เจ้าหญิงแสงจันทร์ กับ เจ้าชายสุริยะคราส
7) บทที่ 6 การเดินทางครั้งใหม่
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
บทที่ 6
การเดินทางครั้งใหม่
เธอนั่งคอย ท่านพี่อัสรันอาบน้ำห่างจากน้ำตก...สามารถมองเห็นเรือได้...เสื้อ เข็มขัด กางเกง สีหม่นหมอง ของเธอ ถูกลมพัด น้ำกระเซ็นเป็นละอองสีขาวเหมือนหมอก...แสงแดดยามบ่ายช่วยเร่งให้เสื้อผ้าแห้งเร็วขึ้น...เธอไม่ได้ใส่กระโปรงอย่างสาวน้อยมานาน 20 วันแล้ว...ท่านอนุ นำมันมาส่งให้เธอ...ก่อนเดินจากเรือ...มายังน้ำตก เธอถามท่านอนุ...เพราะสงสัยไคลรู้ทำไม มีเสื้อผ้าหญิงสาวอยู่ในเรือด้วย..
“ข้าซื้อไว้สำหรับลูกสาว...เมื่อข้าเดินทางกลับบ้านมันคือของฝาก”
กระโปรงแซกยาวลายดอกไม้สีขาวเนื้อบาง เมื่อถูกลมพัด...มันจะพลิ้วไหวตามแรงลม เธอชอบมันมาก...แต่มันไม่ใช่ของเธอ มันคือของฝากให้ลูกสาวท่านอนุ...สักวันเธอจะหากระโปรงชุดใหม่ที่สวยกว่าชุดที่เธอใส่อยู่คืนให้แก่ท่านอนุ..เพื่อเป็นของฝากแก่ลูกสาว...
เธอมองท่านอนุ...และกะลาสีเรือ ช่วยกันขนน้ำจืด และเสบียงขึ้นเรือ บนเกาะแห่งนี้อุดมไปด้วยพืชพันธุ์อย่างน้อยก็ผลมะพร้าวน้ำหอม กล้วยป่า ผลไม้ป่า สำหรับสัตว์ป่า และนกน้อยหลายพันตัวบนเกาะ สิ่งที่เธอสนใจก็คือสมุนไพรหลายชนิด ทั้งใช่เป็นยาพิษ และรักษาคนเจ็บไข้ ระหว่างรอท่านพี่อัสรันเธอ..เดินเก็บสมุนไพรต่างๆรอ ได้มากพอจึงนั่งพัก...ท่านพี่อัสรันอาบน้ำนานกว่าเธอ เป็นหนุ่มสำอางจริง เธอคิด
เสียงเดินจากด้านหลังคงเป็นเสียงท่านพี่อัสรัน เธอหันหลังกลับ แต่คนที่ยืนอยู่...เป็นอีกคน ที่ยังไม่ได้แนะนำตัวกันอย่างเป็นทางการ...เขาทักทายเธอก่อน..ด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร
“สวัสดีสาวน้อย...เธอจะรังเกียจมั้ย ...ฉันจะขอนั่งด้วย”
เธอไม่มีเหตุผลอะไร ที่จะไม่ให้ผู้ชายตรงหน้านั่งด้วย เธอพยักหน้าและยิ้มตอบรับรอยยิ้มของเขา
“เชิญตามสบาย...คะท่าน”
เขาเดินเข้านั่งที่ก้อนหิน...ห่างจากเธอไปสองก้อน มันเป็นก้อนที่เหมาะกับคนตัวโตเช่นเขา...เธอมองหน้าจะเห็นรอยยิ้มพร้อมหนวด และเครา ที่ยังไม่ได้รับการโกน...เธอคิดว่าหนวด...ผู้ชายตรงหน้าเธอ...เขาคงจงใจจะเลี้ยงมันไว้ยาว...มันมีสีดำขึ้นหนา...ส่วนเคราคงยังไม่ได้รับการโกน ให้สั่น และดูดี ... แต่หากโกนออกให้หมดทั้งหนวดและเครา มันก็จะดีมาก...และผู้ชายคนนี้ จะเป็นหนุ่มรูปงามอีกคนที่เธอรู้จัก เธอคิด
“เธอเก็บหญ้าอะไรมาเล่น...สาวน้อย” เธอยิ้มรับและส่ายหน้า
“มันเป็นยาสมุนไพร...นายท่าน”
เขายิ้มรับในคำตอบของเธอ หรือเขายิ้มรับที่เธอเรียกเขาว่านายท่าน... กันแน่นะ..
“เธอเรียกน้องชายฉันว่าเช่นไร...สาวน้อย”
มันเป็นคำพูดหยอกล้อเธอเล่น แต่ก็ต้องการคำตอบ
“ข้าเรียก เช่นเดียวกับเรียกท่าน...”
เขาหัวเราะเสียงดัง...มันตลกอะไรนักหนา เธอคิด
“เธอจะเรียกน้องชายข้าว่า...นายท่านก็เรียกไป สาวน้อย....แต่ข้าไม่ต้องการให้สาวน้อยเช่นเจ้าเรียกข้าว่านายท่าน...ข้าคือเจ้าชายอัคนี แห่งเมืองปัจฉิมเนรดี...และน้องชายข้าก็คือเจ้าชายสุริยะ เช่นเดียวกับข้า...ดังนั้นเจ้าจงเรียกข้าว่า เจ้าชายอัคนี...เจ้าลองเรียกข้าใหม่สิ...สาวน้อย”
เจ้าชายหนุ่มพูดไปยิ้มไป เหมือนจะไม่จริงจัง แต่ก็จริงจัง เธอเลี่ยงไม่ได้ เพราะเธอกำลังเจอกับเจ้าชายผู้บ้าอำนาจ เข้าให้แล้ว...
