(Inuyasha Fanfiction) Forever Love Sesshomaru&Rin
8.5
เขียนโดย MomijiNI
วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2560 เวลา 21.38 น.
16 ตอน
6 วิจารณ์
36.44K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2560 00.18 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
14) สงบศึก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ4 ปีต่อมา
หลังจากที่เรื่องทุกอย่างดูจะมีทางออก การใช้ชีวิตคู่ของรินและเส็ตโชมารูก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ เรื่องสาส์นจากอาณาจักรทางตะวันออก เส็ตโชมารูกลับไปคุยกับรินถึงคำตอบของตนทันที พร้อมสัญญาอย่างมั่นเหมาะว่าถ้ามีเรื่องอะไร เขาจะบอกเธอทุกเรื่องไม่ปิดบัง ตั้งแต่นั้นรินก็เริ่มจะเชื่อใจในการตัดสินใจของเส็ตโชมารูมากขึ้น แต่สิ่งที่เส็ตโชมารูยังคงกังวลอยู่นั่นก็คือ ความเงียบสงบ
มันแปลกที่หลังจากเรื่องสาส์นนั้น อาณาจักรทางตะวันออกเองไม่มีท่าที่ที่จะโต้ตอบเขากลับมา นั่นยังไม่เท่ากับพวกอสูรหรือปีศาจ ที่หมายจะล้มตำแหน่งของเขาทั้งหลาย ดันเงียบหายไปเสียเฉยๆ ราวกับไม่มีตัวตน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้พวกมันยังมาป้วนเปี้ยนวอแวอยู่รอบตัวเขาและริน เพื่อจะฆ่ากันให้ตายอยู่แท้ๆ นี่จึงเป็นเรื่องแปลกที่เขาเองก็ยังหาคำตอบไม่ได้ แต่ในเมื่อทุกอย่างมันสงบเงียบเช่นนี้ มันก็คงจะเป็นสัญญาณที่ดี ที่จะทำให้เขาใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบสุขเสียที
ณ ปราสาทอะจิไซ
“ไม่มีใครอยู่แน่นะ? เจ้าปีศาจน้อย” นายหญิงของปราสาทใหญ่เอ่ยถามจาเค็น พลางเดินไปตามทางเดินของปราสาทอะจิไซแล้วมองซ้ายมองขวา เพื่อสำรวจว่าในปราสาทมีใครที่ไม่ได้รับเชิญในขณะที่ตนจะเข้าไปในปราสาทหรือไม่
“ขอรับนายหญิง ท่านจะรับชาหน่อยไหมขอรับ?”
“ก็ดี” สิ้นเสียง จาเค็นก็เดินไปยังห้องครัวทันที ปล่อยให้นายหญิงของมันนั่งชมสวนดอกไม้ อยู่ในห้องโถงที่ติดกัน
อสูรสาวสูงวัยมองไปรอบๆ ตัวอย่างครุ่นคิด เธอเริ่มแอบมาดูความเป็นอยู่ของลูกชาย และสตรีชาวมนุษย์ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นชายาของลูกชายมาได้ซักระยะ ว่าพวกเขามีความเป็นอยู่กันอย่างไรอย่างเงียบๆ เวลาที่เส็ตโชมารูและรินไม่อยู่ โดยมีเจ้าปีศาจกบตัวจ้อยคอยอำนวยความสะดวกให้เธออยู่ทุกครั้งที่มา ซึ่งเธอมักจะมาเดือนละครั้ง ตั้งแต่เมื่อสี่ปีก่อน หลังจากสาส์นฉบับนั้นถูกตอบกลับไป ในใจเธอนั้นกลับมีเสี้ยวนึงที่เกิดความกังวลขึ้นมา ซึ่งก็ไม่รู้ว่ากังวลเรื่องอะไร? หรือกังวลใคร? ถึงจะลงมาดูแล้วแต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความกังวลนั้นลดลง ไม่รู้ว่า...เพราะอะไร
แต่ไม่ว่าจะมาที่นี่ซักกี่ครั้งก็ทำให้เธอฉงนได้อยู่เสมอ ในความเป็นระเบียบเรียบร้อยของปราสาทแห่งนี้ ทั้งที่ที่นี่ก็กว้างใหญ่ ควรจะมีบ่าวรับใช้ซักสิบหรือยี่สิบคนด้วยซ้ำที่ต้องทำให้ปราสาทสะอาดน่าอยู่ แต่นี่กลับเป็นสตรีชาวมนุษย์เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ทำให้มันดูสะอาดและน่าอยู่ได้ ยังไม่รวมถึงสวนดอกไม้ที่เธอนั่งมองมันอยู่อย่างชื่นชม มนุษย์ตัวเล็กๆ แค่นั้น กลับทำอะไรๆ ได้ตั้งหลายอย่าง นางไม่เหนื่อยบ้างรึไงกันนะ?
ไม่นานนักจาเค็นก็ยกสำรับที่มีน้ำชาพร้อมกับขนมจานเล็กๆ มาวางไว้ อสูรสาวสูงวัยจึงละสายตาจากสวนดอกไม้มามองที่สำรับที่วางอยู่ด้านหลังแทน เธอพิจารณาถ้วยน้ำชาและขนมตรงหน้า พลางนึกย้อนไปครั้งล่าสุดที่เธอมาที่นี่ น้ำชาและขนมมีกลิ่นและหน้าตาที่เปลี่ยนไป และมักจะเปลี่ยนไปทุกครั้ง คราวนี้เป็นชากลิ่นดอกบาระ(กุหลาบ) ขนมนี่ก็เช่นกัน ซึ่งดอกไม้ที่เอามาทำก็คงจะไม่พ้นจากสวนด้านหลังเธอเป็นแน่ เธอยกชาขึ้นจิบเล็กน้อย ก่อนจะหยิบขนมละเลียดขึ้นชิม
“ขนมนี่รสชาติดีหนิ รอบนี้เอาใส่ห่อมาให้ข้าซักสองห่อนะ”
“สองห่อรึขอรับ?” จาเค็นเอ่ยอย่างสงสัย ถึงแม้ทุกครั้งนายหญิงของมันจะพึงพอใจในรสชาติของน้ำชาและขนมของรินที่รินทำ หรือเรียกว่าตั้งใจทำให้นายหญิงชิมทุกครั้ง จนต้องสั่งให้มันห่อกลับไปปราสาทใหญ่ในทุกครั้งที่มาเยือน แต่ทว่ารอบนี้มันแปลกไปซักหน่อย ตรงที่ให้ห่อเพิ่มจากหนึ่งเป็นสองนี่แหละ สงสัยคงติดใจรสชาติแบบนี้กระมัง
“ไม่ได้รึ? กลัวสาวน้อยนั่นบ่นเจ้ารึไง?”
