(Inuyasha Fanfiction) Forever Love Sesshomaru&Rin

8.5

เขียนโดย MomijiNI

วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2560 เวลา 21.38 น.

  16 ตอน
  6 วิจารณ์
  36.50K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2560 00.18 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

3) ความรู้สึกของเส็ตโชมารู

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ณ ปราสาทของอาณาจักรสุนัขอสูรจิ้งจอกเงิน

ทางด้านเส็ตโชมารู

“ท่านเส็ตโชมารูขอรับ!!” จาเค็นกึ่งวิ่งกึ่งเดินมาหานายเหนือหัวของมันที่ตอนนี้นั่งอ่านสาร์นอยู่ที่ห้องทำงานส่วนตัว พร้อมกับหอบหิ้วห่อผ้ามาให้อย่างร้อนรน

 

“อะไรรึ? จาเค็น” เขาพูดเสียงเรียบ พร้อมนั่งอ่านสาร์นโดยไม่ละสายตามาทางลูกน้องอันซื่อสัตย์ของเขาเลยแม้แต่น้อย

 

“อะอุนกลับมาแล้วขอรับ แล้วก็มีของที่เจ้ารินฝากมาให้ท่านด้วยขอรับ ข้าคิดว่า...คงจะเป็นจดหมายอย่างทุกทีแหละขอรับ” จาเค็นพูดอย่างเบื่อๆ พลางวางห่อผ้านั้นลงบนโต๊ะทำงานของเจ้านาย ก่อนจะถูกสายตาอำมหิตของนายเหนือหัวจ้องเพื่อบ่งบอกว่ามันจะรู้มากเกินไปแล้ว

 

“...” เขาแกะห่อผ้าอย่างเบามือราวกับกลัวว่าผ้าจะขาด เมื่อเปิดห่อก็พบว่าเป็นดังที่จาเค็นพูด ในนั้นมีจดหมายของรินอยู่มากมายเกือบสิบฉบับ

         จดหมายเหล่านี้ถูกส่งมาให้เขาตั้งแต่ 8 ปีก่อน หลังจากที่เขาไม่ได้ไปหาเธอ แต่ส่งอะอุนไปหาเธอแทน ทุกครั้งที่อะอุนกลับมาก็จะมีห่อผ้าที่ใส่จดหมายเหล่านี้มามอบให้เขาเสมอทุกครั้งไม่เคยขาด แค่จำนวนจดหมายในแต่ละครั้งที่ได้จะแตกต่างกันออกไปตามระยะเวลาที่เขาให้อะอุนลงไป ราวกับว่าเธอเขียนมันทุกวัน แล้วรวบรวมส่งให้เขาในวันที่อะอุนไปหาเธอ

         เขาหยิบมันขึ้นมานับดูพบว่ารอบนี้มันมีอยู่ 9 ฉบับ ซึ่งพอนับย้อนไปถึงครั้งล่าสุดที่ให้อะอุนไปหาริน มันก็ประจวบเหมาะพอดี เขาเพ่งพิจารณาดูกระดาษในมืออยู่ซักพัก จากนั้นก็วางมันลงไปตามเดิม เลื่อนห่อผ้านั้นไปไว้มุมโต๊ะอย่างเบามือ แล้วก็หยิบสาร์นฉบับใหม่กลับมานั่งอ่านตามเดิม ลูกน้องคนสนิทที่มองอยู่เกิดสงสัยกับการกระทำของเจ้านาย เพราะปกติจะมีท่าทีดีใจที่ตนพอจะดูออกถึงจะทำหน้าตายก็ตาม จากนั้นแล้วจะรีบเปิดอ่านจดหมายของรินทันที แต่วันนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น จนต้องเอ่ยถาม

 

“เอ่อ..ท่านไม่อ่านรึขอรับ ทุกทีก็เห็นรีบ...” เสียงเรียกอันเย็นชาก็ดังขึ้นก่อนจะพูดจบ

 

“จาเค็น!!!”

 

“ขอรับ ท่านเส็ตโชมารู!!!”

 

เป๊กกกก!!!

 

“ออกไปได้แล้ว จาเค็น!!”

