ซาตานดีไซน์รัก
8.2
4)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ใบหน้าของหญิงสาวคนที่กำลังเดินเข้ามาในร้านตอนนี้ คอยวน
เวียนอยู่ในความคิดของวุฒิภัทรตลอดหลายวันที่ผ่านมา ทั้งๆที่เขา
พยายามอยู่หลายครั้งที่จะสลัดใบหน้าสวยๆนี้ทิ้งไปแต่ก็ไม่สามารถทำ
ได้ดั่งที่ใจคิด เขาไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไงทั้งๆที่เขาไม่เคยเป็นแบบนี้
มาก่อนเลย แม้แต่อัยลินนางแบบสาวสวยที่เขากำลังควงอยู่ในตอนนี้
ก็ยังไม่เคยทำให้เขาต้องเกิดความรู้สึกแบบที่รู้สึกกับเธอคนนี้เลยสัก
ครั้งเดียว
ท่าทางที่ดูสนิทสนมของคนทั้งคู่นั้นทำให้วุฒิภัทรรู้สึกหงุดหงิดและ
ไม่พอใจชอบกล แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันเกิดขึ้น
ได้ยังไง แต่ที่รู้ๆตอนนี้คือเขาไม่ชอบรอยยิ้มและสายตาที่เธอส่งให้กับ
ชายหนุ่มที่ตอนนี้นั่งอยู่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเธอ แค่เห็นเขาก็รู้สึกว่าจะ
ทนไม่ไหวแล้วอยากจะเข้าไปดึงเธอให้ออกไปจากตรงนั้นเสียเดี๋ยวนี้
เลย หากแต่ก็ไม่สามารถทำได้อย่างที่คิด
“คุณวุฒิค่ะ เป็นอะไรหรือเปล่าค่ะ”
“เปล่า ผมไม่ได้เป็นอะไร”
เมื่อเห็นว่าวุฒิภัทรมองหญิงสาวที่เดินเข้ามาในร้านอย่างสนใจจึง
ทำให้อัยรินเกิดความรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา แต่ไม่กล้าที่จะแสดงออก
มากกว่านี้เพราะกลัวว่าชายหนุ่มจะไม่พอใจเธอขึ้นมาได้ อาจทำให้
เธอหมดโอกาสที่จะได้ใกล้ชิดเขาอีก การที่ได้อยู่เคียงข้างกับวุฒิภัทร
นั้นเหมือนเป็นการช่วยให้เธอได้ดันตัวเองขึ้นมาจากจุดเดิมที่เคยยืน
เพราะก่อนที่เธอจะกลายมาเป็นนางแบบอย่างทุกวันนี้เธอต้องแลกด้วย
อะไรหลายอย่างในชีวิต แม้แต่ความสาวของเธอ เพียงเพราะต้อง
การหนีจากความลำบากและไม่อยากกับไปเป็นอัยลินคนเดิมที่ไม่มี
อะไรอีกแล้ว ตอนนี้เธอได้ทุกอย่างครบตามที่ตั้งใจไว้แล้ว จะเหลือ
เพียงอย่างเดียวในตอนนี้ที่ต้องทำให้สำเร็จคือพยายามให้วุฒิภัทร
ยอมแต่งงานกับเธอให้ได้ แม้จะยากแค่ไหนก็ตามเธอก็จะทำให้สำเร็จ
“วุฒิค่ะเดี๋ยวทานข้าวแล้วเราไปดูหนังกันนะคะ อัยอยากดูหนังกับคุณ
นะคะ”
อัยลินพูดเสียงออดอ้อนเพื่อให้เขายอมไปดูหนังกับเธอ หลาย
วันมานี้เขาดูแปลกๆไม่ยอมไปไหนกับเธอเหมือนแต่ก่อน
“ผมมีประชุมตอนบ่าย ไม่ว่างเอาไว้วันหลังละกัน”
วุฒิภัทรตอบออกไปทั้งๆที่ตอนบ่ายเขาไม่มีประชุมหรือต้องไปพบ
ลูกค้าที่ไหนเลย แต่เพราะตอนนี้เขาไม่อยากไปไหนจริงๆ ตอนนี้สิ่ง
ที่เขาอยากทำมากที่สุดคือเดินเข้าไปหาคนที่นั่งหัวเราะเสียงสดใสอยู่
กับเจ้านายหนุ่มของเธอเสียมากว่าที่จะอยากไปดูหนังกับอัยลิน
หลังทานอาหารเสร็จวุฒิภัทรก็ขับรถไปส่งอัยลินที่บ้านของเธอ
และขอตัวกลับโดยไม่ยอมเข้าไปในบ้านของเธอตามคำชวนของเธอ
เขาอ้างว่าต้องรีบไปประชุม ทั้งๆที่ตอนนี้เขาเองก็ยังไม่รู้ว่าจะไปไหน
ดีจึงขับรถไปตามถนนเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมาย ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าตัว
เองเป็นอะไรรู้สึกสับสนกับตัวเองเต็มที ทำไมเขาต้องรู้สึกไม่พอใจ
ขนาดนี้แค่เพียงเห็นเธอกับเจ้านายหนุ่มของเธอที่ร้านอาหาร วุฒิภัทร
พยายามย้ำกับตัวเองว่าเธอมากับเจ้านายแต่อีกใจหนึ่งก็แย้งว่าต้องไม่
ใช่แค่เจ้านายแน่นอนเพราะจากท่าทางและความสนิทสนมนั้นต้องไม่
ใช่แค่เจ้านายกับพนักงานในบริษัทแน่นอน เขาขับรถไปเรื่อยๆจนมา
จอดอยู่หน้าผับที่เขาเคยมาประจำ
“อัคนายอยู่ไหนออกมาเจอฉันที่.......”