“เอ่อ...เจ้ารินไม่เคยบ่นข้าหรอกขอรับนายหญิง”
“งั้นก็ดี เอาชานี่ด้วยนะ ข้าจะเอาไว้จิบยามว่าง”
“ขอรับ” จาเค็นที่กำลังรีบเดินไปจัดแจงให้ ยังไม่ทันได้ไปถึงไหนก็ถูกเรียกอีก
“ดอกไม้นั่นสวยดี ข้าอยากได้ไปปลูกที่ปราสาทใหญ่ซักหน่อย” เธอพูดพลางชี้ไปที่ดอกซุยเซนสีเหลืองที่อยู่ในสวนดอกไม้
“ข้าน้อยจะจัดการให้ทันทีเลยขอรับ”
“แล้วก็ไม่ต้องไปบอกสาวน้อยนั่นล่ะ”
“ขอรับ” จาเค็นได้แต่ทำตามอย่างงๆ การมาครั้งนี้ของนายหญิงนั้นแลดูจะอยากได้สิ่งต่างๆ มากมายกว่าปกติ ในขณะที่มันเองก็อยากจะเอ่ยถาม แต่นายหญิงของมันพอได้ของที่ต้องการแล้วก็หายลับไปอย่างไร้ร่องรอย ตัวมันเองจึงได้แต่ยืนเคว้งอย่างงงๆ ว่าสรุปแล้วนายหญิงเอาของเหล่านั้นไปทำไมเยอะแยะกันนะ? แต่แล้วห้วงความคิดของมันก็หยุดลง เมื่อเห็นสาวน้อยที่คุ้นเคยร่อนลงมาจากฟ้า พร้อมกับกระต่ายสีขาวที่เป็นพาหนะคู่ใจ
“อ้าวเจ้าริน วันนี้เจ้าหนุ่มนั่นไม่มาส่งเจ้ารึ?” จาเค็นเอ่ยถาม เพราะช่วงนี้เส็ตโชมารูไม่อยู่ต้องไปทำงานที่นายหญิงมอบหมายให้ร่วมสัปดาห์ น่าจะเป็นเรื่องที่ไม่พลาดสำหรับมาซาฮิโระในการมาส่งรินที่ปราสาท แต่นี่กลับเห็นรินกลับมาคนเดียวได้สองสามวันแล้วจึงสงสัย
“อ้อ...ช่วงนี้ท่านมาซาฮิโระกำลังยุ่งๆ เรื่องคนที่จะมาเป็นน้องเขยน่ะค่ะ”
“น้องเขยรึ?”
“ข้าได้ข่าวว่ามีชายหนุ่มมาเกี้ยววากานะ เห็นว่าวากานะก็เหมือนจะชอบพอด้วย ท่านมาซาฮิโระเกิดหวงน้องสาวขึ้นมา ช่วงนี้ก็เลยตัวติดน้องสาวน่ะค่ะท่านจาเค็น ไม่มีเวลามาสนใจข้าหรอกค่ะ” รินพูดพลางยิ้มให้ ก่อนจะเอ่ยถามต่อ
“ว่าแต่นายหญิงกลับไปแล้วหรอคะ?” รินถามพลางร่ายมนตร์กางเขตอาคมรอบตัวปราสาทอะจิไซ ซึ่งรินทำเช่นนี้มาตลอดสี่ปี โดยได้รับการฝึกมนตร์ขั้นสูงมาจากเซย์เมย์ คนที่จะเข้าออกปราสาทได้จะมีเพียงเธอ เส็ตโชมารู แล้วก็จาเค็นเท่านั้น เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝันอย่างที่เกิดกับเส็ตโชมารู ดังนั้นรินจึงรับรู้ว่านายหญิงของปราสาทจะมาที่นี่เมื่อไหร่ เพราะถ้าจาเค็นไม่บอกให้เธอปลดเขตอาคมให้ นายหญิงก็คงจะเข้าปราสาทไม่ได้ แล้วอาจจะพาลหัวเสียใส่จาเค็นอีก
“คลาดกับเจ้าไปเฉียดฉิวเลยล่ะ” จาเค็นตอบพลางมองสีหน้าของรินที่ไม่สู้ดีจึงเอ่ยถาม
“ริน หน้าเจ้าซีดเซียวไปรึเปล่า?”
“หรอคะ? คงใช้พลังมากไปมั้งคะ”
“เจ้าเข้าไปพักผ่อนซะไป เดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้ง มาล้มตรงนี้ ข้าแบกเจ้าเข้าไปไม่ไหวหรอกนะ”
“ค่าๆ” สิ้นเสียงรินก็ปลีกตัวออกไปพักผ่อนทันที รินเองก็รู้สึกว่าสองสามวันที่ผ่านมาเธอไม่ค่อยสบายเนื้อสบายตัว เวลาฝึกเวทก็มักจะเหนื่อยง่ายด้วย แต่ก็คิดว่าเป็นเพราะพักผ่อนน้อย เพราะเส็ตโชมารูไม่อยู่เธอจึงนอนไม่ค่อยหลับ
-------------------------------------------------
ณ ปราสาทของอาณาจักรสุนัขอสูรจิ้งจอกเงิน
วันรุ่งขึ้น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำงานของเส็ตโชมารูดังขึ้น
“เข้ามา”
“ปกติไม่เห็นท่านจะเคยเคาะประตู” เส็ตโชมารูชะงักเล็กน้อยกับร่างของบุคคลที่เดินเข้ามา เพราะเขาเองไม่ได้มีสติพอจะจับกลิ่นที่อยู่หน้าประตู แต่แค่ได้ยินเสียงเคาะประตูเท่านั้น
อันที่จริงเขาไม่ค่อยมีสติกับสิ่งใดเลย เพราะใจกระวนกระวายอยากจะกลับไปปราสาทอะจิไซ อยากพบหน้าภรรยาใจแทบขาด มาอยู่ที่นี่กี่วันเขาเองก็ไม่ได้นับ รู้แต่สำหรับเขามันยาวนานเหลือเกิน ถึงทุกวันจะต้องคอยต้อนรับเหล่าบรรดาเครือญาติ เหล่าพันธมิตรของอาณาจักร ในฐานะนายเหนือหัวของปราสาท รวมไปถึงตำแหน่งจอมอสูรผู้ยิ่งใหญ่ แต่ก็ไม่ได้ทำให้วันเวลานั้นสั้นลงเลย
“วันนี้ข้าไม่ปกติล่ะมั้ง” ผู้เป็นมารดาเอ่ยอย่างยียวน
“ท่านมีธุระอะไร?”
