงกดโทรศัพท์ต่อสายไปหาใครคนหนึ่งที่พอจะช่วยเหลือเธอในเรื่องนี้ได้
ปลายสายพูดว่า
“ใจเย็นๆ ครับคุณพิมพ์ ถึงแม้ตอนนี้ผมจะยุ่งมาก แต่ผมพอจะมีใครที่ผมไว้วางใจให้ช่วยแวะไปดูหนูฟ้าที่บ้านให้คุณในตอนนี้ได้ครับ”
.....................................
ที่บ้านคุณพิมพา
พริริยานั่งอยู่ที่พื้นข้างๆโต๊ะวางโทรศัพท์ เธอหยิบรูปครอบครัวที่เคยถ่ายร่วมกันเอาไว้ออกมาแนบไว้ที่อก
เธอกอดรูปนั้นเอาไว้แน่น ก่อนจะหลับตาลงเพื่อรำลึกถึงภาพแห่งความทรงจำอันงดงาม
ภาพที่มีพ่อแม่และลูกกำลังกินอาหารร่วมกันอย่างมีความสุขอยู่ที่สวนหน้าบ้าน
ทุกคนมีสีหน้าสดชื่นและมีความสุข โดยเฉพาะเด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่อยู่บนตักของผู้ชายตัวสูงคนหนึ่ง
หญิงสาวลืมตาขึ้นมาช้าๆ อย่างเหนื่อยอ่อน วันนี้เธอรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างบอกไม่ถูก
ทุกๆ ปีวันนี้จะเป็นวันที่เธอมีความสุขที่สุด เพราะวันนี้เป็นวันครบรอบแต่งงานของพ่อกับแม่ของเธอ
ขณะที่หญิงสาวกำลังคิดถึงภาพแห่งความทรงจำวันเก่าๆ อยู่นั้น
ที่หน้าบ้านมีเสียงกุกกักๆ คล้ายมีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ที่บริเวณประตูรั้วหน้าบ้าน
พริริยารู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล ด้วยสัญชาตญาณบางอย่างที่เธอกำลังรู้สึกอยู่ตอนนี้
หญิงสาวจึงเดินไปหาอาวุธที่เป็นไม้เนื้อแข็งขนาดเหมาะมือจากห้องเก็บของมาถือเอาไว้ในมือ
หล่อนค่อยๆ ย่องออกมาทางประตูหลังบ้าน แล้วค่อยๆ เดินอ้อมมาที่บริเวณหน้าบ้านอย่างระมัดระวัง
ขณะที่เงาตะคุ่มๆ ของใครคนหนึ่งกำลังทำท่าเหมือนจะกระโดดลงมาจากประตูรั้วสูง
พริริยาหลบอยู่ที่มุมหนึ่งใกล้ๆ กันนั้น เธออยู่ในจังหวะเตรียมพร้อมรับมือ
ซึ่งบริเวณที่เธออยู่ค่อนข้างมืดมาก จึงไม่เป็นที่สังเกตได้ง่ายๆ
เงานั้นค่อยๆ กระโดดลงมายังพื้นเบื้องล่าง เสียงดัง "ตุ๊บ" ขณะที่เขากำลังยันกายลุกขึ้นยืนอยู่นั้น
หญิงสาวก็โผล่ออกมายืนข้างหลังเงานั้น และใช้ไม้ในมือฟาดไปที่เงานั้นอย่างไม่ยั้งทันที
เสียงใครคนหนึ่งร้องขึ้น
“โอ๊ยๆ เดี๋ยวก่อนๆ คุณใจเย็นๆ ก่อน”
พริริยาไม่สนใจเสียงร้องห้ามนั้น เธอยังคงใช้ไม้หวดกระหน่ำไปยังใครคนนั้นถูกบ้างไม่ถูกบ้าง
ด้วยคิดว่ายังไงก็ต้องสู้กับหัวขโมยรายนี้ให้ได้ เพื่อความปลอดภัยของตัวเธอเอง
จู่ๆ เจ้าหัวขโมยที่เธอนึกเดา ก็จับไม้ที่เธอกำลังฟาดมาที่เขาเอาไว้แน่นก่อนจะบิดไม้ จนมันหล่นออกจากมือหญิงสาวกลิ้งตกลงไปที่พื้น
พริริยาหน้าซีดเผือด เธอกำลังตกอยู่ในเหตุการณ์จวนตัวเสียแล้ว
แต่จู่ๆ เงาของใครคนนั้นก็เดินโงนเงนไปยังใกล้ๆ หลอดไฟสว่างที่หน้าบ้าน
หญิงสาวมองเห็นใบหน้าชายคนนั้นชัดเจนและเธอก็จำเขาได้แม่นยำซะด้วย
“คุณเองเหรอ!!”