เมื่อเดินเข้ามานั่งในร้านก็โทรตามอัคหรืออัคพันธ์เพื่อนสนิทให้
ออกมาเจอที่ร้านและระหว่างที่รอก็สั่งเบียร์มาดื่มรอเพื่อนสนิทที่เขา
เพิ่งโทรตามเมื่อครู่ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงอัคพันธ์ก็มาถึงที่ผับ
“เฮ๊ย.....เป็นไรเพื่อน วันนี้มาแปลกดื่มแต่วันเลย”
“ไม่มีอะไรแค่เบื่อเลยอยากดื่ม ไม่ได้เหรอ”
วุฒิภัทรตอบแบบกวนๆพร้อมทั้งยักคิ้วให้เพื่อนสนิทของเขาที่เพิ่ง
เดินเข้ามานั่งลงตรงเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเขา
“อ้าวกวนแต่วันเลยนะมึง งั้นข้ากลับละ”
“นั่งเลยอย่ามากวน คนยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่ด้วย”
“เป็นอะไรวะ เรื่องงานเหรอ”
อัคพันธ์ถามด้วยท่าทางเป็นห่วงเพื่อน เพราะวุฒิภัทรนั้นไม่ค่อย
ชอบดื่มเท่าไหร่ เพราะเพื่อนเขานั้นคออ่อนทีเดียวดื่มไม่กี่แก้วก็ร่วง
แล้ว แสดงว่าต้องมีเรื่องแน่นอนและเขาคิดว่าหน้าจะเรื่องใหญ่ทีเดียว
ถึงได้ทำให้วุฒิภัทรนั่งดื่มอย่างเอาเป็นเอาตายแบบนี้
“เปล่า” วุฒิภัทรตอบเพื่อน
“เปล่าอะไร” อัศวินยังถามกับไปใหม่
“เปล่าก็เปล่าไง”
“แล้วอะไรวะที่ทำให้นายมานั่งดื่มแบบนี้ได้ ปกติแก่ไม่ชอบดื่มนี่นา”
“ไม่รู้เหมือนกันโว้ย.....เลิกถามสักทีได้มั้ยข้าชวนมาดื่มไม่ได้ชวนให้
แก่มานั่งถามแบบนี้”
วุฒิภัทรตอบออกไปด้วยความรำคาญคนที่คอยแต่ถามเขาอยู่แบบ
นี้ ก็เขาไม่รู้จริงๆนี้นาว่าตัวเองเป็นอะไร รู้แค่ว่าอาการแบบนี้เกิดขึ้น
ตั้งแต่ตอนที่เขาเห็นหญิงสาวที่มีใบหน้าหวานคนที่เขาคอยคิดถึงมา
หลายวันคนนั้นนั่งทานข้าวและหัวเราะอยู่กับชายหนุ่มที่ตอนแรกเขา
คิดว่าเป็นเจ้านายของเธอ ซึ่งภาพที่เห็นทำให้เขารู้ว่าเธอและผู้ชาย
คนนั้นคงไม่ได้เป็นแค่เจ้านายกับลูกน้องธรรมดาแน่นอน
‘อื้อ อาการถ้าจะหนักจริงๆ’ อัคพันธ์เพียงแต่คิดในใจไม่ได้พูดออกมา
ก่อนที่เขาจะสั่งเบียร์มานั่งดื่มเป็นเพื่อนคนที่กำลังดื่มตรงหน้าโดยไม่
สนใจจะตอบคำถามที่เขาพยายามถาม
“ฉันว่าเรากับกันดีกว่านะ ท่าทางแก่จะเมาแล้วล่ะ”
อัศวินพูดขึ้นเมื่อนั่งดื่มเป็นเพื่อนวุฒิภัทรได้สักพักก็เห็นว่าเพื่อน
ของเขามีท่าทางว่าคงจะดื่มต่อไม่ไหวแล้วจึงชวนกลับบ้าน
“จารีบปายหนาย.....วะ ข้ายังหวาย....”