“เจ้าชายอัคนี...”
“พูดใหม่....ดังๆ หน่อยสาวน้อย”
“เจ้าชายอัคนี...เพคะ”
“ดีมากสาวน้อย...และตอนนี้ข้าเจ้าชายอัคนี...กำลังพูดอยู่กับนางผู้มีชื่อเช่นไร...”
เธอเกลียดรอยยิ้มไอ้เจ้าชายบ้าอำนาจนี้จริง แค่บอกชื่อไม่เห็นจะยาก เธอคิด
“หม่อนฉัน...มีนามมังกรว่า...บุหลัน..เพคะ...เจ้าชายอัคนี”
เจ้าชายบ้าอำนาจหัวเราะ อะไรนักหนานะ..เธออาจจะพูดเล่นสำนวนไปนิดแต่ก็ไม่เห็นจะตลกตรงไหน...เป็นพวกบ้าจี้หรือไง
“เจ้ามีชื่อหรือนามมังกรว่า บุหลัน...ที่แปลว่า ดวงจันทร์ ใช่หรือไม่ สาวน้อย”
“เพคะ...เจ้าชายอัคนี”
“ข้าถามเจ้าเรื่องเศษหญ้าพวกนั้น...และเจ้าบอกว่ามันเป็นสมุนไพร...อย่างนั้นสาวน้อยเช่นเจ้า...ก็เป็นหมอด้วยใช่หรือไม่...บุหลัน”
“ข้ารักษาคนป่วยได้...คนไข้ไม่สบายได้ ข้าเย็บแผลจากคนโดนมีด และดาบได้ เช่นนี้เจ้าชายอัคนี... คิดว่าข้าควรมีฐานะใกล้เคียงหมอหรือไม่...เพคะ...องค์อัคนี”
“เจ้านี้...ฝีปากจัดจ้านดีแท้ สาวน้อย....ข้าต้องการให้เจ้าตอบข้าใช่หรือไม่... เจ้ากลับต่อปากต่อคำเสียยาว....อย่างนั้นข้าจะยอมรับเจ้าเป็นหมอแล้วกันสาวน้อย”
“เจ้ารู้หรือไม่บุหลัน....ทำไมข้าถึงขึ้นมาหาเจ้าถึงที่นี่”
เธอนึกคำตอบไม่ได้...เธอคิดว่าบังเอิญเจ้าชายเดินขึ้นมาเที่ยวเล่นฆ่าเวลาเท่านั้น...แต่ตอนนี้คงไม่ใช้แล้ว เธอส่ายหน้า...
“หม่อนฉัน...ไม่ทราบจุดประสงค์...เพคะ..เจ้าชายอัคนี”
“ลองนึกหรือคิด...อีกหน่อย...บุหลัน..เจ้าทำสิ่งใดไว้บ้าง...ติกต๊อก...ติกต๊อก”
เจ้าชายทำเสียงเลียนแบบนาฬิกา เป็นเสียงหยอกล้อเล่น แต่ใบหน้าจริงจัง เธอเกลียดรอยยิ้มนั้น...
เธอนึกได้แล้ว...คงเป็นเรื่องกะลาสีเรือสองคน...ที่ได้แผลจากมีดกริชของเธอ...แต่เธอไม่ผิดพวกเขาต่างหากที่ไม่รอบคอบเอง...
“องค์ชายคงหมายถึงกะลาสีเรือสองคนที่ได้รับบาดเจ็บ....”
“บิงโก...และรุกฆาต...ฉลาดมากบุหลัน...เจ้าฉลาดเกินกว่าจะเป็นแค่หมอธรรมดา...เจ้ารู้ตัวหรือไม่บุหลัน...และเจ้างดงามเกินกว่าที่จะเป็นหมอและนักดาบ...เจ้าคิดอย่างที่ข้าคิดหรือไม่...บุหลัน”
เธอเข้าใจจุดประสงค์ของเจ้าชายแล้ว...เจ้าชายต้องการตรวจสอบประวัติเธอ...แต่หากเธอไม่พูด...และโกหกไปเรื่อยๆ เจ้าชายก็ทำอะไรเธอไม่ได้เช่นกัน...
“ข้าเป็นแค่หมอ...เจ้าชาย...และข้าแค่พอใช่มีดป้องกันตัวได้เท่านั้น...ส่วนที่ท่านชมว่าข้างาม...ข้าขอขอบคุณในคำชม...และกะลาสีเรือที่บาดเจ็บข้ายินดีจะชดใช้โดยการรักษาให้หายโดยไว...หากท่านต้องการ...เจ้าชายอัคนี”
เจ้าชายหัวเราะอีกแล้ว...เธอเกลียดเสียงหัวเราะ
“แต่ที่ข้าได้ฟังมา...มันเป็นอีกอย่างสาวน้อย...เจ้ารู้หรือไม่...กะลาสีเรือทั้งสองคนเรียกเธอเช่นไร...”
เธอส่ายหน้า ใครจะไป ตรัสรู ได้....
“พวกเขาเรียกเธอว่าแม่มด...บุหลันเจ้ารู้ตัวมั้ย ...และเจ้าก็งามใกล้เคียงที่จะเป็นแม่มดหรือเป็นนางฟ้าแสนงานด้วยเช่นกัน...”