“ข้าจำเป็นต้องมีธุระรึไง ถึงจะมาหาเจ้าได้ หึ?” เธอพูด พลางกวักมือเรียกให้บ่าวรับใช้ยกถาดน้ำชาและขนม มาวางไว้บนโต๊ะทำงานของเส็ตโชมารูทันที
กลิ่นนั้นคุ้นเคยจนเส็ตโชมารูเองถึงกับชะงักไปอีกรอบ แต่ก็คิดไปว่าอาจจะคิดถึงรินมากเกินไปจึงได้กลิ่นเช่นนั้น แต่พอบ่าวยกถาดมาวางตรงหน้าความคิดนั้นก็ตกไปทันที เพราะมันไม่ใช่แค่กลิ่น แต่ทั้งสี ขนาด หน้าตา มันเหมือนกันกับของที่รินทำไม่มีผิดเพื้ยน
“กินซะบ้าง อยู่มาตั้งหลายวันข้าไม่เห็นว่าเจ้าจะกินอะไร” เธอพูดพลางยิ้มให้ลูกชายบางๆ
“ท่านไปเอามาจากไหน?” เขาถามสิ่งที่คาใจทันที
“เรื่องของข้า” ผู้เป็นมารดายกยิ้มน้อยๆ ให้ลูกชาย ก่อนจะเดินหันหลังกลับออกไปจากห้อง พร้อมกับบ่าวรับใช้ ปล่อยให้เส็ตโชมารูยังค้างคากับคำถามที่ไม่ได้คำตอบ
-------------------------------------------------
ณ ถ้ำจอมเวท
“มาแล้วหรอคะท่านริน”
“ทุกคนล่ะ?”
“อยู่ด้านในค่ะ พอดีทุกคนกำลังซักประวัติ เอ่อ...แบบว่า…” วากานะพูดพลางบิดตัวไปมาด้วยความเขินอาย ถึงจะพูดไม่จบประโยคแต่รินก็พอจะรู้ว่ากำลังซักประวัติใคร
“เอ๊ ข้าชักอยากเห็นหน้าน้องเขยซะแล้วสิ” รินพูดแล้วยิ้ม พลางรีบจ้ำอ้าวเดินเข้าไปในถ้ำทันที
“อ้าว ท่านริน รอก่อนสิคะ”
รินรีบเดินเข้ามาในถ้ำ โต๊ะตัวยาวที่อยู่ภายในห้องโถงนั้นมีบุรุษที่เป็นบุคคลที่คุ้นเคยนั่งอยู่สองคน หากแต่บุรุษคนที่สามที่ดูแล้วน่าจะเป็นบุคคลที่เธอกำลังต้องการเห็นหน้านั้น แค่ดูข้างหลังเธอก็กลับคุ้นเคยไม่ต่างจากบุรุษสองคนนั้นเลย เมื่อเดินเข้าไปใกล้ขึ้น ก็พบว่าเป็นอย่างที่เธอคิดจริงๆ
“โค..โคฮาคุใช่ไหม?”
“อ้าวริน! ทำไมเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?” โคฮาคุมองรินด้วยสีหน้าตกใจเล็กน้อย
“ข้าต้องเป็นคนถามประโยคนั้นกับเจ้ามากกว่านะ เอ๊ะ? หรือว่าคนรักของวากานะก็คือ…” รินเอ่ยถาม ซึ่งโคฮาคุก็ยิ้มให้พลางพยักหน้ารับอย่างเขินๆ
“ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ไม่เห็นบอกข่าวข้าบ้างเลย…” ยังไม่ทันจะพูดจบดี ชายหนุ่มที่นั่งฟังคนทั้งคู่ก็เอ่ยขัด
“ดะ..เดี๋ยวก่อนนะครับท่านริน”
“คะ?”
“ท่านรู้จัก..เจ้านี่ด้วยหรอครับ?” เขาพูดพลางชี้ไปที่โคฮาคุ
“ค่ะ โคฮาคุเป็นเพื่อนข้าเอง ท่านมาซาฮิโระไม่ต้องซักประวัติมากหรอกนะคะ เพราะว่าประวัติขาวสะอาดแน่นอน ข้ารับรองได้” รินพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ จนโคฮาคุเองก็อดยิ้มไม่ได้ที่รินช่วยยืนยันให้ขนาดนั้น
“เรื่องนั้น...ช่างมันก่อนก็ได้ครับ ว่าแต่ท่านรินเถอะ พาเด็กที่ไหนมาฝึกเวทด้วยรึเปล่าครับ? ข้าได้ยินเสียงตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว” ชายหนุ่มพูดพลางชะเง้อมองซ้ายมองขวาไปยังด้านหลังของริน
“เด็ก? ไม่หนิคะ ข้ามาคนเดียว” รินตอบพร้อมชะเง้อมองตามมาซาฮิโระไปพลาง พูดไปพลาง
“แต่ข้าได้ยินนะครับ เสียงเด็กผู้ชาย” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจ แต่ก็ได้รับคำปฏิเสธจากหญิงสาวเช่นเดิม
“ไม่มีหรอกค่ะ ข้ามาคนเดียวจริงๆ”
“เจ้าดูไม่ค่อยสบายนะเจ้าริน วันนี้กลับไปพักผ่อนดีไหม ข้าว่าเจ้าดูเพลียๆ มาหลายวันแล้ว” เซย์เมย์เอ่ยขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย จนทุกคนหันไปสนใจที่รินทันที แต่แล้วทุกคนก็ต้องพยักหน้าเห็นด้วยกับเซย์เมย์ทันทีที่เห็นใบหน้าของรินที่ซีดเซียวราวกับอ่อนเพลียอย่างหนัก
“เอ๊ะ แต่ว่าข้าตั้งใจมา…”
“ทำอย่างกับวันต่อๆ ไป เจ้าจะมาไม่ได้อย่างนั้นแหละ พักผ่อนให้หายดีแล้วค่อยกลับมาก็ได้ ให้เจ้าลูกเขยนั่น เจ้าชื่อ...อะไรนะ?”