ชายหนุ่มใช้มือกุมหัวที่มีเลือดไหลซึมจากฝีมือการตีกระหน่ำด้วยท่อนไม้ของพริริยา
“ใช่ผมเอง คุณเล่นซะผมเกือบตายอยู่หน้าบ้านคุณแล้วมั้ยเนี่ย”
“แล้วคุณเล่นบ้าๆ อะไรของคุณ ถึงได้มาปีนรั้วบ้านคนอื่นเขาเล่นล่ะ”
“อ้าวก็กริ่งหน้าบ้านคุณมันเสียนี่ ผมไม่รู้จะเข้ามายังไง เลยใช้วิธีปีนนี่แหละ แล้วจู่ๆ ก็มีมือดีที่ไหนไม่รู้มาลอบทำร้ายผมเนี่ย”
“แล้วคุณมาบุกบ้านฉันในยามวิกาลแบบนี้ทำไมล่ะ ฉันก็คิดว่าคุณเป็นหัวขโมยนะสิ มันก็สมควรแล้วล่ะที่จะโดนแบบนี้”
“อ้าวคุณ อย่าเพิ่งกล่าวหาผมสิ แล้วคุณก็กำลังเข้าใจผิดด้วย ที่ผมมาที่นี่ ผมมาดีนะ ว่าแต่ตอนนี้ที่บ้านคุณมียาใส่แผลมั้ย ขอให้ผมก่อนเถอะ แล้วผมจะอธิบายทุกอย่างให้ฟังทีหลังเอง”
ชายหนุ่มไม่พูดเปล่า เขาถือวิสาสะเดินเข้ามาในบ้านหญิงสาว และทรุดตัวลงนั่งที่โซฟารับแขกโดยที่เจ้าของบ้านยังไม่ได้เชิญเลยด้วยซ้ำ
พริริยาเดินตามชายหนุ่มเข้ามา เธอเรียกสาวใช้ให้ไปหยิบกระเป๋ายาบนบ้านลงมา
สาวใช้รับคำก่อนจะรีบเดินไปหยิบกระเป๋ายาตามคำสั่ง
ชายหนุ่มไม่รอช้าระหว่างที่รอ เขาเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบว่า
“ที่ผมมาหาคุณที่นี่ เพราะแม่ของคุณเป็นห่วงคุณมาก ท่านเห็นคุณเงียบไป ไม่ยอมรับโทรศัพท์ ท่านจึงโทรไปหาลุงภพและลุงภพก็ให้ผมมาดูว่าคุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
“เหตุผลที่คุณจำเป็นต้องมาบุกบ้านฉันตอนดึกๆ มีแค่นี้ใช่มั้ยคะ คุณพีระศักดิ์”
( โปรดติดตามตอนต่อไป )
พริริยาถามคุณพิมพาทางโทรศัพท์ในตอนเย็นวันหนึ่ง
“วันนี้แม่คงกลับค่ำๆ จ้ะฟ้า ฟ้ากินข้าวก่อนแม่เลยนะลูก ไม่ต้องรอแม่นะ”
“แม่คะ แต่ว่าวันนี้เป็นวันครบรอบแต่งงานของแม่กับพ่อนะคะ แม่น่าจะกลับมากินข้าวกับฟ้าและพ่อนะคะ”
“ฟ้า ลูกอย่าลืมสิว่า พ่อเขาไม่ได้อยู่กับเราแล้ว แต่พ่อเขาก็ยังอยู่ในใจของพวกเราเหมือนเดิม ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้กินข้าวร่วมกันเมื่อถึงครบรอบแต่งงานเหมือนเมื่อก่อนก็เถอะนะลูก”
หญิงสาวเงียบไปสักครู่ เมื่อเธอนึกไปถึงคำพูดของแม่ที่ว่า พ่อคงไม่อาจอยู่ร่วมกินอาหารเย็นกับเธอและแม่เหมือนเมื่อก่อนได้อีกแล้ว
“ฟ้า ลูกไม่เป็นไรใช่มั้ย ฟ้าๆๆ ลูกยังไม่วางหูใช่มั้ย ฟ้า”