เจ้าชายหัวเราะอีก จะตลกอะไรนักหนานะ...เธอไม่สนคำถามและเธอไม่รู้จะตอบเช่นไรด้วย....ตามใจอยากเรียกเธอเช่นไรก็เรียกไป...
“เจ้าเงียบ...ทำไมสาวน้อย...เจ้าสมควรโดนคิดแบบนั้น...เจ้าลงมือทำร้ายกะลาสีเรือผู้มีฝีมือรบอย่างดี...พวกเขาเข้าร่วมรบในสงครามกับข้ามาหลายปีและไม่เคยได้รับบาดเจ็บ...แต่ในชั่วพริบตาเจ้าทำให้คนของข้าบาดเจ็บได้สองคน...เจ้าบอกฝึกมีดแค่พอใช้ป้องกันตัว...ข้าคิดว่ามันห่างไกลคำนั้นมากนัก...อาจเรียกได้ว่าถูกฝึกมาอย่างผู้ชำนาญด้านอาวุธ...จนผู้ใช้อาวุธเองมีความชำนาญด้วยเช่นกัน...เสียมากกว่า...เจ้าคิดเช่นไร...บุหลัน”
เจ้าชายจ้องเธอด้วยรอยยิ้มน่าเกลียด....จะให้เธอตอบเช่นไร เธอยิ้มและยืนยันคำเดิม...
“ท่านจะคิดเช่นไรก็ได้...แต่ข้าขอยืนยันในสิ่งที่ข้าตอบท่านไปแล้ว...เจ้าชายอัคนี....”
“เจ้าฉลาดสาวน้อย...และข้าก็ไม่มีหลักฐาน เจ้าจะพูดเช่นไรก็ได้ แต่เจ้าจำไว้สาวน้อย...หากข้ารู้ว่าเจ้าเป็นอันตรายต่อน้องชายข้า หรือคนของข้า...ข้ารับรองจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่...บุหลัน..แม่มด..แสนสวย”
“พระองค์ก็ทรงระวังตัวด้วยนะเพคะ...องค์อัคนี...สักวันท่านก็อาจจะได้รับอันตรายจากข้าก็ได้” เธอหลุดปากพูดล้อเจ้าชายเล่น..
“นี้ถือเป็นคำขู่จะทำร้ายข้าหรือไม่...สาวน้อย”
“หม่อนฉันเพียงแค่พูดล้อเล่น...เพคะ...ถึงหม่อนฉันจะเก่งปานใด...หรือจะสู้...แรงชายตัวโตเช่น...เจ้าชายได้...เพคะ”
หัวเราะอีกแล้ว มันตลกตรงไหน....เจ้าชายบ้าจี้....และบ้าอำนาจ...สักวันเธอจะวางยาให้นอนหลับไม่ตื่นเลย...เธอคิด
“สาวน้อยเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่...คิดจะทำร้ายข้าใช่ มั้ย”
“หม่อมฉันคิดว่า....จะหาสมุนไพรต้มเป็นยาบำรุงให้แก่องค์อัคนี...และเจ้าชายสุริยะ...น้องชายพระองค์เย็นนี้นะเพคะ”
“จริงหรือสาวน้อย...ข้าคิดว่าเจ้ากำลังคิดจะวางยาพิษข้าเสียอีก”
เจ้าชายพูดจบ...และหัวเราะเสียงดัง...เหมือนเดาใจเธอถูก..และมันก็ถูกจริง...เธอต้องระวังเจ้าชายบ้าจี้องค์นี้ให้ดีเสียแล้ว....
“องค์ชาย...อย่าพูดตลก...แบบนี้สิเพคะ...หม่อนฉันไม่เคยคิดอะไรเลวร้ายอย่างพระองค์คิดเลยเพคะ...จะให้หม่อนฉันสาบานก็ได้”
“เจ้ากล้าสาบานจริงหรือบุหลัน....”
เจ้าชายจ้องหน้าเธอและหัวเราะเสียงดังอีก คงรู้เธอไม่กล้าสาบานแน่ แค่หลุดปากพูดไปเท่านั้น แต่เจ้าใช่อัคนีได้โอกาส...
“บุหลัน...เจ้าจงพูดตามข้าดังนี้...ข้าบุหลัน ขอสาบานว่า จะจงรัก ...(ภักดี)...ต่อเจ้าชายอัคนี ทั้งยามหลับ และยามตื่น ทั้งยามสุข และยามทุกข์ ทั้งยามเจ็บไข้..ไม่สบาย...จะไม่ทอดทิ้งเจ้าชายอัคนีโดยเด็ดขาด...หากผิดคำสาบานจะขออยู่เป็นทาสรับใช้เจ้าชายอัคนีทุกชาติภพไป...”
เจ้าชายผู้กล่าวนำคำสาบานยิ้มจนหนวดชี้ขึ้นฟ้า...ด้วยความสนุก...ส่วนเธอจนหนทางหากจะให้เธอกล่าวคำสาบานเอง... เธอก็จะกล่าวแค่เธอจะขอจงรักภักดี ต่อองค์อัคนีเท่านั้น...แต่นี้องค์ชายเล่น ให้สาบานว่าจะจงรัก.....แล้วคำว่า ภักดี...พระองค์ตั้งใจให้มันตกหายไป....คำสาบาน....ที่จะจงรักภักดีธรรมดากับกลายจะเป็นคำสาบานของคู่แต่งงาน...เจ้าชายอัคนีร้ายจริงๆ เธอคิด
“บุหลันเจ้าคิดสิ่งใด...พูดตามข้าเร็ว...”