“โคฮาคุขอรับ”
“เออๆ ให้เจ้าโคฮาคุไปส่งก็ได้”
“ท่านพ่อ ข้ายังไม่รับเจ้านั่นเป็นน้องเขยเลยนะครับ” มาซาฮิโระพูดขัดด้วยความหวงน้อง และไม่ยอมรับโคฮาคุเป็นน้องเขย
“จะหวงน้องไปไหน เจ้ารินก็รับรองแล้วว่าโคฮาคุเป็นคนดี”
“แต่ว่า…”
“เอาเถอะหน่า...ข้าวานเจ้าไปส่งเจ้ารินให้หน่อยก็แล้วกันนะ”
“ได้ขอรับ”
“งั้นข้าขอตัวก่อนนะคะทุกคน” รินเอ่ยลาก่อนจะเดินออกจากถ้ำไปพร้อมกับโคฮาคุ
-------------------------------------------------
ณ ปราสาทอะจิไซ
“วันนี้ทำไมกลับมาเร็วนักล่ะ?” จาเค็นเอ่ยถามอย่างสงสัย เมื่อเห็นรินเข้ามาในปราสาททั้งที่ตอนนี้ยังเที่ยงอยู่เลย ควรจะเป็นเวลาที่เธอจะอยู่ที่ถ้ำจอมเวทสิ ไม่ใช่ที่นี่
“ท่านอาจารย์ให้ข้ากลับมาพักผ่อนน่ะค่ะ” รินเอ่ยด้วยเสียงแหบเบา จนคนฟังก็รู้สึกเห็นด้วยกับคนที่สั่งให้รินกลับมาพัก ไหนจะหน้าที่ซีดเซียวนั่นอีกล่ะ
“ข้าก็เห็นด้วยนะ” จาเค็นพยักหน้าหงึกๆ อย่างเห็นด้วยอย่างยิ่ง
“แต่ข้าไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยหนิคะ งั้นข้าไปกวาดสะพานดีกว่า ใบไม้ร่วงเต็มเลย” รินคั้นเสียงตัวเองให้สดใสสุดชีวิต เพื่อให้คนฟังคล้อยตาม แต่ก็หาได้ผลไม่
“เจ้านี่ดื้อจริงๆ” จาเค็นส่ายหัวน้อยๆ ก่อนจะเดินออกจากปราสาทไปยังลำธารใกล้ เพื่อจะจับปลามาทำอาหารเย็น แต่เมื่อก้าวพ้นจากขอบเขตของเขตอาคม มันก็ชนกับบางอย่าง จนต้องเงยหน้ามองอย่างมึนๆ แล้วก็หายมึนทันทีที่เห็นสิ่งที่ตนเพิ่งเดินชนไป
“นาย...หญิง”
“ทำไมข้าถึงเข้าไปในปราสาทไม่ได้” อสูรสาวสูงวัยถามขึ้นอย่างหงุดหงิด เธอตั้งใจจะมาเอาชากับขนมเพิ่ม เพื่อจะเอาไปให้เส็ตโชมารูได้กิน เพราะรู้ว่าลูกชายไม่ยอมกินอาหารของใครนอกจากของที่รินทำ แต่เมื่อเธอจะก้าวเข้าปราสาทกลับพบว่าเธอเข้าไปไม่ได้ แล้วยังถูกดีดกลับออกมาอีก ทั้งที่ทุกทีเธอก็เข้าไปได้ปกติ หรือพอรู้ว่านางมาก็เลยตั้งใจกางเขตอาคมเพื่อไม่ให้นางเข้าไปงั้นรึ?
“เอ่อ...คือ ซักครู่นะขอรับ” จาเค็นลุกลี้ลุกลนวิ่งไปหารินทันที เพื่อให้รินปลดเขตอาคมให้ ถือว่าโชคดีที่รินอยู่ปราสาทพอดี
“เจ้ารินนนนน นะ..นายหญิงมา เอาเขตอาคมออกให้ที!!! แฮ่กๆๆ” จาเค็นวิ่งกระหืดกระหอบมาบอกริน ไวเท่าความคิด เขตอาคมก็ถูกปลดออกอย่างรวดเร็ว พอๆ กับคนที่ก้าวเท้าเข้ามาในปราสาทอะจิไซ
“ทำไมต้องกางเขตอาคม รึไม่อยากให้ข้าเข้ามาในปราสาทของเจ้า หึ?” เสียงที่เรียบเฉียบแต่แฝงไปด้วยความแข็งกร้าวในความไม่พอใจ ทำให้คนฟังรับรู้ทันทีว่าคนตรงหน้าที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่สามีกำลังเข้าใจผิดอย่างมหันต์ ปกติก็ดูจะไม่เคยพอใจในตัวเธออยู่แล้ว ถ้ายังมาเข้าใจผิดเธออีก เธอเองคงจะไม่มีที่ยืนเป็นแน่ รินจึงตัดสินใจจะอธิบายให้ฟัง
“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะนายหญิง...” แต่ยังไม่พูดไม่ทันจบ ก็ถูกแม่สามีแทรกขึ้นจนได้
"เจ้า! มีสิทธิ์อะไรมาเรียกข้าว่านายหญิง!" น้ำเสียงจริงจัง ทำให้รินสะดุ้ง ก่อนจะเอ่ยตอบอย่างเกร็งๆ
"เอ่อ...คือ..ข้าขอโทษค่ะท่าน"
"เรียกว่าท่านก็ไม่ได้!"
"..." รินเริ่มรู้สึกแย่ อยู่ดีๆ ก็รู้สึกเวียนหัวขึ้นมาเสียเฉยๆ อาจจะเพราะสถานการณ์ที่กดดัน กดดันกันแม้กระทั้งคำเรียกเนี่ยนะ แล้วควรจะเรียกว่าอะไรดีล่ะ? ในขณะที่รินกำลังครุ่นคิด ก็พลันมีคำตอบมาให้จากคนตรงหน้า
“เรียกว่า ‘ท่านแม่’ สิ” แม่สามีพูดเสียงหวานพลางยิ้มบางๆ
“เอ๊ะ?!” รินและจาเค็นมองหน้ากันอย่างงุนงง แต่ก่อนที่จะได้คิดอะไรต่อคนตรงหน้าก็พูดขึ้นอีก
“จะเอ๊ะทำไมกัน เจ้าไม่มีสิทธิ์เรียกอย่างอื่น เพราะเจ้าเป็นลูกสะใภ้ของข้า เข้าใจไหม?”
“เอ่อ..ค่ะท่าน…”
“ฮื้อ!”
“ท่าน..แม่”
“ดีมาก” เธอยิ้มออกมาอย่างพึงใจ
"อ้อ? อย่าได้บังอาจมาเรียกข้าเช่นนั้นอีก จำไว้!!" น้ำเสียงนั้นจริงจังราวกับเป็นคำสั่งที่ห้ามขัดขืน รินจึงพยักหน้ารับรัวๆ อย่างเสียไม่ได้
“ค่ะ เอ่อ...ข้าว่าท่านแม่เข้าไปพักผ่อนในปราสาทก่อนนะคะ”
“ก็ดี เราจะได้คุยกันหลายๆ เรื่องด้วย” เธอพูดพร้อมกับเดินเข้าไปในปราสาททันทีตามคำเชิญ แต่ก้าวไปได้ไม่กี่ก้าวก็หันหลังกลับไปทันทีที่ได้ยินเสียงบางอย่าง
ตุบ!!