วุฒิภัทรพูดด้วยเสียงยานคางเพราะดื่มเข้าไปมากทีเดียวทั้งๆที่
เขาดื่มไม่เก่งเอาเสียเลย พูดได้เท่านั้นวุฒิภัทรก็ฟุบหน้าลงกับโต๊ะ
และไม่รับรู้อะไรอีก
“ถ้าจะเป็นเอามาก”
อัศวินพูดในตอนท้ายก่อนที่จะช่วยพยุงคนที่บอกว่าตัวเองไม่เมา
ออกจากร้านเพื่อพาไปส่งที่บ้าน โดยให้เด็กที่ร้านขับรถของวุฒิภัทร
ตามมาอีกคัน
เช้านี้วุฒิภัทรรู้สึกว่ามันไม่สดใสเอาเสียเลยเพราะเมื่อคืนนี้เขาดื่ม
หนักไปหน่อยจนไม่รู้ตัวว่ากลับบ้านมาได้ยังไง นี้หากว่าเขาไม่มีนัด
ไปดูสถานที่และคุยรายละเอียดเกี่ยวกับการตกแต่งโรงแรมแห่งใหม่
ของเขาที่กำลังจะแล้วเสร็จในอีกไม่นานนี้เพราะว่าตอนนี้เหลือเพียง
การตกแต่งเท่านั้น เขาก็คิดว่าจะหยุดพักผ่อนอยู่กลับบ้านสักวัน
“กิ๊ฟทำไมยังไม่ตื่นอีกต้องไปพบลูกค้าไม่ใช่เหรอ นี่มันจะเจ็ดโมงแล้ว
นะเดี๋ยวรถบริษัทจะมารับไม่ใช่หรือไง”
เสียงของวนิญาปลุกให้หญิงสาวที่อยู่ในชุดนอนสีฟ้าตัวโปรดดีด
ตัวลุกจากที่นอนอย่างรวดเร็วและหยีบนาฬิกาบนหัวเตียงมาดู
“ตายแล้ว กิ๊ฟตายแน่เลยพี่กิ่ง”
“ก็ถ้ายังไม่รีบลุกไปอาบน้ำ ก็อาจจะตายจริงๆก็ได้จ๊ะ”
วนิญาบอกน้องสาวด้วยรอยยิ้มเอ็นดู ก่อนที่น้องสาวของเธอจะ
โดดจากเตียงวิ่งไปเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว เธอได้แต่ส่ายหัวเพราะ
ความเป็นเด็กไม่รู้จักโตของคนเป็นน้องสาว
เมื่ออาบน้ำแต่งตัวเสร็จรถของบริษัทก็เข้ามาจอดหน้าบ้านพอดี
“ไม่ทานอะไรก่อนเหรอหนูกิ๊ฟ”
เสียงของท่านนายพลวรากรที่กำลังนั่งทานอาหารเช้าอยู่พูดขึ้น
เมื่อเห็นลูกสาวคนเล็กวิ่งลงจากบันไดเพื่อจะไปขึ้นรถ
“ไม่ทันแล้วค่ะ คุณพ่อ”
พูดพร้อมวิ่งมาหอมแก้มของท่านนายพลและคุณหญิงอินทุอร
อย่างรวดเร็วก่อนจะวิ่งไปขึ้นรถที่มาจอดรออยู่หน้าบ้าน
“ไม่รู้จักโตสักทีน้า......หนูกิ๊ฟเนี้ย”
เสียงของคุณหญิงอินทุอรเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นภาพของบุตรสาวคนเล็ก
อันเป็นแก้วตาดวงใจของคนทั้งบ้านวิ่งไปขึ้นรถด้วยท่าทางเหมือนเด็ก
ไม่มีผิดทำให้อดยิ้มไม่ได้กับภาพที่เห็น
ทันทีที่รถวิ่งเข้ามาจอดภายโรงแรมวริญาก็รู้สึกโล่งใจเป็นที่สุดที่
เธอมาทันเวลานัดพอดี เธอก้าวลงจากกรถที่มาส่ง ก่อนจะเดินเข้าไป
ในโรงแรมที่มียามรักษาความปลอดภัยยืนเฝ้าหน้าประตูอยู่ ก่อนที่เธอ
จะได้ถามหรือพูดอะไรกับยาม เสียงของกวีนก็ดังมาทางด้านในของ
ตัวตึกพอดี
"สวัสดีครับคุณวริญา ท่านประธานรออยู่ด้านในแล้วครับ เชิญทาง
ด้านนี้ครับ”
กวีนกล่าวทักทายและส่งยิ้มให้หญิงสาวที่วันนี้เขาได้มองเธออีก
ครั้งอย่างตั้งใจก็เห็นว่าใบหน้าของเธอนั้นสวยทีเดียว ผมของเธอที่
ดัดเป็นลอนดูเข้ากับใบหน้าหวานอย่างลงตัวทีเดียว รอยยิ้มของเธอที่
ส่งกับมานั้นดูแล้วช่างสดใสยิ่งนัก