 

“ขอรับท่าน..” จาเค็นพรวดพลาดรีบออกไปจากห้องทำงานของเจ้านายมันทันที ก่อนที่จะโดนหนักกว่าถูกปาด้วยพู่กันราคาแพง

 

“เหตุใด ท่านเส็ตโชมารูถึงไม่ไปหาเจ้ารินเลยนะ? ทั้งๆ ที่ก็อาลัยเจ้ารินถึงขนาดนั้น ข้าเองก็รับใช้ท่านมาหลายร้อยปี ข้าก็พอจะรู้ว่าท่านมีความรู้สึกดีๆ ให้เจ้ารินมากแค่ไหน แม้แต่จะตอบจดหมายของเจ้ารินซักฉบับก็ไม่ทำเลย ทำไมถึงต้องปิดกั้นตนเองเช่นนั้นนะ? รึท่านไม่ได้คิดว่าเจ้ารินเองมันจะรู้สึกไง เจ้ารินมันแสดงออกมากไป รึท่านเส็ตโชมารูแสดงออกน้อยไปกันนะ? ข้าล่ะไม่เข้าใจคู่นี้เลยจริงๆ” จาเค็นได้แต่คิดในใจ พลางถอนหายใจยาวๆ

 

         ยามค่ำคืนที่ไม่มืดมิด ยังคงมีแสงจันทร์สาดส่องกระทบเข้ามายังหน้าต่างของห้องนอนอันโอ่อ่าของอสูรหนุ่ม ประตูที่ถูกเปิดออกบ่งบอกว่าเจ้าของห้องได้กลับเข้ามาแล้ว พร้อมกับหอบหิ้วห่อผ้าที่ได้รับมาเมื่อตอนเย็นเข้ามาด้วย

         ห่อผ้าถูกวางลงบนโต๊ะเล็กๆ ในห้อง ใกล้ๆ กันนั้นมีกล่องไม้อย่างดีทรงสี่เหลี่ยม ขนาดไม่ใหญ่มาก วางซ้อนกันอยู่ 8 ชั้น แต่ละชั้นถูกเขียนสลักหน้ากล่องด้วยคำว่าหนึ่งที่ชั้นล่างสุด และจบที่คำว่าแปดที่ชั้นบนสุด

         เส็ตโชมารูหยุดยืนมองกล่องไม้เหล่านั้น ก่อนจะค่อยๆ ยกมันลงมาวางกับพื้นทีละกล่องๆ จนครบ เขานั่งลงกับพื้น แล้วบรรจงเปิดแต่ละกล่องอย่างเบามือ สิ่งที่อยู่ภายในกล่องนั้นคือ...จดหมายของริน...จดหมายที่ถูกส่งมาแต่ไม่เคยตอบกลับไปแม้แต่ฉบับเดียว สิ่งที่สลักอยู่หน้ากล่องแทนแต่ละปีที่จดหมายถูกส่งมา มันถูกเก็บอย่างดีมาโดยตลอด ตั้งแต่ฉบับแรกจนถึงฉบับปัจจุบันที่เขาได้รับ

         นี่เป็นภารกิจสุดท้ายก่อนนอน ที่เขาจะทำมันเป็นประจำ ยกกล่อง เปิดฝากล่อง สำรวจของข้างในดูว่าจดหมายของสาวน้อยที่เขาแสนจะคิดถึงและโหยหานั้น ยังอยู่ดีหรือไม่ หากแต่มดปลวกตัวใดกล้าย่ำกรายเข้ามาในอาณาเขตกล่องไม้นั้น เขาก็จะบี้ตายเสียให้สิ้น เมื่อสำรวจดูแล้วว่าทุกอย่างปกติดี เขาก็ปิดฝากล่องแล้วยกมันขึ้นไปซ้อนกันตามลำดับดังเดิม เหลือเอาไว้เพียงกล่องบนสุด กล่องที่แปด ที่ถูกยกขึ้นมาวางบนโต๊ะเล็กใกล้ๆ กัน

         เส็ตโชมารูนั่งลงบนเบาะรองนั่งที่อยู่ข้างกับโต๊ะเล็กนั้น แล้วบรรจงหยิบอ่านจดหมายที่เพิ่งได้รับมาวันนี้ที่ละฉบับ เหตุที่เขาไม่หยิบอ่านเสียตอนที่จาเค็นเอามาให้ เพราะกองสาร์นมหึมาตรงหน้าที่มีมากกว่าทุกวัน และต้องสะสางให้แล้วเสร็จในวันนี้ เนื่องจากพรุ่งนี้เขายังต้องไปสู้รบกับพวกกบฏอีก หากเขาใจอ่อนอ่านเสียตอนนั้น ตอนนี้เขาคงได้แต่นั่งคลุกอยู่ในห้องทำงานถึงเช้าเป็นแน่