“สาวน้อย! สาวน้อย! / เจ้าริน! เจ้าริน!”
-------------------------------------------------
หลังจากที่เรื่องทุกอย่างดูจะมีทางออก การใช้ชีวิตคู่ของรินและเส็ตโชมารูก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ เรื่องสาส์นจากอาณาจักรทางตะวันออก เส็ตโชมารูกลับไปคุยกับรินถึงคำตอบของตนทันที พร้อมสัญญาอย่างมั่นเหมาะว่าถ้ามีเรื่องอะไร เขาจะบอกเธอทุกเรื่องไม่ปิดบัง ตั้งแต่นั้นรินก็เริ่มจะเชื่อใจในการตัดสินใจของเส็ตโชมารูมากขึ้น แต่สิ่งที่เส็ตโชมารูยังคงกังวลอยู่นั่นก็คือ ความเงียบสงบ
มันแปลกที่หลังจากเรื่องสาส์นนั้น อาณาจักรทางตะวันออกเองไม่มีท่าที่ที่จะโต้ตอบเขากลับมา นั่นยังไม่เท่ากับพวกอสูรหรือปีศาจ ที่หมายจะล้มตำแหน่งของเขาทั้งหลาย ดันเงียบหายไปเสียเฉยๆ ราวกับไม่มีตัวตน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้พวกมันยังมาป้วนเปี้ยนวอแวอยู่รอบตัวเขาและริน เพื่อจะฆ่ากันให้ตายอยู่แท้ๆ นี่จึงเป็นเรื่องแปลกที่เขาเองก็ยังหาคำตอบไม่ได้ แต่ในเมื่อทุกอย่างมันสงบเงียบเช่นนี้ มันก็คงจะเป็นสัญญาณที่ดี ที่จะทำให้เขาใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบสุขเสียที
ณ ปราสาทอะจิไซ
“ไม่มีใครอยู่แน่นะ? เจ้าปีศาจน้อย” นายหญิงของปราสาทใหญ่เอ่ยถามจาเค็น พลางเดินไปตามทางเดินของปราสาทอะจิไซแล้วมองซ้ายมองขวา เพื่อสำรวจว่าในปราสาทมีใครที่ไม่ได้รับเชิญในขณะที่ตนจะเข้าไปในปราสาทหรือไม่
“ขอรับนายหญิง ท่านจะรับชาหน่อยไหมขอรับ?”
“ก็ดี” สิ้นเสียง จาเค็นก็เดินไปยังห้องครัวทันที ปล่อยให้นายหญิงของมันนั่งชมสวนดอกไม้ อยู่ในห้องโถงที่ติดกัน
อสูรสาวสูงวัยมองไปรอบๆ ตัวอย่างครุ่นคิด เธอเริ่มแอบมาดูความเป็นอยู่ของลูกชาย และสตรีชาวมนุษย์ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นชายาของลูกชายมาได้ซักระยะ ว่าพวกเขามีความเป็นอยู่กันอย่างไรอย่างเงียบๆ เวลาที่เส็ตโชมารูและรินไม่อยู่ โดยมีเจ้าปีศาจกบตัวจ้อยคอยอำนวยความสะดวกให้เธออยู่ทุกครั้งที่มา ซึ่งเธอมักจะมาเดือนละครั้ง ตั้งแต่เมื่อสี่ปีก่อน หลังจากสาส์นฉบับนั้นถูกตอบกลับไป ในใจเธอนั้นกลับมีเสี้ยวนึงที่เกิดความกังวลขึ้นมา ซึ่งก็ไม่รู้ว่ากังวลเรื่องอะไร? หรือกังวลใคร? ถึงจะลงมาดูแล้วแต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความกังวลนั้นลดลง ไม่รู้ว่า...เพราะอะไร
แต่ไม่ว่าจะมาที่นี่ซักกี่ครั้งก็ทำให้เธอฉงนได้อยู่เสมอ ในความเป็นระเบียบเรียบร้อยของปราสาทแห่งนี้ ทั้งที่ที่นี่ก็กว้างใหญ่ ควรจะมีบ่าวรับใช้ซักสิบหรือยี่สิบคนด้วยซ้ำที่ต้องทำให้ปราสาทสะอาดน่าอยู่ แต่นี่กลับเป็นสตรีชาวมนุษย์เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ทำให้มันดูสะอาดและน่าอยู่ได้ ยังไม่รวมถึงสวนดอกไม้ที่เธอนั่งมองมันอยู่อย่างชื่นชม มนุษย์ตัวเล็กๆ แค่นั้น กลับทำอะไรๆ ได้ตั้งหลายอย่าง นางไม่เหนื่อยบ้างรึไงกันนะ?
ไม่นานนักจาเค็นก็ยกสำรับที่มีน้ำชาพร้อมกับขนมจานเล็กๆ มาวางไว้ อสูรสาวสูงวัยจึงละสายตาจากสวนดอกไม้มามองที่สำรับที่วางอยู่ด้านหลังแทน เธอพิจารณาถ้วยน้ำชาและขนมตรงหน้า พลางนึกย้อนไปครั้งล่าสุดที่เธอมาที่นี่ น้ำชาและขนมมีกลิ่นและหน้าตาที่เปลี่ยนไป และมักจะเปลี่ยนไปทุกครั้ง คราวนี้เป็นชากลิ่นดอกบาระ(กุหลาบ) ขนมนี่ก็เช่นกัน ซึ่งดอกไม้ที่เอามาทำก็คงจะไม่พ้นจากสวนด้านหลังเธอเป็นแน่ เธอยกชาขึ้นจิบเล็กน้อย ก่อนจะหยิบขนมละเลียดขึ้นชิม
“ขนมนี่รสชาติดีหนิ รอบนี้เอาใส่ห่อมาให้ข้าซักสองห่อนะ”
“สองห่อรึขอรับ?” จาเค็นเอ่ยอย่างสงสัย ถึงแม้ทุกครั้งนายหญิงของมันจะพึงพอใจในรสชาติของน้ำชาและขนมของรินที่รินทำ หรือเรียกว่าตั้งใจทำให้นายหญิงชิมทุกครั้ง จนต้องสั่งให้มันห่อกลับไปปราสาทใหญ่ในทุกครั้งที่มาเยือน แต่ทว่ารอบนี้มันแปลกไปซักหน่อย ตรงที่ให้ห่อเพิ่มจากหนึ่งเป็นสองนี่แหละ สงสัยคงติดใจรสชาติแบบนี้กระมัง
“ไม่ได้รึ? กลัวสาวน้อยนั่นบ่นเจ้ารึไง?”