น้ำเสียงและรอยยิ้มที่ดูเป็นมิตรของนายกล้ามโตวันนี้ต่างจากวัน
ก่อนที่วริญาเจอกับเขาครั้งแรกมากนัก มันทำให้เธอรู้สึกกลัวเขาน้อย
ลง เธอคิดขณะที่เดินตามเขาไปอีกด้านหนึ่งของตัวตึกเมื่อเดินมาได้
สักพักนายกล้ามโตที่เธอแอบตั้งฉายาให้เขาก็หยุดอยู่หน้าห้องๆหนึ่ง
ก่อนที่เขาจะเคาะประตู เมื่อคนที่อยู่ด้านในตอบรับเขาก็เปิดประตูให้
เธอเข้าไปโดยที่เขาไม่ได้ตามเธอเข้ามาด้วย
วริญาก้าวเข้ามาภายในห้องด้วยท่าทางเกรงๆ เพราะแค่เพียงเธอ
เห็นใบหน้าของคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆระเบียงห้องก็ทำให้เธอรู้สึกว่าหายใจ
ไม่ค่อยจะทั่วท้องเอาเสียเลย
“สวัสดีครับคุณวริญา”
“สะ...สวัสดีค่ะคุณวุฒิภัทร”
วริญาตอบด้วยน้ำเสียงที่ดูไม่หมั่นคงเท่าไหร่ทั้งๆที่เธอคิดว่า
เตรียมใจไว้ดีแล้วว่าวันนี้ต้องเจอกับผู้ชายที่ดูเย็นชาคนนี้ แต่ก็ยังรู้สึก
เกรงอยู่ดียิ่งมาอยู่กับเขาสองคนในห้องแบบนี้อีกยิ่งทำให้เธอประหม่า
มากกว่าเดิม
“ดิฉันมาคุยกับคุณเรื่องรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่น่ะค่ะ พอดีว่าวันนี้
พี่ภู...เออคุณภูธนิตน์ติดประชุมน่ะค่ะ”
วริญาอธิบายให้เขาฟัง วุฒิภัทรเพียงแต่พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะ
ส่งเอกสารข้อมูล ต่างๆที่เขาเตรียมมาให้เธอ
“เพื่อไม่เป็นการเสียเวลาผมว่าเราไปดูสถานที่เลยละกันนะ เดี๋ยวผมจ
ะอธิบายเกี่ยวกับเอกสารที่ผมให้คุณฟังอีกทีเผื่อว่าคุณไม่เข้าใจจะได้
ถามผมทีเดียวเลย เชิญ”
วุฒิภัทรพูดขึ้นพร้อมกับเดินไปทางประตูที่เธอเพิ่งเข้ามาเมื่อครู่
วริญาได้แต่มองตามคนที่เดินไปทางประตูห้องด้วยความไม่พอใจกับ
ท่าทางเย็นชาของเขาที่แสดงกับเธอ เพราะมันทำให้เธอคิดว่าเขาคง
จะไม่ค่อยชอบหน้าเธอสักเท่าไหร่ถึงได้แสดงออกมาแบบนี้
‘คิดว่าตัวเองวิเศษมาจากไหนกันย่ะ’ วริญาเพียงแค่คิดในใจพร้อมย่น
จมูกเล็กน้อยให้คนที่หันหลังเดินไปทางประตูก่อนจะเปิดประตูออก
แล้วหยุดอยู่หน้าประตูก่อนจะหันมาทางเธอเพื่อแสดงความเป็นสุภาพ
บุรุษ วริญารีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติและเดินผ่านเขาไปยืนอยู่หน้า
ประตูเพื่อรอให้เขาเป็นคนนำทางเธอไป
เวียนอยู่ในความคิดของวุฒิภัทรตลอดหลายวันที่ผ่านมา ทั้งๆที่เขา
พยายามอยู่หลายครั้งที่จะสลัดใบหน้าสวยๆนี้ทิ้งไปแต่ก็ไม่สามารถทำ
ได้ดั่งที่ใจคิด เขาไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไงทั้งๆที่เขาไม่เคยเป็นแบบนี้
มาก่อนเลย แม้แต่อัยลินนางแบบสาวสวยที่เขากำลังควงอยู่ในตอนนี้
ก็ยังไม่เคยทำให้เขาต้องเกิดความรู้สึกแบบที่รู้สึกกับเธอคนนี้เลยสัก
ครั้งเดียว
ท่าทางที่ดูสนิทสนมของคนทั้งคู่นั้นทำให้วุฒิภัทรรู้สึกหงุดหงิดและ
ไม่พอใจชอบกล แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันเกิดขึ้น