เธอพยักหน้าพร้อมพูดตามคนกล่าวนำ เจ้าชายเริ่มพูดอีกครั้ง
“ข้าบุหลัน ขอสาบานว่า”
“ข้าบุหลัน ขอสาบานว่า”
“จะจงรัก ......ต่อเจ้าชายอัคนี”
“จะจงรักภักดี...ต่อเจ้าชายอัคนี”
เจ้าชายหยุดกล่าวนำ....หันหน้ามาหัวเราะเสียงดังแทน...เจ้าชายจ้องหน้าเธอหนวดชี้ขึ้นฟ้าด้วยรอยยิ้ม และส่ายหน้า...
“บุหลัน...เจ้ากล่าวผิดรู้ตัว มั้ย”
เธอส่ายหน้า...ความหมายคือไม่รู้
“อย่างนั้นกล่าวใหม่...เจ้าจงพูดเหมือนกับข้าพูดทุกคำเข้าใจใช่มั้ย...”
เธอพยักหน้า...ความหมายคือ ตกลง
“จะจงรัก ......ต่อเจ้าชายอัคนี”
“จะจงรัก.....”
เธอกำลังจะพูดคำต่อไป ด้านหลังมีเสียงเดิน...เธอหันหลังกลับ ท่านพี่อัสรันเดิน มาขัดจังหวะพอดี...
“ท่านพี่อัสรัน...ท่านอาบน้ำเสร็จแล้ว...ข้ารออยู่ ท่านอาบน้ำนานมาก”
“ข้าเดินเล่นอยู่ใกล้นี้เอง...บุหลัน”
ก่อนที่เธอจะถามสิ่งใดต่ออีกท่านพี่อัสรัน กล่าวคำทักทายแก่ เจ้าชายอัคนีเสียก่อน...
“องค์อัคนี...ท่านคงจะขึ้นมาอาบน้ำเหมือนกับหม่อนฉัน”
“อย่างที่เจ้าพูดอัสรัน...ข้าอยากว่ายน้ำเย็นๆ เล่น...แต่ไม่มีเพื่อน...”
“หากทรงต้องการเพื่อนหม่อมฉันยินดี...ร่วมเล่นน้ำด้วย..พะยะคะ..องค์อัคนี”
“แต่เจ้าอาบน้ำแล้ว...อัสรัน”
“อาบแล้วอาบอีกได้พะยะคะ...องค์อัคนี”
“อย่างนั้นตกลง...เจ้ากับข้าเราไปว่ายน้ำเล่นกัน...”
เจ้าชายหันพระพักตร์มายิ้มให้เธอแล้วยังกล่าวชวนเธอด้วย...
“บุหลัน...เจ้าไม่ต้องการว่ายน้ำเล่นอีกสักครั้งรึไง....”
พระองค์ย่อมรู้คำตอบของเธอ....เธอต้องปฏิเสธแน่ แต่ก็ยังจะถาม...เป็นเจ้าชายขี้เล่นจริง...
“ไม่เพคะ...เจ้าชาย...ทรงสรงน้ำให้สบายพระทัยเถอะ..เพคะ”
เธอโล่งอก...เธอไม่ชินกับความขี้เล่นของเจ้าชายองค์นี้เลย เธอคิด
เจ้าชายอัคนีและท่านพี่อัสรันเดินตรงไปยังน้ำตกอีกครั้ง..เธอนั่งมองเสื้อผ้าที่ตากไว้มันยังไม่แห้งดี แต่ก็ใกล้แล้ว เมื่อบุรุษทั้งสอง...เล่นน้ำ..ขึ้นมาเสื้อผ้าเธอคงแห้งพอดี เธอคิด
..................................
เจ้าชายอัคนี และองครักษ์หนุ่มเปลือยกายลงว่ายน้ำเล่นเหมือนเด็กแรกเกิด ทั้งสองแข่งกันว่ายน้ำจนเหนื่อย และจบลงด้วยการนั่งพัก...แผ่นหลังพิงก้อนหินครึ่งลำตัวส่วนบนพูดคุยกัน...
“เจ้าตั้งใจเข้ามาขัดจังหวะข้าใช่มั้ย....อัสรัน” เจ้าชายยิ้มอย่างรู้ทันกัน
“ตามที่พระองค์คิดพะยะคะ...”
“เจ้าแอบฟังข้ากับสาวน้อย...นานเท่าไหร่...อัสรัน”
“หม่อมฉัน...มองเห็นและเดินตามองค์ชาย...และเห็นองค์ชายแอบมองสาวน้อยอยู่นาน...สักครู่พระองค์ก็เดินตรงเข้าหาสาวน้อย หม่อมฉันจึงนั่งคอยรักษาความปลอดภัยอยู่ไม่ห่าง...พะยะคะ”
องค์ชายมองหน้าและหัวเราะเสียงดังด้วยคิดว่าองครักษ์เหลี่ยมคมจัดจ้านยิ่งนัก..