“เอ่อ...เจ้ารินไม่เคยบ่นข้าหรอกขอรับนายหญิง”
“งั้นก็ดี เอาชานี่ด้วยนะ ข้าจะเอาไว้จิบยามว่าง”
“ขอรับ” จาเค็นที่กำลังรีบเดินไปจัดแจงให้ ยังไม่ทันได้ไปถึงไหนก็ถูกเรียกอีก
“ดอกไม้นั่นสวยดี ข้าอยากได้ไปปลูกที่ปราสาทใหญ่ซักหน่อย” เธอพูดพลางชี้ไปที่ดอกซุยเซนสีเหลืองที่อยู่ในสวนดอกไม้
“ข้าน้อยจะจัดการให้ทันทีเลยขอรับ”
“แล้วก็ไม่ต้องไปบอกสาวน้อยนั่นล่ะ”
“ขอรับ” จาเค็นได้แต่ทำตามอย่างงๆ การมาครั้งนี้ของนายหญิงนั้นแลดูจะอยากได้สิ่งต่างๆ มากมายกว่าปกติ ในขณะที่มันเองก็อยากจะเอ่ยถาม แต่นายหญิงของมันพอได้ของที่ต้องการแล้วก็หายลับไปอย่างไร้ร่องรอย ตัวมันเองจึงได้แต่ยืนเคว้งอย่างงงๆ ว่าสรุปแล้วนายหญิงเอาของเหล่านั้นไปทำไมเยอะแยะกันนะ? แต่แล้วห้วงความคิดของมันก็หยุดลง เมื่อเห็นสาวน้อยที่คุ้นเคยร่อนลงมาจากฟ้า พร้อมกับกระต่ายสีขาวที่เป็นพาหนะคู่ใจ
“อ้าวเจ้าริน วันนี้เจ้าหนุ่มนั่นไม่มาส่งเจ้ารึ?” จาเค็นเอ่ยถาม เพราะช่วงนี้เส็ตโชมารูไม่อยู่ต้องไปทำงานที่นายหญิงมอบหมายให้ร่วมสัปดาห์ น่าจะเป็นเรื่องที่ไม่พลาดสำหรับมาซาฮิโระในการมาส่งรินที่ปราสาท แต่นี่กลับเห็นรินกลับมาคนเดียวได้สองสามวันแล้วจึงสงสัย
“อ้อ...ช่วงนี้ท่านมาซาฮิโระกำลังยุ่งๆ เรื่องคนที่จะมาเป็นน้องเขยน่ะค่ะ”
“น้องเขยรึ?”
“ข้าได้ข่าวว่ามีชายหนุ่มมาเกี้ยววากานะ เห็นว่าวากานะก็เหมือนจะชอบพอด้วย ท่านมาซาฮิโระเกิดหวงน้องสาวขึ้นมา ช่วงนี้ก็เลยตัวติดน้องสาวน่ะค่ะท่านจาเค็น ไม่มีเวลามาสนใจข้าหรอกค่ะ” รินพูดพลางยิ้มให้ ก่อนจะเอ่ยถามต่อ
“ว่าแต่นายหญิงกลับไปแล้วหรอคะ?” รินถามพลางร่ายมนตร์กางเขตอาคมรอบตัวปราสาทอะจิไซ ซึ่งรินทำเช่นนี้มาตลอดสี่ปี โดยได้รับการฝึกมนตร์ขั้นสูงมาจากเซย์เมย์ คนที่จะเข้าออกปราสาทได้จะมีเพียงเธอ เส็ตโชมารู แล้วก็จาเค็นเท่านั้น เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝันอย่างที่เกิดกับเส็ตโชมารู ดังนั้นรินจึงรับรู้ว่านายหญิงของปราสาทจะมาที่นี่เมื่อไหร่ เพราะถ้าจาเค็นไม่บอกให้เธอปลดเขตอาคมให้ นายหญิงก็คงจะเข้าปราสาทไม่ได้ แล้วอาจจะพาลหัวเสียใส่จาเค็นอีก
“คลาดกับเจ้าไปเฉียดฉิวเลยล่ะ” จาเค็นตอบพลางมองสีหน้าของรินที่ไม่สู้ดีจึงเอ่ยถาม
“ริน หน้าเจ้าซีดเซียวไปรึเปล่า?”
“หรอคะ? คงใช้พลังมากไปมั้งคะ”
“เจ้าเข้าไปพักผ่อนซะไป เดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้ง มาล้มตรงนี้ ข้าแบกเจ้าเข้าไปไม่ไหวหรอกนะ”
“ค่าๆ” สิ้นเสียงรินก็ปลีกตัวออกไปพักผ่อนทันที รินเองก็รู้สึกว่าสองสามวันที่ผ่านมาเธอไม่ค่อยสบายเนื้อสบายตัว เวลาฝึกเวทก็มักจะเหนื่อยง่ายด้วย แต่ก็คิดว่าเป็นเพราะพักผ่อนน้อย เพราะเส็ตโชมารูไม่อยู่เธอจึงนอนไม่ค่อยหลับ
-------------------------------------------------
ณ ปราสาทของอาณาจักรสุนัขอสูรจิ้งจอกเงิน
วันรุ่งขึ้น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำงานของเส็ตโชมารูดังขึ้น
“เข้ามา”
“ปกติไม่เห็นท่านจะเคยเคาะประตู” เส็ตโชมารูชะงักเล็กน้อยกับร่างของบุคคลที่เดินเข้ามา เพราะเขาเองไม่ได้มีสติพอจะจับกลิ่นที่อยู่หน้าประตู แต่แค่ได้ยินเสียงเคาะประตูเท่านั้น
อันที่จริงเขาไม่ค่อยมีสติกับสิ่งใดเลย เพราะใจกระวนกระวายอยากจะกลับไปปราสาทอะจิไซ อยากพบหน้าภรรยาใจแทบขาด มาอยู่ที่นี่กี่วันเขาเองก็ไม่ได้นับ รู้แต่สำหรับเขามันยาวนานเหลือเกิน ถึงทุกวันจะต้องคอยต้อนรับเหล่าบรรดาเครือญาติ เหล่าพันธมิตรของอาณาจักร ในฐานะนายเหนือหัวของปราสาท รวมไปถึงตำแหน่งจอมอสูรผู้ยิ่งใหญ่ แต่ก็ไม่ได้ทำให้วันเวลานั้นสั้นลงเลย
“วันนี้ข้าไม่ปกติล่ะมั้ง” ผู้เป็นมารดาเอ่ยอย่างยียวน
“ท่านมีธุระอะไร?”