ได้ยังไง แต่ที่รู้ๆตอนนี้คือเขาไม่ชอบรอยยิ้มและสายตาที่เธอส่งให้กับ
ชายหนุ่มที่ตอนนี้นั่งอยู่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเธอ แค่เห็นเขาก็รู้สึกว่าจะ
ทนไม่ไหวแล้วอยากจะเข้าไปดึงเธอให้ออกไปจากตรงนั้นเสียเดี๋ยวนี้
เลย หากแต่ก็ไม่สามารถทำได้อย่างที่คิด
“คุณวุฒิค่ะ เป็นอะไรหรือเปล่าค่ะ”
“เปล่า ผมไม่ได้เป็นอะไร”
เมื่อเห็นว่าวุฒิภัทรมองหญิงสาวที่เดินเข้ามาในร้านอย่างสนใจจึง
ทำให้อัยรินเกิดความรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา แต่ไม่กล้าที่จะแสดงออก
มากกว่านี้เพราะกลัวว่าชายหนุ่มจะไม่พอใจเธอขึ้นมาได้ อาจทำให้
เธอหมดโอกาสที่จะได้ใกล้ชิดเขาอีก การที่ได้อยู่เคียงข้างกับวุฒิภัทร
นั้นเหมือนเป็นการช่วยให้เธอได้ดันตัวเองขึ้นมาจากจุดเดิมที่เคยยืน
เพราะก่อนที่เธอจะกลายมาเป็นนางแบบอย่างทุกวันนี้เธอต้องแลกด้วย
อะไรหลายอย่างในชีวิต แม้แต่ความสาวของเธอ เพียงเพราะต้อง
การหนีจากความลำบากและไม่อยากกับไปเป็นอัยลินคนเดิมที่ไม่มี
อะไรอีกแล้ว ตอนนี้เธอได้ทุกอย่างครบตามที่ตั้งใจไว้แล้ว จะเหลือ
เพียงอย่างเดียวในตอนนี้ที่ต้องทำให้สำเร็จคือพยายามให้วุฒิภัทร
ยอมแต่งงานกับเธอให้ได้ แม้จะยากแค่ไหนก็ตามเธอก็จะทำให้สำเร็จ
“วุฒิค่ะเดี๋ยวทานข้าวแล้วเราไปดูหนังกันนะคะ อัยอยากดูหนังกับคุณ
นะคะ”
อัยลินพูดเสียงออดอ้อนเพื่อให้เขายอมไปดูหนังกับเธอ หลาย
วันมานี้เขาดูแปลกๆไม่ยอมไปไหนกับเธอเหมือนแต่ก่อน
“ผมมีประชุมตอนบ่าย ไม่ว่างเอาไว้วันหลังละกัน”
วุฒิภัทรตอบออกไปทั้งๆที่ตอนบ่ายเขาไม่มีประชุมหรือต้องไปพบ
ลูกค้าที่ไหนเลย แต่เพราะตอนนี้เขาไม่อยากไปไหนจริงๆ ตอนนี้สิ่ง
ที่เขาอยากทำมากที่สุดคือเดินเข้าไปหาคนที่นั่งหัวเราะเสียงสดใสอยู่
กับเจ้านายหนุ่มของเธอเสียมากว่าที่จะอยากไปดูหนังกับอัยลิน
หลังทานอาหารเสร็จวุฒิภัทรก็ขับรถไปส่งอัยลินที่บ้านของเธอ
และขอตัวกลับโดยไม่ยอมเข้าไปในบ้านของเธอตามคำชวนของเธอ
เขาอ้างว่าต้องรีบไปประชุม ทั้งๆที่ตอนนี้เขาเองก็ยังไม่รู้ว่าจะไปไหน
ดีจึงขับรถไปตามถนนเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมาย ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าตัว
เองเป็นอะไรรู้สึกสับสนกับตัวเองเต็มที ทำไมเขาต้องรู้สึกไม่พอใจ
ขนาดนี้แค่เพียงเห็นเธอกับเจ้านายหนุ่มของเธอที่ร้านอาหาร วุฒิภัทร
พยายามย้ำกับตัวเองว่าเธอมากับเจ้านายแต่อีกใจหนึ่งก็แย้งว่าต้องไม่
ใช่แค่เจ้านายแน่นอนเพราะจากท่าทางและความสนิทสนมนั้นต้องไม่
ใช่แค่เจ้านายกับพนักงานในบริษัทแน่นอน เขาขับรถไปเรื่อยๆจนมา
จอดอยู่หน้าผับที่เขาเคยมาประจำ
“อัคนายอยู่ไหนออกมาเจอฉันที่.......”