“อย่างนั้นเจ้าก็ได้ฟังทุกอย่างที่ข้าพูดกับสาวน้อยนั้นหมดเลยหรือ...อัสรัน”
“พะยะคะ...เจ้าชาย”
“เจ้ายังร้ายเหมือนเดิม...อัสรัน...เจ้ายังคงรู้เรื่องของข้าหมดทุกอย่างเหมือนเดิน...แม้แต่น้องชายข้า พระบิดาข้า...ยังไม่รู้เรื่องของข้าแม้เพียงครึ่งของเจ้ารู้....อัสรัน”
“พระองค์ทรงพูดเกินจริง...องค์อัคนี...หม่อนฉันรู้เพียง ผิวเผิน...ที่เหลือก็แค่คิดไปเอง เดาไปเองเท่านั้น...องค์อัคนี”
องค์อัคนีทรงหัวเราะโดยไม่ทราบความหมาย...และทรงพูดต่อทันที
“นั้นแหล่ะข้า...ถึงบอกว่าเจ้ามันร้ายกาจ...อัสรัน...หากเจ้าคิดหรือคาดเดาสิ่งใด...มันไม่เคยผิดพลาดแม้แต่น้อย”
องครักษ์หนุ่มเงียบ...ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ ในสิ่งที่องค์อัคนีพูด...ในจิตสำนึกองครักษ์ยอมรับในสิ่งที่องค์อัคนีคิดเช่นกัน หากเขาคิดและคาดเดาสิ่งใด...จะมีความผิดพลาดน้อยมาก...
“เจ้าเงียบข้าขอแปลความหมายว่าเจ้ายอมรับ ในสิ่งที่ข้าพูด...อัสรัน..ต่อแต่นี้ข้าต้องการให้เจ้าคิดและคาดเดาสิ่งหนึ่ง....มันจะผิดหรือถูกข้าไม่สนใจ...แต่ข้าต้องการฟังความคิดของเจ้า...อัสรัน”
เจ้าชายอัคนีทรงมองมาที่องครักษ์หนุ่ม...หนวดเจ้าชายอัคนีงองุ้มไม่ไหวติง...มันมีความหมายว่าข้าต้องการความจริง...อย่าได้มีลูกไม้หรือล้อข้าเล่น...อัสรัน...องครักษ์หนุ่มเข้าใจความหมายในหนวด...ผ่านสีหน้าองค์อัคนี...
“พระองค์ต้องการให้กระหม่อมคาดเดาสิ่งใดองค์อัคนี...”
เจ้าชายอัคนีมองหน้าขึ้นฟ้าเหมือนกำลังคิดตั้งคำถามหรือเรียงลำดับคำถามก่อนหลัง...สุดท้ายคำถามแรกก็ผ่านจากฝีพระโอษฐ์องค์อัคนี
“เจ้าคิดว่าสาวน้อย...บุหลัน...เป็นใครกันแน่อัสรัน”
นี้หรือคำถามแรกที่ต้องการให้องครักษ์นามว่าอัสรันผู้นี้คาดเดาอย่างนั้นหรือ....มีเหตุผลเดียวที่เกิดขึ้นในใจองครักษ์หนุ่มคือองค์อัคนีมีความสนใจสาวน้อยบุหลัน...เกินธรรมดา...อาจจะทรงชอบ หรือทรงตกหลุมรัก....หัวใจขององค์อัคนีและหัวใจองครักษ์เช่นข้า...มีความรักให้แก่หญิงสาวคนเดียวกัน...รอยกรรมหรืออย่างไร...เมื่อครั้งเจ้าหญิงดอกแก้วกัลยา...องค์อัคนีและองค์สุริยะก็ต่างต้องการหญิงคนเดียวกัน...สุดท้ายผู้ได้ครอบครองไม่ใช่องค์อัคนี...แล้วในครั้งนี้เล่า...องค์อัคนีจะเป็นผู้สูญเสียอีกครั้งหรือองครักษ์เช่นข้า...ที่ต้องเดินตามรอยองค์อัคนี ที่เคยเดินมาแล้วกัน...องครักษ์หนุ่มคิด
“เธอไม่ใช่แค่สาวชาวบ้านทั่วไป...เป็นหญิงสาวผู้มีความรู้ศาสตร์และศิลป์...หลายแขนง...หากต้องคาดเดา...สาวน้อยของเราเป็นลูกสาวของหมอที่เป็นนักดาบ....” องครักษ์พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา...
“มันไม่ใช่คำตอบของเจ้าใช่มั้ย...อัสรัน...บอกความคิดของเจ้ามาให้หมด...อัสรัน”
“หม่อมฉันขอปฏิเสธองค์อัคนี...การแสร้งไม่รู้อะไรเลยย่อมดีกว่าในบางครั้ง...หากเรารู้ความจริงและรู้ว่าเราไม่สามารถเอื้อมถึง...มันจะทำให้เราเสียใจเปล่าๆ...”
“เจ้ารู้และคาดเดาได้...แต่เจ้าอยากโกหกใจเจ้าเอง...เพื่อที่เจ้าจะได้อยู่ใกล้กับสาวน้อยนั่น...อย่างนั้นหรืออัสรัน”
“เป็นอย่างที่องค์อัคนี...ทรงคิดพะยะคะ”
“อัสรัน...เจ้าโง่นัก....สักวันเจ้าก็ต้องเผชิญกับความจริง”
“พระองค์จะทรงบอกหม่อมฉันว่า...จะต้องเสียใจหรือองค์อัคนี...หม่อมฉันไม่สนใจสิ่งที่จะเกิดในอนาคตข้างหน้า...หม่อมฉันสนแค่ความสุขในตอนนี้มากกว่า...องค์อัคนี”
“อัสรันเจ้ากำลังที่จะเดินตามรอยที่ข้าเคยเดินมาแล้ว...และข้าขอให้เจ้าจงทำมัน...ได้ดีกว่าข้า....อัสรันผู้น่าสงสาร”
เจ้าชายอัคนีหัวเราะเสียงดังสายตามองที่ก้อนเมฆบนท้องฟ้าเหมือนกำลังหัวเราะท้าทายฟ้าดินหรือหัวเราะ...สงสารองครักษ์หนุ่มกันแน่...จะเหตุผลใดก็ตาม องครักษ์หนุ่มไม่ได้สนใจหาคำตอบ...แต่องครักษ์คิดว่าหากความคิดของเขาถูกต้อง ทั้งเขาเองหรือแม้แต่องค์อัคนี...ก็ไม่มีสิทธิได้ครอบครองสาวน้อยนางนั้นเช่นกัน....