“ข้าจำเป็นต้องมีธุระรึไง ถึงจะมาหาเจ้าได้ หึ?” เธอพูด พลางกวักมือเรียกให้บ่าวรับใช้ยกถาดน้ำชาและขนม มาวางไว้บนโต๊ะทำงานของเส็ตโชมารูทันที
กลิ่นนั้นคุ้นเคยจนเส็ตโชมารูเองถึงกับชะงักไปอีกรอบ แต่ก็คิดไปว่าอาจจะคิดถึงรินมากเกินไปจึงได้กลิ่นเช่นนั้น แต่พอบ่าวยกถาดมาวางตรงหน้าความคิดนั้นก็ตกไปทันที เพราะมันไม่ใช่แค่กลิ่น แต่ทั้งสี ขนาด หน้าตา มันเหมือนกันกับของที่รินทำไม่มีผิดเพื้ยน
“กินซะบ้าง อยู่มาตั้งหลายวันข้าไม่เห็นว่าเจ้าจะกินอะไร” เธอพูดพลางยิ้มให้ลูกชายบางๆ
“ท่านไปเอามาจากไหน?” เขาถามสิ่งที่คาใจทันที
“เรื่องของข้า” ผู้เป็นมารดายกยิ้มน้อยๆ ให้ลูกชาย ก่อนจะเดินหันหลังกลับออกไปจากห้อง พร้อมกับบ่าวรับใช้ ปล่อยให้เส็ตโชมารูยังค้างคากับคำถามที่ไม่ได้คำตอบ
-------------------------------------------------
ณ ถ้ำจอมเวท
“มาแล้วหรอคะท่านริน”
“ทุกคนล่ะ?”
“อยู่ด้านในค่ะ พอดีทุกคนกำลังซักประวัติ เอ่อ...แบบว่า…” วากานะพูดพลางบิดตัวไปมาด้วยความเขินอาย ถึงจะพูดไม่จบประโยคแต่รินก็พอจะรู้ว่ากำลังซักประวัติใคร
“เอ๊ ข้าชักอยากเห็นหน้าน้องเขยซะแล้วสิ” รินพูดแล้วยิ้ม พลางรีบจ้ำอ้าวเดินเข้าไปในถ้ำทันที
“อ้าว ท่านริน รอก่อนสิคะ”
รินรีบเดินเข้ามาในถ้ำ โต๊ะตัวยาวที่อยู่ภายในห้องโถงนั้นมีบุรุษที่เป็นบุคคลที่คุ้นเคยนั่งอยู่สองคน หากแต่บุรุษคนที่สามที่ดูแล้วน่าจะเป็นบุคคลที่เธอกำลังต้องการเห็นหน้านั้น แค่ดูข้างหลังเธอก็กลับคุ้นเคยไม่ต่างจากบุรุษสองคนนั้นเลย เมื่อเดินเข้าไปใกล้ขึ้น ก็พบว่าเป็นอย่างที่เธอคิดจริงๆ
“โค..โคฮาคุใช่ไหม?”
“อ้าวริน! ทำไมเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?” โคฮาคุมองรินด้วยสีหน้าตกใจเล็กน้อย
“ข้าต้องเป็นคนถามประโยคนั้นกับเจ้ามากกว่านะ เอ๊ะ? หรือว่าคนรักของวากานะก็คือ…” รินเอ่ยถาม ซึ่งโคฮาคุก็ยิ้มให้พลางพยักหน้ารับอย่างเขินๆ
“ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ไม่เห็นบอกข่าวข้าบ้างเลย…” ยังไม่ทันจะพูดจบดี ชายหนุ่มที่นั่งฟังคนทั้งคู่ก็เอ่ยขัด
“ดะ..เดี๋ยวก่อนนะครับท่านริน”
“คะ?”
“ท่านรู้จัก..เจ้านี่ด้วยหรอครับ?” เขาพูดพลางชี้ไปที่โคฮาคุ
“ค่ะ โคฮาคุเป็นเพื่อนข้าเอง ท่านมาซาฮิโระไม่ต้องซักประวัติมากหรอกนะคะ เพราะว่าประวัติขาวสะอาดแน่นอน ข้ารับรองได้” รินพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ จนโคฮาคุเองก็อดยิ้มไม่ได้ที่รินช่วยยืนยันให้ขนาดนั้น
“เรื่องนั้น...ช่างมันก่อนก็ได้ครับ ว่าแต่ท่านรินเถอะ พาเด็กที่ไหนมาฝึกเวทด้วยรึเปล่าครับ? ข้าได้ยินเสียงตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว” ชายหนุ่มพูดพลางชะเง้อมองซ้ายมองขวาไปยังด้านหลังของริน
“เด็ก? ไม่หนิคะ ข้ามาคนเดียว” รินตอบพร้อมชะเง้อมองตามมาซาฮิโระไปพลาง พูดไปพลาง
“แต่ข้าได้ยินนะครับ เสียงเด็กผู้ชาย” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจ แต่ก็ได้รับคำปฏิเสธจากหญิงสาวเช่นเดิม
“ไม่มีหรอกค่ะ ข้ามาคนเดียวจริงๆ”
“เจ้าดูไม่ค่อยสบายนะเจ้าริน วันนี้กลับไปพักผ่อนดีไหม ข้าว่าเจ้าดูเพลียๆ มาหลายวันแล้ว” เซย์เมย์เอ่ยขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย จนทุกคนหันไปสนใจที่รินทันที แต่แล้วทุกคนก็ต้องพยักหน้าเห็นด้วยกับเซย์เมย์ทันทีที่เห็นใบหน้าของรินที่ซีดเซียวราวกับอ่อนเพลียอย่างหนัก
“เอ๊ะ แต่ว่าข้าตั้งใจมา…”
“ทำอย่างกับวันต่อๆ ไป เจ้าจะมาไม่ได้อย่างนั้นแหละ พักผ่อนให้หายดีแล้วค่อยกลับมาก็ได้ ให้เจ้าลูกเขยนั่น เจ้าชื่อ...อะไรนะ?”
“โคฮาคุขอรับ”
“เออๆ ให้เจ้าโคฮาคุไปส่งก็ได้”
“ท่านพ่อ ข้ายังไม่รับเจ้านั่นเป็นน้องเขยเลยนะครับ” มาซาฮิโระพูดขัดด้วยความหวงน้อง และไม่ยอมรับโคฮาคุเป็นน้องเขย
“จะหวงน้องไปไหน เจ้ารินก็รับรองแล้วว่าโคฮาคุเป็นคนดี”
“แต่ว่า…”
“เอาเถอะหน่า...ข้าวานเจ้าไปส่งเจ้ารินให้หน่อยก็แล้วกันนะ”
“ได้ขอรับ”
“งั้นข้าขอตัวก่อนนะคะทุกคน” รินเอ่ยลาก่อนจะเดินออกจากถ้ำไปพร้อมกับโคฮาคุ
-------------------------------------------------
ณ ปราสาทอะจิไซ
“วันนี้ทำไมกลับมาเร็วนักล่ะ?” จาเค็นเอ่ยถามอย่างสงสัย เมื่อเห็นรินเข้ามาในปราสาททั้งที่ตอนนี้ยังเที่ยงอยู่เลย ควรจะเป็นเวลาที่เธอจะอยู่ที่ถ้ำจอมเวทสิ ไม่ใช่ที่นี่
“ท่านอาจารย์ให้ข้ากลับมาพักผ่อนน่ะค่ะ” รินเอ่ยด้วยเสียงแหบเบา จนคนฟังก็รู้สึกเห็นด้วยกับคนที่สั่งให้รินกลับมาพัก ไหนจะหน้าที่ซีดเซียวนั่นอีกล่ะ
“ข้าก็เห็นด้วยนะ” จาเค็นพยักหน้าหงึกๆ อย่างเห็นด้วยอย่างยิ่ง
“แต่ข้าไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยหนิคะ งั้นข้าไปกวาดสะพานดีกว่า ใบไม้ร่วงเต็มเลย” รินคั้นเสียงตัวเองให้สดใสสุดชีวิต เพื่อให้คนฟังคล้อยตาม แต่ก็หาได้ผลไม่
“เจ้านี่ดื้อจริงๆ” จาเค็นส่ายหัวน้อยๆ ก่อนจะเดินออกจากปราสาทไปยังลำธารใกล้ เพื่อจะจับปลามาทำอาหารเย็น แต่เมื่อก้าวพ้นจากขอบเขตของเขตอาคม มันก็ชนกับบางอย่าง จนต้องเงยหน้ามองอย่างมึนๆ แล้วก็หายมึนทันทีที่เห็นสิ่งที่ตนเพิ่งเดินชนไป
“นาย...หญิง”
“ทำไมข้าถึงเข้าไปในปราสาทไม่ได้” อสูรสาวสูงวัยถามขึ้นอย่างหงุดหงิด เธอตั้งใจจะมาเอาชากับขนมเพิ่ม เพื่อจะเอาไปให้เส็ตโชมารูได้กิน เพราะรู้ว่าลูกชายไม่ยอมกินอาหารของใครนอกจากของที่รินทำ แต่เมื่อเธอจะก้าวเข้าปราสาทกลับพบว่าเธอเข้าไปไม่ได้ แล้วยังถูกดีดกลับออกมาอีก ทั้งที่ทุกทีเธอก็เข้าไปได้ปกติ หรือพอรู้ว่านางมาก็เลยตั้งใจกางเขตอาคมเพื่อไม่ให้นางเข้าไปงั้นรึ?
“เอ่อ...คือ ซักครู่นะขอรับ” จาเค็นลุกลี้ลุกลนวิ่งไปหารินทันที เพื่อให้รินปลดเขตอาคมให้ ถือว่าโชคดีที่รินอยู่ปราสาทพอดี
“เจ้ารินนนนน นะ..นายหญิงมา เอาเขตอาคมออกให้ที!!! แฮ่กๆๆ” จาเค็นวิ่งกระหืดกระหอบมาบอกริน ไวเท่าความคิด เขตอาคมก็ถูกปลดออกอย่างรวดเร็ว พอๆ กับคนที่ก้าวเท้าเข้ามาในปราสาทอะจิไซ
“ทำไมต้องกางเขตอาคม รึไม่อยากให้ข้าเข้ามาในปราสาทของเจ้า หึ?” เสียงที่เรียบเฉียบแต่แฝงไปด้วยความแข็งกร้าวในความไม่พอใจ ทำให้คนฟังรับรู้ทันทีว่าคนตรงหน้าที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่สามีกำลังเข้าใจผิดอย่างมหันต์ ปกติก็ดูจะไม่เคยพอใจในตัวเธออยู่แล้ว ถ้ายังมาเข้าใจผิดเธออีก เธอเองคงจะไม่มีที่ยืนเป็นแน่ รินจึงตัดสินใจจะอธิบายให้ฟัง
“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะนายหญิง...” แต่ยังไม่พูดไม่ทันจบ ก็ถูกแม่สามีแทรกขึ้นจนได้
"เจ้า! มีสิทธิ์อะไรมาเรียกข้าว่านายหญิง!" น้ำเสียงจริงจัง ทำให้รินสะดุ้ง ก่อนจะเอ่ยตอบอย่างเกร็งๆ
"เอ่อ...คือ..ข้าขอโทษค่ะท่าน"
"เรียกว่าท่านก็ไม่ได้!"
"..." รินเริ่มรู้สึกแย่ อยู่ดีๆ ก็รู้สึกเวียนหัวขึ้นมาเสียเฉยๆ อาจจะเพราะสถานการณ์ที่กดดัน กดดันกันแม้กระทั้งคำเรียกเนี่ยนะ แล้วควรจะเรียกว่าอะไรดีล่ะ? ในขณะที่รินกำลังครุ่นคิด ก็พลันมีคำตอบมาให้จากคนตรงหน้า
“เรียกว่า ‘ท่านแม่’ สิ” แม่สามีพูดเสียงหวานพลางยิ้มบางๆ
“เอ๊ะ?!” รินและจาเค็นมองหน้ากันอย่างงุนงง แต่ก่อนที่จะได้คิดอะไรต่อคนตรงหน้าก็พูดขึ้นอีก
“จะเอ๊ะทำไมกัน เจ้าไม่มีสิทธิ์เรียกอย่างอื่น เพราะเจ้าเป็นลูกสะใภ้ของข้า เข้าใจไหม?”
“เอ่อ..ค่ะท่าน…”
“ฮื้อ!”
“ท่าน..แม่”
“ดีมาก” เธอยิ้มออกมาอย่างพึงใจ
"อ้อ? อย่าได้บังอาจมาเรียกข้าเช่นนั้นอีก จำไว้!!" น้ำเสียงนั้นจริงจังราวกับเป็นคำสั่งที่ห้ามขัดขืน รินจึงพยักหน้ารับรัวๆ อย่างเสียไม่ได้
“ค่ะ เอ่อ...ข้าว่าท่านแม่เข้าไปพักผ่อนในปราสาทก่อนนะคะ”
“ก็ดี เราจะได้คุยกันหลายๆ เรื่องด้วย” เธอพูดพร้อมกับเดินเข้าไปในปราสาททันทีตามคำเชิญ แต่ก้าวไปได้ไม่กี่ก้าวก็หันหลังกลับไปทันทีที่ได้ยินเสียงบางอย่าง
ตุบ!!
“สาวน้อย! สาวน้อย! / เจ้าริน! เจ้าริน!”
-------------------------------------------------
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