เมื่อเดินเข้ามานั่งในร้านก็โทรตามอัคหรืออัคพันธ์เพื่อนสนิทให้
ออกมาเจอที่ร้านและระหว่างที่รอก็สั่งเบียร์มาดื่มรอเพื่อนสนิทที่เขา
เพิ่งโทรตามเมื่อครู่ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงอัคพันธ์ก็มาถึงที่ผับ
“เฮ๊ย.....เป็นไรเพื่อน วันนี้มาแปลกดื่มแต่วันเลย”
“ไม่มีอะไรแค่เบื่อเลยอยากดื่ม ไม่ได้เหรอ”
วุฒิภัทรตอบแบบกวนๆพร้อมทั้งยักคิ้วให้เพื่อนสนิทของเขาที่เพิ่ง
เดินเข้ามานั่งลงตรงเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเขา
“อ้าวกวนแต่วันเลยนะมึง งั้นข้ากลับละ”
“นั่งเลยอย่ามากวน คนยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่ด้วย”
“เป็นอะไรวะ เรื่องงานเหรอ”
อัคพันธ์ถามด้วยท่าทางเป็นห่วงเพื่อน เพราะวุฒิภัทรนั้นไม่ค่อย
ชอบดื่มเท่าไหร่ เพราะเพื่อนเขานั้นคออ่อนทีเดียวดื่มไม่กี่แก้วก็ร่วง
แล้ว แสดงว่าต้องมีเรื่องแน่นอนและเขาคิดว่าหน้าจะเรื่องใหญ่ทีเดียว
ถึงได้ทำให้วุฒิภัทรนั่งดื่มอย่างเอาเป็นเอาตายแบบนี้
“เปล่า” วุฒิภัทรตอบเพื่อน
“เปล่าอะไร” อัศวินยังถามกับไปใหม่
“เปล่าก็เปล่าไง”
“แล้วอะไรวะที่ทำให้นายมานั่งดื่มแบบนี้ได้ ปกติแก่ไม่ชอบดื่มนี่นา”
“ไม่รู้เหมือนกันโว้ย.....เลิกถามสักทีได้มั้ยข้าชวนมาดื่มไม่ได้ชวนให้
แก่มานั่งถามแบบนี้”
วุฒิภัทรตอบออกไปด้วยความรำคาญคนที่คอยแต่ถามเขาอยู่แบบ
นี้ ก็เขาไม่รู้จริงๆนี้นาว่าตัวเองเป็นอะไร รู้แค่ว่าอาการแบบนี้เกิดขึ้น
ตั้งแต่ตอนที่เขาเห็นหญิงสาวที่มีใบหน้าหวานคนที่เขาคอยคิดถึงมา
หลายวันคนนั้นนั่งทานข้าวและหัวเราะอยู่กับชายหนุ่มที่ตอนแรกเขา
คิดว่าเป็นเจ้านายของเธอ ซึ่งภาพที่เห็นทำให้เขารู้ว่าเธอและผู้ชาย
คนนั้นคงไม่ได้เป็นแค่เจ้านายกับลูกน้องธรรมดาแน่นอน
‘อื้อ อาการถ้าจะหนักจริงๆ’ อัคพันธ์เพียงแต่คิดในใจไม่ได้พูดออกมา
ก่อนที่เขาจะสั่งเบียร์มานั่งดื่มเป็นเพื่อนคนที่กำลังดื่มตรงหน้าโดยไม่
สนใจจะตอบคำถามที่เขาพยายามถาม
“ฉันว่าเรากับกันดีกว่านะ ท่าทางแก่จะเมาแล้วล่ะ”
อัศวินพูดขึ้นเมื่อนั่งดื่มเป็นเพื่อนวุฒิภัทรได้สักพักก็เห็นว่าเพื่อน
ของเขามีท่าทางว่าคงจะดื่มต่อไม่ไหวแล้วจึงชวนกลับบ้าน
“จารีบปายหนาย.....วะ ข้ายังหวาย....”