“ความจริงแล้วข้ามีคำถามต้องการให้เจ้าคาดเดาอีก....แต่ข้าจะถามเจ้าในวันอื่น...อัสรัน”
องค์อัคนีมองหน้าองครักษ์หนุ่มเห็นทรงเงียบไม่ตอบรับสิ่งใด....ทรงคาดเดาจิตใจองครักษ์ไม่ออกจึงพูดต่อ...
“และสิ่งที่เจ้าคาดเดาในวันนี้ข้าจะถือว่าไม่ได้ยิน...และข้าไม่ได้คุยกับเจ้าด้วยเรื่องอะไรเลย...พวกเราต่างแสร้งสร้างกำแพงของจิตใจ...กำบังโลกความจริงก็ดี...อัสรัน”
“พะยะคะ...องค์อัคนี...เราจะไม่คิดหาคำตอบของสิ่งใด...มันจะดีกว่าพะยะคะ”
น้ำเสียงองครักษ์หนุ่มช่างเศร้ายิ่งนัก...เพราะมันเป็นครั้งแรกที่องครักษ์หนุ่มมีความคิดที่อ่อนแอเช่นนี้เป็นครั้งแรก...สาเหตุมาจากสาวน้อยนามว่า บุหลัน ดวงจันทร์แสนงาม....ผู้เป็นปริศนาในหัวใจ
“ข้าไม่ต้องการจะเล่นน้ำอีกแล้วอัสรัน...”
ความหมายจริงๆ ที่เจ้าชายต้องการบอกก็คือข้าไม่มีเรื่องอะไรจะถามเจ้าอีกแล้วเรากลับกันเถอะ...องค์รักษ์หนุ่มคิดและเข้าใจ จึงยืนขึ้นเดินเข้าหาเสื้อผ้าสวมใส่เช่นเดียวกับเจ้าชายอัคนี....ไม่นานบุรุษทั้งสองก็เดินตรงไปยังสาวน้อย...ที่บุรุษทั้งสองหมายปองไว้ในหัวใจ
.......................................
เจ้าชายอัคนีและองครักษ์หนุ่มเดินเข้าหาสาวน้อยนามว่า บุหลัน ทั้งสองบุรุษ มีความในใจ ที่ยากจะบอกแก่ใครได้...รอยยิ้มของสองบุรุษที่ส่งให้แก่สาวน้อย...จึงดูลึกลับ สับสน องครักษ์หนุ่มปรับสีหน้าได้ดังตัวกิ้งกาปรับสีตามใบไม้หรือกิ่งไม้ เจ้าชายมองหน้าองครักษ์หนุ่มและทำตาม...และต้องยอมรับว่าองครักษ์...ปรับสภาพได้ดีกว่าพระองค์เล็กน้อย...
“บุหลัน...ข้าและเจ้าชายอัคนี...พร้อมจะกลับไปยังเรือแล้ว เจ้าพร้อมหรือยัง”
องครักษ์หนุ่มมองสำรวจ เสื้อผ้าของสาวน้อยเก็บพับไว้อย่างดี...เธอนั่งรอเขาและองค์อัคนีจนเสื้อผ้าที่ตากไว้แห้งดี...เธอห่อสมุนไพรสำหรับไว้ทำยาของเธอกับใบตองผูกติดกันไว้หลายห่อ...เขามองสำรวจสาวน้อยตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา...จะมีหญิงสาวสักกี่คนเป็นเหมือนหญิงสาวผู้นี้กันนะ...หากสิ่งที่เขาคาดเดาไว้เป็นจริง...องครักษ์อย่างเขาคงไม่สามารถจะเอื้อมมือถึงดอกฟ้าแสนงามดอกนี้ได้แน่...สวรรค์ให้เขาเกิดมาเป็นเจ้าชาย...แต่สวรรค์แกล้งเขา...ให้เป็นได้แค่เจ้าชายที่ไร้บ้านเมือง....ไร้บิดาที่รักเขา....มันคงเป็นเวรกรรมที่เขาได้ทำไว้แต่ชาติปางก่อน...ที่ทำให้ได้พบกับหญิงที่เขารัก แต่ไม่มีสิทธิได้อยู่เคียงคู่กันหรืออย่างไร... องครักษ์หนุ่มหยุดคิด และมองแค่เหตุการณ์ตรงหน้าเท่านั้น
“บุหลันเจ้าไม่ต้องตอบคำถามข้าก็ได้...เจ้าส่งสมุนไพรของเจ้ามาให้ข้าช่วยถือ และเดินเคียงข้างข้าและเจ้าชายกลับไปยังเรือพร้อมกัน”
เธอส่งห่อสมุนไพรให้ด้วยรอยยิ้มน่ารัก...แก่องครักษ์หนุ่ม ผู้พยายามห้ามความคิดตัวเองที่มีต่อสาวน้อย...ความคิดอาจจะห้ามกันได้...แต่ความรัก...องครักษ์หนุ่มไม่มีวันห้ามไม่ให้มันเกิดขึ้นได้เพราะมันได้เกิดขึ้นแล้ว องค์รักษ์หนุ่มคิดที่จะห้ามใจตัวเอง...แม้แต่เจ้าชายอัคนียังทรงดูออก...