คุณพิมพารู้สึกกังวลใจเมื่อลูกสาวคนเดียวของเธอเงียบหายไป
และสัญญาณโทรศัพท์ก็ถูกตัดสายไปอย่างกระทันหัน แม้เธอจะโทรกลับไปอีก แต่ก็ไม่มีผู้ใดรับสายเลย
คุณพิมพาไม่อาจปลีกตัวออกไปได้ เธอจึงกดโทรศัพท์ต่อสายไปหาใครคนหนึ่งที่พอจะช่วยเหลือเธอในเรื่องนี้ได้
ปลายสายพูดว่า
“ใจเย็นๆ ครับคุณพิมพ์ ถึงแม้ตอนนี้ผมจะยุ่งมาก แต่ผมพอจะมีใครที่ผมไว้วางใจให้ช่วยแวะไปดูหนูฟ้าที่บ้านให้คุณในตอนนี้ได้ครับ”
.....................................
ที่บ้านคุณพิมพา
พริริยานั่งอยู่ที่พื้นข้างๆโต๊ะวางโทรศัพท์ เธอหยิบรูปครอบครัวที่เคยถ่ายร่วมกันเอาไว้ออกมาแนบไว้ที่อก
เธอกอดรูปนั้นเอาไว้แน่น ก่อนจะหลับตาลงเพื่อรำลึกถึงภาพแห่งความทรงจำอันงดงาม
ภาพที่มีพ่อแม่และลูกกำลังกินอาหารร่วมกันอย่างมีความสุขอยู่ที่สวนหน้าบ้าน
ทุกคนมีสีหน้าสดชื่นและมีความสุข โดยเฉพาะเด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่อยู่บนตักของผู้ชายตัวสูงคนหนึ่ง
หญิงสาวลืมตาขึ้นมาช้าๆ อย่างเหนื่อยอ่อน วันนี้เธอรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างบอกไม่ถูก
ทุกๆ ปีวันนี้จะเป็นวันที่เธอมีความสุขที่สุด เพราะวันนี้เป็นวันครบรอบแต่งงานของพ่อกับแม่ของเธอ
ขณะที่หญิงสาวกำลังคิดถึงภาพแห่งความทรงจำวันเก่าๆ อยู่นั้น
ที่หน้าบ้านมีเสียงกุกกักๆ คล้ายมีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ที่บริเวณประตูรั้วหน้าบ้าน
พริริยารู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล ด้วยสัญชาตญาณบางอย่างที่เธอกำลังรู้สึกอยู่ตอนนี้
หญิงสาวจึงเดินไปหาอาวุธที่เป็นไม้เนื้อแข็งขนาดเหมาะมือจากห้องเก็บของมาถือเอาไว้ในมือ
หล่อนค่อยๆ ย่องออกมาทางประตูหลังบ้าน แล้วค่อยๆ เดินอ้อมมาที่บริเวณหน้าบ้านอย่างระมัดระวัง
ขณะที่เงาตะคุ่มๆ ของใครคนหนึ่งกำลังทำท่าเหมือนจะกระโดดลงมาจากประตูรั้วสูง
พริริยาหลบอยู่ที่มุมหนึ่งใกล้ๆ กันนั้น เธออยู่ในจังหวะเตรียมพร้อมรับมือ
ซึ่งบริเวณที่เธออยู่ค่อนข้างมืดมาก จึงไม่เป็นที่สังเกตได้ง่ายๆ
เงานั้นค่อยๆ กระโดดลงมายังพื้นเบื้องล่าง เสียงดัง "ตุ๊บ" ขณะที่เขากำลังยันกายลุกขึ้นยืนอยู่นั้น
หญิงสาวก็โผล่ออกมายืนข้างหลังเงานั้น และใช้ไม้ในมือฟาดไปที่เงานั้นอย่างไม่ยั้งทันที