วุฒิภัทรพูดด้วยเสียงยานคางเพราะดื่มเข้าไปมากทีเดียวทั้งๆที่
เขาดื่มไม่เก่งเอาเสียเลย พูดได้เท่านั้นวุฒิภัทรก็ฟุบหน้าลงกับโต๊ะ
และไม่รับรู้อะไรอีก
“ถ้าจะเป็นเอามาก”
อัศวินพูดในตอนท้ายก่อนที่จะช่วยพยุงคนที่บอกว่าตัวเองไม่เมา
ออกจากร้านเพื่อพาไปส่งที่บ้าน โดยให้เด็กที่ร้านขับรถของวุฒิภัทร
ตามมาอีกคัน
เช้านี้วุฒิภัทรรู้สึกว่ามันไม่สดใสเอาเสียเลยเพราะเมื่อคืนนี้เขาดื่ม
หนักไปหน่อยจนไม่รู้ตัวว่ากลับบ้านมาได้ยังไง นี้หากว่าเขาไม่มีนัด
ไปดูสถานที่และคุยรายละเอียดเกี่ยวกับการตกแต่งโรงแรมแห่งใหม่
ของเขาที่กำลังจะแล้วเสร็จในอีกไม่นานนี้เพราะว่าตอนนี้เหลือเพียง
การตกแต่งเท่านั้น เขาก็คิดว่าจะหยุดพักผ่อนอยู่กลับบ้านสักวัน
“กิ๊ฟทำไมยังไม่ตื่นอีกต้องไปพบลูกค้าไม่ใช่เหรอ นี่มันจะเจ็ดโมงแล้ว
นะเดี๋ยวรถบริษัทจะมารับไม่ใช่หรือไง”
เสียงของวนิญาปลุกให้หญิงสาวที่อยู่ในชุดนอนสีฟ้าตัวโปรดดีด
ตัวลุกจากที่นอนอย่างรวดเร็วและหยีบนาฬิกาบนหัวเตียงมาดู
“ตายแล้ว กิ๊ฟตายแน่เลยพี่กิ่ง”
“ก็ถ้ายังไม่รีบลุกไปอาบน้ำ ก็อาจจะตายจริงๆก็ได้จ๊ะ”
วนิญาบอกน้องสาวด้วยรอยยิ้มเอ็นดู ก่อนที่น้องสาวของเธอจะ
โดดจากเตียงวิ่งไปเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว เธอได้แต่ส่ายหัวเพราะ
ความเป็นเด็กไม่รู้จักโตของคนเป็นน้องสาว
เมื่ออาบน้ำแต่งตัวเสร็จรถของบริษัทก็เข้ามาจอดหน้าบ้านพอดี
“ไม่ทานอะไรก่อนเหรอหนูกิ๊ฟ”
เสียงของท่านนายพลวรากรที่กำลังนั่งทานอาหารเช้าอยู่พูดขึ้น
เมื่อเห็นลูกสาวคนเล็กวิ่งลงจากบันไดเพื่อจะไปขึ้นรถ
“ไม่ทันแล้วค่ะ คุณพ่อ”
พูดพร้อมวิ่งมาหอมแก้มของท่านนายพลและคุณหญิงอินทุอร
อย่างรวดเร็วก่อนจะวิ่งไปขึ้นรถที่มาจอดรออยู่หน้าบ้าน
“ไม่รู้จักโตสักทีน้า......หนูกิ๊ฟเนี้ย”
เสียงของคุณหญิงอินทุอรเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นภาพของบุตรสาวคนเล็ก
อันเป็นแก้วตาดวงใจของคนทั้งบ้านวิ่งไปขึ้นรถด้วยท่าทางเหมือนเด็ก
ไม่มีผิดทำให้อดยิ้มไม่ได้กับภาพที่เห็น
ทันทีที่รถวิ่งเข้ามาจอดภายโรงแรมวริญาก็รู้สึกโล่งใจเป็นที่สุดที่
เธอมาทันเวลานัดพอดี เธอก้าวลงจากกรถที่มาส่ง ก่อนจะเดินเข้าไป
ในโรงแรมที่มียามรักษาความปลอดภัยยืนเฝ้าหน้าประตูอยู่ ก่อนที่เธอ
จะได้ถามหรือพูดอะไรกับยาม เสียงของกวีนก็ดังมาทางด้านในของ
ตัวตึกพอดี
"สวัสดีครับคุณวริญา ท่านประธานรออยู่ด้านในแล้วครับ เชิญทาง
ด้านนี้ครับ”
กวีนกล่าวทักทายและส่งยิ้มให้หญิงสาวที่วันนี้เขาได้มองเธออีก