“ขอบคุณท่านพี่อัสรัน...เพื่อเป็นการตอบแทนเย็นนี้ข้าจะปรุงเห็ดให้ท่านได้ทาน...ข้าเดินเก็บมันได้เยอะมาก...”
บุหลันสาวน้อยพูดด้วยรอยยิ้มน่ารัก สุดท้ายความพยายามขององครักษ์หนุ่มก็ไร้ผล กำแพงที่เปราะบางที่กำลังพยายามจะสร้างขึ้นถูกค้อนขนาดใหญ่ทุบจนพังไม่เหลือเศษซาก และเจ้าชายอัคนีผู้ยืนดูเหตุการณ์อยู่ก็ทรงดูออก...
“จริงหรือบุหลัน...เจ้าเก็บเห็ดเพื่อที่จะทำอาหารให้ข้าได้ทาน”
“จริงสิ...ท่านพี่อัสรัน มันรวมอยู่ในห่อที่ท่านพี่ถืออยู่นั่นแหล่ะข้าร่วมไว้เป็นห่อเดียวกันกับใบสมุนไพรที่ใช้ในการปรุงเห็ดด้วย...ข้าจะทำให้ท่านได้ทาน...และหากข้าทำไม่อร่อยท่านพี่อัสรัน...ก็อย่าได้ว่าข้าแล้วกัน...แต่หากมันอร่อย...วันหลังข้าจะทำให้ท่านได้ท่านอีก”
องค์รักษ์หนุ่มดีใจจนไม่ได้เอยสิ่งใดออกมา...อย่าว่าแต่อาหารไม่อร่อยเลยต่อให้สาวน้อยต้มยาพิษให้กิน...องครักษ์หนุ่มก็คงรู้สึกพอใจเช่นกัน...สาวน้อยรอคำตอบของท่านพี่อัสรัน แต่ผู้ที่ตอบคำถามสาวน้อยคือเจ้าชายอัคนี
“สาวน้อยเจ้าคงไม่ได้คิดจะวางยาพิษ...ท่านพี่อัสรันของเจ้าหรอกนะ”
“ข้าตั้งใจจะวางยาพิษท่านต่างหากเจ้าชายอัคนี...ส่วนท่านพี่อัสรันข้ากำลังจะปรุงยาบำรุงกำลังให้...”
เธอหลุดปากพูดล้อเล่นกับเจ้าชายอัคนีอีกแล้ว...
“สาวน้อยสุดท้ายเจ้าก็ยอมรับออกมาจนได้...ข้าสงสัยตั้งแต่ได้สนทนากับเจ้าในครั้งแรกแล้ว...ว่าเจ้าคิดจะวางยาพิษข้าจริง”
เจ้าชายมองหน้าสาวน้อย...ด้วยรอยยิ้มอย่างรู้ทันว่าสาวน้อยตรงหน้าจะตอบพระองค์เช่นไรอีกจึงพูดต่อทันที...
“ครั้งนี้เจ้าคงไม่ได้พูดว่าล้อข้าเล่นอีกใช่มั้ยสาวน้อย....ครั้งที่แล้วเจ้าก็มามุขเดิมคำเดิมแล้วรอดตัวไป...แต่ครั้งนี้ข้าเจ้าชายอัคนีขอสั่งเจ้าในโทษที่เจ้าคิดจะวางยาพิษข้าเจ้าต้องคอยดูแลข้าอย่างกะลาสีเรือผู้ใกล้ชิด หากข้าต้องการสิ่งใดเจ้าจงหามาถวายแก่ข้าสาวน้อย....”
สาวน้อยตกใจดูจากสีหน้าได้...เขาเกิดมาเป็นเจ้าชายมันก็ดีอย่างนี้เอง เจ้าชายอัคนีคิด...เมื่อต้องการสิ่งใดก็ออกคำสั่ง...ก็สามารถจะได้รับการปฏิบัติตามคำสั่งทันที....และเขาก็เป็นใหญ่แต่เพียงผู้เดียวบนเรือ กฎในเรือเขาเป็นคนตั้ง ดังนั้น เรือของเขากฎของเขา หากเขาต้องการให้ผู้อาศัยเดินทางไปด้วยทำสิ่งใดก็ย่อมทำได้...หากเขาต้องการสาวน้อยมาครอบครอง....เขาก็ต้องวางอุบาย...ที่เหนือกว่า...อัสรัน องครักษ์ผู้มีเหลี่ยมคมเจ้าเล่ห์ เหนือองครักษ์ทั้งหมดที่เขาเคยรู้จัก...เจ้าชายอัคนีทรงรู้...ขณะนี้องครักษ์หนุ่มทำคะแนนนำหน้าพระองค์จนยากที่จะคิดแต้มต่อ...มีทางเดียวที่พระองค์จะสามารถสร้างคะแนนได้ก็คือ จับสาวน้อยมาอยู่ใกล้ๆ พระองค์เสียเลย....อย่างเช่นให้ซักผ้าให้ รีดผ้าให้ จัดห้องให้ ทำอาหารให้ อาบน้ำให้ด้วยดีมั้ยนะ....ต้องรอดูสถานการณ์ก่อน....เจ้าชายคิด
“องค์ชาย...อย่าล้อหม่อมฉันเล่นสิเพคะ...ไม่เห็นจะสนุกเลย...จริงมั้ยท่านพี่อัสรัน....”
เธอจ้องหน้าท่านพี่อัสรันเพื่อขอความช่วยเหลือ...แต่ท่านพี่อัสร้นส่ายหน้า..เธอเข้าใจความหมาย...มันคือการปฏิเสธ...