เสียงใครคนหนึ่งร้องขึ้น
“โอ๊ยๆ เดี๋ยวก่อนๆ คุณใจเย็นๆ ก่อน”
พริริยาไม่สนใจเสียงร้องห้ามนั้น เธอยังคงใช้ไม้หวดกระหน่ำไปยังใครคนนั้นถูกบ้างไม่ถูกบ้าง
ด้วยคิดว่ายังไงก็ต้องสู้กับหัวขโมยรายนี้ให้ได้ เพื่อความปลอดภัยของตัวเธอเอง
จู่ๆ เจ้าหัวขโมยที่เธอนึกเดา ก็จับไม้ที่เธอกำลังฟาดมาที่เขาเอาไว้แน่นก่อนจะบิดไม้ จนมันหล่นออกจากมือหญิงสาวกลิ้งตกลงไปที่พื้น
พริริยาหน้าซีดเผือด เธอกำลังตกอยู่ในเหตุการณ์จวนตัวเสียแล้ว
แต่จู่ๆ เงาของใครคนนั้นก็เดินโงนเงนไปยังใกล้ๆ หลอดไฟสว่างที่หน้าบ้าน
หญิงสาวมองเห็นใบหน้าชายคนนั้นชัดเจนและเธอก็จำเขาได้แม่นยำซะด้วย
“คุณเองเหรอ!!”
ชายหนุ่มใช้มือกุมหัวที่มีเลือดไหลซึมจากฝีมือการตีกระหน่ำด้วยท่อนไม้ของพริริยา
“ใช่ผมเอง คุณเล่นซะผมเกือบตายอยู่หน้าบ้านคุณแล้วมั้ยเนี่ย”
“แล้วคุณเล่นบ้าๆ อะไรของคุณ ถึงได้มาปีนรั้วบ้านคนอื่นเขาเล่นล่ะ”
“อ้าวก็กริ่งหน้าบ้านคุณมันเสียนี่ ผมไม่รู้จะเข้ามายังไง เลยใช้วิธีปีนนี่แหละ แล้วจู่ๆ ก็มีมือดีที่ไหนไม่รู้มาลอบทำร้ายผมเนี่ย”
“แล้วคุณมาบุกบ้านฉันในยามวิกาลแบบนี้ทำไมล่ะ ฉันก็คิดว่าคุณเป็นหัวขโมยนะสิ มันก็สมควรแล้วล่ะที่จะโดนแบบนี้”
“อ้าวคุณ อย่าเพิ่งกล่าวหาผมสิ แล้วคุณก็กำลังเข้าใจผิดด้วย ที่ผมมาที่นี่ ผมมาดีนะ ว่าแต่ตอนนี้ที่บ้านคุณมียาใส่แผลมั้ย ขอให้ผมก่อนเถอะ แล้วผมจะอธิบายทุกอย่างให้ฟังทีหลังเอง”
ชายหนุ่มไม่พูดเปล่า เขาถือวิสาสะเดินเข้ามาในบ้านหญิงสาว และทรุดตัวลงนั่งที่โซฟารับแขกโดยที่เจ้าของบ้านยังไม่ได้เชิญเลยด้วยซ้ำ
พริริยาเดินตามชายหนุ่มเข้ามา เธอเรียกสาวใช้ให้ไปหยิบกระเป๋ายาบนบ้านลงมา
สาวใช้รับคำก่อนจะรีบเดินไปหยิบกระเป๋ายาตามคำสั่ง
ชายหนุ่มไม่รอช้าระหว่างที่รอ เขาเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบว่า
“ที่ผมมาหาคุณที่นี่ เพราะแม่ของคุณเป็นห่วงคุณมาก ท่านเห็นคุณเงียบไป ไม่ยอมรับโทรศัพท์ ท่านจึงโทรไปหาลุงภพและลุงภพก็ให้ผมมาดูว่าคุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
“เหตุผลที่คุณจำเป็นต้องมาบุกบ้านฉันตอนดึกๆ มีแค่นี้ใช่มั้ยคะ คุณพีระศักดิ์”
( โปรดติดตามตอนต่อไป )
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