ครั้งอย่างตั้งใจก็เห็นว่าใบหน้าของเธอนั้นสวยทีเดียว ผมของเธอที่
ดัดเป็นลอนดูเข้ากับใบหน้าหวานอย่างลงตัวทีเดียว รอยยิ้มของเธอที่
ส่งกับมานั้นดูแล้วช่างสดใสยิ่งนัก
น้ำเสียงและรอยยิ้มที่ดูเป็นมิตรของนายกล้ามโตวันนี้ต่างจากวัน
ก่อนที่วริญาเจอกับเขาครั้งแรกมากนัก มันทำให้เธอรู้สึกกลัวเขาน้อย
ลง เธอคิดขณะที่เดินตามเขาไปอีกด้านหนึ่งของตัวตึกเมื่อเดินมาได้
สักพักนายกล้ามโตที่เธอแอบตั้งฉายาให้เขาก็หยุดอยู่หน้าห้องๆหนึ่ง
ก่อนที่เขาจะเคาะประตู เมื่อคนที่อยู่ด้านในตอบรับเขาก็เปิดประตูให้
เธอเข้าไปโดยที่เขาไม่ได้ตามเธอเข้ามาด้วย
วริญาก้าวเข้ามาภายในห้องด้วยท่าทางเกรงๆ เพราะแค่เพียงเธอ
เห็นใบหน้าของคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆระเบียงห้องก็ทำให้เธอรู้สึกว่าหายใจ
ไม่ค่อยจะทั่วท้องเอาเสียเลย
“สวัสดีครับคุณวริญา”
“สะ...สวัสดีค่ะคุณวุฒิภัทร”
วริญาตอบด้วยน้ำเสียงที่ดูไม่หมั่นคงเท่าไหร่ทั้งๆที่เธอคิดว่า
เตรียมใจไว้ดีแล้วว่าวันนี้ต้องเจอกับผู้ชายที่ดูเย็นชาคนนี้ แต่ก็ยังรู้สึก
เกรงอยู่ดียิ่งมาอยู่กับเขาสองคนในห้องแบบนี้อีกยิ่งทำให้เธอประหม่า
มากกว่าเดิม
“ดิฉันมาคุยกับคุณเรื่องรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่น่ะค่ะ พอดีว่าวันนี้
พี่ภู...เออคุณภูธนิตน์ติดประชุมน่ะค่ะ”
วริญาอธิบายให้เขาฟัง วุฒิภัทรเพียงแต่พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะ
ส่งเอกสารข้อมูล ต่างๆที่เขาเตรียมมาให้เธอ
“เพื่อไม่เป็นการเสียเวลาผมว่าเราไปดูสถานที่เลยละกันนะ เดี๋ยวผมจ
ะอธิบายเกี่ยวกับเอกสารที่ผมให้คุณฟังอีกทีเผื่อว่าคุณไม่เข้าใจจะได้
ถามผมทีเดียวเลย เชิญ”
วุฒิภัทรพูดขึ้นพร้อมกับเดินไปทางประตูที่เธอเพิ่งเข้ามาเมื่อครู่
วริญาได้แต่มองตามคนที่เดินไปทางประตูห้องด้วยความไม่พอใจกับ
ท่าทางเย็นชาของเขาที่แสดงกับเธอ เพราะมันทำให้เธอคิดว่าเขาคง
จะไม่ค่อยชอบหน้าเธอสักเท่าไหร่ถึงได้แสดงออกมาแบบนี้
‘คิดว่าตัวเองวิเศษมาจากไหนกันย่ะ’ วริญาเพียงแค่คิดในใจพร้อมย่น
จมูกเล็กน้อยให้คนที่หันหลังเดินไปทางประตูก่อนจะเปิดประตูออก
แล้วหยุดอยู่หน้าประตูก่อนจะหันมาทางเธอเพื่อแสดงความเป็นสุภาพ
บุรุษ วริญารีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติและเดินผ่านเขาไปยืนอยู่หน้า
ประตูเพื่อรอให้เขาเป็นคนนำทางเธอไป
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