         สิ่งที่เรียกว่าความสุขเล็กๆ มันถูกเติมจนเต็มทุกครั้งที่เขาได้อ่านจดหมายของสาวน้อย ฉบับแล้ว ฉบับเล่าที่อ่านผ่านไป ทำให้เขาอมยิ้มได้ทุกครั้ง หากแต่ใครเห็นใบหน้าในตอนนี้ของอสูรหนุ่ม เขาคงจะฆ่าคนที่เห็นทิ้งเสียเพื่อแก้เขิน เวลาล่วงเลยจนมาถึงฉบับสุดท้าย เส็ตโชมารูแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่ฉบับนี้มีเนื้อหาที่สั้น เพียงไม่กี่บรรทัดเท่านั้น ทั้งที่ผ่านๆ มา อย่างน้อยที่สุดก็ยังต้องเกินครึ่งกระดาษลงไป เขากวาดสายตามองตัวหนังสือที่เขียนด้วยลายมือที่งดงามนั้น ยังคงมีกลิ่นหมึกอยู่ไม่จางมาก บ่งบอกว่ามันเพิ่งถูกเขียนขึ้นวันนี้ โดยที่มีใจความว่า

 

“ถึง...ท่านเส็ตโชมารู ที่เคารพ

         รินได้ยินข่าวว่านับจากวันนี้ไปอีกสองวัน เมืองข้างๆ จะมีงานรื่นเริงที่เจ้าเมืองจัดขึ้น รินอยากไปจังเลยค่ะ ถ้าท่านพอมีเวลาว่าง... และไม่เป็นการรบกวนท่านมากเกินไป รินก็อยากจะเชิญท่านไปด้วยกัน เวลาก่อนอาทิตย์ตกดิน รินจะรอท่านอยู่หน้าหมู่บ้านนะคะ”

 

         นัยตาสีอำพันคู่นั้นอ่านวนซ้ำไป ซ้ำมา ในประโยคเดิมๆ นั้น อย่างแปลกใจเล็กน้อย

 

“รินชวนข้าไปงานรื่นเริงงั้นรึ?”

 

        ถึงจะมีหลายฉบับที่รินเขียนเล่าว่าอยากไปงานนั้น งานนี้ แต่ฉบับนี้มันแปลกกว่าทุกฉบับที่ผ่านมา เพราะไม่ได้แค่เขียนมาบอกว่าอยากไปเท่านั้น แต่มีประโยคที่บ่งบอกถึงคำชวนจากสาวน้อยถูกเขียนมาด้วย เมื่อเขาอ่านจนแน่แก่ใจแล้ว อสูรหนุ่มจึงหยิบกระดาษเนื้อเนียนสีขาวสะอาด พู่กัน และหมึกอย่างดีที่วางทับซ้อนกันอยู่มุมบนซ้ายของโต๊ะเล็กมาวางไว้ตรงหน้าตน ก่อนจะใช้พู่กันจุ่มหมึกเขียนข้อความบางอย่างลงไปในกระดาษ ลายมือที่คมสวยนั้นบ่งบอกลักษณะของคนเขียนได้เป็นอย่างดี ไม่นานนักเขาก็วางพู่กันลงบนโต๊ะ จดหมายฉบับแรกที่เขาเขียนถึงริน บัดนี้เขาได้เขียนมันเสร็จเรียบร้อยแล้ว

 

“ถึง...ริน

         เมื่อถึงวันงาน โปรดรอข้าตามเวลา และสถานที่ที่เจ้าบอก ข้าจะไปให้ได้ ข้าสัญญา

                             …..เส็ตโชมารู…..”

-------------------------------------------------

         ก่อนที่แสงอรุณในยามเช้าจะอุบัติขึ้นดีนั้น อสูรหนุ่มผมยาวสีเงิน ก็ตื่นขึ้นจากห้วงนิทรายามราตรี ความรู้สึกร้อนฉ่าไปทั่วร่างกายเพราะพิษไข้ ไม่ได้ทำให้อสูรหนุ่มอ่อนแรงลงเลยแม้แต่น้อย ไม่ใช่เพราะความแข็งแกร่ง แต่หากเพราะวันนี้เป็นวันสำคัญของเขา อสูรหนุ่มลุกเดินไปทำกิจวัตรประจำวันของตนอย่างเคย กิโมโนสีขาวลายดอกไม้สีขาวสลับแดง กับเกราะและอาวุธประจำกาย ถูกสวมใส่อย่างชำนาญ ก่อนที่เสียงๆ หนึ่งจะดังขึ้น ซึ่งเป็นเสียงที่ไม่ได้ทำให้เขาอารมณ์ดีเลยแม้แต่น้อย

 

“เส็ตโชมารู! เจ้ากำลังจะไปไหนรึ?” อสูรจิ้งจอกสาวสูงวัย ที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายเขาเอ่ยถาม

 

“...”