“สาวน้อยเจ้า...ฉลาดมาก...ที่คิดจะหาคนช่วยเจ้า...แต่ท่านพี่อัสรันของเจ้าก็ยังเป็นแค่ผู้อาศัยเดินทางไปกับเรือของข้า....ดังนั้นท่านพี่อัสรันของเจ้าก็มีฐานะไม่แตกต่างจากเจ้ามากเท่าไรนัก...เจ้าจงยอมรับการลงโทษจากข้าเสียดีๆ สาวน้อย....เริ่มจากเจ้าปรุงเห็ดที่เจ้าเก็บมาให้ท่านพี่อัสรันของเจ้าทาน...เจ้าก็จงปรุงเผื่อให้แก่ข้าด้วย...และอย่าได้คิดวางยาข้าเชียวสาวน้อย....”
“เจ้าชายอัคนี...พระองค์ร้ายมาก...ทรงรู้หม่อมฉันแค่พูดล้อเล่น...พระองค์ทรงคิดจริงจังกับคำพูดหม่อมฉันจนเกินไป...ครั้งแรกก็คำสาบานที่หม่อมฉันหลุดปาก....ก็ทรงคิดจริงจังจะให้หม่อมฉันสาบานจริงๆ...คอยดูต่อไปหม่อมฉันจะไม่พูดกับพระองค์อีกเลย...หม่อมฉันทรงกลัวพระองค์แล้วเพคะ...องค์อัคนี”
เสียงหัวเราะชอบใจ...ดังไปทั่วป่า..เจ้าชายอัคนีทรงหัวเราะอะไรนักหนานะ...เธอไม่ได้พูดอะไรตลกสักหน่อย...เธอเดาใจเจ้าชายบ้าจี้คนนี้ไม่ได้เลย....สุดจะทนนิสัยเอาแต่ใจจริง เธอคิด
“สาวน้อยเจ้าทำให้ข้าหัวเราะทั้งวันเลยรู้ตัว มั้ย...ตั้งแต่ข้าพบเจ้าสิ่งที่ข้าคิดว่าจะไม่ได้ยินจากปาก...เจ้าคือคำว่า... เจ้ากลัวข้า...เพราะข้าไม่คิดว่าจริงๆ แล้วเจ้าจะเคยกลัวใครหรือผู้ใด แม้แต่ข้าเอง....ข้าคิดว่าเจ้าแสร้งทำกลัวข้าเสียมากกว่า....”
“องค์อัคนี...ทรงวิเคราะห์คำพูดหม่อมฉันจนหยดสุดท้ายเลยนะเพคะ...พระองค์ไม่คิดจะปล่อยวางและข้ามๆ ไปบ้างเลยหรือเพคะ....หม่อมฉันสุดจะทนพระองค์จริงๆ”
เจ้าชายอัคนีไม่สนใจคำต่อว่าของสาวน้อย...ทรงยิ้มชอบใจที่ทำให้สาวน้อยอารมณ์เสียได้...เพราะพระองค์ทรงรู้ว่าสาวน้อยเพียงแสร้งทำเท่านั้น...สาวน้อยได้พลาดท่าเสียเหลี่ยมให้พระองค์มันก็ช่วยไม่ได้ที่พระองค์จะคิดวางอุบาย...เพื่อให้ได้มาซึ่งความใกล้ชิดของหญิงสาวที่พระองค์ชอบ...พระองค์จ้องหน้าสาวน้อยและพูดต่อทันที
“เจ้าทำให้ข้ามีความสุขสาวน้อย...ดังนั้นข้าก็จะลดโทษของเจ้าลงมาจากให้เจ้ามีฐานะเป็นกะลาสีเรือ ข้าจะแต่งตั้งเจ้าเป็นกะลาสีเรือผู้รู้ใจข้า”
สาวน้อยมองพระพักตร์เจ้าชายอัคนี...หมดความอดทนที่จะพูดคุยด้วย...กะลาสีเรือ และกะลาสีเรือผู้รู้ใจ...มันก็ยังเป็นกะลาสีเรือเหมือนเดิมจะแต่งตั้งทำไมหลายตำแหน่ง...เธอกลุ้มใจ...ต่อความเอาแต่ใจของเจ้าชายอัคนีจริง...สุดท้ายเธอก็คงได้แค่พยักหน้าตกลงเท่านั้น
“หม่อมฉันยอมพระองค์แล้วองค์อัคนี...จะให้หม่อมฉันเป็นกะลาสีเรือ หรือกะลาสีเรือผู้รู้ใจ...หม่อมฉันก็จะรับตำแหน่งนั้น”
“ดีมากสาวน้อยเมื่อพรุ่งนี้เช้ามาถึงพวกเราจะได้ออกเดินทางกันเลย...มันจะเป็นการออกเดินทางของเจ้าอีกครั้งจะเป็น ...การเดินทางครั้งใหม่…ที่สนุกจนเจ้าจะลืมไม่ลงเลยสาวน้อย”
“เพคะ...องค์อัคนี...หม่อมฉันจะรอคอย...การเดินทางครั้งใหม่....นี้อย่างเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ...เลยเพคะ”
จบบทที่ 6 ต่อบทที่ 7 กะลาสีเรือผู้รู้ใจ
(ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะครับ...ความรักของหนึ่งหญิงสามชายความรักของคนทั้งสามจะเป็นเหมือนนิทานเรื่องกริชแห่งกุญแจหรือไม่..ติดตามต่อไปนะครับ...ขอให้มีความสุขทุกคนที่อ่านครับ)
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