 

“ไปรบกับกบฏมาติดต่อกันหลายวัน เห็นว่าเจ็บตัวพอดูเลยไม่ใช่รึ? จะไม่พักฟื้นฟูพลังปีศาจของเจ้าซักหน่อยรึไงกัน”

 

“ไม่จำเป็น” เขาพูดเสียงเรียบ พลางเดินไปหยิบห่อผ้าที่เขาวางเตรียมไว้บนเตียงนอนของเขา แล้วเดินออกจากห้อง ผ่านหน้าผู้เป็นมารดาของเขาไปอย่างใจเย็น

 

“ธุระของเจ้าที่วานให้ข้าไปทำให้ ข้าทำให้เรียบร้อยแล้วนะ เส็ตโชมารู ข้าก็แค่จะมาบอกเจ้าเท่านี้แหละ!” ผู้เป็นมารดาเอ่ยบอกลูกชายที่เดินผ่านหน้าตนไปด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง ทำให้อสูรหนุ่มหยุดชะงัก และกระตุกยิ้มเบาๆ ที่มุมปาก

 

“หึ! งั้นรึ” เขาตอบเสียงเรียบ แต่น้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยความดีใจอย่างเหลือล้น จนแม้แต่ผู้เป็นแม่ก็สัมผัสได้

 

“ทีนี้ก็เหลือแต่ทางเจ้า ยังไงก็อย่าตายไปซะก่อนก็แล้วกัน!!” ผู้เป็นแม่พูดเสียงเรียบเช่นเดียวกับลูกชาย แต่น้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยความเป็นห่วงไม่น้อย

 

“ครับ ท่านแม่” น้ำเสียงที่อ่อนโยนลงนั้น ทำให้ผู้เป็นแม่หันกลับมามองลูกชายที่เดินจากตนไปไกลแล้ว ครุ่นคิดถึงน้ำเสียงนั่น

 

“น้ำเสียงเช่นนี้ ข้าไม่ได้ฟังมัน...มานานเท่าไหร่แล้วนะ?” ผู้เป็นมารดาครุ่นคิดในใจ พลางยิ้มมุมปากออกมาบางๆ

 

         เส็ตโชมารูเดินมาจนถึงลานหน้าปราสาทพร้อมกับอะอุน เสียงอันแสนจะน่ารำคาญอีกเสียงก็ดังขึ้น

 

“ท่านเส็ตโชมารูขอรับบบบ! แฮกๆ” ปีศาจกบน้อยตัวเขียววิ่งตามหานายเหนือหัวของมันด้วยความเหน็ดเหนื่อย ก่อนจะหยุดหอบหายใจอยู่หลังอสูรหนุ่ม

 

“อะไร!!”

 

“ท่านจะไปไหนรึขอรับ? ข้าว่าท่านไปเปลี่ยนผ้าพันแผลก่อนดีไหมขอรับ? ท่านเองก็เป็นไข้อยู่ ข้าว่า...อะ..อ้าว ท่านเส็ตโชมารู!!!” จาเค็นที่เป็นห่วงนายได้แต่ก้มหน้าพูด พอเงยหน้าขึ้นมาก็พบว่านายของมันขี่หลังอะอุนทะยานขึ้นฟ้าไปเสียแล้ว แต่เสียงที่คุ้นเคยอีกเสียงก็ดังขึ้น จนจาเค็นต้องหันหลังกลับไป

 

“เจ้าห้ามเขาไม่ได้หรอกนะ เจ้าปีศาจน้อย”

 

“เอ๋ นายหญิง ทำไมรึขอรับ ทั้งที่ท่านบาดเจ็บอยู่แท้ๆ”

 

“มีอะไรที่สามารถห้ามลูกชายข้าได้ด้วยรึ ถ้าเขาอยากจะไปหาสาวน้อยคนนั้น”

 

“หมายถึงรินรึขอรับ” จาเค็นมองหน้านายหญิงของมันอย่างสงสัย

 

“ทางที่ดีข้าว่าเจ้าอยู่ที่นี่ อย่าไปเป็น กขค ซะจะดีกว่านะ เจ้าปีศาจน้อย” นายหญิงของปราสาทพูดขึ้นพลางเดินกลับเข้าปราสาทตามเดิม ปล่อยให้จาเค็นยืนเคว้งอยู่ลานหน้าปราสาทเพียงลำพัง

 

“รีบร้อนถึงเพียงนั้น หวังว่ามันคงจะเป็นข่าวดีนะ” จาเค็นยืนพูดพึมพำ ถึงจะตกใจไม่ใช่น้อยที่เจ้านายของมันตัดสินใจไปพบริน หลังจากที่ไม่พบกันนาน แต่มันเองก็ดีใจ ที่สุดท้ายแล้วทั้งคู่จะได้พบกันอีก

-------------------------------------------------

จบตอนที่ 3

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา